|0 คอมเมนต์
http://www.matichon.co.th/matichon/mati ... ionid=0130
เสียหาย
คอลัมน์ เดินหน้าชน
โดย เสาวรส รณเกียรติ
ขอพูดเรื่องราวเกี่ยวกับสนามบินสุวรรณภูมิอีกสักครั้งเถอะ เพราะนอกจากจะมีปัญหามากมายแล้ว เรายังใช้เงินภาษีในการสร้างสนามบินแห่งนี้เป็นแสนล้านบาท และความเสียหายที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับนักการเมืองหลายคน หลายพรรค หลายพวก
ไม่เว้น "นักการเมือง" ในยุคปัจจุบัน ยุคหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นี่แหละ!!
ออกมาพูดเรื่อง "ความเสียหาย" กันเสียจนเละเทะ ทั้งที่มีความจริงไม่ถึง 5%
ไม่อยากเขียนเรื่องนี้ลอยๆ ก็เลยยกเอาคำพูดของแต่ละคนมาให้เห็นกันชัดๆ ดีกว่าว่า "คำพูด" นั้นสร้างความเสียหายให้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ให้กับประเทศชาติได้มากมายขนาดไหน
ขอเริ่มจาก "พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน" สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่โยนระเบิด "คำพูด" ในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ว่า
"ส่วนตัวคิดว่าควรจะปิดสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อซ่อมรันเวย์ที่เสียหาย แล้วให้ทุกสายการบินกลับมาให้บริการที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งคณะกรรมาธิการฯจะเสนอเรื่องการปิดสนามบินสุวรรณภูมิให้ผู้บริหาร ทอท.พิจารณาต่อไป" (วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2550)
เป็นที่มาของการพาดหัวหลายฉบับว่า "เสนอปิดสนามบินสุวรรณภูมิ" ทั้งที่เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่เท่าไหร่
และยังสำทับต่อมาอีกว่า สนามบินสุวรรณภูมิมีการโกงกินมากที่สุด พังเร็วที่สุด น่าจะบันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊ก
รายที่สองต้องยกให้ "อลงกรณ์ พลบุตร"
"สนามบินสุวรรณภูมิมีจุดอันตราย 4 จุด นอกจากรันเวย์และแท็กซี่เวย์แล้ว ยังมีจุดอันตรายอีก 2 จุด คือ 1.อาคารคลังสินค้า เขตปลอดอากรที่ไม่มีการถมทรายในชั้นรากฐาน และการก่อสร้างหลังคาไม่ได้มาตรฐาน อาจ "พัง" ลงมาได้ทุกเวลา 2.อาคารผู้โดยสารหลัก ที่ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดการ "ทรุด" ตัวลงมา กระจกบางส่วนด้านริมอาคารเริ่ม "ปริแตก" จากการทรุดตัวของอาคาร" (วันที่ 28 มกราคม 2550)
กระหน่ำซ้ำเติมตามมาด้วย "ต่อตระกูล ยมนาค" รายนี้เป็นถึงกรรมการ ทอท.และประธานคณะกรรมการตรวจสอบปัญหาการชำรุดของแท็กซี่เวย์และรันเวย์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
"รอยร้าว (แท็กซี่เวย์) ครั้งนี้ร้ายแรงกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา เรียกได้ว่าขณะนี้แท็กซี่เวย์หมดสภาพการใช้งานแล้ว...รอยร้าวเริ่มลามหลายจุดถึงหัวรันเวย์สนามบินแล้ว คงจะมาจากการถมทรายที่ไม่ถูกต้อง"
พูดไว้เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2550
แต่เมื่อผลสอบที่สรุปผลเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ออกมา นายต่อตระกูลกลับแถลงว่า "เสียหายไม่รุนแรง" ส่วนการซ่อมแซมก็อาจจะใช้เวลาเพียง "2-4 สัปดาห์" เท่านั้น หรือเพียง 3 ชั่วโมง หากใช้วิธีพิเศษจากต่างประเทศ
เป็นงั้นไป!!
ที่สำคัญ เมื่อผลตรวจสอบ "แท็กซี่เวย์" ไม่ได้ "ร้าว" อย่างใจ นายต่อตระกูลก็ยังไม่วายเปิดประเด็นใหม่ในการแถลงข่าวครั้งเดียวกันว่า
"หากจะปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนี้มีโจทย์ใหม่ๆ ที่ต้องพิจารณา คือ ความปลอดภัยภายในอาคารที่พักผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ"
ปรากฏว่า วันรุ่งขึ้น ว่าที่ร้อยตรีหญิง โสภิณ แดงเทศ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (เอโอซี) ออกมาโต้ว่า
"บอร์ด ทอท.บางคนออกมาให้ข่าวใหม่ว่า ในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิจะมีความรุนแรงและน่าเป็นห่วง ในฐานะผู้ใช้บริการอยู่ในอาคารขอยืนยันว่าในอาคารผู้โดยสารไม่มีจุดเสี่ยงแน่นอน"
นี่ขนาดนายต่อตระกูลมีดีกรีเป็นถึงอดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถาน มีความรู้เฉพาะเรื่อง "วิศวกรรม" ด้วย แล้วจะสำมะหาอะไรกับ "พล.ร.อ.บรรณวิทย์" หรือ "อลงกรณ์" ออกมาพูดปาวๆ โดยไม่มีความรู้ แต่สามารถทำให้ประเทศไทยเสียหาย ฉาวโฉ่ไปถึงต่างประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง "รุมประจาน" สนามบินสุวรรณภูมิจนแทบไม่เหลือซาก
ความเสียหายเกิดขึ้นนับเป็นมูลค่าไม่ได้ แต่มันมหาศาล
ถ้าคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้ว
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ก็ควรออกประกาศอีกฉบับ ตั้ง คตส.อีกชุด ตรวจสอบ "การกระทำด้วยคำพูดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ"
งวดนี้ให้ "ยึดทรัพย์" ไว้ก่อนเลย
จะได้เลิกรุมทำร้าย "ประเทศไทย" กันเสียที!!
หน้า 6<