เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 31

โพสต์

ลืมอุดหนุนหนังไทยแล้ว
เรื่อง Season Changes
หนังเรื่องนี้ได้เอาบทประพันธ์เพลง Four Seasons อันเรื่องชื่อมาทำเป็นหนัง

:)
:)
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 32

โพสต์

เพลง Season Change ของ บอยด์ โกสิยพงษ์ ไม่ใช่เหรอครับ
มีออเคสตร้าบรรเลงเพลงนี้ตอนท้ายๆของเรื่องด้วย
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 33

โพสต์

มาต่อกัน ริงโทนของใครร้องเพลงอะไร

Habanera  
จากอุปรากรชิ้นเยี่ยม Carmen ของ George Bizet(1838-1875 อายุสั้นอีกล่ะ)
ว่าด้วยการแย่งชิงรักหักสวาท ตบจูบ ตบจูบของสาวโรงงานและนายตำรวจ
การหักหลังทรยศและจบด้วยความตาย
ดุเดือดเร่าร้อนสมเป็นอุปรากรเมืองวัวกระทิง
ช่วงที่เลือกมาเปิดเป็นท่อนที่โรแมนติคที่สุด
พูดถึงความรักที่โบยบินเหมือนผีเสื้อ

Symphony  40
เป็นริงโทนได้ยินบ่อยมาก จากผลงานชิ้นเยี่ยมของ Amadeus Mozart (1756-1791)
ให้ความรู้สึกฮึกเหิม ยิ่งใหญ่ เหมาะสำหรับเปิดต้อนรับการเดินเข้ามาของแขกคนสำคัญ
หรือก่อนจะทำข้อสอบเพื่อสร้างขวัญ กำลังใจ
(ส่วนจะทำได้ ไม่ได้เป็นอีกเรื่อง มดซาร์ทก้อมดซาร์ทเห่อะ ช่วยไม่อยู่หรอก)

Can Canระบำแคน แคน ของ Jacque Offenbach (1819-1880)
ที่เปิดยกกระโปรงส่ายไปมาของสาวปารีเซียง
กระโดดเต้นหย็องหยอยเรียงเป็นแถวยาว
ทำให้คนที่นั่งซึมจนหลับไปแล้ว ตกใจตื่นแล้วก้อดูตาค้าง
มองไม่ทันเพราะหลากสีหลายลวดลายหลายขนาด เต้นตึ๊กตั๊กไปตลอดจนจบ
หนังการ์ตูนหลายๆเรื่องชอบเอาท่อนนี้มาใช้ประกอบฉากไล่ตีกันไปมา
เช่น ในทอมแอนด์เจอร์รี่


Minute
ของ Johann Sebastian Bach (1685-1750)
ทำนองคุ้นมากใช่มั้ยล่ะ  เป็นอีกเพลงหนึ่งที่สั้นๆแต่ฟังแล้วปิ๊งทันที
เพราะถูกดัดแปลงเป็นเพลงป๊อป A Lover's Concertoสมัยใหม่ที่ขึ้นต้นประโยคเพลงเข้ากับลมฟ้าอากศวันนี้
How Gentle is the rain....."

แนะนำเพียงแค่นี้ก่อน
เพื่อนๆลองเปิดฟังริงโทนตัวเองซิว่าร้องเพลงอะไร :wink:
wr
Verified User
โพสต์: 149
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 34

โพสต์

ผมขอร่วมนำเสนอเพลงแบบฟังง่าย สบายสมองบ้างครับ

ไชคอฟสกี้ เปียโนคอนชาโต้ เบอ 1

ชื่อเล่นว่า tonight we love
ได้อารมความรักสวยงามจริงจังแต่ค่อยๆแปรปรวนตอนท้าย
อาจเพราะคนแต่งโดนเก็บกดรึป่าวจากสังคมตอนนั้น

เจอเพลงนี้ได้ในหนังเขย่าขวัญสตีเฟ่นคิงครับ misery
ตอนเพลงออกมานี่ขนลุกและลุ้นฉี่ราดทีเดียวครับ
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 35

โพสต์

wr เขียน:ผมขอร่วมนำเสนอเพลงแบบฟังง่าย สบายสมองบ้างครับ

ไชคอฟสกี้ เปียโนคอนชาโต้ เบอ 1

ชื่อเล่นว่า tonight we love
ได้อารมความรักสวยงามจริงจังแต่ค่อยๆแปรปรวนตอนท้าย
อาจเพราะคนแต่งโดนเก็บกดรึป่าวจากสังคมตอนนั้น

เจอเพลงนี้ได้ในหนังเขย่าขวัญสตีเฟ่นคิงครับ misery
ตอนเพลงออกมานี่ขนลุกและลุ้นฉี่ราดทีเดียวครับ
ทำ Link ให้
แล้วจะประจักษ์ความสามารถของนักเปียโนหญิงคนนี้
Valentina Lisitsa
Tchaikovsky's Piano Concerto No#1
กล้วยทอด
Verified User
โพสต์: 1468
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 36

โพสต์

เพลงคลาสสิค มีลักษณะเป็นยังไงหรือคะ เหมือนกับเพลงเก่าไม๊
ดูจากที่ยกตัวอย่างมา แล้วต้องเป็นเพลงฝรั่งอย่างเดียวหรือเปล่าคะ

เมื่อวานไปงานฉลองเกษียณอายุของพ่อที่ต่างจังหวัดมาค่ะ
(ในฐานะกึ่งแขก กึ่งแจ๋ว)
ฟังเพลงเก่าตลอดงานเลย (สงสัยเอาใจวัยวุฒิแขกที่มา กับเจ้าของงานมัง :lol: )
นั่งดู presentation ประวัติความเป็นมาของเจ้าของงาน
มาตั้งหลายงาน ไม่เคยซึ้งจนน้ำตาพรากๆ เท่านี้ :D
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 37

โพสต์

กล้วยทอด เขียน:เพลงคลาสสิค มีลักษณะเป็นยังไงหรือคะ เหมือนกับเพลงเก่าไม๊
ดูจากที่ยกตัวอย่างมา แล้วต้องเป็นเพลงฝรั่งอย่างเดียวหรือเปล่าคะ

เมื่อวานไปงานฉลองเกษียณอายุของพ่อที่ต่างจังหวัดมาค่ะ
(ในฐานะกึ่งแขก กึ่งแจ๋ว)
ฟังเพลงเก่าตลอดงานเลย (สงสัยเอาใจวัยวุฒิแขกที่มา กับเจ้าของงานมัง :lol: )
นั่งดู presentation ประวัติความเป็นมาของเจ้าของงาน
มาตั้งหลายงาน ไม่เคยซึ้งจนน้ำตาพรากๆ เท่านี้ :D

เพลงคลาสสิก หมายถึงบทเพลงที่แต่งขึ้นด้วยท่วงทำนองที่มีระเบียบ
แบบแผน เหมือนกับบทกวีที่คร่ำเคร่งกับฉันทลักษณ์
แต่เหลือพื้นที่และช่องว่างไว้สำหรับจินตนาการ

น้องกล้วยทอดสามารถหารายละเอียดอ่านได้จากที่ลิงค์นี้

http://en.wikipedia.org/wiki/Classical_music

ส่วนที่ว่าเป็นเพลงฝรั่งก็ค่อนข้างจะใช่
เพราะแหล่งกำเนิดมาจากดินแดนทางโน้น
เพลงคลาสสิกยุคแรกคือบทสวดพระเจ้าในความเชื่อของคริสตศาสนา
เหมือนกับศิลปินส่วนใหญ่ที่ต้องทำงานเพื่อแลกกับศรัทธาในความเชื่อของพวกเขา

