"I am legend"ขอแลกเปลี่ยนความเห็น(ยังไม่ดูอย่าอ่าน

[crazyrisk]

สำหรับผม

[Capo]

ยังไม่ได้ดูครับ ผมหลับตาปี๋เลยตอน Scroll ลงมา


เป็นหนังที่ยังไม่ได้ดูแต่ Surprise หลายอย่างครับ

ดูตัวอย่างที่ฉายในโรงช่วงแรก ๆ เหมือนจะคล้าย Cast Away

ดูมาตอนกลาง ๆ เอ๊ะ !!! เริ่มเหมือน Land of the dead

อ่านย่อหน้าแรก ๆ ที่พี่หมอเขียนว่าเหมือน The Matrix


อย่างนี้คงต้องสนุกแน่ ๆ เลยครับ

ขนาดยังไม่ได้ดูก็ได้มาตั้ง 3 อารมณ์แล้ว

[Alastor]

หมอ K นี่ลึกซึ้งจริงๆ ผมไปดูมาก็ว่าสนุกดีนะครับ ภาพในจอติดตราในใจเผลอนึกว่าคนแถวๆสยามเป็น dark seeker ไปเลย :lol:

..........แต่ม่ายเห็นมันจะมีปรัชญาตรงไหนเลยอ่ะ หรือว่าผมตื้นเกินไป  :oops:

แนะนำให้ไปดูกันครับ สนุกมากเลย ดีกว่า Golden Compass ที่เข้าใกล้ๆกันเยอะ

[Raphin Phraiwal]

เขียนมายืดยาวมากๆนั้น   เหมือนเป็นคนบ้าเลยครับ

อ่านมาตั้งนาน ถูกใจประโยคนี้มากที่สุดครับ .... อิอิ ล้อเล่ง

แต่จริงๆแล้ว เห็นด้วยกับประโยคต่อไปนี้ครับ

หมอ K นี่ลึกซึ้งจริงๆ

[Vangogh]

ยังไม่ได้ดูครับ ผมหลับตาปี๋เลยตอน Scroll ลงมา


เป็นหนังที่ยังไม่ได้ดูแต่ Surprise หลายอย่างครับ

ดูตัวอย่างที่ฉายในโรงช่วงแรก ๆ เหมือนจะคล้าย Cast Away

ดูมาตอนกลาง ๆ เอ๊ะ !!! เริ่มเหมือน Land of the dead

อ่านย่อหน้าแรก ๆ ที่พี่หมอเขียนว่าเหมือน The Matrix


อย่างนี้คงต้องสนุกแน่ ๆ เลยครับ

ขนาดยังไม่ได้ดูก็ได้มาตั้ง 3 อารมณ์แล้ว

อืม น่าสนใจครับได้ตั้ง 3 เรื่อง 3 อารมณ์ งั้นต้องไปดูซะแล้ว
เมื่อวานเพิ่งดู Golden Compass มาก็หนังเด็กๆดีครับ ดูไปหลับไปด้วยหน่อย เหอะๆ

[Jangster]

เห็นแว่วๆฟังข่าวบอกว่าที่ USA เปิดตัวได้ 70 กว่าล้านดอลล่าห์เลยครับ เทียบกับ golden compass ที่เปิดตัวน่าผิดหวังได้ประมาณ 20 กลางๆ..... อยากดูเหมือนกัน แต่แฟนไม่ชอบหนังแนวนี้ คงต้องหาแผ่น

ขอโทษผู้ถือหุ้น major ด้วยนะครับ  :lol:

[Basketman]

