ปลูกป่า = ส่งเสริมอาชญากรรมทำลายชาติ ???
-
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
ปลูกป่า = ส่งเสริมอาชญากรรมทำลายชาติ ???
โพสต์ที่ 1
ปลูกป่า = ส่งเสริมอาชญากรรมทำลายชาติ ???
ดร.โสภณ พรโชคชัย ([email protected])
12 ธันวาคม 2551
.
.
ภาพการปลูกป่าที่ดูน่ารัก - - แต่หารู้ไม่ มันช่วยให้อาชญกรได้หลบฉากสบาย ๆ
http://www.thairath.co.th/2550/newspic/ ... 7-6845.jpg
.
.
.
เพราะเราปลูกป่าได้ปีละเพียง 10,000 ไร่ แต่ป่าถูกทำลายปีละนับแสนไร่
ป่าที่ปลูกเสียเงินราว 500 ล้าน ตายไปเสียเท่าไหร่ก็ไม่รู้
เราปลูกป่าไปด้วยฝันว่าป่าไม้จะเพิ่มเพื่อลูกหลาน
แต่พอลืมตาตื่นกลับพบว่าป่าไม้ถูกทำลายไปหมดแล้ว
แฟชั่นการส่งเสริมการปลูกป่ากลับกลายเป็นการปกปิดประชาชนไม่ให้รู้ความจริง
เอาเงินที่ใช้ทั้งหลายไปจ้างอาสาสมัครตรวจสอบป่า ดูแลป่าให้ทั่วถึงไม่ดีกว่าหรือ
.
.
.
สืบ นาคะเสถียร <1> ยอมปลิดชีพตัวเองเพื่อกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาการบุกรุกทำลายป่าเมื่อ 18 ปีที่แล้ว นับเป็นวีรกรรมที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงวันนี้ ผมหวั่นเกรงว่าความตายของคุณสืบอาจกลายเป็นความสูญเปล่าหรือไม่ เพื่อระลึกถึงการพลีชีพของคุณสืบ ผมจึงขอร่วมสนับสนุนการรักษาป่าไม้และร่วมต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งจะสร้างความวิบัติต่อประเทศชาติ
.
ที่ถามว่าคุณสืบตายเปล่าหรือไม่ก็เพราะ ตามข้อมูลปี 2533 ประเทศไทยมีป่าไม้อยู่ทั้งสิ้น 87,488,536 ไร่ หรือคิดเป็น 27.3% ของพื้นที่ประเทศไทย แต่หลังจากที่คุณสืบตายไป 9 ปี คือ ณ ปี 2542 ป่าไม้เหลืออยู่เพียง 80,610,219 ไร่ หรือคิดเป็น 25.1% ของพื้นที่ประเทศไทย พื้นที่ป่าไม้หายไปถึง 6,878,317 ไร่ หรือเท่ากับ 7 เท่าของขนาดของกรุงเทพมหานคร
.
ถ้าหากเจาะลึกไปเฉพาะจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนหนึ่งของป่าห้วยขาแข้งจะพบว่า ในปี 2533 ที่คุณสืบเสียชีวิตนั้น ยังมีพื้นที่ป่าไม้อยู่ 1,686,863 ไร่ แต่พอถึงปี 2542 หรือ 9 ปีหลังจากนั้น พื้นที่ป่าหายไปเหลือ 1,610,219 ไร่ หรือหายไป 76,644 ไร่ หรือเท่ากับประมาณ 213 เท่าของขนาดสวนลุมพินี <2> กรุงเทพมหานคร หรือเท่ากับการสูญเสียพื้นที่ป่าประมาณขนาด 24 เท่าของสวนลุมพินีในแต่ละปีในจังหวัดอุทัยธานีที่คุณสืบเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องป่า
.
.
ภาพป่าไม้ถูกตัด
http://www.rakmuangthai.com/pr1/htdocs/ ... e-c607.jpg
.
.
พื้นที่ป่าไม้นับแต่หลังปี 2543 กลับมีขนาดเพิ่มขึ้น ซึ่งคงเป็นเพราะการนับรวมพื้นที่บางส่วนของ พื้นที่นอกการเกษตร เดิมให้ถือเป็นป่า จึงทำให้ป่าในปี 2548 กลับมีพื้นที่เพิ่มเป็น 32.7% จาก 25.1% ในปี 2542 อย่างไรก็ตามหากเอาอัตราการลดของพื้นที่ป่าแต่เดิม โดยพิจารณาจากอัตราการลดล่าสุด 4 ปีสุดท้าย (ปี 2539-2542) ของข้อมูลชุดเดิม อาจประมาณการได้ว่าพื้นที่ป่าไม้ในขณะนี้น่าจะลดลงเหลือเพียง 24% ของพื้นที่ประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่าพื้นที่ป่าไม้ของไทยลดลงไปถึง 578,121 ไร่ต่อปี
.
หากคิดบนฐานเดียวกันนี้ พื้นที่ป่าในจังหวัดอุทัยธานี น่าจะเหลือเพียง 1,589,355 ไร่ หรือ 37.8% ของพื้นที่ทั้งจังหวัด หรืออาจกล่าวได้ว่า พื้นที่ป่าไม้ในจังหวัดนี้ลดลงในช่วงปี 2533-2551 ถึง 97,508 ไร่ หรือเท่ากับหนึ่งในสิบของขนาดของกรุงเทพมหานคร
.
จากตัวเลขข้างต้นนี้ จึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเราสูญเสียคุณสืบไปเปล่า ๆ หรือไม่ ทำไมป่าจึงยังถูกทำลายอยู่แทบทุกวันไม่ขาดสาย
.
สิ่งที่ควรทบทวนอีกประการหนึ่งก็คือ กิจกรรมที่เราคิดว่าเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ของคุณสืบนั้น เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ เช่น การปลูกป่า ที่ผ่านมามีคณะบุคคลมากมายปลูกป่ากันยกใหญ่ แต่แล้วได้ผลเพียงใด เป็นเพียงการทำตามแฟชั่นหรือไม่
.
.
โปรดดูตารางการลดลงของป่าไม้ ที่
http://www.thaiappraisal.org/images/img ... orest2.gif
.
.
ท่านทราบหรือไม่ การปลูกป่าในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลลงทุนไปปีละ 500 - 600 ล้านบาท แต่สามารถปลูกป่าทดแทนเพิ่มได้เพียง 10,000 ไร่ต่อปี ขณะที่สัดส่วนการหายไปของพื้นที่ป่ามีนับแสนไร่ต่อปี <3> และเชื่อว่า ป่าที่ปลูกอย่างเป็นแฟชั่นนั้น อาจปลูกไม่รอดอีกไม่รู้จำนวนเท่าไหร่ ดังนั้นการปลูกป่าจึงอาจไม่ใช่แนวทางที่จะสืบทอดเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของคุณสืบ
.
ในการแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่านั้น รัฐบาลควรเน้นการปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าด้วยมาตรการทางกฎหมายเป็นสำคัญ ไม่ใช่การให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการปลูกป่า หากฉุกคิดกันสักนิด การส่งเสริมการปลูกป่าอาจเท่ากับเป็นการบิดเบือนประเด็น ทำให้สังคมส่วนรวมไม่มีโอกาสตระหนักถึงความจริงที่ทรัพยากรของประเทศถูกทำลายลงไปทุกวันเพราะหลงนึกว่าป่าสามารถปลูกเสริมแทนพอกัน
.
หากจะมีองค์กรพัฒนาเอกชนหรือ NGO (Non-governmental Organization) เพื่อช่วยประเทศชาติ ก็ควรเป็น NGO ที่เน้นบทบาทการ รายงาน-เปิดโปงการบุกรุกทำลายป่า มากกว่าการปลูกป่า ในการนี้คงไม่ใช่การส่งเสริมผู้ปฏิบัติงานของ NGO ไปแลกชีวิตกับอาชญากร แต่หากไม่กล้าลงพื้นที่ไปตรวจสอบจริง ๆ ทาง NGO ก็อาจร่วมกันระดมทุนบริจาคเพื่อจ้าง มืออาชีพ ไปสำรวจแล้วทางผู้ปฏิบัติงาน NGO ในสำนักงานค่อยมาเขียนรายงานเปิดโปงต่อสังคม เชื่อว่าการทำเช่นนี้คงช่วยปรามการบุกรุกป่าได้ชะงัดทีเดียว
.
เราควรเข้าใจให้ชัดเจนว่า การปลูกป่านั้น แม้ผู้ปลูกจะมีเจตนาที่ดีต่อสังคมและประเทศชาติ แต่ความดีที่บังเกิดนั้น ไม่ใช่ได้กับประเทศชาติเพราะเป็นการกระทำที่บิดเบือนและไม่มีประสิทธิผล ความดีนั้นบังเกิดกับคนทำดีเอาหน้ามากกว่ากับป่าไม้ของชาติ
.