ว่าไปแล้ว ความหมายที่ลึกลงไปอีกของคำว่า คลาสสิก
คือยุคหนึ่งของเพลงบรรเลง
ที่เรียกว่า  สมัยคลาสสิก
พูดแล้วยิ่งงง :twisted:
คือเพลงบรรเลงนี้มีหลายประเภทหลายยุคตามประวัติศาสตร์
ยุคแรกคือ บาโรค จะเป็นบทสวดสรรเสริญพระเจ้า
ยุคที่สองคือ คลาสสิก มีพ่อมด โมซาร์ท เป็นหัวชบวน
ยุคที่สามคือโรแมนติค มีตาบีโธ่เฟ่นผู้มีวิญญาณกบฎเล็กๆต่อต้านระเบียบแบบแผนเดิม
ยุคที่สี่คือ อิมเพรสชั่นนิสม์
แล้วก็ต่อด้วย เอ็กซเพรสชั่นนิสม์ มียุคชาตินิยมอื่นๆอีกตามกระแส
เหมือนกับการแบ่งประวัติศาสตร์ศิลปะอย่างไรอย่างนั้น
เอาแค่นี้ก่อนน้าเดี๋ยวยิ่งมึน :lol:

ส่วนของไทย เราเรียกว่า เพลงไทยเดิม (Thai Classical Music)
ซึ่งก็มีฉันทลักษณ์ แบบแผนที่เคร่งครัดไม่แพ้กัน
เราจะยินเพลงไทยเดิมที่มีบทเห่กล่อม 2 ชั้น 3 ชั้นอยู่บ้าง


คำว่า คลาสสิก ยังมีความหมายถึง
คุณค่าอมตะที่สามารถดำรงอยู่ได้แม้กาลเวลาผ่านพ้นไป
(หรือแปลว่า ทนทายาด)
ซึ่งเป็นความหมายที่เราเรียกเพลงพวกนี้นั่นเอง

อย่างในเวปนี้ก็มีพี่ๆหลายคนที่คงคุณค่าอัน "คลาสสิก" เหมือนกัลล์:wink:
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 38

โพสต์

พี่กูรูตอบได้สมชื่อกูรูจริงๆครับ   :D

เมื่อก่อนฟังเพลงแนวนี้ ก็พอฟังได้ แต่ไม่ได้เข้าถึง ไม่เคยรู้สึกอินเลย
ภาษาชาวบ้านเรียกต้องปีนบันไดฟัง
เดี๋ยวนี้พอเปิดใจรับมันมากขึ้น ก็เริ่มฟังได้ครับ เริ่มชอบ หยิบมาเปิดบ่อยขึ้นครับ

พวกนักเล่นเครื่องเสียง เค้ารู้กันครับว่าใครชอบฟังเพลงแนวนี้
แล้วเป็นพวกหูทองด้วยล่ะก็ กว่าจะจบ ปรับแต่งจนพอใจ
ชุดต้องหลักหลายแสนหรือเฉียดๆล้าน  :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
wr
Verified User
โพสต์: 149
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 39

โพสต์

ทำ Link ให้
แล้วจะประจักษ์ความสามารถของนักเปียโนหญิงคนนี้
Valentina Lisitsa
Tchaikovsky's Piano Concerto No#1[/quote]

อา... ผมวิเคราะห์ออกมาได้ว่า ไพเราะ และ น่ารักครับ เกี่ยวมั้ย
ความรู้ดนตรีผมน้อยเท่าที่จะน้อยได้ครับ
และสาวรัสเซียทำให้จิตใจเอนเอียงได้เสมอครับ
แต่ก่อนเคยร้องคอรัสเทนเน่อร์นี่ ใช้จำเสียงเอา เพราะอ่านโน๊ตไม่ได้เลยครับ
เห็นพี่พูดถึงศาสนา งั้นก็ต้องต่อด้วยเพลงคานอน ของพาเชเบลเลย
ฟังง๊ายง่าย หนังและริงโทนเอาไปแปลงใช้เพียบ
มีเพลงศาสนาอยู่เพลงนึงเพราะมาก ผมจำชื่อไม่ได้
ที่เอลวิสเอาไปร้องในชื่อ tonight's alright for love พี่พอจาจำชื่อจริงมันได้มั้ยครับ
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 40

โพสต์

wr เขียน: มีเพลงศาสนาอยู่เพลงนึงเพราะมาก ผมจำชื่อไม่ได้
ที่เอลวิสเอาไปร้องในชื่อ tonight's alright for love พี่พอจาจำชื่อจริงมันได้มั้ยครับ
Tonight's all right for love
ที่คุณ wr ถามถึงนั้น ดัดแปลงมาจากเพลงวอลท์ซของราชาเพลงวอลท์ซ
Johann Strauss II ผู้ลูก ( 1825-1899)
เจ้าของเพลง Blue Danube อันโด่งดัง
แต่เพลงที่แปลงมาคือเพลงนี้

Tales from Vienna Woods

ฟังแล้วเคลิบเคลิ้มเหมือนเดินในป่าท้องทุ่งบ้านนอกดี :wink:
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 41

โพสต์

[quote="HVI"]
พวกนักเล่นเครื่องเสียง เค้ารู้กันครับว่าใครชอบฟังเพลงแนวนี้
แล้วเป็นพวกหูทองด้วยล่ะก็ กว่าจะจบ ปรับแต่งจนพอใจ
ชุดต้องหลักหลายแสนหรือเฉียดๆล้าน
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 42

โพสต์

ขอบคุณครับพี่กูรู
ไว้ว่างๆจะลองศึกษาและทดลองฟังครับ
ผบ.ผมชอบฟังเพลงแนวนี้ ก็เป็นเหตุผลนึงที่ฟังเพลงแนวนี้บ่อยขึ้น

ผมมักจะเปิดเพลงแนวนี้ให้ฟังก่อนนอน
แล้วถามว่า "เพราะมั้ย"
เค้าก็จะตอบว่า "เพราะ"
"เห็นมั้ยเพราะว่าเครื่องเสียงมันดี"
"Winners never quit, and quitters never win."
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 43

โพสต์

สวสดครับพี่ กระทู้นี้ดีครับ  ฟังเพลงคลาสสิค ไม่ได้ชอบครับ
ฟังไม่ออกครับ ไม่รูว่าเพลงใคร แต่ฟังเกือบทั้งวัน มันเป้นอย่างนี้มาเกือบ 30 ปีกว่าปีแล้ว สมัยนั้นก็เอาแผ่นเสียงใหญ่ เปิดที่บ้าน เดี่ยวนี้ก็สะดวกหน่อย  เปิดฟังทาง 101.5  กด radio demand  เลือกวันที่ย้อนหลัง  เลื่อนหน้าไปล่างสุด เจอดนตรีคลาสสิค จะมีเสียงคนพูด รอสักแปปจะมีเสียงเพลง เปิดฟังทิ้งไว้ทั้งวัน ในห้องน้ำก็ติดลำโพงด้วย ไปที่ไหนก็ได้ยินในบ้าน

   อย่าถามว่าเพลงนี้ของใคร ตอบไมได้ครับ   ที่บ้านให้ฟังตั้งแต่ยังเด็กๆ พอโตมาเราก้ฟังด้วยความเคยชินครับ ไปอเมริกาก็เปิดแม่มทั้งวันเหมือนกันครับ  ROOMMATE มันชอบฟัง ROCK ทะเลาะกันประจำครับ

 ฟังไม่ออก ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างในดนตรี แต่ฟังแล้วแยกเสียงออกเป้นรสชาติได้ แยกออกเป็นกลิ่น แยกออกเป้นสี เสียงเพลงคลาสสิคของโมสาร์ทส่วนใหญ่มี้นำเงินตีวงโค้งอย่างงดงามครับ บางเพลงมีรสเค็มมาก บางเพลงยังมีกลิ่นของดอกจำปาลาว  เวลาฟังเพลงคลาสิค ใช้ประสาททั้ง 5 ฟัง เอามาใช้หมด  
     เขาเรียกคนกลุ่มนี้ว่าเป้นโรค synesthesia
    ผมได้เอาหลักการนี้ไปใช้ในระบบ trading ด้วย
   ยิ่งเห็นตัวเลขเป้นสีต่างๆ อย่างเลข 3789 สำหรับผมมันหน้าตาดีมากครับ
     
