หุ้นโรง'บาล
-
- Verified User
- โพสต์: 711
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 1
ตอนนี้กำลังสนใจหุ้น BGH ,BH
รักพี่เสียดายน้องทั้งคู่
แนวโน้มของทั้งคู่ไปคนละทิศ
1 BGH มีสาขาอยู่ในหัวเมืองใหญ่ และซื้อหุ้นรพ.อื่นเยอะ
ส่วน BH ไม่เน้นในประเทศ แต่จะไปลงทุนนอกประเทศ เช่น สิงคโปร์
2 BGH ได้มาตรฐาน JCI แล้ว เรื่องชื่อเสียงจึงไม่ต่างกับ BH มากนัก
แต่ยังไง BH ก็ยังดูมีเกรดมากกว่า
3 ตอนนี้ BH จะทำการซื้อตึกเพื่อเพิ่มเตียงจาก BBL
ทำให้น่าจะมีรายได้ปกติเพิ่มในปีนี้
ส่วน BGH จะก้าวไปลงทุนนอกประเทศ คือ อาบูดาบี และ กัมพูชา
แต่กว่าจะรับรู้รายได้ได้เต็มที่คงปีหน้า
แต่รายได้ในประเทศของ BH น่าจะโตได้อีกไม่มาก
เพราะพื้นที่ที่จำกัด
แต่BGH ยังมีอีกเยอะ เพราะมีเครือข่ายเยอะ
แต่(อีกแหละ) ถ้ามองกลุ่มคนไข้ในประเทศที่อยู่ตามรพ.ต่างจังหวัด
จะมีคนไข้เยอะขนาดใหนที่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลในรพ.เอกชนอย่าง BGH ได้
4 ความสามารถในการลดค่าใช้จ่าย
ส่วนนี้ผมมองว่าทาง BGH น่าจะเก่งกว่า
เพราะจากสาขา และรพ.ในเครือเยอะ
คงทำให้เกิด EOS ได้มากกว่า(ถ้ามีคนไข้เข้าไปรักษานะ) เช่น ค่า R&D
5 การตลาด (อย่านึกว่าไม่มีนะครับ) BGH เก่งกว่า
สามารถสร้างแรงดึงดูดได้มากกว่า
เพราะ Airport Link ที่กำลังเสร็จ(มั้ง) มีสถานีปักอยู่น่าซ.ศูนย์วิจัย
อันที่จริง สถานีปลายทางก็อยู่มักกะสัน ก็ใกล้ BH เหมือนกัน
แต่จากที่อ่าน research หลายๆที่ BGH เหมือนจะพยายามทำให้ตัวเอง
เป็นเหมือนไกด์ทัวร์แนะนำสถานที่เที่ยวด้วย
คือเหมือนมารักษาตัว และได้พักผ่อนไปในตัว
6 ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ
เหมือนคนไข้ในประเทศจะเลือก BGH มากกว่า BH
ซึ่งจากการได้สัมผัสจากบุคคลรอบข้าง และไปลองเดินดู
ก็น่าจะจริง เพราะค่ารักษา BGH จะถูกกว่า BH
หลายๆคนอาจจะคิดได้ว่า ผมกำลังฟันธงว่า BGH ดีกว่า BH
แต่เมื่อมาดูค่า PE อาจจะเป็นเพราะช่วง BH ราคาตกลงมาเยอะมาก
เลยทำให้ PE ของ BGH และ BH เป็น 30.xx และ 15.xx ตามลำดับ
มันเลยทำให้ผมเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องจริงๆ
เพราะมองในแง่เชิงคุณภาพ BGH ชนะ
แต่ในแง่เชิงปริมาณ BH ชนะขาดเลย
ท่านอื่นๆเห็นเป็นไงครับ???
