ครั้งหนึ่งใน 7-11
- PrasertsakK
- Verified User
- โพสต์: 286
- ผู้ติดตาม: 0
ครั้งหนึ่งใน 7-11
โพสต์ที่ 1
เวลาจะจ่ายเงินใน 7-11 เราทุกคนก็รู้ว่าพนักงานขายมักจะถามคำถามที่เราต้องส่ายหัวอยู่บ่อย ๆ เช่น รับน้ำและซาละเปาเิพิ่มไหมค่ะ แล้วถ้าวันดีคืนดี คุณอยากได้น้ำเพิ่ม แล้วคุณก็ตอบว่ารับน้ำเพิ่มหน่อย แต่พนักงานขายกลับบอกว่าน้ำมันอยู่ในตู้ไง(พูดประมาณว่าทำไมโง่จังไม่รู้หรือว่าน้ำอยู่ไหน) ไปหยิบเองซิ แล้วเราจะทำไงดี
พอดีเพื่อนเจอเลยเอามา share
พอดีเพื่อนเจอเลยเอามา share
- PrasertsakK
- Verified User
- โพสต์: 286
- ผู้ติดตาม: 0
ครั้งหนึ่งใน 7-11
โพสต์ที่ 2
ถามเพิ่มเติมอีกหน่อยว่า เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ชาว VI ให้ว่า marketing ลักษณะนี้มันได้ผลไหมครับ เพราะว่าผมไม่เคยจะตอบ YES เลย จริง ๆ มันให้ความรู้สึกเป็น negative เล็ก ๆ เลย ประมาณว่าบางทีอยากซื้ออยู่แต่พอดีเขาถามเลยไม่ดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ครั้งหนึ่งใน 7-11
โพสต์ที่ 3
ดิฉันเคยไปญี่ปุ่นเมื่อซักสิบปีก่อนได้ (ซึ่งเดี๋ยวนี้อาจจะมีพัฒนาการมากกว่าเดิมไปแล้ว)
เวลาเขาแจกใบปลิวโฆษณา เขาไม่ค่อยแจกเป็นใบๆ แบบแจกไปงั้น ไรเงี้ยค่ะ
เขาก็จะยืนแจกตามข้างถนน หน้าห้าง หรือทางขึ้นสะพานลอย ก็คล้ายๆบ้านเรา
แต่..สิ่งนึงที่แตกต่าง เขาจะแจกเป็นของที่ใช้ประโยชน์ได้ เช่น ลูกอม ยาดม กระดาษทิชชู ...etc. ซึ่งสิ่งของเหล่านั้นน่ะ ก็จะติดหราเป็นโฆษณาของร้านเขา หรือข้อความที่ต้องการจะส่งสานส์มายังลูกค้าของบริษัทนั้นๆ
เขาบอกว่า คนจะได้ไม่รับไปขยำทิ้งเปล่าๆ(โดยที่หลายท่านก็รับไปงั้น ไม่เคยได้อ่านเลย) เสียเวลา เปลืองงบ ไม่มีประโยชน์ทั้งผู้แจกและผู้รับ
แล้วก้เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดี ที่เป็นมิตรต่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น ประเภทกระดาษทิชชู แจกในหน้าร้อน แจกในจุดที่คนเดินตากแดด เหงื่อต้องออกแหงเลย อะไรแบบนี้ จะได้ความรู้สึกที่ดีจากผู้รับทิชชูนั้นไปในตอนนั้น
สิบปีให้หลัง จากนั้นมา หันมามองในบ้านเรา ก็เริ่มมีการแจกเป็นสิ่งของบ้างประปราย แต่จะมักเป็นการแจกสินค้าทดลอง หรือสินค้าออกใหม่ ประมาณว่า อยากให้มาทดลองใช้จังนะคะ ...มากกว่าที่จะเป็นการแจก(ที่ดูเผินๆ) เหมือนการแจกเพื่อเต็มใจที่จะใส่ใจคุณลูกค้าในยามที่เขาต้องการ (เช่น ทิชชูเช็ดเหงื่อกลางแดดร้อน ระหว่างที่ต้องเดินท่อมๆไปขึ้นรถเมล์หรือรถไฟ,ทั้งๆที่บริษัทที่แจกนั้น ไม่ได้จะขายทิชชูเลย)
อันนี้ ไม่ค่อยเคยเห็นในบ้านเรา (หรืออย่างน้อย ดิฉันคงยังไม่เคยเห็นเองน่ะ)