  ผมไม่คอยได้แวมาคุยกับพี พีแวะไปคยกับผมบ่อย
 กระทู้นี้ความสำคัญ กับ การลงทุนอย่างมากครับ
 พี่กูรูมีคุณค่าอย่างมาก กระทู้แต่ละอย่างที่พี่โพส พี่ไม่เคยตอบแบบขอไปที
พี่มักจะมีความรู้ต่างๆ แทรกไว้เสมอ พี่มีวิญญาณความเป็นครูอย่างเต็มเปี่ยม
 ผมพิมพ์ไป ก็ขนลุกไป ผมต้องขอบคุณครูคนนี้มากครับที่ให้ความรู้ต่างๆ กับผมตลอด
  ขอบคุณจากใจครับพี่

 ผมอวยพระพระเจ้าของผม ขอให้พี่มีสุขภาพแข็งแรงทุกวันครับ สิ่งดี ๆ ที่พี่ให้ไว้กับพวกเรา ขอให้พี่รูไว้ว่ามีคนที่ตามอ่านสิ่งที่พี่เขียนเสมอ และเขาคนนั้นเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ตลอดเวลาอีกด้วย

  อย่างเรื่องที่พี่เขียนเกี่ยวกับเพลงคลาสิค ผมเอามาเขียนต่อไว้อย่างนี้ครับ

   ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยนักการตลาด ที่เขารู้ดีว่า โลกแห่งการลงทุน มีความโลภ เป็นแรงจูงใจหลัก เขาก็เอาสิ่งเหล่านี้แบบวัตถุนิยมเหล่านี้มาหาเงินกับลุกค้า หน้าที่ของนักลงทุนเน้นคุณค่าต้องเข้าใจให้ลุ่มลึกเหมือนฟังดนตรีคลาสสิคว่านักการตลาดเขามีกลยุทธ์อย่างไร จะได้ไม่เสียดายเงินที่จ่ายไป
 
    ผมเห็นการตลาดปีนีเรื่องการดูกรรมของคนมากขึ้นกว่าทุกปี ปีไหนเศรษฐกิจไม่ดี เรื่องอย่างนี้จะเยอะ เรื่องนี้เกี่ยวทั้งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า และ reflexivity ครับ เพราะคนบางท่านหลงผิดในอัตตราของตัวเอง อะรไท่เป็นของเรา มักจะดีเลิศกว่าคนอื่น เขาไปหาตังกับคนมีเงิน คน ที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะเรื่องอัตราทั้งนั้น ด้วยจุดอ่อนข้อนี้ เขาก็เป็นนักการตลาดแล้ว เขาเอาเพลงคลาสิคไปจี้ที่จุดอ่อนของลุกค้าว่าเป็นคนที่วาสนาแต่ก่อนเก่ามากเกิด เป้นเทวดามาเกิดบ้าง จริงเท็จไม่มีใครพิสูจน์ได้หรอกครับ รู้แต่วาฟังแล้วมันเคลิบเคลิ้มเหมือนฟังดนตรีคลาสิค ผมฟังคลาสคิมานานพอที่จะรู้จุดอ่อนของมัน คนที่ไม่เข้าใจฟังแล้ว หลงในอัตราหมด ปลาบปลื้มในความดีความยิงใหญ่ของตัวเอง เวลาเปิดเพลงพวกนี้ในห้าง ลุกค้าหาเหตุผลร้อยแปดพันก้าวมาสนับสนุนความเชื่อของตนเองหมด คือมาตอบสนองตัณหาของอัตตาตัวเองมากขึ้น จนขาดสติและปัญญาที่จะใคร่ครวญว่ากำลังตกเป้นเหยื่อทางการตลาดของนักการตลาดที่เขาเก่งเรื่องพวกนี้

         เพลงคลาสิคมันเป้นกับดักทางหู ทางตาเขามีสินค้าที่สวยงามที่แพคเกจจิ้งที่ดีซาย ถ้าไปร้านอาหาร เขามีกับดักทางกลิ่นอีกต่างหาก บางที่เขาให้ชิมก่อน บางที่มีคนเยอะ เราก็อยากกินด้วย เพราะเขาเล่นที่กับดักทางใจแล้ว คือ ของลดราคา นั่นเล่นความโลภของคน  เล่นที่ของน้อยหมดแล้วหมดเลย สมัยนี้เขาแถบไม่ได้ขายของกันเป้นหลักแล้ว เขาขายจิตวิทยากันหมด นั่นคิอสิ่งที่ผมเห็นเวลาเดินห้าง ผมอาจผิด อะไรก็เป็นไปด้ทั้งนั้น

    นักลงทุนเน้นคุณค่าแบบ Buffett กับนักลงทุนภาพสะท้อนแบบ Soros เข้าใจเรื่องอย่างนี้ดี พวกเขามองไปที่คุณค่าของสินค้า สินค้าจะดีไม่ดีไม่ได้อยู่ที่เสียงเพลงคลาสิคที่เปดในห้าง พวกเขาทันอารมณ์ตัวเอง และไม่ยอมให้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวในการตัดสินใจ พวกเขาไม่หลงยึดติดในภาพมายาต่าง ๆ พวกเขาสนใจความจริงมากกว่าภาพมายาที่เห้นที่ผ่านเข้ามาทางประสาททั้ง 5 ของคน ผมอาจผิด อะไรก้เป็นไปได้ทั้งนั้น

      ผมเห็นบางคนไปเปลี่ยนชื่อ คุณค่าอนาคตของของเรามันไม่ได้อย๋ที่ชื่ออะไร มันอยู๋ที่นิสัยของคนคนนั้น ถ้าท่านไม่อยากเปลี่ยนนิสัยตัวเอง แต่ไปเปลี่ยนชื่อแล้วหวังว่าอนาคตจะเปลี่ยน ท่านฝันไปแล้ว ฝันอย่างนี้ไม่เหมือนตอนฝันฟังดนตรีคลาสิค เพราะฟังแล้ว เราจินตนาการเรื่องต่างๆ คิดทุกอย่างในหัวก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดด้วยซ้ำ ชีวิตคนปัจจุบัน อนาคต มันห้เหมือนหุ้น ล้วนมีปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่างๆ เข้ามากระทบตลอด แต่ถ้าไปยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น สนใจภายนอกมากกว่าอะไรที่เป็นเนื้อแท้คุณค่าของชีวิต ในโลก capitalism คนมุ่งสะสมทรัพสินต่างๆ ไม่พอ  พวกเรายังสะสมภาพลักษ์ของตัวเองอีกด้วย  แนวโน้ม twitter  facebook จะมาตลอด แนวโน้ม การโพสใน ไทวิจะเริ่มเป้นปัจเจกตลอด พวกเขาจะโพสน้อยลง หรือว่าพวกเขากำลังฟังเพลงคลาสสิคอยู่ครับ กำลังปลาบปลื้มในอัตรของตนเอง ผมอาจผิด อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น    
   
    ตอนต้นปี ผมจินตนาการว่าจะมี 60 ล้าน ผมฟังเพลงคลาสิคแล้วจินตนาการอย่างนี้ ผมเห็นทุกอย่างเป็นภาพ เปนกลิ่น เป้นเสียง เป้นรสชาติออกมาว่า แต่เรามี 60 ล้านแล้ว แต่นั่นยังไม่จบ เราต้องย้อนกลับว่าเราจะทำอย่างไรให้ 60 ล้านเป็นจริงให้ได้  ผมให้สัยญากับตัวเอง ผมให้สัยญากับพระเจ้า นั่นเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเราเป้นคนรักษาสัญญาตัวเอง นั่นเราสำเร็จเกินกว่าครี่งแล้ว ทั้ง BUFFETT ทั้ง SOROS เขามีตรงนี้อยู๋ในสายเลือด ถ้าสัยญาอะไรไว้กับใครก็ตาม จงทำให้ได้ แล้วคนตรีคลาสิคจะกลายเป้นทาสรับช้เรามากกว่าที่จะเป็นนายเรา  

    ขอโทษด้วยครับที่ผมทำให้กระทู้พี่รกไปหมด

  ด้วยความเคารพครับ
    ^ ^
  จากคนที่ฟังเพลงคลาสิกแล้วรู้ทันเพลงคลาสิคครับ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 44

โพสต์

ที่ผมหยิบมาฟังบ่อยๆก็จะเป็น CD1 ในอัลบั้ม "Classical Collection"

