เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

[MarginofSafety]

เลยทำให้คนและประเทศเกาหลีดูโรแมนติดไปหมด
(ทั้งๆที่ความจริง...คนละเรื่องเลย)

ถ้ามองในแง่การตลาด
ก็แปลว่าประสบความสำเร็จหรือเปล่าครับพี่กูรู
คือให้ชาวโลกมองเค้าอย่างที่เค้าต้องการ
ถือโอกาสเผยแพร่ ศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร การท่องเที่ยว
ไปพร้อมกับการส่งออกละคร/ความบันเทิง



"Nobody Nobody but You..."    :shock:

ส่วนละครบ้านเราจริงใจดี
บ้านเมืองผู้คนเป็นอย่างไร
ก็ถ่ายทอดออกมาอย่างนั้น  :oops:

ปล. ขอเป็นผู้ฟังที่ดีมาฟังพี่กูรูให้ความรู้เพลงคลาสสิคดีกว่า
เดี๋ยวพากระทู้พี่กูรูออกทะเลจริงๆ  :lol:

[กูรูขอบสนาม]

การพัฒนาของเกาหลีหรือที่เรียกว่า เกาหลีโมเดล
น่าจะตามรอยรุ่นพี่คือญี่ปุ่น
คือใช้ Dual Track  Growth
เป็นทั้ง Hi Tech ( เครื่องยนต์กลไก  ไอที วิทยาศาสตร์)
และ Hi Touch (ศิลปวัฒนธรรม อาหาร แฟชั่น ศัลยกรรม)
เชื่อแน่ว่า ในไม่ช้า เกาหลีจะต้องผลิตนักดนตรีคลาสสิกโกอินเตอร์อีกพะเรอเกวียน


กลับมาที่บทความว่าด้วย เหนือโมซาร์ทยังมีอัจฉริยะบาโร้ค
ลองไปค้นคว้าเพิ่มเติม
ดูซิว่าพอจะแนะนำชิ้นงานไหนของยุคบาโร้คที่จะเพิ่มพูนสติ สมาธิ
และความสงบ เสนาะหูในวิญญาณได้บ้าง (อู๊ย..ขนลุก)
เขียนตอนเที่ยงพอดี เผื่อใครอิ่มข้าวเสร็จเอนหลังนอนสักงีบ :lol:


เอาของ Vivaldi ก่อน
ขอแนะนำชิ้นงานที่ไม่ค่อยเปิดกันบ่อยนัก
เรียกว่าไกลตัว เอ๊ะ..จะหลุดจากหัวข้อไปหรือเปล่าอะ
ไม่เป็นไร หลุดไปไกลก็กลับมาได้

ลองดู
Violin Concerto in A Manor
เลือกเวอร์ชั่นที่ลีดโดยไวโอลินสต์ชั้นเยี่ยมคือ Itzhak Perlman
(อ่านไอแซค วุ้ย อ่าน /สะกดยากจริง)
มือวางระดับเทพ ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นชาวยิว
ชีวประวัติของเขาน่าตื่นตาตื่นใจและสร้างกำลังใจให้กับพวกเราชาวปกติอย่างดี
กล่าวคือขาของเขาพิการตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นจึงฝึกฝนพรสวรรค์ทางมือแทน
เป็นมือเดี่ยวในชิ้นงานสำคัญๆทั้งคลาสสิคและ OST
เป็นมือเดี่ยวไวโอลินในเพลงจากหนัง Schindlers List ที่ทำให้คนฟังน้ำตาซึม
ส่วนตัว Itzhakเหงื่อตกเพราะใส่อารมณ์ลงไปเยอะ
เป็นหนึ่งในไวโอลินนิสต์ที่อยากจะดูมาก
ถ้ามาเปิดการแสดงที่ไทย บัตรคงแพงหูฉี่
ฉะนั้นดูในยูทูปก็ได้ เห็นหน้าตาชัดเจนดี ฟิลลิ่งดิ่มด่ำไม่แพ้กัน

