1. TDEX ทีปันผลทุกปีหรือเปล่าคร้บ
2.ข้อดี ข้อเสียของ TDEX เป็นอย่างไรบ้างครับ
3.ที่ผมเลือก TDEX เพราะคิดว่าถ้ามีปันผลทุกปี มากน้อยไม่เป็นไร(แต่น่าจะมากกว่าฝากธนาคาร)
4.น่าจะปลอดภัยในระยะยาว เพราะขึ้นตาม set50 วันหน้ายังไง set50 ก็ต้องปรับขึ้น แต่อาจนานหน่อย
5.ไม่่รู้ว่าผมคิดถูกหรือเปล่า ช่วยแนะนำมือใหม่ด้วยครับ
ขอถามเรื่อง TDEX ครับ
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามเรื่อง TDEX ครับ
โพสต์ที่ 2
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ข้อ 1
ดูแล้วน่าจะปันผลทุกปีได้ครับแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ
ของหุ้นทั้ง 50 ตัวที่คำนวณในดัชนีครับ ว่าจะจ่ายปันผลได้ไหม
ข้อ 2
ข้อดี คือ ช่วยกระจายความเสี่ยงในแง่ที่ว่าลงทุนในหุ้นหลายตัวครับ
หุ้นตัวใดตัวหนึ่งขาดทุนก็ยังมีตัวอื่นฉุด ดังนั้น พอร์ตจะไม่ผันผวนมากกว่า
หลักการของกองทุนนี้จะพยายามลงทุนให้เหมือนดัชนี SET50 เลยคับ
ดังนั้นผลตอบแทนโดยเฉลี่ยก็คงจะไม่มากไปกว่านั้นด้วย
รวมแล้วน่าจะประมาณ 10-15 % ต่อในระยะยาว
ค่าใช้จ่ายกองทุน หรือ พวกคอมมิชชั่นก็ต่ำครับ
สภาพคล่องใช้ได้ครับ เพราะเทรดในตลาดหุ้นด้วย
ข้อเสีย คือ ผลตอบแทนครับ อาจจะได้ไม่เยอะเท่ากับการลงทุนในหุ้นเป็นตัวๆ
ข้อ 3
ผมคิดว่าต้องดูว่ายอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหนด้วยนะครับ
ดูเงินปันผลอย่างเดียวคงจะไม่พอ เพราะถึงแม้จะกระจายความเสี่ยง
โดยการลงทุนในหุ้นหลายๆตัว แต่ก็ยังถือเป็นการลงทุนในหุ้นอยู่ดี
ซึ่งโอกาสที่จะไม่ได้ผลตอบแทนตามที่ตั้งไว้ หรือ โอกาสที่จะขาดทุน
จากเงินต้นก็มีเช่นกันครับ
ข้อ 4
เรื่อง ปลอดภัย ผมคิดว่าจะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวครับ
ผมว่าน่าจะเรียกว่า ผันผวนน้อยกว่า การลงทุนในหุ้นเป็นรายตัวโดยส่วนใหญ่
มากกว่าครับ ถามว่าขึ้นแน่นอนไหม ถ้าเอาตามข้อมูลในอดีต ตลาดหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นแน่นอนครับ แต่ระยะเวลาอาจจะนานสักหน่อย
ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาว มากกว่า 10 ปี ผมเห็นด้วยนะครับ
ข้อ 5
มีหนังสือที่อธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดครับ ลองศึกษาดูได้ครับ
เีขียนโดย คุณ สมจิืนต์ ศรไพศาล ชื่อหนังสือผมไม่แน่ใจครับ
เลยไม่ขอพิมพ์ให้นะคับ
ปล. ผมแนะนำว่าถ้าอยากจะลงทุนในลักษณะนี้
ลองเลือกหุ้นจาก SET50 ให้เหลือ ไม่เกิน 25 คัว ที่คุณรู้จักดี และมั่นใจในศักยภาพของธุรกิจ แล้วลงทุนเท่าๆกัน
โดยใช้วิธีเฉลี่ยลงทุน ( Dollar Cost Averaging ) น่าจะดีกว่านะครับ