ป่าของไทยเราถูกทำลายไปมากมาย คุณสืบ นาคะเสถียร ยอมตายเพื่อพิทักษ์ป่า นับเป็นการสละชีพเพื่อชาติโดยแท้ แต่ต่อให้ตายอีกนับสิบ สืบ ป่าก็ยังคงร่อยหรอลงทุกวัน หากเราไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการกับอาชญากรผู้ตัดไม้ทำลายป่า
.
อ้างอิง
.
<1> คุณสืบ นาคะเสถียร เป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่พยายามปกป้องป่าอย่างเข้มแข็ง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการบุกรุกของกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์ได้ จนในที่สุดตัดสินใจปลิดชีพตัวเองเพื่อกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงปัญหานี้เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2533 โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/สืบ_นาคะเสถียร หรือที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร http://www.seub.or.th/index/seub/seub_16.html
.
<2> โปรดดู http://th.wikipedia.org/wiki/สวนลุมพินี
.
<3> ข่าว ทส.ปลูกป่าเหลวสูญงบปีละ 500 ล้านแต่ป่าหายปีละแสนไร่ กรุงเทพธุรกิจ 28 มีนาคม 2550 http://www.bangkokbiznews.com/2007/03/2 ... wsid=61602
.
.
อ่านบทความนี้และอื่น ๆ ได้ที่
http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/marketbuy.php
มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
Knowledge Is Not Private Property
ดร.โสภณ พรโชคชัย ([email protected])
12 ธันวาคม 2551
.
.
ภาพการปลูกป่าที่ดูน่ารัก - - แต่หารู้ไม่ มันช่วยให้อาชญกรได้หลบฉากสบาย ๆ
http://www.thairath.co.th/2550/newspic/ ... 7-6845.jpg
.
.
.
เพราะเราปลูกป่าได้ปีละเพียง 10,000 ไร่ แต่ป่าถูกทำลายปีละนับแสนไร่
ป่าที่ปลูกเสียเงินราว 500 ล้าน ตายไปเสียเท่าไหร่ก็ไม่รู้
เราปลูกป่าไปด้วยฝันว่าป่าไม้จะเพิ่มเพื่อลูกหลาน
แต่พอลืมตาตื่นกลับพบว่าป่าไม้ถูกทำลายไปหมดแล้ว
แฟชั่นการส่งเสริมการปลูกป่ากลับกลายเป็นการปกปิดประชาชนไม่ให้รู้ความจริง
เอาเงินที่ใช้ทั้งหลายไปจ้างอาสาสมัครตรวจสอบป่า ดูแลป่าให้ทั่วถึงไม่ดีกว่าหรือ
.
.
.
สืบ นาคะเสถียร <1> ยอมปลิดชีพตัวเองเพื่อกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาการบุกรุกทำลายป่าเมื่อ 18 ปีที่แล้ว นับเป็นวีรกรรมที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงวันนี้ ผมหวั่นเกรงว่าความตายของคุณสืบอาจกลายเป็นความสูญเปล่าหรือไม่ เพื่อระลึกถึงการพลีชีพของคุณสืบ ผมจึงขอร่วมสนับสนุนการรักษาป่าไม้และร่วมต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งจะสร้างความวิบัติต่อประเทศชาติ
.
ที่ถามว่าคุณสืบตายเปล่าหรือไม่ก็เพราะ ตามข้อมูลปี 2533 ประเทศไทยมีป่าไม้อยู่ทั้งสิ้น 87,488,536 ไร่ หรือคิดเป็น 27.3% ของพื้นที่ประเทศไทย แต่หลังจากที่คุณสืบตายไป 9 ปี คือ ณ ปี 2542 ป่าไม้เหลืออยู่เพียง 80,610,219 ไร่ หรือคิดเป็น 25.1% ของพื้นที่ประเทศไทย พื้นที่ป่าไม้หายไปถึง 6,878,317 ไร่ หรือเท่ากับ 7 เท่าของขนาดของกรุงเทพมหานคร
.