รูปภาพ

ฟังได้ สบายๆครับ แต่หลายๆเพลงเหมาะเปิดยามเช้ามากกว่าก่อนนอน
เช่นเพลงแรก จะเห็นความงดงามและบรรยากาศในยามเช้าเลย

01. Grieg - Morning from Peer Gynt Suite No. 1 Op.46
02. Mozart - 1st Movement (Allegro) from "Eine Kleine Nachtmusil"
03. Vivaldi - Spring from The Four Seasons. 1st Movement:Allegro
04. Rimsky - Korsakov - Flight of the Bumble-bee from Tsar saltan
05. J.S. Bach - Air on a G String
06. Beethoven - Fur Elise
07. J.Strauss - The beautiful blue Danube
08. Brahms - Wiegenlied (Lullaby)
09. Tchaikovsky - Waltz from The Sleeping Beauty
10. Mozart - overture: The Marriage of Figaro
11. Haydn - Finale (Allegro) from Trummpet Concerto in E flat
12. Mozart - 4th Movement (Rondo) from "Eline Kleine Nachtmusilk"
13. Rachmaninov - 18th Variation from Rhapsody on a theme of Paganini
14. Debussy - Au Clair De Lune from suit Bergamasque
15. Schumann - Traumerei (Dreaming) from Kinderszenen (Scenes of Chidhood)
16. Brahms - Waltz in A flat Op. 39 No.5
17. Chopin - Prelude E minor Op.28 No.4
18. Grieg - Norwegian Dance No.2 Op.35
19. Chopin - 'Minuute' Waltz in D flat major Op.64 No.1
20. J.S. Bach - Brandenburg Concerto No.3 in G.1st Movement:Allegro

ส่วนแผ่นที่ 2 จะออกแนวรุกเร้า แปรปรวน ไม่เหมาะกับการฟังก่อนนอนเลยไม่ค่อยได้เปิดครับ

01. Vivaldi - 1st Movement (Allegro non molto) of Winter
from"The four season" 02. Wagner - The ride of the Valkyries from the Valkyrie
03. Strauss - Radetzky march Op.28
04. Liszt - Liebestraum No.3 (Dream of Love)
05. Tchaikovsky - Miniature Overture from the Nutcraker
06. Orff - O Fortuna from Carmina Burana
07. Rossini - Finale from Overture: William Tell
08. Khatchaturia - Sabre Dance from Gayaneh
09. Grieg - Anitra's Dance(Peer gynt)
10. Tchaikovsky - Dance of the Sugar Plum Fairy from The Nutcraker
11. Mendelssohn - Sym.No. 4 in A Op.90 Italian.1st movement:Allegro vivace
12. Dvorak - Sym. No.9 in E minor Op.95 from The New World: 2nd movement: Largo
13. Delibes - Waltz from Coppelia ballet
14. Strauss - Tritsch tratsch Polka
15. Tchaikovsky - waltz of the flowers from "The Nutcraker"
16. Mendelssohn - Spring Song from song Without Words
17. Mussorgsky - Night on the Bare Mountain
18. Schubert - 1st Movement(allegro Moderato) from Sym. No.8 in B.minor
19. Satie - Gymnopedie No.1
20. Elgar - Nimrod from Enigma Variations Op.36
"Winners never quit, and quitters never win."
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 45

โพสต์

ขอแนะนำเพลงบ้างครับ

ชุดภาพในงานนิทรรศการและเพลงอื่นๆ ของรัสเซีย  (Pictures at an exhibition) ของ Mussorgsky และศิลปินรัสเซียนร่วมสมัยท่านอื่นๆ

รูปภาพ

เป็นเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพวาดของจิตรกร วิคเตอร์ ฮาร์ทมัน ท่านมุสซอกสกี้ท่านแต่งไว้เป็นเพลงเปียโน แต่เพลงนี้ มัวริส ราเวลได้เรียบเรียงเป็นงานสำหรับออเคสตร้า เป็นเวอร์ชั่นที่ยอดนิยมที่สุดครับ

อันที่จริงเพลงนี้ได้รับการเรียบเรียงเสียงประสานไว้หลากหลายมาก แม้แต่ วงดนตรี อมรสันต์ เล็กและปราโมทย์ (Emerson, Lake and Palmer) ซึ่งเป็นวงร๊อค ก็ยังนำเพลงนี้มาบรรเลง ก็ดีไปอีกแบบครับ

รูปภาพ
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 46

โพสต์

สวัสดีคุณโหน่ง

ดีใจที่เข้ามาแจมและถ่ายทอดความคิดเห็นในอีกมุมหนึ่ง
คุณโหน่งเก่งเรื่องการพยายามจับประเด็นสิ่งรอบตัว
ให้เข้ากับมุมมองของการนักลงทุน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน :lol:

อ่านข้อยุยั่วให้แย้งของคุณโหน่งแล้ว
ต้องอึ้งไปพักใหญ่ๆก่อนจะหาคำตอบมาเย้าแหย่
แต่ก็สนุกดี ทำให้สมองได้คิดอะไรโยงใยต่อกันมากขึ้น

เข้าใจว่าคุณโหน่งมองเพลงคลาสสิกเสมือนเครื่องมือทางการตลาด
เป็นการสร้างมายาภาพที่เคลือบไว้อย่างสวยงามเพื่อให้คนฟังต้องมนต์หลงใหล
จนหลงลืม ขุดค้นคุณค่าของตัวมันเอง
คนที่ถูกเยินยอก็เป็นปลื้มว่า ฉานนี่นะมีรสนิยม หัวสูง หูทอง(ยืมศัพท์น้องหวี)
เหมือนกับสิ่งของที่ถูกเคลือบด้วยสีสัน กลิ่น เสียง ชื่อเรียก จนบดบังคุณค่าที่แท้ไป

เอาล่ะ เรามาแยกบทบาท 2 บทก่อน
บทแรกก็คือ ตัวของเพลงคลาสสิกเอง
เพลงคลาสสิกก็ไม่แตกต่างจากศิลปะแขนงอื่น
คือเป็น สื่อแสดงออกอันมาจากแรงบันดาลใจของผู้ให้กำเนิด
ฉะนั้นหน้าที่ของสื่อศิลปะ ไม่ได้ทำอะไรยิ่งใหญ่มากไปกว่า
สามารถนำพาให้คนฟัง คนเสพเข้าถึงอรรถรสและสร้างสุนทรียภาพสมดังที่มุ่งหวังไว้
ก็เพียงพอแล้ว(นี่นา)
ส่วนจะจินตนาการไปได้ไกล ลึก แค่ไหนขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้เสพเอง

คนที่ไม่เคยไปเวียนนา แต่ฟังเพลง Blue Danube
ก็คงนึกเคลิ้มฝันไปกับเพลงวอลซ์แสนหวานในอ้อมกอดของแม่น้ำสีน้ำเงิน
หากคนไปมาแล้ว ก็คงเบ้ปากยี้ ไม่เห็นจะสวยเลย
ดำก็ดำ บางช่วงก็กลิ่นตุๆ ไม่รู้ตา Strauss เมาไวน์มากไปหรือเปล่า
ถึงเห็นแม่น้ำดำๆสายนี้เป็นสีโศกโรแมนติก
แต่เอาเถอะ  ฟังๆไปแล้วก็รืนหูดี
คิดเสียว่า ในยามค่ำคืน เมื่อความมืดโรยตัวลงมา
ทุกแม่น้ำก็สวยเหมือนกันหมด

เพลง Four Seasons ที่หลายคนนิยมชมชอบ
อ้ายบ้านเรามันก็มีแค่ 3 ฤดูนี่หว่า
หรือเดี๋ยวนี้ก็แค่ 2 ฤดู (ร้อน และร้อนมากมาก)
จะมาซาบซึ้งอะไรกับฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง
แต่แปลก เรากลับสร้างจอรับภาพใบไม้เปลี่ยนสีเข้ามาในสมองได้อัตโนมัติ
เช่นเดียวกับ เรารู้สึกถึงเกล็ดละอองหิมะ หยดน้ำค้างแข็ง
ที่เกาะค้างตามชายคาขณะที่ไวโอลินเสียดผ่านหวิวลม
ในช่วงMovement ของ Winter ทั้งที่หน้าหนาวเราที่รู้จักมากที่สุดก็คือ น้ำค้างแม่คะนึ้งบนยอดดอยอินทนนท์