ผมคิดว่าน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ในขณะที่ความเสี่ยงโดยรวมลดลง
หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
ข้อ 1
ดูแล้วน่าจะปันผลทุกปีได้ครับแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ
ของหุ้นทั้ง 50 ตัวที่คำนวณในดัชนีครับ ว่าจะจ่ายปันผลได้ไหม
ข้อ 2
ข้อดี คือ ช่วยกระจายความเสี่ยงในแง่ที่ว่าลงทุนในหุ้นหลายตัวครับ
หุ้นตัวใดตัวหนึ่งขาดทุนก็ยังมีตัวอื่นฉุด ดังนั้น พอร์ตจะไม่ผันผวนมากกว่า
หลักการของกองทุนนี้จะพยายามลงทุนให้เหมือนดัชนี SET50 เลยคับ
ดังนั้นผลตอบแทนโดยเฉลี่ยก็คงจะไม่มากไปกว่านั้นด้วย
รวมแล้วน่าจะประมาณ 10-15 % ต่อในระยะยาว
ค่าใช้จ่ายกองทุน หรือ พวกคอมมิชชั่นก็ต่ำครับ
สภาพคล่องใช้ได้ครับ เพราะเทรดในตลาดหุ้นด้วย
ข้อเสีย คือ ผลตอบแทนครับ อาจจะได้ไม่เยอะเท่ากับการลงทุนในหุ้นเป็นตัวๆ
ข้อ 3
ผมคิดว่าต้องดูว่ายอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหนด้วยนะครับ
ดูเงินปันผลอย่างเดียวคงจะไม่พอ เพราะถึงแม้จะกระจายความเสี่ยง
โดยการลงทุนในหุ้นหลายๆตัว แต่ก็ยังถือเป็นการลงทุนในหุ้นอยู่ดี
ซึ่งโอกาสที่จะไม่ได้ผลตอบแทนตามที่ตั้งไว้ หรือ โอกาสที่จะขาดทุน
จากเงินต้นก็มีเช่นกันครับ
ข้อ 4
เรื่อง ปลอดภัย ผมคิดว่าจะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวครับ
ผมว่าน่าจะเรียกว่า ผันผวนน้อยกว่า การลงทุนในหุ้นเป็นรายตัวโดยส่วนใหญ่
มากกว่าครับ ถามว่าขึ้นแน่นอนไหม ถ้าเอาตามข้อมูลในอดีต ตลาดหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นแน่นอนครับ แต่ระยะเวลาอาจจะนานสักหน่อย
ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาว มากกว่า 10 ปี ผมเห็นด้วยนะครับ
ข้อ 5
มีหนังสือที่อธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดครับ ลองศึกษาดูได้ครับ
เีขียนโดย คุณ สมจิืนต์ ศรไพศาล ชื่อหนังสือผมไม่แน่ใจครับ
เลยไม่ขอพิมพ์ให้นะคับ
ปล. ผมแนะนำว่าถ้าอยากจะลงทุนในลักษณะนี้
ลองเลือกหุ้นจาก SET50 ให้เหลือ ไม่เกิน 25 คัว ที่คุณรู้จักดี และมั่นใจในศักยภาพของธุรกิจ แล้วลงทุนเท่าๆกัน
โดยใช้วิธีเฉลี่ยลงทุน ( Dollar Cost Averaging ) น่าจะดีกว่านะครับ
ผมคิดว่าน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ในขณะที่ความเสี่ยงโดยรวมลดลง
หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- apothecary
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามเรื่อง TDEX ครับ
โพสต์ที่ 4
ตอบได้เยี่ยมครับ ยังกะคุณ มนตรี ศรไพศาล มาเองเลยครับ
นอนตื่นขึ้นมา เงินก็จะงอกเงย ZZzzzZZzz อิอิ