ปล.ในนี้หลายๆคนที่เป็น VI อาจจะไม่สนใจ เพราะแพง
ไม่เข้าหลัก MOS แต่ผมกลับมองว่า
มันเป็นหุ้นที่มีความเป็น Defensive และ Growth stock อยู่ในตัวเดียวกัน
อีกอย่างไม่ได้เชียร์ซื้อหุ้นนะ เพราะยังไม่ได้ซื้อเลย
รักพี่เสียดายน้องทั้งคู่
แนวโน้มของทั้งคู่ไปคนละทิศ
1 BGH มีสาขาอยู่ในหัวเมืองใหญ่ และซื้อหุ้นรพ.อื่นเยอะ
ส่วน BH ไม่เน้นในประเทศ แต่จะไปลงทุนนอกประเทศ เช่น สิงคโปร์
2 BGH ได้มาตรฐาน JCI แล้ว เรื่องชื่อเสียงจึงไม่ต่างกับ BH มากนัก
แต่ยังไง BH ก็ยังดูมีเกรดมากกว่า
3 ตอนนี้ BH จะทำการซื้อตึกเพื่อเพิ่มเตียงจาก BBL
ทำให้น่าจะมีรายได้ปกติเพิ่มในปีนี้
ส่วน BGH จะก้าวไปลงทุนนอกประเทศ คือ อาบูดาบี และ กัมพูชา
แต่กว่าจะรับรู้รายได้ได้เต็มที่คงปีหน้า
แต่รายได้ในประเทศของ BH น่าจะโตได้อีกไม่มาก
เพราะพื้นที่ที่จำกัด
แต่BGH ยังมีอีกเยอะ เพราะมีเครือข่ายเยอะ
แต่(อีกแหละ) ถ้ามองกลุ่มคนไข้ในประเทศที่อยู่ตามรพ.ต่างจังหวัด
จะมีคนไข้เยอะขนาดใหนที่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลในรพ.เอกชนอย่าง BGH ได้
4 ความสามารถในการลดค่าใช้จ่าย
ส่วนนี้ผมมองว่าทาง BGH น่าจะเก่งกว่า
เพราะจากสาขา และรพ.ในเครือเยอะ
คงทำให้เกิด EOS ได้มากกว่า(ถ้ามีคนไข้เข้าไปรักษานะ) เช่น ค่า R&D
5 การตลาด (อย่านึกว่าไม่มีนะครับ) BGH เก่งกว่า
สามารถสร้างแรงดึงดูดได้มากกว่า
เพราะ Airport Link ที่กำลังเสร็จ(มั้ง) มีสถานีปักอยู่น่าซ.ศูนย์วิจัย
อันที่จริง สถานีปลายทางก็อยู่มักกะสัน ก็ใกล้ BH เหมือนกัน
แต่จากที่อ่าน research หลายๆที่ BGH เหมือนจะพยายามทำให้ตัวเอง
เป็นเหมือนไกด์ทัวร์แนะนำสถานที่เที่ยวด้วย
คือเหมือนมารักษาตัว และได้พักผ่อนไปในตัว
6 ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ
เหมือนคนไข้ในประเทศจะเลือก BGH มากกว่า BH
ซึ่งจากการได้สัมผัสจากบุคคลรอบข้าง และไปลองเดินดู
ก็น่าจะจริง เพราะค่ารักษา BGH จะถูกกว่า BH
หลายๆคนอาจจะคิดได้ว่า ผมกำลังฟันธงว่า BGH ดีกว่า BH
แต่เมื่อมาดูค่า PE อาจจะเป็นเพราะช่วง BH ราคาตกลงมาเยอะมาก
เลยทำให้ PE ของ BGH และ BH เป็น 30.xx และ 15.xx ตามลำดับ
มันเลยทำให้ผมเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องจริงๆ
เพราะมองในแง่เชิงคุณภาพ BGH ชนะ
แต่ในแง่เชิงปริมาณ BH ชนะขาดเลย
ท่านอื่นๆเห็นเป็นไงครับ???