อีกสักชิ้นงานจากศิลปินคนเดียวกันคือ Vivaldi
Mandolin Concerto
ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 Movement
นานๆทีนักประพันธ์เพลงจะหยิบเอาเครื่องดนตรีประเภทนี้
มาใส่ท่วงทำนองและเป็นลีดนำกระบวนเพลงด้วย
มีไม่กี่คนที่ทำได้ไพเราะเช่น Vivaldi
Mandolin Concerto บทนี้
ถูกนำไปเป็น OST ในภาพยนตร์ออสการ์เรื่องเยี่ยม ณ อดีตกาล
นั่นก็คือ  Kramer VS Kramer
ภาพยนตร์ความขัดแย้งในครอบครัวที่พล็อตเรื่องราวเค้าโครงเรียบง่ายมาก  
แต่เยี่ยมมากๆ (พอๆกับบทเพลง)
นำแสดงโดย Dustin Hoffman และ  Meryl Streep
และเจ้าหนูน่ารักน่าชัง(ตอนนั้น) Henry Justin
ทุกวันนี้ยังเป็นหนังในดวงใจ
บทภาพยนตร์ถูกนำไปสอนเรื่องการเขียนบทชั้นครูทีเดียว

ส่วนบาคกับคนอื่นๆที่เหลือเดี๋ยวมาต่อภาคดึกจ้า

[กูรูขอบสนาม]

อ้อ เพิ่งค้นเจอ
อีกชิ้นงานหนึ่งของ Vivaldi เป็น Mandolin เหมือนกัน แต่ดวลสองตัวเลย
มี 3 movement
Concerto for Two Mandolins 1/3
Concerto for Two Mandolins 2/3-3/3

ฟังแล้วน่ารักดี เหมาะสำหรับใส่แบ็คกราวนด์เล่านิทานเด็กๆ
เป็น Mandolin Concerto ที่ส่วนตัวแล้วชอบที่สุด  :lol:

[Amadeus]

เพลงเพราะๆทั้งนั้นเลย

ของคุณพี่กูรู  รู้เยอะสมชื่อจริงๆ  :D

[กูรูขอบสนาม]

ช้าไปหลายดึกเลย มัวแต่ไปโพสเรื่องสั้นที่ถนนนักเขียน

กลัีบมาถึงประพันธกรสมัยบาโร้คคนอื่นๆบ้าง
George Frideric Handel (1685-1759)
หนุ่มคนนี้ใช้ชีวิตแบบสากลจริงๆ
เกิดที่เยอรมัน เรียนดนตรีที่อิตาลี และใช้ชีวิตทำงานที่อังกฤษ
เป็นคนแต่งเพลงในราชสำนักที่ได้รับการเชิดชูยกย่องอย่างสูง
มีผลงานชิ้นเอกที่เอ่ยถึงแล้ว รู้จักกันดี โดยเฉพาะในหมู่ชาวคริสตชน
นั่นก็คือบทเพลงพิธีกรรมเกี่ยวกับพระเจ้า Messiah
เป็นบทสวดคำ ร้องที่ยาวมาก อาจจะฟังนาน(จนหลับ)ไปหน่อยหนึ่ง
และอีกเพลงหนึ่งคือบทสวดสรรเสริญพระเจ้า Hallelujah
อันหลังนี้ได้ยินบ่อย
Handel จัดเป็นศิลปินบาโร้คที่อุทิศตนเพื่อศาสนกิจหลายชิ้นงานทีเดียว

สำหรับเพื่อนๆในเวป เอาบทเพลงสั้นๆ ง่ายๆดีกว่า

The Harmonious Blacksmith
หรือกูรูเรียกว่าเพลง ค้อนกระหน่ำทั่งเหล็ก
ตา Handel มองดูค้อนตีเหล็กเป็นจังหวะในโรงงานผลิตเหล็ก
แล้วเกิดจินตนาการอันเพริศพริ้งอย่างไรไม่ทราบ
เสียงอึงคะนึงกึกก้องของเจ้าบรรดาเหล็กทั้งหลายก็กลายมาเป็นเพลงนี้ได้
ความไพเราะอยู่ที่ การผสมผสานและvariationที่ไล่กันของเครื่องดนตรี
(เปียโนหรือฮาร์พ แล้วแต่เครื่องเล่น)
เป็นอีกบทเพลงหนึ่งที่ใช้สอบ กึ่นกับฝีนิ้วเซียนเปียโนด้วย

(กูรูฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงเพลง คนตีเหล็ก
ของน้ามงคล อุทก แห่งวงคาราวานเหมือนกันนา
สุมไฟให้แรง เหล็กก็ร้อนคุโชน
คนตีเหล็ก)


The Water Music
เป็นเพลงที่แต่งประกอบการเสด็จพีธีขบวนพยุหยาตราชลมารคชองพระเจ้าจอร์ชที่ 1 แห่งอังกฤษ
คล้ายๆกับเพลงเห่เรือของบ้านเราที่เกรียงไกรยิ่งใหญ่ไพเราะเพราะพริ้งไม่แพ้กัน  
(จำได้มั้ยพระเสด็จโดยแดนชล  ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอนฯ
อีกไม่กี่เพลาก็ถึงเวลาเสด็จกฐินหลวงที่วัดอรุณอีกแล้ว)
เนื้อเพลงพูดถึงการชื่นชมกระบวนเรือที่ลอยล่องเหนือแม่น้ำเทมส์  
ความสวยสดงดงามของทัศนียภาพของสองฝั่งแม่น้ำ เป็นต้น
(แต่อย่างไร้อย่างไรจะมาสู้แม่น้ำเจ้าพระยาของเราได้หรือ  
ของเราก้อมี เจ้าพระยาคอนแชร์โต้เหมือนกัน
หรือจะให้อบอุ่นกินใจกว่านั้น
ก็เพลง ...ลุ่มเจ้าพระยาเหมือนสายธารายึดมั่น)

[humdrum]

Mov. 2-3/3
   เพราะมากครับ  
   ขอบคุณมากครับ

[MarginofSafety]

หูระดับแสนอย่างน้องหวีต้องฟังเพลงที่มีความลึกซึ้งอีกขั้น
เอาที่ไกลๆตัวออกไปอีกนิด แต่ก็ไม่ไกลเกินฟัง
เดี๋ยวลองดูเพลงเปลี่ยนบรรยากาศพวกนี้บ้าง

Pachelbel's Canon
Pachebel (1653-1706) ศิลปินชาวเยอรมันยุคบาโรค
แต่งเพลงนี้เพื่อร้องในโบสถ์ ซึ่งฟังแล้วจะรู้สึกเหมือนสงบอยู่ในแดนสรวง
กลายเป็นเพลงชิ้นเอกที่เรารู้จักมากที่สุดในกาลต่อมา
(ในกระทู้นี้ก็มีผู้กล่าวถึงเพลงนี้เยอะมาก)
ถูกนำไปใช้ประกอบภาพยนตร์ หนังโฆษณา
เอาไปร้องในงานแต่งงาน งานศพและอีกสารพัดงาน
เหมาะอย่างยิ่งที่จะเปิดตอนเช้าๆวันหยุด ไม่ต้องเร่งรีบ
จิบกาแฟไปพลางดูต้นไม้ ใบหญ้าแกล้มอรุณที่กำลังจะรุ่ง
เลือกเวอร์ชั่นที่นุ่มละมุนที่สุดมาให้ฟังกัน

กำลังทดลองฟังเพลงที่พี่กูรูได้แนะนำไว้
เจอเพลงแรกก็โดนเลย คุ้นหูมากๆ
ผมเคยฟังเวอร์ชันของ Depapepe ครับ
เชิญชวนคอคลาสสิคมาทดลองฟังดู เผื่อจะชอบเหมือนผม

DEPAPEPE Pachelbel's Canon

ขอแถมอีกเพลง

DEPAPEPE - 風見鶏 / Weathercock
หรือเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาแม่ต้อยไทยประกันชีวิต
เวลาปรับแต่งเครื่องเสียงทีไร
ผมชอบเอาเพลงนี้มาเปิดตัดสินว่าแบบไหนเสียงกีตาร์เพราะกว่ากันครับ

[miracle]

