มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 1
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
นี่คือความสงสัยของผมที่ลงทุนผ่านตลาหหุ้นมา
ได้แค่เพียงปีเศษ กับผลตอบแทนที่ไม่ค่อยจะสู้ดี
นัก ในแนวทางแบบเน้นคุณค่าซึ่งผมคิดว่ามันน่า
จะเหมาะกับผม ถ้ามีคนที่สร้างความมั่งคั่งจากหุ้น
ได้จริง อย่างเช่น บัพเฟต หรืออย่าง ดร. นิเวศน์
พวกเค้าคงเป็นคนส่วนน้อยนักในตลาดที่สามารถ
สร้างความมั่งคั่งนั้นได้ล่ะมั้ง และถ้าทำได้จริงเค้า
ลงทุนในหุ้นอย่างไรถึงสร้างความมั่งคั่งได้ถึงขนาด
นั้น ทามมายผมถึงสงสังมากอยากงี้ก็ไม่รู้ ใครก็ได้
ช่วยตอบที แล้วพวกคุณล่ะลงทุนแบบไหนกัน และ
มีกำไรกันบ้างหรือป่าวครับ แล้วคุณคิดว่าจะสามารถ
สร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ หลายคนยังคง
หลงทางเหมือนผมครับ คงเป็นเพราะจุดยืนยังไม่หยั่ง
รากลึกล่ะมั้งครับ ช่วยชี้แนะทีครับ
นี่คือความสงสัยของผมที่ลงทุนผ่านตลาหหุ้นมา
ได้แค่เพียงปีเศษ กับผลตอบแทนที่ไม่ค่อยจะสู้ดี
นัก ในแนวทางแบบเน้นคุณค่าซึ่งผมคิดว่ามันน่า
จะเหมาะกับผม ถ้ามีคนที่สร้างความมั่งคั่งจากหุ้น
ได้จริง อย่างเช่น บัพเฟต หรืออย่าง ดร. นิเวศน์
พวกเค้าคงเป็นคนส่วนน้อยนักในตลาดที่สามารถ
สร้างความมั่งคั่งนั้นได้ล่ะมั้ง และถ้าทำได้จริงเค้า
ลงทุนในหุ้นอย่างไรถึงสร้างความมั่งคั่งได้ถึงขนาด
นั้น ทามมายผมถึงสงสังมากอยากงี้ก็ไม่รู้ ใครก็ได้
ช่วยตอบที แล้วพวกคุณล่ะลงทุนแบบไหนกัน และ
มีกำไรกันบ้างหรือป่าวครับ แล้วคุณคิดว่าจะสามารถ
สร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ หลายคนยังคง
หลงทางเหมือนผมครับ คงเป็นเพราะจุดยืนยังไม่หยั่ง
รากลึกล่ะมั้งครับ ช่วยชี้แนะทีครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 2
ยังมีแน่นอนครับ
ในห้องนี้มีเยอะเสียด้วย อิอิ
ข้อควรระวัง
1. หุ้นที่ใครๆ บอกว่าดี และปลอดภัย แต่ราคาแพงแล้ว
2. หุ้นปันผล ที่ปันผลสูงๆ แต่ผลประกอบการกำลังแย่ลง
หุ้นพวกนี้ ไม่ Value นะครับ อย่าสับสน
ในห้องนี้มีเยอะเสียด้วย อิอิ
ข้อควรระวัง
1. หุ้นที่ใครๆ บอกว่าดี และปลอดภัย แต่ราคาแพงแล้ว
2. หุ้นปันผล ที่ปันผลสูงๆ แต่ผลประกอบการกำลังแย่ลง
หุ้นพวกนี้ ไม่ Value นะครับ อย่าสับสน
-
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 3
ตอบไม่ถูกครับ รู้แต่ว่าถ้าเก่งเสียอย่าง ไม่ขาดทุนครับ (ในระยะยาว)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 4
ก็น่าจะมีนะครับ ในบอร์ดนี้ก็น่าจะมีหลายท่าน
แหม..ท่าน Guest กะจะให้รวยภายในระยะเวลาปีเศษเองเหรอครับ
รออีกหน่อยดีกว่าครับ รอให้ผลของการทบต้นออกดอกออกผล คงพอจะบอกอะไรได้บ้าง แต่แน่นอนว่าคนที่จะทนลงทุนนานขนาดนั้นคงมีไม่มากครับ ก็เลยไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะรวยได้!
แต่เอาน่า! ถ้าเดินมาถูกทาง ผมก็คิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จในการลงทุนนะ(รวย) มากน้อยก็แล้วแต่แรงกรรม จากผลของความพยายามของนักลงทุนคนนั้นเอง
แหม..ท่าน Guest กะจะให้รวยภายในระยะเวลาปีเศษเองเหรอครับ
รออีกหน่อยดีกว่าครับ รอให้ผลของการทบต้นออกดอกออกผล คงพอจะบอกอะไรได้บ้าง แต่แน่นอนว่าคนที่จะทนลงทุนนานขนาดนั้นคงมีไม่มากครับ ก็เลยไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะรวยได้!
แต่เอาน่า! ถ้าเดินมาถูกทาง ผมก็คิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จในการลงทุนนะ(รวย) มากน้อยก็แล้วแต่แรงกรรม จากผลของความพยายามของนักลงทุนคนนั้นเอง
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 5
ก็ขึ้นอยู่กับว่าความมั่งคั่งที่ว่า เท่าไหร่
การออมสม่ำเสมอและเป็นระยะยาว ทำให้ตัวเลขนั้นโตอย่างเหลือเชื่อ
การนำเงินออมบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้น โดยคาดหวังว่าต้นไม่หาย และเติบโตเฉลี่ยทุกปี 10% ก็ยิ่งทำให้ตัวเลขนั้นโตมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามการทำงานหาเงินจะเป็นตัวสร้างความมั่งคั่งให้กับเรามากกว่า เพราะเราต้องสร้างฐานเงินก่อน จนมีเงินออมแล้วค่อยมาลงทุน
ดร. อายุเท่าไหร่แล้ว หน้าที่การงานที่ทำมามีรายได้มากน้อยขนาดไหน ฐานะครอบครัวเดิมเป็นอย่างไร นิสัยการใช้จ่าย ลงทุนมาแล้วกี่ปี
เวลาเราลงทุนก็คงต้องดูผลตอบแทนในรูป % แล้วลองดูว่าถ้าฐานเราใหญ่แล้ว ผลตอบแทนจะน่าพอใจหรือเปล่า
การออมสม่ำเสมอและเป็นระยะยาว ทำให้ตัวเลขนั้นโตอย่างเหลือเชื่อ
การนำเงินออมบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้น โดยคาดหวังว่าต้นไม่หาย และเติบโตเฉลี่ยทุกปี 10% ก็ยิ่งทำให้ตัวเลขนั้นโตมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามการทำงานหาเงินจะเป็นตัวสร้างความมั่งคั่งให้กับเรามากกว่า เพราะเราต้องสร้างฐานเงินก่อน จนมีเงินออมแล้วค่อยมาลงทุน
ดร. อายุเท่าไหร่แล้ว หน้าที่การงานที่ทำมามีรายได้มากน้อยขนาดไหน ฐานะครอบครัวเดิมเป็นอย่างไร นิสัยการใช้จ่าย ลงทุนมาแล้วกี่ปี
เวลาเราลงทุนก็คงต้องดูผลตอบแทนในรูป % แล้วลองดูว่าถ้าฐานเราใหญ่แล้ว ผลตอบแทนจะน่าพอใจหรือเปล่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 7
ปีแรก ก็ถือเป็นการเรียนรู้ การเรียนรู้ส่วนใหญ่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียน
ตัวเราเองลงทุน ซัก 5 ปี ลองคิดดูว่า อีก 5 ปีข้างหน้า เราจะเก่งขึ้นกว่าวันนี้หรือไม่
อีก 10 ปีข้างหน้า เราจะเก่งขึ้นไปอีกแค่ไหน
อีก 20 ปีข้างหน้า เราจะแผลเต็มตัวขนาดไหน อิอิ
.............................................................................................
คนส่วนใหญ่ทุ่มหมดตัว แต่ไม่แน่ใจ ว่า ทุ่มเท ในการศึกษา มากน้อยขนาดไหน เรื่องทุ่มหมดหน้าตัก ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ทุ่มหมดหน้าตัก
แต่ทุ่มเทในการศึกษาหาความรู้ อ่านหนังสือ ฟังการบรรยาย คุยกับคนที่มีประสบการณ์ จะช่วยย่นระยะเวลาให้เราสำเร็จได้เร็วขึ้น
เราทุ่มเท ขนาดไหน
ลงทุนปีแรก ถ้าสมมุติได้กำไร 100 % 200 % 300 % แล้วบอกอะไรได้
ของแท้ต้องอยู่ได้อย่างยาวนาน นานมากๆ แล้วยังมีกำไร
เป็นกำลังใจให้ครับ
รางวัลเป็นของผู้ทุ่มเท และตั้งใจจริง
ตัวเราเองลงทุน ซัก 5 ปี ลองคิดดูว่า อีก 5 ปีข้างหน้า เราจะเก่งขึ้นกว่าวันนี้หรือไม่
อีก 10 ปีข้างหน้า เราจะเก่งขึ้นไปอีกแค่ไหน
อีก 20 ปีข้างหน้า เราจะแผลเต็มตัวขนาดไหน อิอิ
.............................................................................................
