ย้อนรอย stpi
-
- Verified User
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 31
ผมคิดว่าตัวนี้คงไม่ถึงกับเป็นโรคเอดส์หรอกครับ คิดว่าอาจจะเป็นแค่โรคหวัด 1-2 วันเดี๋ยวก็หายละครับ ตอนนี้อาการเพิ่งกำเริบแต่นอนพักพ่อนมากหน่อยเดี๋ยวก็หายครับ
ขอบคุณคุณสามัญชนที่ช่วยวิเคราะห์ให้ครับ จะถือต่อไปครับถ้าวันนี้ลงมากมากก็จะรับเพิ่มเผื่อถัวราคาได้ บางครั้งราคาหุ้นก็ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงสุขภาพของบริษัทนะครับ เพียงแต่พวกเราเอามันมาเป็นบรรทัดฐานเองว่ามันจะสะท้อนสุขภาพ บางครั้งหุ้นที่ดีดีหลายตัวราคาก็ไม่ค่อยสะท้อนว่าดีหรือไม่ดี อย่างเช่นหลายหลายตัวที่ในเวบนี้เชียร์กันนะครับ คิดว่าถ้าหุ้นเขียวเมื่อไหร่ความกังวลต่างต่างก็จะหายไปเองนะครับ หุ้นทุกตัวคงไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบเสมอไปหรอกครับ ต้องมีอุปสรรคบ้างเป็นบางครั้งครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ
ขอบคุณคุณสามัญชนที่ช่วยวิเคราะห์ให้ครับ จะถือต่อไปครับถ้าวันนี้ลงมากมากก็จะรับเพิ่มเผื่อถัวราคาได้ บางครั้งราคาหุ้นก็ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงสุขภาพของบริษัทนะครับ เพียงแต่พวกเราเอามันมาเป็นบรรทัดฐานเองว่ามันจะสะท้อนสุขภาพ บางครั้งหุ้นที่ดีดีหลายตัวราคาก็ไม่ค่อยสะท้อนว่าดีหรือไม่ดี อย่างเช่นหลายหลายตัวที่ในเวบนี้เชียร์กันนะครับ คิดว่าถ้าหุ้นเขียวเมื่อไหร่ความกังวลต่างต่างก็จะหายไปเองนะครับ หุ้นทุกตัวคงไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบเสมอไปหรอกครับ ต้องมีอุปสรรคบ้างเป็นบางครั้งครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 32
ผมมีคำถามเกี่ยวกับงบกระแสเงินสดเหมือนกันครับ
ซึ่งผมงงมาก
ทำไมมีการบวก 120 ล้าน หนึ่งครั้งตอนก่อนปรับทรัพย์สิน
และ ลบ 120 ล้านอีกครั้งตอนปรับมูลค่าทรัพย์สินครับ
อยู่ๆ เงินสด 120 ล้านก็หายวับไปครับทั้งๆที่ควรอยู่ในส่วนของ operation cashflow ครับ
ซึ่งผมงงมาก
ทำไมมีการบวก 120 ล้าน หนึ่งครั้งตอนก่อนปรับทรัพย์สิน
และ ลบ 120 ล้านอีกครั้งตอนปรับมูลค่าทรัพย์สินครับ
อยู่ๆ เงินสด 120 ล้านก็หายวับไปครับทั้งๆที่ควรอยู่ในส่วนของ operation cashflow ครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 33
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมมีคำถามเกี่ยวกับงบกระแสเงินสดเหมือนกันครับ
ซึ่งผมงงมาก
ทำไมมีการบวก 120 ล้าน หนึ่งครั้งตอนก่อนปรับทรัพย์สิน
และ ลบ 120 ล้านอีกครั้งตอนปรับมูลค่าทรัพย์สินครับ
อยู่ๆ เงินสด 120 ล้านก็หายวับไปครับทั้งๆที่ควรอยู่ในส่วนของ operation cashflow ครับ
เงินสด 120 ล้านกลายเป็นค่าใช้จ่าย 120 ล้าน แต่เนื่องจากยังไม่ได้จ่ายจริง
ก็ต้องเก็บเป็นรูปสำรองหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้น 120 ล้าน
เข้าใจแค่นี้อะครับ
- กระทิงแดง
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 34
ผมว่าจะถามเค้าเหมือนกัน แล้วจะมาโพสตอบให้ครับsunrise เขียน:ผมมีคำถามเกี่ยวกับงบกระแสเงินสดเหมือนกันครับ
ซึ่งผมงงมาก
ทำไมมีการบวก 120 ล้าน หนึ่งครั้งตอนก่อนปรับทรัพย์สิน
และ ลบ 120 ล้านอีกครั้งตอนปรับมูลค่าทรัพย์สินครับ
อยู่ๆ เงินสด 120 ล้านก็หายวับไปครับทั้งๆที่ควรอยู่ในส่วนของ operation cashflow ครับ
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 35
พี่หมอศรรามครับ ผมมีความเห็นเรื่องคดีความของ STPI ดังนี้ ครับ
1) STPI ทิ้งงาน ผมว่าอย่างไรก้อโดนเรื่องผิดสัญญา แน่นอน ครับ จะมากถึง 6.8 ล้านเหรียญหรือไม่นั้น ต้องสืบพยาน ครับ (ใช้เวลานานโคตรๆ ครับ มีเห็น 2-3 ปี ฮะ / สู้ถึงศาลฎีกาเหมือน CK ชัวร์ครับ)
2) สัญญาจ้างทำของ ผมว่า STPI มีสิทธิ์ "ไม่ได้รับ" เงินค่าจ้างที่ทำไปแล้ว ครับ เพราะงานไม่เสร็จสมบูรณ์
คดีความนี้ เป็นคดีที่มาจากการอยู่ในระหว่างบริหารของผู้บริหารชุดเก่า ครับ
การฟ้องแย้งนั้น ผมว่าไม่มีน้ำหนักเลย ครับ เหมือนฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่า
ฉะนั้น ผมมองว่า ที่ฝ่ายกฎหมายของ STPI มีความเห็นให้กันเงิน 120 ล้านบาทไว้เผื่อคดีนี้ เป็นสิ่งที่มีน้ำหนัก ครับ ผมเห็นด้วย ครับ
มองคร่าวๆ แบบทั่วไปนั้น
โอกาสที่ STPI จะชนะคดีนั้น มีน้อยมาก ครับ / เว้นเสียแต่ว่า จะตั้งอนุญาโตตุลาการเพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดังกล่าว จึงอาจไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากๆ ก้อเป็นได้ ครับ
ฉะนั้น วันนี้หุ้นตก เราควรทำอย่างไรดี ... :lol: :lol: :lol:
รอดูไปก่อน ครับ ...
1) STPI ทิ้งงาน ผมว่าอย่างไรก้อโดนเรื่องผิดสัญญา แน่นอน ครับ จะมากถึง 6.8 ล้านเหรียญหรือไม่นั้น ต้องสืบพยาน ครับ (ใช้เวลานานโคตรๆ ครับ มีเห็น 2-3 ปี ฮะ / สู้ถึงศาลฎีกาเหมือน CK ชัวร์ครับ)
2) สัญญาจ้างทำของ ผมว่า STPI มีสิทธิ์ "ไม่ได้รับ" เงินค่าจ้างที่ทำไปแล้ว ครับ เพราะงานไม่เสร็จสมบูรณ์
คดีความนี้ เป็นคดีที่มาจากการอยู่ในระหว่างบริหารของผู้บริหารชุดเก่า ครับ
การฟ้องแย้งนั้น ผมว่าไม่มีน้ำหนักเลย ครับ เหมือนฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่า
ฉะนั้น ผมมองว่า ที่ฝ่ายกฎหมายของ STPI มีความเห็นให้กันเงิน 120 ล้านบาทไว้เผื่อคดีนี้ เป็นสิ่งที่มีน้ำหนัก ครับ ผมเห็นด้วย ครับ
มองคร่าวๆ แบบทั่วไปนั้น
โอกาสที่ STPI จะชนะคดีนั้น มีน้อยมาก ครับ / เว้นเสียแต่ว่า จะตั้งอนุญาโตตุลาการเพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดังกล่าว จึงอาจไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากๆ ก้อเป็นได้ ครับ
ฉะนั้น วันนี้หุ้นตก เราควรทำอย่างไรดี ... :lol: :lol: :lol:
รอดูไปก่อน ครับ ...
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 36
ขอบคุณน้องบีมมากครับ :lol:
:lol: :lol:
เจ๋ง wrote
หนี้ทั้งหมดปี 48 มีอยู่ 964 ลบ. ปี49 มีหนี้ 680ลบ. ก็ลดลง 284 ลบ.
แตว่ายอดหนี้ 680 ลบ.นี้ได้รวมหนี้จากการตั้งสำรอง 120 ลบ.ไปด้วย
ซึ่งถ้าไม่คิดรายการตั้งสำรองนี้(เพราะปี48ไม่ได้คิด) หนี้จะลดลง 284+120= 404 ลบ.ไงครับ
ส่วนหนี้ทีเกิดจากเงินรับล่วงหน้าค่าก่อสร้าง ก็อยู่ที่ตำแหน่ง E71และ G71 ในexel อ่ะครับ
:lol: :lol:
เจ๋ง wrote
ไม่ใช่ลดลงแล้วเหลือหนี้ 404 ลบ.ครับ แต่ว่าลดลง 404 ลบ.ถ้าเทียบกับปี48 นี่ไง.....ตรงนี้ดูอย่างไรในงบดุล ถ้าลด 120 ล้าน แล้ว หนี้สินทำไมเหลือ 404 ล้าน
และ รายรับล่วงหน้าค่าก่อสร้าง มันอยู่ตรงไหน
อ่านสองรอบ มองไม่เห็นครับ
เอาล่ะ เอาใหม่นะครับ7. เอาล่ะ เรายังพิสูจน์ไม่ได้เสียที งั้นมาดูเนื้อหาในงบกันหน่อย เริ่มต้นที่ งบดุล ก็พบว่าสินทรัพย์ลดลงแฮะ จาก 1,545 ลบ. มาเหลือ 1,523 ลบ. แต่หนี้สินก็ลดลงด้วยนะ ลดลงจาก964 ลบ.เหลือ 680 ลบ. และถ้าดูดีๆ ปี2549 มีการตั้งสำรองหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้น ตั้ง 120 ลบ.ด้วยสิ ถ้าไม่ตั้งตัวนี้ หนี้สินก็จะลดลงถึง 404 ลบ.ทีเดียว และนี่ขนาดเอารายรับล่วงหน้าค่าก่อสร้าง 130ลบ. มาลงเป็นลูกหนี้ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 70 ลบ.ด้วยนะ
หนี้ทั้งหมดปี 48 มีอยู่ 964 ลบ. ปี49 มีหนี้ 680ลบ. ก็ลดลง 284 ลบ.
แตว่ายอดหนี้ 680 ลบ.นี้ได้รวมหนี้จากการตั้งสำรอง 120 ลบ.ไปด้วย
ซึ่งถ้าไม่คิดรายการตั้งสำรองนี้(เพราะปี48ไม่ได้คิด) หนี้จะลดลง 284+120= 404 ลบ.ไงครับ
ส่วนหนี้ทีเกิดจากเงินรับล่วงหน้าค่าก่อสร้าง ก็อยู่ที่ตำแหน่ง E71และ G71 ในexel อ่ะครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
คราวๆๆ
โพสต์ที่ 38
อาจไม่ 100% ครับ เพราะไม่ได้ดูงบกระแสsunrise เขียน:ผมมีคำถามเกี่ยวกับงบกระแสเงินสดเหมือนกันครับ
ซึ่งผมงงมาก
ทำไมมีการบวก 120 ล้าน หนึ่งครั้งตอนก่อนปรับทรัพย์สิน
และ ลบ 120 ล้านอีกครั้งตอนปรับมูลค่าทรัพย์สินครับ
อยู่ๆ เงินสด 120 ล้านก็หายวับไปครับทั้งๆที่ควรอยู่ในส่วนของ operation cashflow ครับ
เงินไม่ได้หายไปไหนครับ มันไปอยู่ในเงินลงทุนในหลักทรัพย์ครับ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 39
แปลกครับ
ในOPCF บวกกลับก็ถูกแล้ว
พอลงมาดูบอกว่าหนี้สินลดลงแล้วหักกลับ จริงๆแล้วหนี้สินมันเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองนี่หว่า
รายการนี้เพิ่มที่หนี้สิน และไปเพิ่มที่ค่าใช้จ่าย กระทบไปที่กำไรลดลง และจะกระทบไปที่กำไรสะสมในส่วนทุนทำให้งบดุลส่วนหนี้สินกับส่วนทุนดุลกัน ไม่น่ากระทบกับเงินสด
ฉนั้นการบวกกลับที่กำไรในOPCFก็OKแล้ว แต่ดันมาหักออกจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินไม่น่าจะถูก
ทั้งหมดทั้งปวง ต้องถามผู้บริหาร และถ้าผิดก็เจาะกะโหลกผู้สอบบัญชีได้เลย
ในOPCF บวกกลับก็ถูกแล้ว
พอลงมาดูบอกว่าหนี้สินลดลงแล้วหักกลับ จริงๆแล้วหนี้สินมันเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองนี่หว่า
รายการนี้เพิ่มที่หนี้สิน และไปเพิ่มที่ค่าใช้จ่าย กระทบไปที่กำไรลดลง และจะกระทบไปที่กำไรสะสมในส่วนทุนทำให้งบดุลส่วนหนี้สินกับส่วนทุนดุลกัน ไม่น่ากระทบกับเงินสด
ฉนั้นการบวกกลับที่กำไรในOPCFก็OKแล้ว แต่ดันมาหักออกจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินไม่น่าจะถูก
ทั้งหมดทั้งปวง ต้องถามผู้บริหาร และถ้าผิดก็เจาะกะโหลกผู้สอบบัญชีได้เลย
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 40
อา.....เห็นราคาหุ้นแล้วครับ
หุ้นลงน้อยกว่าที่คิดเยอะครับ........
ถ้าเจ้ามีจริง เจ้าก็คงเก็บหุ้นได้ไม่เท่าไหร่ ถ้าเก็บได้น้อยแล้วเขาจะลากไหมเนี่ย......
วัยรุ่นยุคนี้ยิ่งไม่ค่อยกลัวเอดส์กันหรือไร
ดูท่าน้องเขาก็ไม่ได้เป็นเอดส์อย่างพี่ key ว่าเสียด้วยสิ
หุ้นลงน้อยกว่าที่คิดเยอะครับ........
ถ้าเจ้ามีจริง เจ้าก็คงเก็บหุ้นได้ไม่เท่าไหร่ ถ้าเก็บได้น้อยแล้วเขาจะลากไหมเนี่ย......
วัยรุ่นยุคนี้ยิ่งไม่ค่อยกลัวเอดส์กันหรือไร
ดูท่าน้องเขาก็ไม่ได้เป็นเอดส์อย่างพี่ key ว่าเสียด้วยสิ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 42
เป็นไปได้สูงทีเดียว ครับJeng เขียน:beammy ครับเป็นไปได้หรือไม่ ว่าปลายปี 2550 จะมีการตั้งสำรองเพิ่มอีก
6.8*33 เท่ากับ 224.40 -120 = 104.40 ล้านบาท
เพื่อให้ครบตามจำนวนฟ้องครับ
เห็นบอกว่า น้องเป็นทนายความ ก็เลยถาม แต่จริงๆไม่ได้ซีเรียสอะไรตรงนี้
เพราะธรรมชาติของธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้นนั้น หากมีอะไรที่ต้องเคลียร์ เค้าก้อต้องใช้เงินสดที่เค้าหามาได้เยอะๆ ในระหว่างนั้น เป็นทุนสำรอง เพื่อเอาไว้ใช้เผื่ออะไรต่อมิอะไรที่มันต้องเคลียร์ ครับ
อย่างปี 2549 ที่มีเงินสดเยอะ ก้อต้องกันเงินไว้ เพื่อคดีนี้ นั่นเอง ครับ
** แต่โจทก์ในคดีนี้ (คู่ความของ STPI) ก้อต้องนำสืบพยานหลักฐานในคดีให้เห็นอย่างประจักษ์ชัดด้วยครับ ว่า คุณเสียหายถึง 6.8 ล้านเหรียญดังที่ร้องขอมาในคดี หรือไม่ ถ้าเสียหายไม่ถึงขั้นนั้น ก้อเรียก 6.8 ล้านเหรียญนี้ไม่ได้ ครับ (คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณา และขั้นตอนไต่สวนต่างๆ -- ผมยังไม่เห็นข้อมูลเหมือนกัน ครับ / ถ้าเห็นข้อมูลแล้ว อาจจะมีความเห็นเพิ่มเติมในภายหลัง ครับ)
ป.ล. ผมไม่ใช่ทนายความ ครับพี่ Jeng / เป็นเพียงลูกเจ้าของกิจการธรรมดาๆ ที่จบกฎหมายมา ครับ ...
-
- Verified User
- โพสต์: 933
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 44
งั้นก็มาลุ้นปันผลก็แล้วกัน ใครไปประชุมผู้ถือหุ้นผมฝากด้วยและมอบอำนาจให้ด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 933
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 45
-
- Verified User
- โพสต์: 674
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 46
120 ล้านที่หายไป ไปโผล่ที่ลูกหนี้การค้าที่ลดลงครับ
งง เหมือนกัน แต่เงินไม่ได้หายไปไหนแน่ครับ
สรุป
บวกกลับตั้งสำรอง 120 ล้าน ถูกต้องแล้ว
หัก 120 ล้านจากหนี้สินจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น (ไม่น่าจะถูก)
บวกกลับ ลูกหนี้ลดลง 494 ล้าน (เกินมา 120 ล้าน ในงบดุลลดลงแค่ 374 ล้าน)
รวมความเบ็ดเสร็จเงินสดไม่ได้หายไปไหนครับ
งง เหมือนกัน แต่เงินไม่ได้หายไปไหนแน่ครับ
สรุป
บวกกลับตั้งสำรอง 120 ล้าน ถูกต้องแล้ว
หัก 120 ล้านจากหนี้สินจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น (ไม่น่าจะถูก)
บวกกลับ ลูกหนี้ลดลง 494 ล้าน (เกินมา 120 ล้าน ในงบดุลลดลงแค่ 374 ล้าน)
รวมความเบ็ดเสร็จเงินสดไม่ได้หายไปไหนครับ
- edd
- Verified User
- โพสต์: 325
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 47
[quote="Jeng"]คุณฉัตรชัย กรุณาสอนหมอสามัญชน ดูงบเงินสดหน่อยครับ
ส่วนหมอก็สอนพี่หน่อยว่า
ส่วนหมอก็สอนพี่หน่อยว่า
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ปี2549 มีการตั้งสำรองหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้น
คนเราไม่เคยเดินสะดุดภูเขาล้ม สิ่งที่เราสะดุดก็คือเหล่ากอหญ้าและก้อนหินทั้งหลาย ดังนั้น ถ้าเราสามารถเดินผ่านพวกมันไปได้ เราก็สามารถเดินข้ามภูเขาได้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 48
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ที่คุณหมอพูดถึงการตั้งสำรองหนี้สิน 120 ล้าน ไม่ใช่ทำให้หนี้สินเหลือ 404 ล้าน แต่หมายถึงจะทำให้หนี้สินลดลง 404 ล้านคับ (986-681-120)
ส่วนที่คุณหมอพูดถึงรายรับล่วงหน้าค่าก่อสร้าง 130 ล้าน นั้น คุณหมอคงพิมพ์ผิด ที่จริงจะพิมพ์ว่าเจ้าหนี้แต่ไปพิมพ์เป็นลูกหนี้
_________________
986-681-120 = 185 ไม่ใช่หรือ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 49
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เอาล่ะ เอาใหม่นะครับ
หนี้ทั้งหมดปี 48 มีอยู่ 964 ลบ. ปี49 มีหนี้ 680ลบ. ก็ลดลง 284 ลบ.
แตว่ายอดหนี้ 680 ลบ.นี้ได้รวมหนี้จากการตั้งสำรอง 120 ลบ.ไปด้วย
ซึ่งถ้าไม่คิดรายการตั้งสำรองนี้(เพราะปี48ไม่ได้คิด) หนี้จะลดลง 284+120= 404 ลบ.ไงครับ
โอเคครับ เข้าใจแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 50
มาต่อเรื่องคดีความอีกซักนิด นะครับ พอดีผมได้คุยกับฝ่ายกฎหมายของ STPI เมื่อสักครู่นี้เอง
คดีนี้ เริ่มแรกนั้น STPI เป็นโจทก์ ฟ้องคู่ความ (จำเลย/บริษัทลูกค้า) ในส่วนของสัญญาจ้างทำของ ว่า ทำงานให้เสร็จบางส่วนแล้ว แต่อีกส่วนไม่ได้ทำให้ (เพราะ STPI ทิ้งงานไป เพราะเหตุผลเรื่องต้นทุน) จึงเรียกร้องเงินค่าใช้จ่ายในส่วนที่ทำให้เสร็จไปแล้ว
ฟ้องได้หรอแบบนี้ เพราะปกตินั้น สัญญาจ้างทำของ ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องชำระราคา จนกว่างานจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะถือว่าความสมบูรณ์ของงานเป็นสาระสำคัญของสัญญา / นั่นสิ ผมงงเลย ???
ฝ่ายกฎหมายบอกผมว่า โดยหลักทั่วไปของสัญญาจ้างทำของ มันมีลักษณะเช่นนั้น แต่สัญญาที่ทางบริษัทได้ลงชื่อไว้กับคู่ความนั้น เป็นสัญญาที่ตกลงกันไว้อีกอย่างหนึ่ง ที่แม้งานจะไม่สำเร็จ ก้อมีสิทธิเรียกค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกิดขึ้นไปแล้ว ได้ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน สามารถตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้ตามมาตรา 151 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เออ ใช่นี่นา อืมม
ผมจึงเรียนถามไปว่า ตัวสัญญาที่ทาง STPI ได้เซ็นไปนั้น ยังอยู่ที่บริษัทใช่ไหม
ทางนั้นตอบว่า ใช่ และเชื่อมั่นว่าจะไม่แพ้ในคดีนี้ด้วย เพราะข้อความในสัญญามันทำให้ STPI ได้เปรียบในคดี
ถ้าเป็นแบบนี้ ผมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปเลยครับ ว่า STPI มีสิทธิชนะคดีได้ โดยสัญญาที่เซ็นไปนั้น คือหลักฐานที่สำคัญที่สุด / โดยที่หากมีคำพิพากษาให้ชนะคดี จะสามารถบังคับคดีได้จำนวน 18 ล้านบาท ด้วย ครับ / ส่วนเรื่องฟ้องแย้งมาว่า คู่ความเสียหาย จึงเรียกค่าเสียหายมา 6.8 ล้านเหรียญ น่าจะเป็นการฟ้องแย้งแก้เกี้ยวมากกว่า เพราะตามที่ผมลองดูประมวลกฎหมายแพ่งฯ ในลักษณะหนี้ มาตรา 222 ตะกี้นี้เองครับ ดังนี้
"การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่การเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่การปรกติ ย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น"
"เจ้าหนี้จะเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ แม้กระทั่งเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากว่าคู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้คาดเห็น หรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล้ว"
นี่แหละครับจุดสำคัญของคดี
ผมวางใจกับเงิน 120 ล้านที่กันไว้แล้วละแบบนี้ มีสิทธิบันทึกเป็นกำไรได้แล้วละครับ (ในอนาคต)
แวะมาเพิ่มเติมให้ครับ ...
คดีนี้ เริ่มแรกนั้น STPI เป็นโจทก์ ฟ้องคู่ความ (จำเลย/บริษัทลูกค้า) ในส่วนของสัญญาจ้างทำของ ว่า ทำงานให้เสร็จบางส่วนแล้ว แต่อีกส่วนไม่ได้ทำให้ (เพราะ STPI ทิ้งงานไป เพราะเหตุผลเรื่องต้นทุน) จึงเรียกร้องเงินค่าใช้จ่ายในส่วนที่ทำให้เสร็จไปแล้ว
ฟ้องได้หรอแบบนี้ เพราะปกตินั้น สัญญาจ้างทำของ ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องชำระราคา จนกว่างานจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะถือว่าความสมบูรณ์ของงานเป็นสาระสำคัญของสัญญา / นั่นสิ ผมงงเลย ???
ฝ่ายกฎหมายบอกผมว่า โดยหลักทั่วไปของสัญญาจ้างทำของ มันมีลักษณะเช่นนั้น แต่สัญญาที่ทางบริษัทได้ลงชื่อไว้กับคู่ความนั้น เป็นสัญญาที่ตกลงกันไว้อีกอย่างหนึ่ง ที่แม้งานจะไม่สำเร็จ ก้อมีสิทธิเรียกค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกิดขึ้นไปแล้ว ได้ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน สามารถตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้ตามมาตรา 151 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เออ ใช่นี่นา อืมม
ผมจึงเรียนถามไปว่า ตัวสัญญาที่ทาง STPI ได้เซ็นไปนั้น ยังอยู่ที่บริษัทใช่ไหม
ทางนั้นตอบว่า ใช่ และเชื่อมั่นว่าจะไม่แพ้ในคดีนี้ด้วย เพราะข้อความในสัญญามันทำให้ STPI ได้เปรียบในคดี
ถ้าเป็นแบบนี้ ผมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปเลยครับ ว่า STPI มีสิทธิชนะคดีได้ โดยสัญญาที่เซ็นไปนั้น คือหลักฐานที่สำคัญที่สุด / โดยที่หากมีคำพิพากษาให้ชนะคดี จะสามารถบังคับคดีได้จำนวน 18 ล้านบาท ด้วย ครับ / ส่วนเรื่องฟ้องแย้งมาว่า คู่ความเสียหาย จึงเรียกค่าเสียหายมา 6.8 ล้านเหรียญ น่าจะเป็นการฟ้องแย้งแก้เกี้ยวมากกว่า เพราะตามที่ผมลองดูประมวลกฎหมายแพ่งฯ ในลักษณะหนี้ มาตรา 222 ตะกี้นี้เองครับ ดังนี้
"การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่การเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่การปรกติ ย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น"
"เจ้าหนี้จะเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ แม้กระทั่งเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากว่าคู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้คาดเห็น หรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล้ว"
นี่แหละครับจุดสำคัญของคดี
ผมวางใจกับเงิน 120 ล้านที่กันไว้แล้วละแบบนี้ มีสิทธิบันทึกเป็นกำไรได้แล้วละครับ (ในอนาคต)
แวะมาเพิ่มเติมให้ครับ ...
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 51
ขอบคุณครับคุณ beammy
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 52
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมวางใจกับเงิน 120 ล้านที่กันไว้แล้วละแบบนี้ มีสิทธิบันทึกเป็นกำไรได้แล้วละครับ (ในอนาคต)
แวะมาเพิ่มเติมให้ครับ ...
เรื่องสัญญา ไม่ทราว่าเซ็นต์กะใคร
คือขอมองร้ายไว้ก่อน ว่า ถ้าเซ็นต์กะพรรคพวกกันเอง ก็ผ่องถ่ายเงิน 120 ล้าน เข้ากระเป่าตัวเองได้
เรื่องจริง คงไม่ใช่แบบนั้นนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 53
ขอบคุณคุณ beammy ครับ
แต่มีคำถามต่อ
ต้องถามว่าสัญญาทำที่ไหนครับ
แล้วกฏหมายประเทศไหน apply
เพราะว่ากฏหมายชนิดต่อให้มีสัญญา แต่กฏหมายในประเทศที่กิจกรรมนั้นเกิดขึ้นจะถูกใช้เป็นหลัก
เช่นกฏหมายเรือ ต่อให้มีสัญญา ระหว่างเรือกับลูกค้า
แต่สัญญาที่เกิดขึ้นจะโฆษะ เพราะเวลาฟ้องร้องต้องใช้กฏหมายไทยเป็นหลัก
ถ้ากิจกรรมนั้นๆ เกิดขึ้นในประเทศไทย
แต่มีคำถามต่อ
ต้องถามว่าสัญญาทำที่ไหนครับ
แล้วกฏหมายประเทศไหน apply
เพราะว่ากฏหมายชนิดต่อให้มีสัญญา แต่กฏหมายในประเทศที่กิจกรรมนั้นเกิดขึ้นจะถูกใช้เป็นหลัก
เช่นกฏหมายเรือ ต่อให้มีสัญญา ระหว่างเรือกับลูกค้า
แต่สัญญาที่เกิดขึ้นจะโฆษะ เพราะเวลาฟ้องร้องต้องใช้กฏหมายไทยเป็นหลัก
ถ้ากิจกรรมนั้นๆ เกิดขึ้นในประเทศไทย
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 55
สัญญานี้ ได้ทำขึ้น ในประเทศไทย ครับ ลืมบอก
และมีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง ที่มีสัญชาติไทย นั่นคือ STPI
แต่ลูกค้าเป็นนิติบุคคลต่างชาติ ครับ
นั่นคือ คดีนี้ สามารถ apply จากกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล นั่นคือ ต้องใช้กฎหมายของไทย ครับ เพราะสัญญาดังกล่าว มีคู่สัญญาเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย และหลักดินแดน คือ ตัวสัญญาได้ทำขึ้นในประเทศไทย
หลักใหญ่ใจความเป็นอย่างไร ผมอยากก๊อปปี้สัญญานี้มาดูจัง 555 เผื่อจะเก่งกฎหมายขึ้น
สรุป ตัวคดีนั้น ถ้าเป็นแบบนี้จริง ผมลดความกังวลลงไปเยอะเลย ครับพี่ๆ ทุกท่าน 8) ...
และมีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง ที่มีสัญชาติไทย นั่นคือ STPI
แต่ลูกค้าเป็นนิติบุคคลต่างชาติ ครับ
นั่นคือ คดีนี้ สามารถ apply จากกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล นั่นคือ ต้องใช้กฎหมายของไทย ครับ เพราะสัญญาดังกล่าว มีคู่สัญญาเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย และหลักดินแดน คือ ตัวสัญญาได้ทำขึ้นในประเทศไทย
หลักใหญ่ใจความเป็นอย่างไร ผมอยากก๊อปปี้สัญญานี้มาดูจัง 555 เผื่อจะเก่งกฎหมายขึ้น
สรุป ตัวคดีนั้น ถ้าเป็นแบบนี้จริง ผมลดความกังวลลงไปเยอะเลย ครับพี่ๆ ทุกท่าน 8) ...
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 56
แนวคิดแบบนี้ เป็นแนวทาง Value Investing หรือไม่ครับkey เขียน:ถ้าวันนี้ลงมากมากก็จะรับเพิ่มเผื่อถัวราคาได้
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
Abraham Lincoln
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 59
ตอนที่ผมมองโลกในแง่ร้ายเกี่ยวกับ stpi เมื่อหลายวันก่อนในกระทู้แรกของผมในเว็บนี้นั้น ผมยังไม่ทราบเลยครับว่าบริษัทเค้ามีแฟนานุแฟนเยอะขนาดนี้ ขอบคุณสำหรับข้อมูลทางกฎหมายครับคุณ beam
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนรอย stpi
โพสต์ที่ 60
คุณ beam เป็นนักกฏหมายหรือครับ
ได้ความรู้ดีจังครับ
ได้ความรู้ดีจังครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "