ความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ
การเปิดการค้าเสรีของอาเซียน หรือ AFTA (ASEAN FREE TRADE AREA) ที่ประเทศไทยต้องลดภาษีนำเข้าน้ำมันปาล์มให้เหลือร้อยละ 0-5 รวมทั้งต้องยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ทั้งหมด ทำให้ท้ายที่สุดราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศจะถูกกำหนดโดยราคาตลาดโลกซึ่งมีราคาต่ำกว่าโดยเปรียบเทียบ ทั้งนี้ต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมันของไทยยังค่อนข้างสูงโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย จะเสียเปรียบในเชิงแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย และการที่ปริมาณผลปาล์มน้ำมันภายในประเทศมีความไม่สม่ำเสมอและไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เกิดสถานการณ์ปริมาณน้ำมันปาล์มเกินความต้องการ โรงงานผู้ผลิตหลายแห่งต้องทำการส่งออกเพื่อลดปริมาณ Stock ภายในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้สำหรับบริษัทได้มีการติดตามสถานการณ์ในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด และในระยะยาวบริษัทมีมาตรการรองรับการแข่งขัน
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
-
- Verified User
- โพสต์: 403
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 31
ผมนำเอกสารจาก form 56-1 ของ CPI มาครับ ในเรื่องปัจจัยความเสี่ยง
ท้าชนความคิด vi ทุกสถาบัน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 32
อิอิ...เขียนเองเออเอง :lol:
เขียนถึงหุ้นตั้งหลายตัว ไม่เห็นเพื่อนๆที่มีหุ้นเหล่านั้นอยู่เข้ามาคุยเลยครับ
หรือหลายท่านชอบอ่านอย่างเดียว
คุยต่อดีกว่าครับ
คุณ Forrest Gump ราคาปาล์มที่ไทยถูกกว่ามาเลเซีย คือผลปาล์มสดครับ แต่ให้ถูกอย่างไร เราคงไม่สามารถไปขายให้มาเลเซียได้แน่นอน เพราะค่าขนส่งกินหมดครับ ผลปาล์มทะลายจะหนักมากครับ ลำพังแค่ข้ามจังหวัดก็แย่แล้วครับ ส่วนเรืองผู้บริหารของ CPI ผมก็เชื่อและหวังเช่นนั้นครับ
คุณ wpong ครับผมชื่นชมวิธีการวิเคราะห์หุ้นของคุณ wpong มากครับ
เพราะได้มุมมองแปลกๆ ใหม่ๆ บ่อยครับ สำหรับ PL ผมคิดว่าเป็นหุ้นเกือบสมบูรณ์แบบเหมือน SE-ED ครับ แต่ก็ยังมีข้อให้ควรระวังบ้างเหมือน SE-ED เช่นกัน ข้อดีผมคงไม่พูดถึงครับ เพราะเพื่อนๆพูดกันมาแล้ว ข้อเสียของ PL เท่าที่ผมจะคิดได้คือเรื่องโครงสร้างของเงินทุนครับ คือ
PL มี DE ประมาณ 3-4 เท่า
NVL ประมาณ 2-3 เท่า
SPL ประมาณ 5-6 เท่า
BBL ประมาณ 10 เท่า
KBANK ประมาณ 12-14 เท่า
หาก PL ยังขยายพอร์ทรถยนต์ในอัตราอย่างนี้ คงไม่พ้นต้องเพิ่มทุนเร็วๆ นี้ครับ ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสียทีเดียว เพราะที่สุดบริษัทก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้นและชดเชยให้กับผู้ถือหุ้นครับ แต่ผู้ถือหุ้น PL คงต้องเตรียมเงินสดไว้ในกรณีอย่างนี้ เหมือนที่คุณ wpong เคยตั้งข้อสังเกตไว้ครับ
และอีกเรื่องคือ PL อาจจะเป็นเป้าหมายการควบรวมกิจการจาก KBANK ครับ เพราะเครือกสิกรไทยก็เป็นผู้ถือหุ้นหลักของ PL อยู่แล้ว ส่วนที่เหลือประมาณ 50% ก็เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยครับ อาจจะเป็นเหตผลที่ราคาหุ้น PL ไม่เคยขึ้นไปได้สูง แม้ผมประกอบการจะดีขึ้นมากเพราะแรงขายจากรายย่อยของ PL มีมากทีเดียว
เขียนถึงหุ้นตั้งหลายตัว ไม่เห็นเพื่อนๆที่มีหุ้นเหล่านั้นอยู่เข้ามาคุยเลยครับ
หรือหลายท่านชอบอ่านอย่างเดียว

คุยต่อดีกว่าครับ
คุณ Forrest Gump ราคาปาล์มที่ไทยถูกกว่ามาเลเซีย คือผลปาล์มสดครับ แต่ให้ถูกอย่างไร เราคงไม่สามารถไปขายให้มาเลเซียได้แน่นอน เพราะค่าขนส่งกินหมดครับ ผลปาล์มทะลายจะหนักมากครับ ลำพังแค่ข้ามจังหวัดก็แย่แล้วครับ ส่วนเรืองผู้บริหารของ CPI ผมก็เชื่อและหวังเช่นนั้นครับ
คุณ wpong ครับผมชื่นชมวิธีการวิเคราะห์หุ้นของคุณ wpong มากครับ
เพราะได้มุมมองแปลกๆ ใหม่ๆ บ่อยครับ สำหรับ PL ผมคิดว่าเป็นหุ้นเกือบสมบูรณ์แบบเหมือน SE-ED ครับ แต่ก็ยังมีข้อให้ควรระวังบ้างเหมือน SE-ED เช่นกัน ข้อดีผมคงไม่พูดถึงครับ เพราะเพื่อนๆพูดกันมาแล้ว ข้อเสียของ PL เท่าที่ผมจะคิดได้คือเรื่องโครงสร้างของเงินทุนครับ คือ
PL มี DE ประมาณ 3-4 เท่า
NVL ประมาณ 2-3 เท่า
SPL ประมาณ 5-6 เท่า
BBL ประมาณ 10 เท่า
KBANK ประมาณ 12-14 เท่า
หาก PL ยังขยายพอร์ทรถยนต์ในอัตราอย่างนี้ คงไม่พ้นต้องเพิ่มทุนเร็วๆ นี้ครับ ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสียทีเดียว เพราะที่สุดบริษัทก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้นและชดเชยให้กับผู้ถือหุ้นครับ แต่ผู้ถือหุ้น PL คงต้องเตรียมเงินสดไว้ในกรณีอย่างนี้ เหมือนที่คุณ wpong เคยตั้งข้อสังเกตไว้ครับ
และอีกเรื่องคือ PL อาจจะเป็นเป้าหมายการควบรวมกิจการจาก KBANK ครับ เพราะเครือกสิกรไทยก็เป็นผู้ถือหุ้นหลักของ PL อยู่แล้ว ส่วนที่เหลือประมาณ 50% ก็เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยครับ อาจจะเป็นเหตผลที่ราคาหุ้น PL ไม่เคยขึ้นไปได้สูง แม้ผมประกอบการจะดีขึ้นมากเพราะแรงขายจากรายย่อยของ PL มีมากทีเดียว

การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 33
ข้อเสียอีกข้อของ PL ก็คือ Barrier of Entry ต่ำครับ ประตูของธุรกิจนี้เปิดกว้างมาก อันที่จริงบริษัทลีสซิ่งอย่าง SPL มีพอร์ต Financial Lease หรือ Operating Lease อยู่แล้วแต่ไม่มาก หากขยายตลาดจริงๆคงต้องกระทบแน่นอนครับ
- 10 จุดแล้วครับ หุๆๆ
- 10 จุดแล้วครับ หุๆๆ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
-
- Verified User
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 34
ความเสี่ยงที่น่ากลัวอีกอันหนึ่งของ PL คือ บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า และฮอนด้า ลงมาเล่นเองครับ เพราะต้นทุนจะต่ำกว่ามาก ศูนย์บริการและพนักงานขายก็มีกระจายอยู่ทั่วประเทศแล้ว ในอเมริกากิจการให้เช่ารถแบบนี้ก็ทำโดยบริษัทผู้ผลิตครับ แต่ที่ยังไม่เกิดในประเทศไทยอาจจะเป็นเพราะตลาดเช่ารถแบบที่ PL ทำอยู่ในบ้านเราขณะนี้ยังถือว่าเล็กมาก
-
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 35
พี่มือล่องหน ครับขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
ในส่วนที่พี่เห็นว่า
ส่วน PL นั้นที่ gm เท่าเดิมแต่ค่าเสื่อมแพงขึ้นก็เป็นเพราะจำนวนรถให้เช่ามากขึ้นครับ
ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไรครับ
เนื่องจากมีการคิดค่าเสื่อมเป็นเส้นตรง ดังนั้นถ้านำสินทรัพย์ถาวรทั้งหมดตั้ง หารด้วยค่าเสื่อมหลายๆงวดควรมีอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามผมแค่คิดคร่าวๆอาจผิดพลาดได้ครับ ถ้ามีอะไรแนะนำเพิ่มเติม ยินดีครับ
พี่ลูกอีสานครับ ในฐานะผู้ถือหุ้น ผมไม่ค่อยสนใจอัตราส่วนหนี้ต่อทุน หากกิจการมี Opeating Cash Flow ที่จ่ายดอกเบี้ยได้สบาย แถมสินทรัพย์เป็นรถยนต์ซึ่งมีสภาพคล่องสูง สามารถเปลี่ยเป็นเงินได้เมื่อจำเป็น สำหรับOperating Lease แล้วสินทรัพย์ยังเป็นชื่อของ PL อยู่เสมอ หากเรามองในแง่หลักความจริง ไม่ใช่ในแง่บัญชีรถของ PL ไม่ควรเป็นสินทรัพย์ถาวร
PL อาจไม่ต้องเพิ่มทุนก็ได้ครับหากไม่ต้องการเติบโตก้าวกระโดด เขาสามารถออกหุ้นกู้หลายงวด เพียงแต่จะความคล่องตัวจะต่ำ และอาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ
หาก Kbank ต้องการซื้อจริงผมคงได้ราคาที่ดี เหมื่อนที่มีการวิเคราะห์ในร้อยคนร้อยหุ้นครับ
แต่ผมคิดว่า Kbank คงไม่ซื้อ อีกทั้งไม่ทำ Operating Lease ครับ เพราะมันไม่เหมาะกับ Bank เลย ผมว่าเขาน่าไปทำ Hiring Purchase มากกว่าครับ รายละเอียดจะมาคุยให้ฟังอีกครั้งเมื่อมีโอกาสครับ
ขอบคุณครับสำหรับคำชม ผมคิดว่าหลักการทางบัญชีเน้นไปในทางระมัดระวัง ขณะที่หลักทางการเงิน หรือนักกลยุทธ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น บางครั้งเราอาจต้องมองหลายด้านครับ
คุณนักดูดาวครับ ในประเด็นนี้ผมว่ามันซ่อนคมอยู่หลายเรื่องนะครับ Opeating Lease เป็นงานบริการครับ และมีกำไรมากกว่า Financial Lease ในแง่ที่ได้รับกำไรจากการบริการ ดังนั้นใครๆย่อมอยากได้ แต่ทำไมคนอื่นทำได้ไม่ดีเท่าหละครับ หากใครบอกผมว่า OHTL , BH หรือเป็นนายหน้า คนขายประกันชีวิต ทำง่ายผมคงไม่เชื่อ ในหลักของการตลาดยังแบ่งการขายเป็นการขายคนธรรมดา และการขายองค์กรซึ่งมีความแตกต่างกันพอควร ในความคิดผม ธุรกิจที่เป็น Cost Compettive ไม่ควรมี Net Profit Margin เกิน 10 %
พอดีวันนี้ยุ่งก็เลยเขียนยาวไม่ได้ ผมมีธุระคงเข้าเน็ตไม่ได้อีกหลายวันครับ
ขออภัยนะครับ หากนำลางสาดมาฝากชาวสวนลองกอง
สำหรับเรื่องน้ำมันปาล์ม ผมคิดว่าส่วนสำคัญได้พูดหมดแล้วในกระทู้ CPI ครับ
ถือหุ้นดีเหมือนไม่ได้ถือหุ้น ยังว่างเปล่าเช่นเดิม
ในส่วนที่พี่เห็นว่า
ส่วน PL นั้นที่ gm เท่าเดิมแต่ค่าเสื่อมแพงขึ้นก็เป็นเพราะจำนวนรถให้เช่ามากขึ้นครับ
ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไรครับ

พี่ลูกอีสานครับ ในฐานะผู้ถือหุ้น ผมไม่ค่อยสนใจอัตราส่วนหนี้ต่อทุน หากกิจการมี Opeating Cash Flow ที่จ่ายดอกเบี้ยได้สบาย แถมสินทรัพย์เป็นรถยนต์ซึ่งมีสภาพคล่องสูง สามารถเปลี่ยเป็นเงินได้เมื่อจำเป็น สำหรับOperating Lease แล้วสินทรัพย์ยังเป็นชื่อของ PL อยู่เสมอ หากเรามองในแง่หลักความจริง ไม่ใช่ในแง่บัญชีรถของ PL ไม่ควรเป็นสินทรัพย์ถาวร
PL อาจไม่ต้องเพิ่มทุนก็ได้ครับหากไม่ต้องการเติบโตก้าวกระโดด เขาสามารถออกหุ้นกู้หลายงวด เพียงแต่จะความคล่องตัวจะต่ำ และอาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ
หาก Kbank ต้องการซื้อจริงผมคงได้ราคาที่ดี เหมื่อนที่มีการวิเคราะห์ในร้อยคนร้อยหุ้นครับ
