คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
-
- Verified User
- โพสต์: 1667
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 1
รู้มาจาก คุณหมอคนหนึ่ง ว่ามีพวกจบวิศวะแล้วเรียบร้อย เบนเข็มมาต่อหมอ ด้วย
โดยต้องเรียน เพิ่มอีก 5 ปี ถึงจะจบแพทย์ ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทยศาสตร์ หลายแห่งดำเนินโครงการนี้อยู่
หากเป็นแบบนี้ แสดงว่า ระบบแนะแนวการศึกษา
ไม่ได้ช่วยให้นักเรียน ม ปลาย รู้ถึง ความชอบของตัวเอง ได้ดีเท่าที่ควร เลยใช่ไหมครับ
สุดท้าย เด็กก็เสียเวลาเรียนในเรื่องที่ไม่ชอบ
และ ทำให้ประเทศชาติต้องสูญเงินอุดหนุนการศึกษาสร้างอาชีพนั้นๆ ขึ้นมาแล้ว สุดท้าย เด็กคนนั้น ก็ไม่ได้ทำงานในอาชีพนั้น
ตลอดจน ทำให้ คนที่อยากเรียนในอาชีพนั้นๆ จริงๆ บางคนต้องเสียโอกาสไป
วิทยาศาสตร์ เภสัช รังสีเทคนิค ก็น่าเสียดายอยู่แล้ว แต่มันก็ยังมีวิชาชีวะ เกี่ยวเนื่องกันอยู่ อีกทั้ง อาจเป็นเพราะ เขาอาจอยากเป็นแพทย์ แต่สอบไม่ติด ตามที่หวัง จึงมาทวงความฝันคืน
แต่พวกที่จบ วิศวะแล้ว นี่นะสิครับ เบนเข็มไปไกลจริงๆ
โดยต้องเรียน เพิ่มอีก 5 ปี ถึงจะจบแพทย์ ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทยศาสตร์ หลายแห่งดำเนินโครงการนี้อยู่
หากเป็นแบบนี้ แสดงว่า ระบบแนะแนวการศึกษา
ไม่ได้ช่วยให้นักเรียน ม ปลาย รู้ถึง ความชอบของตัวเอง ได้ดีเท่าที่ควร เลยใช่ไหมครับ
สุดท้าย เด็กก็เสียเวลาเรียนในเรื่องที่ไม่ชอบ
และ ทำให้ประเทศชาติต้องสูญเงินอุดหนุนการศึกษาสร้างอาชีพนั้นๆ ขึ้นมาแล้ว สุดท้าย เด็กคนนั้น ก็ไม่ได้ทำงานในอาชีพนั้น
ตลอดจน ทำให้ คนที่อยากเรียนในอาชีพนั้นๆ จริงๆ บางคนต้องเสียโอกาสไป
วิทยาศาสตร์ เภสัช รังสีเทคนิค ก็น่าเสียดายอยู่แล้ว แต่มันก็ยังมีวิชาชีวะ เกี่ยวเนื่องกันอยู่ อีกทั้ง อาจเป็นเพราะ เขาอาจอยากเป็นแพทย์ แต่สอบไม่ติด ตามที่หวัง จึงมาทวงความฝันคืน
แต่พวกที่จบ วิศวะแล้ว นี่นะสิครับ เบนเข็มไปไกลจริงๆ
คงไม่มีใคร หาเงินมากมาย ไว้ยัดใส่โลงศพตัวเอง
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 3
ผมว่า ปัจจัยตัวบุคคลก็สำคัญนะครับ
บางคน ยังไม่รู้ใจตัวเอง ว่าชอบอะไร
มีตั้งหลายคนที่เรียนมาอีกอย่าง ทำงานอีกอย่าง
เพราะ "ความชอบ"มันมีให้กับหลายๆอย่างได้
แต่แฟนมีได้คนเดียว :lol:
สรปว่า ผมว่าระบบแนะแนวของบ้านเราก็ ok นะครับ แต่มันขึ้นกับความคิด ความเข้าใจของผู้รับการให้คำปรึกษาด้วยครับ
แต่อาจไม่ดีเท่าบางประเทศ เช่นญี่ปุ่น แต่มีหลายสิ่งที่ประเทศเราก็ดีกว่านะครับ
มีดี ก็ต้องมีไม่ดีบ้างครับ :D
บางคน ยังไม่รู้ใจตัวเอง ว่าชอบอะไร
มีตั้งหลายคนที่เรียนมาอีกอย่าง ทำงานอีกอย่าง
เพราะ "ความชอบ"มันมีให้กับหลายๆอย่างได้
แต่แฟนมีได้คนเดียว :lol:
สรปว่า ผมว่าระบบแนะแนวของบ้านเราก็ ok นะครับ แต่มันขึ้นกับความคิด ความเข้าใจของผู้รับการให้คำปรึกษาด้วยครับ
แต่อาจไม่ดีเท่าบางประเทศ เช่นญี่ปุ่น แต่มีหลายสิ่งที่ประเทศเราก็ดีกว่านะครับ
มีดี ก็ต้องมีไม่ดีบ้างครับ :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 4
ผมว่ามันขึ้นกับเด็กด้วยครับ แต่การที่จะเบนเข็มมาเรียนหมออีกรอบนี่ มันเรื่องใหญ่ของชีวิตเหมือนกันนะครับ เพราะเรียนอีก 5 ปี ใช้ทุนอีกสามปี มาเรียนต่อเฉพาะทางอีก 3-6 ปี แล้วไปใช้ทุนต่ออีก 6-12 ปี แก่พอดี
ผมเองตั้งแต่เด็กก็แล้วแต่ทางบ้านครับ จะให้เรียนอะไรก็เรียน จะให้สอบอะไรก็สอบ ส่วนงาน จะให้ทำอะไรก็ได้ ไม่มีปัญหา ไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบอาชีพไหนมากเป็นพิเศษ