ปล.ในนี้หลายๆคนที่เป็น VI อาจจะไม่สนใจ เพราะแพง
ไม่เข้าหลัก MOS แต่ผมกลับมองว่า
มันเป็นหุ้นที่มีความเป็น Defensive และ Growth stock อยู่ในตัวเดียวกัน
อีกอย่างไม่ได้เชียร์ซื้อหุ้นนะ เพราะยังไม่ได้ซื้อเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 711
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 8
ความหมายของ PE
ในมุมมองผม คือ EPS เหมือนเป็นกำไรจากการลงทุน
ซึ่งในที่นี้ คือ หุ้น ถ้าในราคาหุ้น (P) ที่เท่ากัน
แต่มีหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง สามารถสร้าง EPS ได้มากกว่า
หุ้นตัวนั้นๆ ก็จะมีราคา"ถูก"กว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง
หรือในอีกมุมนึงก็คือ สามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้มากกว่า
ผมเข้าใจถูกมั้ยหว่า
ในมุมมองผม คือ EPS เหมือนเป็นกำไรจากการลงทุน
ซึ่งในที่นี้ คือ หุ้น ถ้าในราคาหุ้น (P) ที่เท่ากัน
แต่มีหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง สามารถสร้าง EPS ได้มากกว่า
หุ้นตัวนั้นๆ ก็จะมีราคา"ถูก"กว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง
หรือในอีกมุมนึงก็คือ สามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้มากกว่า
ผมเข้าใจถูกมั้ยหว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 711
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 11
ผมพึ่งคิดได้อีกข้อนะครับ
7 BH น่าจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทมากกว่า BGH นะครับ
เพราะอย่างที่รู้กัน คือ คนไข้ของ BH ส่วนมากจะเป็นต่างชาติ
ซึ่งก็ต้องมองตามคู่แข่งระดีบภูมิภาค คือ สิงคโปร์
ไม่รู้เหมือนกันว่า เมื่อเทียบเป็นUS$แล้ว
สิงคโปร์กับเรา ที่ใหนจะมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า
แต่ก็อาจจะมีแง่ดี คือ พวกยา เครื่องมือแพทย์ที่ต้องสั่งจากต่างประเทศ
จะมีราคาถูกลง
แต่ยังไง BGH คงได้รับผลกระทบจากค่าเงินน้อยกว่า BH แน่ๆ
7 BH น่าจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทมากกว่า BGH นะครับ
เพราะอย่างที่รู้กัน คือ คนไข้ของ BH ส่วนมากจะเป็นต่างชาติ
ซึ่งก็ต้องมองตามคู่แข่งระดีบภูมิภาค คือ สิงคโปร์
ไม่รู้เหมือนกันว่า เมื่อเทียบเป็นUS$แล้ว
สิงคโปร์กับเรา ที่ใหนจะมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า
แต่ก็อาจจะมีแง่ดี คือ พวกยา เครื่องมือแพทย์ที่ต้องสั่งจากต่างประเทศ
จะมีราคาถูกลง
แต่ยังไง BGH คงได้รับผลกระทบจากค่าเงินน้อยกว่า BH แน่ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 13
ไม่อยาก comment มาก เดี๋ยวผู้ถือหุ้น รพ.ข้างบน ในเวบนี้พาลจะมาโกรธไม่เผาผีกัน :lovl:
ให้ข้อคิดเห็นง่าย ๆ ครับ
1. กิจการ รพ. เอกชนไม่เหมือนธุรกิจทั่วไป "ชื่อยี่ห้อ" อย่างเดียว ขายไม่ได้ เอาชื่อ รพ.เอกชนดัง ๆ หรือให้บวกกันเลยด้วยซ้ำ เอาไปเทียบชื่อกับ รร.แพทย์ ยังไม่ได้เลย
2. PE บอกถึงราคา และความคาดหวังถึงอัตราการเติบโต ผู้ลงทุนที่หวังเป็นเจ้าของกิจการ หวังว่าถ้าเราลงทุนกิจการหนึ่ง ๆ แล้ว จะมี return ให้เรากลับมาคุ้มทุนได้ภายในกี่ปี ถ้ามองกลับมาแล้ว PE ขนาด 30+ โดยที่อัตราการเติบโตมันไม่สามารถจะขึ้นเอา ๆ เป็นตัวเลข 30+% ทุกปี แบบธุรกิจอื่น ๆ ได้ จะเอาไหม
เรื่อง PE ต้องดูรายละเอียดด้วย อย่างที่หลายคนชี้ให้เห็นว่า BH มี PE ต่ำกว่าปกติเนื่องจาก "กำไรพิเศษ" ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ถ้าดูละเอียดจะเห็นว่าไตรมาสสุดท้ายที่กำไรกระฉูดขึ้นมาจน PE ลดลงมากว่าครึ่ง ถ้าตัดรายการนี้ออก -> กิจการปกติ "ขาดทุน" :shock:
จริง ๆ ยังมีอีกเยอะ.. แค่นี้ก็พอหอมปากหอมคอ :8)
ให้ข้อคิดเห็นง่าย ๆ ครับ
1. กิจการ รพ. เอกชนไม่เหมือนธุรกิจทั่วไป "ชื่อยี่ห้อ" อย่างเดียว ขายไม่ได้ เอาชื่อ รพ.เอกชนดัง ๆ หรือให้บวกกันเลยด้วยซ้ำ เอาไปเทียบชื่อกับ รร.แพทย์ ยังไม่ได้เลย
2. PE บอกถึงราคา และความคาดหวังถึงอัตราการเติบโต ผู้ลงทุนที่หวังเป็นเจ้าของกิจการ หวังว่าถ้าเราลงทุนกิจการหนึ่ง ๆ แล้ว จะมี return ให้เรากลับมาคุ้มทุนได้ภายในกี่ปี ถ้ามองกลับมาแล้ว PE ขนาด 30+ โดยที่อัตราการเติบโตมันไม่สามารถจะขึ้นเอา ๆ เป็นตัวเลข 30+% ทุกปี แบบธุรกิจอื่น ๆ ได้ จะเอาไหม
เรื่อง PE ต้องดูรายละเอียดด้วย อย่างที่หลายคนชี้ให้เห็นว่า BH มี PE ต่ำกว่าปกติเนื่องจาก "กำไรพิเศษ" ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ถ้าดูละเอียดจะเห็นว่าไตรมาสสุดท้ายที่กำไรกระฉูดขึ้นมาจน PE ลดลงมากว่าครึ่ง ถ้าตัดรายการนี้ออก -> กิจการปกติ "ขาดทุน" :shock:
จริง ๆ ยังมีอีกเยอะ.. แค่นี้ก็พอหอมปากหอมคอ :8)
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 16
[quote="mprandy"]
เรื่อง PE ต้องดูรายละเอียดด้วย อย่างที่หลายคนชี้ให้เห็นว่า BH มี PE ต่ำกว่าปกติเนื่องจาก "กำไรพิเศษ" ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ถ้าดูละเอียดจะเห็นว่าไตรมาสสุดท้ายที่กำไรกระฉูดขึ้นมาจน PE ลดลงมากว่าครึ่ง ถ้าตัดรายการนี้ออก -> กิจการปกติ "ขาดทุน"
เรื่อง PE ต้องดูรายละเอียดด้วย อย่างที่หลายคนชี้ให้เห็นว่า BH มี PE ต่ำกว่าปกติเนื่องจาก "กำไรพิเศษ" ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ถ้าดูละเอียดจะเห็นว่าไตรมาสสุดท้ายที่กำไรกระฉูดขึ้นมาจน PE ลดลงมากว่าครึ่ง ถ้าตัดรายการนี้ออก -> กิจการปกติ "ขาดทุน"
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
x
โพสต์ที่ 17
จริงๆผมก็รู้แต่ต้นว่าธุรกิจ โรงพยาบาลเอกชน ตลาดให้ราคาล่วงหน้าไป 20-30 ปีแล้ว ที่เหลือก็รอดูว่าจะโตได้อย่างคุยหรือเปล่า ... รู้ทั้งรู้แต่ผมก็ลงไปหนึ่งตัวซะแล้ว