เมื่อหลายปีก่อน มีโฆษณาเบียร์สีเขียว ยี่ห้อหนึ่ง
ใช้เพลงคลาสิกเป็นเพลงบรรยายเรื่องราว
เรื่องนี้อยู่ในประเทศเยอรมันนี
จำชื่อเพลงไม่ได้แล้วว่าเพลงอะไร
แต่เป็นเพลงที่คุ้ยหูมากๆๆๆ
ถ่วงทำนองมีเร็วและช้า ตามจังหวะ

[กูรูขอบสนาม]

เมื่อหลายปีก่อน มีโฆษณาเบียร์สีเขียว ยี่ห้อหนึ่ง
ใช้เพลงคลาสิกเป็นเพลงบรรยายเรื่องราว
เรื่องนี้อยู่ในประเทศเยอรมันนี
จำชื่อเพลงไม่ได้แล้วว่าเพลงอะไร
แต่เป็นเพลงที่คุ้ยหูมากๆๆๆ
ถ่วงทำนองมีเร็วและช้า ตามจังหวะ

น่าจะเป็นเบียร์ มิทช์ไวด้า จากค่ายเบียร์สิงห์
ใช้เพลง Ode to Joy ช่วงที่ขับร้อง
เป็นท่อนสุดท้ายของ Symphony หมายเลข 9 ของบีโธ่เฟ่น
ซิมโฟนีบทเดียวของโลกกระมังที่มีบทประสานเสียงร้องเพลง
Ode to Joy

[กูรูขอบสนาม]

กำลังทดลองฟังเพลงที่พี่กูรูได้แนะนำไว้
เจอเพลงแรกก็โดนเลย คุ้นหูมากๆ
ผมเคยฟังเวอร์ชันของ Depapepe ครับ
เชิญชวนคอคลาสสิคมาทดลองฟังดู เผื่อจะชอบเหมือนผม

DEPAPEPE Pachelbel's Canon

ขอแถมอีกเพลง

DEPAPEPE - 風見鶏 / Weathercock
หรือเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาแม่ต้อยไทยประกันชีวิต
เวลาปรับแต่งเครื่องเสียงทีไร
ผมชอบเอาเพลงนี้มาเปิดตัดสินว่าแบบไหนเสียงกีตาร์เพราะกว่ากันครับ

พี่กูรูเปิดไฟวง Depapepe แล้ว
น่ารักดี ไม่ทราบเป็นวงเกาหลีหรือญี่ปุ่น
สามารถสร้าง Contrast ของเพลงๆหนึ่งที่เล่นในโบสถ์อลังการกับชุดทักซิโด
และเพลงเดียวกันนี้ก็เล่นกลางทุ่งกว้างได้ด้วย

เพลง Weatherclock เพิ่งเคยได้ยินเต็มๆ
อึมม์ นุ่มหูเหมือนละอองฝนกฤษณา (เรียกแบบไทยๆ)ที่ตกตอนนี้เลย
พาลให้อยากกลับไปนอนต่อ

ทำให้นึกถึงเพลงสไตล์นุ่มๆของ George Winston
ที่ว่าด้วยฤดูกาล
ขอรวบรวมข้อมูลสักพัก ค่อยแนะนำเพลงที่เหมาะกับ"ฝนต้นฤดูหนาว"
ที่บรรเลงอยู่นอกบ้านขณะนี้

[กูรูขอบสนาม]

พูดถึงเพลงโฆษณาเบียร์สีเขียว
นี่ก็ใช่..
Eleana
จากปลายนิ้วของริชาร์ค เคลยเดอมองด์
ในโฆษณา "คลอสเตอร์เบียร์ "
ซึ่งตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

[naris]

ถึงว่าดิวันไหนฟังเพลงไป เคาะซื้อหุ้นไป ราคาไม่ค่อยเกี่ยงทุกที พี่กูรู... :lol:

[นักดูดาว]

เรียนพี่กูรูครับ

ซิมโฟนีที่มีเนื้อร้องประสานเสียงนั้น บทแรกน่าจะเป็น ซิมโฟนีหมายเลข9 ของเบโทเฟน แต่บทอื่นๆที่มีบทร้องก็ยังมีงานของมาห์เลอร์ ผมทราบแต่เพียงหมายเลข 2 กับหมายเลข 8

โดยเฉพาะหมายเลข 8 ร้องกันตั้งแต่ท่อนแรกเลยล่ะ แต่ด้วยความยืดยาว ซับซ้อน และอลังการงานสร้างของเพลงอาจจะไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไหร่ ผมเองยังไม่สามารถฟังรวดเดียวจบได้ครับ  

เป็นที่แน่นอนว่ามาห์เลอร์ก็ต้องนับถือเบโทเฟนเป็นศิลปินในดวงใจ โดยเฉพาะซิมโฟนีหมายเลข9 ถือว่าเป็นเพลงครูเพลงหนึ่งครับ

[MarginofSafety]

พี่กูรูเปิดไฟวง Depapepe แล้ว
น่ารักดี ไม่ทราบเป็นวงเกาหลีหรือญี่ปุ่น

ญีปุ่นครับ



คลิ้กที่รูป... เพื่อเข้าไปดูผลงานของพวกเค้าได้เลยครับ

อันที่จริงผมฟังทำนองเพลงคลาสสิค
ที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบอคูสติคกีตาร์
แบบไม่รู้ตัว ไปหลายเพลงแล้ว



เพิ่งมาเข้าใจจากการฟังเพลงที่พี่กูรูแนะนำนี่เองว่า
ทำไมชื่ออัลบั้มต้องเป็น "Play The Classics"

[นักดูดาว]

ชอบ Depapepe ชุดนี้เช่นกันครับ
Bolero เล่นได้โอเคเลย สำหรับกีตาร์สองตัว (อย่าไปยึดติดกับเพลงต้นฉบับมาก) ฟังแล้วเพราะกว่างานกีตาร์คลาสสิกจริงๆซะอีก

[กูรูขอบสนาม]

[quote="นักดูดาว"]เรียนพี่กูรูครับ

ซิมโฟนีที่มีเนื้อร้องประสานเสียงนั้น บทแรกน่าจะเป็น ซิมโฟนีหมายเลข9 ของเบโทเฟน แต่บทอื่นๆที่มีบทร้องก็ยังมีงานของมาห์เลอร์ ผมทราบแต่เพียงหมายเลข 2 กับหมายเลข 8

โดยเฉพาะหมายเลข 8 ร้องกันตั้งแต่ท่อนแรกเลยล่ะ แต่ด้วยความยืดยาว ซับซ้อน และอลังการงานสร้างของเพลงอาจจะไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไหร่ ผมเองยังไม่สามารถฟังรวดเดียวจบได้ครับ

[กูรูขอบสนาม]

ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว
แต่ฝนในใจยังปรอยๆอยู่
ฟังเพลงเสียงคล้ายฝนกันดีกว่า

เพลงที่เลือกมา ไม่เกี่ยวกับฝนโดยตรง
แต่เปิดรับฝอยฝนก็น่าจะชื่นฉ่ำดี

เพลงแรก
June-The Seasons
ชิ้นงานบรรเลงของปีเตอร์ ไชคอฟสกี้ว่าด้วยเดือนต่างๆตลอดปี
แต่บทนี้ขึ้นชื่อและได้ยินบ่อยที่สุด
เคยถูกนำมาใช้เป็นเพลงTheme ของภาพยนตร์แคนาเดียนเรื่องThe Bears
ว่าด้วยการผจญภัยของลูกหมีกำพร้าแม่
คนกำกับเยี่ยมมาก สามารถกำกับหมีให้เหมือนคนได้จริงๆ พูดอือออก็เป็น
บางคนฟังแล้วน่าจะเป็นเพลงแถวๆ ธันวาคมมากกว่า
เพราะเย็นยะเยือกดี
แต่อย่างว่า เดือนมิถุนายนใจกลางรัสเซียก็คงหนาวพอตัว


