สงสัยในแนวทาง VI ครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 1
ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจอยากลงทุนในลักษณะ VI และเริ่มศึกษาและลองปฏิบัติตาม ผมได้ซื้อ shin@31บาท (ราคาปิด ณ วันที่ 2 ก.พ. = 33.5)ไว้จำนวนหนึ่ง และถือไว้โดยไม่เคยคิดจะขายเลย แต่แล้วเมื่อตลาดเกิด
panic ในช่วงนี้ จากที่ผมควรจะขายได้กำไร ตอนนี้เต็มที่ก็กำเจ๊าแล้ว ผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า วิธีการลงทุนแบบ VI จะใช้ได้ทุกสถานการณ์กับ
ตลาดบ้านเราหรือไม่ ในเมื่อความเป็นจริง การปรับฐานต้องเกิดขึ้นเสมอ การตั้งจุดกำไรแล้วขาย แล้วไปรอรับเมื่อมีการปรับฐานน่าจะดีกว่า ไม่ทำให้ผมเสียโอกาสด้วย
ผมจึงอยากวานผู้รู้และมีประสบการณ์มากกว่าผมชี้แนะด้วยครับ
เพราะตอนนี้เริ่มสับสนอย่างบอกไม่ถูก
ขอขอบคุณทุกท่านที่ตอบครับ
panic ในช่วงนี้ จากที่ผมควรจะขายได้กำไร ตอนนี้เต็มที่ก็กำเจ๊าแล้ว ผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า วิธีการลงทุนแบบ VI จะใช้ได้ทุกสถานการณ์กับ
ตลาดบ้านเราหรือไม่ ในเมื่อความเป็นจริง การปรับฐานต้องเกิดขึ้นเสมอ การตั้งจุดกำไรแล้วขาย แล้วไปรอรับเมื่อมีการปรับฐานน่าจะดีกว่า ไม่ทำให้ผมเสียโอกาสด้วย
ผมจึงอยากวานผู้รู้และมีประสบการณ์มากกว่าผมชี้แนะด้วยครับ
เพราะตอนนี้เริ่มสับสนอย่างบอกไม่ถูก
ขอขอบคุณทุกท่านที่ตอบครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 2
เรียนคุณ blizzer
ทำไมถึงซื้อ shin ตั้งแต่แรกครับ จุดประสงค์ในการถือหุ้นคืออะไรครับ
1. ต้องการจะถือ shin ไปตลอดเพราะคิดว่ามั่นใจในศักยภาพผลประกอบการของ shin ที่น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยมีประวัติศาสตร์เช่นผลประกอบการ 5 ปี 10 ปีเป็นเครื่องยืนยัน
2. หรือคุณมีความรู้ในธุรกิจที่ shin ลงทุน (ซึ่งมากมายเหลือเกิน) อย่างดีสามารถคาดการณ์อนาคตของ shin ได้แม่นยำระดับนึง
3. หรือ ต้องการเงินปันผลจาก shin ซึ่งน่าจะได้มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก 4. หรือ ต้องการมีส่วนในกิจการที่ยอดเยี่ยมอย่าง shin กันครับ
ต้องตอบคำถามด้านบนให้ได้ครับ ถ้าไม่เข้าข่ายใดๆ เลย ลองดูข้างล่างนะครับ
1. เพื่อนทำงานอยู่ shin เคยบอกวงในเชื่อได้สุดๆ ว่า shin ปีนี้ถึง 100 บาทแน่นอน
2. หรือ คิดว่า shin ยังไงเสียก้อไม่เจ้ง อยากลงทุนในหุ้น หวังลุ้นรวย
3. หรือ วิเคราะห์ดูจากกราฟเทคนิคแท่งเทียน MACD STO RSI อะไรต่างๆ แล้ว ราคาที่ซื้อน่าจะมีแต่กำไร
4. หรือ วิเคราะห์วัฏจักรธุรกิจแล้ว SHIN มีแต่ขาขึ้นกับขึ้น
5. หรือ ไม่มีเหตุผล ชอบนาย ก เป็นการส่วนตัว (ฮา)
ลองตอบดูสิครับแล้ว คุณคิดว่า VI จะตอบข้อไหน ถ้าเหตุผลเป็นอย่างข้างล่าง มันอาจจะเป็นหุ้นก้นบุหรี่ก็ได้ ถ้างั้นก็ลองดูเองละกัน ว่าคุณยังมีบุหรี่เหลือพอให้สูบได้มั้ย
หวังว่าคงไม่โกรธผมแต่อยากบอกให้รู้ว่า การลงทุนมันต้องมีการตั้งเป้าหมาย ถ้าเป้าหมายชัดเจน มันก็ง่ายกับการตัดสินใจใช่มั้ยครับ และขอบอกว่า เหตุผล 1-5 ด้านล่าง ไม่ใช่เหตุผลที่ผิด (ยกเว้นข้อ 5) มันแค่ต้องใช้อีกกลยุทธ์นึงเท่านั้นเองครับ ซึ่งก็ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ผมสามารถจะแนะนำได้ เพราะทำไม่เป็นเหมือนกัน
ขอให้โชคดีในการตัดสินใจครับ
ทำไมถึงซื้อ shin ตั้งแต่แรกครับ จุดประสงค์ในการถือหุ้นคืออะไรครับ
1. ต้องการจะถือ shin ไปตลอดเพราะคิดว่ามั่นใจในศักยภาพผลประกอบการของ shin ที่น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยมีประวัติศาสตร์เช่นผลประกอบการ 5 ปี 10 ปีเป็นเครื่องยืนยัน
2. หรือคุณมีความรู้ในธุรกิจที่ shin ลงทุน (ซึ่งมากมายเหลือเกิน) อย่างดีสามารถคาดการณ์อนาคตของ shin ได้แม่นยำระดับนึง
3. หรือ ต้องการเงินปันผลจาก shin ซึ่งน่าจะได้มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก 4. หรือ ต้องการมีส่วนในกิจการที่ยอดเยี่ยมอย่าง shin กันครับ
ต้องตอบคำถามด้านบนให้ได้ครับ ถ้าไม่เข้าข่ายใดๆ เลย ลองดูข้างล่างนะครับ
1. เพื่อนทำงานอยู่ shin เคยบอกวงในเชื่อได้สุดๆ ว่า shin ปีนี้ถึง 100 บาทแน่นอน
2. หรือ คิดว่า shin ยังไงเสียก้อไม่เจ้ง อยากลงทุนในหุ้น หวังลุ้นรวย
3. หรือ วิเคราะห์ดูจากกราฟเทคนิคแท่งเทียน MACD STO RSI อะไรต่างๆ แล้ว ราคาที่ซื้อน่าจะมีแต่กำไร
4. หรือ วิเคราะห์วัฏจักรธุรกิจแล้ว SHIN มีแต่ขาขึ้นกับขึ้น
5. หรือ ไม่มีเหตุผล ชอบนาย ก เป็นการส่วนตัว (ฮา)
ลองตอบดูสิครับแล้ว คุณคิดว่า VI จะตอบข้อไหน ถ้าเหตุผลเป็นอย่างข้างล่าง มันอาจจะเป็นหุ้นก้นบุหรี่ก็ได้ ถ้างั้นก็ลองดูเองละกัน ว่าคุณยังมีบุหรี่เหลือพอให้สูบได้มั้ย
หวังว่าคงไม่โกรธผมแต่อยากบอกให้รู้ว่า การลงทุนมันต้องมีการตั้งเป้าหมาย ถ้าเป้าหมายชัดเจน มันก็ง่ายกับการตัดสินใจใช่มั้ยครับ และขอบอกว่า เหตุผล 1-5 ด้านล่าง ไม่ใช่เหตุผลที่ผิด (ยกเว้นข้อ 5) มันแค่ต้องใช้อีกกลยุทธ์นึงเท่านั้นเองครับ ซึ่งก็ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ผมสามารถจะแนะนำได้ เพราะทำไม่เป็นเหมือนกัน
ขอให้โชคดีในการตัดสินใจครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 3
แวะมาทักทายครับ รอพี่ VI พันธุ์แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์มาตอบนะครับ ส่วน SHIN ผมว่าเป็นบริษัทที่น่าสนใจมาก แต่ผมเป็นห่วง 2 ข้อครับ คือ
1. เป็นหุ้นที่ต้องอาศัยเวลาในการติดตามพอสมควร แต่โชคดีที่เป็นบริษัทใหญ่มีชื่อเสียง ดังนั้นทำอะไรทีก็มีคนรู้เห็นนินทา ดังนั้นหาข่าวได้ไม่ยากแต่ต้องตามเรื่อยๆ
2. ถ้าบริษํทนี้ขาดคนมีฝีมือบริหาร น่าเป็นห่วงนะครับ (ต้องฝีมือแบบเซียนเลยครับ)
โดยส่วนตัวแอบชอบบริษัทลูกของ SHIN CORP. มากครับ คือ AIS ทำการตลาดปีนี้ได้ถูกต้องและตรงใจผมเป็นอย่างมากเลย (แต่ก็เกินความความต้องการไปเยอะพอสมควร) ในขณะที่รายอื่นยังไม่สะดุดตาเท่าไหร่
(รูปเรียงตามสภาวะตลาดหุ้นครับ)
1. เป็นหุ้นที่ต้องอาศัยเวลาในการติดตามพอสมควร แต่โชคดีที่เป็นบริษัทใหญ่มีชื่อเสียง ดังนั้นทำอะไรทีก็มีคนรู้เห็นนินทา ดังนั้นหาข่าวได้ไม่ยากแต่ต้องตามเรื่อยๆ
2. ถ้าบริษํทนี้ขาดคนมีฝีมือบริหาร น่าเป็นห่วงนะครับ (ต้องฝีมือแบบเซียนเลยครับ)
โดยส่วนตัวแอบชอบบริษัทลูกของ SHIN CORP. มากครับ คือ AIS ทำการตลาดปีนี้ได้ถูกต้องและตรงใจผมเป็นอย่างมากเลย (แต่ก็เกินความความต้องการไปเยอะพอสมควร) ในขณะที่รายอื่นยังไม่สะดุดตาเท่าไหร่
(รูปเรียงตามสภาวะตลาดหุ้นครับ)
-
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 5
ถ้าคิดว่าสามารถเดาใจตลาดได้ว่าจะปรับฐานไปเท่าไหร่
จะขึ้นไปอีกแค่ไหน ก็ลุยเลยครับ ก็ของมันได้แน่ๆไม่เอาได้ไง
ส่วนผมคิดว่านั่นเป็นปัจจัยที่ผมควบคุมไม่ได้ค่อนข้างสูง
การศึกษาธุรกิจและมูลค่าของมัน เป็นอะไรที่จับต้องควบคุมได้มากกว่า
ดังนั้น การใช้มูลค่าของกิจการ มาเป็นบรรทัดฐานในการซื้อหรือขาย
จึงเป็นวิธีการที่คิดได้ง่ายและจับต้องได้มากกว่าการใช้กราฟและอารมณ์ตลาด
ศึกษาในตัวบริษัทดีพอแล้ว
ความมั่นใจในราคาที่ซื้อ -MarginOfSafety- และขาย -InsanelyHigh- ก็ตามมา
ครับ ... เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ :lol:
จะขึ้นไปอีกแค่ไหน ก็ลุยเลยครับ ก็ของมันได้แน่ๆไม่เอาได้ไง
ส่วนผมคิดว่านั่นเป็นปัจจัยที่ผมควบคุมไม่ได้ค่อนข้างสูง
การศึกษาธุรกิจและมูลค่าของมัน เป็นอะไรที่จับต้องควบคุมได้มากกว่า
ดังนั้น การใช้มูลค่าของกิจการ มาเป็นบรรทัดฐานในการซื้อหรือขาย
จึงเป็นวิธีการที่คิดได้ง่ายและจับต้องได้มากกว่าการใช้กราฟและอารมณ์ตลาด
ศึกษาในตัวบริษัทดีพอแล้ว
ความมั่นใจในราคาที่ซื้อ -MarginOfSafety- และขาย -InsanelyHigh- ก็ตามมา
ครับ ... เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ :lol:
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 6
การที่คณ Blizzer ต้องการลงทนแบบ VI และได้ซื้อห้น SHIN ไปที่ราคา 31 บาทนั้น แต่พอห้นตกคณ Blizzer ก็เกิดการลังเล
ผมอยากสอบถามคณ Blizzer ก่อนว่าก่อนการลงทนนั้นคณศึกษาบริษัท SHIN มามากน้อยแค่ไหน วิเคราะห์งบการเงินและหมายเหตประกอบงบอย่างละเอียดแล้วหรือยัง อีกทั้งมีการคำนวณหามลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแล้วหรือไม่ ที่ซื้อที่ราคา 31 บาทนั้นมี Margin of Safety เท่าไรครับ ที่ซื้อห้น SHIN นั้นคณหวังผลตอบแทนจากอะไรครับ ราคาห้นที่เพิ่มสงขึ้นใช่ไหม แต่ปัจจัยอะไรละครับที่คณคิดว่าราคาห้น SHIN จะเพิ่มสงขึ้น
คณตอบคำถามเหล่านี้ในใจได้หมดหรือไม่
การลงทนแบบ VI นั้นไม่ใช่เพียงแต่ว่า
1. มีเงินเย็น
2. คิดว่าจะลงทนระยะยาว (บางคนคิดว่าลงทน 2 อาทิตย์ก็ยาวแล้ว)
3. ซื้อห้นบริษัทที่ผ้คนหรือนักวิเคราะห์บอกว่าดี
ไม่เพียงพอหรอกครับ นักลงทนหน้าใหม่ควรที่จะศึกษาหาความร้หลักการลงทนแนว VI จากเวบนี้ให้ดี ให้ชัดเจน ให้ครบถ้วนซะก่อน ค่อยลงทนครับ
อย่างที่คณคัดท้ายเคยบอกไว้ การลงทนแนว VI นั้นไม่ง่ายเลย คณต้องมมานะศึกษาหาความร้ และควบคมอารมณ์และจิตใจตัวเองให้ดี
ถ้าคณยึดมั่นในหลักการลงทนแนว VI มีการศึกษาข้อมลบริษัทที่คณลงทนอย่างละเอียด คณจะมีความสขและได้รับผลตอบแทนที่ดีจากลงทนในระยะยาวแน่นอนครับ
ผมอยากสอบถามคณ Blizzer ก่อนว่าก่อนการลงทนนั้นคณศึกษาบริษัท SHIN มามากน้อยแค่ไหน วิเคราะห์งบการเงินและหมายเหตประกอบงบอย่างละเอียดแล้วหรือยัง อีกทั้งมีการคำนวณหามลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแล้วหรือไม่ ที่ซื้อที่ราคา 31 บาทนั้นมี Margin of Safety เท่าไรครับ ที่ซื้อห้น SHIN นั้นคณหวังผลตอบแทนจากอะไรครับ ราคาห้นที่เพิ่มสงขึ้นใช่ไหม แต่ปัจจัยอะไรละครับที่คณคิดว่าราคาห้น SHIN จะเพิ่มสงขึ้น
คณตอบคำถามเหล่านี้ในใจได้หมดหรือไม่
การลงทนแบบ VI นั้นไม่ใช่เพียงแต่ว่า
1. มีเงินเย็น
2. คิดว่าจะลงทนระยะยาว (บางคนคิดว่าลงทน 2 อาทิตย์ก็ยาวแล้ว)
3. ซื้อห้นบริษัทที่ผ้คนหรือนักวิเคราะห์บอกว่าดี
ไม่เพียงพอหรอกครับ นักลงทนหน้าใหม่ควรที่จะศึกษาหาความร้หลักการลงทนแนว VI จากเวบนี้ให้ดี ให้ชัดเจน ให้ครบถ้วนซะก่อน ค่อยลงทนครับ
อย่างที่คณคัดท้ายเคยบอกไว้ การลงทนแนว VI นั้นไม่ง่ายเลย คณต้องมมานะศึกษาหาความร้ และควบคมอารมณ์และจิตใจตัวเองให้ดี
ถ้าคณยึดมั่นในหลักการลงทนแนว VI มีการศึกษาข้อมลบริษัทที่คณลงทนอย่างละเอียด คณจะมีความสขและได้รับผลตอบแทนที่ดีจากลงทนในระยะยาวแน่นอนครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 7
Blizzer
หลายๆคน บอกว่า ลงทุนแบบ VI ก็เลยตัดสินใจ ซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง
มีบางคนขาดทุนก็เลยมาตำหนิแนวทาง VI
อิอิ
ขอถามกลับ อะไรเป็นหลักฐานว่าเราได้ลงทุนตามแนวทาง VI
ก็คงต้องย้อนดูว่า ที่เราซื้อหุ้นไปแต่ละตัว เราใช้หลักการข้อไหนของ VI
ผมยังไม่เคยซื้อ SHIN เลย สมัยที่ผมเล่นแนวทาง VI
ไม่ได้บอกว่า SHIN ไม่ดี อยากแลกเปลี่ยนครับ
มีน้องๆหลายคนบอก ซื้อหุ้นพื้นฐานดี ทำไมราคาลง
อิอิ
ก็ต้องถามกลับว่า ซื้อแล้วราคาจะขึ้นตลอดเลยหรือ
วอเรนบอกว่า ถ้าคุณทำใจไม่ได้ ว่าราคาหุ้นจะลดลง 50 % คุณก็อยู่ในถนนสายนี้ยากแล้ว
หลายๆคน บอกว่า ลงทุนแบบ VI ก็เลยตัดสินใจ ซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง
มีบางคนขาดทุนก็เลยมาตำหนิแนวทาง VI
อิอิ
ขอถามกลับ อะไรเป็นหลักฐานว่าเราได้ลงทุนตามแนวทาง VI
ก็คงต้องย้อนดูว่า ที่เราซื้อหุ้นไปแต่ละตัว เราใช้หลักการข้อไหนของ VI
ผมยังไม่เคยซื้อ SHIN เลย สมัยที่ผมเล่นแนวทาง VI
ไม่ได้บอกว่า SHIN ไม่ดี อยากแลกเปลี่ยนครับ
มีน้องๆหลายคนบอก ซื้อหุ้นพื้นฐานดี ทำไมราคาลง
อิอิ
ก็ต้องถามกลับว่า ซื้อแล้วราคาจะขึ้นตลอดเลยหรือ
วอเรนบอกว่า ถ้าคุณทำใจไม่ได้ ว่าราคาหุ้นจะลดลง 50 % คุณก็อยู่ในถนนสายนี้ยากแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 8
สวัสดีครับ พี่เจ๋ง ----> และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่เว็บพันธ์ทิพย์ครับ
ประเด็น อยู่ตรงที่ว่า กรอบของการลงทุนแนว VI เป็นแบบใหนต่างหากครับ ที่นักลงทุนรุ่นใหม่ ไม่เคยเข้ามาศึกษาเลย ที่ต้องการความรู้ ถ้าให้เขาไปค้นหากรอบตรงนั้น อาจทำให้มีการศึกษาในแนวทางที่ผิด อย่างน้อยน่าจะมีการกำหนดกรอบแนวความคิดแนว VI ขั้นพื้นฐานให้กับนักรุ่นใหม่ก่อนครับ น่าจะเป็นประโยชน์มากที่สุด
ตัวอย่าง เช่น
การเลือกหุ้นเข้าพอร์ตนั้นจะมีการวิเคราะห์หุ้นที่จะทำการเลือกเข้าพอร์ตได้ 2 แนวทางใหญ่ๆ
1 วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
2 วิเคราะห์ทางเทคนิค
กรอบความคิดอย่างกว้างๆ
VI ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอย่างเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะการวิเคราะห์งบการเงิน และยังต้องวิเคราะห์การบริหารงาน / นโยบายต่างๆ ของทางบริษัทด้วย ฯลฯ
ขั้นตอน Valuation Model
1 Forecast free cash flow (FCF) for the next 10 years
2 Discount these FCFs to reflect the Present value : ........................
3 Calculate the perpetuity value and discount it to the present :...........
4 Calculate total equity value by adding the discounted perpetuity value to the sum of the 10 discounted cash fows (calculated in step 2) :...................................
5 Calculate per share value by dividing total equity balue by shares outstanding : .....................
หมายเหต คัดลอกบางส่วนมาจากหน้าหนังสือ
ผมหวังว่าคงไม่ยากจนเกินความสามารถที่พี่ๆ จะตอบคำถามเหล่านี้ให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่ไม่เคยลงทุนในตลาดทุนแห่งนี้ ไม่ใช่ไปถามเขากลับว่าคุณซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร ? ก็ในเมื่อเขาเหล่านั้นยังไม่มีแนวทางที่ดี ที่เหมาะสมสำหรับการลงทุน -------> แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมคงตอบเพื่อนนักลงทุนทุกท่าน ทั้งเพื่อนมือใหม่ แล้ว เพื่อนมือเก่า ว่าต้องศึกษาหาความรู้และหาหนังสือ ตปท ที่เป็นต้นฉบับมาอ่านกันดีกว่า ก่อนที่จะมาลงทุน อาจใช้เวลานานสักนิด แต่ผลที่ได้รับนั้นดีกว่ามาก
ด้วยความเคารพ
เพนกวิน
ประเด็น อยู่ตรงที่ว่า กรอบของการลงทุนแนว VI เป็นแบบใหนต่างหากครับ ที่นักลงทุนรุ่นใหม่ ไม่เคยเข้ามาศึกษาเลย ที่ต้องการความรู้ ถ้าให้เขาไปค้นหากรอบตรงนั้น อาจทำให้มีการศึกษาในแนวทางที่ผิด อย่างน้อยน่าจะมีการกำหนดกรอบแนวความคิดแนว VI ขั้นพื้นฐานให้กับนักรุ่นใหม่ก่อนครับ น่าจะเป็นประโยชน์มากที่สุด
ตัวอย่าง เช่น
การเลือกหุ้นเข้าพอร์ตนั้นจะมีการวิเคราะห์หุ้นที่จะทำการเลือกเข้าพอร์ตได้ 2 แนวทางใหญ่ๆ
1 วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
2 วิเคราะห์ทางเทคนิค
กรอบความคิดอย่างกว้างๆ
VI ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอย่างเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะการวิเคราะห์งบการเงิน และยังต้องวิเคราะห์การบริหารงาน / นโยบายต่างๆ ของทางบริษัทด้วย ฯลฯ
ขั้นตอน Valuation Model
1 Forecast free cash flow (FCF) for the next 10 years
2 Discount these FCFs to reflect the Present value : ........................
3 Calculate the perpetuity value and discount it to the present :...........
4 Calculate total equity value by adding the discounted perpetuity value to the sum of the 10 discounted cash fows (calculated in step 2) :...................................
