นักวิเคราะห์ลดกำไรบริษัทจดทะเบียนใหม่โตต่ำ10%หลังรัฐเลิกอุ้ม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

นักวิเคราะห์ลดกำไรบริษัทจดทะเบียนใหม่โตต่ำ10%หลังรัฐเลิกอุ้ม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ก้องเกียรติแนะ บจ.รับมือ ชี้น้ำมัน 50 ดอลล์ฉุด ศก.
นักวิเคราะห์ลดกำไรบริษัทจดทะเบียนใหม่โตต่ำ 10% หลังรัฐเลิกอุ้มดีเซล


http://www.bangkokbiznews.com/2004/10/1 ... =fin1.html

ดร.ก้องเกียรติ แนะผู้ประกอบการปรับตัวรับมือราคาน้ำมันแพง คาดปีหน้าราคาเฉลี่ย 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีโอกาสแตะที่ระดับ 60 ดอลล์ ขณะที่นักวิเคราะห์เตรียมทบทวนกำไร บจ.ใหม่ ระบุหากรัฐบาลยกเลิกชดเชยดีเซลในปีหน้า จะกระทบ บจ.ทั้งระบบกดกำไรโตต่ำ 10% เพราะต้นทุนพุ่ง ด้าน ธปท.ยอมรับรัฐอุ้มดีเซลทำนโยบายการเงินบิดเบือน แต่กดดันราคาสินค้าน้อยกว่าขึ้นค่าเอฟที

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกว่า ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอยู่ที่ระดับเหนือว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนั้นยังคงมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง และมีโอกาสแตะที่ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยแนวโน้มในปีหน้าคาดว่าราคาจะอยู่ระหว่าง 50-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะต้องพยายามหาช่องทางในการลดต้นทุนและหาพลังงานอื่นมาทดแทนพลังงานน้ำมันเพื่อควบคุมต้นทุน

อย่างไรก็ตามในแง่ของนักลงทุนต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่ก็รับรู้ปัญหาราคาน้ำมันดีอยู่แล้ว และก็ทำใจรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพยายามแยกแยะการลงทุนในตลาดหุ้น และสถานการณ์น้ำมันออกจากกัน เมื่อเปรียบเทียบกับนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่นำปัญหาราคาน้ำมันมาผูกติดกับการลงทุนในตลาดหุ้นชนิดที่แยกกันไม่ออก ทำให้เกิดความตื่นตระหนกทุกครั้งที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น

ขณะที่นางสาวอรุณรัตน์ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศได้มีความวิตกกังวลกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งทะลุ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รวมทั้งการที่นายกรัฐมนตรีได้ออกมาให้ข้อมูลว่าราคาน้ำมันมีโอกาสแตะที่ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก

เนื่องจากในปีหน้ารัฐบาลมีแนวโน้มที่จะยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนได้รับผลกระทบมาก และในส่วนของนักวิเคราะห์จะต้องมีการทบทวนอัตราการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด

โดยปัจจุบันบริษัทได้ประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้อยู่ที่ 12-15% และปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 10% แต่หากราคาน้ำมันเพิ่มเหนือที่ระดับ 50-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล คาดว่าปีหน้ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัวต่ำกว่า 10% อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทยังไม่มีการทบทวนอัตราการเติบโตดังกล่าว โดยจะรอประเมินสถานการณ์ช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าว่าแนวโน้มราคาน้ำมันจะสูงขึ้นต่อเนื่องหรือไม่

"จริงๆ แล้วนักลงทุนต่างประเทศไม่ได้กังวลพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะเศรษฐกิจไทยไม่ได้เลวร้ายในสายตาของต่างประเทศ แต่กังวลกับปัญหาราคาน้ำมันมากกว่า" นางสาวอรุณรัตน์ กล่าว