หรือนึกย้อนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ของรัสเซีย
สงครามต่อสู้ระหว่างทหารนโปเลียนกับชาวรัสเซียที่รุกเข้ามาถึงไซบีเรีย
ตอนแรกทหารฝรั่งเศสหึกเฮิมหวังจะบุกรัสเซียให้ย่อยยับ
แต่สงครามยืดเย้อ รัสเซียดึงเกม ให้รู้เสียบ้าง หนาวหดตายแบบไซบีเรีย ทรมานอย่างไร
ในที่สุด กองกำลังรัสเซียก็ตีกลับ
ประกาศชัยชนะ ผ่าน  Overture 1812 ของ ไชคอฟสกี้
เพลงชาติฝรั่งเศส La Marsellaise ที่กระหึ่มตอนต้น
ก็ถูกกลบด้วยเพลงชาติรัสเซียที่สามารถยึดสนามรบไซบีเรีย
ไล่ทหารฝรั่งเศสกลับไปตายอย่างไม่เหลือศักดิ์ศรี
ถ้าใครได้อ่านเประวัติศาสตร์ช่วงนี้หรืออ่านหนังสือ "สงครามและสันติภาพ" ของ ลีโอ ตอลสตอย
ก็จะเห็นไม้กางเขนดำทะมึนปักลงมาเรียงเป็นร้อยเหนือผืนดินที่หนาวจัดที่สุดในโลก
อ้า..มนุษย์ฆ่ามนุษย์ในนามของสันติภาพ

คุณค่าของเพลงคลาสสิกจึงสามารถส่งแรงสะเทือนทางอารมณ์ให้สุขสันต์และโศกศัลย์
(ความจริงภาพวาดหรืองานปูนปั้นประติมากรรมอื่นๆก็สามารถยกระดับอารมณ์ได้แบบเดียวกัน
เพียงแต่ไม่มีความแปรปรวนของท่วงทำนองมากเท่าดนตรี)
คือคุณค่าที่มีอยู่ในตัวมันเอง
จับวางไว้ก็ส่งพลังออร่าออกมาโดยไม่จำเป็นต้องเอาไปประดับอาภรณ์พาณิชยมรรคใดๆ
นี้เองถึงเรียก ว่าศิลปะเพื่อศิลปะ

บทบาทต่อมา คือผู้เสพ(ตัวจริง ไม่ใช่เสพอย่างไร้เซ่อเคิล ออฟ คอมพีเท้นท์)
แน่นอน ระหว่างนิ่งสดับฟังเสียงดนตรีที่เล่น
ใจก็คงต้องเพริดไปถึงไหนต่อไหนแล้วแต่ความลุ่มลึกของตน

ณ โมงยามนั้น จินตนาการของพวกเขาถูกปลดปล่อย
โบยบินไปตามเสียงขลุ่ยโอโบหรือคราลิเน็ทใน Morning Mood ของ Peer Gynt

ระทึกไปกับการสำรวจโลก ดาวพระเคราะห์ที่เดินทางผ่านญาณ(ยาน)ดนตรีใน The Planets ของ Prokofiev

เร้าใจไปกับบทร่ำไห้อย่างปิติสุขในซิมโฟนีหมายเลข  9 ของบีโธเฟ่น Ode of Joy น้ำตาแห่งความซาบซึ้งซึมพราก ราวกับได้ค้นพบโลกใหม่อันหมดจดงดงาม

แต่เมื่อสิ้นคำสั่งคอนดักเตอร์  ที่จบไปพร้อมกับเสียงปรบมือก้อง
จินตนาการทุกครั้งต้องถูกดึงกลับมาสู่กาลปัจจุบัน
Moment of Truth ไม่ได้หายไปไหน
ต่อให้เราหลบลี้ไปสร้างโลกใบใหม่แสนสวยแค่ไหนก็ต้องกลับมาโลกใบเดิมและอยู่กับมันต่อไป
(ตัวเลขยอดขายเดือนนี้ยังปิดไม่ลง  ลูกค้าโยเยไม่ยอมรับของ   เจ้านายประกาศแล้วจะลดคน  ออรเดือนเดือนหน้าหายไปไหนหมด)  

ความฟุ้งซ่านที่ระเรี่ยด้วยมนต์สะกดได้ตกวูบสู่เส้นขอบแห่งความจริง
มายาคติจากงานศิลปะต่อให้ฉุกเราไกลแค่ไหน
ก็เพียงเพื่อปลดปล่อยจินตนาการบางส่วนที่พลุกพล่านในตัว
ได้ออกไปเดินซอกแซกบ้างเท่านั้นเอง

และไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนี่

นอกเสียจากไม่สามารถควบคุมจิตนั้นกลับบ้านได้ถูกต้อง

ทั้งหมดคือคุณค่าของเพลงคลาสสิกในแง่ของชิ้นงานศิลปะเพื่อศิลปะ

แต่ก็ยังมีอีกสกุลงานศิลป์ที่มองคุณค่าของศิลปะจะต้องให้อะไรมากกว่าแค่สุนทรีทางอารมณ์

ว่างๆเดี๋ยวมาต่อ :lol:
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 47

โพสต์

อ่านแล้วเพลิดเพลิน เจริญใจ จริงครับพี่กูรู
แต่ผมมารู้สึกขัดๆนิดนึงตรงคำว่า "หูทอง"
"Winners never quit, and quitters never win."
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 48

โพสต์

ขอบคุณน้องหวีมาก
ให้ความกระจ่างชัดเลย
เห็นห้องตัวอย่างที่เอามาให้ดู
พี่กูรูคงไม่มีโอกาสได้เทียบชั้นหูทองแน่ๆ หุหุ :lol:
แต่ไม่เป็นไร ถ้าใครมี ขอแฝงกายไปเยี่ยมเทียบชั้นหูสักครั้งก็ได้

กำลังค้นคว้าอีกหนึ่งตำนานโฟลค์คลาสสิกที่เพิ่งปลิดขั้ว
ป้า Mary Travers แห่งวง Peter Paul & Mary
เจ้าตำนานเพลงโฟลค์เพื่อชีวิต(จริงๆ)
นั่งฟังเพลงเก่าๆของพวกเขาอยู่

เออ...เกิดมาก็จำความได้ว่ารู้จักวงนี้ก่อนใคร
พลางทำให้อยากเป่าเอ๊ยเล่นกีตาร์เป็น
ไปเสียล่ะ :wink:
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 49

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน: แต่ไม่เป็นไร ถ้าใครมี ขอแฝงกายไปเยี่ยมเทียบชั้นหูสักครั้งก็ได้
ได้ยินข่าวว่าพี่บาส (Basketman) กำลังจะสร้างห้องฟังแบบนี้ครับ 555
ถ้าชอบเรื่องเครื่องเสียงก็มาแจมได้ที่กระทู้ข้างๆครับ
(คุยกันมาปีกว่าแล้ว ไม่จบซักที นี่พี่บาสกำลังจะสร้างห้องฟังใหม่
คงคุยกันได้อีกซัก 3 ปี :lol:)

กลัวว่าจะพากระทู้ออกทะเล หลุดประเด็นเพลงคลาสสิคไปเสียก่อนครับ  :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 50

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน: กำลังค้นคว้าอีกหนึ่งตำนานโฟลค์คลาสสิกที่เพิ่งปลิดขั้ว
ป้า Mary Travers แห่งวง Peter Paul & Mary
เจ้าตำนานเพลงโฟลค์เพื่อชีวิต(จริงๆ)
นั่งฟังเพลงเก่าๆของพวกเขาอยู่

เออ...เกิดมาก็จำความได้ว่ารู้จักวงนี้ก่อนใคร
พลางทำให้อยากเป่าเอ๊ยเล่นกีตาร์เป็น
ไปเสียล่ะ :wink:
ชื่อคุ้นๆ เลยลองไปค้นหาในแผ่น "Best of Folk 1"
ฮั่นแน่... เจอเพลงของ Peter Paul & Mary อยู่สองเพลงจริงๆด้วย
มีเพลง Puff กับ Living On A Jet Plane

