หุ้นมันเป็น dynamic มิใช่ static

[Stock Broker]

อีกประเด็นที่ผมเจอกับเพื่อนๆ ของผมก็คือ บางครั้งก่อนที่จะซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เพื่อนผมทำการบ้านอย่างดี ทั้งศึกษาตัวธุรกิจ ปัจจัยกระทบต่างๆ โครงสร้างการเงิน โครงสร้างผู้ถือหุ้น แนวโน้มอนาคต จนคำนวณเป็นมูลค่าเหมาะสมในใจขึ้นมาก่อนที่จะทำการซื้อหุ้นนั้นๆ

ดูแล้วก็น่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่เพื่อนผมละเลยไป คือ การติดตามหุ้นที่ถือไว้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการเลือกซื้อหุ้น เพราะมันหมายถึงการตรวจสอบดูแลว่า หุ้นที่เราเลือกอย่างดีแล้ว มันทำงานสมกับที่เราคาดหวังหรือไม่

การที่เลือกหุ้นอย่างดีแล้วจึงซื้อ แต่เมื่อได้มาแล้วกลับถือไว้โดยไม่ได้ดูดำดูดีมัน คิดเพียงว่าเราได้เลือกมาดีแล้ว มันจะดีตลอดไป ผมว่าเป็นสิ่งอันตราย และอาจนำความบอบช้ำมาสู่ผู้ถือหุ้นได้ไม่น้อยไปกว่าการเล่นหุ้นเก็งกำไรเหมือนกัน

[ปู่เอง]

ปู่ว่ามองกันให้ที่สุดไปเลย ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าเศรษฐกิจมหภาคกำลังน่ากลัว(หุ้นทุกตัวจะแย่)
ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในรอบ2ปี น้ำมันและอื่นๆ
บางคนว่าเล็กน้อยไม่น่าห่วง
บางคนว่าต้องจับตาดู
บางคนก็ว่าฟองสบู่กำลังมา...ว่ากันได้สารพัด
เหล่านี้มันจะสะท้อนถึงการปรับพอร์ตถือครองหุ้นแต่ละคน

บางคนยังเต็มพอร์ต
บางคนเหลือครึ่งหนึ่ง
บางคนเหลือหนึ่งในสาม
บางคนถือเงินสด
พวกฝรั่งก็ขายออกมากพอดู...เหล่านี้ก็ไม่มีใครจะคาดเดาได้จริง
คงต้องให้ถึงเวลานั้นจึงได้คำตอบ

แต่ปู่คิดว่าพวกฝรั่งและคนที่ถือเงินสดจะรอดเพราะเขาเล่นเป็นรอบเป็นstep
ถ้ามันแย่จริงๆเขาจะยิ่งขาย หากมันไม่ได้แย่จริงเขาจะกลับมาซื้อ
แล้วท่านทั้งหลายล่ะเตรียมรับมืออย่างไรบ้าง???

[ปู่เอง]

ปู่ขอเพิ่มเติมอีกหน่อย เช้านี้ปู่ได้รับข้อมูลว่า
กองทุนไทยส่วนใหญ่ตอนนี้portติดลบ10%กว่า
ที่แย่สุด AJF ลบถึง20%กว่า มันสะท้อนอะไร...ทำไม?
เพราะกองทุนต่างๆมีบรรดาผู้จัดการกองทุนที่ได้ชื่อว่ามีความรู้ความสามารถมากมาย
ในอดีตเราก็เห็นกองทุนมากมายที่ทำกำไรได้ดีในช่วงหุ้นเฟื่องฟู(ขาขึ้น)
สามารถจ่ายปันผลในอัตราสูงๆ
แต่หลังจากนั้นไม่นานทุกกองทุนก็กลับกลายเป็นขาดทุน มูลค่าหน่วยลดลงมากมาย
จนทำให้เกิดกรณีลุงช่วยปาขี้...
ปู่ถามว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้?

เมื่อปีที่แล้วและปีนี้กองทุนต่างรับหุ้นกันมากมายแต่ยิ่งรับยิ่งลงคล้ายๆกับตอนยุค1700
เพียงเชื่อว่าเศรษฐกิจยังขึ้นต่อ(อาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ)
แต่หากมันมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่ทำให้เศรษฐกิจต้องสะดุด
ถามว่ากองทุนเหล่านี้จะทำอย่างไร...
กรณีมองแย่สุดๆคือเกิดฟองสบู่รอบใหม่ แล้วเราจะได้เห็นลุงช่วย2 3 4 อีกไหม?

สิ่งที่ปู่จะชี้ให้เห็นคือเราได้มีการกำจัดความเสี่ยงและตรวจสอบเหตุการณ์กันเป็นขั้นๆบ้างหรือไม่?
ปู่เห็นตระกูลไทเกนขายหุ้นออกมากมาย ปู่คิดว่าเขาทำได้ไม่เลว
เมื่อถึงจุดที่คิดว่ามีความเสี่ยงเริ่มไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ควรกำจัดความเสี่ยงบ้าง
แล้วมาประเมินสถานการณ์อีกที หากยังดีก็ค่อยเพิ่มการลงทุนอีกครั้ง
หากแย่กว่าคิดก็ได้กำจัดความเสี่ยงไปแล้ว

แล้วท่านทั้งหลายมั่นใจกับเศรษฐกิจไทยแค่ไหน เพราะนั่นจะเป็นคำตอบของมูลค่าหุ้นและความเสี่ยงของท่าน

[นักดูดาว]

แม้ผมคิดว่าตลาดจะลงมาได้อีกมาก แต่โดยรวมไม่น่ามีปัญหาสาหัสเหมือนสมัย 1700 จุด

การคิดถึงเรื่องบาดเจ็บในอดีตมาเตือนใจ
ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้เราไม่ประมาทเกินไป
ขอบคุณครับปู่

[chatchai]

ถามผมว่ามั่นใจกับเศรษฐกิจไทยเพียงไหน

ผมขอตอบว่า อนาคตผมไม่ทราบ แต่จากข้อมลเท่าที่ทราบตอนนี้ ผมยังคิดว่าไม่มีอะไรร้ายแรงมากนัก ถ้าตอนนี้ราคาห้นไม่ตกลงจาก 800 จด เหลือ 600 จด พวกเราจะคิดว่าแย่ไหม

ถ้าปลายปีก่อน ราคาห้นไม่วิ่งไปเกินพื้นฐาน ถ้าค่อยเป็นค่อยไป ปิดแถวๆ 500 - 600 จด เราจะมีความร้สึกว่าเศรษฐกิจจะแย่ไหมครับ

นักวิเคราะห์โดยมากก็คิดเหมือนๆกัน เรียกว่าอ่านมาแล้วก็พดตาม จะมีซักกี่คนที่พดแย้งกับคนอื่น ตอนห้นขึ้น ทกคนก็พดว่าดี พอห้นตก ทกคนก็บอกว่าแย่ จำชื่อไว้ซิครับว่า ใครพดไว้ว่าอย่างไร มีเหตผลอย่างไร แล้วแม่นยำไหม มีอะไรใหม่ไหมหรือว่าอ่านมาแล้วแค่พดตาม เราจะได้ร้ว่าเราควรที่จะฟังใคร

มีคนบอกว่า ถ้ากองทนซื้อบริษัท ปนซีเมนต์ ADVANC แล้วขาดทน คงไม่มีใครด่าผ้จัดการกองทน ผลตอบแทนก็คงไม่ต่างกับคนอื่นมากนัก ไม่ต่างจากดัชนีมากนัก แต่ถ้าซื้อแบบ WG แล้วขาดทน คงจะโดนด่ายับ จริงไหมครับ

[Mon money]

จริงครับพี่ฉัตร ผมเห็นด้วย

การปรับตัวของตลาดหุ้นปีที่แล้วทำเอาเข็มขัดสั้นครับ ปีนี้ถอยกลับมาเพื่อสะท้อนอะไรบางอย่าง

จากวัฎจักรเศรษฐกิจแล้ว ขณะนี้น่าจะเป็นช่วงต้นของกลางๆวัฎจักร จะเริ่มเติบโตแบบถดถอย ไม่ฟู่ฟ่า นะครับ ไม่น่ากลัวหรอก