5 Calculate per share value by dividing total equity balue by shares outstanding : .....................
หมายเหต คัดลอกบางส่วนมาจากหน้าหนังสือ
ผมหวังว่าคงไม่ยากจนเกินความสามารถที่พี่ๆ จะตอบคำถามเหล่านี้ให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่ไม่เคยลงทุนในตลาดทุนแห่งนี้ ไม่ใช่ไปถามเขากลับว่าคุณซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร ? ก็ในเมื่อเขาเหล่านั้นยังไม่มีแนวทางที่ดี ที่เหมาะสมสำหรับการลงทุน -------> แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมคงตอบเพื่อนนักลงทุนทุกท่าน ทั้งเพื่อนมือใหม่ แล้ว เพื่อนมือเก่า ว่าต้องศึกษาหาความรู้และหาหนังสือ ตปท ที่เป็นต้นฉบับมาอ่านกันดีกว่า ก่อนที่จะมาลงทุน อาจใช้เวลานานสักนิด แต่ผลที่ได้รับนั้นดีกว่ามาก
ด้วยความเคารพ
เพนกวิน
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 9
ผมว่า มันอยู่ตรงช่วงเวลาที่ซื้อหุ้น
สำหรับตัวผม ไม่ซื้อหุ้น เมื่อตลาดขึ้น ร้อนแรง
เพราะต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า สักวันหนึ่ง มันต้องลง มันต้องลง มันต้องลง จากยอดดอย
ส่วนมากผมซื้อหุ้นเข้าพอร์ต ตอนมันลงไปนอนนิ่งๆ อยู่ข้างล่าง
เพราะนึกอยู่เสมอว่า สักวันหนึ่ง มันต้องขึ้น มันต้องขึ้น มันต้องขึ้น จากตีนดอย
" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"
ค้นหามูลค่าอันแท้จริง
การค้นหา มูลค่าที่แท้จริงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวด และในขณะเดียวกันมันก็เป็นแนวคิดที่ยากที่จะอธิบาย
ไม่มีสูตรสำเร็จในการคิดมูลค่านี้ คุณต้องรู้ซึ่งในกิจการ นั้นๆ (คือธุรกิจที่คุณกำลังจะซื้อหุ้นนั้น)
การกำหนดมูลค่าของธุรกิจนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
เราไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อมันตอนที่มันราคาต่ำที่สุด ขอเพียงแต่ให้ราคาขายนั้นต่ำกว่ามูลค่าที่คุณคิดว่ามันควรจะเป็น และธุรกิจนั้นต้องบริหารงานโดยคนที่มีความซื่อสัตย์ และมีความสามารถ หากวันนี้ คุณสามารถซื้อธุรกิจที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าของมัน ประกอบกับคุณมั่นใจในทีมผู้บริหารนั้น ๆ คุณกำลังจะทำเงินแล้ว
อย่ากังวลเรื่องมูลค่าที่นักลงทุนฉวยโอกาสขึ้นราคาในการต่อรอง
ผมไม่เคยเห็นแนวโน้มเลยว่าการลงทุนโดยการพิจารณาเรื่องมูลค่าจะได้รับความสนใจในตลอดระยะเวลา 35 ปี ที่ผมใช้หลักการนี้ลงทุน ดูมันเป็นนิสัยที่ผิดเพี้ยนของมนุษย์ที่ชอบทำเรื่อง ง่ายๆ ให้กลายเป็นเรื่องอยาก
(จากหน้าที่ 103-104 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน)
[/color]
สำหรับตัวผม ไม่ซื้อหุ้น เมื่อตลาดขึ้น ร้อนแรง
เพราะต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า สักวันหนึ่ง มันต้องลง มันต้องลง มันต้องลง จากยอดดอย
ส่วนมากผมซื้อหุ้นเข้าพอร์ต ตอนมันลงไปนอนนิ่งๆ อยู่ข้างล่าง
เพราะนึกอยู่เสมอว่า สักวันหนึ่ง มันต้องขึ้น มันต้องขึ้น มันต้องขึ้น จากตีนดอย
" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"
ค้นหามูลค่าอันแท้จริง
การค้นหา มูลค่าที่แท้จริงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวด และในขณะเดียวกันมันก็เป็นแนวคิดที่ยากที่จะอธิบาย
ไม่มีสูตรสำเร็จในการคิดมูลค่านี้ คุณต้องรู้ซึ่งในกิจการ นั้นๆ (คือธุรกิจที่คุณกำลังจะซื้อหุ้นนั้น)
การกำหนดมูลค่าของธุรกิจนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
เราไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อมันตอนที่มันราคาต่ำที่สุด ขอเพียงแต่ให้ราคาขายนั้นต่ำกว่ามูลค่าที่คุณคิดว่ามันควรจะเป็น และธุรกิจนั้นต้องบริหารงานโดยคนที่มีความซื่อสัตย์ และมีความสามารถ หากวันนี้ คุณสามารถซื้อธุรกิจที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าของมัน ประกอบกับคุณมั่นใจในทีมผู้บริหารนั้น ๆ คุณกำลังจะทำเงินแล้ว
อย่ากังวลเรื่องมูลค่าที่นักลงทุนฉวยโอกาสขึ้นราคาในการต่อรอง
ผมไม่เคยเห็นแนวโน้มเลยว่าการลงทุนโดยการพิจารณาเรื่องมูลค่าจะได้รับความสนใจในตลอดระยะเวลา 35 ปี ที่ผมใช้หลักการนี้ลงทุน ดูมันเป็นนิสัยที่ผิดเพี้ยนของมนุษย์ที่ชอบทำเรื่อง ง่ายๆ ให้กลายเป็นเรื่องอยาก
(จากหน้าที่ 103-104 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน)
[/color]
แก้ไขล่าสุดโดย ครรชิต ไพศาล เมื่อ อังคาร ก.พ. 03, 2004 1:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 10
แหมรู้สึกคุณ penguin เข้าใจคำถามไปได้ลึกกว่าที่มันเขียนเอาไว้นะครับ
คุณ penguin แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าทำไมเจ้าของกระทู้ซื้อหุ้น shin ทำไมเค้าต้องเป็น VI ถ้าจะเล่นหุ้น กรอบความคิดของท่านเจ้าของกระทู้มันอาจจะมี logic ที่ดีก็ได้ ผมไม่ได้ตอบแบบกวนๆ หรือหาเรื่องว่าท่านเจ้าของกระทู้ แต่ต้องการให้คิดกลับไปว่า เค้าซื้อหุ้น SHIN ที่ว่าเพราะอะไรแล้วสถานการณ์ตอนนี้มันทำให้เหตุผลเหล่านั้นเปลี่ยนไปจนพร้อมจะขายหุ้นนั้นหรือเปล่า ผมว่าไม่มีใครกล้าบอกได้ร้อยเปอร์เซนต์หรอกว่าให้ขาย SHIN เพราะมันจะลงมากกว่านี้ หรือ ควรจะเก็บต่อเพราะอนาคตจะดี ถ้าไม่เข้าใจวัตถุประสงค์การลงทุนตั้งแต่แรก
ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถวิเคราะห์ FCF ได้และสามารถหาค่า intrinsic value ได้ ต้องรู้เข้าใจงบการเงิน แค่นี้แล้วจะเป็น VI นะ ต้องกราบเรียนว่าต้องคิดใหม่ซะแล้ว มันมีมากกว่านั้นอีกเล็กน้อยนะครับ ต้องเข้าใจกิจการอย่างถ่องแท้ ต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ต้องมีความอดทนต่ออารมณ์ของ mr. market ได้ และใช้ให้เป็นประโยชน์ ต้องมีสติอยู่ตลอดว่าเราซื้อหุ้นนี้ไปทำไม
ผมเองก็ไม่ใช่ VI ครับ กล้าบอกได้เลย พยายามอยู่แต่ภาวะตลาดบางทีก็มีอิทธิพลมากเหมือนกัน กับการตัดสินใจทำอะไร เรื่องที่เป็น VI มันอยู่ที่ mindset มากกว่า gut หละ ขอบอก
สำหรับนักลงทุนใหม่ที่ต้องการศึกษาการลงทุนแบบ value investor ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปหรอกครับ บางท่านบอกว่ายากแต่สิ่งที่ยากคือการเปลี่ยน mindset ของตัวเองมากกว่า ผมว่าการเรียนรู้การวิเคราะห์เชิงเทคนิคนั้นยากกว่าหลายเท่า การเรียนรู้เรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนะ มันเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไปหรอกครับ ลองไปอ่านในกระทู้ตระแกรงร่อนก็ได้ เค้ามีสิ่งที่คุณ penguin อยากรู้เรื่อง FCF กับการหา intrinsic value อยู่แล้ว
ขอให้โชคดีกับการตัดสินใจครับ
คุณ penguin แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าทำไมเจ้าของกระทู้ซื้อหุ้น shin ทำไมเค้าต้องเป็น VI ถ้าจะเล่นหุ้น กรอบความคิดของท่านเจ้าของกระทู้มันอาจจะมี logic ที่ดีก็ได้ ผมไม่ได้ตอบแบบกวนๆ หรือหาเรื่องว่าท่านเจ้าของกระทู้ แต่ต้องการให้คิดกลับไปว่า เค้าซื้อหุ้น SHIN ที่ว่าเพราะอะไรแล้วสถานการณ์ตอนนี้มันทำให้เหตุผลเหล่านั้นเปลี่ยนไปจนพร้อมจะขายหุ้นนั้นหรือเปล่า ผมว่าไม่มีใครกล้าบอกได้ร้อยเปอร์เซนต์หรอกว่าให้ขาย SHIN เพราะมันจะลงมากกว่านี้ หรือ ควรจะเก็บต่อเพราะอนาคตจะดี ถ้าไม่เข้าใจวัตถุประสงค์การลงทุนตั้งแต่แรก
ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถวิเคราะห์ FCF ได้และสามารถหาค่า intrinsic value ได้ ต้องรู้เข้าใจงบการเงิน แค่นี้แล้วจะเป็น VI นะ ต้องกราบเรียนว่าต้องคิดใหม่ซะแล้ว มันมีมากกว่านั้นอีกเล็กน้อยนะครับ ต้องเข้าใจกิจการอย่างถ่องแท้ ต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ต้องมีความอดทนต่ออารมณ์ของ mr. market ได้ และใช้ให้เป็นประโยชน์ ต้องมีสติอยู่ตลอดว่าเราซื้อหุ้นนี้ไปทำไม
ผมเองก็ไม่ใช่ VI ครับ กล้าบอกได้เลย พยายามอยู่แต่ภาวะตลาดบางทีก็มีอิทธิพลมากเหมือนกัน กับการตัดสินใจทำอะไร เรื่องที่เป็น VI มันอยู่ที่ mindset มากกว่า gut หละ ขอบอก
สำหรับนักลงทุนใหม่ที่ต้องการศึกษาการลงทุนแบบ value investor ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปหรอกครับ บางท่านบอกว่ายากแต่สิ่งที่ยากคือการเปลี่ยน mindset ของตัวเองมากกว่า ผมว่าการเรียนรู้การวิเคราะห์เชิงเทคนิคนั้นยากกว่าหลายเท่า การเรียนรู้เรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนะ มันเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไปหรอกครับ ลองไปอ่านในกระทู้ตระแกรงร่อนก็ได้ เค้ามีสิ่งที่คุณ penguin อยากรู้เรื่อง FCF กับการหา intrinsic value อยู่แล้ว
ขอให้โชคดีกับการตัดสินใจครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 11
ครรชิต ไพศาล เขียน:ผมว่า มันอยู่ตรงช่วงเวลาที่ซื้อหุ้น
สำหรับตัวผม ไม่ซื้อหุ้น เมื่อตลาดขึ้น ร้อนแรง
เพราะต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า มันต้องลง มันตองลง
ส่วนมากผมซื้อหุ้นเข้าพอร์ต ตอนมันลงไปนอนนิ่งๆ อยู่ข้างล่าง
ขอบคุณครับ
.........................................
ผมขออนุญาตนำคำพูด -------> ส่วนมากผมซื้อหุ้นเข้าพอร์ต ตอนมันลงไปนอนนิ่งๆ อยู่ข้างล่าง
มากล่าวรวมกับว่า ถ้าดูจากกราฟราคาแล้ว จะไม่มีการเคลื่อนไหว ได้หรือเปล่าครับ
ผิดตก ยกเว้น
........................................
รวมกับการคัดสรรหุ้นเข้าพอร์ตตามแนวทางที่เฮียได้กล่วไว้อยู่ตลอด
" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"
ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 12
ต้องขอโทษพี่ด้วยครับayethebing เขียน:แหมรู้สึกคุณ penguin เข้าใจคำถามไปได้ลึกกว่าที่มันเขียนเอาไว้นะครับ
คุณ penguin แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าทำไมเจ้าของกระทู้ซื้อหุ้น shin ทำไมเค้าต้องเป็น VI ถ้าจะเล่นหุ้น กรอบความคิดของท่านเจ้าของกระทู้มันอาจจะมี logic ที่ดีก็ได้ ผมไม่ได้ตอบแบบกวนๆ หรือหาเรื่องว่าท่านเจ้าของกระทู้ แต่ต้องการให้คิดกลับไปว่า เค้าซื้อหุ้น SHIN ที่ว่าเพราะอะไรแล้วสถานการณ์ตอนนี้มันทำให้เหตุผลเหล่านั้นเปลี่ยนไปจนพร้อมจะขายหุ้นนั้นหรือเปล่า ผมว่าไม่มีใครกล้าบอกได้ร้อยเปอร์เซนต์หรอกว่าให้ขาย SHIN เพราะมันจะลงมากกว่านี้ หรือ ควรจะเก็บต่อเพราะอนาคตจะดี ถ้าไม่เข้าใจวัตถุประสงค์การลงทุนตั้งแต่แรก
ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถวิเคราะห์ FCF ได้และสามารถหาค่า intrinsic value ได้ ต้องรู้เข้าใจงบการเงิน แค่นี้แล้วจะเป็น VI นะ ต้องกราบเรียนว่าต้องคิดใหม่ซะแล้ว มันมีมากกว่านั้นอีกเล็กน้อยนะครับ ต้องเข้าใจกิจการอย่างถ่องแท้ ต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ต้องมีความอดทนต่ออารมณ์ของ mr. market ได้ และใช้ให้เป็นประโยชน์ ต้องมีสติอยู่ตลอดว่าเราซื้อหุ้นนี้ไปทำไม
ผมเองก็ไม่ใช่ VI ครับ กล้าบอกได้เลย พยายามอยู่แต่ภาวะตลาดบางทีก็มีอิทธิพลมากเหมือนกัน กับการตัดสินใจทำอะไร เรื่องที่เป็น VI มันอยู่ที่ mindset มากกว่า gut หละ ขอบอก
สำหรับนักลงทุนใหม่ที่ต้องการศึกษาการลงทุนแบบ value investor ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปหรอกครับ บางท่านบอกว่ายากแต่สิ่งที่ยากคือการเปลี่ยน mindset ของตัวเองมากกว่า ผมว่าการเรียนรู้การวิเคราะห์เชิงเทคนิคนั้นยากกว่าหลายเท่า การเรียนรู้เรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนะ มันเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไปหรอกครับ ลองไปอ่านในกระทู้ตระแกรงร่อนก็ได้ เค้ามีสิ่งที่คุณ penguin อยากรู้เรื่อง FCF กับการหา intrinsic value อยู่แล้ว
ขอให้โชคดีกับการตัดสินใจครับ
1 ผมเพียงแต่เป็นการยกตัวอย่างครับ
2 ถ้ามีการมองกรอบที่กว้าง ในหัวข้อหลักๆก่อนแล้ว --------> และไปสู่การวิเคราะห์รายละเอียดย่อย จะเป็นการง่ายกว่าการที่มองในรายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมดครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 13
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมหวังว่าคงไม่ยากจนเกินความสามารถที่พี่ๆ จะตอบคำถามเหล่านี้ให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่ไม่เคยลงทุนในตลาดทุนแห่งนี้ ไม่ใช่ไปถามเขากลับว่าคุณซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร ? ก็ในเมื่อเขาเหล่านั้นยังไม่มีแนวทางที่ดี ที่เหมาะสมสำหรับการลงทุน -------> แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมคงตอบเพื่อนนักลงทุนทุกท่าน ทั้งเพื่อนมือใหม่ แล้ว เพื่อนมือเก่า ว่าต้องศึกษาหาความรู้และหาหนังสือ ตปท ที่เป็นต้นฉบับมาอ่านกันดีกว่า ก่อนที่จะมาลงทุน อาจใช้เวลานานสักนิด แต่ผลที่ได้รับนั้นดีกว่ามาก
ด้วยความเคารพ
เพนกวิน
พี่ก็เลยอยากเตือนว่า ที่เขาทำอยู่นั้น เขาทำตามแนวทาง VI ตรงไหน แค่นั้นเอง
การถามกลับเป็นเรื่องที่ทุกคนควรทำกับตัวเอง
ว่า เราคิดว่าเราทำตามแนวทาง XXX
ต้องถามตัวเองกลับว่า เรามีเหตุผลอะไรที่คิดว่าเราทำตามแนวทาง XXX แล้วจริงๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 14
สรุป
ถ้าใครจะซื้อหุ้นตัวไหนด้วยเหตุผลอะไร
แล้วตอนนี้มันตก มันขาดทุน
เราน่าจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
ถ้าเราคิดว่าเราใช้แนวทาง VI ทำให้เราขาดทุน
ก็ต้องกลับมารสรุปกับตัวเองว่า เราใช้แนวทาง VI แบบไหน
ถ้ามีใครซื้อหุ้นโดยไม่เคยดูงบการเงินเลย แล้วมาบอกว่า ซื้อแบบ VI
ผมก็งงเหมือนกันว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า หุ้นตัวนั้น ที่เราตั้งใจจะเป็นเจ้าของ มันมีมูลค่าน่าซื้อ
ตามที่เราตัดสินใจซื้อหรือไม่
แต่ถ้าเรายังซื้อ โดยไม่เคยดูงบ แล้วเราบอกว่าเราซื้อตามแนวทาง VI แบบนี้ ผมว่า เราเสี่ยงนะ ที่คิดแบบนั้น
สรุปของสรุปคือ
คนส่วนใหญ่ ซื้อเพราะคิดว่าพื้นฐานดี ก็ซื้อ แต่อะไรคือนิยามของคำว่าพื้นฐานดี
สำหรับผมแล้ว
ผมก็พูดตลอดว่า คุณก็ต้องดู ยอดขาย รายได้ กำไร หนี้สิน ประวัติกำไรย้อนหลัง 10 ปี
นิยามมันไม่เป๊ะ ถามแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่มันเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ
เราต้องรู้ ความไม่รู้คือความเสี่ยง
ถ้าผมไปเจอใครที่บอกผมว่า ผมซื้อหุ้นพื้นฐานดีมาตัวหนึ่ง คือ KBANK ตอนนี้ทำไมมันลง
จะให้ตอบอย่างไร
เพราะเขาไม่รู้อะไรเลยนอกจาก เขาซื้อหุ้นพื้นฐานดี คือ KBANK
เรื่องอื่นๆทั้งหมด เขาไม่รู้เลย
ถ้าใครจะซื้อหุ้นตัวไหนด้วยเหตุผลอะไร
แล้วตอนนี้มันตก มันขาดทุน
เราน่าจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
ถ้าเราคิดว่าเราใช้แนวทาง VI ทำให้เราขาดทุน
ก็ต้องกลับมารสรุปกับตัวเองว่า เราใช้แนวทาง VI แบบไหน
ถ้ามีใครซื้อหุ้นโดยไม่เคยดูงบการเงินเลย แล้วมาบอกว่า ซื้อแบบ VI
ผมก็งงเหมือนกันว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า หุ้นตัวนั้น ที่เราตั้งใจจะเป็นเจ้าของ มันมีมูลค่าน่าซื้อ
ตามที่เราตัดสินใจซื้อหรือไม่
แต่ถ้าเรายังซื้อ โดยไม่เคยดูงบ แล้วเราบอกว่าเราซื้อตามแนวทาง VI แบบนี้ ผมว่า เราเสี่ยงนะ ที่คิดแบบนั้น
สรุปของสรุปคือ
คนส่วนใหญ่ ซื้อเพราะคิดว่าพื้นฐานดี ก็ซื้อ แต่อะไรคือนิยามของคำว่าพื้นฐานดี
สำหรับผมแล้ว
ผมก็พูดตลอดว่า คุณก็ต้องดู ยอดขาย รายได้ กำไร หนี้สิน ประวัติกำไรย้อนหลัง 10 ปี
นิยามมันไม่เป๊ะ ถามแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่มันเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ
เราต้องรู้ ความไม่รู้คือความเสี่ยง
ถ้าผมไปเจอใครที่บอกผมว่า ผมซื้อหุ้นพื้นฐานดีมาตัวหนึ่ง คือ KBANK ตอนนี้ทำไมมันลง
จะให้ตอบอย่างไร
เพราะเขาไม่รู้อะไรเลยนอกจาก เขาซื้อหุ้นพื้นฐานดี คือ KBANK
เรื่องอื่นๆทั้งหมด เขาไม่รู้เลย
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 15
สรุปได้ดีครับ พี่เจ๋ง
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 17
ขอตอบคำถามคุณ Blizzer นะครับ
ขอตอบคำถามนี้นะครับ ว่า ตอนนี้ ราคา ตอนนี้ 35.50
ในช่วงที่หวัดนกยังไม่เลิก การทำดัชนีขึ้นอาจจะยาก การรีบาวอาจจะมี
แต่แนวทาง VI ไม่ได้สนใจเรื่องดัชนี
แนวทาง VI กลับสนใจมุ่งเน้นไปที่ตัวหุ้น SHIN ว่า
ถ้าเราลงทุนไปที่ SHIN ในระยะยาว เช่นอีก 10 เราจะมีความร่ำรวยเพิ่มขึ้นเท่าไร
ก็คงต้องไปศึกษาว่า บริษัทชินทำอะไร เขามีรายได้หลัก 3 ทางคือ advanc sattel itv และเนื่องจาก advanc ไม่รู้จะโตอย่างไร
shin ก็เลยต้องดิ้นรนไปทำ low cost airline ทำ capital ok และล่าสุดยังอยากไป joint กับ EGV เพื่อปูฐานไปสู่ Entertainment Complex
พี่เองอ่าน SHIN มาโดยตลอด ยอมรับครับ ว่ายังไม่เข้าใจ ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร
คำตอบของพี่คือพี่ไม่รู้ว่า ราคาที่เหมาะสมสำหรับชินคือเท่าไร
ณ.เวลานี้ และพี่ก็ไม่รู้ว่า ในอนาคต อีก 10 ปี ราคาของ shin จะไปที่เท่าไร
พี่ไม่รู้ว่า ในอนาคต เมื่อท่าน นายก ลงจากอำนาจ แล้ว หุ้น shin จะเป็นอย่างไร
คงต้องไปศึกษา ประวัติของ ใต้หวัน ตอนที่พรรคกกมินตั๋ง ลงจากอำนาจ และศึกษาสิงคโปตอนที่ลีกวน ยู ลง จากอำนาจ
ซึ่งพี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะคุ้มกับการไปศึกษาหรือเปล่า
คราวนี้ถ้าเราซื้อเพราะเรามั่นใจในตัวนายก
เวลาหุ้นตก ต้องไปโทษนายกนะ
อิอิ
เอา คราวนี้มาดู ตัวเลขกำไรกัน
9 เดือนกำไร 7782 ล้านบาท พี่ก็ไม่รู้ว่ามีรายพิเศษอยู่หรือเปล่า
สมมุติว่าไม่มี เราลองประมาณการดูว่า ทั้งปีน่าจะได้ 7782 / 9 * 12 เท่ากับ 10376 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับราคาทั้งบริษํทที่คุณ ซื้อที่ราคา 31 บาท
ราคาทั้งบริษัทชินคือ 91282.91 ล้านบาท
เท่ากับได้กำไร 10376/91282.91 คูณ 100 เท่ากับ 11.37 %
ถ้าไม่มีกำไรพิเศษ แล้วคุณ ได้ 11.37 % คุณพอใจหรือไม่ โดยสมมุติว่า คุณไม่ต้องไปดูราคามันเลย
อย่างนี้ประมาณ 8.8 ปีคืนทุน
ถามว่าราคาที่คุณซื้อถูกหรือไม่
คำตอบคือไม่มีใครรู้
เพราะถ้าซื้อขายที่
PE 6 ราคาเท่ากับ 21.14
PE 8 ราคาเท่ากับ 28.19
PE 10 ราคาเท่ากับ 35.24
PE 12 ราคาเท่ากับ 42.28
PE 15 ราคาเท่ากับ 52.86
เพราะฉะนั้นราคามันก็เป็นเท่าไรก็ได้ ก็แล้วแต่ตลาดช่วงนั้นเป็นอย่างไร
ขึ้นอยู่กับคุณพอใจที่ผลตอบแทนที่เท่าไร
ตอบคำถามที่ว่า แล้วขายไปก่อน พอมันลงต่อไป แล้วค่อยซื้อเพิ่ม
อะไรจะยืนยันว่ามันจะลง
ถ้าไม่ลง เดี๋ยวเราก็ไม่มั่นใจแนวทาง VI อีก ซึ่ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย
คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ลงไปก่อนค่อยซื้อเพิ่ม ไม่มีใครตอบได้ ถ้าสมมุติวันพรุ่งนี้มันวิ่งขึ้นไปเลย ที่ 800 เราจะทำไงหละ
สรุปคือ วอเรน เขาบอกว่าถ้าจะถือยาว ช่วงดัชนีปรับฐาน เป็นโอกาสในการซื้อหุ้นพื้นฐานดีในราคาที่เหมาะสม
ซึ่งวอเรนบอกต่อว่า ถ้าได้ PE 4 - 6 ได้หละดี
แต่ก็ต้องดู REAL PE
และถ้าจะให้ละเอียดก็ต้องแบบคุณฉัตรชัยครับ คือ ดู FCF
โอเค นะครับ
พี่รู้เรื่อง shin ไม่มาก พี่ก็เลยไม่ซื้อหุ้น shin แบบถือยาว
หมายเหตุ ที่พูดไปทั้งหมด ยังไม่ได้นำปัจจัยเรื่อ วอแร้นมาคิดนะครับ
เดี๋ยวมีเวลาอาจจะมาโพสต่อว่า เมื่อนำวอแร้นมาคิดแล้วเป็นไง
เห็นมั๊ยครับ หุ้นพื้นฐานดีอย่าง SHIN กว่าที่เราจะรู้ว่าเราควรจะซื้อที่ราคาเท่าไร
ต้องอ่าน ต้องศึกษากันพอควรเลยนะครับ
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจอยากลงทุนในลักษณะ VI และเริ่มศึกษาและลองปฏิบัติตาม ผมได้ซื้อ shin@31บาท (ราคาปิด ณ วันที่ 2 ก.พ. = 33.5)ไว้จำนวนหนึ่ง และถือไว้โดยไม่เคยคิดจะขายเลย แต่แล้วเมื่อตลาดเกิด
panic ในช่วงนี้ จากที่ผมควรจะขายได้กำไร ตอนนี้เต็มที่ก็กำเจ๊าแล้ว ผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า วิธีการลงทุนแบบ VI จะใช้ได้ทุกสถานการณ์กับ
ตลาดบ้านเราหรือไม่ ในเมื่อความเป็นจริง การปรับฐานต้องเกิดขึ้นเสมอ การตั้งจุดกำไรแล้วขาย แล้วไปรอรับเมื่อมีการปรับฐานน่าจะดีกว่า ไม่ทำให้ผมเสียโอกาสด้วย
ผมจึงอยากวานผู้รู้และมีประสบการณ์มากกว่าผมชี้แนะด้วยครับ
เพราะตอนนี้เริ่มสับสนอย่างบอกไม่ถูก
ขอขอบคุณทุกท่านที่ตอบครับ
ในช่วงที่หวัดนกยังไม่เลิก การทำดัชนีขึ้นอาจจะยาก การรีบาวอาจจะมี
แต่แนวทาง VI ไม่ได้สนใจเรื่องดัชนี
แนวทาง VI กลับสนใจมุ่งเน้นไปที่ตัวหุ้น SHIN ว่า
ถ้าเราลงทุนไปที่ SHIN ในระยะยาว เช่นอีก 10 เราจะมีความร่ำรวยเพิ่มขึ้นเท่าไร
ก็คงต้องไปศึกษาว่า บริษัทชินทำอะไร เขามีรายได้หลัก 3 ทางคือ advanc sattel itv และเนื่องจาก advanc ไม่รู้จะโตอย่างไร
shin ก็เลยต้องดิ้นรนไปทำ low cost airline ทำ capital ok และล่าสุดยังอยากไป joint กับ EGV เพื่อปูฐานไปสู่ Entertainment Complex
พี่เองอ่าน SHIN มาโดยตลอด ยอมรับครับ ว่ายังไม่เข้าใจ ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร
คำตอบของพี่คือพี่ไม่รู้ว่า ราคาที่เหมาะสมสำหรับชินคือเท่าไร
ณ.เวลานี้ และพี่ก็ไม่รู้ว่า ในอนาคต อีก 10 ปี ราคาของ shin จะไปที่เท่าไร
พี่ไม่รู้ว่า ในอนาคต เมื่อท่าน นายก ลงจากอำนาจ แล้ว หุ้น shin จะเป็นอย่างไร
คงต้องไปศึกษา ประวัติของ ใต้หวัน ตอนที่พรรคกกมินตั๋ง ลงจากอำนาจ และศึกษาสิงคโปตอนที่ลีกวน ยู ลง จากอำนาจ
ซึ่งพี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะคุ้มกับการไปศึกษาหรือเปล่า
คราวนี้ถ้าเราซื้อเพราะเรามั่นใจในตัวนายก
เวลาหุ้นตก ต้องไปโทษนายกนะ
อิอิ
เอา คราวนี้มาดู ตัวเลขกำไรกัน
9 เดือนกำไร 7782 ล้านบาท พี่ก็ไม่รู้ว่ามีรายพิเศษอยู่หรือเปล่า
สมมุติว่าไม่มี เราลองประมาณการดูว่า ทั้งปีน่าจะได้ 7782 / 9 * 12 เท่ากับ 10376 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับราคาทั้งบริษํทที่คุณ ซื้อที่ราคา 31 บาท
ราคาทั้งบริษัทชินคือ 91282.91 ล้านบาท
เท่ากับได้กำไร 10376/91282.91 คูณ 100 เท่ากับ 11.37 %
ถ้าไม่มีกำไรพิเศษ แล้วคุณ ได้ 11.37 % คุณพอใจหรือไม่ โดยสมมุติว่า คุณไม่ต้องไปดูราคามันเลย
อย่างนี้ประมาณ 8.8 ปีคืนทุน
ถามว่าราคาที่คุณซื้อถูกหรือไม่
คำตอบคือไม่มีใครรู้
เพราะถ้าซื้อขายที่
PE 6 ราคาเท่ากับ 21.14
PE 8 ราคาเท่ากับ 28.19
PE 10 ราคาเท่ากับ 35.24
PE 12 ราคาเท่ากับ 42.28
PE 15 ราคาเท่ากับ 52.86
เพราะฉะนั้นราคามันก็เป็นเท่าไรก็ได้ ก็แล้วแต่ตลาดช่วงนั้นเป็นอย่างไร
ขึ้นอยู่กับคุณพอใจที่ผลตอบแทนที่เท่าไร
ตอบคำถามที่ว่า แล้วขายไปก่อน พอมันลงต่อไป แล้วค่อยซื้อเพิ่ม
อะไรจะยืนยันว่ามันจะลง
ถ้าไม่ลง เดี๋ยวเราก็ไม่มั่นใจแนวทาง VI อีก ซึ่ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย
คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ลงไปก่อนค่อยซื้อเพิ่ม ไม่มีใครตอบได้ ถ้าสมมุติวันพรุ่งนี้มันวิ่งขึ้นไปเลย ที่ 800 เราจะทำไงหละ
สรุปคือ วอเรน เขาบอกว่าถ้าจะถือยาว ช่วงดัชนีปรับฐาน เป็นโอกาสในการซื้อหุ้นพื้นฐานดีในราคาที่เหมาะสม
ซึ่งวอเรนบอกต่อว่า ถ้าได้ PE 4 - 6 ได้หละดี
แต่ก็ต้องดู REAL PE
และถ้าจะให้ละเอียดก็ต้องแบบคุณฉัตรชัยครับ คือ ดู FCF
โอเค นะครับ
พี่รู้เรื่อง shin ไม่มาก พี่ก็เลยไม่ซื้อหุ้น shin แบบถือยาว
หมายเหตุ ที่พูดไปทั้งหมด ยังไม่ได้นำปัจจัยเรื่อ วอแร้นมาคิดนะครับ
เดี๋ยวมีเวลาอาจจะมาโพสต่อว่า เมื่อนำวอแร้นมาคิดแล้วเป็นไง
เห็นมั๊ยครับ หุ้นพื้นฐานดีอย่าง SHIN กว่าที่เราจะรู้ว่าเราควรจะซื้อที่ราคาเท่าไร
ต้องอ่าน ต้องศึกษากันพอควรเลยนะครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 18
สุดยอด อะ พี่เจ๋ง อธิบายได้ถึงแก่นแถมมีตัวอย่าง ครบเครื่องดีครับ
ศิษยพรรคกระยาจกไม่มีกระเป๋า ขอคารวะ หนึ่งจอก
:lol: :lol:
ศิษยพรรคกระยาจกไม่มีกระเป๋า ขอคารวะ หนึ่งจอก
:lol: :lol:
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 19
ayethebing ครับ
เมื่อกี้ตั้งหน้าตั้งตาตอบ พอเปิดดูหุ้น โอย PSL ไป 37 ซื้อแล้วไปขาย ที่ 39.50 และก็ซื้อ ATC ที่ 58 ไปขายที่ 63
ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าตัวเองเก่ง แต่กำลังจะบอกว่าที่ซื้อแล้วขายเพราะ
ยังไม่เข้าใจธุรกิจ ของทั้งสองบริษัท ก็เลยยังไม่กล้าถือยาวครับ
ทุกจังหวะก้าวที่หุ้นขึ้น หุ้นลง ก็เป็นโอกาสทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา
แต่จะให้ชัวร์ พี่ว่า เล่นระยะยาวชัวร์กว่า เพียงแต่ มองไปทั้งตลาด หาหุ้น PE 4 - 6 ยากจัง
เมื่อกี้ตั้งหน้าตั้งตาตอบ พอเปิดดูหุ้น โอย PSL ไป 37 ซื้อแล้วไปขาย ที่ 39.50 และก็ซื้อ ATC ที่ 58 ไปขายที่ 63
ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าตัวเองเก่ง แต่กำลังจะบอกว่าที่ซื้อแล้วขายเพราะ
ยังไม่เข้าใจธุรกิจ ของทั้งสองบริษัท ก็เลยยังไม่กล้าถือยาวครับ
ทุกจังหวะก้าวที่หุ้นขึ้น หุ้นลง ก็เป็นโอกาสทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา
แต่จะให้ชัวร์ พี่ว่า เล่นระยะยาวชัวร์กว่า เพียงแต่ มองไปทั้งตลาด หาหุ้น PE 4 - 6 ยากจัง
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 20
ครับ วันนี้ (3 กุมภา) ทุกคนคงอารมณ์ดีเพราะตลาดจากที่ติดลบเกือบ 10 จุดกลับมาบวกได้อย่างที่ทำทุกคนงงถึง 32 จุด
Mr. Market นี่น่าจะเปลี่ยนเป็น Ms. Market นะครับ อารมณ์แปรปรวนเหมือนสาวสวยเลยทีเดียว (ขออภัยสาวๆ ที่อ่านนะครับ แต่จากประสพการณ์อันน้อยนิด สาวสวยมักเจ้าอารมณ์ ใครเจ้าอารมณ์ก็แปลว่าสวย ใครไม่เจ้าอารมณ์ ก้อไม่จำเป็นว่าจะไม่สวยนะครับ อิอิ)
ผมว่าคนที่กลับมาสนใจแนวทาง VI ก็จะลดลงไปละวันนิดละหน่อยถ้าตลาดยังขึ้นอยู่ อิอิ แล้วก็จะกลับมาสนใจใหม่ตอนตลาดตกลงมาอีก
ผมยังไม่ได้ยิงกระสุนเลยใน 2 วันนี้ เฮ้อ เสียดายเหมือนกัน เดี๋ยวดูอีกทีว่ามันเด้งเชือก หรือมันเด้งจริง
พี่เจ๋งก็ยังสุดยอดเหมือนเดิมครับ ครบสูตรทั้งขาลงและขาขึ้น นับถือจนหมดหัวใจ (น้ำเน่านิดนึงนะครับ อิอิ)
โชคดีนะครับทุกท่าน ไว้ดู febuary effect กันต่อพรุ่งนี้
Mr. Market นี่น่าจะเปลี่ยนเป็น Ms. Market นะครับ อารมณ์แปรปรวนเหมือนสาวสวยเลยทีเดียว (ขออภัยสาวๆ ที่อ่านนะครับ แต่จากประสพการณ์อันน้อยนิด สาวสวยมักเจ้าอารมณ์ ใครเจ้าอารมณ์ก็แปลว่าสวย ใครไม่เจ้าอารมณ์ ก้อไม่จำเป็นว่าจะไม่สวยนะครับ อิอิ)
ผมว่าคนที่กลับมาสนใจแนวทาง VI ก็จะลดลงไปละวันนิดละหน่อยถ้าตลาดยังขึ้นอยู่ อิอิ แล้วก็จะกลับมาสนใจใหม่ตอนตลาดตกลงมาอีก
ผมยังไม่ได้ยิงกระสุนเลยใน 2 วันนี้ เฮ้อ เสียดายเหมือนกัน เดี๋ยวดูอีกทีว่ามันเด้งเชือก หรือมันเด้งจริง
พี่เจ๋งก็ยังสุดยอดเหมือนเดิมครับ ครบสูตรทั้งขาลงและขาขึ้น นับถือจนหมดหัวใจ (น้ำเน่านิดนึงนะครับ อิอิ)
โชคดีนะครับทุกท่าน ไว้ดู febuary effect กันต่อพรุ่งนี้
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 21
พี่ Jeng ครับไอ้ห้นที่มี PER 4-6 เนี่ยในตอนนี้ก็พอมีนี่ครับ ดในเวป taladhoon.com แต่คณภาพองกำไรนี่ผมไม่ได้ติดตาม แต่พี่ลองติดตามแล้วเจอ ลกผ้จายตัวจริงกระทิงเขียวก็อย่าลืม บอกเล่าให้น้องคนนี้บ้างนะครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 22
โอ้โห...เข้ามาดูอีกทีตกใจเลยครับว่าทำไมมีคนตอบกระทู้ผมเยอะขนาดนี้
ก่อนอ่านเรียกว่าทำใจไว้เลย ว่าต้องโดนวิจารณ์ความคิดผมกันอย่างหนักหน่วงแน่ๆ
หลังจากที่ลองอ่านดูนะครับผมได้แนวคิดใหม่ๆเยอะดีที่ผมไม่เคยมอง
จริงๆแล้วสำหรับมือใหม่อย่างผมคงเป็นเรื่องของใจจริงๆละครับที่ต้องเรียนรู้เอาจากประสบการณ์ เพราะคงไม่มีตำราเล่มไหนสอนผมได้
ถึง ณ บัดนี้ ผมว่าผมตอบคำถามตัวเองได้แล้วนะครับ ผมก็เลยยังถือ shin ไว้เหนียวแน่นเหมือนเดิม ไม่ได้รับเพิ่มหรอกครับ เนื่องจากไม่มีตังค์
(พูดตรงไปมั๊ยเนี่ย ) ผมมานั่งคิดหลังจาก post เสร็จว่าเหตุผลอะไรที่ผมต้องขาย shin ตอนนี้ มันไม่มีครับ เพียงแต่ประเด็นของผมที่ผม
ต้องการคำตอบมาก ผมได้คำตอบแล้วครับ ถ้าปรับฐานอีก แล้วผมยังมองว่ากิจการยังดีอยู่ ผมควรจะรับเพิ่ม (เพียงแต่ในใจผมก็เสียดายโอกาสทำกำไรแบบเล่นรอบอยู่เหมือนกัน )
ยังไงผมก็ขอขอบคุณทุกท่านครับ ที่เข้ามาตอบคำถามให้กับผม เป็นความรู้ที่มีประโยชน์กับผมมากครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
ก่อนอ่านเรียกว่าทำใจไว้เลย ว่าต้องโดนวิจารณ์ความคิดผมกันอย่างหนักหน่วงแน่ๆ
หลังจากที่ลองอ่านดูนะครับผมได้แนวคิดใหม่ๆเยอะดีที่ผมไม่เคยมอง
จริงๆแล้วสำหรับมือใหม่อย่างผมคงเป็นเรื่องของใจจริงๆละครับที่ต้องเรียนรู้เอาจากประสบการณ์ เพราะคงไม่มีตำราเล่มไหนสอนผมได้
ถึง ณ บัดนี้ ผมว่าผมตอบคำถามตัวเองได้แล้วนะครับ ผมก็เลยยังถือ shin ไว้เหนียวแน่นเหมือนเดิม ไม่ได้รับเพิ่มหรอกครับ เนื่องจากไม่มีตังค์
(พูดตรงไปมั๊ยเนี่ย ) ผมมานั่งคิดหลังจาก post เสร็จว่าเหตุผลอะไรที่ผมต้องขาย shin ตอนนี้ มันไม่มีครับ เพียงแต่ประเด็นของผมที่ผม
ต้องการคำตอบมาก ผมได้คำตอบแล้วครับ ถ้าปรับฐานอีก แล้วผมยังมองว่ากิจการยังดีอยู่ ผมควรจะรับเพิ่ม (เพียงแต่ในใจผมก็เสียดายโอกาสทำกำไรแบบเล่นรอบอยู่เหมือนกัน )
ยังไงผมก็ขอขอบคุณทุกท่านครับ ที่เข้ามาตอบคำถามให้กับผม เป็นความรู้ที่มีประโยชน์กับผมมากครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 23
พี่ Jeng ตอบได้ดีมากเลย อ่านแล้วพอทราบแนวทางง่ายๆ ซึ่งผมว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ สำหรับทางเดินแนวนี้ ผมว่าเป็น VI นี่ต้องขยันมากๆเลยนะครับ วันนี้หุ้นมันเหมือนกิ้งก่าเลย ดูตอนเช้าสีนึง ตอนบ่ายสีนึง พรุ่งนี้น่าจะเจอแรงขายบ้างแล้วล่ะครับ วันนี้ดูหุ้นรวมมีหลายๆคัวเลยบวกขั้นมา 10-25% สับสนเหมือนกันครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในแนวทาง VI ครับ
โพสต์ที่ 24
ถ้าอยากเล่นรอบเก็งกำไรก็แบ่งพอร์ตไว้สิครับสัก 10-20 % ผมก็ทำแบบนี้
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com