PTT ยังลูกผีลูกคน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

PTT ยังลูกผีลูกคน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

PTT ยังลูกผีลูกคน







             วิบากกรรมยังไม่พ้นไปจาก PTT แม้ศาลฯตัดสินให้เป็นบจ.ต่อไป แต่สั่งโอนท่อก๊าซคืนให้คลังเพราะเป็นสมบัติของชาติ วงการชี้ข้อมูลยังไม่ชัด ระบุหากต้องโอนฟรีๆมูลค่าหุ้นวูบเฉียด 100 บาท แต่หากคลังจ่ายเงิน จะกระทบมูลค่าหุ้นแค่ 5 บาท เท่านั้น ด้าน "ประเสริฐ" ลั่นไม่กระทบมากอย่างที่คิด ยันยังได้สิทธิในท่อก๊าซเหมือนเดิม งานนี้ถือว่ายังยืนอยู่บนปากเหว และต้องลุ้นว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร เหตุจะกระเทือนดัชนีตลาดฯตั้งแต่ 2-40 จุด


           ในที่สุดคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยก็ผ่านพ้นไปด้วยดี หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดลงมติให้ บมจ.ปตท.(PTT) ยังคงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป แต่สั่งให้มีการโอนท่อก๊าซและที่ดินที่เวนคืนมากลับไปเป็นของรัฐ เนื่องจากถือเป็นสมบัติของแผ่นดินซึ่งจะเป็นประเด็นที่ต้องติดต่อไปต่อการเจรจาระหว่าง PTTและ กระทรวงการคลัง ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้เองทำให้เมฆหมอกยังไม่ได้หายไปจาก PTT ไปซะทีเดียว เพราะหากเจาะลึกลงไปแล้ว จะพบว่าประเด็นการโอนท่อก๊าซให้กับกระทรวงการคลังซึ่งยังต้องอาศัยการ "เจรจา" นั้นยังเป็นประเด็นที่คลุมเครืออยู่มาก ว่าข้อสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร เนื่องจากผลกระทบที่จะเกิดจากข้อสรุปของการเจรจาดังกล่าวจะส่งผลต่อหุ้น PTT และต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ต่างกันแบบสุดขั้ว
         การที่ตลาดหลักทรัพย์ตัดสินใจขึ้นเครื่อง SP ห้ามการซื้อขายหุ้น PTT ในช่วงวันศุกร์ที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมาจึงถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องทีเดียว เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ราคาหุ้น PTT ผันผวนมากไปตามการตีความของแต่ละค่าย แต่ละคน และย่อมส่งผลกระทบต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์โดยรวม เพราะ PTT มีมาร์เก็ตแคปคิดเป็นกว่า 16% ของตลาดหุ้นโดยรวม โดยในส่วนของนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ PTT คาดว่าตลาดหลักทรัพย์จะปลดเครื่องหมาย SP ให้ซื้อขายหุ้นได้ตามปกติในวันพุธ (19 ธ.ค.) แต่คนในวงการหุ้นต่างคาดการณ์ว่า ตลาดหลักทรัพย์น่าจะปล่อยให้ซื้อขายหุ้น PTT ได้ในช่วงบ่ายของวันอังคารหลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุม ครม. เพราะตลาดหลักทรัพย์เองไม่ต้องการให้ขึ้น SP นานเกินไป เพรราะจะกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายโดยรวม
         ในส่วนของความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้จะสามารถยืนในแดนบวกได้ แต่ก็ค่อนข้างผันผวนและปิดการซื้อขายเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 3.31 จุด เท่านั้น โดยดัชนีฯปิดที่ 836.40 จุด ในช่วงที่มีการตัดสินคดี ปตท. ออกมา ตลาดหุ้นปรับตัวรับข่าวไปกว่า 10 จุด แต่สุดท้ายเจอแรงขายทำกำไรออกมา เพราะในที่สุดแล้วคดีของ PTT ก็ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจะมากหรือน้อยเท่านั้น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติแสดงยอดขายสุทธิกว่า 2,680 ล้านบาท
         ขั้นตอนจากนี้ไปคือการเจรจาระหว่างกระทรวงการคลัง ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินของแผ่นดิน และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PTT ว่าจะตัดสินใจอย่างไรในกรณีของการโอนท่อก๊าซ และจากนั้น PTT จะต้องชี้แจงผลกระทบที่เกิดขึ้น และความชัดเจนของการสูญเสียจากการต้องโอนท่อก๊าซกลับคืนเป็นของรัฐ ตลาดหลักทรัพย์จึงจะปลดเครื่องหมาย SP ให้ซื้อขายได้ตามปกติ โดยในส่วนของกระทรวงพลังงานเตรียมที่จะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ (18 ธ.ค.50) ในขณะที่การจัดตั้งคณะกรรมการกิจการพลังงานจะแต่งตั้งเสร็จสิ้นภายใน 120 วัน นับจากวันที่ 11 ธ.ค. ที่ พ.ร.บ. กิจการพลังงานมีผลบังคับใช้ ซึ่งหมายความว่าในอนาคตจะมีหน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลกิจการพลังงานอย่างถูกต้อง และไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนมากเกินไป จนทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ และยังเป็นสัญญาณว่าในอนาคตสามารถมีบริษัทอื่นๆ เข้ามาทำธุรกิจแข่งขันกับ ปตท. ได้ ในกรณีการสร้างท่อส่งก๊าซเส้นใหม่

**"ประเสริฐ" ยันกระทบมูลค่าหุ้นไม่มาก
         นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงข่ายท่อก๊าซและที่ดินของปตท. ตามมูลค่าตามบัญชีอยู่ที่ 100,000 ล้านบาทคิดเป็น 10% ของมูลค่าสินทรัพย์ของปตท.ที่มีอยู่ประมาณ 8-9 แสนล้านบาท โดยเบื้องต้นยังไม่ได้พิจารณาว่าจะโอนท่อส่วนไหนให้กระทรวงการคลังบ้าง ซึ่งในมูลค่าดังกล่าวมีท่อบางส่วน ซึ่งเป็นท่อทางทะเลที่ไม่ต้องรอนสิทธิ
         ทั้งนี้กระทรวงการคลังไม่ต้องจ่ายเงินให้ปตท. แม้ว่าบริษัทจะโอนท่อก๊าซไปให้ เนื่องจากการโอนท่อก๊าซครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งศาลฯ สำหรับการสร้างท่อก๊าซใหม่ในอนาคตจะต้องถูกกำกับดูแลภายใต้พ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงาน
         'ใจจริงก็อยากขอค่าลงทุนท่อก๊าซจากกระทรวงการคลังเหมือนกัน แต่ศาลฯสั่งให้โอนก็ต้องทำตามนั้น ส่วนการสร้างท่อก๊าซในอนาคต ต้องทำภายใต้พ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานที่ออกมา'นายประเสริฐ กล่าว
        อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นคาดว่าจะเสียภาษีการโอนท่อก๊าซและภาษีอสังหาฯ รวมทั้งภาษีอื่นๆ สูงสุดไม่เกิน 10,000 ล้านบาท โดยโครงข่ายท่อก๊าซและที่ดินมูลค่า 100,000 ล้านบาทนั้นอาจโอนให้กระทรวงการคลังเพียงบางส่วนเท่านั้น อีกทั้งในปีนี้บริษัทฯ จะมีรายได้จากค่าผ่านท่อก๊าซ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายของปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 1.4 ล้านล้านบาท
         'ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นยังไม่แน่ว่าจะลงบัญชีภายในปีนี้หรือไตรมาส 1 ปีหน้า ขึ้นอยู่กับว่าจะโอนท่อก๊าซให้คลังเสร็จเมื่อไร แต่ขอยืนยันว่าการเสียค่าใช้จ่ายในการโอนท่อก๊าซจะไม่กระทบเงินปันผลของปตท. งวดปี 50 แต่อาจกระทบรายได้ของปตท.เล็กน้อย'นายประเสริฐ กล่าว
         ส่วนกรณีที่มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าภายหลังจากปตท.โอนท่อก๊าซให้คลังจะทำให้มูลค่าหุ้นลดลง 70-80 บาทนั้น
         นายประเสริฐ กล่าวว่า มูลค่าหุ้นของปตท. ไม่ได้ลดลงมากอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เพราะปตท.ยังดำเนินธุรกิจท่อก๊าซตามปกติ โดยทรัพย์สินยังเป็นของปตท. แต่การใช้ท่อก๊าซจะต้องขออนุญาตคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงาน
          'มูลค่าหุ้นที่นักวิเคราะห์ตีว่าจะหายไป 70-80 บาทนั้นเขาคงตีว่าจะเอาท่อก๊าซของปตท. ไปเป็นท่อประปา คือ ปตท.เลิกธุรกิจท่อก๊าซไปแล้ว แต่จริง ๆ ไม่ใช่ ปตท.ยังทำธุรกิจท่อก๊าซต่อได้ เอาก๊าซมาส่งตามปกติ เพียงแต่มีภาระจ่ายค่าตอบแทนให้กับกระทรวงการคลังเท่านั้น'นายประเสริฐ กล่าว
         หุ้น ปตท.น่าจะเปิดการซื้อขายได้ตามปกติในวันพุธหน้า (19ธ.ค.) ภายหลังจากที่ครม.มีการพิจารณาเรื่องการโอนท่อก๊าซ ค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนที่ปตท.จะดำเนินการให้กระทรวงการคลังเรียบร้อยในวันอังคาร (18 ธ.ค.)
         ทั้งนี้คาดว่าภายหลังจากที่ ครม.พิจารณาการโอนท่อก๊าซให้กระทรวงการคลังเสร็จเรียบร้อยในวันอังคารนี้ หุ้น PTT ก็น่าจะเปิดเทรดในวันพุธที่ 19 ธ.ค.นี้
         ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการหารือเรื่องการโอนท่อก๊าซว่าจะมีการโอนส่วนใด จะเก็บภาษีค่าโอนท่ออย่างไร และเรื่องการโอนที่ดินที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ ประเด็นทั้งหลายเหล่านี้จะนำเข้าหารือกับกระทรวงการคลัง จากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเรื่องทั้งหมดในวันอังคารนี้
         "หลังจากนี้คงจะต้องดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งจะต้องดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 120 วัน นับตั้งแต่กฎหมายมีผลใช้บังคับ คือวันที่ 11 ธ.ค. 2550 ส่วนการโอนท่อก๊าซน่าจะเสร็จสิ้นในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน"
         อย่างไรก็ดี ให้โอนท่อก๊าซไปให้กระทรวงการคลัง ในส่วนของท่อก๊าซเส้นเดิมนั้น ปตท. ยังเป็นผู้ใช้บริการตามปกติ โดยจะไม่เปิดให้เอกชนรายใหม่มาเช่าเพิ่ม แต่ในส่วนของท่อก๊าซเส้นใหม่นั้นจะเปิดให้เอกชนที่สนในเข้าประมูลอย่างเสรี
         เขากล่าวต่อว่า หลังจากมีพ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานออกมา ภายหลังจากการโอนท่อก๊าซให้กระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของท่อก๊าซและเหล็กจะเป็นของปตท. แต่อำนาจในการรอนสิทธิจะเป็นของรัฐ
         อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคดีแปรรูปปตท.นี้ จะไม่กระทบการแปรรูปกิจการไฟฟ้าอื่นๆ โดยคำสั่งศาลฯครั้งนี้ทำให้ทุกอย่างมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งแนวทางการปฏิบัติในอนาคต รวมทั้งการให้ความสำคัญกับพ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงาน

**ลุ้นท่อก๊าซถูกยึดหรือซื้อคืน
         นักวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า ให้ความเห็นว่า ยังต้องรอความชัดเจนว่าในส่วนของท่อก๊าซที่ต้องคืนให้กระทรวงการคลัง จะเป็นแบบการขายหรือถูกยึดคืน ซึ่งผลกระทบที่จะมีต่อราคาหุ้น PTT จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่าง 5 บาท และ 99 บาท แต่ถือเป็นเรื่องดีที่ PTT ไม่ถูกเพิกถอนออกไปจากตลาดหุ้น
         ทั้งนี้ในกรณีที่แยกท่อก๊าซ และขายคืนให้รัฐ แล้วกลับมาเช่าแทน จะกระทบต่อมูลค่าหุ้น PTT ให้ลดลง 5 บาท จากราคาปิดล่าสุด 368 บาท เหลือ 365 บาท และส่งผลต่อ SET INDEX 1.8 จุด ภายใต้สมมติฐานที่ว่าราคาหุ้นตัวอื่นๆไม่มีการเคลื่อนไหว
         แต่หากรัฐยึดคืนท่อก๊าซโดยไม่จ่ายเงินซักบาท จะกระทบมูลค่าหุ้นของ PTT ถึง 98.5 บาท หรือ 26.8% ทำให้ราคาหุ้น PTT ลดลงเหลือ 269.50 บาท ซึ่งจะกระทบต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ถึง 35.8 จุด ทำให้ดัชนีฯลดลงมาเหลือ 797 จุด
         นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยังต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนจาก ปตท. จึงจะสามารถประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นได้

**กิมเอ็งมองดีสุดโต่ง ยืนยันเป้าหมายที่ 420 บาท
         บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในที่สุดศาลปกครองสูงสุดก็ได้มีคำตัดสินในกรณีที่กลุ่มบุคคลประกอบด้วยมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคกับพวกรวม 5 คน ('ผู้ฟ้องคดี') ได้ยื่นฟ้อง คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ('ผู้ถูกฟ้องคดี') ต่อศาลปกครองสูงสุดและขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 ซึ่งเกี่ยวกับการแปลงสภาพการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเป็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 ('พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ') โดยตัดสินให้ PTT พ้นข้อกล่าวหา ซึ่งส่งผลให้ PTT จะไม่ถูกเพิกถอนออกจากตลาดฯ แต่จะต้องโอนคืนท่อส่งก๊าซให้กับกระทรวงการคลัง ทำให้ราคาหุ้นจะไม่ถูกกดดันจากปัจจัยดังกล่าวอีกและสามารถปรับตัวไปตามปัจจัยพื้นฐานได้
         เราเห็นว่ามีปัจจัยบวกอยู่หลายประการที่จะสนับสนุนผลการดำเนินงานและราคาหุ้นของบริษัทในปีหน้าประกอบไปด้วย 1) ปริมาณการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าจะเติบโต 10% หลังจากท่อก๊าซเส้นที่ 3 เริ่มเปิดใช้งานตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา 2) การเดินเครื่องเต็มที่ของโรงแยกก๊าซ 5 แห่งของ PTT กำลังการผลิตรวม 4.2 ล้านตัน/ปี 3) การลอยตัวก๊าซ LPG (ผลิตได้ 2.2 ล้านตัน/ปี) จะทำให้ราคาจำหน่ายในประเทศสูงขึ้นส่งผลให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นด้วย 4) การรับรู้ผลกำไรจาก PTTEP ที่จะเพิ่มขึ้นตามปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่คาดว่าจะเติบโต 28% yoy จากโครงการอาทิตย์และโครงการเวียดนาม 9-2 บวกกับราคาจำหน่ายปิโตรเลียมที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันด้วย 5) ส่วนแบ่งผลกำไรจาก PTTCH ที่จะสูงขึ้นตามกำลังการผลิตโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้น 12% เป็น 1.7 ล้านตันและการเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตหลังจากที่ปีนี้มีหยุดซ่อมบำรุงไปหลายวัน 6) ส่วนแบ่งผลกำไรของ PTTAR (บริษัทที่เกิดจากการรวมกิจการของ ATC และ RRC) ที่คาดว่าจะดีขึ้นหลังจากรวมกิจการกัน 7) ส่วนแบ่งผลกำไรจาก TOP ที่จะดีขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีก 50,000 บาร์เรล/วัน เป็น 275,000 บาร์เรล/วัน 8) กำไรพิเศษที่คาดว่าจะเกิดจากการนำหุ้นของ โรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง (SPRC) ที่ PTT ถือหุ้นอยู่ 36% เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ
         ราคาหุ้นของ PTT ได้ปรับตัวลดลงมา 16% นับจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 440 บาท ในปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จากความกังวลของคำตัดสินของศาลว่าจะต้อง
ถูกเพิกถอนหรือไม่ ซึ่งหลังจากที่มีความชัดเจนแล้วว่าไม่ถูกเพิกถอน เราคาดว่าราคาหุ้นของบริษัทจะมีการฟื้นตัวได้อย่างดีเนื่องจากราคาหุ้นที่ยังมีราคาต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานอยู่มาก โดยซื้อขายอยู่ที่ PER 10.2 เท่า เทียบกับกลุ่มพลังงานที่ซื้อขายที่ PER 12.6 เท่าและตลาดฯ ที่ซื้อขายที่ PER 12.1 เท่า และมี upside อยู่ 14% จากราคาเป้าหมาย ของเราที่ 420 บาท (กรณีโอนคืนท่อส่งก๊าซให้กระทรวงการคลัง) เราคงคำแนะนำ ซื้อลงทุน สำหรับ PTT

**SCIBS ดีดลูกคิดกรณีแย่ที่สุดลดลงไม่เกิน 60 บ. แนะซื้ออ่อนตัวที่ราคาต่ำกว่า 330 บ./หุ้น
         บทวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย ระบุว่า หลังศาลปกครองสูงสุดได้สรุปผลการพิจารณาคดีของ PTT ได้ดังนี้
         1. ขั้นตอนการแปรรูปนั้นถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยคุณสมบัติของคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้ง PTT หลังการแปรรูป PTT เป็นบริษัทมหาชน รวมถึงขั้นตอนการแปรรูปถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมาย
          2. สำหรับกรณีการแยกท่อก๊าซนั้น ศาลฯ มีความเห็นให้แก้ไขประเด็นต่างๆ ที่ขัดต่อกฎหมายโดยเฉพาะการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเวนคืน และท่อส่งก๊าซ-น้ำมัน กลับคืนไปยังกระทรวงการคลังเพราะถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ต้องติดต่อไปต่อการเจรจาระหว่าง PTTและ กระทรวงการคลัง
3.ประเด็นสำคัญของการพิจารณาถอดถอน PTT ออกจากตลาดนั้น ศาลฯ ได้พิจารณายกคำร้องทำให้ PTT ยังคงสภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียนต่อไปผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับ PTT
         บทวิเคราะห์ระบุว่า มูลค่าตลาดบัญชี (Book valued) ของหุ้น PTT คาดว่าจะลดลงประมาณ 14 บาทต่อหุ้น เนื่องจากการคืนสินทรัพย์ในส่วนของที่ดินและท่อก๊าซบางส่วนให้กับกระทรวงการคลัง
         ส่วน ผลการดำเนินงานของ PTT ในส่วนของรายได้คงเดิม เนื่องจาก PTT ยังคงเป็นผู้ดำเนินงานธุรกิจท่อก๊าซต่อไป แต่กำไรสุทธิมีแนวโน้มลดลง เนื่องจาก PTT จะต้องจ่ายค่าเช่าสินทรัพย์ให้กับกระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันยังคงไม่ทราบว่าจะตกลงกันที่อัตราเท่าไร ขณะที่มูลค่ากิจการ (NAV) ลดลงตามกำไรของธุรกิจท่อก๊าซ
         ทั้งนี้ SCIBS ประเมินในกรณีที่แย่ที่สุดไว้ที่ 60 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นกรณีที่คืนสินทรัพย์ทั้งหมดและไม่มีกำไรจากธุรกิจท่อก๊าซเลย แต่ในความเป็นจริงคาดว่าธุรกิจท่อก๊าซจะยังคงมีกำไร เพียงแต่ยังคงไม่ชัดเจนพอที่จะประเมินมูลค่าได้ ส่งผลให้มูลค่าเหมาะสมของ PTT จะลดลงจาก 395 บาท เหลือ ไม่ต่ำกว่า 335 บาท ผลการพิจารณาดังกล่าวนั้นถือเป็น Positive ต่อภาวการณ์ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น SCIBS แนะนำกลยุทธ์การลงทุนดังต่อไปนี้
          ซื้อ หุ้นในกลุ่มพลังงาน และหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) อย่าง PTTEP / TOP / RRC / KBANK/BAY / SCC / LH / QH รวมถึง TDEX
          สำหรับ PTT นั้น SCIBS แนะนำว่า ซื้อเมื่ออ่อนตัว หากราคาต่ำกว่า 330 บาท/หุ้น เพราะปัจจัยเสี่ยงจากการเวนคืนที่ดิน และท่อส่งก๊าซ-น้ำมัน จะยังเป็นปัจจัยกดดันการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นPTT จนกว่าจะไดข้อสรุประหว่าง PTT - กระทรวงการคลัง

**ASP ประเมินกระทบไม่เกิน 100 บ.
         นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด บล.เอเซียพลัส ได้กล่าวถึงผลกระทบหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้บมจ. ปตท.(PTT) ต้องโอนที่ท่อก๊าซ และที่ดินเวนคืนให้กลับไปเป็นของรัฐ แต่ไม่ต้องถูกเพิกถอนให้พ้นสภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่า ในเชิงเพื้นฐานย่อมมีผลกระทบต่อ PTT อย่างแน่นอน
         'เราจะต้องมีการวิเคราะห์ผลกระทบอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนที่จะสรุปเพื่อ ลดระดับราคาพื้นฐานที่เหมาะสม' นายภูวดล กล่าว
         อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นประเมินว่าผลการตัดสินครั้งนี้จะกระทบต่อมูลค่าราคาหุ้นที่เหมาะสมของPTT ไม่เกิน 100 บาท
         ทั้งนี้บทวิเคราะห์ ล่าสุดของบล.เอเซีย พลัส ได้เคยให้ราคาพื้นฐานเหมาะสมของ PTT ที่ 425.92 บาท

**บัวหลวง ยังมองตลาดหุ้นผันผวน
         นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.บัวหลวง ได้กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งว่าจะมีความผันผวนไม่ต่างจากสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ยังคงประเมินแนวโน้มภาพรวมยังเป็นเชิงลบ แม้ศาลปกครองสูงสุดจะมีการตัดสินคดีความบมจ.ปตท.(PTT)ไปแล้ว แต่ตามขั้นตอนยังคงต้องให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาเรื่องท่อก๊าซที่ทาง PTT จะต้องจัดการโอนคืนประกอบด้วย
         ขณะที่ในส่วนของการเลือกตั้งนักลงทุนบางส่วนยังกังวลว่า หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งแล้ว ภาพการเมืองก็มีโอกาสที่จะไม่นิ่ง ประกอบกับกระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศที่จะยังไม่เข้าไปลงทุนในตลาดทุนทันที จากการที่พบว่าระยะหลังนักลงทุนเริ่มหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากตลาดหุ้นและนำเงินไปพัก หรือลงทุนในพันธบัตรแทนมากขึ้น
         "ต้นสัปดาห์คงยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น หุ้นขนาดใหญ่ยังน่าจะมีแรงซื้อเข้ามาน้อยอยู่ มองภาพรวมหุ้นมีโอกาสลงมากกว่าขึ้น อีกทั้งพวกกองทุนต่างประเทศอาจมีการขายหุ้นไทยเพื่อปิดสถานะก่อนสิ้นปีในบ้านเรา"นายเผดิมภพ กล่าว
         กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ซื้อหุ้นที่มีอัตราปันผลน่าสนใจเช่น บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) รวมถึงหุ้นขนาดเล็ก ที่นักลงทุนจะเก็งกำไรเป็นช่วงสั้นๆในสัปดาห์หน้า
         ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมัน รวมถึง PTT คาดว่าในระยะสั้นจะยังไม่ปรับขึ้นมากนัก ในช่วงนี้หรือรับผลบวกเต็มที่ หากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นแรง
         ทั้งนี้ประเมินกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ที่แนวรับ 832 จุด แนวต้าน 855 จุด

**ก.ล.ต. แนะ นลท.ติดตามข้อมูลและมูลค่าหุ้น PTT หลังศาลฯ ให้โอนทรัพย์สินคืนรัฐ
         สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) แยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโอนคืนให้รัฐ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหยุดการซื้อขายหุ้น ปตท. เป็นการชั่วคราว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะเปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์
อีกครั้ง เมื่อ ปตท. ชี้แจงข้อมูลรวมทั้งแจ้งถึงผลกระทบและขั้นตอนการดำเนินการของบริษัทอย่างชัดเจน เพียงพอ มายังตลาดหลักทรัพย์ฯและข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่แก่ผู้ลงทุนในวงกว้างแล้ว เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีเวลารับทราบข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลและสถานการณ์รวมทั้งผลกระทบต่าง ๆ
         ก.ล.ต. ขอชี้แจงว่า คำพิพากษาดังกล่าวมิได้มีผลกระทบต่อสถานการณ์เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ ปตท. แต่อย่างใด อย่างไรก็ดี การที่ปตท.แยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโอนคืนให้รัฐ อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของ ปตท. ขณะนี้ปตท. อยู่ระหว่างพิจารณาผลกระทบดังกล่าว และจะได้ชี้แจงให้ทราบต่อไป
         สำหรับกรณีกองทุนรวม ผู้ลงทุนยังคงซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมได้ตามปกติ อย่างไรก็ดี เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นของ ปตท.และตลาดหลักทรัพย์ฯ หยุดการซื้อขายหุ้น ปตท. เป็นการชั่วคราวซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้ไม่สามารถคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มูลค่าหน่วยลงทุนราคาขายและราคารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่มีการลงทุนในหุ้น ปตท. ได้
          ก.ล.ต. จะได้ติดตามความคืบหน้าและชี้แจงให้ผู้ลงทุนทราบต่อไป ก.ล.ต.จึงขอให้ผู้ลงทุนติดตามคำชี้แจงของปตท. บทวิเคราะห์หุ้น ปตท. จากบริษัทหลักทรัพย์และการประกาศเปิดให้มีการซื้อขายหุ้น ปตท. อีกครั้งของตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก่อนตัดสินใจในการลงทุน ทั้งนี้หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัยประการใดสามารถติดต่อกับ ก.ล.ต. ได้ที่ศูนย์ Hot Line โทร. 0-2695-9696 หรือที่ โทร. 0-2695-9999 กด 9
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

PTT ยังลูกผีลูกคน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ปตท.พ้นคดีเจอภาษีอ่วม
คลังคาดจ่ายหมื่นล้านค่าโอนที่ดินและท่อ-ชงเข้าครม.18ธ.ค.นี้

โพสต์ทูเดย์ — ศาลตัดสินคดี ปตท.ออกมาตามคาด สั่งโอนที่ดินและ ท่อก๊าซให้คลัง คาดโดนภาษีอ่วมหมื่นล้าน

เมื่อเช้าวานนี้ คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด ได้อ่านคำตัดสินคดีบริษัท ปตท. ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยื่นฟ้อง โดยศาลยังคงให้บริษัท ปตท. เป็นบริษัทมหาชนต่อไป แต่มีคำสั่งให้โอนสินทรัพย์ของ ปตท. ที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ให้กระทรวงการคลัง โดย ปตท.ยังคงมีสิทธิ์ในการใช้และต้องจ่ายเช่าตามที่คลังกำหนด

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้ขอให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และ ปตท. ไปหารือร่วมกันเพื่อสอบทานคำตัดสินของศาลว่าการโอนทรัพย์ สินกิจการท่อก๊าซจะครอบคลุมในช่วงไหนบ้าง ระหว่างเป็นรัฐวิสาหกิจ คือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือภายหลังแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนแล้ว รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการโอนทั้งหมด โดยจะสรุปให้เสร็จเพื่อเตรียมเสนอในที่ประชุม ครม. วันที่ 18 ธ.ค. นี้

ภายหลังโอนทรัพย์สินท่อก๊าซไปให้กรมธนารักษ์ และ ปตท.จะมีสถานะเป็นผู้เช่าท่อและพื้นที่ ซึ่งค่าเช่าจะมีอัตราที่ไม่สูงมากนัก เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการโอนทรัพย์สิน เช่น ภาษี จะไม่สูงจนมีผลกระทบกระแสเงินสดของ ปตท. หรือภาพรวมของบริษัท

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง กล่าวว่า ยังไม่สามารถประเมินภาระภาษีที่ ปตท.ต้องจ่ายให้กรมสรรพากร และค่าเช่าที่ ปตท.ต้องจ่ายให้กับกรมธนารักษ์ได้ว่าเป็นจำนวนเท่าไร

สำหรับการตัดสินครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นและผู้ถือหุ้นเพียงใด ก็ต้องรอให้มีการซื้อขายหุ้น ปตท.อีกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น เพราะธุรกิจนี้มีแนวโน้มที่ดี นักลงทุนซื้อหุ้น ปตท. ลงทุนในระยะยาว

แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า บริษัท ปตท. จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ในการโอนทรัพย์ที่เป็นท่อก๊าซ และเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ในการโอนที่ดินบริเวณท่อก๊าซคืนให้กับกระทรวงการคลัง ซึ่งคิดจากมูลค่าทรัพย์ทั้ง 2 ประเภท กว่า 1 แสนล้านบาท เป็นเงินภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะต้องเสียประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นไปตามกฎหมายประมวลรัษฎากรมาตรา 77/1(8) การขาย หรือการโอนสินทรัพย์ให้กับผู้อื่นไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือค่าตอบแทนหรือไม่ ผู้โอนจะต้องรับผิดชอบภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะต้องจ่ายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปที่มีการโอนสินทรัพย์

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. กล่าวว่า การคำนวณค่าตอบแทนที่ปตท.ที่ต้องจ่ายให้คลังนั้น ต้องพิจารณาด้วยความเหมาะสม ผลกระทบที่จะเกิดกับ ปตท.จะเป็นเรื่องภาษีการโอนทรัพย์ แต่จะกระทบน้อยมาก และไม่มีผลต่อหุ้น ปตท.

“ยอมรับว่า ปตท.จะมีภาระในการจ่ายภาษีการโอน แต่จะไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท ส่วนจะมีผลกระทบต่อต้นทุนราคาก๊าซหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจน ต้องหารือในเรื่องตัวเลขอีกครั้ง” นายประเสริฐ กล่าว

ปตท.คาดว่าจะแจ้งข้อมูลให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบได้ภายในวันที่ 18 ธ.ค. นี้ และคาดว่าหุ้นจะเริ่มซื้อขายได้ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ หลังจากหยุดพักมาตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.

ปัจจุบัน ปตท.มีมูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 8-9 แสนล้านบาท แยกเป็นกิจการท่อก๊าซประมาณ 1 แสนล้านบาท และที่ผ่านมามีรายได้จากท่อก๊าซปีละ 2 หมื่นล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ก่อนอนุญาตให้ซื้อขายหุ้น ปตท.ตามปกติ อยากให้นักลงทุนมีเวลาทำความเข้าใจกับข้อมูลก่อน และนักวิเคราะห์ออกบทวิเคราะห์ที่ชัดเจน
Dech
Verified User
โพสต์: 4596
ผู้ติดตาม: 0

PTT ยังลูกผีลูกคน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ทำ link ใน blog มาที่กระทู้นี้ ต้องมาแปะไว้หน่อยครับ

http://dcopywriter.wordpress.com/2007/12/15/

PTT ๒๐๗ Fortune global ๕๐๐,๒๐๐๗

December 15, 2007 by dcopywriter

หลังจากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวานนี้ บริษัทอันดับที่ ๒๐๗ ของ Fortune global ๕๐๐ ในปี ๒๐๐๗ หรือปี ๒๕๕๐ นี้ มาตามดูกันว่าปีหน้า ๒๕๕๑ PTT หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะได้อับดับที่เท่าไหร่
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
Linsu_th
Verified User
โพสต์: 497
ผู้ติดตาม: 0

PTT ยังลูกผีลูกคน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

รูปภาพ
:lol:  :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
bankniti
Verified User
โพสต์: 627
ผู้ติดตาม: 0

PTT ยังลูกผีลูกคน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

PTT ผ่านไปแล้ว MCOT กำลังจะเจอฟ้องถอดถอนอีก ต่อไปก็น่าจะเป็น AOT กับ THAI นะครับ สนุกกันหล่ะทีนี้
โพสต์โพสต์