ถ้าหากเจาะลึกไปเฉพาะจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนหนึ่งของป่าห้วยขาแข้งจะพบว่า ในปี 2533 ที่คุณสืบเสียชีวิตนั้น ยังมีพื้นที่ป่าไม้อยู่ 1,686,863 ไร่ แต่พอถึงปี 2542 หรือ 9 ปีหลังจากนั้น พื้นที่ป่าหายไปเหลือ 1,610,219 ไร่ หรือหายไป 76,644 ไร่ หรือเท่ากับประมาณ 213 เท่าของขนาดสวนลุมพินี <2> กรุงเทพมหานคร หรือเท่ากับการสูญเสียพื้นที่ป่าประมาณขนาด 24 เท่าของสวนลุมพินีในแต่ละปีในจังหวัดอุทัยธานีที่คุณสืบเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องป่า
.
.
ภาพป่าไม้ถูกตัด
http://www.rakmuangthai.com/pr1/htdocs/ ... e-c607.jpg
.
.
พื้นที่ป่าไม้นับแต่หลังปี 2543 กลับมีขนาดเพิ่มขึ้น ซึ่งคงเป็นเพราะการนับรวมพื้นที่บางส่วนของ พื้นที่นอกการเกษตร เดิมให้ถือเป็นป่า จึงทำให้ป่าในปี 2548 กลับมีพื้นที่เพิ่มเป็น 32.7% จาก 25.1% ในปี 2542 อย่างไรก็ตามหากเอาอัตราการลดของพื้นที่ป่าแต่เดิม โดยพิจารณาจากอัตราการลดล่าสุด 4 ปีสุดท้าย (ปี 2539-2542) ของข้อมูลชุดเดิม อาจประมาณการได้ว่าพื้นที่ป่าไม้ในขณะนี้น่าจะลดลงเหลือเพียง 24% ของพื้นที่ประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่าพื้นที่ป่าไม้ของไทยลดลงไปถึง 578,121 ไร่ต่อปี
.
หากคิดบนฐานเดียวกันนี้ พื้นที่ป่าในจังหวัดอุทัยธานี น่าจะเหลือเพียง 1,589,355 ไร่ หรือ 37.8% ของพื้นที่ทั้งจังหวัด หรืออาจกล่าวได้ว่า พื้นที่ป่าไม้ในจังหวัดนี้ลดลงในช่วงปี 2533-2551 ถึง 97,508 ไร่ หรือเท่ากับหนึ่งในสิบของขนาดของกรุงเทพมหานคร
.
จากตัวเลขข้างต้นนี้ จึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเราสูญเสียคุณสืบไปเปล่า ๆ หรือไม่ ทำไมป่าจึงยังถูกทำลายอยู่แทบทุกวันไม่ขาดสาย
.
สิ่งที่ควรทบทวนอีกประการหนึ่งก็คือ กิจกรรมที่เราคิดว่าเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ของคุณสืบนั้น เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ เช่น การปลูกป่า ที่ผ่านมามีคณะบุคคลมากมายปลูกป่ากันยกใหญ่ แต่แล้วได้ผลเพียงใด เป็นเพียงการทำตามแฟชั่นหรือไม่
.
.
โปรดดูตารางการลดลงของป่าไม้ ที่
http://www.thaiappraisal.org/images/img ... orest2.gif
.
.
ท่านทราบหรือไม่ การปลูกป่าในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลลงทุนไปปีละ 500 - 600 ล้านบาท แต่สามารถปลูกป่าทดแทนเพิ่มได้เพียง 10,000 ไร่ต่อปี ขณะที่สัดส่วนการหายไปของพื้นที่ป่ามีนับแสนไร่ต่อปี <3> และเชื่อว่า ป่าที่ปลูกอย่างเป็นแฟชั่นนั้น อาจปลูกไม่รอดอีกไม่รู้จำนวนเท่าไหร่ ดังนั้นการปลูกป่าจึงอาจไม่ใช่แนวทางที่จะสืบทอดเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของคุณสืบ
.
ในการแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่านั้น รัฐบาลควรเน้นการปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าด้วยมาตรการทางกฎหมายเป็นสำคัญ ไม่ใช่การให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการปลูกป่า หากฉุกคิดกันสักนิด การส่งเสริมการปลูกป่าอาจเท่ากับเป็นการบิดเบือนประเด็น ทำให้สังคมส่วนรวมไม่มีโอกาสตระหนักถึงความจริงที่ทรัพยากรของประเทศถูกทำลายลงไปทุกวันเพราะหลงนึกว่าป่าสามารถปลูกเสริมแทนพอกัน
.
หากจะมีองค์กรพัฒนาเอกชนหรือ NGO (Non-governmental Organization) เพื่อช่วยประเทศชาติ ก็ควรเป็น NGO ที่เน้นบทบาทการ รายงาน-เปิดโปงการบุกรุกทำลายป่า มากกว่าการปลูกป่า ในการนี้คงไม่ใช่การส่งเสริมผู้ปฏิบัติงานของ NGO ไปแลกชีวิตกับอาชญากร แต่หากไม่กล้าลงพื้นที่ไปตรวจสอบจริง ๆ ทาง NGO ก็อาจร่วมกันระดมทุนบริจาคเพื่อจ้าง มืออาชีพ ไปสำรวจแล้วทางผู้ปฏิบัติงาน NGO ในสำนักงานค่อยมาเขียนรายงานเปิดโปงต่อสังคม เชื่อว่าการทำเช่นนี้คงช่วยปรามการบุกรุกป่าได้ชะงัดทีเดียว
.
เราควรเข้าใจให้ชัดเจนว่า การปลูกป่านั้น แม้ผู้ปลูกจะมีเจตนาที่ดีต่อสังคมและประเทศชาติ แต่ความดีที่บังเกิดนั้น ไม่ใช่ได้กับประเทศชาติเพราะเป็นการกระทำที่บิดเบือนและไม่มีประสิทธิผล ความดีนั้นบังเกิดกับคนทำดีเอาหน้ามากกว่ากับป่าไม้ของชาติ
.
ป่าของไทยเราถูกทำลายไปมากมาย คุณสืบ นาคะเสถียร ยอมตายเพื่อพิทักษ์ป่า นับเป็นการสละชีพเพื่อชาติโดยแท้ แต่ต่อให้ตายอีกนับสิบ สืบ ป่าก็ยังคงร่อยหรอลงทุกวัน หากเราไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการกับอาชญากรผู้ตัดไม้ทำลายป่า
.
อ้างอิง
.
<1> คุณสืบ นาคะเสถียร เป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่พยายามปกป้องป่าอย่างเข้มแข็ง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการบุกรุกของกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์ได้ จนในที่สุดตัดสินใจปลิดชีพตัวเองเพื่อกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงปัญหานี้เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2533 โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/สืบ_นาคะเสถียร หรือที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร http://www.seub.or.th/index/seub/seub_16.html
.
<2> โปรดดู http://th.wikipedia.org/wiki/สวนลุมพินี
.
<3> ข่าว ทส.ปลูกป่าเหลวสูญงบปีละ 500 ล้านแต่ป่าหายปีละแสนไร่ กรุงเทพธุรกิจ 28 มีนาคม 2550 http://www.bangkokbiznews.com/2007/03/2 ... wsid=61602
.
.
อ่านบทความนี้และอื่น ๆ ได้ที่
http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/marketbuy.php
มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
Knowledge Is Not Private Property
-
- Verified User
- โพสต์: 590
- ผู้ติดตาม: 0
ปลูกป่า = ส่งเสริมอาชญากรรมทำลายชาติ ???