เพลงที่สอง
La Petite Fille de la Mer
หรือที่แปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ
The Little Girl on the Sea Shore
ผลงานคอนเท็มป์ของ Vangelis เจ้าของผลงานเพลงแนว Electric Music
ผู้เคยฝากผลงานประทับใจจากเรื่อง Chariots of Fire / Conquest of Paradise
คลิปที่เอามาแนะ เขาเอาไปใส่ในมู้ดของฤดูใบไม้ร่วงก็ดูงดงาม ไม่ขัดตาเท่าไหร่นัก
ได้ยินเสียงน้ำหยดติ๋งๆเหมือนกัน


เพลงที่สาม ก็ไม่ใช่คลาสสิก เป็นเพลง Theme จากภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน
Angela's ashes
ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมจากบทประพันธ์ของนักเขียนชาวไอริช
Frank McCourt (เพิ่งเสียชีวิตไปไม่กี่เดือนนี้)
เล่าชีวประวัติความแร้นแค้นแสนเข็ญของครอบครัวตัวเอง
ทว่าในสายตาของเด็กผู้ชายจอมแก่นขณะนั้น จึงเป็นเรื่องสนุกสนาน
เพลงประพันธ์โดย John Williams
รู้สึกจะได้ออสการ์หรือไม่ก็เข้าชิงนั่นแหละ
เราจะรู้สึกความเย็นยะเยือกของฝนที่ตกลงมาถนนหน้าบ้าน
ชื้นแฉะจนปอดบวมเลยทีเดียว

[chada]

......เพราะ จัง อ่ะ ค่ะ..........

ขอบคุณ ที่ลิ๊งค์ มาให้ฟังนะคะ

[miracle]

น่าจะเป็นเบียร์ มิทช์ไวด้า จากค่ายเบียร์สิงห์
ใช้เพลง Ode to Joy ช่วงที่ขับร้อง
เป็นท่อนสุดท้ายของ Symphony หมายเลข 9 ของบีโธ่เฟ่น
ซิมโฟนีบทเดียวของโลกกระมังที่มีบทประสานเสียงร้องเพลง
Ode to Joy

ไม่ใช่ยี่ห้อนี้ครับ

[นักดูดาว]

พี่กูรูเข้าไปค้นในวิกี้และลองฟังผลงานของมาห์เลอร์ (ไม่รู้อ่านถูกหรือเปล่า)
ยอมรับเพลงของเขาฟังย้ากยากและยาวพอสมควร
เป็นเพลงคลาสสิคที่ไม่ค่อยใกล้ตัวเท่าไหร่
เลยไม่คุ้นหู

ค่อนข้างห่างตัวเลยครับ สำหรับมาห์เลอร์ ผมเองพอจะย่อยซิมโฟนีหมายเลข 1 ของท่านได้บ้าง แต่ก็นับว่าไม่ใช่ง่ายๆ อันที่จริงงานในยุคนี้มีดีอยู่มาก แต่เป็นงานฟังยากครับ

กลับมาที่งานใกล้ตัว ขอแนะนำ Finlandia ของซิเบลิอุส ครับ ต้องร้องอ๋อแน่นอนสำหรับคอหนังแอคชั่น เพราะถูกนำมาเป็น OST ของหนังฟอร์มใหญ่เรื่องหนึ่ง

งานที่ผมชอบจริงๆสำหรับท่านซิเบลิอุส ก็คือซิมโฟนีหมายเลข 2 และเพลง The Swan in Tuonela รวมทั้งเพลงชุด Lemminkainen ซึ่งแต่งจากเรื่องตำนานของฟินแลนด์ครับ

[กูรูขอบสนาม]

กลับมาที่งานใกล้ตัว ขอแนะนำ Finlandia ของซิเบลิอุส ครับ ต้องร้องอ๋อแน่นอนสำหรับคอหนังแอคชั่น เพราะถูกนำมาเป็น OST ของหนังฟอร์มใหญ่เรื่องหนึ่ง

งานที่ผมชอบจริงๆสำหรับท่านซิเบลิอุส ก็คือซิมโฟนีหมายเลข 2 และเพลง The Swan in Tuonela รวมทั้งเพลงชุด Lemminkainen ซึ่งแต่งจากเรื่องตำนานของฟินแลนด์ครับ

Finlandia เป็นชิ้นงานที่เป็น Masterpiece ของ  ซิเบลลิอุส
นอกเหนือจากบทเพลงที่เข้มข้น รุนแรงตามสไตล์ดนตรีแนวโรแมนติกแล้ว
ยังมีลักษณะของดนตรีรักชาติหรือที่เรียกว่า Patriotic  Music
ด้วยการใส่ท่วงทำนองของความเป็นพื้นบ้านชนเผ่าชาว Nokia ลงไปด้วย
เป็นการปลุกใจให้รู้สึกภาคภูมิในชาตินิยมตัวเอง
และจะมีความหมายยิ่งเมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติในยุโรปกันเอง
หรือเกิดภัยคุกคามจากมหาอำนาจใกล้เคียง
กรณีนี้คือ จักรวรรดิรัสเซีย
(ก้อแน่ซิ ทวีปอื่นๆจะเหาะไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร อิอิ)
ช่วงแรกของของการเปิดหัวเพลง ตื่นเต้นดี
หนังแอคชั่นหลายเรื่องเอาไปใช้เหมือน นอกจากเรื่อง "ตายยาก"

ลักษณะเพลงปลุกใจรักชาติด้วยท่วงทำนองเพลงพื้นเมือง
จะเจอในอีกหลายชิ้นงานทีเดียว
อีกชิ้นงานหนึ่งก็คือ Polonaise ของ Chopin
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเยอรมันบุกโปแลนด์
ทางรัฐบาลโปแลนด์ประกาศฮึดสู้ด้วยการเปิดเพลงนี้
จนกลายเป็นเพลงชาติชั่วคราว
แต่ก็แพ้กองทัพนาซีไปท้ายสุด


Overture 1812 ของไชค็อฟสกี้ ก็มีบริบทแบบเดียวกัน
แต่งขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะกองทัพรัสเซียที่ล่อหลอก
ให้ทหารนโปเลียนไปหนาวตายในไซบีเรีย
จนต้องถอยทัพ พ่ายหิมะในที่สุด
เราจะได้ยินทำนองเพลงพื้นเมืองของรัสเซียไล่กระหน่ำเพลงชาติฝรั่งเศส
กระหึ่มทีละน้อยๆจนกระทั่งกระหึ่มโอฬารจนจบ

[กูรูขอบสนาม]

พอเอ่ยเพลงที่มีสำเนียงชาวบ้าน( Rural Accent)
ทำให้นึกถึงประพันธกรชาวรัสเซียอีกท่านหนึ่งไม่ได้
คนนี้อาจจะไม่คุ้นเคยในวงการเพลงคลาสสิกไทยเท่าไหร่
ชื่อเรียกยากหน่อย
Dmitri Dmitriyevich Shostakovich
ขอเรียกสั้นๆว่า ท่านชอส์แล้วกัน
ท่านชอส์เป็นนักดนตรีคลาสสิกร่วมสมัย (1906-1975)
อยู่คาบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสหภาพโซเวียต
บางยุคท่านก็รุ่งโรจน์สุดขีด บางยุคพอเปลี่ยนผู้สืบทอดอำนาจ
ท่านชอส์ก็ถูกกระทืบจมธรณินทร์
เพลงที่แต่งมีหลายชิ้นงานแสดงอารมณ์ อำนาจ ความรุนแรง
และหนีไม่พ้นการปฏิวัติ

แต่ที่เอามาให้ฟังเป็นเพลงวอลท์ซสนุกๆ (สมกับเป็นวันหยุด)
แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือประพันธ์จากคนๆเดียวกัน
นั่นคือ Second Waltz
หลายคนเอาไปบรรเลงเป็นเพลงเทศกาลงานเลี้ยงรื่นเริงกลางแจ้ง
เช่น วงออเครสตร้าของ Andre Rieu
เพื่อนๆนึกสนุก อยากขยับแข้งขยับขาตามไปด้วยก็ไม่ว่ากัน
เพราะจังหวะเพลงมันให้จริงๆ
Second Waltz