จับฉ่าย
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จับฉ่าย
โพสต์ที่ 61
นักศึกษาปริญญาโท
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเอกชน เพื่อให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท เขาเตรียมการสอนอยู่หลายวันจึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึดหัดง่ายๆ แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด
เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ
เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบเหยือกแก้วขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วใส่ลูกเทนนิสลงไปจนเต็ม
"พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง?" เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท
แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน "เต็มแล้ว..."
เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ
หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเทกรวดเม็ดเล็กๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบาๆ
กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิสอัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก
เหยือกเต็มหรือยัง?"
นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ "เต็มแล้ว..."
เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา และเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก เม็ดทรายไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย เขาเทจนทรายหมดถุง เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก
เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง เหยือกเต็มหรือยัง?"
เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน ปรึกษากันอยู่นาน
หลายคนเดินก้าวเข้ามาก้มๆ เงยๆ มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน จวบจนเวลาผ่านไปเกือบห้านาที หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น
คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์"
แน่ใจนะ"
แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ"
คราวนี้เขาหยิบน้ำอัดลมสองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด ทั้งชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ๆ ไง" เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น
ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา
ลูกเทนนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต การเรียน สุขภาพ ลูก และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริงจัง สูญเสียไปไม่ได้
เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์
ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา
ชีวิตเต็มแล้ว... เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน"
ชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า
...เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีความสุข
ใช้ชีวิตเล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตกับลูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกาย เล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ หมายถึงอะไร?"
เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้นคุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ..."
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเอกชน เพื่อให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท เขาเตรียมการสอนอยู่หลายวันจึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึดหัดง่ายๆ แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด
เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ
เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบเหยือกแก้วขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วใส่ลูกเทนนิสลงไปจนเต็ม
"พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง?" เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท
แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน "เต็มแล้ว..."
เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ
หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเทกรวดเม็ดเล็กๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบาๆ
กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิสอัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก
เหยือกเต็มหรือยัง?"
นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ "เต็มแล้ว..."
เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา และเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก เม็ดทรายไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย เขาเทจนทรายหมดถุง เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก
เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง เหยือกเต็มหรือยัง?"
เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน ปรึกษากันอยู่นาน
หลายคนเดินก้าวเข้ามาก้มๆ เงยๆ มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน จวบจนเวลาผ่านไปเกือบห้านาที หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น
คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์"
แน่ใจนะ"
แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ"
คราวนี้เขาหยิบน้ำอัดลมสองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด ทั้งชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ๆ ไง" เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น
ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา
ลูกเทนนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต การเรียน สุขภาพ ลูก และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริงจัง สูญเสียไปไม่ได้
เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์
ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา
ชีวิตเต็มแล้ว... เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน"
ชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า
...เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีความสุข
ใช้ชีวิตเล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตกับลูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกาย เล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ หมายถึงอะไร?"
เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้นคุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ..."