โพสต์ที่ 3
ปัญหาสิ่งแวดล้อม โลกร้อน ในทางเศรษฐศาสตร์มันเกิด Free Rider ครับ
ใครช่วยสิ่งแวดล้อม ต้นทุนการผลิตจะเพิ่ม เราประเทศเล็กๆช่วยอะไรไม่ได้ครับ ถึงไม่มีคนไทยในโลกๆก็ร้อนครับ
เราควรศึกษาวิธีการเห็นแก่ตัวแบบแนบเนียนอย่างประเทศออสเตรเลียที่มีถ่านหินเยอะ ปล่อย co2 ต่อประชากรเป็นอันดับ1ของโลก แต่รักปลาโลมา คนทั่วโลกเลยยกย่องออสเตรเลีย
ที่บราซิลเนื้อที่เยอะเทียบกับประชากร จึงมีการบุกรุกป่าอเมซอนมาปลูกเอทานอล ทำให้เศรษฐกิจไตรมาสล่าสุดยังโตได้ 8 % ประโยชน์เกิดแก่ประเทศบราซิล แต่ส่งผลร้ายต่อโลก
ไทยเราน่าจะลดประชากรมากกว่า 63 ล้านรวมแรงงานอพยพน่าจะ 5 ล้านมันมากไปแล้ว โดยเริ่มจากการไม่รับแรงงานพม่าอีกแล้ว คนพม่าต้องเป็นปัญหาชองชาวโลกได้แล้วครับ
ใครช่วยสิ่งแวดล้อม ต้นทุนการผลิตจะเพิ่ม เราประเทศเล็กๆช่วยอะไรไม่ได้ครับ ถึงไม่มีคนไทยในโลกๆก็ร้อนครับ
เราควรศึกษาวิธีการเห็นแก่ตัวแบบแนบเนียนอย่างประเทศออสเตรเลียที่มีถ่านหินเยอะ ปล่อย co2 ต่อประชากรเป็นอันดับ1ของโลก แต่รักปลาโลมา คนทั่วโลกเลยยกย่องออสเตรเลีย
ที่บราซิลเนื้อที่เยอะเทียบกับประชากร จึงมีการบุกรุกป่าอเมซอนมาปลูกเอทานอล ทำให้เศรษฐกิจไตรมาสล่าสุดยังโตได้ 8 % ประโยชน์เกิดแก่ประเทศบราซิล แต่ส่งผลร้ายต่อโลก
ไทยเราน่าจะลดประชากรมากกว่า 63 ล้านรวมแรงงานอพยพน่าจะ 5 ล้านมันมากไปแล้ว โดยเริ่มจากการไม่รับแรงงานพม่าอีกแล้ว คนพม่าต้องเป็นปัญหาชองชาวโลกได้แล้วครับ
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ปลูกป่า = ส่งเสริมอาชญากรรมทำลายชาติ ???
โพสต์ที่ 4
ผมว่าการทำความดีไม่จำเป็นว่าผลที่บังเกิดจะเกิดกับใครนะครับอ้างอิืงจากบทความ เขียน:เราควรเข้าใจให้ชัดเจนว่า การปลูกป่านั้น แม้ผู้ปลูกจะมีเจตนาที่ดีต่อสังคมและประเทศชาติ แต่ความดีที่บังเกิดนั้น ไม่ใช่ได้กับประเทศชาติเพราะเป็นการกระทำที่บิดเบือนและไม่มีประสิทธิผล ความดีนั้นบังเกิดกับคนทำดีเอาหน้ามากกว่ากับป่าไม้ของชาติ
ขอแค่ตั้งใจตั้งมั่นจะทำความดี ผมว่ามันก็เพียงพอแล้ว
(สำหรับคนตั้งใจทำความดีจริงๆ)
ผมว่าไม่นะครับ การส่งเสริมการปลูกป่าเป็นการทำให้สังคมตระหนักอ้างอิืงจากบทความ เขียน:ในการแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่านั้น รัฐบาลควรเน้นการปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าด้วยมาตรการทางกฎหมาย
เป็นสำคัญ ไม่ใช่การให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการปลูกป่า หากฉุกคิดกันสักนิดการส่งเสริมการปลูกป่าอาจเท่ากับเป็นการบิดเบือน
ประเด็นทำให้สังคมส่วนรวมไม่มีโอกาสตระหนักถึงความจริงที่ทรัพยากร
ของประเทศถูกทำลายลงไปทุกวันเพราะหลงนึกว่าป่าสามารถ
ปลูกเสริมแทนพอกัน
ว่าทรัพยากรป่าไม้กำลังถูกทำลาย และ ขาดแคลน ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันปลูกป่าเพิ่มเติม
การบิดเบือนหรือไม่บิดเบือนผมว่าอยู่ที่การรณรงค์ชัดเจนเพียงใด
มากกว่าครับ การที่คนเราหลงนึกว่าป่าไม้สามารถปลูกแทนได้
ผมคิดว่ามันเป็นเพราะเราไม่ได้เน้นให้ความเข้าใจก่อนว่า
ทำไมเราจึงต้องปลูกป่า
แต่ผมยอมรับว่าการณรงค์การปลูกป่าอย่างเดียวย่อมไม่สามารถ
ช่วยให้จำนวนป่าไม้กลับมาเหมือนเดิมได้ การแก้ไขที่ตนเหตุ
อย่างที่บทความนี้ได้กล่าวถึง มาตรการป้ิองกันการตัดไม้ทำลายป่า
น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ผมคิดว่ายังไงก็ควรจะทำควบคู่ไปกับการปลูกป่าครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.