คนส่วนใหญ่ทุ่มหมดตัว แต่ไม่แน่ใจ ว่า ทุ่มเท ในการศึกษา มากน้อยขนาดไหน เรื่องทุ่มหมดหน้าตัก ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ทุ่มหมดหน้าตัก
แต่ทุ่มเทในการศึกษาหาความรู้ อ่านหนังสือ ฟังการบรรยาย คุยกับคนที่มีประสบการณ์ จะช่วยย่นระยะเวลาให้เราสำเร็จได้เร็วขึ้น
เราทุ่มเท ขนาดไหน
ลงทุนปีแรก ถ้าสมมุติได้กำไร 100 % 200 % 300 % แล้วบอกอะไรได้
ของแท้ต้องอยู่ได้อย่างยาวนาน นานมากๆ แล้วยังมีกำไร
เป็นกำลังใจให้ครับ
รางวัลเป็นของผู้ทุ่มเท และตั้งใจจริง
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 8
อย่าคิดฝันจะรวยเร็วในเวลา ปีเศษ หรือจะรวยเป็น 1000 ล้านใน สามเดือน
เพราะอย่างนั้นมันไม่ใช่การลงทุน มันเป็นการพนัน หรือไม่ก็ต้องหวยลีเวอร์พูล
แม้แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่คุณเห็นเขารวยอย่างนั้น ผลตอบแทนเฉลี่ยก็ ประมาณ 15%-20% ต่อปี
ที่เป็นเวลายาวนานเป็นเวลายาวนานตลอดชีวิตการลงทุนของเขา
เขาลงทุนตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนแก่ ใกล้เข้าโลง แล้ว เขาก็ยังมีความสุขกับการลงทุน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เล่าไว้ว่า
เขาลงทุนครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ ซื้อหุ้นบุริมสิทธิของซิตี้เซอร์วิส จำนวน 3 หุ้น ราคา 38 เหรียญต่อหุ้น แต่เพราะขาดความอดทน เป็นเหตุให้เขาทำผิดพลาด เพราะเขากัลวลเมื่อมันตกไปถึง 27 เหรียญต่อหุ้น พอมันเด็งกลับขึ้นมาที่ 40 เหรียญต่อหุ้น เขาก็รีบขายมันออกไป แต่มันก็ยังขึ้นต่อไปจนถึง 200 เหรียญต่อหุ้น
เขาเกิดปี 1930 ปีนี้ 2004 ตอนนี้เขาอายุ 74 ปีแล้ว เท่ากับว่าเขาอยู่ในแวดวงธุรกิจลงทุนมาแล้ว 63 ปี ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย 15%-20% ต่อปี
อย่าคิดจะรวยเร็วภายใน 1 ปี
ค้นหาธุรกิจที่มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซื้อมันเมื่อราคาต่ำกว่าคุณค่าที่แท้จริงของมัน ถือมันตราบที่มันเป็นธุรกิจที่ดี
ลองคิดดูว่าเจ้าของกิจการผู้ลงทุนในกิจการข้างล่างนี้ เขาจะมีความสุขหรือไม่ในการถือหุ้นกิจการตัวอย่างข้างล่างนี้ เป็นเวลา 10 ปี
เพราะอย่างนั้นมันไม่ใช่การลงทุน มันเป็นการพนัน หรือไม่ก็ต้องหวยลีเวอร์พูล
แม้แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่คุณเห็นเขารวยอย่างนั้น ผลตอบแทนเฉลี่ยก็ ประมาณ 15%-20% ต่อปี
ที่เป็นเวลายาวนานเป็นเวลายาวนานตลอดชีวิตการลงทุนของเขา
เขาลงทุนตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนแก่ ใกล้เข้าโลง แล้ว เขาก็ยังมีความสุขกับการลงทุน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เล่าไว้ว่า
เขาลงทุนครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ ซื้อหุ้นบุริมสิทธิของซิตี้เซอร์วิส จำนวน 3 หุ้น ราคา 38 เหรียญต่อหุ้น แต่เพราะขาดความอดทน เป็นเหตุให้เขาทำผิดพลาด เพราะเขากัลวลเมื่อมันตกไปถึง 27 เหรียญต่อหุ้น พอมันเด็งกลับขึ้นมาที่ 40 เหรียญต่อหุ้น เขาก็รีบขายมันออกไป แต่มันก็ยังขึ้นต่อไปจนถึง 200 เหรียญต่อหุ้น
เขาเกิดปี 1930 ปีนี้ 2004 ตอนนี้เขาอายุ 74 ปีแล้ว เท่ากับว่าเขาอยู่ในแวดวงธุรกิจลงทุนมาแล้ว 63 ปี ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย 15%-20% ต่อปี
อย่าคิดจะรวยเร็วภายใน 1 ปี
ค้นหาธุรกิจที่มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซื้อมันเมื่อราคาต่ำกว่าคุณค่าที่แท้จริงของมัน ถือมันตราบที่มันเป็นธุรกิจที่ดี
ลองคิดดูว่าเจ้าของกิจการผู้ลงทุนในกิจการข้างล่างนี้ เขาจะมีความสุขหรือไม่ในการถือหุ้นกิจการตัวอย่างข้างล่างนี้ เป็นเวลา 10 ปี
โค้ด: เลือกทั้งหมด
NAME ปี สินทรัพย์ หนี้สิน ผู้ถือหุ้น ทุน รายได้ กำไรก่อน กำไรสุทธิ ROA(%) ROE(%) PM(%) หนี้/ผู้ถือหุ้น
APRINT 2004 1275.75 187.01 1088.74 190 263.04 66.57 49.52 5.32 4.65 18.83 0.17
APRINT 2003 1227.94 188.72 1039.22 190 1605.61 260.97 196.53 20.09 19.88 12.24 0.18
APRINT 2002 1370.16 409.41 937.69 190 1424.79 287 193.2 23.06 22.07 13.56 0.44
APRINT 2001 1118.92 272.88 812.89 190 1129.67 197.27 114.18 18.90 14.45 10.11 0.34
APRINT 2000 968.93 201.42 767.51 190 963.43 125.66 87.02 12.70 11.63 9.03 0.26
APRINT 1999 1010.67 281.57 729.11 190 857.1 103.78 72.84 11.37 10.38 8.50 0.39
APRINT 1998 815.35 140.35 675 190 697.73 78.2 57.98 10.07 8.82 8.31 0.21
APRINT 1997 738.18 98.55 639.63 190 582.02 93.49 66.46 12.36 10.63 11.42 0.15
APRINT 1996 774.74 163.57 611.17 190 791.25 115.31 78.21 15.91 13.37 9.88 0.27
APRINT 1995 674.99 116.37 558.61 190 510.03 61.61 41.34 9.23 7.53 8.11 0.21
APRINT 1994 660.51 120.44 540.07 190 421.38 61.82 36.85 18.72 13.65 8.75 0.22
NAME ปี EPS ปันผล epsQ4 epsQ3 epsQ2 epsQ1 PAR ราคา P/E P/BV D/P
APRINT 2004 1.06 ???? ???? ???? ???? 0.26 1 10.00 9.43 1.75 5.90
APRINT 2003 1.03 0.59 0.35 0.2 0.25 0.23 1 10.4 10.10 1.90 5.67
APRINT 2002 1.02 0.5 0.32 0.27 0.22 0.21 1 9 8.82 1.82 5.56
APRINT 2001 0.6 0.36 0.11 0.21 0.14 0.14 1 4.15 6.92 0.97 8.67
APRINT 2000 0.46 0.28 0.11 0.17 0.1 0.08 1 2.15 4.67 0.53 13.02
APRINT 1999 0.38 0.23 0.11 0.11 0.1 0.06 1 2 5.26 0.52 11.50
APRINT 1998 0.31 0.2 0.1 0.15 0.04 0.02 1 2 6.45 0.56 10.00
APRINT 1997 0.35 0.15 0.01 0.04 0.1 0.2 1 0.8 2.29 0.24 18.75
APRINT 1996 0.41 0.2 0.08 0.12 0.13 0.08 1 3.5 8.54 1.09 5.71
APRINT 1995 0.22 0.14 0.07 0.08 0.05 0.02 1 2.5 11.36 0.85 5.60
APRINT 1994 0.32 0.12 0.02 0.07 0.1 0.13 1 4.3 13.44 1.51 2.79
แก้ไขล่าสุดโดย ครรชิต ไพศาล เมื่อ เสาร์ พ.ค. 22, 2004 2:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
-
- Verified User
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 9
ยังไม่หวังรวยจากหุ้นวันี้ แต่หวังสร้างทุนก่อนครับ ผมคิดว่าคนที่จะรวยจากหุ้นได้อย่างมั่นคงมี 2 ประเภทคือ คนที่สามารถกำหนดราคาหุ้นได้ กับคนที่รู้ว่าราคาหุ้นจะขึ้นลงเมื่อไร ซึ่งคนทั้งสองประเภทถ้าไม่มีวงในก็ต้องมีทุนสูง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 10
ถ้าถามผมว่าผมมีความมั่งคั่งยัง ผมคงพอบอกได้ว่าพอจะมีแล้วครับ และผมก็ได้มาจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ครับ
ที่ผมบอกว่าพอจะมีความมั่งคั่งแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าผมมีเงินเป็นร้อยล้าน พันล้านนะครับ เพียงแต่มีเงินนำไปลงทุนแล้วได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายครับ ครอบครัวของผมไม่มีรายได้อื่นนอกจากการลงทุนครับ
ผมไม่มีมรดกตกทอดใดๆเลยครับ มีแต่วิชาความรู้เท่านั้นที่ได้รับเป็นมรดก ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2533 (ถ้าจำไม่ผิด) เป็นปีที่ซัดดัมบุกคูเวตนะครับ โดยเงินลงทุนนั้นก็เพียงน้อยนิด คือเป็นเงินเดือนที่ได้จากการทำงานประจำนะครับ
ในช่วงแรกๆ ซื้อแบบเก็งกำไรนะครับ ไม่มีความรู้ เล่นตามเทนนิค ข่าวลือ ข่าว Inside ก็ได้บ้างเสียบ้างครับ
จนปี 37 นะครับ ที่ผมได้เข้าไปเรียน MBA ทำให้ผมมีความรู้เรื่อง บัญชี การเงิน การลงทุน เศรษฐศาสตร์ ทำให้ผมเริ่มลงทุนแบบมีหลักการนะครับ (เลียนแบบโฆษณา)
จนช่วงปี 39 ผมเริ่มตระหนักถึงปัญหาเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ทำให้ผมตัดสินใจขายแล้วเลิกเล่นอีกนานเลยครับ
ผมกลับมาเริ่มลงทุนอีกครั้งก็แถวๆดัชนี 200 จุดเศษๆนะครับ ด้วยเงินทุน 6แสนบาทครับ ก็ประสบความสำเร็จเรื่อยมา จากการลงทุนแนว VI ทำให้ผมขาดทุนน้อยมากครับ ส่วนใหญ่จะกำไร จนปัจจุบันกำไรกว่า 20 ล้านบาทครับ ซึ่งก็ทำให้ผมมีบ้านเดี่ยว รถยนต์ 2 คัน
แต่สิ่งสำคัญที่การลงทุนแนว VI ให้ผมนั้นคือ เวลาและความสบายใจครับ ตลอดเวลาที่ผมลงทุนแนว VI ผมไม่จำเป็นต้องเฝ้าราคาหน้าจอ ไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวสารรายวัน รายนาที ผมสามารถที่จะนอนหลับสบาย ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะเกิดเหตการณ์ 11 ก.ย. สหรัฐบกอิรัก โรคซาร์ โรคไข้หวัดนก หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจบัน
หวังว่าพอจะให้ความมั่นใจได้นะครับ แต่ว่าคนที่เข้าใจว่าลงทุนแบบ VI นั้น คุณมีความรู้และความเข้าใจแค่ไหน
บางคนคิดว่าแค่ มีเงินเย็น ซื้อห้นบริษัทที่ดีมีชื่อเสียง แค่นี้ก็ไม่ขาดทุนแล้ว พอขาดทุนก็ไม่เข้าใจ
การลงทุนแนว VI นั้น ต้องมีความรู้ และความเข้าใจมากๆครับ ในแต่ละวันคุณเฝ้าราคามากน้อยแค่ไหนครับ
ที่ผมบอกว่าพอจะมีความมั่งคั่งแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าผมมีเงินเป็นร้อยล้าน พันล้านนะครับ เพียงแต่มีเงินนำไปลงทุนแล้วได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายครับ ครอบครัวของผมไม่มีรายได้อื่นนอกจากการลงทุนครับ
ผมไม่มีมรดกตกทอดใดๆเลยครับ มีแต่วิชาความรู้เท่านั้นที่ได้รับเป็นมรดก ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2533 (ถ้าจำไม่ผิด) เป็นปีที่ซัดดัมบุกคูเวตนะครับ โดยเงินลงทุนนั้นก็เพียงน้อยนิด คือเป็นเงินเดือนที่ได้จากการทำงานประจำนะครับ
ในช่วงแรกๆ ซื้อแบบเก็งกำไรนะครับ ไม่มีความรู้ เล่นตามเทนนิค ข่าวลือ ข่าว Inside ก็ได้บ้างเสียบ้างครับ
จนปี 37 นะครับ ที่ผมได้เข้าไปเรียน MBA ทำให้ผมมีความรู้เรื่อง บัญชี การเงิน การลงทุน เศรษฐศาสตร์ ทำให้ผมเริ่มลงทุนแบบมีหลักการนะครับ (เลียนแบบโฆษณา)
จนช่วงปี 39 ผมเริ่มตระหนักถึงปัญหาเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ทำให้ผมตัดสินใจขายแล้วเลิกเล่นอีกนานเลยครับ
ผมกลับมาเริ่มลงทุนอีกครั้งก็แถวๆดัชนี 200 จุดเศษๆนะครับ ด้วยเงินทุน 6แสนบาทครับ ก็ประสบความสำเร็จเรื่อยมา จากการลงทุนแนว VI ทำให้ผมขาดทุนน้อยมากครับ ส่วนใหญ่จะกำไร จนปัจจุบันกำไรกว่า 20 ล้านบาทครับ ซึ่งก็ทำให้ผมมีบ้านเดี่ยว รถยนต์ 2 คัน
แต่สิ่งสำคัญที่การลงทุนแนว VI ให้ผมนั้นคือ เวลาและความสบายใจครับ ตลอดเวลาที่ผมลงทุนแนว VI ผมไม่จำเป็นต้องเฝ้าราคาหน้าจอ ไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวสารรายวัน รายนาที ผมสามารถที่จะนอนหลับสบาย ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะเกิดเหตการณ์ 11 ก.ย. สหรัฐบกอิรัก โรคซาร์ โรคไข้หวัดนก หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจบัน
หวังว่าพอจะให้ความมั่นใจได้นะครับ แต่ว่าคนที่เข้าใจว่าลงทุนแบบ VI นั้น คุณมีความรู้และความเข้าใจแค่ไหน
บางคนคิดว่าแค่ มีเงินเย็น ซื้อห้นบริษัทที่ดีมีชื่อเสียง แค่นี้ก็ไม่ขาดทุนแล้ว พอขาดทุนก็ไม่เข้าใจ
การลงทุนแนว VI นั้น ต้องมีความรู้ และความเข้าใจมากๆครับ ในแต่ละวันคุณเฝ้าราคามากน้อยแค่ไหนครับ
แก้ไขล่าสุดโดย chatchai เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 18, 2008 10:31 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 11
ถ้าทำอย่างท่านดร นิเวศน์ หรือ บัฟเฟต หรือหลายท่านที่ประสบความสำเร็จ
มั่งคั่งแน่นอน
แต่ปัญหาคือน้อยคนนักจะปฎิบัติตามได้
ผมเองเมื่อปฎิบัติตามมักจะกำไร
แต่บางครั้งออกนอกลู่นอกทาง มักเจ็บตัว
มั่งคั่งแน่นอน
แต่ปัญหาคือน้อยคนนักจะปฎิบัติตามได้
ผมเองเมื่อปฎิบัติตามมักจะกำไร
แต่บางครั้งออกนอกลู่นอกทาง มักเจ็บตัว
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 12
ผมไม่เคยนั่งเฝ้าหน้าจอเลยครับ เพราะผมทำงานประจำตั้งแต่เช้าจนเย็น
เลยไม่มีเวลามานั่งเฝ้าหน้าจอครับ ผมเลยเลือกที่จะลงทุนแบบเน้นคุณค่า
เพราะคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า แต่ผมหาจุดยืนไม่ถูกครับ
เหมือนที่ผมบอกว่า"สงสัยมันยังคงไม่หยั่งลึกพอ" ลงทุนแบบพีอีต่ำๆ บีวีต่ำๆ
ก็กลายเป็นหุ้นก้นบุหรี่ไป ลงทุนในหุ้นปันผลก็บอกว่าไม่มี upside upgain งงครับ อาจเป็นเพราะผมฟังคนอื่นมากเกินไปก็ได้ แล้วผมจะยึดอารายเป็นหลักในการลงทุนดีครับ หรือผมต้องเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รู้เอง
แต่ผมว่าน่าจะเดินตามหลังผู้ใหญ่ หุ้นจะได้ไม่กัดเอา
ผมสนใจเรื่องหุ้นมาได้ประมาณ 3 ปี อ่านหนังสือของ ดร. นิเวศน์ "ตีแตก" เป็นเล่มแรกครับ อ่านแล้วช่ายเลยครับ นี่แหละช่ายเลย อธิบายไม่ถูกครับรู้แต่ว่าใช่เลย
ก่อนหน้านี้หนึ่งปีผมก็เริ่มลงทุนจริงๆจังๆ ด้วยเงินอันน้อยนิดครับ แต่ก็เป็นเงินที่ผมภูมิใจที่เก็บมันได้ตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงมหา'ลัย ผมไม่หวังอะไรมากไปกว่า
อิสระภาพทางการเงินเหมือนคุณฉัตรชัย ที่มีรายได้จากการลงทุนเป็นหลัก
แต่เงินลงทุนเริ่มแรกของผมคงไม่สูงเท่าคุณฉัตรชัย
ผมไม่ได้หวังมีเงิน เป็นร้อยเป็นพันล้านหรอกครับ แค่พอมีพอใช้ผมก็พอจายแล้วครับ ผมเรียนจบวิดยา ความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก็ยังน้อย แต่ก็ศึกษาหาความรู้ไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่งครับ
คนบอกว่าเรื่องของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นเรื่องของแนวคิด 90%
ที่เหลือมันเป็นเรื่องปฎิบัติ (ขออภัยครับที่จำชื่อไม่ได้) แต่สำหรับผมแล้ว
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นเรื่องของแนวคิดถึง 99.99% ที่เหลือ 00.01%
มันเข้าใจไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายนักแต่ปฎิบัตินี่สิยากกว่ามากครับ
ผมเริ่มต้นด้วยการเอาหนังสือพิมพ์มากาง แล้วก็เลือกเอาหุ้นที่มีค่า พีอีเกิน
10 ออก หลังจากนั้นก็เลือกหุ้นที่มีค่าราคาหุ้นสูงกว่าค่าบีวีออก แล้วก็เลือก
หุ้นที่มี ROE สูง เกิน 15% ตามหนังสือซะยังงั้น ได้หุ้นออกมาชุดหนึ่ง
บริษัทไรงะ ไม่รู้จักเลยซักบริษัทครับ ถ้าสมมุติผมชื้อหุ้นที่กรองได้จริง
แล้วทิ้งไว้แบบลืมเลย ซักห้าปีค่อยมาเปิดดู คุณคิดว่าจะมีกำไรไหมครับ
แต่ผมก็ไม่ได้เลือกวิธีนี้ในการลงทุน ผมว่ามันยังงัยก็ไม่รู้ ถ้ามันง่ายขนาดนั้น
คงไม่ช่ายตลาดหุ้นแน่ๆเลย (คงต้องมีคนทามเหมือนผมแน่ๆเลย : อยากรู้
จังว่าเป็นอย่างงัยบ้างครับ) บางทีมันอาจจะได้ผลก็ได้...
แต่ผมก็ยังชอบตัวเลขมากกว่าแนวคิดแบบเน้นคุณค่า ผมเริ่มอ่านงบการเงิน
แล้วเอาอัตราส่วนต่างมากำหนดแนวทาง เช่น ROE > 15% , D/E < 1
net profit > 10 และอัตราส่วนอื่นๆอีกมากมาย ปรากฏว่ายังงัยรู้ไม่ครับ
ไม่มีหุ้นตัวไหนเลยที่เข้าเกณฑ์ที่ผมตั้ง ก็อยากให้ได้หุ้นที่ดีที่สุดนี่ครับ
ผิดไหมครับ ให้ตายสิขอสักตัวได้หรอ.....
นี่เป็นสิ่งที่ผมทำ บางทีผมก็คิดว่าผมทามอารายอยู่นี่ สงสัยจะบ้า
นั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะมาเจอที่นี่ครับ ที่ Thaivalueinvestor
จากคนตั้งกระทู้ครับ
เลยไม่มีเวลามานั่งเฝ้าหน้าจอครับ ผมเลยเลือกที่จะลงทุนแบบเน้นคุณค่า
เพราะคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า แต่ผมหาจุดยืนไม่ถูกครับ
เหมือนที่ผมบอกว่า"สงสัยมันยังคงไม่หยั่งลึกพอ" ลงทุนแบบพีอีต่ำๆ บีวีต่ำๆ
ก็กลายเป็นหุ้นก้นบุหรี่ไป ลงทุนในหุ้นปันผลก็บอกว่าไม่มี upside upgain งงครับ อาจเป็นเพราะผมฟังคนอื่นมากเกินไปก็ได้ แล้วผมจะยึดอารายเป็นหลักในการลงทุนดีครับ หรือผมต้องเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รู้เอง
แต่ผมว่าน่าจะเดินตามหลังผู้ใหญ่ หุ้นจะได้ไม่กัดเอา
ผมสนใจเรื่องหุ้นมาได้ประมาณ 3 ปี อ่านหนังสือของ ดร. นิเวศน์ "ตีแตก" เป็นเล่มแรกครับ อ่านแล้วช่ายเลยครับ นี่แหละช่ายเลย อธิบายไม่ถูกครับรู้แต่ว่าใช่เลย
ก่อนหน้านี้หนึ่งปีผมก็เริ่มลงทุนจริงๆจังๆ ด้วยเงินอันน้อยนิดครับ แต่ก็เป็นเงินที่ผมภูมิใจที่เก็บมันได้ตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงมหา'ลัย ผมไม่หวังอะไรมากไปกว่า
อิสระภาพทางการเงินเหมือนคุณฉัตรชัย ที่มีรายได้จากการลงทุนเป็นหลัก
แต่เงินลงทุนเริ่มแรกของผมคงไม่สูงเท่าคุณฉัตรชัย
ผมไม่ได้หวังมีเงิน เป็นร้อยเป็นพันล้านหรอกครับ แค่พอมีพอใช้ผมก็พอจายแล้วครับ ผมเรียนจบวิดยา ความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก็ยังน้อย แต่ก็ศึกษาหาความรู้ไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่งครับ
คนบอกว่าเรื่องของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นเรื่องของแนวคิด 90%
ที่เหลือมันเป็นเรื่องปฎิบัติ (ขออภัยครับที่จำชื่อไม่ได้) แต่สำหรับผมแล้ว
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นเรื่องของแนวคิดถึง 99.99% ที่เหลือ 00.01%
มันเข้าใจไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายนักแต่ปฎิบัตินี่สิยากกว่ามากครับ
ผมเริ่มต้นด้วยการเอาหนังสือพิมพ์มากาง แล้วก็เลือกเอาหุ้นที่มีค่า พีอีเกิน
10 ออก หลังจากนั้นก็เลือกหุ้นที่มีค่าราคาหุ้นสูงกว่าค่าบีวีออก แล้วก็เลือก
หุ้นที่มี ROE สูง เกิน 15% ตามหนังสือซะยังงั้น ได้หุ้นออกมาชุดหนึ่ง
บริษัทไรงะ ไม่รู้จักเลยซักบริษัทครับ ถ้าสมมุติผมชื้อหุ้นที่กรองได้จริง
แล้วทิ้งไว้แบบลืมเลย ซักห้าปีค่อยมาเปิดดู คุณคิดว่าจะมีกำไรไหมครับ
แต่ผมก็ไม่ได้เลือกวิธีนี้ในการลงทุน ผมว่ามันยังงัยก็ไม่รู้ ถ้ามันง่ายขนาดนั้น
คงไม่ช่ายตลาดหุ้นแน่ๆเลย (คงต้องมีคนทามเหมือนผมแน่ๆเลย : อยากรู้
จังว่าเป็นอย่างงัยบ้างครับ) บางทีมันอาจจะได้ผลก็ได้...