นั่นคือกลยุทธง่ายๆ ของแจแปน เมื่อยุคสิบปีที่แล้ว (เขาบอกว่านั่นคือขั้นง่ายๆที่ฝ่ายโปรโมทควรคิดได้ ,แต่ในใจดิฉันตอนนั้นคิดว่า อืม..เป็นกลยุทธที่ล้ำลึกใช้ได้เลย เป็นการจับหลักจิตทวิทยาเลยนะนั่น)
แต่ สิบปีให้หลัง โดยส่วนใหญ่ ก็ยังเห็นใบปลิวโฆษณาบ้านเรา ก็คล้ายๆเดิมๆ คนแจกก็จะแจกๆแทบจะยัดๆให้ใส่มือ ดังประหนึ่งว่า ...รับๆไปสิคับ จะได้หมดปึกซะที ป๋มอยากกลับบ้านแล้ว :lol:
เวลาเขาแจกใบปลิวโฆษณา เขาไม่ค่อยแจกเป็นใบๆ แบบแจกไปงั้น ไรเงี้ยค่ะ
เขาก็จะยืนแจกตามข้างถนน หน้าห้าง หรือทางขึ้นสะพานลอย ก็คล้ายๆบ้านเรา
แต่..สิ่งนึงที่แตกต่าง เขาจะแจกเป็นของที่ใช้ประโยชน์ได้ เช่น ลูกอม ยาดม กระดาษทิชชู ...etc. ซึ่งสิ่งของเหล่านั้นน่ะ ก็จะติดหราเป็นโฆษณาของร้านเขา หรือข้อความที่ต้องการจะส่งสานส์มายังลูกค้าของบริษัทนั้นๆ
เขาบอกว่า คนจะได้ไม่รับไปขยำทิ้งเปล่าๆ(โดยที่หลายท่านก็รับไปงั้น ไม่เคยได้อ่านเลย) เสียเวลา เปลืองงบ ไม่มีประโยชน์ทั้งผู้แจกและผู้รับ
แล้วก้เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดี ที่เป็นมิตรต่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น ประเภทกระดาษทิชชู แจกในหน้าร้อน แจกในจุดที่คนเดินตากแดด เหงื่อต้องออกแหงเลย อะไรแบบนี้ จะได้ความรู้สึกที่ดีจากผู้รับทิชชูนั้นไปในตอนนั้น
สิบปีให้หลัง จากนั้นมา หันมามองในบ้านเรา ก็เริ่มมีการแจกเป็นสิ่งของบ้างประปราย แต่จะมักเป็นการแจกสินค้าทดลอง หรือสินค้าออกใหม่ ประมาณว่า อยากให้มาทดลองใช้จังนะคะ ...มากกว่าที่จะเป็นการแจก(ที่ดูเผินๆ) เหมือนการแจกเพื่อเต็มใจที่จะใส่ใจคุณลูกค้าในยามที่เขาต้องการ (เช่น ทิชชูเช็ดเหงื่อกลางแดดร้อน ระหว่างที่ต้องเดินท่อมๆไปขึ้นรถเมล์หรือรถไฟ,ทั้งๆที่บริษัทที่แจกนั้น ไม่ได้จะขายทิชชูเลย)
อันนี้ ไม่ค่อยเคยเห็นในบ้านเรา (หรืออย่างน้อย ดิฉันคงยังไม่เคยเห็นเองน่ะ)
นั่นคือกลยุทธง่ายๆ ของแจแปน เมื่อยุคสิบปีที่แล้ว (เขาบอกว่านั่นคือขั้นง่ายๆที่ฝ่ายโปรโมทควรคิดได้ ,แต่ในใจดิฉันตอนนั้นคิดว่า อืม..เป็นกลยุทธที่ล้ำลึกใช้ได้เลย เป็นการจับหลักจิตทวิทยาเลยนะนั่น)
แต่ สิบปีให้หลัง โดยส่วนใหญ่ ก็ยังเห็นใบปลิวโฆษณาบ้านเรา ก็คล้ายๆเดิมๆ คนแจกก็จะแจกๆแทบจะยัดๆให้ใส่มือ ดังประหนึ่งว่า ...รับๆไปสิคับ จะได้หมดปึกซะที ป๋มอยากกลับบ้านแล้ว :lol:
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ครั้งหนึ่งใน 7-11
โพสต์ที่ 4
ผมคิดว่ากรณีของเพื่อนคุณ PrasertsakK น่าจะเป็นกรณีพิเศษนะครับ
เพราะดูเหมือนว่าพนักงาน 7-11 สาขานั้นอาจจะไม่ได้รับการฝึก
ในการต้อนรับลูกค้าให้ได้มาตรฐานซึ่งปกติแล้วผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น
ส่วนกลยุทธ์ที่ใช้ผมว่าบางทีก็ได้ผลนะครับ แล้วแต่คนมากกว่า
โดยทั่วไปผมก็ตอบเหมือนคุณ PrasertsakK แต่ในบางครั้ง
ถึงแม้ผมจะตอบไม่ แต่ผมก็รู้สึกว่าอยากจะทานขนมจีบหรือซาลาเปา
ขึ้นมาเหมือนกัน ซึ่งอาจจะมีอีกหลายคนที่รู้สึกและตอบใช่ก็ได้นะครับ
ผมคิดว่ากลยุทธ์นี้แทบไม่ต้องเปลืองงบประมาณอะไรมากมายเลย
แค่ให้พนักงานพูดเพิ่มเติมไม่กี่คำเวลาลูกค้ารอชำระสินค้า
แต่กลับช่วยเพิ่มยอดขายได้ด้วยในบางครั้ง
ส่วนตัวผมจึงเห็นด้วยกับกลยุทธ์นี้ครับ
เพียงแต่ควรจะถ้าใช้อย่างเป็นมิตรและระมัดระวัง
ไม่ใช่เป็นการยัดเยียดให้กับลูกค้า
เพราะดูเหมือนว่าพนักงาน 7-11 สาขานั้นอาจจะไม่ได้รับการฝึก
ในการต้อนรับลูกค้าให้ได้มาตรฐานซึ่งปกติแล้วผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น
ส่วนกลยุทธ์ที่ใช้ผมว่าบางทีก็ได้ผลนะครับ แล้วแต่คนมากกว่า
โดยทั่วไปผมก็ตอบเหมือนคุณ PrasertsakK แต่ในบางครั้ง
ถึงแม้ผมจะตอบไม่ แต่ผมก็รู้สึกว่าอยากจะทานขนมจีบหรือซาลาเปา
ขึ้นมาเหมือนกัน ซึ่งอาจจะมีอีกหลายคนที่รู้สึกและตอบใช่ก็ได้นะครับ
ผมคิดว่ากลยุทธ์นี้แทบไม่ต้องเปลืองงบประมาณอะไรมากมายเลย
แค่ให้พนักงานพูดเพิ่มเติมไม่กี่คำเวลาลูกค้ารอชำระสินค้า
แต่กลับช่วยเพิ่มยอดขายได้ด้วยในบางครั้ง
ส่วนตัวผมจึงเห็นด้วยกับกลยุทธ์นี้ครับ
เพียงแต่ควรจะถ้าใช้อย่างเป็นมิตรและระมัดระวัง
ไม่ใช่เป็นการยัดเยียดให้กับลูกค้า
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
-
- Verified User
- โพสต์: 311
- ผู้ติดตาม: 0
ครั้งหนึ่งใน 7-11
โพสต์ที่ 5
แถวบ้านผม
พี่แกถามว่าเอาบ๊วยไม๊ ผมบอกไม่เอา
แกบอก อร่อยนาพี่ ผมก็บอกว่าไม่
งั้นพี่รับ vcd ไม๊ ออกใหม่สนุกมาก
ผมถามเรื่องอะไร มันบอกว่ารอเดี๋ยวนะพี่ แล้วมันก็ตะโกนถามไอ้คนที่กำลังจัดของอยู่แถวตู้แช่
ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกจากร้านไม่ได้ฟังว่าหนังชื่ออะไร
กลัวว่าขืนยืนต่อมันคงถามว่า เอาถุงยางไม๊
พี่แกถามว่าเอาบ๊วยไม๊ ผมบอกไม่เอา
แกบอก อร่อยนาพี่ ผมก็บอกว่าไม่
งั้นพี่รับ vcd ไม๊ ออกใหม่สนุกมาก
ผมถามเรื่องอะไร มันบอกว่ารอเดี๋ยวนะพี่ แล้วมันก็ตะโกนถามไอ้คนที่กำลังจัดของอยู่แถวตู้แช่
ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกจากร้านไม่ได้ฟังว่าหนังชื่ออะไร
กลัวว่าขืนยืนต่อมันคงถามว่า เอาถุงยางไม๊
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
ครั้งหนึ่งใน 7-11
โพสต์ที่ 8
ผมเคยได้รับแจกอย่างที่พี่สายลับบอกเลย ที่ลาดพร้าว เป็นกระดาษทิชชูกับกระดาษโน๊ตของบริษัทให้กู้เงินสดจากญี่ปุ่น
ตอนนี้ยังเก็บไว้ในกระเป๋าอยู่เลยเพื่อได้ใช้
ตอนนี้ยังเก็บไว้ในกระเป๋าอยู่เลยเพื่อได้ใช้
Why not invest your assets in the companies you really like? As Mae West said, "Too much of a good thing can be wonderful."