ภาพใหญ่
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ภาพใหญ่
โพสต์ที่ 31
Critical Factors คือ ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบกับบริษัท เช่นดอกเบี้ยลด บริษัทจะได้ผลดี ในทางกลับกัน ก็ไม่ได้ ฉนั้น ดอกเบี้ยเป็น Critical Factors อย่างหนึ่งของบริษัทนี้
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
ภาพใหญ่
โพสต์ที่ 32
Mon money เขียน:Critical Factors คือ ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบกับบริษัท เช่นดอกเบี้ยลด บริษัทจะได้ผลดี ในทางกลับกัน ก็ไม่ได้ ฉนั้น ดอกเบี้ยเป็น Critical Factors อย่างหนึ่งของบริษัทนี้
ขอบคุณ พี่ อจ มนตรี มากครับ
เออ R.Covey กล่าวไว้ว่า
DO THE FIRST THING FIRST หรือ ทําสิ่งสําคัญก่อน ใน 7 Habits
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านมาตั้งนาน
โพสต์ที่ 33
ไม่ได้มาป่วนนะครับ
แต่ขอถามหน่อยครับ
มีหุ้นตัวไหนในตลาดหรือครับ ที่ไม่อยู่ในวัฎจักรครับ :?: :?: :?:
แต่ท่านมองออกไหมว่าหุ้นนี้อยู่ในวัฎจักรไหน :?: :?: :?:
แต่ขอถามหน่อยครับ
มีหุ้นตัวไหนในตลาดหรือครับ ที่ไม่อยู่ในวัฎจักรครับ :?: :?: :?:
แต่ท่านมองออกไหมว่าหุ้นนี้อยู่ในวัฎจักรไหน :?: :?: :?:
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 421
- ผู้ติดตาม: 0
ภาพใหญ่
โพสต์ที่ 34
เห็นด้วยครับผมกับการมองภาพใหญ่ให้ออก แต่มีความเห็นต่างนิดนึงตรงที่ว่า ภาพที่ผมคิดมันไม่ใช่ภาพจิ๊กซอว์สองมิติ ที่เพียงแค่เอาจิ๊กซอว์แต่ละอันมาวางต่อๆกันเพื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่เป็นภาพสามมิติ ที่มีมิติของเรื่องเวลามาเป็นตัวแปรสำคัญ
ทำให้ภาพใหญ่ที่เห็นเบื้องต้นเป็นเหมือนแค่ได้เห็นหนังลึกลับน่าติดตามที่มีตัวแสดงมาให้เราดูทีละตัวๆ ให้เราได้รู้ว่าบุคลิกนิสัยของตัวแสดงแต่ละอันเป็นยังไงก่อนในเบื้องต้น แต่พอหนังดำเนินไปเรื่อย บางที เราก็เดาไม่ถูกเลยว่าในท้ายที่สุด ใครจะเป็นยังไงต่อไป บางทีคนที่นิ่งๆเงียบๆ กับกลายมาเป็นฆาตกรไปซะนั่น หรือคนที่นึกว่าจะเป็นฆาตกรในทีแรกกับกลายมาเป็นฮีโร่
ก็เลยยังคิดว่าการคาดการณ์อนาคตในการดูการลื่นไหลของตัวแปรต่างๆแบบ Dynamic ยังน่าจะสำคัญ เพียงแต่ว่าผมก็ยังขาดความรู้ในส่วนนี้อยู่ดีอะครับ
ทำให้ภาพใหญ่ที่เห็นเบื้องต้นเป็นเหมือนแค่ได้เห็นหนังลึกลับน่าติดตามที่มีตัวแสดงมาให้เราดูทีละตัวๆ ให้เราได้รู้ว่าบุคลิกนิสัยของตัวแสดงแต่ละอันเป็นยังไงก่อนในเบื้องต้น แต่พอหนังดำเนินไปเรื่อย บางที เราก็เดาไม่ถูกเลยว่าในท้ายที่สุด ใครจะเป็นยังไงต่อไป บางทีคนที่นิ่งๆเงียบๆ กับกลายมาเป็นฆาตกรไปซะนั่น หรือคนที่นึกว่าจะเป็นฆาตกรในทีแรกกับกลายมาเป็นฮีโร่
ก็เลยยังคิดว่าการคาดการณ์อนาคตในการดูการลื่นไหลของตัวแปรต่างๆแบบ Dynamic ยังน่าจะสำคัญ เพียงแต่ว่าผมก็ยังขาดความรู้ในส่วนนี้อยู่ดีอะครับ
รู้สึกดีๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 361
- ผู้ติดตาม: 0
ภาพใหญ่
โพสต์ที่ 35
ผมว่า VI แม้จะเลือกหุ้นดี แต่ยังไงก็อย่าลืมหุ้นถูกด้วยนะครับ
หุ้นบางตัวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหุ้นดี แต่ว่าไม่น่าซื้อเพราะราคามักแพง หุ้นพวกนี้อาจจะซื้อได้ปีละครั้งสองครั้ง เพราะว่าจะมีวิกฤตปีละครั้งสองครั้งเสมอให้เราเก็บหุ้นดีราคาถูกได้(จากประสบการณ์)
ส่วนหุ้นที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าดีหรือไม่มักจะราคาไม่แพง แต่ตรงนี้จะมีความเสี่ยงมาก เพราะผู้วิเคราะห์อาจลืมหรือไม่รู้ปัจจัยผันแปรภายใน
เพราะฉะนั้นเราจึงตกอยู่ในความเสี่ยงเสมอ และจำเป็นต้องหาที่พึงทางใจให้เรารู้สึกว่าหุ้นตัวที่เราถือเป็นหุ้นคุณค่าที่แท้จริงมีกำลังใจที่จะถือได้นาน
สิ่งยึดเหนี่ยวที่ยึดถือได้มากที่สุดคือบัญชีครับ VIท่านใดขยันวิเคราะห์บัญชีจะเป็น VI ที่แกร่งที่สุดในตลาดหุ้นครับ แต่กระนั้นยังไม่พอนอกจากความขยันแล้วยังต้องมีใจที่เเกร่งครับ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่จำเป็นต้องมีหุ้นอยู่เต็มพอร์ทตลอดเวลา รู้จักเวลาในการเข้าและเวลาในการออก (อาจจะเป็นสัญชาติญาณในการรับรู้ผลประกอบการณ์ที่เปลี่ยนไป แล้ววิเคราะห์ได้ว่าจะซื้อเพิ่มหรือจะขายดี) ตรงนี้ก็ต้องขยันดูบัญชีตอนประกาศงบอีกครับ
พูดง่ายแต่ทำยากจัง อิอิ
หุ้นบางตัวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหุ้นดี แต่ว่าไม่น่าซื้อเพราะราคามักแพง หุ้นพวกนี้อาจจะซื้อได้ปีละครั้งสองครั้ง เพราะว่าจะมีวิกฤตปีละครั้งสองครั้งเสมอให้เราเก็บหุ้นดีราคาถูกได้(จากประสบการณ์)
ส่วนหุ้นที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าดีหรือไม่มักจะราคาไม่แพง แต่ตรงนี้จะมีความเสี่ยงมาก เพราะผู้วิเคราะห์อาจลืมหรือไม่รู้ปัจจัยผันแปรภายใน
เพราะฉะนั้นเราจึงตกอยู่ในความเสี่ยงเสมอ และจำเป็นต้องหาที่พึงทางใจให้เรารู้สึกว่าหุ้นตัวที่เราถือเป็นหุ้นคุณค่าที่แท้จริงมีกำลังใจที่จะถือได้นาน
สิ่งยึดเหนี่ยวที่ยึดถือได้มากที่สุดคือบัญชีครับ VIท่านใดขยันวิเคราะห์บัญชีจะเป็น VI ที่แกร่งที่สุดในตลาดหุ้นครับ แต่กระนั้นยังไม่พอนอกจากความขยันแล้วยังต้องมีใจที่เเกร่งครับ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่จำเป็นต้องมีหุ้นอยู่เต็มพอร์ทตลอดเวลา รู้จักเวลาในการเข้าและเวลาในการออก (อาจจะเป็นสัญชาติญาณในการรับรู้ผลประกอบการณ์ที่เปลี่ยนไป แล้ววิเคราะห์ได้ว่าจะซื้อเพิ่มหรือจะขายดี) ตรงนี้ก็ต้องขยันดูบัญชีตอนประกาศงบอีกครับ
พูดง่ายแต่ทำยากจัง อิอิ
- Doramon007
- Verified User
- โพสต์: 110
- ผู้ติดตาม: 0
ภาพใหญ่
โพสต์ที่ 36
ขอขอบคุณพี่หมอสามัญชนมากครับ กับความรู้ที่ให้พวกเราทุกคนครับ
เมื่อมีสติ ก็จะเกิดปัญญา
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ภาพใหญ่
โพสต์ที่ 37
หลักการลงทุนที่ถูกต้องนั้น มีการคิดการเขียนมาจนแทบจะพูดได้ว่าไม่ค่อยมีอะไรใหม่แล้ว แต่การให้น้ำหนักและความสำคัญของแต่ละประเด็นจะเป็นสิ่งที่แยกว่าใครเป็นเซียนและใครเป็นนักลงทุนธรรมดา ๆ
เอามาจาก
http://www.thaivi.com/article/value-inv ... olton.html
เอามาจาก
http://www.thaivi.com/article/value-inv ... olton.html
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด