|0 คอมเมนต์

หากเวลาเกิดอุบัติเหตุต่างๆ อาทิเช่นรถชน ไฟไหม้ และอื่นๆ
เราจะได้เห็นผู้บำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เข้าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
อยู่เสมอๆ และที่จะกล่าวถึงคือ.....
ปอเต็กตึ้ง
หมายเหตุกำเนิดของมูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเซี่ยงตึ้ง ที่เล่ากล่าวขานกันต่อๆมา
ชื่อนายเบ๊ยุ่น ได้อัญเชิญรูปจำลองของ........
พระภิกขุไต้ฮงโจวซือ
จากตำบลฮั่วเพ็ง อำเภอเตี้ยเอี๊ย ประเทศจีน เข้ามาประเทศไทศไทย
เพื่อสักการะบูชา โดยได้นำไปประดิษฐานไว้ที่ร้านกระจก --ยุ่นซุ่นเซียง--
ใกล้วัดราชบูรณะวรวิหาร(วัดเลียบ)กรุงเทพฯ
ต่อมาเมื่อประชาชนในยุคนั้นเลื่อมใสทราบข่าวก็พากันไปขออนุญาตเจ้าของร้านเพื่อเข้าไปสักการะบูชา จากน้อยเพิ่มเป็นมากขึ้นทุกวันจนสถานที่ไม่พอต่อการรองรับ นายเบ๊ยุ่นจึงได้ร่วมกับทางผู้มีจิตรศรัทราอีกหลายท่าน จัดหาสถานที่แห่งใหม่ แล้วอัญเชิญรูปจำลองของพระคุณท่านไปประดิษฐานไว้ที่บ้านซึ่งอยู่หลังโรงภาพยนต์พัฒนาการ ถนนเจริญกรุง ในขณะนั้น
ต่อมาในกรุงเทพฯ ได้เกิดกาฬโรคระบาด ผู้คนต่าง
พากันไปนมัสการพระภิกขุไต้ฮงโจวซือเพื่อขอบารมีคุ้มครองป้องภัยและช่วยกันบริจาคทุนทรัพย์ เสื้อผ้า หีบศพ เงินทอง เพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนเคราะห์ร้าย
จากนั้นอีก3ปีต่อมา จึงได้อัญเชิญรูปจำลองของพระคุณท่านไปประดิษฐานไว้ที่ตรอกวัดดอน ทางเข้าสุสานแต้จิ๋ว เพื่อความสะดวกในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา การสักการะบูชา ครั้น ปี พ.ศ.2445 พ่อค้าคหบดีจีน 12 ท่าน โดยมีพระอนุวัฒน์ราชนิยม(จีนฮง นายกากรหรือ นางฮง เตชะวณิช) เป็นหัวหน้า ได้ตกลงที่จะจัดซื้อที่ดินสร้างเป็นศาลาป่อเต็กตึ๊งให้เป็นการถาวรสืบไปเพื่อดำเนินงานสาธารณกุศล ตามรอยทางของพระภิกชุไต้ฮงโจซือ และเป็นที่ประดิษฐานรูปจำลองของพระภิกขุไต้ฮงโจวซือ เพื่อเป็นที่สักการะบูชา
จวบจนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2452 การซื้อที่ดินเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวจึงสำเร็จ โดยการซื้อจากอำแดงเล็กเป็นเงิน 11,200 บาท ในการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว พระอนุวัตน์ราชนิยมได้ไปให้ถ้อยคำแก่เจ้าพนักงาน ณ ที่ว่าการอำเภอสามเพ็ง(ป้อมปราบ) ว่าจะซื้อที่ดินรายนี้ไว้เพื่อเก็บศพไม่มีญาติ ที่ดินแปลบงนี้มีเนื้อที่ 3งาน 66 ตารางวา ในระวาง 1 ต.1 อ. 5-9 เลขที่ดิน96 โฉนดที่ดิน 374 ตำบลป้อมปราบฯอำเภอป้อมปราบ(สามเพ็ง) จังหวัดพระนคร(กรุงเทพมหานคร)
ปี 2453 การสร้างศาลาป่อเต็กตึ๊งได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเหนือทางเข้าตัวตึกด้านหน้าได้สลักอักษรจีนว่า---ป่อเต็กตึ๊ง---บนแผ่นศิลาขนาดใหญ่ ส่วนด้านหลังแผ่นศิลานี้ได้สลักเป็นอักษรจีนว่า---ฮุกกวงโพ่วเจี่ย--- มีความหมายว่า---แสงธรรมส่องทั่วหล้า---ภายในตึกได้ประดิ(ษฐานรูปจำลองพระภิกขุไต้ฮงโจวซือ ไว้สัการะบูชา และใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสำนักงานดำเนินการด้านสาธารณกุศลเช่น เก็บศพไม่มีญาติ แจกยารักษาโรค ช่วยเหลือผู้ประสพภัยเป็นต้น ทั้งนี้โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และวรรณะ
ต่อมาเมื่อวันที่15มีนาคม พ.ศ.2463 ได้มีประกาศกฏเสนาบดีว่าด้วยที่กุศลสถาน ชนิดศาลเจ้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฏหมายลักษณะปกครองท้องที่พระพุทธศักราช 2457 โดยผลของกฏหมายฉบับนี้ พระอนุวัตน์ราชนิยม จึงได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่สร้างศาลาป่อเต็กตึ๊งนี้ให้กับกรมพระนครบาลเมื่อวันที่15ธันวา2465 แต่การดำเนินกิจการสาธารณกุศลที่ศาลาป่อเต็กตึ๊งก็ยังเป็นไปตามปกติตลอดมา
ล่วงมาจนถึงเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2479
เนื่องจากพ่อค้าคหบดีที่เป็นกรรมการในการดำเนินงานกุศลได้ถึงแก่กรรมไปหลายท่าน กรรมการที่เหลืออยู่พร้อมด้วยบุตรหลานของกรรมการเก่าที่ล่วงลับไปแล้ว ได้ประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อก่อตั้งเป็นรูปมูลนิธิขึ้น ในการนี้ได้ประกาศทางหนังสือพิมพ์จีนเชิญชวนนายกสมาคมจีนต่างๆเข้าร่วมพิจารณาคัดเลือตัวบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อรับผิดชอบบริหารงานสาธารณกุศลในรูปของมูลนิธิสืบไป
เมื่อ20มกราคม 2480 ได้จดทะเบียนก่อตั้งเป็นมูลนิธิชื่อว่า---มูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กตึ๊ง-- หมายเลขทะเบียนที่ 11 มีเงินทุน2,000บาทและกรรมการ 15 ท่าน สำนักงานตั้งที่ศาลาป่อเต็กตึ๊งเช่นเดิมพร้อมกับดำเนินงานสืบมาอย่งแข็งขันต่อเนือ่งต่อประโยชน์ส่วนรวม
ถึงแม้ว่าตัวมูลนิธิจะเริ่มก่อตั้งเป็นรูปร่างเมื่อปี 2480 แต่ทว่างานด้านสงเคราะห์ศพไม่มีญาตินั้นได้มีการทำมาก่อนแล้วแต่ปี 2449 นับว่าเนินนานอย่างยิ่งเลยทีเดียว
คนจีนในสมัยก่อนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย จะต้องมีความหวังอยู่อย่างหนึ่ง เรียกว่า---ซาซัว--- มีความหมายว่า3อย่าง
อย่างที่ 1 คือ--จ่อซัว--แปลว่า......เศรษฐี
อย่างที่ 2 คือ--ตึ่วซัว--แปลว่า......เมืองจีน
อย่างที่ 3 คือ--หงี่ซัว--แปลว่า......ป่าช้า
คำพูดดังกล่าวหมายความว่าหากจะอยู่ในเมืองไทยก็ต้องตั้งความหวังไว้อย่างน้อยสักอย่างหนึ่ง คือถ้าไม่ได้เป็น--จ่อซัว--ก็ขอให้ได้กลับ-- ตึ่งซัว --
เมื่อหมดหวังไม่ไกลับตึ่งซัว บั้นปลายชีวิตก็เห็นจะต้องไป--หงี่ซัว--
ความหวังที่จะไปหงี่ซัวนันไม่น่าจะห่วงหรือวิตกกังวล คิดปลอบใจหรือภูมิใจได้เลยว่าเมื่อตนตายแล้วยังมี
หน่อจื้อซั้งเหลา เจ็กไจ้เจ็กเอ๋า ซึ่งมีความหมายว่า มีบุตรสองคนคอยส่งศพ คนหนึ่งอยู่หน้า อีกคนอยู่หลัง หรือมีบุตรบริวารคอยส่งศพทั้งหน้าทั้งหลัง
ทั้งนี้หมายถึงผู้ที่ไร้ญาติ ไม่มีบุตรหลาน เมื่อตายเเล้วก็ยังมีผู้เก็บศพไว้ที่รถลาก แล้วคนเก็บศพก็จะลากรถเพื่อนำศพไปฝังยังป่าช้า หากรถหนักลากคนเดียวไม่ไหวก็ยังมีคนอยู่ข้างหลังคอยผลักรถให้อีกแรงหนึ่ง ลักษณะการดังกล่าวนี้คือการเก็บศพของป่อเต็กตึ๊งสมัยก่อนนั่นเองครับ
ปัจจุบันการเก็บศพของมูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กตึ๊งได้ขยายขอบเขตงานออกไปอย่างกว้างขวางรวดเร็วทันสมัย ออกบริการ24ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์สำคัญอีกหลายประการเช่น
1.ช่วยเหลือผู้ประสพอัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย และภัยอื่นๆโดยทั้วไป
2.จัดตั้งโรงพยาบาลใช้ชื่อว่า--มูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กตึ๊ง ฝ่ายโรงพยาบาลคุณานุสรณ์ รักษาพยาบาลผู้เข็บป่วยทุกสาขาโรค
3.จัดตั้งโรงเรียนสถานที่ศึกษา
4.ช่วยเหลือจัดการศพทั่วไปและจัดตั้งสุสานเพื่อการนี้ด้วย
5.ส่งเสริมและบำรุงกิจการด้านศาสนา วรรณกรรม ศิลปะ และวิทยาศาสตร์
6.บำเพ็ญทานการกุศลโดยทั่วไปตามมติคณะรรมการ
ขอย้อนกลับมาสู่ ------------ศาลไต้ฮงกง------------
อีกครั้งสำหรับท่านที่สนใจเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางจีน
ศาลไต้ฮงกง
ตั้งอยู่ข้างวัดคณิกาผล ใกล้กับห้าแยกพลับพลาไชย แต่ละวันนับลแต่เช้าถึงเย็นจะมีประชาชนที่ศรัทธา ไปสักการะบูชาขอบารมีคุ้มครองขอพรให้เกิดโชคลาภและสิริมงคล
การสักการะบูชา--ไต้ฮงกงโจวซือ----
นั้นใช้ ดอกไม้ ธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง ผลไม้ต่างๆ วิธีไหว้เริ่มแรกจุดธูป5ดอก ไหว้ฟ้า-ดิน เจ้าที่เจ้าทางก่อนจากนั้นจึงจุดธูปอีก17ดอก ไหว้องค์จำลองไต้ฮงกง แล้วจึงเอาธูปนั้นปักที่กระถางซึ่งมีอยู่5ใบ ปักธูปกระถางละ3ดอกจจนครบ เหลือเศษ2ดอก ให้นำไปปักที่กระถางตรงข้างประตูทางเข้าสู่ตัวศาลข้างละ1ดอก ต่อจากนั้นจึงกระทำสิ่งที่ต้องการ อธิษฐานขอพร เสี่ยงเซียมซี ขอความคุ้มครอง แต่ไม่ควรลืมที่จะบริจาคโลงศพซึ่งจะทำบุญเป็นเงินมากน้อยเท่าไหร่ก็ได้
การบริจาคโลงศพถือเป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่งตามคติจีน
จึงขอเชิญทุกท่านไปสัการะบูชาและขอบารมี--ไต้ฮงกงโจวสซือ--โดยทั่วกัน
รวมทั้งสร้างบุญกุศลด้วยการบริจาคโลงศพและสมทบทุนมูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กตึ๊งด้วยเพื่อสาธารณะประโยชน์