ด้านนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.)ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงอยู่ในขณะนี้ คงเป็นปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เชื่อว่าในระยะยาวราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลง เนื่องจากปัจจุบันน้ำมันไม่ได้ขาดแคลนแต่มีการเก็งกำไรและปัญหาการก่อการร้ายในกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันทำให้มีการตื่นตระหนกกับปัญหาดังกล่าวโดยปีหน้าแนวโน้มราคาน้ำมันเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ระดับ 30-40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งจะกระทบอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ(จีดีพี)น้อยมาก โดยคาดว่าจีดีพีจะอยู่ที่ในระดับมากกว่า 5% ในปีหน้า

ธปท.ประเมินลอยตัวน้ำมันไตรมาส 1-2 ไว้แล้ว

ขณะที่ ดร.อัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงแรงกดดันต่อราคาสินค้าหากมีการลอยตัวน้ำมันดีเซลว่าผลจากราคาน้ำมันจะมีผลต่อราคาสินค้าผ่านค่าขนส่งเท่านั้น โดยสิ่งที่น่าจะมีผลต่อราคาสินค้านั้นน่าจะเป็นการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ(เอฟที) มากกว่า อย่างไรก็ตาม ดร.อัจนา กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าเอฟทีล่าสุดนั้นเป็นการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทั้งนี้การปรับขึ้นค่าเอฟทีเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะอนุกรรมการกำกับสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ(เอฟที) ได้มีการปรับอัตราค่าเอฟทีที่จะเรียกเก็บในงวดเดือน ต.ค.47- ม.ค.48 เพิ่มขึ้น 5 สตางค์ต่อหน่วย โดยเรียกเก็บในระดับ 43.28 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บอยู่ในระดับหน่วยละ 2.69 บาท

ดร.อัจนา กล่าวว่า การลอยตัวน้ำมันดีเซลนั้นจะไม่กระทบกับต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการเพราะการผลิตส่วนใหญ่จะใช้ไฟฟ้าหรือน้ำมันเตาซึ่งเป็น dual energy มากกว่าน้ำมันดีเซล ดังนั้นราคาน้ำมันดีเซลจึงจะส่งผลต่อราคาสินค้าและค่าบริการผ่านค่าขนส่งสินค้าเท่านั้น

สำหรับผลกระทบจากการลอยตัวน้ำมันที่มีต่อการดำเนินนโยบายการเงินนั้น ดร.อัจนา กล่าวว่า การดำเนินนโยบายทางการเงินใน 8 ไตรมาสข้างหน้านั้น ธปท.ได้มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่ารัฐบาลจะมีการปล่อยลอยตัวน้ำมันดีเซลในช่วงไตรมาสที่ 1 หรือ 2 ของปีหน้า ซึ่งในแบบจำลองทางเศรษฐกิจของคณะกรรมการนโยบายการเงินก็จะมีการปรับใช้ราคาน้ำมันดีเซลตามที่เกิดจริง

ดร.อัจนา กล่าวว่า ทางคณะกรรมการนโยบายการเงินได้พยายามที่จะไม่ให้นโยบายการเงินเกิดความบิดเบือน ซึ่งในขณะนี้อาจจะมีการบิดเบือนบ้างเนื่องจากยังไม่ได้มีการลอยตัวน้ำมันดีเซล แต่ในช่วงต่อไปข้างหน้าการดำเนินนโยบายการเงินก็จะสอดคล้องกับราคาน้ำมันจริงในตลาด

คลอด กองทุนคุ้มครองรายย่อย

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง กล่าวถึงการจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ (securities investor protection fund:sipf) อย่างเป็นทางการวานนี้ (13 ต.ค.) ถือเป็นการดำเนินงานส่วนหนึ่งของแผนแม่บทการพัฒนาตลาดทุนซึ่งเชื่อว่าการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวจะส่งผลให้นักลงทุนได้รับความคุ้มครอง และดูแลมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยจากเดิมไม่เคยมีการจัดตั้งกองทุนที่ให้การคุ้มครองผู้ลงทุนในลักษณะนี้มาก่อน