พูดถึง Folk แล้ว เป็นแนวเพลงที่ถูกจริตผมมาก
เครื่องเสียงที่ผมบรรจงจัดขึ้นมาเนี่ยก็เพื่อสิ่งนี้จริงๆ
นั่นคือความใส กังวาลและความไพเราะของเสียงอคูสติกกีตาร์ครับ

รูปภาพ

กีตาร์ที่เห็นอยู่ไกลๆโน่น... ใช้ดีดจีบสาวตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยครับ

ส่วนห้องฟังเพลงจริงจัง อยู่ในห้องนอน

รูปภาพ

และ sweet spot (จุดที่ดีที่สุดสำหรับการฟัง)
อยู่บนเตียงนอนครับ  :D

ปล.ภาพจากกระทู้ข้างๆนี้เอง  :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
wr
Verified User
โพสต์: 149
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 51

โพสต์

พี่ humdrum ว่า
"มาตอบสนองตัณหาของอัตตาตัวเองมากขึ้น
จนขาดสติและปัญญาที่จะใคร่ครวญว่ากำลังตกเป้นเหยื่อทางการตลาด
ของนักการตลาดที่เขาเก่งเรื่องพวกนี้ "

เออ มันก็จริงนะครับ มีทั้งตั้งใจแต่งเพื่อการนั้น รึเอามาปรับใช้ก็มี
หยั่งเกิบเบิ้ล ก็เอาเพลงวากเน่อร์มาใช้โปรโมทอาณาจักรไรช์และพรรคนาซีนั่น
คิดไปคิดมามันก็คว้าทุกอย่างมาใช้หมดล่ะครับ
ผมยังเคยใช้เรื่องศิลปะมาจีบสาวเรย
wr
Verified User
โพสต์: 149
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 52

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน:
Tonight's all right for love
ที่คุณ wr ถามถึงนั้น ดัดแปลงมาจากเพลงวอลท์ซของราชาเพลงวอลท์ซ
Johann Strauss II ผู้ลูก ( 1825-1899)
เจ้าของเพลง Blue Danube อันโด่งดัง
แต่เพลงที่แปลงมาคือเพลงนี้

Tales from Vienna Woods

ฟังแล้วเคลิบเคลิ้มเหมือนเดินในป่าท้องทุ่งบ้านนอกดี :wink:
อั้ยยะ เอลวิสทำเพลงนี้ออกมาสองเวอร์ชั่นครับพี่
อันแบบเร็วกว่าใช้ทำนองของเสตร๊าส์ที่พี่ช่วยเทียบมา
เป็นเพลงคลาสสิคเพลงแรกๆที่ได้ฟัง
แน่นอนว่าต่อจากบลูดานูบเพลงบังคับครับ
แต่มันมีอีกอันที่ฟังจากในหนังครับคืออันนี้
http://www.youtube.com/watch?v=_sGq4Yd3 ... re=related

เด๋วผมจะลองหาๆเทียบดูหน่อย เพราะมันเพราะม๊ากมาก
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 53

โพสต์

wr เขียน: อั้ยยะ เอลวิสทำเพลงนี้ออกมาสองเวอร์ชั่นครับพี่
อันแบบเร็วกว่าใช้ทำนองของเสตร๊าส์ที่พี่ช่วยเทียบมา
เป็นเพลงคลาสสิคเพลงแรกๆที่ได้ฟัง
แน่นอนว่าต่อจากบลูดานูบเพลงบังคับครับ
แต่มันมีอีกอันที่ฟังจากในหนังครับคืออันนี้
http://www.youtube.com/watch?v=_sGq4Yd3 ... re=related

เด๋วผมจะลองหาๆเทียบดูหน่อย เพราะมันเพราะม๊ากมาก
อะ ได้คำตอบแล้ว
มาจาก Barcarolle
ในอุปรากร เรื่อง The Tales of Hoffman ของ Jacques Offenbach

นึกสงสัย ทำไมเพลงหนึ่งมี 2 เวอรชั่น ค้นต่อ เจอคำตอบดังนี้
Tonight Is So Right For Love recorded by Elvis on Wednesday, 27 April 1960
Written by: Wayne; Silver; Lilley
Originally recorded by Friedrich Kark in 1906

Hear Elvis's version on: G.I. Blues (non-european releases)
The melody is based on (well, copied from...)
"Barcarolle" by Jacques Offenbach. For copyright reasons,
this track couldn't be released in Europe,
so Wayne, Silver and Joe Lilly altered their original lyrics
to fit a similar melody taken from "Tales From The Vienna Woods"
by Johann Strauss, calling the song "Tonight's All Right For Love."
http://users.telenet.be/davidneale/elvi ... list9.html
wr
Verified User
โพสต์: 149
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 54

โพสต์

HVI เขียน:
รูปภาพ

ประเจ้า
รู้จักชื่อแค่ลำโพงอย่างเดียวเลยครับ

ตกลงเพลงเอลวิสเป็นของออฟเฟนบาคนั่นเอง
ผมสงสัยเรื่องนึงครับพี่กูรู
ว่าชาวเยอรมันหรือปรัสเซียเดิมเนี่ย
ดูเป็นคนแข็งกระโด๊ก มีชื่อเรื่องการรบพุ่งมาแต่ไหนแต่ไร
ไมถึงมีคีตกวีระดับท๊อปมากมาย
สร้างดนตรีที่สวยงามอย่างมากได้
ไม่เห็นเข้ากับบุคลิกเลยครับ
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 55

โพสต์

wr เขียน:

ตกลงเพลงเอลวิสเป็นของออฟเฟนบาคนั่นเอง
ผมสงสัยเรื่องนึงครับพี่กูรู
ว่าชาวเยอรมันหรือปรัสเซียเดิมเนี่ย
ดูเป็นคนแข็งกระโด๊ก มีชื่อเรื่องการรบพุ่งมาแต่ไหนแต่ไร
ไมถึงมีคีตกวีระดับท๊อปมากมาย
สร้างดนตรีที่สวยงามอย่างมากได้
ไม่เห็นเข้ากับบุคลิกเลยครับ
ในความหนาวเหน็บมีแดดอุ่น
ในความแล้งผากมีสายน้ำ
ในความแข็งกระด้างซ่อนไว้ซึ่งหัวใจที่นุ่มไหว

มนุษย์ดนตรีทั้งหลายคงมีมุมส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร
สามารถถ่ายทอด อารมณ์ ความรู้สึกออกมาได้
เหนือพรมแดนแห่งเชื้อชาติ ชนชาติและค่านิยมของประเทศนั้น

ถึงเยอรมัน ปรัสเซียจะเก่งเรื่องการทหาร
เพลงมาร์ชเยอรมันขึ้นชื่อแต่เพลงบอกรักก็คงจะมีกระหนุงกระหนิงกระมัง
อีกทั้งการถ่ายทอดศิลปะดนตรีในอาณาจักรยุโรประหว่าง
ออสเตรีย อิตาลี เยอรมัน ปรัสเซีย ลงไปถึงฝรั่งเศสด้วยเอ้า
ทำให้ภาษาดนตรีมีความเป็นสากล
เคลื่อนไหว แลกเปลี่ยน เปิดหัวใจเว้าสู่กันฟัง
ก็เลยแทรกความเนียนลงไป

ดูซิ บีโธเฟ่น เป็นเยอรมันแท้ๆ
ยังแต่งเพลงหวานแบบ Moonlight Sonata ได้เลย

ใกล้ๆบ้านเราก็ได้
ถ้าใครเคยไปเกาหลี
เราจะนึกไม่ออกเลยว่าประเทศเขาจะสามารถสร้างหนังคิกขุได้
คนของเขาออกจะแข็งๆด้วยซ้ำ
แล้ววันหนึ่งเพลง Winter Love Song
(เพลงเอกจากภาพยนตร์เรื่องดังชื่อเดียวกัน
ในพากย์ไทย ชื่อ เพลงรักในสายลมหนาว)
ก็เปล่งเสียงโน้ตดนตรีออกมา
ทำให้คนเกาหลีดูนุ่มนวล โรแมนติกไปทั้งประเทศ :roll:
เป็นภาพยนตร์ที่ขายการท่องเที่ยวเกาหลีดังไปทั่วโลก
นับแต่นั้น ศักราชการโฆษณาท่องเที่ยวเกาหลีในแผ่นฟิลม์ก็เริ่มขึ้น
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 56