ผมเองตั้งแต่เด็กก็แล้วแต่ทางบ้านครับ จะให้เรียนอะไรก็เรียน จะให้สอบอะไรก็สอบ ส่วนงาน จะให้ทำอะไรก็ได้ ไม่มีปัญหา ไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบอาชีพไหนมากเป็นพิเศษ
จงทนอด และอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 6
สถิติการหย่าร้างในเมืองไทยก็ไม่น้อยนะครับ
ตอนจะแต่งก็ชอบคนนี้แน่นอน ชอบหน้าตา ชอบนิสัย จะอยู่กับคนนี้ไปจนกว่าตะวันจะดับ พระจันทร์จะมอดไหม้ ดวงดาวจะสูญสลาย
แต่อยู่ได้ไม่ถึงปีก็หย่าซะแล้ว คำพูดก่อนแต่งลืมไปหมดแล้ว
บางคนมีลูกสองคนถึงค่อยหย่า เด็กๆเลยพลอยรับปัญหาไปด้วย
อย่างนี้ฝ่ายวางแผนครอบครัวของสาสุขก็ล้มเหลวไปด้วย
ฝ่ายวางแผนครอบครัวอาจจะบอกว่า ฉันมีหน้าที่แค่แนะนำว่าครอบครัวควรจะมีลูกกี่คนเท่านั้นนี่นา
บางทีฝ่ายแนะแนวทำหน้าที่ดีแล้วฝ่ายวางแผนครอบครัวทำงานดีแล้ว แต่นักเรียนหาตัวเองไม่เจอ หรือเปลี่ยนใจทีหลังก็มีไม่น้อย
บางทีฝ่ายแนะแนวทำงานไม่ดีก็มีเยอะ ครูแนะแนวหลายๆคนยังขอเปลี่ยนตัวเองไปสอนภาษาไทยแทนหลังจากรู้จักตัวเองมากขึ้น และเป็นหลังจากแนะแนวคนอื่นมาแล้วสิบๆปี แต่ลืมแนะแนวตัวเองก็มี
นักเรียนเองบางทีก็จบวิดวะทำงานเป็นวิดวะสิบปีก็ลาออกมาเล่นหุ้นก็มี
เพื่อนๆหลายคนก็จบหมอแล้วก็ลาออกมาเล่นหุ้นก็มี (แฮ่ ๆ พาดพิงท่านประธานด้วย )
บางคนจบกฏหมายทำมาเป็นสิบๆปีก็ลาออกมาเล่นหุ้นก็มี
บางคนเล่นหุ้นมาเป็นสิบๆปี แล้วขอกลับไปเป็นหมอคืนก็มี เพราะเล่นหุ้นแล้วเจ๊งหรืออาจจะเบื่อหน่ายก็มี
คงเป็นเพราะใดๆล้วนอนิจจัง ค้นหาทางที่ตนเองชอบและถนัดและสบายขึ้นและดีขึ้น และก็คงเป็นไปเรื่อยๆตลอดชีวิต
กรณีประเด็นที่ จขกท.ยกมานี้นี้คิดในแง่ดีก็คือ เราได้หมอคนใหม่ที่มีความรู้ทางด้านวิศวะเสริมเข้ามา หรือได้นักลงทุนที่เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย หรือได้นักกฏหมายที่มีความรู้เรื่องการลงทุน เหล่านี้ก็จะมีประโชน์มากขึ้นไม่น้อย
ทหารบางคนยังเบนเข็มไปเป็นผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจเลยครับไม่รู้ว่าเกี่ยวกันยังไงเหมือนกัน
ตอนจะแต่งก็ชอบคนนี้แน่นอน ชอบหน้าตา ชอบนิสัย จะอยู่กับคนนี้ไปจนกว่าตะวันจะดับ พระจันทร์จะมอดไหม้ ดวงดาวจะสูญสลาย
แต่อยู่ได้ไม่ถึงปีก็หย่าซะแล้ว คำพูดก่อนแต่งลืมไปหมดแล้ว
บางคนมีลูกสองคนถึงค่อยหย่า เด็กๆเลยพลอยรับปัญหาไปด้วย
อย่างนี้ฝ่ายวางแผนครอบครัวของสาสุขก็ล้มเหลวไปด้วย
ฝ่ายวางแผนครอบครัวอาจจะบอกว่า ฉันมีหน้าที่แค่แนะนำว่าครอบครัวควรจะมีลูกกี่คนเท่านั้นนี่นา
บางทีฝ่ายแนะแนวทำหน้าที่ดีแล้วฝ่ายวางแผนครอบครัวทำงานดีแล้ว แต่นักเรียนหาตัวเองไม่เจอ หรือเปลี่ยนใจทีหลังก็มีไม่น้อย
บางทีฝ่ายแนะแนวทำงานไม่ดีก็มีเยอะ ครูแนะแนวหลายๆคนยังขอเปลี่ยนตัวเองไปสอนภาษาไทยแทนหลังจากรู้จักตัวเองมากขึ้น และเป็นหลังจากแนะแนวคนอื่นมาแล้วสิบๆปี แต่ลืมแนะแนวตัวเองก็มี
นักเรียนเองบางทีก็จบวิดวะทำงานเป็นวิดวะสิบปีก็ลาออกมาเล่นหุ้นก็มี
เพื่อนๆหลายคนก็จบหมอแล้วก็ลาออกมาเล่นหุ้นก็มี (แฮ่ ๆ พาดพิงท่านประธานด้วย )
บางคนจบกฏหมายทำมาเป็นสิบๆปีก็ลาออกมาเล่นหุ้นก็มี
บางคนเล่นหุ้นมาเป็นสิบๆปี แล้วขอกลับไปเป็นหมอคืนก็มี เพราะเล่นหุ้นแล้วเจ๊งหรืออาจจะเบื่อหน่ายก็มี
คงเป็นเพราะใดๆล้วนอนิจจัง ค้นหาทางที่ตนเองชอบและถนัดและสบายขึ้นและดีขึ้น และก็คงเป็นไปเรื่อยๆตลอดชีวิต
กรณีประเด็นที่ จขกท.ยกมานี้นี้คิดในแง่ดีก็คือ เราได้หมอคนใหม่ที่มีความรู้ทางด้านวิศวะเสริมเข้ามา หรือได้นักลงทุนที่เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย หรือได้นักกฏหมายที่มีความรู้เรื่องการลงทุน เหล่านี้ก็จะมีประโชน์มากขึ้นไม่น้อย
ทหารบางคนยังเบนเข็มไปเป็นผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจเลยครับไม่รู้ว่าเกี่ยวกันยังไงเหมือนกัน
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 7
Welcome to Thailandแผ่วเบา เขียน:
ทหารบางคนยังเบนเข็มไปเป็นผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจเลยครับไม่รู้ว่าเกี่ยวกันยังไงเหมือนกัน
การจะเป็นผู้บริหารองค์กรในบ้านเรา ไม่เน้นความรู้ครับ เน้นว่าใครใหญ่

จงทนอด และอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 8
ย้อนกลับเข้าประเด็นการแนะแนวการศึกษาของเมืองไทยดีกว่า
ผมว่าเป็นอะไรที่ล้มเหลวมากๆ
ประเทศไทย ต้องการจะเป็นผู้นำ ด้านไหนก็ยังไม่ชัดเจน แต่แน่หลักจะต้องเป็นอุตสาหกรรม พวกวิศร วิศยา หรือเกษตร แน่ๆ แต่ทำไมคนที่จบมาทางศาสตร์ส่วนนี้มีน้อยกว่า พวกทางสังคมศาสตร์มากหลายเท่า
เรื่องนี้มันมาจากระบบราชการครับ ตอบได้เลยครับ
โดยเฉพาะราชการครูและผลตอบแทนที่ได้รับ
นโยบายที่ชัดเจนของประเทศก็ไม่มี จะไปทางไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ gpd เราก็ยืมจมูก ชาวบ้านหายใจอยู่ตั้งหลายสิบ% ผมว่าไม่ต่ำกว่า 60% ด้วยที่พึ่งการส่งออก ยังไม่รวมเรื่องทั้งที่ค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็น ไม่ควรเกิน 25% ด้วยซ้ำ
ตอนนี้มีแต่โรงงานผลิตๆๆๆ แล้วก็ส่งออก ส่งออก หายใจเจ้าออกเป็นส่งออก พอมีปัญหาเรื่องค่าเงินมาก็ร้องกันระงม รัฐก็ต้องไปช่วยอีก
ยิ่งคนไทย เพราะระบบราชการอีกนั้นแหละ เดี่ยวนี้ บ้า ปริญญากัน
ไปหมดแล้ว ตรี โท เต็มบ้านเต็มเมือง
ให้ทุกคนใฝ่ฝันกันจบ ป.ตรีกันให้หมดทุกคน
ใช่ว่าจะไม่ดี ถ้าจบมาแล้ว ตรงสาขาขาดแคลน ไม่ใช่มีแต่สังคมศาสตร์เต็มบ้านเต็มเมือง
การศึกษาก็ยกระดับ กันเข้าไปให้เป็น ป.ตรี โท เอก จัตวา กันให้หมด ทั้งที่แรงงานที่ขาดแคลน ของประเทศตอนนี้ใครๆ ก็รู้
ต้องการแค่วุฒิ ปวช ปวส ครับ หาไม่ได้
ต้องนำเข้าแรงงานครับ ประเทศไทย
ที่ผมเห็นคนจบ ปตรี ไทย เป็น สาว เป็นหนุ่ม โรงงานเยอะแยะ
แล้วที่เห็นมาล่าสุด เด็กเสริฟ์แล้วพัทยา ครับ
ไม่ใช่คนไทยครับ นำเข้ามาจากฟิลิปินส์แล้วครับ
แล้วทำไมเด็กที่จบตรี โท เหล่านั้น
ที่ผมสัมผัสอยู่ทุกวันนี้ ผมว่า เด็กจบ ปวช. เมื่อก่อนยังเก่งกว่าตั้งเยอะ
ป ตรี ป โท โหลๆ เหมือนเสื้อผ้าประตูน้ำชัดๆ
แล้วก็บ้าเงิน บ้าวัตถุนิยมมาก หลงตัวเอง มั่นใจเกินเหตุ ขึ้นเรื่อยๆ
วันๆเล่นแต่ msn
ทำให้เดี่ยวนี้แทบไม่มีเด็กเก่งๆคนไหน ที่มีความฝันจะเป็นครู หรืออาจารย์กันเลย มีก็น้อยมากส่วนใหญ่ก็อยู่ในระบบมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่สอนก็เพราะต้องชดใช้ทุนเป็นส่วนมาก เวลาราชการจริงๆ งานสอนมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็เอาไปรับงานนอกเกือบหมด
อาจารย์แก่ๆ เก่งๆ เจ๋งๆ ที่เป็นกำลังสำคัญ ในการสร้างคนมา ผมว่าอีกไม่เกิน 5 ปีนี้ก็เกษียณหมดแล้ว แล้วกำลังรุ่นหลังๆก็ตามไม่ทัน
แถมครูระดับอนุบาลและประถม ที่จะต้องเก่งมาก เป็นกำลังสำคัญ แทบไม่มีคนเก่งที่มาช่วยเตรียมเด็กๆอันเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติเลย มีอยู่ก็เฉพาะในเขตเมืองหลวงเท่านั้น
ระดับมัธยม ก็ไม่แต่ต่างๆกัน แล้วใครที่ไหนจะมาแนะแนวทางใดๆได้
เหมือนที่เคยได้ยินกัน ผมได้แต่สงสารประเทศไทย
บ่นแค่นี้ก่อนละกันครับ
ประเทศไทยดีทุกอย่าง มีครบทุกสิ่ง แต่มันดีเกินไป
เขาเลยส่งคนไทยลงมาเกิดด้วย จะได้สมดุล :lol: :lol: :lol:
ปล. แล้วต้องยอมรับอย่างหนึ่งละครับ ผมละคนหนึ่งในนั้นที่อยากเป็นครู แต่ไม่อยากก็เพราะไม่ชอบระบบราชการ และผลตอบแทนที่ได้รับ
ทุกคนในบ้านผม พ่อ แม่ น้องๆ รับราชการกันทุกคน ผมนอกคอกคนเดียว
ผมว่าเป็นอะไรที่ล้มเหลวมากๆ
ประเทศไทย ต้องการจะเป็นผู้นำ ด้านไหนก็ยังไม่ชัดเจน แต่แน่หลักจะต้องเป็นอุตสาหกรรม พวกวิศร วิศยา หรือเกษตร แน่ๆ แต่ทำไมคนที่จบมาทางศาสตร์ส่วนนี้มีน้อยกว่า พวกทางสังคมศาสตร์มากหลายเท่า
เรื่องนี้มันมาจากระบบราชการครับ ตอบได้เลยครับ
โดยเฉพาะราชการครูและผลตอบแทนที่ได้รับ
นโยบายที่ชัดเจนของประเทศก็ไม่มี จะไปทางไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ gpd เราก็ยืมจมูก ชาวบ้านหายใจอยู่ตั้งหลายสิบ% ผมว่าไม่ต่ำกว่า 60% ด้วยที่พึ่งการส่งออก ยังไม่รวมเรื่องทั้งที่ค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็น ไม่ควรเกิน 25% ด้วยซ้ำ
ตอนนี้มีแต่โรงงานผลิตๆๆๆ แล้วก็ส่งออก ส่งออก หายใจเจ้าออกเป็นส่งออก พอมีปัญหาเรื่องค่าเงินมาก็ร้องกันระงม รัฐก็ต้องไปช่วยอีก
ยิ่งคนไทย เพราะระบบราชการอีกนั้นแหละ เดี่ยวนี้ บ้า ปริญญากัน
ไปหมดแล้ว ตรี โท เต็มบ้านเต็มเมือง
ให้ทุกคนใฝ่ฝันกันจบ ป.ตรีกันให้หมดทุกคน
ใช่ว่าจะไม่ดี ถ้าจบมาแล้ว ตรงสาขาขาดแคลน ไม่ใช่มีแต่สังคมศาสตร์เต็มบ้านเต็มเมือง
การศึกษาก็ยกระดับ กันเข้าไปให้เป็น ป.ตรี โท เอก จัตวา กันให้หมด ทั้งที่แรงงานที่ขาดแคลน ของประเทศตอนนี้ใครๆ ก็รู้
ต้องการแค่วุฒิ ปวช ปวส ครับ หาไม่ได้
ต้องนำเข้าแรงงานครับ ประเทศไทย
ที่ผมเห็นคนจบ ปตรี ไทย เป็น สาว เป็นหนุ่ม โรงงานเยอะแยะ
แล้วที่เห็นมาล่าสุด เด็กเสริฟ์แล้วพัทยา ครับ
ไม่ใช่คนไทยครับ นำเข้ามาจากฟิลิปินส์แล้วครับ
แล้วทำไมเด็กที่จบตรี โท เหล่านั้น
ที่ผมสัมผัสอยู่ทุกวันนี้ ผมว่า เด็กจบ ปวช. เมื่อก่อนยังเก่งกว่าตั้งเยอะ
ป ตรี ป โท โหลๆ เหมือนเสื้อผ้าประตูน้ำชัดๆ
แล้วก็บ้าเงิน บ้าวัตถุนิยมมาก หลงตัวเอง มั่นใจเกินเหตุ ขึ้นเรื่อยๆ
วันๆเล่นแต่ msn
ทำให้เดี่ยวนี้แทบไม่มีเด็กเก่งๆคนไหน ที่มีความฝันจะเป็นครู หรืออาจารย์กันเลย มีก็น้อยมากส่วนใหญ่ก็อยู่ในระบบมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่สอนก็เพราะต้องชดใช้ทุนเป็นส่วนมาก เวลาราชการจริงๆ งานสอนมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็เอาไปรับงานนอกเกือบหมด
อาจารย์แก่ๆ เก่งๆ เจ๋งๆ ที่เป็นกำลังสำคัญ ในการสร้างคนมา ผมว่าอีกไม่เกิน 5 ปีนี้ก็เกษียณหมดแล้ว แล้วกำลังรุ่นหลังๆก็ตามไม่ทัน
แถมครูระดับอนุบาลและประถม ที่จะต้องเก่งมาก เป็นกำลังสำคัญ แทบไม่มีคนเก่งที่มาช่วยเตรียมเด็กๆอันเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติเลย มีอยู่ก็เฉพาะในเขตเมืองหลวงเท่านั้น
ระดับมัธยม ก็ไม่แต่ต่างๆกัน แล้วใครที่ไหนจะมาแนะแนวทางใดๆได้
เหมือนที่เคยได้ยินกัน ผมได้แต่สงสารประเทศไทย
บ่นแค่นี้ก่อนละกันครับ
ประเทศไทยดีทุกอย่าง มีครบทุกสิ่ง แต่มันดีเกินไป
เขาเลยส่งคนไทยลงมาเกิดด้วย จะได้สมดุล :lol: :lol: :lol:
ปล. แล้วต้องยอมรับอย่างหนึ่งละครับ ผมละคนหนึ่งในนั้นที่อยากเป็นครู แต่ไม่อยากก็เพราะไม่ชอบระบบราชการ และผลตอบแทนที่ได้รับ
ทุกคนในบ้านผม พ่อ แม่ น้องๆ รับราชการกันทุกคน ผมนอกคอกคนเดียว
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 9
ผมคนนึงละที่อยากเป็นอาจารย์ แค่ไม่มีใครเห็นด้วยว่าผมจะสอนรู้เรื่อง
....
.....เรื่องระบบการศึกษาผมชอบระบบอเมริกันนะ ปีแรกยังไม่แยกคณะ เรียนเหมือนๆกันก่อน จะย้ายคณะก็ย้ายได้ไม่ต้องสอบใหม่ เข้ามาแล้วก็อยู่ในมหาลัยนี่แหละ ส่วนแพทย์ และ ทนายต้องเรียน2รอบ
....
.....เรื่องระบบการศึกษาผมชอบระบบอเมริกันนะ ปีแรกยังไม่แยกคณะ เรียนเหมือนๆกันก่อน จะย้ายคณะก็ย้ายได้ไม่ต้องสอบใหม่ เข้ามาแล้วก็อยู่ในมหาลัยนี่แหละ ส่วนแพทย์ และ ทนายต้องเรียน2รอบ
. . .
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 10
ทำไมไม่ลองสอนดูละครับ
ผมไม่เก่งหรอกนะ แต่ชอบสอนคนเก่งๆ นะครับ
พวกสอนแล้วสอนอีก ไม่ชอบครับ
ผมไม่เก่งหรอกนะ แต่ชอบสอนคนเก่งๆ นะครับ
พวกสอนแล้วสอนอีก ไม่ชอบครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 11
ผมว่า สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ยังไม่ใช่ประเด็นเริ่มต้นครับ
ประเด็นเริ่มต้นอยู่ที่ ระเบียบ วินัย มากกว่าครับ ต่อจากนั้นก็ไปที่ ระเบียบความคิด ต่อจากนั้นจึงไปที่ สาขาการเรียนให้ตรงกับความต้องการ
ตราบใดที่ยังเห็นคนจิดรถในที่ห้ามจอด จอดซื้อของในเซเว่นแป๊บเดียวน่า แล้วทำให้เหลือครึ่งเลน เนี่ย ...... ประเทศชาติ ไปไหนก็ไม่รอดหรอกครับ
ข้อสำคัญอย่างยิ่ง คนพวกนี้มักมีรถ มีตังค์ มีการศึกษาซะด้วย
ไปไหนไม่รอดแน่ๆครับเมืองไทย คนมีการศึกษาเลียนแบบคนไม่มีการศึกษา และก็เป็นวงจรอุบาทว์ไปเรื่อยๆ
ประเด็นเริ่มต้นอยู่ที่ ระเบียบ วินัย มากกว่าครับ ต่อจากนั้นก็ไปที่ ระเบียบความคิด ต่อจากนั้นจึงไปที่ สาขาการเรียนให้ตรงกับความต้องการ
ตราบใดที่ยังเห็นคนจิดรถในที่ห้ามจอด จอดซื้อของในเซเว่นแป๊บเดียวน่า แล้วทำให้เหลือครึ่งเลน เนี่ย ...... ประเทศชาติ ไปไหนก็ไม่รอดหรอกครับ
ข้อสำคัญอย่างยิ่ง คนพวกนี้มักมีรถ มีตังค์ มีการศึกษาซะด้วย
ไปไหนไม่รอดแน่ๆครับเมืองไทย คนมีการศึกษาเลียนแบบคนไม่มีการศึกษา และก็เป็นวงจรอุบาทว์ไปเรื่อยๆ
. . .
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 12
ระเบียบวินัย มีคำนี้ด้วยหรือนี้....
นิสัยประจำชาติ
สายตลอด ตรงเวลารู้จักบ้างหรือเปล่า
คิวไม่เคยมี ถ้ามีแล้วทำไมต้องรอ
เส้น สาย กำลังภายในสุดยอด คงดูหนังจีนเยอะไป
มักง่าย เห็นแก่ตัว ยึดของสาธารณะ เป็นของตัว
ตัวอย่างง่าย ถนนทำมาสามเลน ใช้ได้แต่เลนครึ่ง..บางทีเหลือครึ่งเลน เหอๆ
ห้างสรรพสินค้าตัวดี พวกสร้างบ้าน มีตังค์ซื้อรถ แต่ไม่เผื่อที่จอดรถ
พวกร้านค้าริมถนน ก็เช่นกัน มีถนนหน้าบ้านตู ใครอย่ามายุ่ง..
ศีลธรรมละมีบ้างมั้ย แค่ 1 ใน 5 ข้อ ก็พอทำได้หรือเปล่า
แล้วระบบขุนนาง ศักดินา แท้จริง ไม่เคยหายไปจากสังคมไทย
เรียนไปสูงๆ นะลูกนะหลาน จบออกมาจะได้เป็นเจ้าคนนายคน
กฏระเบียบ ออกมาเพื่อ รองรับ ผู้สูงศักดิ์เหล่านี้
กฏหมายภาษีมรดก เมื่อไหร่ จะออกมาได้
แนะแนวการเรียนหรือ ก็เรียนไปสูงไว้ก่อนสิลูก
จบออกมาจะได้เป็นเจ้าคนนายคน
เหอๆ ชักไม่เกี่ยวกับหัวข้อ ไปก่อนดีก่า
นิสัยประจำชาติ
สายตลอด ตรงเวลารู้จักบ้างหรือเปล่า
คิวไม่เคยมี ถ้ามีแล้วทำไมต้องรอ
เส้น สาย กำลังภายในสุดยอด คงดูหนังจีนเยอะไป
มักง่าย เห็นแก่ตัว ยึดของสาธารณะ เป็นของตัว
ตัวอย่างง่าย ถนนทำมาสามเลน ใช้ได้แต่เลนครึ่ง..บางทีเหลือครึ่งเลน เหอๆ
ห้างสรรพสินค้าตัวดี พวกสร้างบ้าน มีตังค์ซื้อรถ แต่ไม่เผื่อที่จอดรถ
พวกร้านค้าริมถนน ก็เช่นกัน มีถนนหน้าบ้านตู ใครอย่ามายุ่ง..
ศีลธรรมละมีบ้างมั้ย แค่ 1 ใน 5 ข้อ ก็พอทำได้หรือเปล่า
แล้วระบบขุนนาง ศักดินา แท้จริง ไม่เคยหายไปจากสังคมไทย
เรียนไปสูงๆ นะลูกนะหลาน จบออกมาจะได้เป็นเจ้าคนนายคน
กฏระเบียบ ออกมาเพื่อ รองรับ ผู้สูงศักดิ์เหล่านี้
กฏหมายภาษีมรดก เมื่อไหร่ จะออกมาได้
แนะแนวการเรียนหรือ ก็เรียนไปสูงไว้ก่อนสิลูก
จบออกมาจะได้เป็นเจ้าคนนายคน
เหอๆ ชักไม่เกี่ยวกับหัวข้อ ไปก่อนดีก่า
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 13
ง่ำ ... ผมเคยทำแบบทดสอบความถนัดทางวิชาชีพตอนอยู่ ม.ปลายครับ
ผลออกมาได้ว่าเหมาะเป็นคนทำความสะอาด :evil:
พอมาเรียนตรีก็เพิ่งรู้ว่าแบบทดสอบฉบับนั้นเก่ามาก ๆ แล้วครับ
แล้วมีปัญหาเรื่อง Cross Culture ด้วย (ผมเก็บกดมากเลยจำได้ :lol: )
นักเรียนนักศึกษาบ้านเรา เวลามีปัญหามักจะเก็บเอาไว้ให้ห่างจากหูผู้ใหญ่ครับ
บุคคลที่เป็นที่ปรึกษาของพวกเขาจึงมักจะเป็นเพื่อนหรือรุ่นพี่ ซะมากกว่า มีปัญหาวิ่งเข้าหาเพื่อน
เพื่อนกับเพื่อน ระดับความรู้ และประสบการณ์ มันก็คงใกล้ ๆ กันครับ คำตอบทีได้ เลยไม่ค่อยหนีกันเท่าไหร่
ที่ควร คือลองปรึกษาผู้ใหญ่ด้วย แต่ผู้ใหญ่กลับเป็นคนท้าย ๆ ที่พวกเขาเลือก หรือเป็นคนที่เขาพยายามหลีกเลี่ยง
แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นเหตุมันมาจากอะไร เด็กก็ว่ากลัวผู้ใหญ่ลงโทษ ผู้ใหญ่ก็ว่า เด็กไม่ยอมเข้าหา
นั่นคือฐาน ที่ทำให้ระบบแนะแนวบ้านเราล้มพังพาบครับ
เพราะระบบแนะแนวมันไม่ใช่แค่บอกว่าเส้นทางอาชีพแต่ละอย่างนั้นเป็นอย่างไร
(ซึ่งเรามักจะได้เห็นแต่ภาพแบบนั้นครับ) แต่ว่าระบบแนะแนว มันก็คือส่วนหนึ่งของการให้การปรึกษา
ที่ไม่ใช่แค่ป้อนข้อมูลให้รู้ แต่ต้องรู้เราด้วย คือทำให้เด็กรู้จักตัวเองมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น
เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร และแต่ละทางเดินเป็นอย่างไร ด้วยกระบวนการที่เป็นระบบ และมีความเที่ยง-ตรง
มันก็เหมือนลูกกุญแจกับแม่กุญแจที่อยู่ถูกที่ถูกทางครับ
แต่การทำให้รู้เรา มันยากครับ มันต้องดูเป็นรายคนไปเลย ซึ่งต้องพึ่งพาบุคลากรที่มีทักษะจำนวนมาก และใช้เวลาอย่างมาก
กระบวนการในส่วนนี้จึงถูกละเลยไป เหลือแต่การให้ข้อมูลอย่างเดียว เลยเห็นความพยายามที่จะทำให้เป็น Mass ไปหมด
จริง ๆ ผมก็เข้าใจครับ ว่าถ้าต้องมานั่ง Counseling เด็กทุกคน ครูแนะแนวคงได้เข้า ICU ในสองสัปดาห์
การปลูกฝังการคิดอย่างเป็นระบบ และการมีสติรู้ตัว จึงน่าจะเป็นทางออกที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายก้าวออกมาเจอกันได้ที่ครึ่งทาง
ผลออกมาได้ว่าเหมาะเป็นคนทำความสะอาด :evil:
พอมาเรียนตรีก็เพิ่งรู้ว่าแบบทดสอบฉบับนั้นเก่ามาก ๆ แล้วครับ
แล้วมีปัญหาเรื่อง Cross Culture ด้วย (ผมเก็บกดมากเลยจำได้ :lol: )
นักเรียนนักศึกษาบ้านเรา เวลามีปัญหามักจะเก็บเอาไว้ให้ห่างจากหูผู้ใหญ่ครับ
บุคคลที่เป็นที่ปรึกษาของพวกเขาจึงมักจะเป็นเพื่อนหรือรุ่นพี่ ซะมากกว่า มีปัญหาวิ่งเข้าหาเพื่อน
เพื่อนกับเพื่อน ระดับความรู้ และประสบการณ์ มันก็คงใกล้ ๆ กันครับ คำตอบทีได้ เลยไม่ค่อยหนีกันเท่าไหร่
ที่ควร คือลองปรึกษาผู้ใหญ่ด้วย แต่ผู้ใหญ่กลับเป็นคนท้าย ๆ ที่พวกเขาเลือก หรือเป็นคนที่เขาพยายามหลีกเลี่ยง
แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นเหตุมันมาจากอะไร เด็กก็ว่ากลัวผู้ใหญ่ลงโทษ ผู้ใหญ่ก็ว่า เด็กไม่ยอมเข้าหา
นั่นคือฐาน ที่ทำให้ระบบแนะแนวบ้านเราล้มพังพาบครับ
เพราะระบบแนะแนวมันไม่ใช่แค่บอกว่าเส้นทางอาชีพแต่ละอย่างนั้นเป็นอย่างไร
(ซึ่งเรามักจะได้เห็นแต่ภาพแบบนั้นครับ) แต่ว่าระบบแนะแนว มันก็คือส่วนหนึ่งของการให้การปรึกษา