แต่ผมคิดว่า Kbank คงไม่ซื้อ อีกทั้งไม่ทำ Operating Lease ครับ เพราะมันไม่เหมาะกับ Bank เลย ผมว่าเขาน่าไปทำ Hiring Purchase มากกว่าครับ รายละเอียดจะมาคุยให้ฟังอีกครั้งเมื่อมีโอกาสครับ
ขอบคุณครับสำหรับคำชม ผมคิดว่าหลักการทางบัญชีเน้นไปในทางระมัดระวัง ขณะที่หลักทางการเงิน หรือนักกลยุทธ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น บางครั้งเราอาจต้องมองหลายด้านครับ
คุณนักดูดาวครับ ในประเด็นนี้ผมว่ามันซ่อนคมอยู่หลายเรื่องนะครับ Opeating Lease เป็นงานบริการครับ และมีกำไรมากกว่า Financial Lease ในแง่ที่ได้รับกำไรจากการบริการ ดังนั้นใครๆย่อมอยากได้ แต่ทำไมคนอื่นทำได้ไม่ดีเท่าหละครับ หากใครบอกผมว่า OHTL , BH หรือเป็นนายหน้า คนขายประกันชีวิต ทำง่ายผมคงไม่เชื่อ ในหลักของการตลาดยังแบ่งการขายเป็นการขายคนธรรมดา และการขายองค์กรซึ่งมีความแตกต่างกันพอควร ในความคิดผม ธุรกิจที่เป็น Cost Compettive ไม่ควรมี Net Profit Margin เกิน 10 %
พอดีวันนี้ยุ่งก็เลยเขียนยาวไม่ได้ ผมมีธุระคงเข้าเน็ตไม่ได้อีกหลายวันครับ
ขออภัยนะครับ หากนำลางสาดมาฝากชาวสวนลองกอง

สำหรับเรื่องน้ำมันปาล์ม ผมคิดว่าส่วนสำคัญได้พูดหมดแล้วในกระทู้ CPI ครับ
ถือหุ้นดีเหมือนไม่ได้ถือหุ้น ยังว่างเปล่าเช่นเดิม
-
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 37
พี่ STOCKMS ครับ ประเด็นนั้นไม่น่าห่วงเท่าไรครับ
สมมติว่าในบริษัทหนึ่ง ต้องการเช่ารถ โดยท่านประธาน อยากได้ Benz ท่านรองจะเอา BMW ท่านผู้ช่วยจะเอา Volvo แล้วผู้จัดการได้ Toyota ส่วนพวกช่างได้รถ ISUZU คงวุ่นน่าดูถ้าไปติดต่อแต่ละบริษัทเอง แล้ววันหนึ่งมีท่านรองคนใหม่อยากได้ Offroad ถ้าไม่ใช้ Operating Lease ที่เป็น Third Party คงแย่ นี่เป็นเรื่องจริงที่ผมเคยพบมา
สมมติว่ารถหนึ่งคัน PL ได้กำไร 20 % ต่อปี เราลองมาดูว่าคุ้มใหมที่ลูกค้าจะทำ Operating Lease อันดับแรกคาดว่า PL ซื้อรถและซ่อมบำรุงได้ถูกกว่าลูกค้าเอง 10 % และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำเอกสาร ทำประกันภัยอีก 10 % นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องภาษี หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างเร็ว และทำให้งบการเงินดูดีขึ้นอีกนะครับ
อีกส่วนหนึ่งคือกฎหมายช่วยเหลือเรื่องนี้
1.ภาษี ถ้าลูกค้าซื้อเอง ลดภาษีได้ ไม่เกิน 1 ล้านบาท แต่ PL ไม่จำกัด
2.สิ่งที่นายจ้างสัญญาว่าจะให้ หรือให้แล้ว เช่นรถประจำตำแหน่ง ไม่สามารถยกเลิกได้ ดังนั้นถ้าไม่เกิดต้มยำกุ้ง ปริมาณรถประจำตำแหน่งไม่ลด
ถ้าจะขาย รอผมกลับมาก่อนครับ วันจันทร์นะครับ
ผมเลือก PL เพราะพอเข้าใจได้
คุณนักดูดาว และ พี่อาย ครับ กลุ่มประกันภัยจัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้ใหมครับ
สำหรับ PL ผมลองคำนวนคร่าว อยากให้เพื่อนๆ พี่ ช่วยดูว่าเวอร์หรือเปล่าครับ
ผมคิดว่า EPS งวดถัดไปคงใกล้เคียงกับงวดนี้ ค่า ROE น่าจะได้สัก 30 % ถ้าเขารักษา ROE ในระดับนี้ และไม่จ่ายปันผล ภายใน 3 ปี ผมควรจะได้รับผลตอบแทนจาก Capital Gain 2 เท่า ถ้านักลงทุนยังยอมซื้อหุ้นที่มี PE ประมาณ 7 เท่า และมี ROE 30%
ไม่รวย แต่ไม่เครียด
พี่มือล่องหนครับ เรื่องภาษีสรรพสามิต ผมเห็นด้วยครับวันจันทร์ช่วยกันทุบหน่อยครับ ผมรออยู่
สมมติว่าในบริษัทหนึ่ง ต้องการเช่ารถ โดยท่านประธาน อยากได้ Benz ท่านรองจะเอา BMW ท่านผู้ช่วยจะเอา Volvo แล้วผู้จัดการได้ Toyota ส่วนพวกช่างได้รถ ISUZU คงวุ่นน่าดูถ้าไปติดต่อแต่ละบริษัทเอง แล้ววันหนึ่งมีท่านรองคนใหม่อยากได้ Offroad ถ้าไม่ใช้ Operating Lease ที่เป็น Third Party คงแย่ นี่เป็นเรื่องจริงที่ผมเคยพบมา
สมมติว่ารถหนึ่งคัน PL ได้กำไร 20 % ต่อปี เราลองมาดูว่าคุ้มใหมที่ลูกค้าจะทำ Operating Lease อันดับแรกคาดว่า PL ซื้อรถและซ่อมบำรุงได้ถูกกว่าลูกค้าเอง 10 % และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำเอกสาร ทำประกันภัยอีก 10 % นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องภาษี หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างเร็ว และทำให้งบการเงินดูดีขึ้นอีกนะครับ
อีกส่วนหนึ่งคือกฎหมายช่วยเหลือเรื่องนี้
1.ภาษี ถ้าลูกค้าซื้อเอง ลดภาษีได้ ไม่เกิน 1 ล้านบาท แต่ PL ไม่จำกัด
2.สิ่งที่นายจ้างสัญญาว่าจะให้ หรือให้แล้ว เช่นรถประจำตำแหน่ง ไม่สามารถยกเลิกได้ ดังนั้นถ้าไม่เกิดต้มยำกุ้ง ปริมาณรถประจำตำแหน่งไม่ลด
ถ้าจะขาย รอผมกลับมาก่อนครับ วันจันทร์นะครับ
ผมเลือก PL เพราะพอเข้าใจได้
คุณนักดูดาว และ พี่อาย ครับ กลุ่มประกันภัยจัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้ใหมครับ
สำหรับ PL ผมลองคำนวนคร่าว อยากให้เพื่อนๆ พี่ ช่วยดูว่าเวอร์หรือเปล่าครับ
ผมคิดว่า EPS งวดถัดไปคงใกล้เคียงกับงวดนี้ ค่า ROE น่าจะได้สัก 30 % ถ้าเขารักษา ROE ในระดับนี้ และไม่จ่ายปันผล ภายใน 3 ปี ผมควรจะได้รับผลตอบแทนจาก Capital Gain 2 เท่า ถ้านักลงทุนยังยอมซื้อหุ้นที่มี PE ประมาณ 7 เท่า และมี ROE 30%
ไม่รวย แต่ไม่เครียด
พี่มือล่องหนครับ เรื่องภาษีสรรพสามิต ผมเห็นด้วยครับวันจันทร์ช่วยกันทุบหน่อยครับ ผมรออยู่

-
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 38
ขอแก้ไขครับ พอดีมันเขียนติดกัน ผมไม่ได้หมายถึงให้พี่ Invisible Hand ช่วยทุบนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 39
ผมก็มั่นใจว่าระยะ 4-5 นี้ตลาดเช่ารถแบบนี้ภายในประเทศจะยังไม่ใหญ่พอที่จะทำให้ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้าหรือฮอนด้าเข้ามาร่วมวงด้วย การหารถนอกค่ายคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่การจัดระบบบริการก่อนการขายอาจเป็นปัญหาอยู่บ้างสำหรับบริษัทใหม่ ผมก็คงเก็บรักษาที่ 20% ของพอร์ตต่อไปนั่นแหละครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 40
ประกันภัยโดยปกติจะเป็นหุ้นดีเฟนซิฟ คงไม่อยู่ในกลุ่ม super stock ที่ทุกคนคุยกันอยู่มั้งครับ
เห็นคุยกันเรื่อง barrier of entry เลยนึกถึงปีเตอร์ ลินช์
ลินช์บอกว่าบริษัทสามารถมีสัมปทานเสมือน (virtual monopoly) ถ้า
- brand แข็งแกร่ง (แน่นอนที่สุดครับ ใครๆ ก็รู้เนาะ)
- ต้นทุนการผลิตถูกเพราะการผลิตจำนวนมาก (เช่นใครจะผลิต chip ไ้ด้ถูกกว่า intel)
- ต้นทุนเนื่องจากสถานที่ ลินช์ยกตัวอย่างบ่อหินและบ่อทราย ถ้าใครมีอยู่ ก็จะไม่มีคู่แข่งจากบริเวณอื่นมาแย่งตลาดเพราะค่าขนส่งทำให้ต้นทุนสูง (ผมว่าปูนซีเมนต์ กับโรงน้ำแข็งมี competetive edge พวกนี้)
- ทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทธิบัตร รู้มั้ยว่ากล่องนม UHT ที่เป็นกล่องกระดาษและมีสีเงินๆ ข้างใน มีแค่ 2 บริษัทในโลกนี้ที่ผลิตเนื่องจากมีการคุ้มครองทางสิทธิบัตร (combibloc กับ tetrapak) รวยไม่รู้เรื่องเลยนิ
แล้วเมืองไทยมีหุ้นไหนบ้างที่เข้าข่ายพวกนี้หนอ
เห็นคุยกันเรื่อง barrier of entry เลยนึกถึงปีเตอร์ ลินช์
ลินช์บอกว่าบริษัทสามารถมีสัมปทานเสมือน (virtual monopoly) ถ้า
- brand แข็งแกร่ง (แน่นอนที่สุดครับ ใครๆ ก็รู้เนาะ)
- ต้นทุนการผลิตถูกเพราะการผลิตจำนวนมาก (เช่นใครจะผลิต chip ไ้ด้ถูกกว่า intel)
- ต้นทุนเนื่องจากสถานที่ ลินช์ยกตัวอย่างบ่อหินและบ่อทราย ถ้าใครมีอยู่ ก็จะไม่มีคู่แข่งจากบริเวณอื่นมาแย่งตลาดเพราะค่าขนส่งทำให้ต้นทุนสูง (ผมว่าปูนซีเมนต์ กับโรงน้ำแข็งมี competetive edge พวกนี้)
- ทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทธิบัตร รู้มั้ยว่ากล่องนม UHT ที่เป็นกล่องกระดาษและมีสีเงินๆ ข้างใน มีแค่ 2 บริษัทในโลกนี้ที่ผลิตเนื่องจากมีการคุ้มครองทางสิทธิบัตร (combibloc กับ tetrapak) รวยไม่รู้เรื่องเลยนิ
แล้วเมืองไทยมีหุ้นไหนบ้างที่เข้าข่ายพวกนี้หนอ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 41
ถ้าเกิดการก่อการร้ายขึ้นมากกว่านี้ หุ้นประกันวินาศภัยก็อาจจะเป็น growth stock หรือ speculative stock ได้ครับ โดยเฉพาะบริษัทที่รับงานวินาศภัยใหญ่ๆ เมื่อวันนั้นมาถึง การลงทุนกับหุ้นประกันอาจจะเหมือนกับเล่นรัสเซียนรูเล็ตเลยนะครับ พลาดก็เจ๊ง ไม่พลาดก็รวย
หุ้นที่มี Barrier of Entry สูงๆ ผมว่ามีไม่น้อยนะครับ แต่หลายตัวดูแล้วเข้าข่ายหุ้นเก็งกำไร แพงไปหน่อย เอาไว้ก่อน ผมว่าอีกนานกว่าจะลงมาจนน่าซื้อ
หุ้นที่มี Barrier of Entry สูงๆ ผมว่ามีไม่น้อยนะครับ แต่หลายตัวดูแล้วเข้าข่ายหุ้นเก็งกำไร แพงไปหน่อย เอาไว้ก่อน ผมว่าอีกนานกว่าจะลงมาจนน่าซื้อ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
-
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 42
นักดูดาว wrote:

ถึงขนาดที่บอกไว้ ตลาดจะล่วงไปกี่จุดเนี่ย ถึงสภาวะนั้นเศษรฐกิจคงย่ำแย่ ซบเซาอย่างหนัก ไม่มีหลักประกันอะไรให้ความอุ่นใจได้ถ้าเกิดการก่อการร้ายขึ้นมากกว่านี้ หุ้นประกันวินาศภัยก็อาจจะเป็น growth stock หรือ speculative stock ได้ครับ โดยเฉพาะบริษัทที่รับงานวินาศภัยใหญ่ๆ เมื่อวันนั้นมาถึง การลงทุนกับหุ้นประกันอาจจะเหมือนกับเล่นรัสเซียนรูเล็ตเลยนะครับ พลาดก็เจ๊ง ไม่พลาดก็รวย

-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 43
ผมก็หวังให้เป็นเช่นนั้นครับ แต่อย่าให้ถึงกับงดปันผลเลยครับผมคิดว่า EPS งวดถัดไปคงใกล้เคียงกับงวดนี้ ค่า ROE น่าจะได้สัก 30 % ถ้าเขารักษา ROE ในระดับนี้ และไม่จ่ายปันผล ภายใน 3 ปี ผมควรจะได้รับผลตอบแทนจาก Capital Gain 2 เท่า ถ้านักลงทุนยังยอมซื้อหุ้นที่มี PE ประมาณ 7 เท่า และมี ROE 30%
ไม่รวย แต่ไม่เครียด
เดี่ยวผู้ถือหุ้นที่ถือเพื่อหวังปันผลจะผิดหวังเอา :lol:
หุ้นอีกตัวที่มีโอกาสจะเป็น growth stock และหลายท่านก็ถืออยู่ก็คือ
SE-ED ครับ บริษัทนี้เป็นหุ้นที่ดีมากๆ ตัวนึงครับ ไม่ว่าจะเป็นปันผลหรือโอกาศการเติบโต และงบดุลก็แข็งแกร่ง แต่ก็มีประเด็นที่น่าสนใจที่เป็นข้อด้อย ที่ผมพอจะคิดว่าเป็นไปได้ ประเด็นที่ว่าคือ
1. สาขาปัจจุบันที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าของ central และ big c (ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ค่อนข้างมาก ดูได้จากถุงใส่หนังสือของ se-ed) มีความเสี่ยงแค่ไหนหากไม่ได้รับการต่อสัญญาจาก central ที่ต้องการเปิดร้านของตัวเอง คือ b2s ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง เหมือนกรณีของร้าน pizza ที่ไม่ต่อสัญญากับ the pizza เพราะต้องการเปิดร้านของ pizza hut ของตัวเอง หากกรณีนี้เกิดขึ้นย่อมส่งผลต่อกำไรของบริษัทอย่างแน่นอน ซึ่งบริษัทก็น่าจะรับรู้ถึงความเสี่ยงนี้ การขยายสาขาต่อไป อาจจะต้องออกไปในต่างจังหวัดมากขึ้นหรือเป็นแบบ stand alone ซึ่งมีต้นทุนการขยายที่มากกว่าการขยายตามห้างสรรพสินค้าหรือ discount store มาก ในขณะที่มาร์จินต่ำกว่า
2. ราคาหุ้นเทรดที่พีอี fully dilute ที่ 13 เท่า พีบี ที่ 4 เท่าถึงไม่ถูกมาก แต่ที่ราคาหุ้นยังอยู่ได้เพราะการปันผลที่ค่อนข้างสูงจากำไรที่ทำได้ และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะกรรมใหม่คือคุณ เสริมสิน ซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการซื้อหุ้นคืน มองในมุมกลับหาก คุณ เสริมสินต้องใช้เงินเพื่อแก้ปัญหา n-park อาจเทขายหุ้น se-ed จะส่งผลต่อราคาหุ้นทันที
3. หากมีการแปลงสภาพ วอร์แรนต์จะมีแรงขายหุ้นมากหรือเปล่า
4.สาขาใหม่เริ่มแรก 11 สาขา ในพื้นที่รถไฟฟ้าใต้ดิน จะไม่ทำกำไร หรืออาจจะขาดทุน เพราะค่าเช่าพื้นที่สูงมาก (ข้อมูลจากร้อยคนร้อยหุ้น)
เพื่อนๆที่ถือตัวนี้ มองประเด็นเหล่านี้อย่างไรครับ

การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 45
หุ้น growth ที่แท้จริง ผมไม่อยากให้ปันผลเลยครับ
เก็บเงินไว้สร้าง growth ให้กับธุรกิจดีกว่านะ
อีกอย่าง ถ้างดปันผลซักปี คนที่ผิดหวังจะได้ขายกันเยอะๆ
ราคาจะได้ลงมาเยอะๆ ช้อนซื้อหุ้น growth ที่ P/E ต่ำๆ ปลอดภัยดีครับ
ตอนนี้เห็น P/E สูงทั้งนั้น ถ้ากำไรเติบโตไม่ทันซักปีก็เละนะครับ
เก็บเงินไว้สร้าง growth ให้กับธุรกิจดีกว่านะ
อีกอย่าง ถ้างดปันผลซักปี คนที่ผิดหวังจะได้ขายกันเยอะๆ
ราคาจะได้ลงมาเยอะๆ ช้อนซื้อหุ้น growth ที่ P/E ต่ำๆ ปลอดภัยดีครับ
ตอนนี้เห็น P/E สูงทั้งนั้น ถ้ากำไรเติบโตไม่ทันซักปีก็เละนะครับ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
-
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 46
อย่าง Metco จะเรียกว่าอะไรดีครับ
Growth Stock
หุ้นดีไม่มีเสื่อม
หุ้นLove


Growth Stock
หุ้นดีไม่มีเสื่อม
หุ้นLove

- wpong
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1336
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 47
ขอแก้ไขข้อมูลที่ Post ไปด้านล่าง
ผมเสนอข้อมูลส่วนหนึ่งของ PL ที่น่าสนใจ อยากให้พี่ๆช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ คือผมลองเอาสินทรัพย์ถาวรซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ให้เช่า หารด้วยค่าเสื่อมและค่าตัดบัญชี ย้อนหลังไป 4ไตรมาสได้ดังนี้ครับ
1/1/04 - 31/03/04 1/10/03-31/12/03 1/07/03 - 30/09/03 1/4/03-31/06/03
18.07 17.81 19.76 23.23 เท่า
ตรง 23.23 เท่านี่ผมคิดผิดครับ พอดี Link Excel ผิดช่องครับ
ขออภัยด้วยครับ
ผมเสนอข้อมูลส่วนหนึ่งของ PL ที่น่าสนใจ อยากให้พี่ๆช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ คือผมลองเอาสินทรัพย์ถาวรซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ให้เช่า หารด้วยค่าเสื่อมและค่าตัดบัญชี ย้อนหลังไป 4ไตรมาสได้ดังนี้ครับ
1/1/04 - 31/03/04 1/10/03-31/12/03 1/07/03 - 30/09/03 1/4/03-31/06/03
18.07 17.81 19.76 23.23 เท่า
ตรง 23.23 เท่านี่ผมคิดผิดครับ พอดี Link Excel ผิดช่องครับ
ขออภัยด้วยครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 48
"se-ed ควรจะรอซื้อที่ 2.2 เพราะ net profit 5% ตลอดทุกปี"
ผมว่ามองอย่างนี้ไม่น่าจะถูกต้องซะทีเดียวนะครับ ลักษณะธุรกิจ อย่าง Hmpro หรือ Se-ed ผมว่าดูที่ net profit อย่างเดียวไม่ได้ครับ เพราะซื้อมาขายไป หนี้ตัวสินค้าไม่ค่อยมี กำไรสุทธิแค่ 5% ก็เยอะแล้วนะครับ (ลองดูเซเว่นสิครับ กำไรกี่เปอร์เซ็นกัน เค้ายังยอมเสียค่าสิทธ์ขอเปิดร้านกันเป็นแถวเลย)
ดังนั้นผมว่าน่าจะพิจารณาที่ตัว growth ของ EPS มากกว่านะครับ ซึ่งหุ้นพวกนี้ Growth จะสูงได้ก็เพราะ
1. จำนวนหุ้นลดลง กำไรสุทธิ เท่าเดิม
2. จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นมากกว่า
3. จำนวนหุ้นลดลง กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น (ถ้าเจอแบบนี้อย่าปล่อยไว้นะครับ)
ทีนี้กำไรสุทธิจะเพิ่มได้ก็ต้องดูกันที่ยอดขายล่ะครับ ถึงแม้ว่า net profit เท่าเดิมแต่ถ้ายอดขายเพิ่มขึ้น 100% EPS ก็เพิ่มขึ้นได้ 100% ใช่ไหมครับแต่ถ้ายอดขายเพิ่มไม่ได้ 100% แต่เพิ่มปีละ 20-25% ผมก็ว่า ใช้ได้ล่ะมั้ง
แต่ผมก็รอให้ลงมาเหมือนกันนะครับ ที่2.2 น่ะ
ลองนึกดูนะครับ ซื้อ 2.2 ปันผล 0.5 บาทต่อปี div เกือบ 25% เชียวนา น้ำลายไหลเลยผม
ผมว่ามองอย่างนี้ไม่น่าจะถูกต้องซะทีเดียวนะครับ ลักษณะธุรกิจ อย่าง Hmpro หรือ Se-ed ผมว่าดูที่ net profit อย่างเดียวไม่ได้ครับ เพราะซื้อมาขายไป หนี้ตัวสินค้าไม่ค่อยมี กำไรสุทธิแค่ 5% ก็เยอะแล้วนะครับ (ลองดูเซเว่นสิครับ กำไรกี่เปอร์เซ็นกัน เค้ายังยอมเสียค่าสิทธ์ขอเปิดร้านกันเป็นแถวเลย)
ดังนั้นผมว่าน่าจะพิจารณาที่ตัว growth ของ EPS มากกว่านะครับ ซึ่งหุ้นพวกนี้ Growth จะสูงได้ก็เพราะ
1. จำนวนหุ้นลดลง กำไรสุทธิ เท่าเดิม
2. จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นมากกว่า
3. จำนวนหุ้นลดลง กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น (ถ้าเจอแบบนี้อย่าปล่อยไว้นะครับ)
ทีนี้กำไรสุทธิจะเพิ่มได้ก็ต้องดูกันที่ยอดขายล่ะครับ ถึงแม้ว่า net profit เท่าเดิมแต่ถ้ายอดขายเพิ่มขึ้น 100% EPS ก็เพิ่มขึ้นได้ 100% ใช่ไหมครับแต่ถ้ายอดขายเพิ่มไม่ได้ 100% แต่เพิ่มปีละ 20-25% ผมก็ว่า ใช้ได้ล่ะมั้ง
แต่ผมก็รอให้ลงมาเหมือนกันนะครับ ที่2.2 น่ะ
ลองนึกดูนะครับ ซื้อ 2.2 ปันผล 0.5 บาทต่อปี div เกือบ 25% เชียวนา น้ำลายไหลเลยผม
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
Uncommon Stocks and Uncommon Profits
โพสต์ที่ 50
โค้ด: เลือกทั้งหมด
กระทู้นี้มีประโยชน์ ขอ up หน่อย
โดยเฉพาะเพื่อนสมาชิกใหม่ๆ..
อิอิ ตอนนี้กำลังพยายามอ่านให้เข้าใจอยู่เหมือนกัน