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จับฉ่าย
โพสต์ที่ 62
8) วันนี้ผมไปอ่านเรื่อง ssc ที่ห้องแวยูอินเวสติ้ง
เห็นใครๆก็กำลังรัก น้องน้ำส้ม
ทั้งแบบ10%หรือแบบ90%
ก็เลยไปเสนอความคิดเจ๊าะแจ๊ะไว้ด้วย
เพราะอยู่ในใจมาหลายเพลาแล้ว
ผมถือโอกาสนำมารวมไว้ในกระทู้นี้เพราะมันจับฉ่ายดีครับ
เผื่อผมอยากอ่าน จะได้หาได้ง่ายหน่อยครับ
8) เวลาใครนึกจะทำน้ำอะไรไม่ออก
เพราะโปรดักส์หลักเริ่มนิ่งหรือมีปัญหา
ตอนนี้ตัวหลักจะเป็นน้องน้ำส้ม
ผมอ่านข่าวเฉพาะสัปดาห์ที่แล้ว
มีคุณตันกับทางเบียร์สิงห์แผนกnon-alcohol
ผมว่าเฉพาะ 2เจ้านี่ก็เหยียบกันตายแล้วละครับ
น้องsplash นี่เนื้อหอมจัง ใครๆก็มารุมทึ้ง
การตลาดสมัยใหม่นี้เซ็กเม้นท์มันทับซ้อนกันมาก
ใครข้อมูลหลวมๆละก็ลงทุนไปแล้วกลับตัวยากเลยนะครับ
ใครที่มีฐานข้อมูลอัพเดตดีๆ ได้เปรียบในเรื่องความเสี่ยงเยอะเลย ตัดสินใจทีนึงโป๊ะ..กลางหัวเหน่งเลย
เมื่อก่อนเคยทำกระเบื้องเซรามิคยุคแรกๆ
ตอนนั้นคัมพานาเป็นเจ้าตลาด90%ได้มั๊งครับ
แชร์ของตลาดกระเบื้องปูพื้น
แฮะ...ตารางเมตรละ6-700บาทได้ครับ
ทุนเท่าที่ผมดู แวเรียลเบิ้ลคอส ไม่น่าเกิน40-50บาทมั๊งครับ(2524)
ดูแล้วกำไรอื้อซ่า ฮ่าๆๆ ต้องเข้ามาแย่งซะหน่อย
แต่นายผมนี่ยอดมนุษย์ครับ
ไปเช็คดู วัสดุปูพื้นอย่างอื่น ปาร์เก้ ประมาณ3-500บาท
หินขัดก็ประมาณกัน
แผ่นแรกที่ออกมาวางราคาขายส่งไว้ที่ตรม.ละ200ครับ
เอ้าที่นี้ก็กินวัสดุปูพื้นทุกอย่างเลยสิครับ
ยกเว้นพื้นซิเมนต์ขัดมัน
ฮ่า..ทำไม่ทันขายครับ ขยายโรงงานมันทุกปี
แฮ่..ตอนได้ดี นายได้คนเดียวครับ พวกผมไม่เกี่ยว
โฮ..คนเล่าเรื่องตายตอนจบครับ เรื่องนี้
คัมพานาทุกวันนี้ก็มีสภาพคล้ายๆผู้เล่าเรื่องนี้เช่นกัน
ไม่ทราบว่าเกิดไรขึ้น
ตอนนี้ไดนาสตี้ dcc มาแรงครับ
ปูนใหญ่ที่เคยเป็นผู้นำหันมาก๊อปปี้
วิธีการจัดจำหน่ายของdcc แล้วครับ
ใช้ชื่อว่า ceramic OK
ฮ่า..อยากหัวเราะให้ฟันหัก
เด๋วนี้ปูนใหญ่ลงมาคลุกดินมากขึ้นแล้วนะครับ
เพื่อนผมทำกระจกสีตกแต่ง สวยโคตรๆ
คิดดูครับกระเบื้องนี่มัน2มิติใช่ไหมครับ
แต่กระจกเวลาเราเอาสีไปโค้ตข้างหลังมัน
มันจะเป็น3มิติครับคือมันมีความลึกด้วย สวยจริงๆครับ
ดูได้ที่ร้านใหญ่ๆอย่างบุญถาวร อะไรทำนองนี้นะครับ
เพื่อนเขาไปคุยกับปูนเรื่องทำส่งออก
แฮ่..ไปก๊อปเขาเลยครับ เพื่อนผมพูดไม่ออก บอกไม่ถูก
เพราะมันไม่ได้มีลิขสิทธิ์อะไร
ต้องชนกับช้างอย่างไม่ได้ตั้งใจ
อาทิตย์ก่อน เพื่อนอีกคนมาเล่าให้ฟังว่า
ตู้อาบน้ำมีระดับของยุโรป ไม่บอกยี่ห้อดีกว่าเพราะไม่ได้เป็นเพื่อนกันซักหน่อย
ไปฝากขายโฮมมาร์ท
แฮ่..ได้ข่าวว่าจะสั่งรีดพลาสติคเองแล้วครับ
ผมว่า ปูนกำลังสั่นกระดิ่งเตือน โฮมโปรแล้วนะครับ
ใครจะได้ยิน ไม่ได้ยิน ผมไม่ทราบเหมือนกัน....
ต้องชนกับช้างอย่างไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน
เห็นใครๆก็กำลังรัก น้องน้ำส้ม
ทั้งแบบ10%หรือแบบ90%
ก็เลยไปเสนอความคิดเจ๊าะแจ๊ะไว้ด้วย
เพราะอยู่ในใจมาหลายเพลาแล้ว
ผมถือโอกาสนำมารวมไว้ในกระทู้นี้เพราะมันจับฉ่ายดีครับ
เผื่อผมอยากอ่าน จะได้หาได้ง่ายหน่อยครับ
8) เวลาใครนึกจะทำน้ำอะไรไม่ออก
เพราะโปรดักส์หลักเริ่มนิ่งหรือมีปัญหา
ตอนนี้ตัวหลักจะเป็นน้องน้ำส้ม
ผมอ่านข่าวเฉพาะสัปดาห์ที่แล้ว
มีคุณตันกับทางเบียร์สิงห์แผนกnon-alcohol
ผมว่าเฉพาะ 2เจ้านี่ก็เหยียบกันตายแล้วละครับ
น้องsplash นี่เนื้อหอมจัง ใครๆก็มารุมทึ้ง
การตลาดสมัยใหม่นี้เซ็กเม้นท์มันทับซ้อนกันมาก
ใครข้อมูลหลวมๆละก็ลงทุนไปแล้วกลับตัวยากเลยนะครับ
ใครที่มีฐานข้อมูลอัพเดตดีๆ ได้เปรียบในเรื่องความเสี่ยงเยอะเลย ตัดสินใจทีนึงโป๊ะ..กลางหัวเหน่งเลย
เมื่อก่อนเคยทำกระเบื้องเซรามิคยุคแรกๆ
ตอนนั้นคัมพานาเป็นเจ้าตลาด90%ได้มั๊งครับ
แชร์ของตลาดกระเบื้องปูพื้น
แฮะ...ตารางเมตรละ6-700บาทได้ครับ
ทุนเท่าที่ผมดู แวเรียลเบิ้ลคอส ไม่น่าเกิน40-50บาทมั๊งครับ(2524)
ดูแล้วกำไรอื้อซ่า ฮ่าๆๆ ต้องเข้ามาแย่งซะหน่อย
แต่นายผมนี่ยอดมนุษย์ครับ
ไปเช็คดู วัสดุปูพื้นอย่างอื่น ปาร์เก้ ประมาณ3-500บาท
หินขัดก็ประมาณกัน
แผ่นแรกที่ออกมาวางราคาขายส่งไว้ที่ตรม.ละ200ครับ
เอ้าที่นี้ก็กินวัสดุปูพื้นทุกอย่างเลยสิครับ
ยกเว้นพื้นซิเมนต์ขัดมัน
ฮ่า..ทำไม่ทันขายครับ ขยายโรงงานมันทุกปี
แฮ่..ตอนได้ดี นายได้คนเดียวครับ พวกผมไม่เกี่ยว
โฮ..คนเล่าเรื่องตายตอนจบครับ เรื่องนี้
คัมพานาทุกวันนี้ก็มีสภาพคล้ายๆผู้เล่าเรื่องนี้เช่นกัน
ไม่ทราบว่าเกิดไรขึ้น
ตอนนี้ไดนาสตี้ dcc มาแรงครับ
ปูนใหญ่ที่เคยเป็นผู้นำหันมาก๊อปปี้
วิธีการจัดจำหน่ายของdcc แล้วครับ
ใช้ชื่อว่า ceramic OK
ฮ่า..อยากหัวเราะให้ฟันหัก
เด๋วนี้ปูนใหญ่ลงมาคลุกดินมากขึ้นแล้วนะครับ
เพื่อนผมทำกระจกสีตกแต่ง สวยโคตรๆ
คิดดูครับกระเบื้องนี่มัน2มิติใช่ไหมครับ
แต่กระจกเวลาเราเอาสีไปโค้ตข้างหลังมัน
มันจะเป็น3มิติครับคือมันมีความลึกด้วย สวยจริงๆครับ
ดูได้ที่ร้านใหญ่ๆอย่างบุญถาวร อะไรทำนองนี้นะครับ
เพื่อนเขาไปคุยกับปูนเรื่องทำส่งออก
แฮ่..ไปก๊อปเขาเลยครับ เพื่อนผมพูดไม่ออก บอกไม่ถูก
เพราะมันไม่ได้มีลิขสิทธิ์อะไร
ต้องชนกับช้างอย่างไม่ได้ตั้งใจ
อาทิตย์ก่อน เพื่อนอีกคนมาเล่าให้ฟังว่า
ตู้อาบน้ำมีระดับของยุโรป ไม่บอกยี่ห้อดีกว่าเพราะไม่ได้เป็นเพื่อนกันซักหน่อย
ไปฝากขายโฮมมาร์ท
แฮ่..ได้ข่าวว่าจะสั่งรีดพลาสติคเองแล้วครับ
ผมว่า ปูนกำลังสั่นกระดิ่งเตือน โฮมโปรแล้วนะครับ
ใครจะได้ยิน ไม่ได้ยิน ผมไม่ทราบเหมือนกัน....
ต้องชนกับช้างอย่างไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จับฉ่าย
โพสต์ที่ 63
8) คนเขียนหนังสือ
อันดับหนึ่งในดวงใจของผมคือ พี่เสก
หรือ อ.เสกสรร ประเสริฐกุล
ผมอ่านเวลาพี่เขาเล่าเรื่องแล้วลืมโลกไปเลย
ไม่ใช่แค่เห็นภาพ
แต่เหมือนตัวผมเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่พี่เขาเล่าให้ฟังด้วย
แล้วภาษาที่พี่เขาเขียนทั้งที่มันเป็นร้อยแก้ว
แต่ผมรู้สึกว่ามันงดงามสละสลวย
จนเหมือนภาษากวี
ผมตามอ่านหนังสือของพี่เขามาเป็นสิบๆปีแล้ว
ลึกๆแล้วผมรู้สึกว่ามีคนรู้จักหนังสือของพี่เขาไม่มากนัก
เพราะหนังสือพี่เขาเขียนบางทีหนักไป(ไม่)หน่อย
ตลาดคงไม่ชอบ
อันดับ2นี่ผมเพิ่งได้เคยอ่านหนังสือเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง
ทั้งๆที่รู้จักผลงานด้านอื่นมาก้อง2หู
ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นการเขียนลงหนังสือมติชน
เป็นการตอบคำถามหรือพูดคุยกัน พอลงไปได้สักพัก
ก็มารวมเล่ม
ที่ชอบที่สุดของนักเขียนท่านนี้
คืออ่านแล้วกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
เป็นที่สุดแล้วครับตั้งกะอ่านหนังสือมา
แล้วแนวเขียนก็จะอิงตามที่ผู้อ่านเขียนมาถามโน่นนี่
และอีกแนวที่ได้มากๆพอๆกับคือ
ทำให้มองโลกได้ตามจริง ตรงไปตรงมา
ซึ่งอ่านแล้วเหมือนมีคนมาช่วยแนะนำทางออกทางเลือกต่างๆในชีวิต
ผมเพิ่งได้อ่านเล่มล่าสุดจากการไปงานหนังสือเมื่อ28ตค.ที่ผ่านมา
เพิ่งอ่านจบไป2เที่ยวแล้วครับ
เที่ยวแรกอ่านอย่างอยากรุ้ผ่านเร็วๆ
รอบ2เก็บรายละเอียด
มาแนะนำครับ
คุ้มเกินคุ้ม ดีแสนดี เหนือคำบรรยายใดๆ
มาแนะนำสำหรับทุกท่าน เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี
พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ ครับ
แมงกะพรุนถนัดซ้าย

อันดับหนึ่งในดวงใจของผมคือ พี่เสก
หรือ อ.เสกสรร ประเสริฐกุล
ผมอ่านเวลาพี่เขาเล่าเรื่องแล้วลืมโลกไปเลย
ไม่ใช่แค่เห็นภาพ
แต่เหมือนตัวผมเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่พี่เขาเล่าให้ฟังด้วย
แล้วภาษาที่พี่เขาเขียนทั้งที่มันเป็นร้อยแก้ว
แต่ผมรู้สึกว่ามันงดงามสละสลวย
จนเหมือนภาษากวี
ผมตามอ่านหนังสือของพี่เขามาเป็นสิบๆปีแล้ว
ลึกๆแล้วผมรู้สึกว่ามีคนรู้จักหนังสือของพี่เขาไม่มากนัก
เพราะหนังสือพี่เขาเขียนบางทีหนักไป(ไม่)หน่อย
ตลาดคงไม่ชอบ
อันดับ2นี่ผมเพิ่งได้เคยอ่านหนังสือเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง
ทั้งๆที่รู้จักผลงานด้านอื่นมาก้อง2หู
ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นการเขียนลงหนังสือมติชน
เป็นการตอบคำถามหรือพูดคุยกัน พอลงไปได้สักพัก
ก็มารวมเล่ม
ที่ชอบที่สุดของนักเขียนท่านนี้
คืออ่านแล้วกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
เป็นที่สุดแล้วครับตั้งกะอ่านหนังสือมา
แล้วแนวเขียนก็จะอิงตามที่ผู้อ่านเขียนมาถามโน่นนี่
และอีกแนวที่ได้มากๆพอๆกับคือ
ทำให้มองโลกได้ตามจริง ตรงไปตรงมา
ซึ่งอ่านแล้วเหมือนมีคนมาช่วยแนะนำทางออกทางเลือกต่างๆในชีวิต
ผมเพิ่งได้อ่านเล่มล่าสุดจากการไปงานหนังสือเมื่อ28ตค.ที่ผ่านมา
เพิ่งอ่านจบไป2เที่ยวแล้วครับ
เที่ยวแรกอ่านอย่างอยากรุ้ผ่านเร็วๆ
รอบ2เก็บรายละเอียด
มาแนะนำครับ
คุ้มเกินคุ้ม ดีแสนดี เหนือคำบรรยายใดๆ
มาแนะนำสำหรับทุกท่าน เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี
พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ ครับ
แมงกะพรุนถนัดซ้าย

กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จับฉ่าย
โพสต์ที่ 65
8) ผมไปได้มา3เล่มที่งานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์naris เขียน:ดูชื่อก็น่าอ่านแล้วครับ อยู่หมวดไหนของse-edเหรอครับพี่พอใจ
ไปเจอที่บูธของเวิร์คพ๊อยท์เลยครับ
ที่ซีเอ็ด ผมไม่ทราบจริงๆ
เล่มแรกผมแนะนำไปแล้วนะครับ แมงกะพรุนถนัดซ้าย
ซึ่งเป็นการรวมบทความลำดับที่แปด
เล่มที่สองที่ได้มานี่เป็นการรวมบทความลำดับที่เจ็ด
เท่าดวงอาทิตย์

กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จับฉ่าย
โพสต์ที่ 66
8) เล่มที่สามเป็นรวบรวมบทสัมภาษณ์พี่จิก
ที่นิตยสารทั้งหลายเคยไปสัมภาษณ์ๆไว้
อ่านแล้วก็ได้รู้จักแกดีขึ้น
หลังตู้เย็น

แถมอีกเล่มครับเล่มนี้เป็นเล่มที่ทำให้ผมได้รู้จักกับพี่จิก
ก่อนหน้านี้ผมก็พอรู้ว่าแกเป็นคนในวงการเพลง-ละครมาก่อน
แล้วก็รู้ว่าแกถือหุ้นเป็นมหาเศรษฐีอยู่
เท่าๆกับพี่ตา ปัญญาในเวิร์คพ๊อยท์
แต่พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้
จึงได้รู้ที่มาของความเฉียบแหลมของสติปัญญาของพี่จิกเขา
รู้สึกว่ามีบุญครับที่ได้อ่านหนังสือดีๆอย่างนี้
เล่มนี้เป็นการรวมบทความ"คุยกับประภาส"ลำดับที่หกครับ
ยอดมนุษย์ลำลอง

ที่นิตยสารทั้งหลายเคยไปสัมภาษณ์ๆไว้
อ่านแล้วก็ได้รู้จักแกดีขึ้น
หลังตู้เย็น

แถมอีกเล่มครับเล่มนี้เป็นเล่มที่ทำให้ผมได้รู้จักกับพี่จิก
ก่อนหน้านี้ผมก็พอรู้ว่าแกเป็นคนในวงการเพลง-ละครมาก่อน
แล้วก็รู้ว่าแกถือหุ้นเป็นมหาเศรษฐีอยู่
เท่าๆกับพี่ตา ปัญญาในเวิร์คพ๊อยท์
แต่พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้
จึงได้รู้ที่มาของความเฉียบแหลมของสติปัญญาของพี่จิกเขา
รู้สึกว่ามีบุญครับที่ได้อ่านหนังสือดีๆอย่างนี้
เล่มนี้เป็นการรวมบทความ"คุยกับประภาส"ลำดับที่หกครับ
ยอดมนุษย์ลำลอง

กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จับฉ่าย
โพสต์ที่ 67
8) มีหนังสืออยู่ประเภทนึง
พวกเราคงรู้จักกันดี
ผู้เขียนให้เราอ่านทุกคนก็ต้องรู้จักเช่นกัน
ผมก็ถามตัวเองนะหลังจากมานั่งคิดดูว่า
เออ เราชอบใครนะที่เป็นนักเขียน
ก็คิดว่าชอบพี่เสก ที่สุด แล้วก็พี่จิก
ตอนไปหยิบหนังสือมาสแกนเข้าเครื่องเพื่อนำมาโพสในกระทู้
ก็คิดว่า
ทำไมเราไม่ได้คิดถึงนักเขียนท่านนี้
ให้เข้ามาอยู่ในลำดับนักเขียนที่ชื่นชอบ
ทั้งๆที่การรู้จักกับท่านมีประโยชน์กับกระเป๋าของเรา
เป็นอย่างมากหรือมากๆหรือมากที่สุด
คำตอบที่ผมคิดได้ก็คือผมไม่ได้คิดว่าท่านเป็นนักเขียน
ซะเมื่อไหร่
ผมคิดว่าท่านเป็นพี่เป็นครูบาอาจารย์
เป็นปูชนียบุคคลที่ผมเคารพ
ผมจึงไม่อาจไปจัดลำดับใดๆให้ท่านได้เลย
เล่มแรกที่ทำให้ผมได้รู้จักท่าน
ไม่มีใครแนะนำด้วย
ซื้อที่ซีเอ็ดนี่แหละครับ
คงเป็นเพราะชื่อแปลกดี
พลิกอ่านดู อ้อ..เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยด้วย
จบวิศวกร แต่มาพูดเรื่องการลงทุน
วันนั้นผมไปหาซื้อหนังสือไปอ่านหลายๆเล่ม
เพราะจะไปเที่ยวระยองหลายวัน
ก็ซื้อไปรวมกับเล่มอื่น
ผมอ่านเล่มอื่นก่อนครับเพราะเล่มนี้ดูแล้วน่าจะหนัก
มาได้อ่านก็เช้าวันที่สอง ตื่นนอนมาก็ไปวิ่งจนตัวเบาสบาย
สิบโมงไปซื้อน้ำแข็งกระติก
ทำไมทางร้านเขาแถมเบียร์ไฮเนเก้นมาให้1ขวดก็ไม่ทราบ
ก็จิบไปอ่านไป ริมทะเล เลยครับ
เป็นการรู้จักกันที่มีเสน่ห์มาก
ผมอ่านไปรวดเดียว2-3เที่ยว
แต่เปิดกลับไปกลับมาเป็นสิบเพราะ
เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
วันนั้นชีวิตของผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
หนังสือเล่มนั้นคือเล่มข้างล่างนี้ครับ

ดูรูปดร.นิเวศน์บนปกก็ประมาณปี2545
ไปฟังท่านอภิปรายทุกวันนี้
ผมว่าทุกวันนี้ท่านดูดีกว่าในรูปด้วยซ้ำ
สงสัยเป็นหนุ่ม2พันปี
กราบคารวะดร.จริงๆครับ สำหรับความเผื่อแผ่ที่มีให้กับรุ่นน้องๆ
พวกเราคงรู้จักกันดี
ผู้เขียนให้เราอ่านทุกคนก็ต้องรู้จักเช่นกัน
ผมก็ถามตัวเองนะหลังจากมานั่งคิดดูว่า
เออ เราชอบใครนะที่เป็นนักเขียน
ก็คิดว่าชอบพี่เสก ที่สุด แล้วก็พี่จิก
ตอนไปหยิบหนังสือมาสแกนเข้าเครื่องเพื่อนำมาโพสในกระทู้
ก็คิดว่า
ทำไมเราไม่ได้คิดถึงนักเขียนท่านนี้
ให้เข้ามาอยู่ในลำดับนักเขียนที่ชื่นชอบ
ทั้งๆที่การรู้จักกับท่านมีประโยชน์กับกระเป๋าของเรา
เป็นอย่างมากหรือมากๆหรือมากที่สุด
คำตอบที่ผมคิดได้ก็คือผมไม่ได้คิดว่าท่านเป็นนักเขียน
ซะเมื่อไหร่
ผมคิดว่าท่านเป็นพี่เป็นครูบาอาจารย์
เป็นปูชนียบุคคลที่ผมเคารพ
ผมจึงไม่อาจไปจัดลำดับใดๆให้ท่านได้เลย
เล่มแรกที่ทำให้ผมได้รู้จักท่าน
ไม่มีใครแนะนำด้วย
ซื้อที่ซีเอ็ดนี่แหละครับ
คงเป็นเพราะชื่อแปลกดี
พลิกอ่านดู อ้อ..เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยด้วย
จบวิศวกร แต่มาพูดเรื่องการลงทุน
วันนั้นผมไปหาซื้อหนังสือไปอ่านหลายๆเล่ม
เพราะจะไปเที่ยวระยองหลายวัน
ก็ซื้อไปรวมกับเล่มอื่น
ผมอ่านเล่มอื่นก่อนครับเพราะเล่มนี้ดูแล้วน่าจะหนัก
มาได้อ่านก็เช้าวันที่สอง ตื่นนอนมาก็ไปวิ่งจนตัวเบาสบาย
สิบโมงไปซื้อน้ำแข็งกระติก
ทำไมทางร้านเขาแถมเบียร์ไฮเนเก้นมาให้1ขวดก็ไม่ทราบ
ก็จิบไปอ่านไป ริมทะเล เลยครับ
เป็นการรู้จักกันที่มีเสน่ห์มาก
ผมอ่านไปรวดเดียว2-3เที่ยว
แต่เปิดกลับไปกลับมาเป็นสิบเพราะ
เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
วันนั้นชีวิตของผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
หนังสือเล่มนั้นคือเล่มข้างล่างนี้ครับ

ดูรูปดร.นิเวศน์บนปกก็ประมาณปี2545
ไปฟังท่านอภิปรายทุกวันนี้
ผมว่าทุกวันนี้ท่านดูดีกว่าในรูปด้วยซ้ำ
สงสัยเป็นหนุ่ม2พันปี
กราบคารวะดร.จริงๆครับ สำหรับความเผื่อแผ่ที่มีให้กับรุ่นน้องๆ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
จับฉ่าย
โพสต์ที่ 72
ขอเดาคำตอบของพี่จิกดังนี้...
ของเราก็มีแข่งขันกันนานแล้ว
ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ดนตรีก็มีการแข่งขันได้
มีการแข่งขันทำให้มีการพัฒนาการ
ลองคิดดูถ้าไม่มีการแข่งขันครั้งใหญ่ในโลก
ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามเย็นที่ผ่านมา
มนุษยชาติจะพัฒนามาได้ไกลขนาดนี้ฤา
แข่งขันก็ดี มีแพ้มีชนะ ไม่มีใครชนะได้ทุกครั้งหรอก
และก็ไม่มีใครแพ้ตลอดไปด้วย
อย่าไปยึดติดกับผลแพ้ ชนะมากนัก
ทุกอย่างก็ต้องมีการพัฒนาการของมัน
ถ้าไม่เล่นแข่งกัน เจ้าศรจะคิดกระบวนท่าพริ้วไหว
ที่ใช้สยบขุนอินออกได้อย่างไร
ถ้าเจ้านายในยุคก่อนไม่แข่งขันทางดนตรีกัน
กระบวนการทางดนตรีไทย
จะสืบสายมาได้ไกลถึงตอนนี้หรือเปล่า
คนเรามันเชี่ยวต่างกันทางใครก็ทางมันสิ...ฮิ
ของเราก็มีแข่งขันกันนานแล้ว
ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ดนตรีก็มีการแข่งขันได้
มีการแข่งขันทำให้มีการพัฒนาการ
ลองคิดดูถ้าไม่มีการแข่งขันครั้งใหญ่ในโลก
ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามเย็นที่ผ่านมา
มนุษยชาติจะพัฒนามาได้ไกลขนาดนี้ฤา
แข่งขันก็ดี มีแพ้มีชนะ ไม่มีใครชนะได้ทุกครั้งหรอก
และก็ไม่มีใครแพ้ตลอดไปด้วย
อย่าไปยึดติดกับผลแพ้ ชนะมากนัก
ทุกอย่างก็ต้องมีการพัฒนาการของมัน
ถ้าไม่เล่นแข่งกัน เจ้าศรจะคิดกระบวนท่าพริ้วไหว
ที่ใช้สยบขุนอินออกได้อย่างไร
ถ้าเจ้านายในยุคก่อนไม่แข่งขันทางดนตรีกัน
กระบวนการทางดนตรีไทย
จะสืบสายมาได้ไกลถึงตอนนี้หรือเปล่า
คนเรามันเชี่ยวต่างกันทางใครก็ทางมันสิ...ฮิ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
จับฉ่าย
โพสต์ที่ 74
por_jai เขียน:8) ท่าน Copywriter ตอบได้ถูกต้องเลยนะคร้าบ

อย่างงี้ต้องไปซื้อมาอ่านคำตอบทั้งหมด แล้วจะได้อ่านทั้งเล่มซะเลย
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
จับฉ่าย
โพสต์ที่ 80
ผมไปยืนอ่านคำตอบทั้งหมดที่ร้านมาแล้วครับ
ชอล์กแท่งเดียวจริงๆ
แล้วจะไปถอยมาอ่านทั้งหมดทีหลัง หนังสือในกุรุเดิมยังอ่านไม่หมดเลยครับ
ชอล์กแท่งเดียวจริงๆ
แล้วจะไปถอยมาอ่านทั้งหมดทีหลัง หนังสือในกุรุเดิมยังอ่านไม่หมดเลยครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์