แต่ผมก็ยังชอบตัวเลขมากกว่าแนวคิดแบบเน้นคุณค่า ผมเริ่มอ่านงบการเงิน
แล้วเอาอัตราส่วนต่างมากำหนดแนวทาง เช่น ROE > 15% , D/E < 1
net profit > 10 และอัตราส่วนอื่นๆอีกมากมาย ปรากฏว่ายังงัยรู้ไม่ครับ
ไม่มีหุ้นตัวไหนเลยที่เข้าเกณฑ์ที่ผมตั้ง ก็อยากให้ได้หุ้นที่ดีที่สุดนี่ครับ
ผิดไหมครับ ให้ตายสิขอสักตัวได้หรอ.....
นี่เป็นสิ่งที่ผมทำ บางทีผมก็คิดว่าผมทามอารายอยู่นี่ สงสัยจะบ้า
นั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะมาเจอที่นี่ครับ ที่ Thaivalueinvestor
จากคนตั้งกระทู้ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 13
ก็ทำถูกแล้วนี่ครับ ดูอย่างละเอียด จนกระทั้งเจอหุ้นที่คิดว่าดี ด้วยเหตุผลต่างๆนา
สุดท้ายก็ต้องรอครับ รอวันที่ตลาดอารมณ์ไม่ดี แล้วทำให้ราคาหุ้นตัวที่เราดูอยู่ ตกลงมาจนกระทั่งอยู่ในจุดที่คิดว่า น่าซื้อ แล้วก็ค่อยซื้อ
ถ้าซื้อเร็วเกินไป แล้วได้ของแพง จริงๆแล้ว ไม่แพง
เพราะเป็นราคาที่เราคิดด้วยเหตุด้วยผลแล้วว่า น่าลงทุน
แต่ราคาที่ซื้อขายหลังจากที่เราซื้อไปแล้ว มันถูกกว่า ก็เท่านั้นเอง
ถ้าเราซื้อแล้วคิดว่าคุ้มค้า เราก็ถือยาว ถ้าตลาดตกลงมาอีก แล้วเราตกใจ หรือคิดไปว่า เราขาดทุน ตรงนี้ครับ ปัญหาจะเกิดขึ้น ถ้าเรา cut loss
ขอเน้นนะครับ ถ้าเป็นแนว VI ไม่จำเป็นต้อง cut loss เช่น
เราซื้อ bigC ที่ราคา 18 บาท ด้วยเหตุผล ต่างๆนาๆ ของเรา ผ่านไป 1 ปี สมมุติว่าราคาไปอยู่ที่ 15 บาท ในขณะที่กำไร ยอดขาย เพิ่มขึ้น และหนี้สินลดลง
เราสมควรกระโดดดีใจ เพราะ ถ้าเรามีเงินสด เราก็จะได้ซื้อเพิ่ม
แต่ถ้าราคาไปอยู่ที่ 25 เราก็ดีใจ เพราะกิจการที่ดี ราคาก็ควรขึ้น แต่ถ้าเรามีเงินสด เราอาจจะไม่อยากซื้อที่ราคา 25 ก็ได้
และที่สำคัญถ้าเราตั้งใจถือยาว ราคาที่ขึ้นมา ก็ไม่มีผลกับเรา เพราะเราไม่ได้ขายอยู่แล้ว
ราคาที่สูงขึ้นเร็วๆ ถ้าเป็นหุ้นที่เรากะจะถือยาว อาจจะทำให้เราตัดสินใจขายไปก็ได้
สุดท้ายถ้าเราทำการบ้านมาอย่างดีเราก็ต้องมั่นใจในตัวเอง และถือยาว อย่าให้ราคามาเป็นตัวตัดสินใจลงทุนระยะยาวของเราใขว้เขว
เมื่อเราตัดสินใจขายการลงทุนในอนาคต ด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง เราก็ควรเลือกที่จะขายตอนที่ตลาดกำลังดี เราก็จะขายได้ราคา
สุดท้ายก็ต้องรอครับ รอวันที่ตลาดอารมณ์ไม่ดี แล้วทำให้ราคาหุ้นตัวที่เราดูอยู่ ตกลงมาจนกระทั่งอยู่ในจุดที่คิดว่า น่าซื้อ แล้วก็ค่อยซื้อ
ถ้าซื้อเร็วเกินไป แล้วได้ของแพง จริงๆแล้ว ไม่แพง
เพราะเป็นราคาที่เราคิดด้วยเหตุด้วยผลแล้วว่า น่าลงทุน
แต่ราคาที่ซื้อขายหลังจากที่เราซื้อไปแล้ว มันถูกกว่า ก็เท่านั้นเอง
ถ้าเราซื้อแล้วคิดว่าคุ้มค้า เราก็ถือยาว ถ้าตลาดตกลงมาอีก แล้วเราตกใจ หรือคิดไปว่า เราขาดทุน ตรงนี้ครับ ปัญหาจะเกิดขึ้น ถ้าเรา cut loss
ขอเน้นนะครับ ถ้าเป็นแนว VI ไม่จำเป็นต้อง cut loss เช่น
เราซื้อ bigC ที่ราคา 18 บาท ด้วยเหตุผล ต่างๆนาๆ ของเรา ผ่านไป 1 ปี สมมุติว่าราคาไปอยู่ที่ 15 บาท ในขณะที่กำไร ยอดขาย เพิ่มขึ้น และหนี้สินลดลง
เราสมควรกระโดดดีใจ เพราะ ถ้าเรามีเงินสด เราก็จะได้ซื้อเพิ่ม
แต่ถ้าราคาไปอยู่ที่ 25 เราก็ดีใจ เพราะกิจการที่ดี ราคาก็ควรขึ้น แต่ถ้าเรามีเงินสด เราอาจจะไม่อยากซื้อที่ราคา 25 ก็ได้
และที่สำคัญถ้าเราตั้งใจถือยาว ราคาที่ขึ้นมา ก็ไม่มีผลกับเรา เพราะเราไม่ได้ขายอยู่แล้ว
ราคาที่สูงขึ้นเร็วๆ ถ้าเป็นหุ้นที่เรากะจะถือยาว อาจจะทำให้เราตัดสินใจขายไปก็ได้
สุดท้ายถ้าเราทำการบ้านมาอย่างดีเราก็ต้องมั่นใจในตัวเอง และถือยาว อย่าให้ราคามาเป็นตัวตัดสินใจลงทุนระยะยาวของเราใขว้เขว
เมื่อเราตัดสินใจขายการลงทุนในอนาคต ด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง เราก็ควรเลือกที่จะขายตอนที่ตลาดกำลังดี เราก็จะขายได้ราคา
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 14
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเล่นเก็งกำไร และเราตัดสินใจซื้อ ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ
เราคิดว่าราคาที่เราซื้อมานั้น มันต่ำ และกะว่า ราคาจะต้องสูงขึ้น
ถ้าราคาตกลงมา แสดงว่าเราผิด เราซื้อเพราะเราคิดว่าต่ำ แต่มีต่ำกว่า เราก็ต้อง cut loss
ถ้าไม่ cut loss ราคาก็จะไหลลงไปเรื่อยๆ เช่น NCH ซื้อ 20 แล้วราคาลงไป ที่ 8.6 เป็นต้น
ถ้าซื้อ 20 แล้วกะว่าจะขึ้น ถ้าลง เราก็ cut loss
ก็แค่นั้นเอง
สุดท้ายแล้ว เมื่อลงมามากๆ แล้วมัน rebound เราอาจจะกลับไปซื้อใหม่ ซื้อเพื่อขาย ไม่ได้ถือยาว
ซื้อถูก ขายแพง
ก็เป็นแนวเก็งกำไร เหตุผลรองรับ ก็เรื่องพื้นฐานบางส่วน เทคนิคบางส่วน
แต่เราเข้าเพราะเก็งกำไร
ทั้งสองแบบไม่ควรเอามาปนกัน เพราะจะทำให้สับสน
หลายๆคนซื้อเพราะเก็งกำไร แต่เมื่อราคาลง ก็หาเหตุผลมายืนยัน ว่าไม่น่าจะลง ถึงลงแล้วก็น่าจะขึ้น ก็เลยถือ
ผลคือ มันลงไปจนกระทั่ง ไม่กล้า cut loss
แต่หุ้น แนว VI จริงๆ จะขึ้นไปตามพื้นฐาน ค่อยๆขึ้น วอลลุ่มไม่ค่อยมี แต่ราคาก็ค่อยๆขึ้น
เวลาลงก็ค่อยๆลง
ส่วนหุ้นแนว VS นี่มันส์สุดๆ ขึ้นลง ขึ้นลง แบบตื่นเต้นสุดๆ
เราคิดว่าราคาที่เราซื้อมานั้น มันต่ำ และกะว่า ราคาจะต้องสูงขึ้น
ถ้าราคาตกลงมา แสดงว่าเราผิด เราซื้อเพราะเราคิดว่าต่ำ แต่มีต่ำกว่า เราก็ต้อง cut loss
ถ้าไม่ cut loss ราคาก็จะไหลลงไปเรื่อยๆ เช่น NCH ซื้อ 20 แล้วราคาลงไป ที่ 8.6 เป็นต้น
ถ้าซื้อ 20 แล้วกะว่าจะขึ้น ถ้าลง เราก็ cut loss
ก็แค่นั้นเอง
สุดท้ายแล้ว เมื่อลงมามากๆ แล้วมัน rebound เราอาจจะกลับไปซื้อใหม่ ซื้อเพื่อขาย ไม่ได้ถือยาว
ซื้อถูก ขายแพง
ก็เป็นแนวเก็งกำไร เหตุผลรองรับ ก็เรื่องพื้นฐานบางส่วน เทคนิคบางส่วน
แต่เราเข้าเพราะเก็งกำไร
ทั้งสองแบบไม่ควรเอามาปนกัน เพราะจะทำให้สับสน
หลายๆคนซื้อเพราะเก็งกำไร แต่เมื่อราคาลง ก็หาเหตุผลมายืนยัน ว่าไม่น่าจะลง ถึงลงแล้วก็น่าจะขึ้น ก็เลยถือ
ผลคือ มันลงไปจนกระทั่ง ไม่กล้า cut loss
แต่หุ้น แนว VI จริงๆ จะขึ้นไปตามพื้นฐาน ค่อยๆขึ้น วอลลุ่มไม่ค่อยมี แต่ราคาก็ค่อยๆขึ้น
เวลาลงก็ค่อยๆลง
ส่วนหุ้นแนว VS นี่มันส์สุดๆ ขึ้นลง ขึ้นลง แบบตื่นเต้นสุดๆ
- someOne
- Verified User
- โพสต์: 253
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 15
พี่ Guest (คนตั้งกระทู้)ครับ พี่จบวิดยาที่ไหนเหรอครับ ผมไม่นึกเลยครับว่าจะมีเด็กวิดยาที่เริ่มบ้าแนวทาง VI แบบผม(และเพื่อนผมอีกประมาณ 2 คน) เพราะตอนนี้ผมก็เรียนคณะวิทยาศาสตร์ครับ จุดเริ่มต้นของสไตล์การลงทุนของผมเริ่มจากที่เวบแห่งนี้แหละครับ หลายๆ สิ่งที่ผมได้จากเวบแห่งนี้ทำให้ผมยิ่งเชื่อมั่นอีกว่า เป้าหมายในชีวิตของผมนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าผมไม่ได้มาจุดประกายตัวเองไว้ ณ เวบแห่งนี้ครับ ผมคิดว่าถ้าพี่มีสไตล์แนว VI จริง ผมว่าพี่ก้าวเข้ามาสู่ที่นี่นั้นเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดเลยครับ
ปล. อย่าลืมสมัครสมาชิกนะครับ สิ่งดีๆ กำลังรอพี่อยู่
ปล. อย่าลืมสมัครสมาชิกนะครับ สิ่งดีๆ กำลังรอพี่อยู่
ด้วยความเคารพ
From someOne
--------------------
Knowledge Access Investment
From someOne
--------------------
Knowledge Access Investment
-
- Verified User
- โพสต์: 7
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 16
นานๆจะเจอเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่จบวิทยาศาสตร์สักทีนึง ส่วนใหญ่เจอแต่วิดวะ
มาแสดงตนครับ ผมก็จบวิดยาเหมือนกัน ม. เชิงดอยครับ เริ่มลงทุนมาปีกว่าๆ 3 เดือนแรกก็เกร็งกำไรเหมือนกันครับ เข้าไปที่พันทิปก่อน แล้วไปที่ตลาดหุ้น มาเจอแรงบันดาลใจจากพี่ครรชิต ก่อน แล้วก็ลุงขวด โดยเฉพาะจดหมายถึงลุงขวด ผมว่าสุดยอดมาก พอตลาดหุ้นดอทคอมเริ่มเปลี่ยนแนวก็โยกมาเจอ ทีวีไอนี่แหละครับ ก็มาเจอพี่เจ๋ง พี่วิบูลย์ คุณมน และก็อีกหลายท่าน ทำให้จิตใจค่อนข้างจะนิ่งพอสมควร ยามใดที่จิตใจหวั่นไหวกับนายตลาด ก็จะเข้ามาอ่านบทความของพี่ๆทั้งหลายทำให้จิตใจเราเยือกเย็นขึ้นครับ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าตัวเองจะลงทุนแบบห่านทองคำ เอาไว้กินปันผลตอนแก่ตัวขึ้นนะครับ ไม่ได้หวังร่ำรวยเงินทองมากมายอะไรนัก
มาแสดงตนครับ ผมก็จบวิดยาเหมือนกัน ม. เชิงดอยครับ เริ่มลงทุนมาปีกว่าๆ 3 เดือนแรกก็เกร็งกำไรเหมือนกันครับ เข้าไปที่พันทิปก่อน แล้วไปที่ตลาดหุ้น มาเจอแรงบันดาลใจจากพี่ครรชิต ก่อน แล้วก็ลุงขวด โดยเฉพาะจดหมายถึงลุงขวด ผมว่าสุดยอดมาก พอตลาดหุ้นดอทคอมเริ่มเปลี่ยนแนวก็โยกมาเจอ ทีวีไอนี่แหละครับ ก็มาเจอพี่เจ๋ง พี่วิบูลย์ คุณมน และก็อีกหลายท่าน ทำให้จิตใจค่อนข้างจะนิ่งพอสมควร ยามใดที่จิตใจหวั่นไหวกับนายตลาด ก็จะเข้ามาอ่านบทความของพี่ๆทั้งหลายทำให้จิตใจเราเยือกเย็นขึ้นครับ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าตัวเองจะลงทุนแบบห่านทองคำ เอาไว้กินปันผลตอนแก่ตัวขึ้นนะครับ ไม่ได้หวังร่ำรวยเงินทองมากมายอะไรนัก
-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 18
ทำไมคุณทำเหมือนผมทุกอย่างทุกขั้นตอนเลยAnonymous เขียน:ผมไม่เคยนั่งเฝ้าหน้าจอเลยครับ เพราะผมทำงานประจำตั้งแต่เช้าจนเย็น
เลยไม่มีเวลามานั่งเฝ้าหน้าจอครับ ผมเลยเลือกที่จะลงทุนแบบเน้นคุณค่า
เพราะคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า แต่ผมหาจุดยืนไม่ถูกครับ
เหมือนที่ผมบอกว่า"สงสัยมันยังคงไม่หยั่งลึกพอ" ลงทุนแบบพีอีต่ำๆ บีวีต่ำๆ
ก็กลายเป็นหุ้นก้นบุหรี่ไป ลงทุนในหุ้นปันผลก็บอกว่าไม่มี upside upgain งงครับ อาจเป็นเพราะผมฟังคนอื่นมากเกินไปก็ได้ แล้วผมจะยึดอารายเป็นหลักในการลงทุนดีครับ หรือผมต้องเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รู้เอง
แต่ผมว่าน่าจะเดินตามหลังผู้ใหญ่ หุ้นจะได้ไม่กัดเอา
ผมสนใจเรื่องหุ้นมาได้ประมาณ 3 ปี อ่านหนังสือของ ดร. นิเวศน์ "ตีแตก" เป็นเล่มแรกครับ อ่านแล้วช่ายเลยครับ นี่แหละช่ายเลย อธิบายไม่ถูกครับรู้แต่ว่าใช่เลย
ก่อนหน้านี้หนึ่งปีผมก็เริ่มลงทุนจริงๆจังๆ ด้วยเงินอันน้อยนิดครับ แต่ก็เป็นเงินที่ผมภูมิใจที่เก็บมันได้ตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงมหา'ลัย ผมไม่หวังอะไรมากไปกว่า
อิสระภาพทางการเงินเหมือนคุณฉัตรชัย ที่มีรายได้จากการลงทุนเป็นหลัก
แต่เงินลงทุนเริ่มแรกของผมคงไม่สูงเท่าคุณฉัตรชัย
ผมไม่ได้หวังมีเงิน เป็นร้อยเป็นพันล้านหรอกครับ แค่พอมีพอใช้ผมก็พอจายแล้วครับ ผมเรียนจบวิดยา ความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก็ยังน้อย แต่ก็ศึกษาหาความรู้ไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่งครับ
คนบอกว่าเรื่องของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นเรื่องของแนวคิด 90%
ที่เหลือมันเป็นเรื่องปฎิบัติ (ขออภัยครับที่จำชื่อไม่ได้) แต่สำหรับผมแล้ว
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นเรื่องของแนวคิดถึง 99.99% ที่เหลือ 00.01%
มันเข้าใจไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายนักแต่ปฎิบัตินี่สิยากกว่ามากครับ
ผมเริ่มต้นด้วยการเอาหนังสือพิมพ์มากาง แล้วก็เลือกเอาหุ้นที่มีค่า พีอีเกิน
10 ออก หลังจากนั้นก็เลือกหุ้นที่มีค่าราคาหุ้นสูงกว่าค่าบีวีออก แล้วก็เลือก
หุ้นที่มี ROE สูง เกิน 15% ตามหนังสือซะยังงั้น ได้หุ้นออกมาชุดหนึ่ง
บริษัทไรงะ ไม่รู้จักเลยซักบริษัทครับ ถ้าสมมุติผมชื้อหุ้นที่กรองได้จริง
แล้วทิ้งไว้แบบลืมเลย ซักห้าปีค่อยมาเปิดดู คุณคิดว่าจะมีกำไรไหมครับ
แต่ผมก็ไม่ได้เลือกวิธีนี้ในการลงทุน ผมว่ามันยังงัยก็ไม่รู้ ถ้ามันง่ายขนาดนั้น
คงไม่ช่ายตลาดหุ้นแน่ๆเลย (คงต้องมีคนทามเหมือนผมแน่ๆเลย : อยากรู้
จังว่าเป็นอย่างงัยบ้างครับ) บางทีมันอาจจะได้ผลก็ได้...
แต่ผมก็ยังชอบตัวเลขมากกว่าแนวคิดแบบเน้นคุณค่า ผมเริ่มอ่านงบการเงิน
แล้วเอาอัตราส่วนต่างมากำหนดแนวทาง เช่น ROE > 15% , D/E < 1
net profit > 10 และอัตราส่วนอื่นๆอีกมากมาย ปรากฏว่ายังงัยรู้ไม่ครับ
ไม่มีหุ้นตัวไหนเลยที่เข้าเกณฑ์ที่ผมตั้ง ก็อยากให้ได้หุ้นที่ดีที่สุดนี่ครับ
ผิดไหมครับ ให้ตายสิขอสักตัวได้หรอ.....
