ขอมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ขอมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยครับ
โพสต์ที่ 1
ตอนนี้ มีข่าวร้ายมากมายมากระทบกับตลาดหุ้น ไม่ว่าข่าวหวัดนก ข่าวภาคใต้ ข่าวหวัดนกกลายพันธ์ ข่าวคุมเน็ตเซตเติลเมนท์
แต่จริงๆ ผมว่าปัจจัยที่กระทบอย่างตรงไปตรงมาที่สุดกับภาวะตลาดหุ้นตอนนี้ก็คือ ผลประกอบการไตรมาสหนึ่งที่ออกมาครับ ซึ่งเป็นผลประกอบการที่ผสมผสานระหว่างการเติบโตกับการลดลงของกำไรสุทธิ ครับ แล้วทำไมหุ้นเกือบทุกตัวในตลาดร่วงกันหมดละ
ลองดูนะครับ ปูนใหญ่ประกาศผลประกอบการเติบโต 30% ปี 2546 ผลตอบแทนระหว่างราคาวันผลประกอบการกับวันนี้ติดลบครับ
แอดวานซ์ อินโฟร์ เพิ่งประกาศผลประกอบการวันนี้ เติบโตดีมากเกือบร้อยเปอร์เซนต์ และปันผลอีก 2.5 บาท ราคาวันนี้ เท่าเดิมครับ
PSL ประกาศเหมือนกันวันนี้ โตไม่รู้กี่ร้อยเปอร์เซนต์ ราคาวันนี้ ติดลบครับ
ผมคงไม่กล้าบอกว่าราคาในช่วงสั้นบอกอะไรอย่างเป็นนัยะเกี่ยวกับราคาในอนาคตของหุ้นหลายๆ ตัวนี้หรอกครับ แต่ทุกๆ อย่างมันบอก message อันนึงที่ตลาดมองราคาหุ้นครับ นั่นก็คือ ตลาดมีความคาดหวังกับผลประกอบการ ถ้าผลประกอบการเป็นไปตามคาด ก็จะมีผลบวกกับราคาหุ้น ถ้าความคาดหวังกับความจริง ผิดกันไป ราคาหุ้นก็จะมีความผันผวนครับ
ดังนั้นผมมองว่าการที่ตลาดลงในช่วงนี้เป็นช่วงที่ปรับอารมณ์ของนายตลาดให้กลับมามองตลาดหุ้นเมืองไทยแบบมีเป้าหมายที่ลดลงกว่าเดิมครับ ไม่เว่อร์มากเหมือนปีที่แล้ว ที่บรรดาพวกโบรกเกอร์ต้องปรับประมาณการราคาหุ้นและ EPS ให้สูงขึ้นเกือบเป็นรายวัน
ต่อจากตรงนี้กลับมาดูพื้นฐานหุ้นกันว่ามันจะสร้าง EPS ได้มากเท่ากับราคาที่เราจ่ายไปและความเสี่ยงของกิจการได้หรือไม่ ถ้าได้หุ้นนั้นก็ขึ้น ถ้าไม่ได้ หุ้นนั้นก็ลง หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ
อ่านมาตั้งนานแล้วมันเป็นการมองแง่ดียังไงหรือครับ ผมยังมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจนะครับ ว่าปีนี้ การลงทุนภาคเอกชนและรัฐจะเป็นตัวนำเศรษฐกิจในปีนี้ครับ บวกกับการส่งออกที่แม้จะเติบโตลดลงแต่ก็เป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจได้อีกปีครับ ดังนั้นผมมองในมุมมองของผมเองว่า ตลาดหุ้นพักฐานเพื่อปรับความคาดหวังในผลประกอบการให้มัน "สมเหตุสมผล" มากขึ้นและไม่เวอร์จนเกินไป หุ้นที่มีผลประกอบการดีเท่ากับความคาดหวัง จะให้ผลตอบแทนดีครับ ถ้าหุ้นไหนมีการคาดหวังกันมากเกินไป ก็โปรดระวังครับ ผลตอบแทนจะลดลงแน่ๆ ถ้ากำไรที่ได้ไม่ได้ตามคาดถึงแม้ว่าจะดีกว่าปีที่แล้วก็เฮอะ
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการเลือกหุ้นในปีนี้ครับ
แต่จริงๆ ผมว่าปัจจัยที่กระทบอย่างตรงไปตรงมาที่สุดกับภาวะตลาดหุ้นตอนนี้ก็คือ ผลประกอบการไตรมาสหนึ่งที่ออกมาครับ ซึ่งเป็นผลประกอบการที่ผสมผสานระหว่างการเติบโตกับการลดลงของกำไรสุทธิ ครับ แล้วทำไมหุ้นเกือบทุกตัวในตลาดร่วงกันหมดละ
ลองดูนะครับ ปูนใหญ่ประกาศผลประกอบการเติบโต 30% ปี 2546 ผลตอบแทนระหว่างราคาวันผลประกอบการกับวันนี้ติดลบครับ
แอดวานซ์ อินโฟร์ เพิ่งประกาศผลประกอบการวันนี้ เติบโตดีมากเกือบร้อยเปอร์เซนต์ และปันผลอีก 2.5 บาท ราคาวันนี้ เท่าเดิมครับ
PSL ประกาศเหมือนกันวันนี้ โตไม่รู้กี่ร้อยเปอร์เซนต์ ราคาวันนี้ ติดลบครับ
ผมคงไม่กล้าบอกว่าราคาในช่วงสั้นบอกอะไรอย่างเป็นนัยะเกี่ยวกับราคาในอนาคตของหุ้นหลายๆ ตัวนี้หรอกครับ แต่ทุกๆ อย่างมันบอก message อันนึงที่ตลาดมองราคาหุ้นครับ นั่นก็คือ ตลาดมีความคาดหวังกับผลประกอบการ ถ้าผลประกอบการเป็นไปตามคาด ก็จะมีผลบวกกับราคาหุ้น ถ้าความคาดหวังกับความจริง ผิดกันไป ราคาหุ้นก็จะมีความผันผวนครับ
ดังนั้นผมมองว่าการที่ตลาดลงในช่วงนี้เป็นช่วงที่ปรับอารมณ์ของนายตลาดให้กลับมามองตลาดหุ้นเมืองไทยแบบมีเป้าหมายที่ลดลงกว่าเดิมครับ ไม่เว่อร์มากเหมือนปีที่แล้ว ที่บรรดาพวกโบรกเกอร์ต้องปรับประมาณการราคาหุ้นและ EPS ให้สูงขึ้นเกือบเป็นรายวัน
ต่อจากตรงนี้กลับมาดูพื้นฐานหุ้นกันว่ามันจะสร้าง EPS ได้มากเท่ากับราคาที่เราจ่ายไปและความเสี่ยงของกิจการได้หรือไม่ ถ้าได้หุ้นนั้นก็ขึ้น ถ้าไม่ได้ หุ้นนั้นก็ลง หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ
อ่านมาตั้งนานแล้วมันเป็นการมองแง่ดียังไงหรือครับ ผมยังมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจนะครับ ว่าปีนี้ การลงทุนภาคเอกชนและรัฐจะเป็นตัวนำเศรษฐกิจในปีนี้ครับ บวกกับการส่งออกที่แม้จะเติบโตลดลงแต่ก็เป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจได้อีกปีครับ ดังนั้นผมมองในมุมมองของผมเองว่า ตลาดหุ้นพักฐานเพื่อปรับความคาดหวังในผลประกอบการให้มัน "สมเหตุสมผล" มากขึ้นและไม่เวอร์จนเกินไป หุ้นที่มีผลประกอบการดีเท่ากับความคาดหวัง จะให้ผลตอบแทนดีครับ ถ้าหุ้นไหนมีการคาดหวังกันมากเกินไป ก็โปรดระวังครับ ผลตอบแทนจะลดลงแน่ๆ ถ้ากำไรที่ได้ไม่ได้ตามคาดถึงแม้ว่าจะดีกว่าปีที่แล้วก็เฮอะ
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการเลือกหุ้นในปีนี้ครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- wpong
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1336
- ผู้ติดตาม: 0
ขอมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยครับ
โพสต์ที่ 2
เห็นด้วยครับ
ผมว่าเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นพื้นฐานดี สภาพคล่องต่ำบางตัวซึ่งราคาลงมามาก คงไม่มีใครบอกได้ว่าจะต่ำที่สุดเท่าไร แต่เราบอกตัวเราเองได้ว่าราคาเท่าไรที่ซื้อแล้วนอนหลับไม่กังวล
หวังว่าทุกคนได้ในสิ่งที่ควรจะได้
8)
ผมว่าเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นพื้นฐานดี สภาพคล่องต่ำบางตัวซึ่งราคาลงมามาก คงไม่มีใครบอกได้ว่าจะต่ำที่สุดเท่าไร แต่เราบอกตัวเราเองได้ว่าราคาเท่าไรที่ซื้อแล้วนอนหลับไม่กังวล
หวังว่าทุกคนได้ในสิ่งที่ควรจะได้
8)
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ขอมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยครับ
โพสต์ที่ 4
ผมว่า BigC Makro EGCOMP กะ SPI ต้องพุ่งกะฉูดครับเฮียเจ๋ง อิอิ
ที่ให้ผมวิเคราะห์นะ มันก็เหมือนเดาแหละพี่ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าส่วนใหญ่ผิดมากกว่าถูกครับ
ลองดูครับ ว่า ถ้า FDI (foreign direct investment) ดีๆ หุ้นไหนได้รับอานิสงส์ ไม่อยากบอกเลยกลัวผิดอีก เฮ้อ
ความเห็นส่วนตัวสุดๆ ครับ
ที่ให้ผมวิเคราะห์นะ มันก็เหมือนเดาแหละพี่ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าส่วนใหญ่ผิดมากกว่าถูกครับ
ลองดูครับ ว่า ถ้า FDI (foreign direct investment) ดีๆ หุ้นไหนได้รับอานิสงส์ ไม่อยากบอกเลยกลัวผิดอีก เฮ้อ

ความเห็นส่วนตัวสุดๆ ครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ขอมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยครับ
โพสต์ที่ 6
ปีนี้น่าติดตามการลงทุนภาคเอกชนครับ การใช้กำลังการผลิต หากปรับตัวดีขึ้นก็จะทำให้ผลประกอบการดีขึ้น แต่ยังไงก็ต้องเลือกให้ดี ไม่งั้นแย่แน่
ตลาดอย่างนี้ก็ดีครับ ผมชอบไม่งันเห็นบริษัทไหนดีๆ หันมาอีกทีไปซะแล้ว อย่างนั้แหละรอดูจนละเอียดแล้วค่อยลุยยังทันเลย
ตลาดอย่างนี้ก็ดีครับ ผมชอบไม่งันเห็นบริษัทไหนดีๆ หันมาอีกทีไปซะแล้ว อย่างนั้แหละรอดูจนละเอียดแล้วค่อยลุยยังทันเลย
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
ขอมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยครับ
โพสต์ที่ 7
ชอบตลาดแบบนี้เหมือนกันครับ
ทำให้มีเวลาไตร่ตรองมากขึ้น คิดมากขึ้น
ช่วงตอน พค. มิย. ปีก่อน ผมใช้ตะแกรงเบอร์ที่ห่างมากครับ มีหุ้นที่เข้าข่าย (ติดตะแกรง) มาพอสมควร
หลังจากนั้น ประมาณ 3 เดือน ปริมาณหุ้นติดตะแกรง น้อยลงมาก ทำให้ผมต้องปรับตะแกรงใหม่ ให้มันถี่ขึ้น ด้วยความที่กลัวจะพลาดโอกาส
มาช่วงปลายปี หุ้นที่ติดตะแกรงใหม่ เริ่มน้อยลงอีกแล้ว ทำให้ผมปรับตะแกรงอีก คราวนี้เริ่มมีเศษทราย เศษไม้ ติดมาด้วย
... หลังจาก panic ไข้หวัดนก ปรากฏว่า ตะแกรงมันตันครับ มีเศษดินไปอุดตามร่องตะแกรงเต็มไปหมด เกือบทำให้ผมต้องเทกระจาด ล้างตะแกรงใหม่
แต่โชคดีที่นักร่อนหุ้นท่านอื่น ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นเดียวกัน ทำอะไรไม่ค่อยถูก งกงกเงิ่นเงิ่น กันไปทั้งตลาด ทำให้ผมมีเวลา กลับไปเอาตะแกรงเบอร์ 2 มาปัดฝุ่นใช้อีกครั้ง ตะแกรงเบอร์ 3 คงจะได้พับเก็บไว้ก่อน
ก็หวังว่า จะไม่ถึงกลับ เปลี่ยนมาตรฐานไปใช้ตะแกรงเบอร์ 1 กันนะครับ เสียดายเวลาร่อนน่ะ อุตสาห์ร่อนมาตั้งนาน ...
ทำให้มีเวลาไตร่ตรองมากขึ้น คิดมากขึ้น
ช่วงตอน พค. มิย. ปีก่อน ผมใช้ตะแกรงเบอร์ที่ห่างมากครับ มีหุ้นที่เข้าข่าย (ติดตะแกรง) มาพอสมควร
หลังจากนั้น ประมาณ 3 เดือน ปริมาณหุ้นติดตะแกรง น้อยลงมาก ทำให้ผมต้องปรับตะแกรงใหม่ ให้มันถี่ขึ้น ด้วยความที่กลัวจะพลาดโอกาส
มาช่วงปลายปี หุ้นที่ติดตะแกรงใหม่ เริ่มน้อยลงอีกแล้ว ทำให้ผมปรับตะแกรงอีก คราวนี้เริ่มมีเศษทราย เศษไม้ ติดมาด้วย
... หลังจาก panic ไข้หวัดนก ปรากฏว่า ตะแกรงมันตันครับ มีเศษดินไปอุดตามร่องตะแกรงเต็มไปหมด เกือบทำให้ผมต้องเทกระจาด ล้างตะแกรงใหม่
แต่โชคดีที่นักร่อนหุ้นท่านอื่น ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นเดียวกัน ทำอะไรไม่ค่อยถูก งกงกเงิ่นเงิ่น กันไปทั้งตลาด ทำให้ผมมีเวลา กลับไปเอาตะแกรงเบอร์ 2 มาปัดฝุ่นใช้อีกครั้ง ตะแกรงเบอร์ 3 คงจะได้พับเก็บไว้ก่อน
ก็หวังว่า จะไม่ถึงกลับ เปลี่ยนมาตรฐานไปใช้ตะแกรงเบอร์ 1 กันนะครับ เสียดายเวลาร่อนน่ะ อุตสาห์ร่อนมาตั้งนาน ...
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
ขอมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยครับ
โพสต์ที่ 8
ราคาหุ้นมันคงขึ้นมารับผลประกอบการณ์มากเกินไปแล้วมั้งครับก็เลยโดน sell on fact ปรับลดลงบ้าง เป็นปกติของหุ้นที่มีนักเก็งกำไรเข้ามาเล่นมากๆ
คุณ Minesweeper มีเศษไม้เศษดินติด ผมมีแต่เศษกระเบื้อง นี่รอให้มันถล่มกันแรงๆจะเก็บเศษบัวหรือไม่ก็รวงข้าว ส่วนเศษไม้เศษเหล็กผมไม่ค่อยชอบ เวลาเสี้ยนแหลมๆจิ้ม มันเข้าเนื้ออะครับ หุๆๆๆๆๆ
คุณ Minesweeper มีเศษไม้เศษดินติด ผมมีแต่เศษกระเบื้อง นี่รอให้มันถล่มกันแรงๆจะเก็บเศษบัวหรือไม่ก็รวงข้าว ส่วนเศษไม้เศษเหล็กผมไม่ค่อยชอบ เวลาเสี้ยนแหลมๆจิ้ม มันเข้าเนื้ออะครับ หุๆๆๆๆๆ