คนไทยไม่เคยเข็ด นำมาฝากจากพันทิพย์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
คนไทย.
ผู้ติดตาม: 0

คนไทยไม่เคยเข็ด นำมาฝากจากพันทิพย์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 77839.html

คนไทยไม่เคยเข็ด


ไปทางไหน นายกฯ ทักษิณก็คุยว่า "รัฐบาลมีเงินเยอะ..ไม่ต้องห่วง" แต่ไหงเริ่ม "รีดเลือดกับปู" ชนิดเอาเป็นเอาตายก็ไม่รู้?


ค่าไฟฟ้าก็ขึ้น ค่าน้ำประปาก็ขึ้น ค่ารถเมล์ก็ขึ้น น้ำมันก็ขึ้น แล้วสินค้าต่างๆ มันก็ต้องพาเหรดขึ้นตาม ในขณะที่รายได้ชาวบ้านกระจุกตัว ยกเว้นชาวบ้าน "อีลิทชน" ในกลุ่มทุนการเมืองที่กระจายความรวยกันถ้วนหน้า!

ไม่ต้องมาก แค่เบียดบังเอาหุ้นจองจากรัฐวิสาหกิจที่กำลังทยอยเข้าตลาดหลักทรัพย์ แค่นั้น นั่งเฉยๆ เงินก็ไหลมาเทมา

หุ้น ปตท.ก็ดี หุ้นดี.อาร์.บางจาก ก็ดี อีลิทชนกลุ่มทุนการเมืองรวยกันเป็นร้อยล้าน-พันล้าน ระบบรัฐปั่นให้คนนอกหลงเชื่อไล่ซื้อจนหุ้นขึ้นไปสูงๆ แล้วคนในพวกมันเองก็เทขาย เปลี่ยนกระดาษที่ได้มาถูกๆ ไปในราคาแพงๆ

หุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก็ดี หุ้นการท่าอากาศยานไทย ก็ดี เป็นรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปเข้าตลาด นักลงทุนภายนอกอย่าไปหาซะให้ยาก ก็รู้ใช่ไหมว่าเวลานี้คนกลุ่มไหนที่มีเงินสดในกระเป๋ามากที่สุด?

กลุ่มนักการเมืองที่รักประเทศไทยจนน้ำลายไหลนั่นแหละ ตอนหุ้น ปตท.ก็ถูกแฉมาทีแล้วว่า "ยกโคตร" มากว้านซื้อราคาจอง มันก็ไอ้หน้าเดิมๆ นั่นแหละที่ตุนหุ้นการไฟฟ้า หุ้นการท่าฯ ไปอีก!

ไอ้พวกนี้มันคงกะเอาธนบัตรไปเผาศพมันแทนฟืนเป็นแน่!?

กฟผ.ขนาดยังแปรรูปไม่เต็มตัว ระดับบริหารยังทำเหมือนโผล่หางให้เห็น อ้างค่า Ft ขึ้นค่าไฟฟ้าทีเดียว 2 ครั้งซ้อน แล้วถ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์กลายเป็นบริษัทมหาชนเต็มตัว..

พ่อไม่ขึ้นค่าไฟเป็นรายเดือนเรอะ?

เป็นธุรกิจผูกขาด ปรัชญาการบริหารเปลี่ยนหมด 100% จากสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่รัฐมีหน้าที่บริการชาวบ้านเป็นหลัก ผลกำไรคือความสะดวกสบายที่ชาวบ้านแค่ควักจ่ายในราคาอุ้มสม

แต่เมื่อเข้าตลาดแล้ว เขาจะไม่ถือว่าการบริการด้านไฟฟ้าเป็นหน้าที่ของรัฐเพื่อประชาชน แต่เขาจะถือว่านี่คือธุรกิจการค้า เงินที่ต้องทำให้ได้มากกว่าเงินลงทุนเป็นสิบ-เป็นร้อยเท่า นั่นคือเป้าหมายที่เขาจะนำไปอวดกับผู้ถือหุ้นแต่ละไตรมาส

กินเลือดประชาชนอ้วนพี นั่นคือความสำเร็จของรัฐบาลผ่านการเอาของราษฎร์-ของหลวงมาแปรรูปแล้วแจกจ่ายผลกำไรกระจุกตัวอยู่แค่ในระบบคนตลาดหลักทรัพย์

ทั้งรถ ขสมก. ทั้งการประปา ทั้งการท่าเรือฯ แปรรูปเข้าตลาดวันไหน ความฉิบหายมาเยือนคนยากระดับรากหญ้าแน่นอน เหมือนกับที่ กฟผ.กำลังสำแดงธาตุแท้เป็นตัวอย่าง เอาของหลวงคือของประชาชนไปขาย แล้วก็มารีดไถเอากับประชาชนไปอิ่มหมีพีมันกัน

เฉพาะพวกมัน!

มีอย่างเรอะ จะเอาหุ้น กฟผ.เข้าตลาดปุ๊บ ก็ประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า 2 ระลอกปั๊บ แล้วรัฐมนตรีก็มาลอยหน้าบอกกับชาวบ้านว่า..ไม่เกี่ยวกับการแต่งตัว-แต่งกำไรเพื่อเอาไปอวดขายในตลาดหลักทรัพย์!

คงนึกว่าชาวบ้านมันกินแกลบ มีแต่รัฐมนตรี และคนในรัฐบาลเท่านั้นกระมังที่..กินหญ้า?

ไอ้ค่า Ft นั่นน่ะคือค่าความฉิบหายที่ฝ่ายบริหาร กฟผ.ทำกันขึ้น แทนที่จะรับผิดชอบ กลับเอาไปบวกเป็นต้นทุนแล้วหารให้ชาวบ้านเป็นผู้จ่ายค่าความฉิบหายนั้นแทน

มันถูกต้องมั้ย?

อย่างนี้มันน่าจะเรียกว่าเป็นค่า ST ที่ย่อมาจากศัพท์เต็มว่า Saun Teen มากกว่า Ft ที่มาจากคำว่า Fuel Adjustment time!

ตอนจะซื้อก๊าซพม่า ก๊าซไทยแต่ฝรั่งเจ้าของ ก็อ้างร้อยแปดว่าก๊าซมีเหลือเฟือ ราคาถูก เอามาใช้ผลิตไฟฟ้าร้อยปีไม่มีหมด

ก็เลยล้มแผนการเตรียมพลังงานทางเลือก ที่จะทำโรงงานไฟฟ้าถ่านหินแทนน้ำมันเตาก็เลิกมันหมด หันมาตะบี้ตะบันฝากอนาคตไว้กับก๊าซอย่างเดียว

แล้วเป็นไง ก๊าซก็เลยเป็นสินค้า "ผูกขาด" ชะตาอนาคตประเทศไทย ขึ้นราคาวันไหน หรือขี้เกียจส่งก็หยุดส่งก๊าซซักวัน-สองวัน ผลก็คือ ประเทศไทยจะเป็น-จะตายทันตาเห็น

ลงท้ายประชาชนฉิบหายฝ่ายเดียว!

ก๊าซขึ้นราคา กฟผ.ก็ไม่เดือดร้อน :-)ขึ้นมาkuก็เอาไปบวกเป็นค่า Ft รีดกะตังค์ต่อจากชาวบ้าน

ง่ายดีมั้ย..บริหารแบบนี้ ใครมี 4 ขาก็มาบริหารได้ ไม่ต้องใช้รัฐมนตรีหรอก!

เหล่านี้คือสัญญาณเตือนให้ "ฉุกคิด" สองประเด็น คือ ประเด็นแรก การเอารัฐวิสาหกิจซึ่งประกอบธุรกิจผูกขาดเพื่อการบริการประชาชนไปเป็น ธุรกิจผูกขาดสำหรับใช้แสวงหากำไรเพื่อกลุ่มบุคคลที่ผูกขาดผลประโยชน์ อย่างนี้สมควรไหม?

ประเด็นที่สอง การที่รัฐบาลละทิ้งนโยบาย "พลังงานทางเลือก" หันมาทุ่มพลังงานทางเดียว คือก๊าซเช่นนี้ มันอันตรายต่ออนาคตประเทศที่ต้องตระหนักและรีบแก้ไขด่วน ใช่หรือไม่?

เราจะหวังพึ่งแค่น้ำมันเตา กับก๊าซ เห็นจะเป็นหลักประกันอนาคตที่มั่นคงไม่ได้แน่

โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ต่อต้าน และยกเลิกไปแล้วนั้น ผมคิดว่าแนวทางนั้น น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ไทยเราไม่ควรหันหลังให้ชนิด 100%

ก๊าซที่คุยว่าราคาถูก และมีมาก เอาเข้าจริง จะเห็นชัดเจนว่า มันคนละประเด็น-คนละเงื่อนไขกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ซึ่งไร้ทางเลือกยามวิกฤติ

ราคาถูก-ไม่แน่เสมอไป แต่ที่ว่ามีมากนั้น

มันของเขา และอยู่ในกำมือเขา!

ซ้ำบางครั้ง ถึงจะมีเงินซื้อ แต่เขาขายแบบยื่นข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

แล้วจะทำอย่างไร?

ถ้ามองกันให้ดีจะเห็นว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้นโยบาย "รดน้ำรากหญ้า" และทุกนโยบายคล้ายเชื่อมโยงกับ "แผนใหญ่" ทางการบริหารราชการบ้านเมือง อย่างที่เรียกว่าปฏิรูป อะไรทำนองนั้น

แต่เอาเข้าจริง นโยบายการตลาดของรัฐบาล เหมือนแคมเปญโปรโมตสินค้ามือถือรายเดือน แค่ 3 ปีแต่กี่ร้อยนโยบายที่ขุดขึ้นมาปลุกตลาด ผมว่ารัฐบาลเองก็คงจำไม่หมด

แล้วจะไปทำทุกเรื่องที่โม้ไว้ได้ครบอย่างไรกัน?

นโนบายส่วนใหญ่ล้วนปลุกเร้าให้คนตื่นวัตถุ แล้วอัดฉีดเม็ดเงินด้วยรูปแบบต่างๆ ให้ชาวรากหญ้ามาเป็นหนี้

เป็นหนี้ด้วยการเอาเงินที่รัฐบาลอัดฉีดนั้นไปจับจ่ายใช้สอยในสินค้าที่ไม่สร้างความเติบโตที่ต่อเนื่องกับระบบเศรษฐกิจ

ไปเล่นหวย ไปซื้อมือถือ ไปซื้อมอเตอร์ไซค์ ไปแต่งตัวเที่ยวเตร่ ไปกินเหล้าเมายา ธุรกิจเงินด่วน ธุรกิจเงินมักง่าย บัตรเครดิต ที่เกิดพร้อมกับเงินอัดฉีดรากหญ้า เหมือนเบ็ดที่คาปากปลาหน้าโง่ ซึ่งลงท้ายก็ต้องไปดิ้นกระแด่วอยู่บนศาล

ขนาดรถแท็กซี่คันละค่อนล้าน รัฐบาลยังใจคอจะหลอกล่อให้ชาวรากหญ้าไปเป็นหนี้!

3 ปีมานี้ไม่ค่อยได้ยินเลยว่าจะมีอุตสาหกรรมหนักเพื่อการส่งออก โดยใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลักเกิดขึ้น จะเห็นแต่ธุรกิจโฉบฉกแบบฉาบฉวยจากพวกกลุ่มทุน "นำสินค้าฟุ่มเฟือย" เข้ามาขายให้พวกรสนิยมสูง แต่รายได้ต่ำ

นำเข้านาฬิกาเรือนละล้าน นำเข้ามือถือเครื่องละแสน นำเข้าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง น้ำหอม นำเข้าไม้กอล์ฟ นำเข้ารถประกอบนอก แล้วพวกสื่อทาสก็นำมาเป็นข่าวโหมประโคมให้ผู้คนเห็นดี-เห็นงาม

ต่างเข้าใจว่า นี่คือสัญญาณ เศรษฐกิจไทยพ้นสภาพคำว่า "ฟื้นแล้ว" ไปสู่คำว่า "โตแล้ว"

นั่งรถไปตามถนน แหงนสูงหน่อย จะเห็นแต่ป้ายโฆษณาขายบ้านหลังละ 12-20 ล้านบาทขึ้นไป แต่ถ้าก้มต่ำลงมาหน่อย จะเห็นแต่รถยนต์ "ป้ายแดง" จนนึกว่ากรมขนส่งทางบกเขาเปลี่ยนสีป้ายใหม่ทั้งประเทศ

มีพรรคพวกเขารับโทรศัพท์แล้วกระฟัดกระเฟียดให้ฟังว่า "ไอ้ห่...พรรคพวกมันยัวะใหญ่ จะซื้อเบนซ์ 2 คันแต่ขาดตลาด" ผมฟังแล้วก็เห็นภาพประเทศไทยตอนปี 2538-2539 เรื่อยมาจบที่ปี 2540 ชัดเจน ปีหน้า..เตรียม "น้ำตานอง" กันอีกรอบได้แล้ว

จากคุณ : พี่เตือน
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

คนไทยไม่เคยเข็ด นำมาฝากจากพันทิพย์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมมองว่า ถ้าเรามองเจอทางที่แย่แล้ว เราก็ทำให้เราไปในทางที่ดีสิครับ ใช้สมอง ปัญญาคิดหาทางให้เราไม่ต้องเจอเรื่องแย่ อาจไม่ดีขึ้นมาก ก็ขอให้แค่สบายตัว สบายใจก็พอ มีโอกาสขยับขยายก้าวหน้าก็ค่อยลงมือทำ เช่น มีหนี้ ก็ลดหนี้ลง ผ่อนจ่ายให้หมด จะซื้ออะไรก็เก็บเงินรอซื้อเงินสด ค่าไฟฟ้าขึ้นราคาก็ใช้ให้น้อยลงสิครับ การปิดสวิทช์ไฟหลายๆดวงที่ไม่จำเป็นก็ช่วยได้ ทำให้จ่ายค่าไฟน้อยลงแล้ว ถ้าคุณทำงาน ทำการค้ามีเงิน ก็เจียดมาเก็บหุ้นการไฟฟ้าบ้าง คุณก็มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของแล้ว ผมว่าถ้าเราเอาเรื่องร้ายหรือเรื่องไม่ดี มามองหาโอกาส เหมือนที่บอกว่ามองวิกฤติให้เป็นโอกาสครับ ผมเชื่อว่าหลายๆคนก็มีความรู้ สติปัญญาดีๆเก่งกัน น่าจะพลิกแพลงไปในทางที่ดีแก่ตัวเองและครอบครัวได้
Expecto Patronum!!!!!!
derden.
ผู้ติดตาม: 0

พูดง่ายดีจัง

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อย่างที่คุณ HARRYพูดมันก็ดีครับปิดไฟ ใช้น้อย นับตั้งแต่บรรพบุรุษที่เริ่มมีการใช้ไฟฟ้าเขารู้วิธีการประหยัดแบบนี้กันมาตั้งนานแล้วครับ แต่ทำไมรัฐถึงต้องมารณรงค์ในสิ่งที่คนเขารู้กันอยู่แล้ว เพราะมันละเลย ทำไมละเลย ก็มันทำยาก มันไม่ได้ยากที่เดินไปปิดสวิทซ์ไฟ แต่มันยากที่สันดาน ก็เหมือนกันกับเรารู้ว่ากินเหล้าไม่ดี ดูดบุหรี่ไม่ดี ใครๆก็รู้ครับ แล้วทำไมทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ยังขายดีอยู่ แต่ก็มารณรงค์มาอธิบายถึงผลร้าย สุดท้ายก็ที่ปลายทาง อะไรที่บังคับให้คนส่วนใหญ่ทำน่ะมันยาก แต่มันจะง่ายถ้ายอมเสียผลประโยชน์ หยุดผลิตหยุดนำเข้าไปเลย เหล้า บุหรี่ ให้มันรู้กันไปเลยคนที่มันติดอยู่แล้ว ให้มันปรับตัวเหมือนกับที่คุณแฮรีบอก อดทนเอาหน่อยดิ มีความคิดอยู่แล้วนี่ . แต่อนาคตรุ่นลูกเราจะสะกดคำว่าเหล้า กับบุหรี่ไม่ออก ทำได้ไหมล่ะ ก็ยากใช่ไหมครับ

ไฟฟ้าก็เหมือนกันครับจะไปให้คนส่วนใหญ่เขาประหยัดมันก็ยากถึงแม้เขาจะรู้ว่ามันดีสำหรับเขาที่ไม่ต้องจ่ายตังค์เยอะในแต่ละเดือน ยิ่งจะให้ชาวบ้านเขาเก็บเงินมาซื้อหุ้นการไฟฟ้า นั่นน่ะมันได้สำหรับคุณ ประเทศไทยมีกลุ่มคนไม่ถึง 10% ที่รู้ว่าเขาซื้อขายหุ้นกันอย่างไร สุดท้ายคุณก็ปล่อยให้คนอีก 90% ต้องรับภาระ คุณก็มีความคิดไม่ต่างไปจากนักการเมืองที่หวังผลประโยชน์จากความรู้ จากโอกาสของตนเองที่มากกว่า แทนที่จะให้ประโยชน์ ให้ความเสมอภาค ให้...กับคนที่เขาไม่มีเหมือนคุณ คุณคิดแทนคน 90 % ของประเทศไม่ได้หรอกครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

คนไทยไม่เคยเข็ด นำมาฝากจากพันทิพย์

โพสต์ที่ 4

โพสต์

แสดงว่าเกิดจากการที่คนไทยยังมีการศึกษาในระดับที่สูงพอนั้น น้อยมาก แสดงถึงการที่รัฐบาลบริหารประเทศห่วย การศึกษาถือเป็นระดับพื้นฐานของคนในประเทศ ดังนั้นถ้าคนไทยมีระดับการศึกษาสูงขึ้นน่าจะทำให้โดยรวมดีขึ้นครับ
Expecto Patronum!!!!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
shadow_attack
Verified User
โพสต์: 43
ผู้ติดตาม: 0

คนไทยไม่เคยเข็ด นำมาฝากจากพันทิพย์

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เศรษฐกิจแบบทุนนิยมมันก็มีความเหลื่อมล้ำกันอย่างงี้แหละครับ แต่โดยเฉลี่ยแล้วมันก็ยังดีกว่าสังคมนิยมที่จนกันถ้วนหน้าจนต้องเข้าคิวรับอาหารเหมือนโซเวียตสมัยก่อน อีกอย่างผมคิดว่ารัฐวิสาหกิจยังไงมันก็มีกำไรอยู่แล้วเอากำไรมาให้คนบางคนยังดีกว่ามาให้นักการเมืองโกงกิน
ล็อคหัวข้อ