FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมได้ยินข่าวหลากหลายกระแสในเรื่องของการเปิดเขตการค้าเสรีหรือ Foreign Trade Agreement (FTA) ซึ่งเป็นการลดกำแพงภาษีกันระหว่างสองประเทศขึ้นไปซึ่งเป้าหมายคือการทำให้เกิดการแข่งขันเรื่องคุณภาพและราคากัน

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือรัฐบาลไทยได้พยายามจะทำ FTA กับหลายๆ ชาติเช่น จีน ออสเตรเลีย สหรัฐและญี่ปุ่นเป็นนัยว่าไทยจะได้เปรียบชาติอื่นถ้าเราไปเปิดตลาดนี้ก่อนชาติคู่แข่งทางการค้า สิ่งที่เกิดขึ้นมีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน

ผู้สนับสนุนบอกว่าการทำ FTA จะทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขัน ทำให้เราได้ประโยชน์จากการส่งออกไปยังประเทศนั้น ทำให้ดุลการค้าของไทยได้เปรียบมากขึ้น เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจ OTOP และ SME ฯลฯ

ผู้คัดค้านก็บอกว่า FTA ทำลายสภาพสังคม คนจำนวนมากต้องตกงาน บริษัทต่างอาจจะต้องปิดกิจการ ที่ว่าจะได้เปรียบดุลการค้าก็ไม่ได้แถมยังถูกเอาเปรียบจากต่างชาติอีกด้วย

ผมก็เลยงงว่าจริงๆ FTA มันเป็นพระเอกหรือผู้ร้ายกันแน่ สำหรับคนไทยทั้ง 60 ล้านคน

ลองมาสำรวจกันดูถึงการทำ FTA ที่ผ่านมาครับ

1. การทำ FTA ผลไม้ระหว่างไทยกับจีน

รัฐบาลหวังมากเพราะคนจีนมีเป็นพันล้านคน การเปิด FTA จะทำให้เราสามารถส่งสินค้าทางการเกษตรไปขายได้มากๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราไม่รู้และเข้าใจถึงกฎหมายและเกณฑ์ต่างๆ ดีพอเพราะว่าแม้เราจะผ่านด่านระดับประเทศแต่ก็ยังไปเจอระดับที่เป็น local ทำให้ยอดการส่งออกผลไม้ไปยังจีนไม่โตเท่าที่ควร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผลไม้จากจีนกลับเข้ามาตีตลาดในบ้านเราทำให้ผลไม้เมืองหนาวทางเหนือแย่ไปเลยครับ

2. การทำ FTA สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า

อันนี้ไม่รู้เป็นสิ่งที่เราต้องเสียเพื่อแลกเปลี่ยนกับ FTA ผลไม้หรือเปล่าผมไม่แน่ใจ แต่ผลกระทบรุนแรงเหมือนกัน เครื่องใช้ไฟฟ้าจีนราคาถูก คุณภาพก็ถูก เข้ามาตีตลาดจนผู้ผลิตในไทยทั้งยี่ห้อ local และ foreign เดือดร้อนกันหมดเลยครับ

ใครมี case อื่นๆ มา share บ้างครับแล้วค่อยมาคุยเรื่องสรุปเนาะ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ไม่มีอะไรดีอย่างเดียว หรือเสียอย่างเดียว คือมันเป็นการทำให้ภาษีต่างๆไม่มี และทำให้สินค้าถูกลง อะไรที่ฝั่งไหนผลิตแล้วตั้งราคาบวกภาษี กำไร ค่าขนส่งและอื่นๆแล้วสามารถขายได้ในราคาต่ำกว่า ก็จะใช้สินค้าของประเทศนั้น

ดังนั้นถ้าคนไทยจะแข่งขันได้ ต้องเน้นไปที่คุณภาพสินค้าเป็นหลัก เพราะคนเราก็ไม่ได้อยากใช้ของถูกอย่างเดียว ถ้าคุณภาพไม่ดีนัก แม้จะมีราคาจูงใจ แต่ผมคนนึงที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพก่อนราคา แต่สินค้าบางอย่างที่ทดแทนกันได้เลย ก็คงดูที่ราคาอย่างเดียวแหละเนอะ
Expecto Patronum!!!!!!
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 3

โพสต์

FTA นี่คือ Free Trade Agrements มังครับ ไม่ใช่ Foreign

ผมคิดว่า FTA กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันมากขึ้นครับ เอกชนต้องปรับตัว
เพื่อใช้ประโยชน์จากตรงนี้ให้เต็มที่

ผมคิดว่า FTA เป็นเรื่องดี แต่คนไทยคงจะใช้ประโยชน์จากมันผิดทาง
และจะกลายเป็นโทษในที่สุด เช่น แทนที่จะพยายามผลิตสินค้าไป
ขายมากขึ้น ศึกษาตลาดทางโน้นมากขึ้น กลับเพิ่มการบริโภคสินค้า
ต่างชาติมากกว่า ซึ่งกลับทำให้ไทยเสียเปรียบดุลการค้ามากเกินไป

FTA จะทำให้บริษัทใหญ่ที่ปรับตัวได้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น
ผมจะไม่แปลกใจถ้าบริษัทในกลุ่มทุนของชินจะมีการสยายปีกออกไป
ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เรื่อง FTA กับจีน เท่าที่ผมฟังมา ฟังกี่ครั้งกี่ครั้ง ผมก็คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยว่า ไทยเสียค่าโง่จีน

ทำไมผมพูดแบบนี้ ? ปัญหาของ FTA ที่เกิดขึ้นเท่าที่ผมได้ยินมาคือ จีนส่งสินค้ามาไทย เราปฏิบัติแบบซื่อสัตย์ถูกต้อง แต่ ... เวลาเราส่งของไปจีน จีนเล่นโกงตาใส ตีหน้าเซ่อ คือ

รัฐบาลกลางจีนเปิด FTA กับไทย แต่ระดับปกครองตามมลฑล ไม่ได้รับรู้ไปด้วย นั่นหมายความว่า พอส่งสินค้าเข้าไปถึงระดับมณฑลทีไร เราก็มีปัญหาโดนภาษี โดนเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน

เหมือนเราแลกกุญแจกัน แล้วพอเราไขเข้าไปในรั้วเค้า ปรากฎว่ามีประตูอีกชั้น แล้วเราหันไปถาม เฮ้ยย ทำไมมีประตูอีกชั้นละ รัฐบาลกลางจีนบอกอ้าวเหรอ ไม่รู้อะไม่เกี่ยวอะ นั่นมันไม่ใช่ประตูของผม มันของแต่ละมณฑล ... :wink:

อย่างนี้ แถวๆละแวกบ้านผมเรียกว่า "เสียรู้ โดนเค้าโกง" ครับ เหอๆ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แหะๆ ขออภัยครัยพี่ซีกกี้ ใช่ครับ Free Trade Agreement

แล้วตอนที่รัฐบาลพยายามเซ็นกับญี่ปุ่น รู้รายละเอียดมั้ยครับ

แล้วจุดที่เราพยายามเปิดเสรีกับออสเตรเลียละ เราชัวร์แค่ไหนว่าทำแล้วจะได้ประโยชน์

ทั้งหมดนี้ผมเลยถามตัวเองว่าเรารีบอะไรกันนักหนา

ถ้าจะว่าการเข้าไปก่อนทำให้เราได้ประโยชน์ที่สามารถยึดครองตลาดได้ก่อน ผมว่าถ้าเป็นหุ้นก็เป็นหุ้นที่ไม่มี DCA เสียเลย

เพราะถ้าอนาคตประเทศอื่นๆได้ FTA และ ราคาดีกว่าเรา เราจะสู้ได้หรือ

จริงๆ เรามองสั้นกันเกินไปหรือเปล่าสำหรับ FTA

อันนี้แหละที่เป็นประเด็นที่ผมสงสัยนโยบายของรัฐ

ไว้มาคุยต่อครับ ใครรู้รายละเอียด FTA กรุณาเพิ่มเติมด้วยครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
toon
Verified User
โพสต์: 213
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 6

โพสต์

FTA = Free trade Area คร้าบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณครับที่ช่วยแก้ให้

ทุกท่านเห็นว่าไงกับที่ท่านนายกพูดเกี่ยวกับ FTA ไทยกับออสเตรเลีย

จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
นายกฯชี้เอฟทีเอได้มากกว่าเสีย
โต้คนต้านใช้ความรู้สึก-ไร้ข้อมูล

รัฐบาลไม่สนเสียงต้าน เดินหน้าเปิดการค้าเสรีกับออสเตรเลีย เตรียมลงนามร่วมกันพรุ่งนี้
นายกฯ นำคณะรัฐมนตรีออกเดินทางเยือนออสเตรเลียวันนี้ เดินหน้าลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีร่วมกัน แจงผ่านวิทยุกรมประชาฯ ยืนยันไทยมีแต่ได้ไม่มีเสีย ยอมรับกระทบคนส่วนน้อยแต่ต้องยึดประโยชน์คนส่วนใหญ่ ติงคนคัดค้านขอให้มองด้วยใจเป็นกลาง อย่าใช้ความรู้สึกวิจารณ์โดยไม่มีข้อมูล ย้ำเรื่องประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่ เผยเตรียมเซ็นเอฟทีเอกับนิวซีแลนด์คิวต่อไป

.......

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนมก็ได้อธิบายไปหลายรอบคือ ไทยต้องนำเข้า 70,000 ตันต่อปี เป็นไปตามข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) 55,000 ตัน เสียภาษีในอัตราต่ำ ส่วนอีก 15,000 ตันนั้น เป็นนอกโควตา WTO ซึ่งไทยควรจะเก็บภาษีสูงก็ไม่ได้เก็บ ไทยก็เก็บในอัตราเดียวกับ WTO ก็นำเข้ามา 70,000 ตัน ฉะนั้นเกิน 15,000

ส่วนที่เกินมานั้น ออสเตรเลียขอ 2,200 ตันได้หรือไม่ แทนที่เราจะเอา 15,000 เอาจากประเทศอื่น ไทยก็ไปเอาจากออสเตรเลีย 2,200 ตัน ซึ่งเขาก็แลกกับไทยด้วยการให้สิทธิเรื่องของการให้คนไทยไปทำร้านอาหาร ไปทำอู่ซ่อมรถ พ่อครัวไทยถ้ามีใบรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ก็จะให้วีซ่าเข้าประเทศไทย ซึ่งดูในภาพรวมแล้วไทยได้ประโยชน์มาก

ย้ำเอฟทีเอยึดประโยชน์คนส่วนใหญ่

...........

ตนเชื่อว่าประชาชนในที่สุดจะรู้ บางครั้งเราไปมองเรื่องจีน คือ ผัก ผลไม้ ว่าเราเสียเปรียบเพราะเราเป็นประเทศเล็กมองว่าเราเสียเปรียบแต่จริงๆ ในที่สุดแล้ว ดุลการค้าไทยได้เปรียบ ประเทศเขาใหญ่ ไทยส่งของไปเท่าไหร่ก็ขายไปแต่ของเขาส่งมาน้อย แต่ในภาพรวมไทยส่งออกได้มากกว่า ต้องดูให้ชัดไม่ใช่ดูเป็นจุด อะไรที่เราแข่งขันไม่ได้เราก็ต้องพัฒนา โลกข้างหน้าเป็นโลกแข่งขันๆ ไม่ได้ก็ปกป้องดูแลและอุ้มกันไว้

...........

"ตราบใดที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ถือว่าดูแลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ รับรองไอ้เรื่องประโยชน์ทับซ้ง ทับซ้อน บ้าบออะไรนั้น ไม่มีครับ คือเราเอาประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ทุกคนอยู่ในเรือรำนี้ต้องพายเรือให้ถึงฝั่ง เมื่อถึงฝั่งแล้วทุกคนก็ได้ประโยชน์ ถ้ามีใครป่วยระหว่างทางก็ต้องรีบรักษาเท่านั้นเอง รับรองยังไงให้พาถึงฝั่ง ไม่ให้ตายซักคน อันนั้นคือสิ่งที่เป็นความตั้งใจ และจะทำให้ได้" นายกฯ กล่าว

............
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า หลังจากที่ไทยไปเซ็นเขตการค้าเสรีกับออสเตรเลียแล้ว จะมีการเปิดโอกาสให้ไทยไปทำธุรกิจบริการ อาทิ การเปิดร้านอาหาร การให้พ่อครัวของเราซึ่งมีใบรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สามารถได้วีซ่าเข้าประเทศได้ ซึ่งออสเตรเลียให้วีซ่าเข้าประเทศยากมาก แต่หากมีเอฟทีเอ จะให้วีซ่าง่ายขึ้น

แม้กระทั่งนักเรียนไทย หากปิดเทอมก็สามารถไปท่องเที่ยวที่ประเทศออสเตรเลียพร้อมกับทำงานได้ จะทำให้นักเรียนไทยเราได้ไปเที่ยว ได้ประสบการณ์ อีกทั้งยังได้เงินด้วย ส่วนเรื่องการเกษตร ทางออสเตรเลียก็มีความก้าวหน้ามาก คงจะช่วยเราในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ได้

ชี้คนต้านเอฟทีเอกำลังเข้าใจผิด
.............
เรื่องที่มีการพูดกันมากคือ ด้านโทรคมนาคม เพราะอยากจะเล่นงานตน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องที่ออสเตรเลียไปตกลงกับดับบลิวทีโอว่า จะให้สิทธินี้กับประเทศที่เปิดเสรีการค้ากับเขา เป็นประกาศให้ประเทศทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะเจาะจง และสิทธิให้มา อาจไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ ส่วนการจะถือหุ้นได้กี่เปอร์เซ็นต์ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมายกำหนด อย่างเรื่องโทรคมนาคมจะมีกฎหมายล็อกการถือหุ้นไว้ที่ร้อยละ 49 เป็นต้น ดังนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง

"เอฟทีเอเป็นประโยชน์ต่อเราตั้งเยอะ โดยก่อนที่จะมีการทำเอฟทีเอได้มีการศึกษากันแล้ว แล้วผลการศึกษาที่ออกมาปรากฏว่า เราจะสามารถส่งออกไปออสเตรเลียได้มากกว่าออสเตรเลียส่งออกมาที่เรา ดังนั้น คนที่ออกมาคัดค้านกำลังเข้าใจผิด ต้องไปพยายามไปหาข้อมูล อย่าใช้ความรู้สึกพูด และข้อมูลสามารถไปหาที่ไหนก็ได้ เพียงแต่ก่อนที่จะเซ็นเอฟทีเอกัน เราไม่อยากพูดมาก เพราะเขามีน้ำใจดีสามารถพูดคุยกันรู้เรื่อง" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ยืนยันออกเสียงแข็งว่า "ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้ง ทับซ้อน บ้าบออะไรนั่น"

แล้วพฤติกรรมที่ผ่านมามันชี้ว่าท่านไม่เคยมี conflict of interest ยังงั้นเหรอ

ผมว่าอันนี้เป็นคำตอบที่ยังเทาๆ อยู่นะ

ท่านนายกยังพูดอีกว่า คนค้านไม่รู้ข้อมูล แต่ไอ้ข้อมูลที่ว่านะมันอะไร หรือรัฐบาลมีอยู่คนเดียวเลยไม่เปิดเผยเพราะถือว่าเปิดเผยไป ประชาชนก็ไม่รู้เรื่องให้เชื่อท่านเถอะ ท่านจะ "รับรองยังไงให้พาถึงฝั่ง ไม่ให้ตายซักคน"

เฮ้อ นี่เหรอประชาธิปไตยในยุคทักษิโนมิค
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 9

โพสต์

toon เขียน:FTA = Free trade Area คร้าบ
Free Trade Agreements ครับ

Free Trade Area ปกติมักจะใช้กับเขตการค้าที่มีพรมแดนติดกันด้วย
และมักจะหมายถึงเฉพาะกลุ่ม เช่น FTAA -- Free Trade Area of
the Americas
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 10

โพสต์

การเร่งรัดให้เกิด FTA อาจจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ผมเห็นความไม่รอบคอบหลายอย่างที่ทำให้นโยบายการทำ FTA กับต่างชาติได้ประโยชน์ไม่เท่าที่ควร หรือแม้แต่เสียประโยชน์เสียด้วยซ้ำ (กรณี FTA ผลไม้กับจีน ชัดเจนทีสุด)

ผมเห็นว่า FTA นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนพรุ่งนี้ฝนจะตก มันเป็นธรรมชาติของโลก ถ้าเรายังอยู่ในโลกทุนนิยมอยู่ แต่ที่เราทำได้คือเตรียมตัวจัดการกับมันยังไง

และเราควรจะพึงระลึกเสมอว่าการแข่งขันจะยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้นในโลกของ FTA ซึ่งทุกๆ บริษัทจะต้องปรับตัวให้เข็มแข็งพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง เราเตรียมตัวยังไงกันบ้างเพื่อรองรับฝนของ FTA ที่จะตกลงมา

บางคนหาร่ม บางคนหาต้นไม้มาปลูก บางคนไม่ปรับตัวเลย

Change or Die ครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 11

โพสต์

สิ่งที่ผมไม่ชอบสำหรับเอกชนไทยก็คือ พยายามให้มีกำแพงภาษีสูงๆเพื่อไม่ให้สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด ทำให้ประชาชนคนไทยจำเป็นต้องใช้สินค้าและบริการแพงๆ ในขณะที่มีผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากกำไรเพียงไม่กี่ตระกูล โดนที่ไม่มีการปรับปรุงสินค้าและบริการเลย

ยกตัวอย่างที่เห็นชัด ในอดีตก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ ธนาคารพาณิชย์ไทยมีอยู่เพียง 15 แห่ง ได้รับการปกป้องจากธนาคารแห่งประเทศไทย แล้วเป็นอย่างไรครับ บริการแย่ แต่ธนาคารทุกแห่งก็สามารถฮั๊วกันจนได้กำไรเพียบทุกปี โดยไม่มีการพัฒนาซักเท่าไรเลย

พอเกิดวิกฤต เริ่มมีธนาคารพาณิชย์ต่างชาติมาซื้อธนาคารของไทย แล้วเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไรครับ มีการเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า มีการเปิดให้บริการในช่วงเย็น ช่วงวันหยุด มีการแข่งขันทั้งด้านอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีการแข่งขันด้านบัตรเครดิต

การที่จะอ้างว่าเพื่อปกป้องกิจการของคนไทยนั้น ผมว่าเป็นการปกป้องให้กิจการบางตระกูลเท่านั้น ธุรกิจที่ไม่มีการแข่งขัน แน่นอนว่าย่อมไม่มีการพัฒนา ถ้าอุตสาหกรรมไหนที่ประเทศเราไม่มีความพร้อมความสามารถในการผลิตก็ไม่ควรที่จะผลิตครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 12

โพสต์

คงเห็นด้วยกับคุณ chatchai ครับ

แต่การเปิด FTA ปัจจุบันไม่ได้ไปกระทบธุรกิจเจ้าสัวพวกนี้เลยครับ มีแต่ธุรกิจการเกษตรโดยเฉพาะเกษตรกรรายเล็กๆ ที่โดนกันเยอะ

อย่างตอนที่ไปเจรจากับญี่ปุ่น เราอยากให้ญี่ปุ่นเปิดเสรีการเกษตรโดยเฉพาะข้าว ญี่ปุ่น (ไม่รู้มองภาพรวมหรือเปล่า) ยังไม่ยอมเปิดเลยเพราะกลัวเกษตรกรที่ปลูกข้าวภายในจะเดือดร้อน

ผมว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการช่วยเร่งให้เกษตรกรไทยปรับตัวให้พร้อมในการแข่งขันก่อนการเปิดเสรี

ดูคำพูดนี้ของนายกนะครับ
ตนเชื่อว่าประชาชนในที่สุดจะรู้ บางครั้งเราไปมองเรื่องจีน คือ ผัก ผลไม้ ว่าเราเสียเปรียบเพราะเราเป็นประเทศเล็กมองว่าเราเสียเปรียบแต่จริงๆ ในที่สุดแล้ว ดุลการค้าไทยได้เปรียบ ประเทศเขาใหญ่ ไทยส่งของไปเท่าไหร่ก็ขายไปแต่ของเขาส่งมาน้อย แต่ในภาพรวมไทยส่งออกได้มากกว่า ต้องดูให้ชัดไม่ใช่ดูเป็นจุด อะไรที่เราแข่งขันไม่ได้เราก็ต้องพัฒนา โลกข้างหน้าเป็นโลกแข่งขันๆ ไม่ได้ก็ปกป้องดูแลและอุ้มกันไว้
เหอ เหอ แล้วทีภาคการเงินละ ทำไมยังต้องอุ้มกันอยู่ ต้องรออีกตั้งหลายปีกว่าจะเปิดเสรี อันนี้เรียก Double standard ได้รึเปล่า
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
นายขโมย
Verified User
โพสต์: 159
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 13

โพสต์

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการประชาธิปัตย์ ออนไลน์ ถึงข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ เอฟทีเอ ระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศออสเตรเลีย ว่า ที่น่าสนใจคือ ออสเตรเลียจะเปิดตลาดในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้นนอกจากที่เปิดให้แล้วตามข้อตกลงขององค์การค้าโลก ได้แก่ การซ่อมรถยนต์ บริการโทรศัพท์มือถือและดาวเทียม สถาบันสอนภาษาอังกฤษ สถาบันสอนภาษาไทย สถาบันสอนทำอาหารไทย สถาบันสอนนวดไทย เหมืองแร่ และอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าทุกประเภท แต่ที่น่าสนใจสุดๆ ก็คือ ข้อตกลงได้ระบุรายละเอียดชื่อบริษัทด้วย โดยระบุว่า ออสเตรเลียจะไม่จำกัดโควตาจำนวนดาวเทียมและการให้บริการโทรศัพท์มือถือ และจะอนุญาตให้ไทยลงทุนได้อย่างไม่จำกัด ในบริษัทออฟตุส และ โวดาโฟน โดยที่ออสเตรเลียจะไม่มีข้อผูกมัดใดๆในเรื่องการถือหุ้นโดยคนไทยในบริษัทเทลสตรา

นอกจากนั้นที่น่าสนใจ ต่อไปอีกก็คือว่า บริษัทออฟตุส ที่ได้ระบุชื่อถึงรายละเอียดก็คือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มี บริษัทสิงคโปร์เทเลคอมมิวเคชั่น หรือที่เรียกย่อว่า "สิงเทล" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และสิงเทลนี้ ก็คือสิงเทลที่ถือหุ้นกว่า 20% ในบริษัทเอไอเอส ของกลุ่มชิน คอร์ป ส่วนบริษัทโวดาโฟน ของออสเตรเลีย ก็คือบริษัทใหญ่ ที่ดำเนินกิจการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีลูกค้ามากที่สุดบริษัทหนึ่งในออสเตรเลีย และบริษัทเทลสตรา ซึ่งก็คือบริษัทออสเตรเลีย เทลสตรา คอร์ปอเรชั่น ก็เป็นบริษัทใหญ่ที่ถือหุ้นร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในฮ่องกงในเครือของริช กรุ๊ป อันเป็นกลุ่มธุรกิจเครือข่าย เคเบิลใต้ทะเลและดาวเทียมอีกหลายระบบ ที่มีสถานีบริการภาคพื้นดินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญคือ เมื่อประมาณกลางปี 2546 บริษัทชินแซทเทลไลท์ ได้ประกาศความสำเร็จของโครงการดาวเทียม ไอพีสตาร์ ในการติดตั้งเกตเวย์ ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยร่วมกับบริษัทในเครือของ ริช กรุ๊ปให้บริการผ่านดาวเทียมทั่วออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เหล่านี้คือเครือข่าย ที่พอจะทำให้มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากขึ้นว่า ในที่สุดแล้วสิทธิการให้คนไทยไปประกอบอาชีพในประเทศออสเตรเลียได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งการที่เอกชนไทยจะมีโอกาสได้รับประโยชน์ในต่างแดน ความจริงก็เป็นเรื่องที่คนไทยโดยทั่วๆไป น่าจะได้ยินดีด้วย เพียงแต่ว่าการได้ประโยชน์นั้นไม่ควรจะเป็นการได้ประโยชน์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเสียประโยชน์ของคนอีกหลายกลุ่มในประเทศอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งปัญหาอยู่ที่ตรงนี้จึงได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และมีเสียงร้องคัดค้านเกิดขึ้น

นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า ตนขอตั้งข้อสังเกต 2 ประการคือ ประการแรก ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีรายใด ที่ได้ระบุรายละเอียดถึงขนาดว่าจะไปลงทุนในบริษัทใด อย่างไม่มีข้อผูกพันอย่างชัดเจน และ ประการที่ 2 รัฐบาลไทยไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดเหล่านี้ให้เอกชนและประชาชนในประเทศได้รับทราบมาก่อนเลย อย่างนี้จะ เรียกว่างุบงิบกันทำ คือรู้กันเพียงในรัฐบาลไม่กี่คนได้หรือไม่ ซึ่งไม่ทราบว่ารัฐบาลมีเหตุผลอะไร

เขาประเมินว่านายกฯทักษิณ มองไปทางด้านได้เป็นหลัก จนมองไม่เห็นทางด้านเสีย เพราะดูข้อตกลงแล้วเรามีเรื่องที่เสียประโยชน์อยู่อย่างน้อย 4 เรื่องคือ 1. อุตสาหกรรมเหมืองแร่ ที่รัฐบาลได้เปิดให้ออสเตรเลียเข้าลงทุน ถือหุ้นได้ถึง 62% จากเดิมตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จะให้ถือหุ้นได้ ไม่เกิน 50% กลุ่มที่ 2.อุตสาหกรรม ก่อสร้างของไทย จะมีการเปิดโอกาสให้ออสเตรเลียเข้ามาแข่ง โดยเปิดโอกาสให้ ลงทุนถือหุ้นได้ 100% ในการสร้างสาธารณูปโภคด้านต่างๆ รวมถึงด้านการขนส่ง 3. กิจการค้าปลีกสินค้าในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ของร้านค้าปลีกรายย่อย กำลังย่ำแย่อยู่แล้ว แต่รัฐบาลก็จะเปิดโอกาสให้ออสเตรเลียมาลงทุน เป็นเจ้าของ 100%
อ่านดูแล้วคิดยังไงกันบ้างครับ
From: http://www.bangkokbiznews.com/2004/07/0 ... =pag3.html
panwaa
ผู้ติดตาม: 0

FTA

โพสต์ที่ 14

โพสต์

แปลกแต่จริง

FTA คือรัฐบาลลดภาษีนำเข้า อดรายได้เข้ารัฐ แต่กลับถูกประชาชนด่า
FTA ไม่ใช่ว่าจีนได้เปรียบหรือไทยเสียเปรียบ แต่ทั้งสองประเทศกลับเพิ่มส่งออกของตนได้ทั้งสองประเทศ ไทยส่งผักผลไม้เพิ่มขึ้น 8 เดือนแรกของ FTA จีนก็ส่งผลไม้มาไทยได้เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคทั้งสองประเทศได้ประโยชน์จากการเลือกทานผลไม้ที่ตนเองชอบได้หลากหลาย ราคาก็ถูกลง
เพิ่งไปเมืองจีนมา ปักกิ่ง เทียนจิน ต้าเหลียน ชิงเต๋า จี้หนาน เซียงไฮ้ และนานนิงมา เห็นทุเรียนและมังคุดเราวางขายตามซุปเปอร์ฯ และทางเท้า ขนลุก กลัวคนไทยจะไม่มีกินหรือไม่ก็ต้องซื้อกันแพงขึ้นจัง

เออ แปลกแฮะ ไม่มีคนชมกลับมีแต่คนด่า หรือว่าเป็นแฟชั่นก็ไม่รู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

Re: FTA

โพสต์ที่ 15

โพสต์

panwaa เขียน:แปลกแต่จริง

FTA คือรัฐบาลลดภาษีนำเข้า อดรายได้เข้ารัฐ แต่กลับถูกประชาชนด่า
FTA ไม่ใช่ว่าจีนได้เปรียบหรือไทยเสียเปรียบ แต่ทั้งสองประเทศกลับเพิ่มส่งออกของตนได้ทั้งสองประเทศ ไทยส่งผักผลไม้เพิ่มขึ้น 8 เดือนแรกของ FTA จีนก็ส่งผลไม้มาไทยได้เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคทั้งสองประเทศได้ประโยชน์จากการเลือกทานผลไม้ที่ตนเองชอบได้หลากหลาย ราคาก็ถูกลง
เพิ่งไปเมืองจีนมา ปักกิ่ง เทียนจิน ต้าเหลียน ชิงเต๋า จี้หนาน เซียงไฮ้ และนานนิงมา เห็นทุเรียนและมังคุดเราวางขายตามซุปเปอร์ฯ และทางเท้า ขนลุก กลัวคนไทยจะไม่มีกินหรือไม่ก็ต้องซื้อกันแพงขึ้นจัง

เออ แปลกแฮะ ไม่มีคนชมกลับมีแต่คนด่า หรือว่าเป็นแฟชั่นก็ไม่รู้
เออ ที่ผมด่าเนี่ย เพราะมันไม่เป็นธรรมนะครับ อ่านดีๆซิครับ
ผมบังเอิญศึกษาเรื่องส่งออกนะครับ เลยทราบนิดหน่อย ไปคุยกับคนกรมส่งเสริมมาบ่อยๆครับ

ทุเรียนที่เห็นอาจไม่ใช่ของไทยนะครับ จีนเองปลูกผลไม้แบบที่ไทยมีได้เยอะแล้ว ส่วนว่าดีเท่าหรือไม่ อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ รสชาติ ก็ยังไม่เคยลองแต่เท่าที่เคยคุยกับกรมส่งเสริม เค้าว่าจีนทางใต้ มีอยู่ที่นึง ปลูกทุเรียนได้ใกล้เคียงกับเรามากครับ

แต่ว่าที่น่าทุเรศ คือ จีนยังเก็บภาษีเราแบบไม่เป็นธรรมในระดับของมณฑล คุณ Panwaa ว่ายุติธรรมเหรอครับ ? จริงๆ แต่ละจังหวัดของไทย น่าเก็บภาษีสินค้าจีนนะครับ แล้วบอกว่า เอ ก็รัฐบาลกลางบอกเป็น FTA แต่จังหวัดไม่ได้รับรายงานนี่หว่า นะ ..555

ปล. เห็น สินค้า บางอย่าง เหมือนของไทยเดะๆเลย มีภาษาไทย ด้วย ... แต่ .... อย่าเหมาว่ามันมาจากไทยนะคร๊าบบบ เชื่อมั้ยว่าส่วนใหญ่เป็นของ Copy 5555 ไม่เชื่อไปสืบดูได้ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย คัดท้าย เมื่อ จันทร์ ก.ค. 05, 2004 6:37 pm, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ดีครับมีความคิดหลากหลาย

แต่อยากทราบว่า การนำเข้าผลไม้จากจีนโตขึ้นกี่เปอร์เซนต์ และ ไทยโตขึ้นกี่เปอร์เซนต์หลังจาก fta

ไปดูตาม supermarket คงยากที่จะบอกเหมือนกันเพราะก่อน FTA เราก็ส่งผลไม้ไปอยู่แล้ว
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
อ-ริน
Verified User
โพสต์: 222
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ในที่สุดได้เจอกระทู้เอฟทีเอแล้ว :D

ฟังนายกพูดเรื่องที่จะทำเอฟทีเอกะออสซี่แล้วมึนมากค่ะ
ผลประโยชน์ทับซ้อนจังๆ ดันกลบเกลื่อนด้วยการพูดถึงระดับพ่อครัวกะนักเรียนไทยเนี่ยนะ
มันไม่คุ้มกันเลยกับเรื่องที่ผลิตภัณฑ์การเกษตรของเขาจะทะลักมาเข้าไทย
โดยเฉพาะนมนี่แหละ ถึงจะไม่ใช่ทันที ก็รอวันเจ๊งค่ะ



ว่าแต่เมื่อเช้าอ่านหนังสือพิมพ์(น่าจะกรุงเทพธุรกิจ) เค้าบอกผิดกฎอาฟตาด้วย
เนื่องจากไทยอยู่ในกลุ่มอาฟตา จะไปเซ็นสัญญาแบบข้ามาคนเดียวไม่ได้
เรื่องนี้จะยังไงต่อไปก็ไม่ทราบนะคะ
อ-ริน
Verified User
โพสต์: 222
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 18

โพสต์

เอามาฝากเผื่อใครลืมอ่านข่าวค่ะ
:D http://www.bangkokbiznews.com/2004/07/0 ... =pag2.html
ภาพประจำตัวสมาชิก
sailom
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 19

โพสต์

FTA เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
--- เมื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ---> ต้องมีผู้ได้ผลประโยชน์ ---> ต้องมีผู้เสียผลประโยชน์

ถ้าตัดเรื่อง Conflict of Interest ซึ่งอาจจะจริง ไม่จริง หรือจริงเพียงบางส่วน การทำ FTA มีผลประโยชน์แน่นอนสำหรับผู้บริโภค
1. บริโภคสินค้าคุณภาพดี ในราคาที่ถูกลง
2. กระตุ้นในเกิดการพัฒนาคุณภาพสินค้า
3. มีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น

วันนี้ผมอ่านข่าวเรื่องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจะประชุมกันเพื่อหาทางพัฒนาการเลี้ยงเพื่อรับมือกับ FTA ก็ได้แต่คิดในใจว่า แล้วเวลาที่ผ่านมาไปทำอะไรกันอยู่ ถึงไม่คิดจะพัฒนา :( :(

สำหรับในเรื่องผลประโยชน์ของประเทศในรูปของรายได้จากภาษีที่ต้องเสียไป ดุลการค้า ดุลการชำระเงิน ผมไม่ค่อยสันทัด คงให้ท่านอื่นวิจารณ์
ภาพประจำตัวสมาชิก
sailom
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ayethebing เขียน:เหอ เหอ แล้วทีภาคการเงินละ ทำไมยังต้องอุ้มกันอยู่ ต้องรออีกตั้งหลายปีกว่าจะเปิดเสรี อันนี้เรียก Double standard ได้รึเปล่า
ผมคิดว่าการเปิดเสรีภาคบริการ เป็นสิ่งที่แตกต่างจากการเปิดเสรีภาคการผลิต เนื่องจากทุนและเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญของภาคบริการ และเป็นจุดอ่อนอย่างมากของประเทศขนาดเล็กอย่างเรา ดังนั้นค่อย ๆคิด ค่อยๆทำ จะดีกว่า แต่จะต้องมี Roadmap และ Timeframe ที่ชัดเจน

พูดก็พูดเถอะ ถ้าถามผมว่าระหว่างเปิดเสรีให้ธนาคารต่างชาติเข้ามาโกยเงินกลับไป กับให้ท่านเจ้าสัวโกยเงินอยู่ในประเทศ ผมเลือกอย่างหลัง เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนว่า อย่างไรเสีย คนไทยด้วยกันก็ยังคุยกันเข้าใจง่ายกว่า
Boring Stock Lover
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 21

โพสต์

http://www.bangkokbiznews.com/2004/07/0 ... 65403.html

Competitive Advantage ยังเป็นหัวใจและพื้นฐานของกรอบ FTA
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 22

โพสต์

sailom wrote:
ถ้าตัดเรื่อง Conflict of Interest ซึ่งอาจจะจริง ไม่จริง หรือจริงเพียงบางส่วน การทำ FTA มีผลประโยชน์แน่นอนสำหรับผู้บริโภค
1. บริโภคสินค้าคุณภาพดี ในราคาที่ถูกลง
2. กระตุ้นในเกิดการพัฒนาคุณภาพสินค้า
3. มีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น


เป็น ideal case สำหรับโลกทุนนิยมเหรอเปล่าครับคุณสายลม

ถ้าเหตุการณ์อย่างงั้นเกิดขึ้นจริง โดยไม่ดูผลกระทบทางสังคม มันไม่ถูกครับ

ประชาชนที่บริโภคผลไม้เมืองหนาวได้สินค้าราคาถูกลง แต่เกษตรกรต้องล้มหายตายจาก อันนี้คุณว่าควรแล้วหรือ

เกษตรกรที่เลี้ยงโค ผมไม่คิดว่าเค้าจะสามารถปรับตัวได้ด้วยตัวเองนะ แล้วรัฐบาลช่วยปรับตัวให้พวกเค้าแค่ไหน ผมว่ามัน Ad-hoc ไปนะ

แล้วที่เราเปิดเสรีกับออสเตรเลีย เราได้ประโยชน์อะไรบ้างครับ ใครรู้เรื่องช่วยบอกกล่าวที
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
FamilyTradeArea
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ในโลกทุนนิยม

บริษัทใหญ่ๆในประเทศ กลืนกินธุรกิจส่วนตัว

ประเทศใหญ่ๆ กลืนกิน ประเทศเล็กๆ

เราจะสู้เขาได้แค่ไหน ในขณะที่เรา'เล่น'ในเกมส์ของเขา

จะสู้กับเขาไปทำไม ในขณะที่เรายังพึ่งตัวเองยังไม่ค่อยจะได้ ... ในเกมส์ของเขา

จะกระโดดได้ไกลแค่ไหน ก็ไปไม่พ้นกะลา!

...
แต่ ...
...

หากเรารู้จักพอ
หากเรารู้จักพึ่งตนเอง
หากเรารู้จักแบ่งปันกันและกัน

ความยิ่งใหญ่ ก็จะเป็นเครื่องประดับอันรุงรัง
เราจะต่อสู้ ด้วยเกมส์ของเรา
เราจะมีภูมิคุ้มกันต่อเยื่อล่อ อันมีแต่จะเพิ่มความอยาก
เราจะเอื้ออาทรต่อกัน ไม่อยากเอาอยากได้ จนไร้สำนึก ไร้ขอบเขต

. . .

ผมต้องการอยู่ในประเทศ ที่เป็นประหนึ่งครอบครัว
เราช่วยเหลือกัน เราไม่ทำร้ายกัน ล้มลุกคลุกคลาน เราก็ยังไม่ทิ้งกัน
ผมไม่ต้องการอยู่ในประเทศที่เป็นบริษัท
ที่ทุกคนพยายามขึ้นสู่ที่สูง เหยียบย่ำคนที่อยู่เบื้องล่าง ...

ก้าวกันไปช้าๆเถิด . . . ผมไม่อยากโดนไล่ออกน่ะ
Blueblood
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3645
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 24

โพสต์

copy มาจากเมล์ครับ :)

ในข้อตกลงมีอย่างน้อย 4 เรื่องที่เราเสียประโยชน์ คือ
1. อุตสาหกรรมเหมืองแร่ ตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แก้ไขเพิ่มเติม ปี 2542 ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเดิมให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุน ถือหุ้นได้ ไม่เกินกึ่งหนึ่ง ขณะนี้รัฐบาลไทยจะเปิดโอกาสให้ออสเตรเลียเข้าลงทุน ถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 60
2.อุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย รัฐบาลไทยเปิดโอกาสให้ออสเตรเลียเข้ามาแข่ง โดยให้ ลงทุน ถือหุ้นได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการสร้างสาธารณูปโภคด้านต่างๆ
3.กิจการค้าปลีกสินค้าในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้สถานการณ์กำลังย่ำแย่ แต่รัฐบาลกลับจะเปิดโอกาสให้ออสเตรเลียมาลงทุน เป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์
4. กลุ่มสินค้าเนื้อสัตว์ และนม กระทบแน่จากผลิตพันธุ์ในลักษณะเดียวกัน ที่จะไหลทะลักจากออสเตรเลียเข้ามาในประเทศไทย

สำหรับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น เห็นได้ชัดเจนในเรื่องธุรกิจโทรคมนาคม เนื่องจากการสื่อสารผ่านดาวเทียมจะมีการจำกัดน่านฟ้า แต่เมื่อทำเอฟทีเอแล้ว ออสเตรเลียจะเปิดเขตน่านฟ้าให้ไทยมากขึ้น ซึ่งบริษัทที่มีศักยภาพมากที่สุดที่จะได้ประโยชน์คือบริษัทชินคอร์ป ที่เกี่ยวโยงกับครอบครัวนายกฯโดยตรง และเมื่อขยายเครือข่ายดาวเทียมให้เข้าไปสู่ภูมิภาคนั้นจะเป็นการเอื้อประโยช น์ให้กับบริษัทที่ให้การบริหารเกี่ยวกับธุรกิจสื่อสารรายใหญ่ของออสเตรเลีย อย่างบริษัทออปตุส ซึ่งมีเครือข่ายเป็นบริษัท โวดาโฟน และรัฐวิสาหกิจด้านการสื่อสารอย่างบริษัทเทลสตาร์ และเมื่อไปดูผู้ถือหุ้นของบริษัทออปตุสแล้วพบว่ารายชื่อผู้ถือหุ้นคือบริษัท สิงค์เทล หรือบริษัทสิงคโปร์เทเลคอม ขณะเดียวกัน บริษัทสิงค์เทลก็เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปด้วย

เขตการค้าเสรีเอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย สินค้าเกษตรจะได้ประโยชน์น้อยมาก โดยหากพิจารณาในแง่การลดภาษีนำเข้าแล้ว ไทยแทบจะไม่ได้อะไรเลย เพราะภาษีเดิมออสเตรเลียมีการจัดเก็บต่ำอยู่แล้ว แต่ปัญหาสำคัญที่ไทยไม่สามารถส่งออกในตลาดนี้ได้ เพราะออสเตรเลีย มีความเข้มงวด ด้านสุขอนามัย พืช และสุขอนามัยสัตว์ (SPS) มาก

โดยเฉพาะเงื่อนไขโรคแมลง ทำให้ที่ผ่านมาผู้ส่งออกสินค้าเกษตร ไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร หากออสเตรเลียเปิดเสรีการค้า หรือเปิดกว้างนำเข้าด้านภาษี จะทำให้ออสเตรเลียต้องเพิ่มความเข้มงวด มาตรฐานการนำเข้ามากขึ้น ส่งผลให้การเปิดตลาดสินค้าเกษตรของไทยทำได้ยากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ออสเตรเลียมีสภาพภูมิอากาศใกล้เคียงกับไทย ทำให้สามารถผลิตผลไม้เมืองร้อนที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับไทย แต่ทำได้ในราคาถูกกว่า เพราะเทคโนโลยีเหนือกว่า และผลผลิตยังไม่เป็นที่นิยมบริโภคมากนัก เช่น ทุเรียน เงาะ

"การนำเข้าสินค้าทั้ง 2 ชนิดมีเงื่อนไข ที่ผู้ส่งออกไทยไม่สามารถจะปฏิบัติได้ โดยกำหนดให้ผ่าทุเรียนถึง 70 ผล จาก 100 ผล ขณะที่ลิ้นจี่และลำไยกำหนดให้ทำลายแมลง โดยการอบด้วยความร้อน หรือการแช่เย็นในอุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส นาน 15 วัน และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตร วิธีการเหล่านี้จะทำให้ต้นทุนการส่งออกสูงมาก"


ในทางกลับกันออสเตรเลีย มีศักยภาพการผลิตผักและผลไม้เมืองหนาวหลายชนิด เช่น เชอรี่ กีวี องุ่น แครอท บรอกโกลี เป็นต้น เกรงว่าหลังเอฟทีเอ สินค้าเหล่านี้จะทะลักเข้าไทยจำนวนมาก เหมือนกับผลไม้จากจีนทะลักเข้าไทยช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพราะไทยไม่มีเงื่อนไขการนำเข้า ทั้งด้านมาตรฐานการผลิต คุณภาพ และโรคแมลง ส่งผลให้ผู้บริโภคไทยหันไปซื้อสินค้าเหล่านี้แทน


การส่งออกสินค้าเกษตรไปออสเตรเลียมีโอกาสน้อยมาก โดยจากการสำรวจตลาดรอบ 3 ปีที่ผ่านมานั้น ออสเตรเลียเองสามารถผลิตผลไม้เมืองร้อนได้ ประกอบกับเงื่อนไขการนำเข้าที่เข้มงวด กำหนดให้มีการแช่แข็งผลไม้ เพื่อทำลายแมลง ทำให้ผลไม้เสียรสชาติ รับประทานไม่ได้ ยกเว้น ทุเรียน แต่หากเปรียบเทียบราคาส่งออกของไทยกับผลผลิตภายในออสเตรเลีย ทุเรียนไทยจะมีราคาแพงกว่า

เอฟทีเอไทย- ออสเตรเลียนั้น จะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมนมภายในประเทศทั้งระบบ แม้กำหนดให้มีการลดภาษีเหลือ 0% ในอีก 20 ปีข้างหน้าก็ตาม ทั้งนี้ ออสเตรเลียมีความก้าวหน้าทางด้านโคนมมาก ทั้งเทคโนโลยี และประสบการณ์ในการผลิต แม้ว่าไทยจะพยายามปรับปรุงการผลิตแค่ไหนก็ตาม จะไม่มีทางแข่งขันออสเตรเลียได้
ข้อตกลงเอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ในส่วนของโคนมต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพราะตามข้อตกลงในปี 2568 ประเทศไทยต้องลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% ขณะนี้ ต้นทุนน้ำนมดิบของออสเตรเลียอยู่ที่กก.ละ 6 บาท ขณะที่ของไทยอยู่ที่กก.ละ 12.50 บาท ประกันราคาให้กับเกษตรกรกก.ละ 11 บาท รัฐบาลบิดเบือนโครงสร้างด้านราคามาตลอด

อย่างไรก็ตาม แม้ตามโควตาการนำเข้านมผงอยู่ที่ระดับ 5.5 หมื่นตัน แต่ไทยก็เก็บภาษีนำเข้าเพียง 5% เช่นเดียวกับปริมาณนมผงนอกโควตาอีก 1.5 หมื่นตัน มติครม.ก็เก็บภาษีเพียง 5% แม้ภาษีที่ตกลงไว้ 216% ก็ตาม แต่รัฐบาลไม่เคยเก็บภาษีเต็ม ทั้งภาษีในและนอกโควตา ดังนั้น เมื่อภาษีเป็น 0% สินค้าจากออสเตรเลียก็จะเข้ามาไทยมากขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจะอยู่ได้อย่างไร




กรณีที่รัฐบาลจะตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีเพิ่มถึง 50% เพื่อปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ แต่หากรัฐบาลดำเนินการอย่างนี้จริง ก็ต้องกระทบกับผู้ประกอบการ ซึ่งต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนัก คือ ผู้บริโภคที่ต้องซื้อสินค้าราคาแพง


ระบบภาษีการนำเข้าไม่สมดุล เอกชนก็ต้องเลือกที่จะนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปมากกว่า เพราะต้นทุนถูกกว่า แล้วเมื่อถึงตอนนั้นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม จะผลิตน้ำนมดิบขายใคร สุดท้ายเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมก็ย่อมที่จะอยู่ไม่ได้

เวลานี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมปศุสัตว์ สมาคมผู้เลี้ยงโคนม ต่างวิตกกับสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เพราะสุดท้ายเกษตรกรไทยไม่สามารถแข่งขันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพันธุ์โค หรือแม้แต่อาหารที่ใช้เลี้ยงโคยังสู้ออสเตรเลียไม่ได้ เมื่อเปิดเสรีแล้วจะปรับปรุงอย่างไรให้ทัดเทียมออสเตรเลียก็เป็นไปไม่ได้


"ผลกระทบที่เกิดขึ้นย่อมนำไปสู่ความเสียหายในการทำมาหากินและความมั่นคงเรื่ องปากท้องของคนไทย รวมทั้งความหายนะของภาคเกษตร และ การสูญเสียอธิปไตยทางเศรษฐกิจด้วยความสมยอมรัฐบาลของคนไทยเอง"

(ถ้าจริงก็สงสารประเทศชาติเหลือเกินครับ :cry:)
มือใหม่
Verified User
โพสต์: 403
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 25

โพสต์

อาจเป็นไปได้อย่างที่คุณ Blueblood เราอาจยังดูไม่พร้อมกับการค้าเสรี

คงถึงเวลาแล้ว ที่การเกษตรต้องพัฒนา product ให้สามารถแข่งขันในเวทีตลาดโลกให้เหนือกว่าทุกประเทศ อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ ถ้าพยายามและคิดปรับปรุงต้องทำได้

ยังไง ผมมองว่า อีกไม่ได้ ทุกประเทศก็ต้องเข้าสู่เวทีการค้าเสรี

(ใครรู้บ้าง ว่าออสเตรเลียนำเขาสิ่งทอจากประเทศเพิ่มขึ้น รู้สึกประมาณ 30% เพราะอ่านข่าวเห็นแว็ปๆ )

:wink: :wink: :wink: :wink: :wink: :wink: :wink: :wink: :wink:
ท้าชนความคิด vi ทุกสถาบัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 26

โพสต์

เห็นด้วยกับคุณมือใหม่ จริงๆ แล้วรัฐบาลควรทุ่มพลังและงบที่มีไปพัฒนาส่วนนี้ไม่ใช่ สักแต่ว่าจะเอาแบบ FTA จานด่วนจนลืมหลังบ้านครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
บุคคลทั่วไป
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ถาม การทำ FTA มีประโยชน์กับประเทศหรือไม่
ตอบ มี

ถาม การทำ FTA ส่งผลเสียกับเกษตรกร หรือธุรกิจในประเทศหรือไม่
ตอบ มี

ถาม เราอยากได้ประโยชน์จาก FTA หรือไม่
ตอบ อยาก

ถาม เราสามารถได้ประโยชน์จาก FTA โดยไม่มีผลกระทบเลยได้หรือไม่
ตอบ ไม่ได้

ถาม แล้วเราจะทำอย่างไรดี
ตอบ ไม่ตอบแต่มีความคิดเห็น ดังนี้
-- การลดผลกระทบของ FTA
1. เปิดเผยข้อมูลทั้งด้านบวกและทางด้านลบ รับฟังข้อคิดเห็นจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ แล้วนำไปพิจารณา หากเป็นเรื่องสำคัญอาจต้องทำประชาพิจารณ์ ตัดสินใจตามข้อเท็จจริง ไม่ตัดสินใจตามข้อเรียกร้อง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทุกฝ่ายได้ตามที่ต้องการ
2. สร้างจิตสำนึกชาตินิยม
3. สร้างจิตสำนึกของความเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งจะต้องพร้อมรับการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา โลกในยุคหน้าจะต้องแข่งกับคนทั้งโลก (และก็มีตลาดใหญ่ขนาดทั้งโลกเช่นกัน) เกษตรกรหรือผู้ประกอบการจะต้องตื่นตัวอยู่เสมอในการแสวงหาความรู้และแนวทางใหม่ ๆในการพัฒนาอาชีพของตัวเอง
4. ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ (เชื่อหรือไม่ว่าเวียดนาม จีน หรืออินเดีย มีผลผลิตข้าวต่อไร่ สูงกว่าไทย)
5. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่มีต้นทุนต่ำ
6. ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปกับการพัฒนาตลาดเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์
7. ส่งเสริมการสร้างกลุ่มองค์กร เช่น สหกรณ์ สมาคม ชมรม ต่าง ๆ
8. กำหนดแผนในการดำเนินการที่มีกรอบเวลาสำหรับการปรับตัว
ภาพประจำตัวสมาชิก
sailom
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ข้างบนน่ะผมเอง
ล็อคหัวข้อ