บทเรียนจากคำว่า เสียดาย ของรุ่นพี่หรืออดีตมนุษย์เงินเดือน
-
- Verified User
- โพสต์: 279
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนจากคำว่า เสียดาย ของรุ่นพี่หรืออดีตมนุษย์เงินเดือน
โพสต์ที่ 1
คนที่กำลังทะเลาะกันมองไม่เห็นหรอกว่าตัวเองถูกหรือผิด
คนที่ไม่เคยลำบากไม่รู้หรอกว่าความลำบากนั้นเป็นอย่างไร
คนที่ไม่เคยเป็นหนี้ไม่รู้หรอกว่าการรอคอยให้หมดหนี้นั้นทรมาณเพียงใด
คนที่ไม่เคยตกงาน ไม่รู้หรอกว่าการได้งานทำนั้นสำคัญแค่ไหน ฯลฯ
เรื่องบางเรื่องในชีวิตนี้เราอาจจะมีโอกาสทดลองหรือสัมผัสได้มากกว่าหนึ่งครั้ง
เรื่องบางเรื่องมีโอกาสแก้ตัวได้ เช่น เคยลำบากมาก่อนเมื่อผ่านชีวิตลำบากมาได้แล้ว ก็พอจะรู้ว่า
ทำอย่างไรจึงจะไม่ให้ลำบากอีกครั้ง
วันนี้เรามาดูกันต่อนะครับว่ามนุษย์เงินเดือนรุ่นพี่ๆและอดีตมนุษย์เงินเดือนเขารู้สึกดายอะไรบ้างใน
ชีวิตของการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ผ่านมา
เสียดายที่มัวแต่ละเลาะกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน
มนุษย์เงินเดือนหลายคนเสียเวลาไปกับปัญหาคนเยอะมาก ทั้งปัญหาหัวหน้า ปัญหาเพื่อนร่วมงาน
บางคนก็มีปัญหากับลูกน้องอีก วันๆเสียเวลาของสมองไปกับการคิดถึงปัญหาคนอื่น ตอนที่เป็นลูกจ้าง
เรามักจะคิดว่าปัญหาทะเลาะกับคนทำงานเป็นปัญหาใหญ่ เลยใช้เวลากับมันมาก เครียดกับมันบ่อย
แทบจะไม่มีเวลาไปพัฒนาหรือปรับปรุงงานหรือพัฒนาตนเองเลย ตอนนั้นลืมไปว่าจริงๆแล้วไม่มีใคร
ทำงานอยู่กับเราไปตลอดชีวิตและเราเองก็ไม่ได้ทำงานอยู่กับคนที่เราไม่ชอบไปตลอดชีวิตเช่นกัน
แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดแบบนี้ คิดอย่างเดียวว่าวันนี้เรากับเขาจะมีปัญหากันเรื่องอะไรอีก คิดว่าเรื่อง
เมื่อวานมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนผิด ทำไมเขาจึงเป็นคนแบบนั้น สุดท้ายเราก็จะจมอยู่กับ
ปัญหาคนที่บางครั้งเคยหนีจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งแล้ว ปัญหาคนเก่าหายไป แต่..ปัญหาคนใหม่ก็เกิดขึ้น
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะคิดเสียว่าปัญหาคนเหมือนกับปัญหารถชนกันบนถนนที่เราไม่ต้องไป
สนใจกับให้มากนัก แต่เราควรจะสนใจว่าเส้นทางที่เรากำลังจะเดินไปนั้นอยู่อีกไกลหรือไม่ เรามี
เวลาเหลืออีกนานหรือไม่ ต้องคิดว่าไม่มีใครทำงานกับเราไปตลอดชีวิตและเราเองก็ไม่ได้ทำงาน
กับใครไปตลอดชีวิตเช่นกัน และคิดว่าถ้าเรารับปัญหาคนอื่นไม่ได้ เราคงจะก้าวขึ้นไปในตำแหน่ง
หน้าที่การงานที่สูงขึ้นไปไม่ได้ เพราะยิ่งสูงปัญหาคนยิ่งมากและซับซ้อนมากขึ้น
เสียดายที่เปลี่ยนงานมากไปหน่อย
ถ้าดูประวัติมนุษย์เงินเดือนบางคน จะเห็นว่าเปลี่ยนงานทุกปีๆละครั้งสองครั้ง ตอนที่เปลี่ยนงานก็มี
เหตุผลมาสนับสนุนมากมาย เช่น เงินเดือนสูงกว่า อยู่ใกล้บ้าน เบื่อที่ทำงานเก่า งานใหม่ท้าทาย
กว่า อยากทำงานกับบริษัทข้ามชาติ ฯลฯ แต่เมื่อมาถามตอนนี้ว่าผลการเปลี่ยนงานบ่อยในอดีตสรุป
ว่าดีหรือไม่ คำตอบที่ได้ก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่หลายคนตอบถ้าพิจารณาถึงผลระยะยาวแล้วอาจจะไม่
เป็นผลดีมากนัก เพราะประสบการณ์ในแต่ละที่นั้นน้อยเกินไป
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะทำงานในแต่ละที่ไม่น้อยกว่า 3 ปี เพราะน่าจะเป็นเวลาที่เราได้
ครบทั้งการเรียนรู้(Learn) การทำงาน (Perform) และการพัฒนาปรับปรุงงาน(Improve) แต่
ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะต้องขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตเพราะบางช่วงอาจจะเปลี่ยนบ่อยเพราะตลาดกำลังโต ชีวิต
กำลังรุ่ง แต่บางช่วงอาจจะต้องอยู่นาน เพราะต้องหยุดพักหายใจและสั่งสมประสบการณ์ ก่อนที่จะ
ไต่ระดับขึ้นสู่เพดานบินที่สูงขึ้น
เสียดายที่ไม่ตั้งใจเรียนภาษาต่างประเทศ
เสียดายภาษาอังกฤษไม่ดีเป็นคำพูดที่มักจะได้ยินจากอดีตมนุษย์เงินเดือนที่ไปสัมภาษณ์งานมา
ใหม่ๆ ที่มักจะรู้สึกเสียดายบริษัทฝรั่งที่เสนอเงินเดือนให้สูงๆ แต่ติดที่ภาษาอังกฤษไม่กระดิกเลย
เพราะไม่ได้จบ(เมือง) นอก และทำงานแต่บริษัทคนไทยจึงไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย บาง
คนจะหันมาเอาดีในการเรียนภาษาก็ต่อเมื่อบินสูงแล้ว ซึ่งพัฒนาได้ยากแล้วเพราะมีเวลาน้อยและ
ภารกิจทั้งเรื่องงานและเรื่องครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้น
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะเรียนภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มทำงานและจะเลือกทำงาน
กับบริษัทต่างชาติตั้งแต่ต้น หรือไม่ก็อาจจะหาเงินไปเรียนต่อต่างประเทศ
เสียดายที่หาตัวเองเจอช้าไปหน่อย
มนุษย์เงินเดือนบางคนทำงานมาเป็นสิบปีแล้ว ยังหาตัวเองไม่เจอเลยว่าเป้าหมายชีวิตของตัวเอง
คืออะไร จะทำงานเป็นลูกจ้างไปเรื่อยๆจนเกษียณหรือจะออกไปทำอาชีพอิสระ ขนาดถามว่างานที่
ชอบหรืออยากทำคืองานอะไรยังตอบไม่ได้เลย อย่างนี้จะก้าวหน้าในอาชีพการงานได้อย่างไรละ
ครับ พูดง่ายๆคืออดีตมนุษย์เงินเดือนหลายคนทำงานเหมือนกับพายเรืออยู่ในอ่าง วันๆก็ตื่นขึ้นมาไป
ทำงาน เสร็จงานกลับบ้าน จันทร์ถึงศุกร์ทำงาน เสาร์อาทิตย์อยู่บ้าน รูปแบบชีวิตเหมือนเดิมเป็น
เดือนเป็นปีบางคนเป็นสิบปี มารู้ตัวอีกทีก็ช้าไปเสียแล้ว เพื่อนๆรุ่นเดียวกันไปไหนต่อไหนจนมองไม่
เห็นหลังกันแล้ว
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะวางแผนชีวิตตัวเองตั้งแต่เริ่มทำงานว่าอีกกี่ปีจะเป็นอะไร จะทำ
อะไร จะต้องได้อะไร และแต่ละวันแต่ละเดือน แต่ละปีควรจะทำอะไรบ้าง อย่างไร
คนที่ไม่เคยลำบากไม่รู้หรอกว่าความลำบากนั้นเป็นอย่างไร
คนที่ไม่เคยเป็นหนี้ไม่รู้หรอกว่าการรอคอยให้หมดหนี้นั้นทรมาณเพียงใด
คนที่ไม่เคยตกงาน ไม่รู้หรอกว่าการได้งานทำนั้นสำคัญแค่ไหน ฯลฯ
เรื่องบางเรื่องในชีวิตนี้เราอาจจะมีโอกาสทดลองหรือสัมผัสได้มากกว่าหนึ่งครั้ง
เรื่องบางเรื่องมีโอกาสแก้ตัวได้ เช่น เคยลำบากมาก่อนเมื่อผ่านชีวิตลำบากมาได้แล้ว ก็พอจะรู้ว่า
ทำอย่างไรจึงจะไม่ให้ลำบากอีกครั้ง
วันนี้เรามาดูกันต่อนะครับว่ามนุษย์เงินเดือนรุ่นพี่ๆและอดีตมนุษย์เงินเดือนเขารู้สึกดายอะไรบ้างใน
ชีวิตของการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ผ่านมา
เสียดายที่มัวแต่ละเลาะกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน
มนุษย์เงินเดือนหลายคนเสียเวลาไปกับปัญหาคนเยอะมาก ทั้งปัญหาหัวหน้า ปัญหาเพื่อนร่วมงาน
บางคนก็มีปัญหากับลูกน้องอีก วันๆเสียเวลาของสมองไปกับการคิดถึงปัญหาคนอื่น ตอนที่เป็นลูกจ้าง
เรามักจะคิดว่าปัญหาทะเลาะกับคนทำงานเป็นปัญหาใหญ่ เลยใช้เวลากับมันมาก เครียดกับมันบ่อย
แทบจะไม่มีเวลาไปพัฒนาหรือปรับปรุงงานหรือพัฒนาตนเองเลย ตอนนั้นลืมไปว่าจริงๆแล้วไม่มีใคร
ทำงานอยู่กับเราไปตลอดชีวิตและเราเองก็ไม่ได้ทำงานอยู่กับคนที่เราไม่ชอบไปตลอดชีวิตเช่นกัน
แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดแบบนี้ คิดอย่างเดียวว่าวันนี้เรากับเขาจะมีปัญหากันเรื่องอะไรอีก คิดว่าเรื่อง
เมื่อวานมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนผิด ทำไมเขาจึงเป็นคนแบบนั้น สุดท้ายเราก็จะจมอยู่กับ
ปัญหาคนที่บางครั้งเคยหนีจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งแล้ว ปัญหาคนเก่าหายไป แต่..ปัญหาคนใหม่ก็เกิดขึ้น
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะคิดเสียว่าปัญหาคนเหมือนกับปัญหารถชนกันบนถนนที่เราไม่ต้องไป
สนใจกับให้มากนัก แต่เราควรจะสนใจว่าเส้นทางที่เรากำลังจะเดินไปนั้นอยู่อีกไกลหรือไม่ เรามี
เวลาเหลืออีกนานหรือไม่ ต้องคิดว่าไม่มีใครทำงานกับเราไปตลอดชีวิตและเราเองก็ไม่ได้ทำงาน
กับใครไปตลอดชีวิตเช่นกัน และคิดว่าถ้าเรารับปัญหาคนอื่นไม่ได้ เราคงจะก้าวขึ้นไปในตำแหน่ง
หน้าที่การงานที่สูงขึ้นไปไม่ได้ เพราะยิ่งสูงปัญหาคนยิ่งมากและซับซ้อนมากขึ้น
เสียดายที่เปลี่ยนงานมากไปหน่อย
ถ้าดูประวัติมนุษย์เงินเดือนบางคน จะเห็นว่าเปลี่ยนงานทุกปีๆละครั้งสองครั้ง ตอนที่เปลี่ยนงานก็มี
เหตุผลมาสนับสนุนมากมาย เช่น เงินเดือนสูงกว่า อยู่ใกล้บ้าน เบื่อที่ทำงานเก่า งานใหม่ท้าทาย
กว่า อยากทำงานกับบริษัทข้ามชาติ ฯลฯ แต่เมื่อมาถามตอนนี้ว่าผลการเปลี่ยนงานบ่อยในอดีตสรุป
ว่าดีหรือไม่ คำตอบที่ได้ก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่หลายคนตอบถ้าพิจารณาถึงผลระยะยาวแล้วอาจจะไม่
เป็นผลดีมากนัก เพราะประสบการณ์ในแต่ละที่นั้นน้อยเกินไป
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะทำงานในแต่ละที่ไม่น้อยกว่า 3 ปี เพราะน่าจะเป็นเวลาที่เราได้
ครบทั้งการเรียนรู้(Learn) การทำงาน (Perform) และการพัฒนาปรับปรุงงาน(Improve) แต่
ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะต้องขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตเพราะบางช่วงอาจจะเปลี่ยนบ่อยเพราะตลาดกำลังโต ชีวิต
กำลังรุ่ง แต่บางช่วงอาจจะต้องอยู่นาน เพราะต้องหยุดพักหายใจและสั่งสมประสบการณ์ ก่อนที่จะ
ไต่ระดับขึ้นสู่เพดานบินที่สูงขึ้น
เสียดายที่ไม่ตั้งใจเรียนภาษาต่างประเทศ
เสียดายภาษาอังกฤษไม่ดีเป็นคำพูดที่มักจะได้ยินจากอดีตมนุษย์เงินเดือนที่ไปสัมภาษณ์งานมา
ใหม่ๆ ที่มักจะรู้สึกเสียดายบริษัทฝรั่งที่เสนอเงินเดือนให้สูงๆ แต่ติดที่ภาษาอังกฤษไม่กระดิกเลย
เพราะไม่ได้จบ(เมือง) นอก และทำงานแต่บริษัทคนไทยจึงไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย บาง
คนจะหันมาเอาดีในการเรียนภาษาก็ต่อเมื่อบินสูงแล้ว ซึ่งพัฒนาได้ยากแล้วเพราะมีเวลาน้อยและ
ภารกิจทั้งเรื่องงานและเรื่องครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้น
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะเรียนภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มทำงานและจะเลือกทำงาน
กับบริษัทต่างชาติตั้งแต่ต้น หรือไม่ก็อาจจะหาเงินไปเรียนต่อต่างประเทศ
เสียดายที่หาตัวเองเจอช้าไปหน่อย
มนุษย์เงินเดือนบางคนทำงานมาเป็นสิบปีแล้ว ยังหาตัวเองไม่เจอเลยว่าเป้าหมายชีวิตของตัวเอง
คืออะไร จะทำงานเป็นลูกจ้างไปเรื่อยๆจนเกษียณหรือจะออกไปทำอาชีพอิสระ ขนาดถามว่างานที่
ชอบหรืออยากทำคืองานอะไรยังตอบไม่ได้เลย อย่างนี้จะก้าวหน้าในอาชีพการงานได้อย่างไรละ
ครับ พูดง่ายๆคืออดีตมนุษย์เงินเดือนหลายคนทำงานเหมือนกับพายเรืออยู่ในอ่าง วันๆก็ตื่นขึ้นมาไป
ทำงาน เสร็จงานกลับบ้าน จันทร์ถึงศุกร์ทำงาน เสาร์อาทิตย์อยู่บ้าน รูปแบบชีวิตเหมือนเดิมเป็น
เดือนเป็นปีบางคนเป็นสิบปี มารู้ตัวอีกทีก็ช้าไปเสียแล้ว เพื่อนๆรุ่นเดียวกันไปไหนต่อไหนจนมองไม่
เห็นหลังกันแล้ว
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะวางแผนชีวิตตัวเองตั้งแต่เริ่มทำงานว่าอีกกี่ปีจะเป็นอะไร จะทำ
อะไร จะต้องได้อะไร และแต่ละวันแต่ละเดือน แต่ละปีควรจะทำอะไรบ้าง อย่างไร
ขออภัยมือใหม่พึ่งหัดลงทุนงับ ^_______^
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนจากคำว่า เสียดาย ของรุ่นพี่หรืออดีตมนุษย์เงินเดือน
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนจากคำว่า เสียดาย ของรุ่นพี่หรืออดีตมนุษย์เงินเดือน
โพสต์ที่ 3
8) เป็นอะไรที่ถูกต้องมากนะครับ
เสียดายที่มัวแต่ทะเลาะกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน
เพื่อนร่วมงานนี่ยังพอทนนะครับ
ทะเลาะกับนายนี่ก็หมดกันเลยครับ
หมดโอกาสแก้ตัวแน่ๆ
เสียดายที่เปลี่ยนงานมากไปหน่อย
ก็ถูกอีกนั่นแหละ ทำงานที่ไหนต้องทำให้สำเร็จก่อนครับ
จนเขาขาดเราไม่ได้แล้ว อย่างนี้ถือว่าใช้ได้
ถ้าเจอที่ดีกว่า อย่างนี้ไปได้แล้วครับ
ไปอยู่ที่ไหนก็เป็นมืออาชีพ ต่องาน เดินงานให้รันไปได้
ไม่ใช่ที่เก่ามีปัญหาแก้ไม่เป็นแก้ไม่ไหว
ย้ายไปที่ใหม่ก็เจอปัญหา(อันเดิม)อีก
ย้ายกี่ทีก็คงดีขึ้นยาก
เสียดายที่ไม่ตั้งใจเรียนภาษาต่างประเทศ
อันนี้เป็นปัญหาของความขวนขวายแล้วครับ
ถ้ามีตังไปเรียนเมืองนอก ก็ดีไป
ถ้าไม่มีตังก็ต้องทำอย่างที่ผมบอก ขวนขวาย ครับ
ตรงไปตรงมา
มีตั้งไม่รู้กี่วิธีที่จะทำให้เป็นคนเก่งภาษา โดยเฉพาะ เรื่องพูด
ผมว่าเรื่องนี้ หญ้าปากคอกครับ
เพราะไม่ได้ขึ้นกับคนอื่นเลย ขึ้นกับตัวเองเท่านั้น
เสียดายที่หาตัวเองเจอช้าไปหน่อย
ผมว่าข้อนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับประเด็นที่นำเสนอ
คนที่อ้างเรื่องนี้ ไม่รู้จะอ้างเรื่องไรดีครับ
ถ้าเราทำงานในหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ก็พอแล้วครับ
ต้องดีที่สุดนะครับ อย่าหลอกตัวเอง
งานอะไรก็ลุล่วงได้ครับทั้งนั้นแหละครับ
เราไม่ใช่ซุปเปอร์แมนในบริษัทนะครับ
บริษัทขาดเราไปคนไม่ใช่อยู่ไม่ได้ อย่าเข้าใจผิด
โดยปกติ งานที่เราทำก็เป็นชิ้นนึงมาต่อเข้าด้วยกันเป็นผืนงานทั้งหมด
ที่ว่าเพือนไปถึงไหน
มันไปถึงไหนละครับ
วัดกันยังไงละครับ
วัดที่วัตถุหรือครับ วัดยากครับตรงนี้
คุณไปทำงานบ.ข้ามชาติ เรทมันก็ดีกว่า
แต่เราสรุปไม่ได้นะครับว่าเขาประสบความสำเร็จกว่าเรา
มันอาจจะเครียดเส้นเลือดจะแตกอยู่ทุกวันก็ได้ ไปรู้เขาได้ไง
เสียดายที่มัวแต่ทะเลาะกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน
เพื่อนร่วมงานนี่ยังพอทนนะครับ
ทะเลาะกับนายนี่ก็หมดกันเลยครับ
หมดโอกาสแก้ตัวแน่ๆ
เสียดายที่เปลี่ยนงานมากไปหน่อย
ก็ถูกอีกนั่นแหละ ทำงานที่ไหนต้องทำให้สำเร็จก่อนครับ
จนเขาขาดเราไม่ได้แล้ว อย่างนี้ถือว่าใช้ได้
ถ้าเจอที่ดีกว่า อย่างนี้ไปได้แล้วครับ
ไปอยู่ที่ไหนก็เป็นมืออาชีพ ต่องาน เดินงานให้รันไปได้
ไม่ใช่ที่เก่ามีปัญหาแก้ไม่เป็นแก้ไม่ไหว
ย้ายไปที่ใหม่ก็เจอปัญหา(อันเดิม)อีก
ย้ายกี่ทีก็คงดีขึ้นยาก
เสียดายที่ไม่ตั้งใจเรียนภาษาต่างประเทศ
อันนี้เป็นปัญหาของความขวนขวายแล้วครับ
ถ้ามีตังไปเรียนเมืองนอก ก็ดีไป
ถ้าไม่มีตังก็ต้องทำอย่างที่ผมบอก ขวนขวาย ครับ
ตรงไปตรงมา
มีตั้งไม่รู้กี่วิธีที่จะทำให้เป็นคนเก่งภาษา โดยเฉพาะ เรื่องพูด
ผมว่าเรื่องนี้ หญ้าปากคอกครับ
เพราะไม่ได้ขึ้นกับคนอื่นเลย ขึ้นกับตัวเองเท่านั้น
เสียดายที่หาตัวเองเจอช้าไปหน่อย
ผมว่าข้อนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับประเด็นที่นำเสนอ
คนที่อ้างเรื่องนี้ ไม่รู้จะอ้างเรื่องไรดีครับ
ถ้าเราทำงานในหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ก็พอแล้วครับ
ต้องดีที่สุดนะครับ อย่าหลอกตัวเอง
งานอะไรก็ลุล่วงได้ครับทั้งนั้นแหละครับ
เราไม่ใช่ซุปเปอร์แมนในบริษัทนะครับ
บริษัทขาดเราไปคนไม่ใช่อยู่ไม่ได้ อย่าเข้าใจผิด
โดยปกติ งานที่เราทำก็เป็นชิ้นนึงมาต่อเข้าด้วยกันเป็นผืนงานทั้งหมด
ที่ว่าเพือนไปถึงไหน
มันไปถึงไหนละครับ
วัดกันยังไงละครับ
วัดที่วัตถุหรือครับ วัดยากครับตรงนี้
คุณไปทำงานบ.ข้ามชาติ เรทมันก็ดีกว่า
แต่เราสรุปไม่ได้นะครับว่าเขาประสบความสำเร็จกว่าเรา
มันอาจจะเครียดเส้นเลือดจะแตกอยู่ทุกวันก็ได้ ไปรู้เขาได้ไง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนจากคำว่า เสียดาย ของรุ่นพี่หรืออดีตมนุษย์เงินเดือน
โพสต์ที่ 4
จะมานั่งเสียดายสิ่งที่เกิดขึ้นทำไมล่ะ
มาคิดว่าปัจจุบันและอนาคตจะทำอะไรที่ทำให้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุดดีไหม
อะไรเป็นสิ่งที่เราต้องการ
อะไรที่เป็นเป้าหมายของชีวิตเรา
คุณไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่คุณทำให้ปัจจุบันให้ดีที่สุดได้เท่านั้น
มาคิดว่าปัจจุบันและอนาคตจะทำอะไรที่ทำให้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุดดีไหม
อะไรเป็นสิ่งที่เราต้องการ
อะไรที่เป็นเป้าหมายของชีวิตเรา
คุณไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่คุณทำให้ปัจจุบันให้ดีที่สุดได้เท่านั้น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนจากคำว่า เสียดาย ของรุ่นพี่หรืออดีตมนุษย์เงินเดือน
โพสต์ที่ 5
โค้ด: เลือกทั้งหมด
จะมานั่งเสียดายสิ่งที่เกิดขึ้นทำไมล่ะ
มาคิดว่าปัจจุบันและอนาคตจะทำอะไรที่ทำให้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุดดีไหม
อะไรเป็นสิ่งที่เราต้องการ
อะไรที่เป็นเป้าหมายของชีวิตเรา
คุณไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่คุณทำให้ปัจจุบันให้ดีที่สุดได้เท่านั้น
เรื่องอนาคตก็ยังมาไม่ถึง
มัวแต่ไปติดอดีต ก็น่าเสียดาย
เอาวันนี้ดีกว่า ว่าจะทำอะไร ที่พรุ่งนี้ไม่ต้องเสียดาย