ที่ไม่ใช่แค่ป้อนข้อมูลให้รู้ แต่ต้องรู้เราด้วย คือทำให้เด็กรู้จักตัวเองมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น
เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร และแต่ละทางเดินเป็นอย่างไร ด้วยกระบวนการที่เป็นระบบ และมีความเที่ยง-ตรง
มันก็เหมือนลูกกุญแจกับแม่กุญแจที่อยู่ถูกที่ถูกทางครับ
แต่การทำให้รู้เรา มันยากครับ มันต้องดูเป็นรายคนไปเลย ซึ่งต้องพึ่งพาบุคลากรที่มีทักษะจำนวนมาก และใช้เวลาอย่างมาก
กระบวนการในส่วนนี้จึงถูกละเลยไป เหลือแต่การให้ข้อมูลอย่างเดียว เลยเห็นความพยายามที่จะทำให้เป็น Mass ไปหมด
จริง ๆ ผมก็เข้าใจครับ ว่าถ้าต้องมานั่ง Counseling เด็กทุกคน ครูแนะแนวคงได้เข้า ICU ในสองสัปดาห์
การปลูกฝังการคิดอย่างเป็นระบบ และการมีสติรู้ตัว จึงน่าจะเป็นทางออกที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายก้าวออกมาเจอกันได้ที่ครึ่งทาง
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 14
ปัญหาคือคนเก่งเมืองไทยคงไม่อยากเป็นอาจารย์
รายได้ไม่พอเพียง
ผมพอสอนคนได้รู้เรื่อง
อยากเป็นอาจารย์ก็ต้องเจอปัญหาใหญ่คือ มหาลัยต้องการวุฒิซะเยอะ
ตอนนี้ก็งงๆ อยากได้คนเก่งแต่สื่อสารไม่เป็น เป็นอาจารย์ หรืออยากได้คนปานกลางสอนคนเป็นเป็นอาจารย์
คนเก่งมากๆ สอนคนปกติไม่ได้หรอก เพราะว่าเค้าไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นไม่เข้าใจ ทั้งที่มันเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเค้าที่มองแว๊ปเดียวก็รู้เรื่องแล้ว
รายได้ไม่พอเพียง
ผมพอสอนคนได้รู้เรื่อง
อยากเป็นอาจารย์ก็ต้องเจอปัญหาใหญ่คือ มหาลัยต้องการวุฒิซะเยอะ
ตอนนี้ก็งงๆ อยากได้คนเก่งแต่สื่อสารไม่เป็น เป็นอาจารย์ หรืออยากได้คนปานกลางสอนคนเป็นเป็นอาจารย์
คนเก่งมากๆ สอนคนปกติไม่ได้หรอก เพราะว่าเค้าไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นไม่เข้าใจ ทั้งที่มันเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเค้าที่มองแว๊ปเดียวก็รู้เรื่องแล้ว
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- ก้อนหิน
- Verified User
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 15
ผมเคยสอนพิเศษ อยู่ช่วงนึงครับsunrise เขียน:ปัญหาคือคนเก่งเมืองไทยคงไม่อยากเป็นอาจารย์
รายได้ไม่พอเพียง
ผมพอสอนคนได้รู้เรื่อง
อยากเป็นอาจารย์ก็ต้องเจอปัญหาใหญ่คือ มหาลัยต้องการวุฒิซะเยอะ
ตอนนี้ก็งงๆ อยากได้คนเก่งแต่สื่อสารไม่เป็น เป็นอาจารย์ หรืออยากได้คนปานกลางสอนคนเป็นเป็นอาจารย์
คนเก่งมากๆ สอนคนปกติไม่ได้หรอก เพราะว่าเค้าไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นไม่เข้าใจ ทั้งที่มันเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเค้าที่มองแว๊ปเดียวก็รู้เรื่องแล้ว
ตอนแรก ผมก็เจอปัญหาเหมือนพี่ว่ามาเลยครับ
ผมไม่อธิบายละเอียดมาก เพราะกลัวเด็กเรียนแล้วเบื่ออะครับ
กลายเป็นเด็กเรียนไม่รู้เรื่องแทนครับ
ตอนหลังเลยปรับๆๆ เอา ขนาดสอนไม่กี่คนนะครับ
ถ้าสอนหน้า Class นี่ยิ่งยากใหญ่เลย
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 16
ผมเคยสอนพิเศษ อยู่ช่วงนึงครับก้อนหิน เขียน:
ตอนแรก ผมก็เจอปัญหาเหมือนพี่ว่ามาเลยครับ
ผมไม่อธิบายละเอียดมาก เพราะกลัวเด็กเรียนแล้วเบื่ออะครับ
กลายเป็นเด็กเรียนไม่รู้เรื่องแทนครับ
ตอนหลังเลยปรับๆๆ เอา
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 1667
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 18
ตอนนี้ หลักสูตร ปโท เปิดกันเยอะมาก
คุณภาพ ไม่รู้มีขนาดไหน
ผมเคยรับจ้าง ทำวิทยานิพนธ์ ให้เด็ก MBA ม แห่งหนึ่ง
make ผล วิทยานิพนธ์ แบบไม่ต้องทำจริง
ท่าทางจะ make ดีไปหน่อย เลยได้ รางวัล วิทยานิพนธ์ดีเด่น
ในปีการศึกษานั้น
ต่อมา ทำไปทำมา ลูกค้าสั่น ดันไปโดนจับได้ถูก อาจารย์ โทรมาต่อว่า
แล้วอาจารย์ ก็ใจดี ชวนมาช่วยสอนสถิติเพื่อการวิจัย ให้เด็ก ป โท เลยได้ ค่าตัววิทยากร อีก ชั่วโมงละ 600 บาท
เด็กๆ ที่มาเรียนนี่ บางคน เรียนเอาวุฒิอย่างเดียวจริงๆครับ
ไม่ค่อยอยากได้ ความรู้เท่าไร แบบพอจะขอสอนแถมในเนื้อหาที่ไม่ออกสอบก็ไม่อยากจะเรียน
เอาแค่ ทำ t test Anova 1 way, 2 ways เป็นพอแล้ว
non parametric ไม่สนใจจะเรียน
พอจะทำ วิทยานิพนธ์ ก็จะโทรมาหา หลังๆ ผมไม่ค่อยรับแล้ว
รับงานพิเศษตาม บริษัท สบายใจกว่า มา make ผลวิทยานิพนธ์ ทำลายการศึกษาชาติ
คุณภาพ ไม่รู้มีขนาดไหน
ผมเคยรับจ้าง ทำวิทยานิพนธ์ ให้เด็ก MBA ม แห่งหนึ่ง
make ผล วิทยานิพนธ์ แบบไม่ต้องทำจริง
ท่าทางจะ make ดีไปหน่อย เลยได้ รางวัล วิทยานิพนธ์ดีเด่น
ในปีการศึกษานั้น
ต่อมา ทำไปทำมา ลูกค้าสั่น ดันไปโดนจับได้ถูก อาจารย์ โทรมาต่อว่า
แล้วอาจารย์ ก็ใจดี ชวนมาช่วยสอนสถิติเพื่อการวิจัย ให้เด็ก ป โท เลยได้ ค่าตัววิทยากร อีก ชั่วโมงละ 600 บาท
เด็กๆ ที่มาเรียนนี่ บางคน เรียนเอาวุฒิอย่างเดียวจริงๆครับ
ไม่ค่อยอยากได้ ความรู้เท่าไร แบบพอจะขอสอนแถมในเนื้อหาที่ไม่ออกสอบก็ไม่อยากจะเรียน
เอาแค่ ทำ t test Anova 1 way, 2 ways เป็นพอแล้ว
non parametric ไม่สนใจจะเรียน
พอจะทำ วิทยานิพนธ์ ก็จะโทรมาหา หลังๆ ผมไม่ค่อยรับแล้ว
รับงานพิเศษตาม บริษัท สบายใจกว่า มา make ผลวิทยานิพนธ์ ทำลายการศึกษาชาติ
คงไม่มีใคร หาเงินมากมาย ไว้ยัดใส่โลงศพตัวเอง
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
-
- Verified User
- โพสต์: 306
- ผู้ติดตาม: 0
คิดว่า การแนะแนว การศึกษาในเมืองไทยเป็นไง
โพสต์ที่ 19
อาจไม่เกี่ยวกับหัวข้อเท่าไหร่ แต่อ่านแล้วก็สะท้อนสังคมบางอย่างเลยขอเอามาโพสต์หน่อยนะคะ
จาก "โลกในดวงตาของข้าพเจ้า" ของมนตรี ศรียงค์ กวีซีไรท์ 2550 ค่ะ
เรียกป๋าก่อนซิคะ - ต้องเรียกป๋า
แล้วทุนการศึกษาหนูอย่ากลุ้ม
ค่าเทอมชุมเข็มขัดกลัดกระดุม
เรียกเสียงทุ้มแผ่วๆก็แล้วกัน
แต่อย่าเรียกกระเส่าให้เร้าใจอายุขัยวัยป๋ามันจะสั้น
เบียดแนบแอบข้างอีกอย่างนั้น
ติ่งหูหนูสั่นระริกริก
ป๋าเห็นใจ ป๋าเห็นใจ
กับวันวัยสุดแสนโรแมนติก
ซีรี่ย์เอ็น โน๊ตบุ๊ค ฮอนด้าคลิก
ป๋าจะพลิกเป๋าเงินให้เพลินมือ
เชื่อป๋านะคะ - เด็กดี
หนูนั่งนิ่งซี - เด็กดื้อ
สมแล้วสมคำที่ล่ำลือ
ไรขนลุกฮือไปทั้งตัว
เรียกป๋าอีกสิคะนั่นอย่างนั้น
เนื้อหนั่นยามจิ้มก็นิ่มทั่ว
โครมครามหัวใจป๋าไหวรัว
บนหัวก็งูขึ้นขู่ตา
อย่าบีบซิหนู - งูสะทก
เดี๋ยวแม่เบี้ยผงกจะฉกขา
รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา
และทุนการศึกษารู้หาทุน!
จาก "โลกในดวงตาของข้าพเจ้า" ของมนตรี ศรียงค์ กวีซีไรท์ 2550 ค่ะ
เรียกป๋าก่อนซิคะ - ต้องเรียกป๋า
แล้วทุนการศึกษาหนูอย่ากลุ้ม
ค่าเทอมชุมเข็มขัดกลัดกระดุม
เรียกเสียงทุ้มแผ่วๆก็แล้วกัน
แต่อย่าเรียกกระเส่าให้เร้าใจอายุขัยวัยป๋ามันจะสั้น
เบียดแนบแอบข้างอีกอย่างนั้น
ติ่งหูหนูสั่นระริกริก
ป๋าเห็นใจ ป๋าเห็นใจ
กับวันวัยสุดแสนโรแมนติก
ซีรี่ย์เอ็น โน๊ตบุ๊ค ฮอนด้าคลิก
ป๋าจะพลิกเป๋าเงินให้เพลินมือ
เชื่อป๋านะคะ - เด็กดี
หนูนั่งนิ่งซี - เด็กดื้อ
สมแล้วสมคำที่ล่ำลือ
ไรขนลุกฮือไปทั้งตัว
เรียกป๋าอีกสิคะนั่นอย่างนั้น
เนื้อหนั่นยามจิ้มก็นิ่มทั่ว
โครมครามหัวใจป๋าไหวรัว
บนหัวก็งูขึ้นขู่ตา
อย่าบีบซิหนู - งูสะทก
เดี๋ยวแม่เบี้ยผงกจะฉกขา
รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา
และทุนการศึกษารู้หาทุน!