นี่เป็นสิ่งที่ผมทำ บางทีผมก็คิดว่าผมทามอารายอยู่นี่ สงสัยจะบ้า
นั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะมาเจอที่นี่ครับ ที่ Thaivalueinvestor
จากคนตั้งกระทู้ครับ
ผมก็ทำงานประจำชนิดไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ มีบ้างแต่เน็ตมันก็อืดเหลือเกิน
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 19
ผมเรียนวิดยา มศว ครับ ดันมาสนใจเรื่องเงินๆทองๆตั้งแต่อยู่ปี 2
หลังจากอ่านตีแตกนั่นแหละครับ ตอนนี้จบมาแล้ว 2 ปีครับ
บางครั้งก็คิดว่าเราเรียนผิดสายป่าวเนี้ย อิจฉาคนที่จบมาทาง
ด้านนี้โดยตรงจังครับ
ผมเป็นสมาชิกห้องนี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแหละครับ ตั้งแต่คุณยีนซื้อ
เว็บนี้มาจากใครก็ไม่ทราบ ตั้งแต่ยังมีสมาชิกไม่ถึงร้อยตอนนี้มี
สมาชิกครึ่งหมื่นแล้วมั้ง ในเว็บนี้มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นเลยครับ
ไม่ว่าจะเป็นลุงขวด คุณครรชิต คุณมนต์ คุณฉัตรชัย คุณเจ๋ง
คุณยีน และท่านอื่นๆอีกเยอะเลยครับที่ไม่ได้กล่าวถึง
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาโพสต์ บางท่านที่เข่าให้กำลังใจ
ผมรู้ดีคราบ เรื่องของการลงทุนต้องวันผลกันในระยะยาว
ไม่ได้วัดกันแค่ปีเศษๆ แต่มันเหนื่อยครับ อ่านหนังสือมา
ก็หลายเล่ม แต่ยังเข้าหัวเลยครับ แถมพอร์ตที่ลงทุนยัง
ลดลงอีก ก็เลยไม่แน่ใจในแนวทางตัวเองทามอยู่นั้นถูกต้อง
หรือเปล่า เลยมาตั้งคำถามอย่างที่เห็น
มีคนบอกว่าลงทุนมาในแต่ละปี ควรนั่งวิเคราะห์ว่าทามมาย
ผลตอบแทนถึงเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไข
หรือหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป ผมว่าระดับเซียนที่ผมเอ่ย
ชื่อถึงข้างบนเค้าก็ทามอย่างนี้เช่นกัน (จริงไหมครับ)
จากคนที่ตั้งกระทู้
หลังจากอ่านตีแตกนั่นแหละครับ ตอนนี้จบมาแล้ว 2 ปีครับ
บางครั้งก็คิดว่าเราเรียนผิดสายป่าวเนี้ย อิจฉาคนที่จบมาทาง
ด้านนี้โดยตรงจังครับ
ผมเป็นสมาชิกห้องนี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแหละครับ ตั้งแต่คุณยีนซื้อ
เว็บนี้มาจากใครก็ไม่ทราบ ตั้งแต่ยังมีสมาชิกไม่ถึงร้อยตอนนี้มี
สมาชิกครึ่งหมื่นแล้วมั้ง ในเว็บนี้มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นเลยครับ
ไม่ว่าจะเป็นลุงขวด คุณครรชิต คุณมนต์ คุณฉัตรชัย คุณเจ๋ง
คุณยีน และท่านอื่นๆอีกเยอะเลยครับที่ไม่ได้กล่าวถึง
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาโพสต์ บางท่านที่เข่าให้กำลังใจ
ผมรู้ดีคราบ เรื่องของการลงทุนต้องวันผลกันในระยะยาว
ไม่ได้วัดกันแค่ปีเศษๆ แต่มันเหนื่อยครับ อ่านหนังสือมา
ก็หลายเล่ม แต่ยังเข้าหัวเลยครับ แถมพอร์ตที่ลงทุนยัง
ลดลงอีก ก็เลยไม่แน่ใจในแนวทางตัวเองทามอยู่นั้นถูกต้อง
หรือเปล่า เลยมาตั้งคำถามอย่างที่เห็น
มีคนบอกว่าลงทุนมาในแต่ละปี ควรนั่งวิเคราะห์ว่าทามมาย
ผลตอบแทนถึงเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไข
หรือหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป ผมว่าระดับเซียนที่ผมเอ่ย
ชื่อถึงข้างบนเค้าก็ทามอย่างนี้เช่นกัน (จริงไหมครับ)
จากคนที่ตั้งกระทู้
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 20
ไม่ทราบว่าคุณ guest รุ่นไหนครับ
ผมก็วิดยา มศว
ผมก็วิดยา มศว
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2431
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 21
ผมลงทุนมาปีนี้เป็นปีที่ 14 แล้ว จริง ๆ แล้ว ตอนนี้ port ทั้งหมด ก็ยังกำไร อยู่ ประมาณ 16% แต่ผม บอก กับตัวเอง ว่า กำไร ตอนนี้เหลือเพียง 0.40% เอง (ผมเอาพวกที่เขาปันผลให้ฟรีออก ไม่ได้คิดกำไรจากหุ้นที่เขาเพิ่มให้ ฟรี ๆ ) .........จึงเหลือ กำไรเพียง 0.40% เมื่อต้นปี ผมได้กำไรประมาณ 17% ได้ .........เคยแย่สุด เคยขาดทุนประมาณ เกือบ 40% จำไม่ได้ว่า ปีไหน.........หลังจากผมเปลี่ยนมาลงทุนในหุ้นปันผล ตั้งแต่ปี 2542 ก็ไม่เคยขาดทุนเลย กำไรในปี 2543 น้อยสุด ปี2543นับว่าแย่มาก ก็ยังมีกำไร....... โดยผมมีกำไร ปี 42 ได้ 14.6% ปี 43 ได้ 2.9% ปี 44 ได้ 18.1% ปี 45 ได้ 19.9% ปี 46 ได้ 14.0% ปี 47 ปีนี้คาดว่า น่าจะได้ประมาณ 8%....... ผมไม่ได้สนใจ การเปลี่ยนแปลงของหุ้นเท่าไหร่ เพราะ หุ้นที่ผมถืออยู่ส่วนใหญ่ แล้ว ไม่ค่อยมีสภาพคล่องอยู่แล้ว ...........ผมสนใจเงินปันผลที่เขาจะให้ ผมสนใจกำไรที่แจ้งทุกไตรมาส ถ้าค่อย ๆ เติบโต จะชอบมากเลย.........ขณะนี้ ถ้าแยกเป็นกลุ่มแล้ว กลุ่มประกันจะเป็นกลุ่มที่ผมลงทุนมากที่สุดเลยครับ รอง มาเป็นกลุ่ม สิ่งทอ และ กลุ่มของใช้ในครัวเรือน เป็นกลุ่มที่ สาม............ที่ลงทุนในกลุ่มประกันมากที่สุด เพราะคิดว่า เป็นกลุ่มที่ไว้วางใจได้ เพราะ การลงทุนในกลุ่มนี้ ถูกกำหนด โดย กรมการประกันภัย มีวางมาตรการณ์ต่าง ๆ ไว้ และ คิดว่า กลุ่มนี้น่าจะเติบโตได้สัก 10% ในแต่ละปี ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ มีผู้รู้บอกว่า การประกันภัยจะโตเป็น 2 เท่าของ GDP เช่นปีนี้คาดว่า GDP ของไทย อยู่ที่ 7 % การประกันภัยก็จะโตได้ 7x2 เท่ากับ 14%.........และ ถ้าดู PE กลุ่มแล้วก็ไม่แพงเท่าไหร่ เพียงแค่ 9 เท่าเศษ ๆ....................ส่วนกลุ่มสิ่งทอ ถึงแม้ ว่าจะเป็นกลุ่มตะวันตกดิน sunset industry ผมก็ว่า เขาปันผลได้สม่ำเสมอและทุกปี แถม PE ยังแค่ ประมาณ 5-6 เท่าเอง ซื้อเก็บไว้ให้ลูกหลาน ได้เลย ผมเลือกกิจการของญี่ปุ่น ที่เขาย้ายฐานมาบ้านเรานานแล้ว มีการบริหารงานโดยโปร่งใสและมีคุณภาพมากทีเดียว............ส่วนกลุ่มของใช้ในครัวเรือน ที่เลือกไว้ นานแล้ว เพราะ เขาให้ผลตอบแทนได้ดี แต่ผลประกอบการหลัง ๆ นี้ ตกต่ำเอามากทีเดียว ก็ คงรอให้เขาปรับตัวเอง อีกรอบ หนึ่ง เป็น สัจจธรรม สิ่งที่รุ่งเรืองแล้วก็ตกต่ำ รอวันรุ่งเรืองอีก รอบหนึ่ง
สรุปได้เพียง แต่บอก ว่า อย่าไปกังวล กับ ราคาหุ้นมากนัก ให้ ไปคิดถึง ผลตอบแทน ที่จะได้แต่ละปี ว่า เป็นอย่างไร จะดีกว่า.........แบบ ให้มี รายได้จากปันผล สม่ำเสมอ และ คาดการณ์ได้ ก็จะ เป็นหนทาง แห่ง อิสระเสรีภาพทางการเงินได้ครับ
สรุปได้เพียง แต่บอก ว่า อย่าไปกังวล กับ ราคาหุ้นมากนัก ให้ ไปคิดถึง ผลตอบแทน ที่จะได้แต่ละปี ว่า เป็นอย่างไร จะดีกว่า.........แบบ ให้มี รายได้จากปันผล สม่ำเสมอ และ คาดการณ์ได้ ก็จะ เป็นหนทาง แห่ง อิสระเสรีภาพทางการเงินได้ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 22
ตามความเห็นของผมนะครับ ความรู้ที่อ่านตามหนังสือแค่นั้นยังไม่พอครับ
การคัดหุ้นดูจากหนังสือพิมพ์ โดยพิจารณาจาก P/E P/B Dividend Yield D/E EBITDA หรืออะไรก็ตาม ยังไม่เพียงพอครับ
ถ้าคุณจะประสบความสำเร็จ คุณน่าจะมีมากกว่านั้น งบการเงินนั้นสามารถที่จะตบแต่งกันได้อย่างง่ายๆ ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องบัญชี คุณสามารถที่จะถูกหลอกได้ครับ รวมทั้งพื้นฐานธุรกิจต่างๆที่คุณต้องศึกษาครับ
หลายบริษัทในอดีต มี P/E ต่ำ Yield สูง แต่เวลาผ่านไป กำไรก็กลับกลายเป็นขาดทุนครับ
ในอดีตก่อนผมเรียน MBA ผมก็มีความรู้จากการอ่านหนังสือเอง แต่ความรู้มันไม่ชัดเจน ไม่มั่นใจครับ เวลาลงทุนแล้วไม่มีความมั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ซื้อแล้วหู้นไม่ขึ้น จะกังวลว่าที่เราศึกษามานั้นใช่หรือไม่ ถูกหรือผิด มีแต่ความกังวลครับ
จากประสบการณ์การลงทุนแนว VI ที่ผมเลือกมักจะไม่ค่อยมีการซื้อขาย บางบริษัทถือเป็นปีครับ ราคาไม่ขยับ แถม SET วิ่งไปลิ่วเลย แต่พอมีคนสนใจราคาก็สามารถวิ่งไป 50% ในระยะเวลาสั้นๆ โดยที่ไม่อิงกับดัชนีเลยครับ
ถ้าคณมีความรู้มากพอควร มีประสบการณ์การลงทุนที่ยาวนาน คณจะมั่นใจได้ด้วยตัวคณเองครับ ไม่ต้องให้คนอื่นมาสร้างความมั่นใจให้คุณครับ
อีกเรื่องที่คุณบอกว่า คุณพิจารณาคัดห้นด้วยเกณฑ์ของคุณแล้วไม่มีบริษัทไหนเข้าเกณฑ์ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับเพราะเกณฑ์ที่คุณตั้งไว้ก็เข้มงวดพอควร ผมก็หาหุ้นถูกๆที่น่าซื้อไม่ได้เหมือนกันครับ เลยถืออยู่เพียงตัวเดียวมานาน 2 ปีเศษแล้วครับ
การคัดหุ้นดูจากหนังสือพิมพ์ โดยพิจารณาจาก P/E P/B Dividend Yield D/E EBITDA หรืออะไรก็ตาม ยังไม่เพียงพอครับ
ถ้าคุณจะประสบความสำเร็จ คุณน่าจะมีมากกว่านั้น งบการเงินนั้นสามารถที่จะตบแต่งกันได้อย่างง่ายๆ ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องบัญชี คุณสามารถที่จะถูกหลอกได้ครับ รวมทั้งพื้นฐานธุรกิจต่างๆที่คุณต้องศึกษาครับ
หลายบริษัทในอดีต มี P/E ต่ำ Yield สูง แต่เวลาผ่านไป กำไรก็กลับกลายเป็นขาดทุนครับ
ในอดีตก่อนผมเรียน MBA ผมก็มีความรู้จากการอ่านหนังสือเอง แต่ความรู้มันไม่ชัดเจน ไม่มั่นใจครับ เวลาลงทุนแล้วไม่มีความมั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ซื้อแล้วหู้นไม่ขึ้น จะกังวลว่าที่เราศึกษามานั้นใช่หรือไม่ ถูกหรือผิด มีแต่ความกังวลครับ
จากประสบการณ์การลงทุนแนว VI ที่ผมเลือกมักจะไม่ค่อยมีการซื้อขาย บางบริษัทถือเป็นปีครับ ราคาไม่ขยับ แถม SET วิ่งไปลิ่วเลย แต่พอมีคนสนใจราคาก็สามารถวิ่งไป 50% ในระยะเวลาสั้นๆ โดยที่ไม่อิงกับดัชนีเลยครับ
ถ้าคณมีความรู้มากพอควร มีประสบการณ์การลงทุนที่ยาวนาน คณจะมั่นใจได้ด้วยตัวคณเองครับ ไม่ต้องให้คนอื่นมาสร้างความมั่นใจให้คุณครับ
อีกเรื่องที่คุณบอกว่า คุณพิจารณาคัดห้นด้วยเกณฑ์ของคุณแล้วไม่มีบริษัทไหนเข้าเกณฑ์ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับเพราะเกณฑ์ที่คุณตั้งไว้ก็เข้มงวดพอควร ผมก็หาหุ้นถูกๆที่น่าซื้อไม่ได้เหมือนกันครับ เลยถืออยู่เพียงตัวเดียวมานาน 2 ปีเศษแล้วครับ
แก้ไขล่าสุดโดย chatchai เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 18, 2008 10:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 23
[quote="Anonymous"]ผมเรียนวิดยา มศว ครับ ดันมาสนใจเรื่องเงินๆทองๆตั้งแต่อยู่ปี 2
หลังจากอ่านตีแตกนั่นแหละครับ ตอนนี้จบมาแล้ว 2 ปีครับ
บางครั้งก็คิดว่าเราเรียนผิดสายป่าวเนี้ย อิจฉาคนที่จบมาทาง
ด้านนี้โดยตรงจังครับ
[quote]
จริงๆแล้ว คิดได้ตอนเรียนปี 2 นี่ถ้าไม่เรียนรามเพิ่ม จะอกมาเอ็นใหม่ก็ได้นะครับ แต่บางคนคงแนะนำให้เรียนต่อไปจนจบ ก็แล้วแต่ครับ
แต่เอ๊ะ เห็นว่าเข้ามาและเป็นสมาชิกนานแล้ว มัยไม่ใช้ชื่อล็อกอินมาล่ะครับ
หลังจากอ่านตีแตกนั่นแหละครับ ตอนนี้จบมาแล้ว 2 ปีครับ
บางครั้งก็คิดว่าเราเรียนผิดสายป่าวเนี้ย อิจฉาคนที่จบมาทาง
ด้านนี้โดยตรงจังครับ
[quote]
จริงๆแล้ว คิดได้ตอนเรียนปี 2 นี่ถ้าไม่เรียนรามเพิ่ม จะอกมาเอ็นใหม่ก็ได้นะครับ แต่บางคนคงแนะนำให้เรียนต่อไปจนจบ ก็แล้วแต่ครับ
แต่เอ๊ะ เห็นว่าเข้ามาและเป็นสมาชิกนานแล้ว มัยไม่ใช้ชื่อล็อกอินมาล่ะครับ
Expecto Patronum!!!!!!
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 24
คุณ tsutomu. ครับ ผมจบวิดยา มศว รุ่นที่ 24 ครับ
แล้วคุณล่ะรุ่นไหนครับ ดีใจจังดีเด็กวิทย์สนใจเรื่อง
เงินๆทองๆกับเค้าด้วย ส่วนใหญ่เพื่อนผมที่เรียนวิทย์
มาด้วยกันไม่ค่อยสนกันเลยครับ ส่วนใหญ่จะบวกว่า
มันเป็นเรื่องของคนรวย แบบคำพูดที่ว่า "คนจนเล่น
หวย คนรวยเล่นหุ้น" ซะอย่างงั้น แถมบางคนยังคิดว่า
เป็นการพนันอย่างหนึ่งก็มี.....
ขอบคุณ ลุงขวด และ คุณฉัตรชัย เซียนทั้งสองท่าน
ที่ช่วยชี้แนะและเล่าประสบการณ์ให้ได้อ่านกันครับ
คุณ harry ครับปกติผมตอบและตั้งกระทู้โดยไม่ได้
ใช้ชื่อล็อกอินประจำ คือว่าไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ซักเท่าไร
แต่ผมก็จริงใจนะครับ...จะบอกให้
ผมเห็นหุ้นที่ผมถือทุกตัวปรับตัวขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 25% แต่ไม่ได้
ปรับขึ้นพร้อมกันนะครับ มันสลับกันขึ้น ผมไม่ได้ขายครับเพราะ
คิดว่าจะลงทุนในระยะยาวไม่ชื้อไม่ขายบ่อย กะทิ้งไว้ซัก 5 ปี
แล้วค่อยมาดูกัน แต่ก็ติดตามพอร์ตมาตลอด มันขึ้นแล้วมันก็ลง
อย่างว่ามันพลัดกันขึ้นมันก็เลยพลัดกันลง และแล้วผมก็ไม่เคย
ขึ้นให้เห็นในระดับดังกล่าวอีกเลย
ผมเลยคิดว่าบางทีผมอาจจะทำผิดวิธีโดยการชื้อแล้วทิ้งไว้เฉยๆ
ดูผลตอบแทนขึ้นๆลงๆไปมา ผมจึงคิดว่าบางทีผมควรขายบ้างแต่
ไม่ได้ขายหุ้นตัวนั้นทั้งหมด ในเวลาที่หุ้นมันขึ้นในระดับที่เรากำหนด
ถ้ายังไม่ถึงที่เรากำหนดเราก็ไม่ต้องตัดขาย และชื้อกับคืนเมื่อหุ้นมันลง
(สงสัยความคิดเดย์เทรดเข้าครอบงำ)
พวกคุณทั้งหลายคิดเห็นยังงัยบ้างครับ สงสัยผมอาจจะคิดผิดก็ได้
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
หวังว่าคงไม่เบื่อกันนะครับที่มานั่งอ่านเรื่องราวของผมที่เขียน
ในเว็บนี้ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นบ้างก็ได้
ผมหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นครับ
จากผู้ตั้งกระทู้
แล้วคุณล่ะรุ่นไหนครับ ดีใจจังดีเด็กวิทย์สนใจเรื่อง
เงินๆทองๆกับเค้าด้วย ส่วนใหญ่เพื่อนผมที่เรียนวิทย์
มาด้วยกันไม่ค่อยสนกันเลยครับ ส่วนใหญ่จะบวกว่า
มันเป็นเรื่องของคนรวย แบบคำพูดที่ว่า "คนจนเล่น
หวย คนรวยเล่นหุ้น" ซะอย่างงั้น แถมบางคนยังคิดว่า
เป็นการพนันอย่างหนึ่งก็มี.....
ขอบคุณ ลุงขวด และ คุณฉัตรชัย เซียนทั้งสองท่าน
ที่ช่วยชี้แนะและเล่าประสบการณ์ให้ได้อ่านกันครับ
คุณ harry ครับปกติผมตอบและตั้งกระทู้โดยไม่ได้
ใช้ชื่อล็อกอินประจำ คือว่าไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ซักเท่าไร
แต่ผมก็จริงใจนะครับ...จะบอกให้
ผมเห็นหุ้นที่ผมถือทุกตัวปรับตัวขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 25% แต่ไม่ได้
ปรับขึ้นพร้อมกันนะครับ มันสลับกันขึ้น ผมไม่ได้ขายครับเพราะ
คิดว่าจะลงทุนในระยะยาวไม่ชื้อไม่ขายบ่อย กะทิ้งไว้ซัก 5 ปี
แล้วค่อยมาดูกัน แต่ก็ติดตามพอร์ตมาตลอด มันขึ้นแล้วมันก็ลง
อย่างว่ามันพลัดกันขึ้นมันก็เลยพลัดกันลง และแล้วผมก็ไม่เคย
ขึ้นให้เห็นในระดับดังกล่าวอีกเลย
ผมเลยคิดว่าบางทีผมอาจจะทำผิดวิธีโดยการชื้อแล้วทิ้งไว้เฉยๆ
ดูผลตอบแทนขึ้นๆลงๆไปมา ผมจึงคิดว่าบางทีผมควรขายบ้างแต่
ไม่ได้ขายหุ้นตัวนั้นทั้งหมด ในเวลาที่หุ้นมันขึ้นในระดับที่เรากำหนด
ถ้ายังไม่ถึงที่เรากำหนดเราก็ไม่ต้องตัดขาย และชื้อกับคืนเมื่อหุ้นมันลง
(สงสัยความคิดเดย์เทรดเข้าครอบงำ)
พวกคุณทั้งหลายคิดเห็นยังงัยบ้างครับ สงสัยผมอาจจะคิดผิดก็ได้
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
หวังว่าคงไม่เบื่อกันนะครับที่มานั่งอ่านเรื่องราวของผมที่เขียน
ในเว็บนี้ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นบ้างก็ได้
ผมหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นครับ
จากผู้ตั้งกระทู้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 25
ลองปฎิบัติดูก็ได้ครับ ถ้าเราสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำว่า พรุ่งนี้ หรือ อาทิตย์หน้า หุ้นจะลง เราก็ควรขายครับ เพียงแต่ว่าเราสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำเพียงใดครับ
บางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ ขายที่ 18 บาท ราคากลับลงไปแค่ 17.80 แล้วเด้งกลับไปที่ 18.20 บาท เราตัดใจไม่ซื้อรอให้ราคาต่ำกว่าที่เราขาย แต่ราคายังคงวิ่งต่อไปที่ 19 บาท เราก็กลัวว่าราคาจะไป เพราะเราวิเคราะห์มาแล้วว่าบริษัทนี้ดี ราคาตามพื้นฐานยังไปได้อีกไกล เรากลัวตกรถ ก็เลยลุยซื้อกลับที่ 19 บาท อาทิตย์ต่อมาหุ้นกลับร่วงไม่เป็นท่า ราคาไหลลงไปที่ 17 บาท เหตุการณ์เหล่านี้เกิดเป็นปรกติสำหรับนักเก็งกำไรครับ
บางครั้ง เสียเงินไม่เท่าไร เสียกำลังใจและความเครียดนั้นซิน่ากลัวกว่า ลองนึกดูว่า ตอนที่เราขายไปแล้ว ราคากลับวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆจาก 18.20 บาท ไปที่ 19 บาท เราจะเครียดแค่ไหนครับ
ผมคนหนึ่งละครับที่ไม่อยากตายเร็วครับ แถมคุณยังต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา ติดงานประจำก็ไม่ได้นะครับ เพราะอาจจะทำให้คุณเสียโอกาสครับ
ลองหาประสบการณ์ดูก่อนก็ได้ครับ คุณอาจจะมีความสามารถในด้านนี้มากกว่าผมครับ
บางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ ขายที่ 18 บาท ราคากลับลงไปแค่ 17.80 แล้วเด้งกลับไปที่ 18.20 บาท เราตัดใจไม่ซื้อรอให้ราคาต่ำกว่าที่เราขาย แต่ราคายังคงวิ่งต่อไปที่ 19 บาท เราก็กลัวว่าราคาจะไป เพราะเราวิเคราะห์มาแล้วว่าบริษัทนี้ดี ราคาตามพื้นฐานยังไปได้อีกไกล เรากลัวตกรถ ก็เลยลุยซื้อกลับที่ 19 บาท อาทิตย์ต่อมาหุ้นกลับร่วงไม่เป็นท่า ราคาไหลลงไปที่ 17 บาท เหตุการณ์เหล่านี้เกิดเป็นปรกติสำหรับนักเก็งกำไรครับ
บางครั้ง เสียเงินไม่เท่าไร เสียกำลังใจและความเครียดนั้นซิน่ากลัวกว่า ลองนึกดูว่า ตอนที่เราขายไปแล้ว ราคากลับวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆจาก 18.20 บาท ไปที่ 19 บาท เราจะเครียดแค่ไหนครับ
ผมคนหนึ่งละครับที่ไม่อยากตายเร็วครับ แถมคุณยังต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา ติดงานประจำก็ไม่ได้นะครับ เพราะอาจจะทำให้คุณเสียโอกาสครับ
ลองหาประสบการณ์ดูก่อนก็ได้ครับ คุณอาจจะมีความสามารถในด้านนี้มากกว่าผมครับ
แก้ไขล่าสุดโดย chatchai เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 18, 2008 10:36 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 26
คุณพี่ฉัตรชัยครับ
ผมเองยังใหม่กับแวดวงนี้ มาก ๆ ผ่านมาอ่านกระทู้นี้เข้า รู้สึกน่าสนใจมากครับและขอขอบคุณในความมีไมตรีของพี่ที่ให้ความรู้กับน้อง ๆ ผมเองอ่านแล้วมีคำถามอยากรบกวนพี่ดังนี้ครับ
1. เท่าที่อ่านกระทู้เก่า ๆ มาพี่ฉัตรชัย จะเน้นที่งบการเงินของบริษัทที่พี่จะลงทุนด้วยเป็นหลัก ซึ่งมันทำให้พี่สามารถทำกำไรได้ตลอดตั้งแต่พี่เริ่มลงทุนใช่ไหมครับ
2. ระยะเวลาในการลงทุนของพี่ในหุ้นแต่ละตัวเป็นยังไงครับ ผมหมายถึงถือยาวเป็นปี โดยไม่ได้ติดตามแบบรายวัน หรือรายเดือนเลย หรือเปล่า
3. ปกติในพอร์ตพี่ จะมีหุ้นไม่เกินกี่ตัวหรือครับ แล้วหุ้นตัวที่ทำให้พี่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ด้วยเงินลงทุนหกแสนบาทของพี่ พอจะเปิดเผยได้ไหมครับ (เวลามันผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นการชี้นำนะครับ เพียงแต่อยากศึกษาไว้เป็นประสบการณ์นะครับ)
ผมเองกำลังศึกษาวิธีการลงทุนอยู่นะครับ เริ่มอ่านโน่นอ่านนี่จนงงไปหมด และก็พบว่า ตัวเองมีจุดอ่อนตรงที่ไม่กล้าตัดสินใจ ครับ คิดโน่นคิดนี่จนปวดหมองเลยครับ กำลังหาจุดยืนของตัวเองอยู่ครับพี่
คงไม่ว่ากันนะครับ
ผมเองยังใหม่กับแวดวงนี้ มาก ๆ ผ่านมาอ่านกระทู้นี้เข้า รู้สึกน่าสนใจมากครับและขอขอบคุณในความมีไมตรีของพี่ที่ให้ความรู้กับน้อง ๆ ผมเองอ่านแล้วมีคำถามอยากรบกวนพี่ดังนี้ครับ
1. เท่าที่อ่านกระทู้เก่า ๆ มาพี่ฉัตรชัย จะเน้นที่งบการเงินของบริษัทที่พี่จะลงทุนด้วยเป็นหลัก ซึ่งมันทำให้พี่สามารถทำกำไรได้ตลอดตั้งแต่พี่เริ่มลงทุนใช่ไหมครับ
2. ระยะเวลาในการลงทุนของพี่ในหุ้นแต่ละตัวเป็นยังไงครับ ผมหมายถึงถือยาวเป็นปี โดยไม่ได้ติดตามแบบรายวัน หรือรายเดือนเลย หรือเปล่า
3. ปกติในพอร์ตพี่ จะมีหุ้นไม่เกินกี่ตัวหรือครับ แล้วหุ้นตัวที่ทำให้พี่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ด้วยเงินลงทุนหกแสนบาทของพี่ พอจะเปิดเผยได้ไหมครับ (เวลามันผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นการชี้นำนะครับ เพียงแต่อยากศึกษาไว้เป็นประสบการณ์นะครับ)
ผมเองกำลังศึกษาวิธีการลงทุนอยู่นะครับ เริ่มอ่านโน่นอ่านนี่จนงงไปหมด และก็พบว่า ตัวเองมีจุดอ่อนตรงที่ไม่กล้าตัดสินใจ ครับ คิดโน่นคิดนี่จนปวดหมองเลยครับ กำลังหาจุดยืนของตัวเองอยู่ครับพี่
คงไม่ว่ากันนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 27
1. การพิจารณางบการเงินอย่างเดียวก็มีข้อผิดพลาดได้ครับ เพราะงบการเงินเป็นอดีต อนาคตอาจจะไม่ดีเหมือนในอดีต และที่สำคัญความไม่โปร่งใสในการบริหารงานของเจ้าของ
ในอดีต ผมก็มีประสบการณ์ขาดทุนบ้าง จากการที่ยอมขายขาดทุนเนื่องจาก ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คิด ความไม่โปร่งใสของเจ้าของ นโยบายบางประการของบริษัทที่ผมไม่ชอบใจ และบางครั้งก็ยอมขายขาดทุนเพราะมีบริษัทอื่นที่น่าลงทนมากกว่า
2. ผมไม่เน้นว่าจะลงทุนนานแค่ไหน แต่จะขายเมื่อ ราคาวิ่งถึงที่ผมคำนวณไว้ มีการลงทุนอื่นที่ดีกว่า ผลการดำเนินงานตกต่ำ
ส่วนเรื่องการติดตามราคาในแต่ละวันนั้น ผมมักไม่ค่อยได้สนใจหรือติดตามมากนัก มักจะเปรียบเทียบจากงบการเงินมากกว่าราคาตลาดครับ
3. พอร์ตผมมักจะไม่เกิน 2-3 บริษัท แต่ช่วงนี้ผมถืออยู่บริษัทเดียวทั้งพอร์ตมากว่า 2 ปีแล้วครับ
ในอดีตบริษัทที่ผมสามารถทำกำไรก็มีหลายบริษัทครับ ทั้งห้นสามัญและ Warrant S-ONE-W3 OGC MANRIN LANNA SCB-C1 WG SE-ED แต่ละบริษัทก็กำไรเจ็ดหลักนะครับ
ในอดีต ผมก็มีประสบการณ์ขาดทุนบ้าง จากการที่ยอมขายขาดทุนเนื่องจาก ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คิด ความไม่โปร่งใสของเจ้าของ นโยบายบางประการของบริษัทที่ผมไม่ชอบใจ และบางครั้งก็ยอมขายขาดทุนเพราะมีบริษัทอื่นที่น่าลงทนมากกว่า
2. ผมไม่เน้นว่าจะลงทุนนานแค่ไหน แต่จะขายเมื่อ ราคาวิ่งถึงที่ผมคำนวณไว้ มีการลงทุนอื่นที่ดีกว่า ผลการดำเนินงานตกต่ำ
ส่วนเรื่องการติดตามราคาในแต่ละวันนั้น ผมมักไม่ค่อยได้สนใจหรือติดตามมากนัก มักจะเปรียบเทียบจากงบการเงินมากกว่าราคาตลาดครับ
3. พอร์ตผมมักจะไม่เกิน 2-3 บริษัท แต่ช่วงนี้ผมถืออยู่บริษัทเดียวทั้งพอร์ตมากว่า 2 ปีแล้วครับ
ในอดีตบริษัทที่ผมสามารถทำกำไรก็มีหลายบริษัทครับ ทั้งห้นสามัญและ Warrant S-ONE-W3 OGC MANRIN LANNA SCB-C1 WG SE-ED แต่ละบริษัทก็กำไรเจ็ดหลักนะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย chatchai เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 18, 2008 10:37 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 28
ขอบคุณครับพีฉัตรชัย
แล้วไม่ทราบว่าปัจจุบัน พี่มีการลงทุนอย่างอื่นนอกจากหุ้น ไหมครับ ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงนะครับ อยากทราบว่าในแต่ละวันพี่ทำอะไรบ้างอ่ะครับ ถ้าไม่ได้ทำงานแล้ว ยิ่งคนเคยทำงานมาก่อนพอมาอยู่เฉยๆ ส่วนใหญ่บอกว่าจะทนไม่ได้นะครับ
อ้อ แล้วในส่วนการคำนวนราคาเป้าหมายของพี่นั้น ใช้หลักการอย่างไรหรือครับ บวกกี่ % ครับ
ผมยังตามอ่านอยู่นะครับ
แล้วไม่ทราบว่าปัจจุบัน พี่มีการลงทุนอย่างอื่นนอกจากหุ้น ไหมครับ ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงนะครับ อยากทราบว่าในแต่ละวันพี่ทำอะไรบ้างอ่ะครับ ถ้าไม่ได้ทำงานแล้ว ยิ่งคนเคยทำงานมาก่อนพอมาอยู่เฉยๆ ส่วนใหญ่บอกว่าจะทนไม่ได้นะครับ
อ้อ แล้วในส่วนการคำนวนราคาเป้าหมายของพี่นั้น ใช้หลักการอย่างไรหรือครับ บวกกี่ % ครับ
ผมยังตามอ่านอยู่นะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 29
นอกจากหุ้นแล้ว พี่ก็มีซื้อพันธบัตรรัฐบาลรุ่นช่วยชาติให้ลูกๆ มีเงินฝากประจำนิดหน่อย มีประกันชีวิตบ้าง และมีบ้านเดี่ยว 1 หลังครับ (เอาไว้อย่อาศัยนะครับ)
ชีวิตประจำวันของผม ส่วนใหญ่ก็วุ่นอย่กับลูกๆนะครับ อ่านหนังสือ เข้าเวบ TVI ดูโทรทัศน์ ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง และก็ดูแลบ้านและสวนครับ แค่นี้ก็หมดวันแล้วครับ
โดยเฉพาะเกี่ยวกับลูกๆ ถ้าเราทำเองทุกอย่าง ก็เอาเวลาไปเกือบหมดวันแล้วครับ
ชีวิตประจำวันของผม ส่วนใหญ่ก็วุ่นอย่กับลูกๆนะครับ อ่านหนังสือ เข้าเวบ TVI ดูโทรทัศน์ ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง และก็ดูแลบ้านและสวนครับ แค่นี้ก็หมดวันแล้วครับ
โดยเฉพาะเกี่ยวกับลูกๆ ถ้าเราทำเองทุกอย่าง ก็เอาเวลาไปเกือบหมดวันแล้วครับ
แก้ไขล่าสุดโดย chatchai เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 18, 2008 10:38 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์ที่ 30
โอ ชีวิตคุณฉัตรชัยช่างวิเศษสุขจริงๆ
ผมคงต้องพยายามให้มากขึ้นซะแร้ว
ผมคงต้องพยายามให้มากขึ้นซะแร้ว