นายสุเทพ พีตกานนท์ ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่ากองทุนดังกล่าวทำการจัดตั้งโดยได้รับเงินสนับสนุนก้อนแรกจากตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 300 ล้านบาท และบริษัทสมาชิกจำนวน 28 แห่ง จะทำการใส่เงินสนับสนุนเดือนละ 0.0005% จากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อเดือนของแต่ละบริษัท โดยจะทำการใส่เงินสนับสนุนจนกว่ากองทุนจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทสมาชิกจะเริ่มทำการใส่เงินสนับสนุนกองทุนตั้งแต่วันที่

1 ม.ค. 2548

กองทุน sipf จะให้ความคุ้มครองกับนักลงทุนในกรณีที่ บล.ที่เป็นสมาชิกของกองทุนเกิดปัญหาทางด้านการเงินหรือล้มละลาย จนไม่สามารถชำระคืนทรัพย์สินให้กับผู้ลงทุนได้ รวมทั้งกรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างผู้ลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ และอนุญาโตตุลาการตัดสินให้บริษัทหลักทรัพย์คืนทรัพย์สินให้กับผู้ลงทุนแต่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ปฏิบัติตามโดยกองทุนจะทำการชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ลงทุนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง หรือรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท

กฎกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ก็จะรู้สึกว่าได้รับความคุ้มครองเงินต้นเหมือนกับการฝากเงินและเชื่อว่าในอนาคตจะมีประโยชน์ในการขยายฐานไปสู่ผู้ฝากเงิน" นายสุเทพ กล่าว

นายมนตรี ฐิระโฆไท ในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยกล่าวว่า การจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนขึ้นจะช่วยสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นต่อระบบการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุนรายย่อยได้มากขึ้น

เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับการรับประกันหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

นักวิเคราะห์ลดกำไรบริษัทจดทะเบียนใหม่โตต่ำ10%หลังรัฐเลิกอุ้ม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ถ้าจะเก็บหุ้น เลือกหุ้นที่มั่นคงหน่อยน่าจะดีนะครับ สำหรับปีหน้า คงต้องเลือกหุ้นให้เสี่ยงน้อยลงกว่าเดิม เพราะอะไรๆ ก็ไม่แน่ไม่นอน .. :D
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 0

นักวิเคราะห์ลดกำไรบริษัทจดทะเบียนใหม่โตต่ำ10%หลังรัฐเลิกอุ้ม

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ จงเลือกหุ้นของกิจการที่มีผลดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ทนร้อนทนหนาวเอาไว้เป็นหลักนะครับ ปีหน้าผมว่าความเสี่ยงสูงมาก

ตอนนี้พ่อผมขายของในต่างจังหวัดปรากฎว่าขายไม่ดีเลย ชาวบ้านโดยพิษกองทุนหมู่บ้านเข้า ต้องเจียดเงินไปใช้หนี ไม่ค่อยมีเงินมาบริโภคเหมือนเดิม ราคาน้ำมันจะกดดันเศรษฐกิจให้หนักขึ้นไปอีก

แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาสนะครับ ใช้เวลานี้สรรหาหุ้นดีๆเอาไว้นะครับ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
doremon
Verified User
โพสต์: 25
ผู้ติดตาม: 0

นักวิเคราะห์ลดกำไรบริษัทจดทะเบียนใหม่โตต่ำ10%หลังรัฐเลิกอุ้ม

โพสต์ที่ 4

โพสต์

สวัสดีครับ คุณคัดท้าย
แวะมาทักทายเฉยๆครับ
การหาความรู้ เป็นการลงทุนครับ
บุคคลทั่วไป
ผู้ติดตาม: 0

นักวิเคราะห์ลดกำไรบริษัทจดทะเบียนใหม่โตต่ำ10%หลังรัฐเลิกอุ้ม

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เห็นด้วยครับ ผมก็ขายของอยู่ต่างจังหวัด ขายไม่ดีเลยปีนี้ ตกต่ำลงมาก คงต้องรัดเข็มขัด

ผมคงทยอยขายหุ้นมีกำไร คัตลอสบางตัว ไปรอซื้อปีหน้าดีกว่าครับ
ล็อคหัวข้อ