ขอออกความเห็นบ้างในแง่ bussiness model คือใครๆก็มองว่า BGH ได้เปรียบในแง่ขนาด เพราะขยายสาขาไปมาก ครอบคลุมเมืองใหญ่ทั้งหมด ซึ่งเข้าใจว่าสุึดท้ายสิ่งที่หวังคือ economy of scale แต่ผมมาคิดๆดู เรื่องของการบริการสุขภาพ หมอเยอะๆ เครื่องมือเยอะๆ สุดท้ายมันจะประหยัดจากขนาดได้หรือเปล่า เพราะหมอฝีมือระดับอาจารย์คนเดียว บางทีอาจดีกว่าหมอเฉพาะทางหลายๆคน (ในมุมมองคนไข้) แล้วก็เครื่องมือแพงๆอย่าง imaging จำพวก 3D CT , MRI รุ่นใหม่ๆ ถ้าคุณเป็นคนไข้ใน ร.พ. กำลังป่วย หมอส่งไปทำ 3D CT แล้วต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปอีกที่ห่างกัน 20 กม. (ระยะทางนี้ใกล้ที่สุดแล้วสำหรับ ร.พ. ตามต่างจังหวัด) คุณจะรู้สึกอย่างไร
ผมมองว่า economy of scale อย่างเดียวที่เกิดคือค่ายาและเวชภัณฑ์สิ้นเปลือง ซึ่งจริงๆแล้วถ้ารับคนไข้ระดับบน คนไข้ก็ยอมรับภาระตรงนี้ไปอยู่แล้ว ขอให้ได้หมอกับทีมงานดีที่สุด ค่ายาถูกก็ดี แต่ถูกแล้วหมอฝีมือด้อยลงมาจะเอาหรือ
ขอออกความเห็นบ้างในแง่ bussiness model คือใครๆก็มองว่า BGH ได้เปรียบในแง่ขนาด เพราะขยายสาขาไปมาก ครอบคลุมเมืองใหญ่ทั้งหมด ซึ่งเข้าใจว่าสุึดท้ายสิ่งที่หวังคือ economy of scale แต่ผมมาคิดๆดู เรื่องของการบริการสุขภาพ หมอเยอะๆ เครื่องมือเยอะๆ สุดท้ายมันจะประหยัดจากขนาดได้หรือเปล่า เพราะหมอฝีมือระดับอาจารย์คนเดียว บางทีอาจดีกว่าหมอเฉพาะทางหลายๆคน (ในมุมมองคนไข้) แล้วก็เครื่องมือแพงๆอย่าง imaging จำพวก 3D CT , MRI รุ่นใหม่ๆ ถ้าคุณเป็นคนไข้ใน ร.พ. กำลังป่วย หมอส่งไปทำ 3D CT แล้วต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปอีกที่ห่างกัน 20 กม. (ระยะทางนี้ใกล้ที่สุดแล้วสำหรับ ร.พ. ตามต่างจังหวัด) คุณจะรู้สึกอย่างไร
ผมมองว่า economy of scale อย่างเดียวที่เกิดคือค่ายาและเวชภัณฑ์สิ้นเปลือง ซึ่งจริงๆแล้วถ้ารับคนไข้ระดับบน คนไข้ก็ยอมรับภาระตรงนี้ไปอยู่แล้ว ขอให้ได้หมอกับทีมงานดีที่สุด ค่ายาถูกก็ดี แต่ถูกแล้วหมอฝีมือด้อยลงมาจะเอาหรือ
Kritsada
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 18
bh กับ bgh ไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจกันโดยตรง ตรงฝ่ายต่างสู้กันในเกมที่ตนชำนาญ การจะเปรียบเทียบควรทำอย่างระมัดระวัง
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
Re: x
โพสต์ที่ 19
จริงๆ ผมว่ามีอะไรมากกว่า EoS มากนะครับkit556 เขียน:จริงๆผมก็รู้แต่ต้นว่าธุรกิจ โรงพยาบาลเอกชน ตลาดให้ราคาล่วงหน้าไป 20-30 ปีแล้ว ที่เหลือก็รอดูว่าจะโตได้อย่างคุยหรือเปล่า ... รู้ทั้งรู้แต่ผมก็ลงไปหนึ่งตัวซะแล้ว
ขอออกความเห็นบ้างในแง่ bussiness model คือใครๆก็มองว่า BGH ได้เปรียบในแง่ขนาด เพราะขยายสาขาไปมาก ครอบคลุมเมืองใหญ่ทั้งหมด ซึ่งเข้าใจว่าสุึดท้ายสิ่งที่หวังคือ economy of scale แต่ผมมาคิดๆดู เรื่องของการบริการสุขภาพ หมอเยอะๆ เครื่องมือเยอะๆ สุดท้ายมันจะประหยัดจากขนาดได้หรือเปล่า เพราะหมอฝีมือระดับอาจารย์คนเดียว บางทีอาจดีกว่าหมอเฉพาะทางหลายๆคน (ในมุมมองคนไข้) แล้วก็เครื่องมือแพงๆอย่าง imaging จำพวก 3D CT , MRI รุ่นใหม่ๆ ถ้าคุณเป็นคนไข้ใน ร.พ. กำลังป่วย หมอส่งไปทำ 3D CT แล้วต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปอีกที่ห่างกัน 20 กม. (ระยะทางนี้ใกล้ที่สุดแล้วสำหรับ ร.พ. ตามต่างจังหวัด) คุณจะรู้สึกอย่างไร
ผมมองว่า economy of scale อย่างเดียวที่เกิดคือค่ายาและเวชภัณฑ์สิ้นเปลือง ซึ่งจริงๆแล้วถ้ารับคนไข้ระดับบน คนไข้ก็ยอมรับภาระตรงนี้ไปอยู่แล้ว ขอให้ได้หมอกับทีมงานดีที่สุด ค่ายาถูกก็ดี แต่ถูกแล้วหมอฝีมือด้อยลงมาจะเอาหรือ
แต่ ยังไม่เป็นรูปร่าง เลยไม่ค่อยกล้าพูด
แล้วก็ยังไม่มีหุ้นด้วย คงต้องรอเซฟสุดๆ ถึงจะได้ซื้อ :lol:
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
Re: x
โพสต์ที่ 20
มากกว่า EoS คืออะไรหรือครับ ใบ้ได้ไหมครับ พอดีผมก็ติดตามในแง่ bussiness model ก็เลยแปลกใจมากว่ายังมีอะไรที่ผมไม่รู้อีก (แต่จริงๆก็ไม่ได้รู้มากนะ) พอจะ share ความรู้กันได้ไหมครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือ biz model ก็ไม่เป็นไรครับ ผมก็เดาไม่ออกจริงๆว่าอะไรPn3um0n1a เขียน:
จริงๆ ผมว่ามีอะไรมากกว่า EoS มากนะครับ
แต่ ยังไม่เป็นรูปร่าง เลยไม่ค่อยกล้าพูด
แล้วก็ยังไม่มีหุ้นด้วย คงต้องรอเซฟสุดๆ ถึงจะได้ซื้อ :lol:
Kritsada
-
- Verified User
- โพสต์: 590
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 21
คือจริงๆทางด้านการแพทย์เราเหนือกว่าสิงคโปร์ก็คือ
คุณภาพของแพทย์และพยาบาลเราไม่ด้อยกว่าสิงคโปร์ แต่ค่าจ้างต่ากว่ามากๆ ทำให้ต้นทุนต่ำกว่า เหลือแค่บริหารทรัพยากรอื่นๆให้มีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง แต่ BH กับ BGH ไม่ค่อยพยายามตอบโจทย์ตรงนี้
เหมือนด้านการบินไทยที่คุณภาพบุคคลากรไม่ด้อยกว่าสิงคโปร์แอร์ไลน์
แต่ค่าจ้างถูกกว่า แตค่าจ้างผู้บริหารเกือบพอๆๆกันแล้ว แต่เราบริหารเครื่องบินสู้สิงคโปร์แอร์ไลน์ไม่ได้เราจึงแพ้อย่างราบคาบ
คุณภาพของแพทย์และพยาบาลเราไม่ด้อยกว่าสิงคโปร์ แต่ค่าจ้างต่ากว่ามากๆ ทำให้ต้นทุนต่ำกว่า เหลือแค่บริหารทรัพยากรอื่นๆให้มีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง แต่ BH กับ BGH ไม่ค่อยพยายามตอบโจทย์ตรงนี้
เหมือนด้านการบินไทยที่คุณภาพบุคคลากรไม่ด้อยกว่าสิงคโปร์แอร์ไลน์
แต่ค่าจ้างถูกกว่า แตค่าจ้างผู้บริหารเกือบพอๆๆกันแล้ว แต่เราบริหารเครื่องบินสู้สิงคโปร์แอร์ไลน์ไม่ได้เราจึงแพ้อย่างราบคาบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 22
[quote="mprandy"]ไม่อยาก comment มาก เดี๋ยวผู้ถือหุ้น รพ.ข้างบน ในเวบนี้พาลจะมาโกรธไม่เผาผีกัน :lovl:
ให้ข้อคิดเห็นง่าย ๆ ครับ
1. กิจการ รพ. เอกชนไม่เหมือนธุรกิจทั่วไป "ชื่อยี่ห้อ" อย่างเดียว ขายไม่ได้ เอาชื่อ รพ.เอกชนดัง ๆ หรือให้บวกกันเลยด้วยซ้ำ เอาไปเทียบชื่อกับ รร.แพทย์ ยังไม่ได้เลย