ไปดูมาเมื่อคืนครับรอบดึก ขับรถถึงบ้านตี2ผวาตลอดทาง  :twisted:
เป็นหนังที่ตื่นเต้นดีครับ โดยเฉพาะตอนที่พระเอกไปตามหาหมาในตึก
มีอยู่ฉากนึงแฟนดูแล้วแอบปาดน้ำตาซะงั้น...!!
ตอนที่ดูหนังตัวอย่างนึกว่าเป็นหนังแนวแอ๊คชั่น แฟนยังบ่นไรฟ๊ะได้ลุ้น..เสียวทั้งเรื่อง
เป็นหนังที่ให้คนดูได้คิดหาคำตอบเองในหลายๆฉากเลยนะครับ
ก็คุยกับแฟนว่าในหนังเค้าต้องการสื่อถึงอะไร?
ก็สรุปว่าน่าจะต้องการสื่อถึงความเชื่อในพระเจ้าน่าจะชัดที่สุด
ประโยคที่พระเอกพูดว่า
"ไม่ใช่เสียงของพระเจ้าหรอกที่เรียกคุณมา แต่เป็นเสียงของผมเองที่เรียกคุณมา"
แต่สุดท้ายแล้วก็.........(ต้องไปดูเอง)

แต่ยังสงสัยอยู่ว่าฝรั่ง(ตัวแสดงในเรื่อง)เป็นอะไรกับเบค่อน?
ถึงดีใจที่เจอและให้ความสำคัญขนาดนั้น รึเพราะว่ามันอร่อย??

[crazyrisk]

แต่ยังสงสัยอยู่ว่าฝรั่ง(ตัวแสดงในเรื่อง)เป็นอะไรกับเบค่อน?
ถึงดีใจที่เจอและให้ความสำคัญขนาดนั้น รึเพราะว่ามันอร่อย??

ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรมากนะคับ

เพราะผมเทียบกับ cast away หรือในการ์ตูนเรื่องต้องรอด

การได้ทานอาหารดีๆ นั้น  ก็คงเหมือนกับ ฟ้าประทานมาให้ครับ


แต่ดีใจครับ  พี่ นักบาส  ที่เรา รู้สึก เหมือนกัน ว่า มีนัยยะ อะไรซ่อนอยู่ในหนังเรื่องนี้...

ผมเกือบคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้นนนน

[yn]

ยังไม่ได้ดูแต่เผลออ่านไปครึ่งนึงแล้ว

[HI.ผมเอง]

เป็นหนังที่ดีที่สุดเรื่องนึงของปีนี้เลยครับ
ว่าจะไปดูอีกรอบ
ไม่น่าเชื่อว่าหนังยาวชั่วโมงกับ40นาที โดยมีตัวแสดงที่เป็นคนแค่คนเดียวประมาณ70%ของเรื่อง 8)

[tok]

เอาบทวิจารณ์จากมติชน มาให้อ่าน

อันเนื่องมาจาก I Am Legend





โดยผิวเผิน ""I Am Legend"" อาจเป็นหนังที่ดึงดูดความสนใจผู้ชมด้วยเทคนิคพิเศษด้านภาพ และองค์ประกอบแวดล้อมที่ชวนให้รู้สึกว่า มันน่าจะเป็นหนังแอ๊คชั่นสุดมันส์ มีเหล่าซอมบี้ออกมาให้พระเอกโคตรเก่งฆ่าทิ้งแบบสิบรุมหนึ่ง หรืออะไรก็ตามที่หนุ่มๆ (สาวๆ ด้วยก็ได้) บ้าพลังชื่นชอบกัน

ทว่าโดยลึกซึ้ง หนังคงไม่ได้มุ่งจะพาผู้ชมไปเพลิดเพลินกับเปลือกนอกเหล่านั้นสักเท่าไร่ หากคล้ายจะหมายจูงเราดิ่งลึกเข้าไปสำรวจภายในแห่งความเป็นมนุษย์เสียมากกว่า

หนังเล่าถึง โรเบิร์ต เนวิลล์ "(วิล สมิธ)" หนึ่งในผู้รอดชีวิตเพียงน้อยนิด ท่ามกลางเหยื่ออื่นๆ ที่เจอโรคระบาดจนกลายพันธุ์เป็นอมนุษย์กันไปหมด

แม้จะอยู่ในยุคสมัยใหม่ แต่เนวิลล์กลับต้องดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์เหมือนในอดีต เพราะไม่มีพ่อค้าหน้าไหนหลงเหลือขายเนื้อให้เขาบริโภค ขณะที่อาหารกระป๋องที่มีอยู่ก็แสนจะฝืดลิ้นสิ้นดี

ในตอนนี้ หนังได้พาเราไปรู้จักกับสัญชาตญาณดั้งเดิมของมนุษย์ ที่มีความอิ่มท้องเป็นปรารถนาเบื้องต้น มนุษย์สมัยก่อนก็ไม่ต่างจาก

สัตว์ (ในเรื่องมีสิงโตมาเป็นตัวเปรียบ) พวกเขาล่าเพื่อเป็นอาหาร พอท้องอิ่มก็ค่อยเริ่มล่าเป็นเกมกีฬา พูดง่ายๆ ว่าหายหิวถึงมีแก่ใจนึกสร้างสรรค์อารยะ

อาจดูไม่แตกต่าง เพราะผู้คนในยุคสมัยใหม่ ก็คล้ายจะไม่รู้จักอิ่มรู้จักพอ กล่าวคือแทนที่จะสนใจสร้างสรรค์งานศิลปะ กลับมัววุ่นวายอยู่กับงานเลี้ยงปากท้อง

บ้างก็หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องหาเงิน จนละเลยปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้คนในเมืองใหญ่ทั้งหลายรู้สึกเปลี่ยวเหงาเหลือเกิน เพราะท่ามกลางฝูงชนคลาคล่ำ แต่เรากลับสื่อสารกับใครไม่ได้เลย



ในนิวยอร์ก ซิตี้ที่เนวิลล์อาศัยอยู่ เท่าที่เจ้าตัวรู้ มีเขาผู้เดียวเป็นมนุษย์ที่รอดชีวิต สภาพความเป็นอยู่ของเขาที่เราเห็นจึงเดียวดายยิ่งนัก

ความจริง ในเมืองนั้นยังมีมนุษย์กลายพันธุ์อีกหลายตน แต่พวกเขาเป็นเพื่อนกับเนวิลล์ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตคนละประเภท

เนื่องจาก "แซม" ก็เป็นเพื่อนที่ดีของชายหนุ่มได้ ทั้งๆ ที่มันเป็นสุนัข เหตุผลคืออมนุษย์เหล่านั้นสื่อสารกับเขาไม่ได้ต่างหาก

ไม่เข้าใจกัน จึงเป็นเพื่อนแบ่งปันทุกข์สุขกันไม่ได้ด้วยประการฉะนี้

แล้วเพื่อนสำคัญกับคนเราแค่ไหน? ตอบคำถามว่า ทำไมคนส่วนใหญ่จึงเลือกจะมีชีวิตคู่ได้ ก็น่าจะตอบคำถามนี้ได้เหมือนกัน

ในหนัง วันดีคืนดีก็มี "เพื่อน" โผล่เข้ามาในชีวิตเนวิลล์ สำหรับผู้ชม เพื่อนผู้มาใหม่อาจดูเป็นภาระเหลือหลาย เพราะลำพังคุ้มกันตัวเองให้ปลอดภัยจากเหล่าอมนุษย์ก็ลำบากแทบแย่ เนวิลล์ยังต้องมาปกป้องเพื่อนใหม่นี้อีก

แล้วถ้าเลือกได้ เนวิลล์จะอยู่คนเดียวแบบเหงาๆ หรือยอมเหนื่อยมากขึ้นเพื่อให้ได้มีคนอยู่ข้างกาย?

"ถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ยังอยากจะมีพวกเขาอยู่มั้ย? ผมก็คงอยากมีเหมือนเดิมครับ" นักแสดงคนหนึ่งตอบไว้ในฐานะสามีและพ่อ "ความรัก" จึงเป็นแสงสว่างที่เขาผู้นั้นและใครหลายคนเลือก แต่ไม่ใช่แค่ความรัก หาก "ความจริง" ก็สามารถเรียกว่าเป็นแสงสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ได้เช่นกัน

มนุษย์น่าจะจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่กลัวความมืด เราล็อคบ้านแน่นหนาและไม่พิสมัยการออกไปไหนยามค่ำคืน (เว้นแต่นักท่องราตรี มนุษย์ผู้รักความเสี่ยง) นั่นก็เพราะเราเชื่อว่า ความมืดเอื้อต่อการก่ออาชญากรรมเสียเหลือเกิน เมื่อไม่อยากประสบพบเห็น เราจึงไม่คิดพาตัวเองออกไปดู "ความจริง" ข้างนอกนั้น

แต่ถ้าเลี่ยงแล้วยังหลบไม่พ้น แทนที่จะขอบคุณสำหรับการส่องไฟให้เห็น-ประสบความจริงอันโหดร้ายแห่งชีวิต (ที่แม้จะทำร้าย แต่ก็ให้บทเรียนแก่เราได้เหมือนกัน) มนุษย์กลับเฝ้าโทษผู้สร้าง-ผู้ให้ไฟเสียนี่ (ไม่อยากรับรู้ ให้ฉันดูทำไม)

จากความชั่วร้ายอันเป็นสามัญ มนุษย์รู้วิธีที่จะป้องกันตัวเอง เช่น กลัวขโมยก็ปิดประตูให้แน่น เป็นโรคเล็กน้อยก็หาหยูกยากิน แต่เมื่อประสบเหตุอันไม่ปกติ เช่น โรคระบาด ภัยธรรมชาติ เรากลับพบว่ายากเหลือเกินที่จะรับมือ จนบางครั้ง ก็พาลไปโทษผู้มีอำนาจเหนือ หรือที่เรียกกันว่า "พระเจ้า" ว่าสร้างหรือทำให้เราประจักษ์ความโหดร้ายนี้ทำไม

ทั้งๆ ที่ถ้าสาวไปยังต้นเหตุก็จะพบว่า ความชั่วร้ายอันยิ่งใหญ่ ล้วนก่อรูปมาจากความชั่วร้าย (เล็กๆ?) ที่มนุษย์ก่อขึ้นมาเองนั่นแหละ ไม่ว่าจะโดยรู้เท่าถึงการณ์หรือไม่ก็ตาม

ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องการทิ้งขยะไม่เป็นที่ ทิ้งคนละชิ้น 80 ล้านคน ก็กองท่วมกันได้เท่าตึกไม่รู้กี่ชั้น ทั้งไม่เจริญหูเจริญตาแล้วยังเป็นแหล่งก่อเชื้อโรค เผาขยะครอบครัวละกอง เผากันทุกบ้านโลกก็ร้อนขึ้นอีกไม่รู้เท่าไหร่ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้และอื่นๆ อาจสื่อได้คร่าวๆ ถึงสันดานความเห็นแก่ตัว มักง่าย ไม่รับผิดชอบต่อผู้อื่นและส่วนรวมของมนุษย์นั่นเอง

"พระองค์ไม่ได้ทำ พวกเรานี่แหละเป็นต้นเหตุ"" เนวิลล์รำพึงถึงสาเหตุที่ทำให้มนุษยชาติต้องกลายพันธุ์

การเลือกปฏิบัติหรือเหยียดเชื้อชาติน่าจะเป็นอีกบ่อเกิดความชั่วร้ายอันมหากาฬ สงครามครั้งใหญ่ๆ ในโลกก็อุบัติขึ้นเพราะเหตุนี้

ใน "I Am Legend" อมนุษย์มุ่งทำร้ายมนุษย์ ดูเผินๆ เหมือนพวกเขาทำเพราะกระหายเลือดมาเป็นอาหาร แต่ลึกๆ นั่นอาจเป็นตอบสนองต่อการถูกกดขี่ ประชาชนตาดำๆ หลายคนในนิวยอร์ก ซิตี้ อพยพออกจากเมืองเพื่อหนีเชื้อร้ายไม่ได้ แต่เนวิลล์ซึ่งมีตำแหน่งทางทหาร กลับพาลูกเมียออกมาได้โดยได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างดี ทั้งๆ ที่อีกทอดหนึ่ง คนผิวสีอย่างเขาก็ยังถูกกดขี่จากคนผิวขาวด้วยเหมือนกัน

มนุษย์จะหลุดพ้นจากความมืดบอดเหล่านี้ได้อย่างไร? คำตอบมีอยู่ในหนังด้วย

"ผีเสื้อ" คือสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่ตลอดทั้งเรื่อง รวมถึงในช่วงการตัดสินใจครั้งสำคัญของตัวละคร ซึ่งผีเสื้อในหนังอาจหมายความถึงการหลุดพ้น ความเสียสละ อันจะนำไปสู่อิสรภาพของปัจเจกและมวลมนุษยชาติในที่สุด (หรือใครจะมองว่าหมายถึง "Butterfly Effect" - การเปลี่ยนแปลงอันน้อยนิดอย่างผีเสื้อขยับปีกก็ก่อพายุใหญ่ได้ การกระทำของคนเล็กๆ ก็ส่งผลต่อโลกได้เช่นกัน - ก็คงไม่ผิดอะไร)

ความจริง ประเด็น "เริ่ดๆ" เหล่านี้ได้รับการนำเสนอมานักต่อนักแล้วในหนังหลายๆ เรื่อง แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะเล่าได้สนุก ชนิดที่ทั้งซาบซึ้ง ตื่นเต้น หวาดหวั่น กดดัน และเปลี่ยวเหงาไปพร้อมๆ กัน

"อย่างที่หนังเรื่องนี้ทำได้"

http://www.matichon.co.th/matichon/mati ... ionid=0105

คนวิจารณ์เก็บรายละเอียดของหนังได้เยอะจริงๆ

[terati20]

หมอ K  เก็บรายละเอียดได้ดีมากๆ

ผมดูไปหลับ ตาไป เบื่อพวกซอมบี้ หน้าตาเหมือน วัลเดอ มอ ใน  harry porter  

ยังสงสัยว่า ทำไมกวาง กับ สิงห์โต มันอยู่รอดได้ ไม่โดน ซอมบี้กิน เป็นผมจะเอากวางกับสิงโต มาตรวจหา วัคซีน
8)

กลับบ้านมีหลอนๆ ตอนหมาที่บ้านวิ่งเข้ามา นึกถึงหมาพระเอกที่กลายเป็น ซอมบี้เลยไม่ กล้ากอดมันเลย
 

[Accidental Hero]

ดูมาแล้วครับ
คิดว่า การดำเนินเรื่องทำได้ดี ชวนติดตาม
ตอนแรกก็สงสัยว่า กลางคืนจะมีตัวอะไรออกมา กว่าจะเผยตัว dark seeker ก็เกือบกลางๆเรื่อง
แต่หลายๆตอนก็ทำแบบไม่ค่อยมีเหตุผลมากนัก เช่น
3 ปี ผ่านไป
น้ำประปายังไหลแรง จะพออธิบายได้ว่า เพราะใช้คนเดียว แต่มีน้ำเก็บไว้ในถังพักมากพอ
ไฟฟ้าสว่างไสว ไม่แน่ใจว่า กระแสไฟฟ้า สามารถเก็บพักไว้นานๆ ถึง 3 ปี โดยไม่มีการบำรุงรักษาได้หรือไม่
ทำไม ตอนที่หมาพระเอก โดนกัด ตอนนั้น คนติดเชื้อที่เป็นหัวหน้า ซึ่งจูงหมาออกมา กลับไม่มาลุยพระเอกเอง

ที่ชอบ คือ ชื่อเรื่อง I am Legend  ต้องดูมาถึงตอนจบ จึงจะเข้าใจว่าทำไม ผมว่าเขาตั้งชื่อได้ดีมาก เป็นประเด็นสำคัญของเรื่องทีเดียว

ส่วนปรัชญาต่างๆ เก็บไม่ได้เลยครับ ดูเอามันส์อย่างเดียว
ที่ get มาเรื่องหนึ่ง คือ Shrek กับ เรื่องนี้ น่าจะมาจากค่าย DreamWork เหมือนกัน เลยเอามาล้อกันเล่น

[hatori]