โพสต์

ชื่อคุ้นๆ เลยลองไปค้นหาในแผ่น "Best of Folk 1"
ฮั่นแน่... เจอเพลงของ Peter Paul & Mary อยู่สองเพลงจริงๆด้วย
มีเพลง Puff กับ Living On A Jet Plane

พูดถึง Folk แล้ว เป็นแนวเพลงที่ถูกจริตผมมาก
เครื่องเสียงที่ผมบรรจงจัดขึ้นมาเนี่ยก็เพื่อสิ่งนี้จริงๆ
นั่นคือความใส กังวาลและความไพเราะของเสียงอคูสติกกีตาร์ครับ
เห็นเครื่องเสียงน้องหวีโชว์ออกมาแล้ว
เป็นพี่กูรูเดินซุ่มซามเตะโน่น เตะนี่แน่
นี่ก็เพิ่งทำเครื่องเหลาดินสอตัวเบ่อเริ่มหล่นทับนิ้วก้อยที่เท้า
ยังช้ำเลือด ช้ำหนองอยู่เลย :oops:

เอ..แต่เท่าที่เคยอ่านกระทู้ผ่านตาและเข้าไปตอบ
น้องหวีอยู่คอนโดนี่นา
แล้วเสียงเครื่องดนตรีมันจะดังออกไปรบกวนห้องอื่นๆหรือเปล่า
หรือบุผนังกั้นเสียงไว้

เรื่องของป้าแมรี่ เขียนเล่าไว้ในบล็อกส่วนตัวหน่อยหนึ่ง
เอามาเล่าซ้ำอีกครั้งที่นี่ก็ได้

เพิ่งอ่านข่าวราชินีเพลงโฟลค์อมตะอีกคนคือ Mary Travers
เสียชีวิตแล้ววันที่ 16 กันยายน นี้ ด้วยโรคลิวคีเมีย
สิริอายุยืนยาวโลกนาน 72 ปี (เกิด 9 พฤศจิกายน 1936)

สำหรับคอโฟล์ครุ่นใหม่อาจจะคลับคล้ายคลับคลากับชื่อนี้
แต่คอโฟลค์คลาสสิคมีหรือจะจำไม่ได้
วงดนตรีร่วมสมัยแห่งยุค Peter Paul and Mary
ที่ประกาศอุดมการณ์เป็นโฟลค์ซองเพื่อชีวิต
ทุกบทเพลงต่อต้านสงครามและความรุนแรง
ไมว่าจะเป็น Cruel War, If I had a hummer, Gone the Rainbow
Where have all the flowers gone?
และบทเพลงน่ารักๆอย่าง Lemon Tree, Puff the Magic Dragon,
Leaving on the Jet Plane

วงดนตรี Peter Paul and Mary ชาย 2 หญิง 1
เริ่มรวมตัวก่อตั้งขึ้นในปี 1961 ดังสุดขีดด้วยอัลบั้ม Puff the Magic Dragon  ที่ได้กลายเป็นเพลงประจำวง
ไปไหนๆก็ต้องร้องตบท้ายก่อนปิดโรงด้วยเพลงนี้
เมื่อดังแล้วก็แยกวงในปี 1970 ต่างคนต่างออกหาหนทางดนตรีของตัวเอง
กลับมารวมกันเฉพาะกาลอีกครั้งเมื่อปี 1978
แล้วก้อแยกย้ายนิรันดร์

Blowing in the Wind เป็นอีกเพลงที่วงร้องเพื่อส่งสัญญะของการต่อต้านสงคราม
นักร้องอีกท่านคือ Bob Dylan ก็ได้นำไปร้องเหมือนกัน

ถึงตอนนี้ คำตอบในสายลมก็ยังล่องลอยไม่สิ้นสุด
ผ่านมากี่ปีแล้ว สงครามก็ยังไม่ยุติ

แต่ชีวิตของเธอ ยุติแล้ว
ขอให้สายลมแห่งความทรงจำ กระซิบรำลึกผ่านเธอด้วยดอกไม้ดอกนี้

Where Have All the Flowers Gone
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 57

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน: เอ..แต่เท่าที่เคยอ่านกระทู้ผ่านตาและเข้าไปตอบ
น้องหวีอยู่คอนโดนี่นา
แล้วเสียงเครื่องดนตรีมันจะดังออกไปรบกวนห้องอื่นๆหรือเปล่า
หรือบุผนังกั้นเสียงไว้
ห้องฟังเพลงผมไม่มีปัญหาแน่นอนเนื่องจากผนังห้องทั้งสี่ด้าน
ไม่ได้ใช้ผนังห้องร่วมกับใคร
อีกอย่างผมฟังในระดับปกติเน้นความไพเราะ
ไม่ได้เน้นความอึกทึกครึกโครมแต่อย่างใด
ผมรู้สึกว่าห้องฟังขนาดกำลังดีฟังแล้วเพราะมากครับ
เทียบกับเมื่อก่อนที่มันเคยวางซ้อนทับกับชุดโฮม ที่ห้องนั่งเล่น

ส่วนชุดโฮม อันนี้ต้องระวังมากขึ้นหน่อย
เนื่องจากใช้ผนังร่วมกับห้องอื่นหนึ่งด้าน
และเนื่องจากเสียงที่มีพลังทะลุทะลวงสูง
สร้างความรำคาญให้ผู้อื่นได้
จะเป็นเสียงต่ำจาก subwoofer
(ลองนึกถึงรถซิ่งแต่งเครื่องเสียงวิ่งผ่าน
จะได้ยินแต่เสียงตึ๊บๆๆ อย่างเดียว)
โดยเฉพาะหนัง action

แต่ผมก็เลือกใช้ sub 8" ที่เป็นขนาดเล็กสุด
และชอบ sub ที่ออกโทนเสียงนุ่ม (เหมาะกับการฟังเพลง)
มากกว่าดุดัน กระแทกกระทั้น
เวลาดูก็ปิดห้องปิดม่านให้มิดชิด และเปิดในระดับที่พอประมาณ
ดูหนังสนุก แต่ไม่ต้องถึงขนาดสะใจอึกทึกอย่างในโรงหนัง
เท่านี้ก็มีความสุขกับการเล่นเครื่องเสียงได้
โดยไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 58

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน:
ใกล้ๆบ้านเราก็ได้
ถ้าใครเคยไปเกาหลี
เราจะนึกไม่ออกเลยว่าประเทศเขาจะสามารถสร้างหนังคิกขุได้
คนของเขาออกจะแข็งๆด้วยซ้ำ
แล้ววันหนึ่งเพลง Winter Love Song
(เพลงเอกจากภาพยนตร์เรื่องดังชื่อเดียวกัน
ในพากย์ไทย ชื่อ เพลงรักในสายลมหนาว)
ก็เปล่งเสียงโน้ตดนตรีออกมา
ทำให้คนเกาหลีดูนุ่มนวล โรแมนติกไปทั้งประเทศ :roll:
เป็นภาพยนตร์ที่ขายการท่องเที่ยวเกาหลีดังไปทั่วโลก
นับแต่นั้น ศักราชการโฆษณาท่องเที่ยวเกาหลีในแผ่นฟิลม์ก็เริ่มขึ้น
series เรื่องนี้ผมก็ได้ดูครับ ชอบมากด้วย
สาเหตุนึงที่ชอบอาจจะเป็นเพราะว่าเพลงประกอบละครนี้เอง
เสียงเปียโนโน๊ตที่คุ้นหูดังขึ้นมาเมื่อไร
ความรู้สึกเศร้าสะเทือนใจปนโรแมนติกในเนื้อเรื่อง
ก็จะตามมาได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว
ถ้าละครไทยสร้างได้อย่างเค้า
ผมคงนั่งดูละครด้วยกันกับผบ.ไปนานแล้ว :lol:

แต่ผมคิดว่าเพลงไม่ได้ชื่อ Winter Love Song
เลยถามอาจารย์วิกิดูได้ความว่า

เพลงเปียโนเสียงเพราะๆชื่อว่า
From the Beginning Until Now

ส่วนอีกเพลง ที่เศร้าสะเทือนปนโรแมนติกไม่แพ้กันก็ My Memory ครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Winter_Sonata
"Winners never quit, and quitters never win."
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 59

โพสต์

HVI เขียน:  
series เรื่องนี้ผมก็ได้ดูครับ ชอบมากด้วย
สาเหตุนึงที่ชอบอาจจะเป็นเพราะว่าเพลงประกอบละครนี้เอง
เสียงเปียโนโน๊ตที่คุ้นหูดังขึ้นมาเมื่อไร
ความรู้สึกเศร้าสะเทือนใจปนโรแมนติกในเนื้อเรื่อง
ก็จะตามมาได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว
ถ้าละครไทยสร้างได้อย่างเค้า
ผมคงนั่งดูละครด้วยกันกับผบ.ไปนานแล้ว :lol:

แต่ผมคิดว่าเพลงไม่ได้ชื่อ Winter Love Song
เลยถามอาจารย์วิกิดูได้ความว่า

เพลงเปียโนเสียงเพราะๆชื่อว่า
From the Beginning Until Now

ส่วนอีกเพลง ที่เศร้าสะเทือนปนโรแมนติกไม่แพ้กันก็ My Memory ครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Winter_Sonata
ละคร/หนังเกาหลีเนี่ย เน่าไม่แพ้กันกับของเรา
แต่เน่าแบบสวยงาม ไม่มีตบจูบ ตบจูบแบบบ้านเรา
คงจะถูกเซ็นเซอร์และบังคับด้วยว่าต้องไม่มีฉากอิจฉาริษยาแบบนี้
เลยทำให้คนและประเทศเกาหลีดูโรแมนติดไปหมด
(ทั้งๆที่ความจริง...คนละเรื่องเลย)
ไม่ว่าเป็น A Letter/ Autumn in My Heart/ Il Mare
ซึ่งหนีพ้นต้องมีเพลงเพราะๆตามติดมาด้วย
พี่กูรูดูบ้างบางตอน
แต่ชื่อตัวละครจำยากจัง คล้ายๆกันไปหมด  :roll:
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เพลงคลาสสิกใกล้ๆตัว

โพสต์ที่ 60

โพสต์

มาต่อเพลงคลาสสิคกันดีกว่า
อา..เจอบทความในหนังสือพิมพ์วันนี้ น่าสนใจมาก คัดง้างกับความเชื่อเก่าๆ

เหนือโมซาร์ทยังมีอัจฉริยะบาโร้ค :lol:
เป็นอย่างไรน่ะหรือ มาอ่านดูกัน
งานเขียนจากวาทยากรระดับโลก คุณบัณฑิต อึ้งรังษี

Credit : http://www.bangkokbiznews.com/2009/09/2 ... d=29520473
SUPERLEARNING Baroque Music and Your Brain

ดนตรีสมัยบาโร้ค (ของบาค เฮนเดล และวิวาลดี้)
ที่มีความช้าอยู่ที่ 60 เคาะต่อนาที จะช่วยในการเพิ่มพูนสมาธิ
และทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้น
ผมเป็นคนที่สนใจ ทางลัด ต่าง ๆ ที่จะทำให้ตนเองเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ผมอยากเรียนเร็วกว่าคนอื่น อ่านเร็วกว่า ว่ายน้ำเร็วกว่า
จำคำศัพท์ได้มากกว่าคนอื่น รู้หลายภาษา ฯลฯ

เพราะรู้ว่า ถ้าอยากเป็นสิ่งที่ผมฝันอยากเป็น (คอนดักเตอร์)
จะต้องมีคู่แข่งที่เก่ง ๆ มากมายในโลก

จึงคอยหาอ่านข้อมูลวิจัยและหนังสือต่าง ๆ ว่า ทำอย่างไรจึงจะฉลาด
จำได้แม่น ทานอาหารอะไรทำให้สมองดี ฯลฯ

ต่อไปนี้คือข้อมูลผมได้ทราบมากว่าสิบปีแล้ว เป็นอะไรที่น่าทึ่ง
จึงอยากนำมาแบ่งปันให้ผู้อ่าน

หลายท่านอาจทราบเรื่องของดนตรีของโมสาร์ต
ที่มีผลต่อการพัฒนาการทางด้านสมองของเด็ก (และผู้ใหญ่)

แต่ก่อนโมสาร์ตจะ ดัง ในเรื่องของดนตรีเพื่อความฉลาดนั้น
หลายประเทศได้รู้จักกับการค้นคว้าของ ดร. โลซานอฟ แห่งประเทศบัลแกเรีย

ท่านค้นพบว่า....

ดนตรีสมัยบาโร้ค (ดนตรีของบาค เฮนเดล และ วิวาลดี้)
ที่มีความช้าอยู่ที่ 60 เคาะต่อนาที จะช่วยในการเพิ่มพูนสมาธิ
และทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้น

จังหวะของดนตรีสมัยบาโร้คเป็น จังหวะที่มั่นคง
นั่นคือ ไม่มีการเร่งหรือชะลอความเร็ว เหมือนดนตรีคลาสสิกสมัยอื่น
เช่น สมัยโรแมนติก

จังหวะมั่นคงนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกสบาย และ ความรับรู้อย่างผ่อนคลาย

จังหวะ 60 เคาะต่อนาทีนี้ มีความสัมพันธ์กับการเต้นของหัวใจมนุษย์ขณะพักผ่อน

ในเมื่อ มันสมองเรียนรู้ได้เร็วที่สุด ก็ตอนที่ร่างกายผ่อนคลาย รู้สึกสบาย

ดนตรีบาโร้ค 60 เคาะ มีผลโดยตรงต่อการเรียนรู้

ข้อพิสูจน์

มีการทดลองมากมายเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ ทั้งโดย ดร.โลซานอฟเอง
และนักวิจัยจากประเทศแถบยุโรปและอเมริกาหลายประเทศ

เขาแบ่งผู้เรียนภาษาออกเป็นสองกลุ่ม ให้กลุ่มหนึ่งใช้ดนตรีช่วยในการเรียนภาษา และกลุ่มที่สองไม่ใช้ดนตรีเลย

ผลเป็นอะไรที่น่าทึ่ง...

กลุ่มที่ได้ฟังดนตรี จำคำศัพท์ได้ 1,600 คำใน 21 วัน

กลุ่มที่ไม่ได้ฟัง จำได้ 570 คำใน 21 วัน

(ผลในประเทศอื่น ๆ ที่ทำการพิสูจน์ ก็คล้ายคลึงกัน)

ปัจจุบัน Lozanov Learning Institute ซึ่งตั้งอยู่รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา สอนนักเรียนจากองค์กรใหญ่ ๆ ของอเมริกา
เช่น UNESCO, Aramco, AT&T, Bell Telephones, Delta Airlines,
General Motors, Hilton Hotels, the Department of Commerce,
the Defense Department and State Department ของรัฐบาลสหรัฐฯ, Shell Oil และองค์กรอื่นอีกหลายร้อย

หนังสือที่น่าสนใจสองเล่ม เกี่ยวกับเรื่องการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว
โดยใช้ดนตรีบาโร้ค ก็คือ Superlearning ของ Sheila Ostrander
ซึ่งเป็นการรวบรวมงานวิจัยของ Dr. Lozanov
และ Accelerated Learning  ของ Colin Rose
ซึ่งได้กล่าวถึงวิธีการใช้ และเพลงที่ควรใช้อย่างละเอียด

----------------------

บัณฑิต อึ้งรังษี เป็นคอนดักเตอร์ระดับนานาชาติ และนักเขียนหนังสือขายดี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ www.BunditInspire.com ส่งความคิดเห็นถึงคุณบัณฑิตที่ [email protected]
น่าค้นคว้าต่อมั้ยล่ะ
เดี๋ยวจะลองหาเพลงบาโรคของนักประพันธ์เพลงที่คุณบัณฑิตอ้างอิงถึง
แล้วดูซิว่า ทำให้สมองปลอดโปร่งเพียงใด :wink: