ข่าว : โฆษณาปี47 โตพรวด ทะลุหลักแสนล้าน ..

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

ข่าว : โฆษณาปี47 โตพรวด ทะลุหลักแสนล้าน ..

โพสต์ที่ 1

โพสต์

FE จะได้อานิสงค์มากมั้ยครับ ?

http://www.bangkokbiznews.com/2004/01/0 ... =pag1.html

โฆษณาปี47 โตพรวด ทะลุหลักแสนล้าน

อานิสงส์รัฐ-ธุรกิจ เทงบปลุกโปรเจครับศก.พุ่ง บีโลว์เดอะไลน์ ดาวรุ่งพุ่งแรง ผลจากค่ายธุรกิจพาเหรด สร้างนวัตกรรมใหม่ แจ้งเกิดสินค้าเกาะกระแส ยุคปั๊ม'จีดีพี'

ปีหน้าภาคธุรกิจโฆษณา โตกว่าจีดีพีเท่าตัว

อุตสาหกรรมโฆษณา ปี 2547 สู่ยุคเฟื่องฟู โตเท่าตัวของจีดีพี นโยบายใหม่รัฐบาลหนุนการใช้จ่ายคึกคักส่งผลกิจกรรมการตลาด บีโลว์เดอะไลน์ พลิกโฉมหน้าดูดเม็ดเงินเข้าระบบมากขึ้น ขณะที่สินค้าบุกหนักด้านนวัตกรรมช่วยอัดฉีดเม็ดเงินอีกทาง ดันอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งระบบทะลุแสนล้านครั้งแรก

อุตสาหกรรมโฆษณาปี 2546 มีเม็ดเงินรวมประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และคาดว่าตัวเลขหลักแสนล้าน จะเกิดขึ้นครั้งแรกในวงการโฆษณาเมืองไทย ?กรุงเทพธุรกิจ? จัดสัมมนา หัวข้อ ?2547 จุดเปลี่ยนโฆษณาไทยสู่หลักแสนล้าน? เพื่อให้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมที่กำลังกลับมาเติบโตอีกครั้งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่กำลังสดใส

วิทยากรผู้ร่วมระดมความเห็น ประกอบด้วย นายวิทวัส ชัยปาณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูซ/จีวัน จำกัด นายสมชาย ชีวสุทธานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แม็ทชิ่งสตูดิโอ จำกัด (มหาชน) นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสเตอร์แอด จำกัด (มหาชน) นายประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แบรนด์ คอนเน็คชั่น จำกัด และนายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กรรมการผู้อำนวยการบริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเยนซี่ จำกัด

บีโลว์เดอะไลน์ ดาวเด่น

นายวิทวัส กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลตั้งเป้าเศรษฐกิจในปีหน้าเติบโตถึง 8% เชื่อว่าวงการโฆษณาปีหน้าคงขยายตัวขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งเป็นเท่าตัวของจีดีพี อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเม็ดเงินที่วงการยึดเป็นดัชนีมาตลอดเป็นตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อหลัก หรือ above the line แต่ปัจจุบันพบว่ามีการใช้เม็ดเงินผ่านกิจกรรมการตลาดต่างๆ ที่เรียกว่า below the line มีจำนวนมาก ดังนั้น จึงเชื่อว่า ปี 2546 อุตสาหกรรมโฆษณาไทยก็เฉียดอยู่ในหลักแสนล้านแล้ว และปีหน้าก็จะผ่านหลักแสนล้าน อย่างแน่นอน

?ปัจจุบันองค์กรธุรกิจหลายๆ แห่งแบ่งงบประมาณการทำโฆษณาออกเป็น above the line 60% below the line 40% ดังนั้น ปีหน้า below the line น่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมโฆษณาเติบโตยิ่งขึ้นไปอีก? นายวิทวัส กล่าว

นายเกียงไกร กล่าวว่า ในฐานะที่อินเด็กซ์ เป็นบริษัทที่ทำงาน below the line เห็นได้ชัดว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับจากที่ผ่านช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ นักการตลาดนำเงินมาใช้กับ below the line มากขึ้น เริ่มจากสินค้าที่เป็นแบรนด์ลีดเดอร์ และเมื่อผู้นำตลาดใช้ ก็ทำให้บรรดา แบรนด์ผู้ตาม หันมาใช้ บีโลว์ เดอะ ไลน์ บ้าง

สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2547 คือ จะต้องมีการทำอีเวนท์ มาร์เก็ตติ้ง กันมากขึ้น แต่ตลอด 2-3 ปีที่มา ลักษณะการทำอีเวนท์อยู่ในรูปแบบทำตามๆ กัน ภาพที่ออกมาคือกิจกรรมไม่มีความแตกต่าง ส่งผลให้ผู้รับสารเริ่มไม่รู้สึกตื่นเต้น ดังนั้น ในปีหน้าจึงเป็นหน้าที่ของบริษัทรับทำกิจกรรม ที่ต้องหาไอเดียใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

?เดิมอีเวนท์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำแคมเปญเท่านั้น แต่ปัจจุบันโดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ เอาอีเวนท์ ชูเป็นตัวนำด้วยซ้ำ แล้วเอาไอเอ็มซี มาประกอบ เพื่อให้ อีเวนท์ ที่จัดขึ้น ส่งผ่านไปยังการทำส่งเสริมการขาย ไปช่วยพีอาร์ ผลักดันยอดขายให้มากขึ้น แทนที่จะจัดเป็นอีเวนท์อย่างเดียว? นายเกรียงไกร กล่าวและว่า ขณะนี้เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า การทำอีเวนท์ ยังส่งผลถึงการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

?จากประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกได้เลย ว่า การทำอีเวนท์ นอกจากการสร้างประสบการณ์แบรนด์ (Brand experience) แล้ว ยังขยายไปในรูปแบบของพีอาร์ และยังคืนกลับมาเป็นยอดขาย หรือมีเดีย คอร์ปอเรท อีกด้วย?

สำหรับการเติบโตของงบสื่อที่ผ่าน below the line ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ เช่น ยักษ์ใหญ่ ยูนิลีเวอร์ ได้เปลี่ยนนโยบายโยกย้ายเงินไป จากที่เคยใช้ below the line 10-20 % เท่านั้น แต่ปัจจุบันขยับขึ้นมาเรื่อยๆ หรือบางแบรนด์ที่แข็งแกร่งมีเงินทุน อาจจะจัดสรรงบระหว่าง below the line กับ above the line ถึง 50 : 50 ซึ่งจุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนของวงการโฆษณา

สื่อหลักยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

ด้าน นายสมชาย ในฐานะผู้บริหารแม็ทชิ่ง ผลิตงานโฆษณาทางทีวีเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดรวม มองว่า การใช้งบมีเดียหลักๆ ยังอยู่ที่สื่อโทรทัศน์ 60% จากงบประมาณรวมทั้งหมด ฉะนั้นหากอุตสาหกรรมรวมจะโตขึ้น 15% การใช้สื่อผ่านทีวีก็ต้องโตขึ้น 15 % เช่นกัน

ดังนั้น จึงไม่คิดว่า below the line จะมาแชร์เม็ดเงินจาก above the line โดยเม็ดเงินทั้งสองส่วนจะโตควบคู่กันไป เนื่องจากสื่อสำคัญหลักๆ ยังต้องจำเป็นสำหรับสินค้า เพราะเข้าถึงกลุ่มประชาชนได้เร็ว และสมบูรณ์แบบที่สุดทั้งภาพและเสียง อีกทั้งขณะนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแนวโน้มแต่ละครัวเรือนจะมีทีวีมากกว่า 1 เครื่อง ขณะเดียวกัน ตัวทีวีก็มีวิวัฒนาการใหม่ๆ มากระตุ้นให้เกิดการซื้อมากขึ้น เช่น เทคโนโลยีจอแบน จอแอลซีดี เป็นต้น

ด้าน นายนพดล ซึ่งปัจจุบันครอบครองสื่อป้ายโฆษณามากที่สุดในเมืองไทยขณะนี้ กล่าวว่า ไม่ว่าสื่อโฆษณาจะเพิ่มไปมากเท่าไหร่ก็ตาม ในส่วนของสื่อโฆษณาประเภท Out of home Media จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

?การขยายตัวของสื่อนอกบ้านของไทย จะเดินตามแนวโน้มในทวีปยุโรป และ อเมริกา ซึ่งสื่อโฆษณากลางแจ้งเหล่านั้น สามารถที่จะปรับตัวเอง เพื่อไปแข่งขันกับสื่อหลักได้ ทั้งโทรทัศน์วิทยุ นสพ.? นายนพดล กล่าว และว่า ในอเมริกาธุรกิจ Out of home Media มีส่วนแบ่งในตลาดโฆษณาประมาณ 6% แต่ในเมืองไทย อยู่แค่ 4% ดังนั้น จึงยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

เศรษฐกิจขยายตัว เพิ่มสัดส่วน บีโลว์เดอะไลน์

ด้าน นายประเสริฐ ในฐานะมีเดียอิสระ กล่าวว่า มีตัวเลขเกี่ยวกับกิจกรรม Below the line ที่น่าสนใจจากต่างประเทศ คือ กลุ่ม WPP กรุ๊ป ซึ่งเป็นโฮลดิ้ง คัมปะนี ยักษ์ใหญ่ในวงการโฆษณาโลก เจ้าของเอเยนซีชื่อดัง อย่าง เจดับบลิวที โอแอนด์เอ็ม วายแอนด์ อาร์ รายงานตัวเลขรายได้ ว่า เงินรายได้ที่บริษัทได้รับ 100 บาท 53 บาท มาจาก Below the line ทั้งนี้ กำลังจะบอกว่า ในตลาดที่อิ่มตัวแล้ว สัดส่วนระหว่าง Below the line กับ Above the line ไม่เหมือนกับในเมืองไทย ที่ตลาดส่วนใหญ่ยังเป็นตลาด Above the line

ดังนั้น ประเด็นที่จะต้องพิจารณา คือ เมื่อเศรษฐกิจเมืองไทยขยายตัวไปเรื่อยๆ สัดส่วนระหว่าง Below the line กับ Above the line จะเปลี่ยนไป

?ผมจำได้ว่าสมัยแรกที่เข้ามาวงการโฆษณา 20 ปี ลูกค้าบอกว่า ทำหนังโฆษณาอย่างเดียว แต่ปัจจุบันลูกค้าบอกว่า ไม่ใช่ทำหนังโฆษณาอย่างเดียว ลูกค้าต้องการ Communication Solution คือ การสามารถเอาแบรนด์ไปเชื่อมต่อกับผู้บริโภค ให้ได้มากกว่า 1 ช่องทาง? นายประเสริฐ กล่าว และว่า สำหรับสื่อในการเชื่อมกับผู้บริโภค ในอดีตมีเพียงสื่อสิ่งพิมพ์ แมกกาซีนแอด เอาท์ดอร์ แต่ปัจจุบันนักโฆษณาสามารถเอาแบรนด์ไปเชื่อมต่อกับชีวิตผู้คน ผู้บริโภค ได้มากมายผ่านสื่อใหม่ๆ หลากหลาย ดังนั้น จึงเชื่อว่า Below the line จะต้องมีสัดส่วนในตลาดมากขึ้นอย่างแน่นอน

?ยกตัวอย่าง อย่าง ยูนิลีเวอร์ ที่ใช้งบสื่อถึง 2 พันล้านบาทต่อปี หากซื้อสื่อทีวี อย่างเดียว คนจะเห็นโฆษณาของ ยูนิลีเวอร์ ล้นหูล้นตาจนน่าเบื่อ ทำให้เกิดปัญหาในการวางแผนสื่อ เพราะผู้บริโภคอาจจะปฏิเสธหรือต่อต้านจะรับโฆษณานั้น ฉะนั้นบริษัทที่มีเงินมาก ก็ต้องไปหาช่องทางอื่นที่ฉลาดขึ้น ที่เป็นวิธีใช้เงินที่มีประสิทธิภาพที่ผู้คนยอมรับ? นายประเสริฐ กล่าว

อินโนเวทีฟ โปรดักส์ ช่วยหนุนเม็ดเงิน

นายวิทวัส กล่าวอีกว่า นอกจากกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ ที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาจำนวนมากต่อปี อย่างอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ เทเลคอม โมบาย แล้ว ยังเชื่อว่าสินค้าที่เกิดจากนวัตกรรมใหม่ๆ จะเข้ามามีบทบาทการใช้โฆษณามากขึ้นอีกด้วย

?เมื่อเศรษฐกิจโตขึ้น ผู้คนมีอำนาจการใช้จ่ายมากขึ้น บางครั้งไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดสินค้าใหม่ๆ เกิด Category ใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น จากความคิดสร้างสรรค์ของคน ตัวอย่างโทรศัพท์มือถือ 15 ปีที่แล้ว มีใช้เพียงไม่กี่คน ปัจจุบันกลายเป็นสินค้าที่จำเป็น สินค้า พ็อคเกตพีซี ซึ่งได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ บางครั้งเกิดขึ้นกับหมวดสินค้าคอนซูเมอร์ โปรดักส์ ที่มีการแยกเซ็กเมนท์ สร้างจุดขายใหม่ๆ อย่างครีมประทินผิว ธุรกิจสปา เป็นต้น?

จากการสำรวจพฤติกรรมคนต่างจังหวัด ปัจจุบันจะเห็นผู้ชายแต่งหน้ามากขึ้น ดังนั้น เชื่อว่า จะต้องมีการขยายแคตทิกอรี่ จากซึ่งเดิมเพศหนึ่งไม่เคยใช้ ผลักดันให้ใช้ เพราะฉะนั้นในอนาคต เราอาจจะเห็นมิสทีน โฆษณาขายเครื่องสำอางผู้ชายก็เป็นไปได้

สินค้าสุขภาพ-เกม มาแรง

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Health Care) ก็จะเติบโตมากขึ้นเมื่อเศรษฐกิจดี เช่นที่ต่างประเทศ เอเยนซีใหญ่ๆ จะตั้ง เฮลท์แคร์ เอเยนซี ขึ้นมาโดยเฉพาะ แม้ว่าเมืองไทยยังไม่ถึงแต่ก็ขั้นนั้น แต่เป็นแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อย

นายวิทวัส กล่าวอีกว่า แม้แต่ของเล่นเด็ก ซึ่งเป็น Toy ธรรมดาๆ ต่อมาพัฒนาเป็นคอมพิวเตอร์ ออนไลน์ อย่างเกม แร็คน่าร็อค ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากอินโนเวทีฟ ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ คนรุ่นใหม่ ก็กำลังลงมาทุ่มในเรื่องโฆษณา

?ล่าสุด มีลูกค้ามาติดต่อผม บอกว่า อยากโฆษณาเกมออนไลน์ ซึ่งจะเป็นคู่แข่งของแร็คน่าร็อค งบประมาณ สูงถึง 20 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าธุรกิจนี้จะต้องเติบโตขึ้นขนาดนั้น แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว? นายวิทวัส กล่าว

นโยบายรัฐผุดโครงการธุรกิจ ร่วมกระตุ้นเม็ดเงิน

ขณะที่ นายเกรียงไกร กล่าวว่า อุตสาหกรรมโฆษณาจะเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะธุรกิจจัดกิจกรรม ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากนโยบายรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใส่เม็ดเงินเข้าส่งเสริมในหลายๆ ด้าน อาทิ ทุ่มเงินในการท่องเที่ยว ซึ่งจากเดิมเอาธรรมชาติ เอาวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษให้มาเป็นจุดขาย แต่ปัจจุบันจุดขายเหล่านี้ ไม่เพียงพออีกต่อไป ททท.จึงต้องสร้างสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ๆ เช่น เทศกาลสงกรานต์ จากแต่เดิมคนไทยเล่นสงกรานต์กันแบบไทยๆ ททท.ได้พัฒนาขึ้นมาให้เพิ่มอินโนเวทีฟ สร้างสีสันให้มากขึ้น มีการตกแต่งถนนราชดำเนิน ให้เป็นเฟสติวัลใหญ่ระดับเวิลด์คลาส เพื่อดึงคนเข้ามาจากทั่วโลก

อีกตัวอย่าง คือ นโยบายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางแฟชั่น ได้ส่งผลกระตุ้นทำให้เกิดกิจกรรมต่างๆ ตามมากมาย มีการเดินแฟชั่นโชว์บ่อยขึ้น ดังนั้น จะเหมือนกับว่าอยู่ดีๆ รัฐบาลเอาเงินมากมายมหาศาลมาให้ Below the line แล้วส่งผลต่อเนื่องในแง่ธุรกิจนี้จำนวนมหาศาล ขณะที่บริษัทเองก็เติบโตจากงบประมาณภาครัฐปีนี้ถึง 10% จากบิลลิ่งรวมราว 500 ล้านบาท นายเกรียงไกร กล่าว

อุตสาหกรรมโฆษณา จึงกำลังถูกกระตุ้นด้วยสภาพแวดล้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นแรงผลักดันทางเศรษฐกิจ การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค เทคโนโลยี รวมทั้งนโยบายภาครัฐ ทั้งด้านไอที การสื่อสารช่องทางใหม่ๆ เหล่านี้ล้วนพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมโฆษณาในปี 2547
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
Solo
Verified User
โพสต์: 627
ผู้ติดตาม: 0

ข่าว : โฆษณาปี47 โตพรวด ทะลุหลักแสนล้าน ..

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
ควรลงทุนอย่างรอบคอบ ในหุ้นดีและราคาไม่แพง ครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ข่าว : โฆษณาปี47 โตพรวด ทะลุหลักแสนล้าน ..

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ได้เวลา ของเฮียปรัชญา แล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 0

ข่าว : โฆษณาปี47 โตพรวด ทะลุหลักแสนล้าน ..

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอแอบยิ้มด้วยคนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

ข่าว : โฆษณาปี47 โตพรวด ทะลุหลักแสนล้าน ..

โพสต์ที่ 5

โพสต์

บริษัทที่เกี่ยวกับโฆษณามีแค่สี่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ นอกนั้นเป็นบริษัทจำกัดทั่วไป หรือบริษัทย่อย ที่เห็นดังๆ เช่น โอกิลวี่ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ และอีกหลายที่ คือมันดีในตลาดรวม เท่าที่เห็น FE ก็มีสหพัฒน์ส่งงานให้ตลอด CHUO มีบริษัทญี่ปุ่นด้วยกันส่งงานให้ ส่วน P-FCB นี่ไม่แน่ใจ แต่ก็เห็นงานเยอะ ลูกค้าเก่าก็อยู่กันตลอด ส่วนใหญ่ธุรกิจต่างๆ จะไม่เป็นเอเยนซี่ เพราะเหมือนกับต้องมานับหนึ่งใหม่ ที่จะดีขึ้นก็มีใช้งบเพิ่ม กับธุรกิจใหม่เกิดขึ้นแล้วก็มีงบโฆษณา

ผมคิดว่าก็ต้องดูกันที่แต่ละบริษัทครับ แม้ภาพรวมจะดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีทุกบริษัทเลย
Expecto Patronum!!!!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

ข่าว : โฆษณาปี47 โตพรวด ทะลุหลักแสนล้าน ..

โพสต์ที่ 6

โพสต์

Jeng เขียน:ได้เวลา ของเฮียปรัชญา แล้ว
ขอบคุณครับคุณเจ๋ง ที่ว่าได้เวลา...ออกของ


ที่จริงของหมด


ที่จริงหมดเวลาไปตั้งหลายเดือนแล้ว

เปลี่ยนบาปเป็นบุญ แล้วเอาเงินมาถือBKIหมดเลย

เช็คปันผล2.75บาทเพิ่งได้มาอาทิตย์ก่อน

กำลังรอเขาจ่าย3.75บาทเดือนเมษาหรือพฤกษภาครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ข่าว : โฆษณาปี47 โตพรวด ทะลุหลักแสนล้าน ..

โพสต์ที่ 7

โพสต์

เฮียโชคดีนะ ที่ได้ทำบุญ อีกหน่อยผมคงมีโอกาสได้ทำบุญมั่ง

หมายถึงในกรณีเดียวกัน
ล็อคหัวข้อ