ผมเห็นด้วยกับท่าน Accidental Hero ครับ แต่เสริมว่าพวกซอมบี้ทำไมไม่ตายทั้งที่ไม่ค่อยจะมีอะไรกิน แถมรวดเร็วว่องไวมาก ซึ่งต้องใช้พลังงานมหาศาล น่าจะเหี่ยวตายในเดือนแรกแล้ว

[crazyrisk]

ผมเห็นด้วยกับท่าน Accidental Hero ครับ แต่เสริมว่าพวกซอมบี้ทำไมไม่ตายทั้งที่ไม่ค่อยจะมีอะไรกิน แถมรวดเร็วว่องไวมาก ซึ่งต้องใช้พลังงานมหาศาล น่าจะเหี่ยวตายในเดือนแรกแล้ว

ผมว่า เพราะเขาใช้ gasohol
:lol:

[ปุย]

เพิ่งได้ดู แบบ soundtrack ไม่มีบรรยายไทย
เลยจับใจความ ไม่ได้มาก

แต่ดูแล้วรู้สึก เหมือนท่าน accidental hero เกี่ยวกับ ความสมเหตุ สมผล
ของความเป็นจริง  ผมว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย

มีไฟฟ้าใช้ ก็งงแล้ว
ยิ่งดึกๆ พวกซอมบี้ มาโหยหวน ไล่กินแมลงสาบ กันเต็มถนน
ระบบจ่ายไฟ ไม่เหลือแน่ๆ
ระบบส่งจ่ายน้ำ ไม่มีทางสะอาด

ดูแล้ว อึดอัด เหมือน cast away ภาคในเมือง ซึ่งมันไม่ใช่อ่ะ  
คนมีความเครียดสูง ก้าวร้าว ขนาดไปทะเลาะกับหุ่นได้
นี่ ไม่มานั่งวิจัย หาวัคซีนหรอก ฆ่าตัวตาย ตั้งแต่ 3 เดือนแรกแล้ว

ยิ่งผู้หญิงสาว โผล่มาช่วย นี่อย่างงง  มาได้ไง มาจากไหน อยู่ได้ไง มีเด็กด้วยอีก  เหวอ จริงๆ

บ้านพระเอก ต้องรอผู้หญิงมาก่อน ต้องรอค้นพบวัคซีนก่อน
ซอมบี้ ถึงมาบุก

ผมว่าเทียบ Matrix ไม่ได้เลยอ่ะ

[ปุย]

มีอีก

ตอนจบ ที่มีค่ายคนไม่ติดเชื้อ ทำไมรับคลื่น AM เสียงพระเอกไม่ได้
(ในขณะที่ผู้หญิงรับได้)
แล้วกลางวันที่ซอมบี้ ออกมาไม่ได้ พวกนี้ทำอะไรกันอยู่ ไม่ออกมาข้างนอกกัน

พวกซอมบี้ที่แพ้แค่แสงอาทิตย์แค่นี้ ปราบอย่างง่ายเลย


นัยยะ หนังก็พยายามจะสอดใส่มาแหละ
ทั้ง เรื่อง Bob Marley  ทั้งพระเอกไม่เชื่อใน God (เลยต้องตาย)
ทั้ง Super(bat)man ที่ไม่เข้าใจเหมือนกัน  ทั้งสิงโต
ตีกอล์ฟ ตกปลา คุยกับหุ่น

แต่แก่นมันกลวง พอกระเทาะเปลือกแล้ว เลยไม่เจออะไร

[ดาวหางสีแดง]

[quote="crazyrisk"]

แต่ยังมีสัญญะอีกหลายๆอันที่สอดเข้ามาเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นการที่พระเอกพากษ์บทตาม หนังเรื่อง shrek
ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่า

แค่เป็นการบอกเชียร์ หนังของ walt disney หรือป่าว
หรือ แค่เป็นการบอกว่า

[crazyrisk]

จริงๆแล้ว ก่อน วิลสมิธ จะมาเป็นนักแสดงมือเก๋าแบบนี้

เป็น rapper มาก่อนนะคับ