2. PE บอกถึงราคา และความคาดหวังถึงอัตราการเติบโต ผู้ลงทุนที่หวังเป็นเจ้าของกิจการ หวังว่าถ้าเราลงทุนกิจการหนึ่ง ๆ แล้ว จะมี return ให้เรากลับมาคุ้มทุนได้ภายในกี่ปี ถ้ามองกลับมาแล้ว PE ขนาด 30+ โดยที่อัตราการเติบโตมันไม่สามารถจะขึ้นเอา ๆ เป็นตัวเลข 30+% ทุกปี แบบธุรกิจอื่น ๆ ได้ จะเอาไหม
เรื่อง PE ต้องดูรายละเอียดด้วย อย่างที่หลายคนชี้ให้เห็นว่า BH มี PE ต่ำกว่าปกติเนื่องจาก "กำไรพิเศษ" ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ถ้าดูละเอียดจะเห็นว่าไตรมาสสุดท้ายที่กำไรกระฉูดขึ้นมาจน PE ลดลงมากว่าครึ่ง ถ้าตัดรายการนี้ออก -> กิจการปกติ "ขาดทุน"
ให้ข้อคิดเห็นง่าย ๆ ครับ
1. กิจการ รพ. เอกชนไม่เหมือนธุรกิจทั่วไป "ชื่อยี่ห้อ" อย่างเดียว ขายไม่ได้ เอาชื่อ รพ.เอกชนดัง ๆ หรือให้บวกกันเลยด้วยซ้ำ เอาไปเทียบชื่อกับ รร.แพทย์ ยังไม่ได้เลย
2. PE บอกถึงราคา และความคาดหวังถึงอัตราการเติบโต ผู้ลงทุนที่หวังเป็นเจ้าของกิจการ หวังว่าถ้าเราลงทุนกิจการหนึ่ง ๆ แล้ว จะมี return ให้เรากลับมาคุ้มทุนได้ภายในกี่ปี ถ้ามองกลับมาแล้ว PE ขนาด 30+ โดยที่อัตราการเติบโตมันไม่สามารถจะขึ้นเอา ๆ เป็นตัวเลข 30+% ทุกปี แบบธุรกิจอื่น ๆ ได้ จะเอาไหม
เรื่อง PE ต้องดูรายละเอียดด้วย อย่างที่หลายคนชี้ให้เห็นว่า BH มี PE ต่ำกว่าปกติเนื่องจาก "กำไรพิเศษ" ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ถ้าดูละเอียดจะเห็นว่าไตรมาสสุดท้ายที่กำไรกระฉูดขึ้นมาจน PE ลดลงมากว่าครึ่ง ถ้าตัดรายการนี้ออก -> กิจการปกติ "ขาดทุน"
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 24
ที่สิงคโปร์ จะมีการรักษามาตรฐานให้แพทย์ที่จบมามีความสามารถเท่าๆกันchode เขียน:คือจริงๆทางด้านการแพทย์เราเหนือกว่าสิงคโปร์ก็คือ
คุณภาพของแพทย์และพยาบาลเราไม่ด้อยกว่าสิงคโปร์ แต่ค่าจ้างต่ากว่ามากๆ ทำให้ต้นทุนต่ำกว่า เหลือแค่บริหารทรัพยากรอื่นๆให้มีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง แต่ BH กับ BGH ไม่ค่อยพยายามตอบโจทย์ตรงนี้
โดยส่วนใหญ่ไม่มีใครเก่งกว่าใครมาก
หมอเค้าก็ใช้ 2 คน / คนไข้ 1 คน(แพทย์เค้าเยอะ)
แต่แพทย์ต้องเจาะเลือดเอง
case CVA(โรคหลอดเลือดสมอง) มาตรวจ แค่สั่งนอนก็พอแล้ว แล้วส่งปรึกษา
มีcase ระบบประสาทหลาย caseไม่ต้อง differential diagnosis(วินิจฉัยแยกโรค) แค่ consult ก็พอครับ
ส่วนค่าจ้าง แค่จบแพทย์ใหม่ ก็ประมาณ 1 แสนบาท up ครับ
(ข้อมูลทั้งหมด ผมอ้างอิงจาก tun tog seng hospital ... เป็น รพ.รัฐครับ)
แต่ของเค้าฏ้มีคนมาโวยวายเยอะ แต่เนื่องจากความมีระเบียบวินัย ความหนาแน่นของประชากรฯลฯ โดยส่วนใหญ่ แพทย์จะได้รับความเป็นธรรมมากกว่า
หมอที่นู่น บางทีมี case ใกล้จะเสียชีวิต มีหลายครั้งที่ไม่ทำอะไรให้เลย
เพราะเค้าไม่มีประกัน
หมอไทยอย่างน้อยก็ต้องให้ oxygen ให้ยาแก้ปวด
ระบบมันต่างกันน่ะครับ
ของไทยเนี่ย ผมไม่อยากให้ดึงมาแค่บางส่วน แล้วก็ไม่ได้ปรับปรุงด้านคุณภาพการบริหารงานการแพทย์
หลายครั้งที่คำสั่งออกมา เห็นแล้วก็ ...
ส่วนตัวหุ้น รพ.เอง
ผมว่าพี่ mprandy เนี่ยมองทะลุปรุโปร่งมากๆครับผม
(ขอเรียกพี่ล่ะกันนะครับ พี่จะได้ดูเด็กหน่อย :lol: )
ปล. สิงคโปร์ ข้าวจานละ 3 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 67 บาทครับ)
ค่าครองชีพต่างกัน
แต่ที่ไม่ต่างก็คือ
หากเรารักในอาชีพของเรา
และทำสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดแก่ผู้ป่วย
ผมเชื่อว่า กรรมดี ถ้าทำไปแล้ว
ยังไงผู้กระทำกรรมดี ก็จะได้รับผลของกรรมดีนั้นเช่นกันครับ
(อย่างน้อยตอนทำความดี เราก็รู้สึกดีๆไม่ใช่หรือครับ )
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 25
[quote="mprandy"]ไม่อยาก comment มาก เดี๋ยวผู้ถือหุ้น รพ.ข้างบน ในเวบนี้พาลจะมาโกรธไม่เผาผีกัน :lovl:
ให้ข้อคิดเห็นง่าย ๆ ครับ
1. กิจการ รพ. เอกชนไม่เหมือนธุรกิจทั่วไป "ชื่อยี่ห้อ" อย่างเดียว ขายไม่ได้ เอาชื่อ รพ.เอกชนดัง ๆ หรือให้บวกกันเลยด้วยซ้ำ เอาไปเทียบชื่อกับ รร.แพทย์ ยังไม่ได้เลย
2. PE บอกถึงราคา และความคาดหวังถึงอัตราการเติบโต ผู้ลงทุนที่หวังเป็นเจ้าของกิจการ หวังว่าถ้าเราลงทุนกิจการหนึ่ง ๆ แล้ว จะมี return ให้เรากลับมาคุ้มทุนได้ภายในกี่ปี ถ้ามองกลับมาแล้ว PE ขนาด 30+ โดยที่อัตราการเติบโตมันไม่สามารถจะขึ้นเอา ๆ เป็นตัวเลข 30+% ทุกปี แบบธุรกิจอื่น ๆ ได้ จะเอาไหม
เรื่อง PE ต้องดูรายละเอียดด้วย อย่างที่หลายคนชี้ให้เห็นว่า BH มี PE ต่ำกว่าปกติเนื่องจาก "กำไรพิเศษ" ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ถ้าดูละเอียดจะเห็นว่าไตรมาสสุดท้ายที่กำไรกระฉูดขึ้นมาจน PE ลดลงมากว่าครึ่ง ถ้าตัดรายการนี้ออก -> กิจการปกติ "ขาดทุน"
ให้ข้อคิดเห็นง่าย ๆ ครับ
1. กิจการ รพ. เอกชนไม่เหมือนธุรกิจทั่วไป "ชื่อยี่ห้อ" อย่างเดียว ขายไม่ได้ เอาชื่อ รพ.เอกชนดัง ๆ หรือให้บวกกันเลยด้วยซ้ำ เอาไปเทียบชื่อกับ รร.แพทย์ ยังไม่ได้เลย
2. PE บอกถึงราคา และความคาดหวังถึงอัตราการเติบโต ผู้ลงทุนที่หวังเป็นเจ้าของกิจการ หวังว่าถ้าเราลงทุนกิจการหนึ่ง ๆ แล้ว จะมี return ให้เรากลับมาคุ้มทุนได้ภายในกี่ปี ถ้ามองกลับมาแล้ว PE ขนาด 30+ โดยที่อัตราการเติบโตมันไม่สามารถจะขึ้นเอา ๆ เป็นตัวเลข 30+% ทุกปี แบบธุรกิจอื่น ๆ ได้ จะเอาไหม
เรื่อง PE ต้องดูรายละเอียดด้วย อย่างที่หลายคนชี้ให้เห็นว่า BH มี PE ต่ำกว่าปกติเนื่องจาก "กำไรพิเศษ" ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ถ้าดูละเอียดจะเห็นว่าไตรมาสสุดท้ายที่กำไรกระฉูดขึ้นมาจน PE ลดลงมากว่าครึ่ง ถ้าตัดรายการนี้ออก -> กิจการปกติ "ขาดทุน"
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโรง'บาล
โพสต์ที่ 26
BH ดีกว่าเยอะ