อายเค้าไหมลูก

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 31

โพสต์

[quote="ปุย"]ครับ พี่พอใจ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
matrix
Verified User
โพสต์: 1717
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 32

โพสต์

ปุย เขียน:เฮ้อ อธิบายกับลูกแล้ว ต้องคอย ทำความเข้าใจกับแม่อีก ไม้แก่ดัดยากซะด้วย
 

เหมือนกับแฟนผม เปี๊ยบบ.. เลย  :shock:

การเลี้ยงดูลูก...  จำเป็นต้องใช้จิตวิทยามาช่วยครับ..
แต่คนเป็นแม่..  ก็กลัวว่า..  สิ่งที่เราใช้นั้น... ไม่เหมาะ  ไม่ควร...

ผมเองก็เคยต้องใช้จิตวิทยาเลี้ยงลูก...  
เสร็จแล้ว.. ก็ต้องใช้จิตวิทยาในการอธิบายให้แฟนค่อยๆเข้าใจอีก...
ส่วนแฟนก็ไม่ยอมเข้าใจ..  (เถียง) เพราะเราไม่ใช่นักจิตวิทยา...

จนผมต้องหลบแอบไปซึ๊ดบุหรี่..  (เครียดจัด)
สุดท้ายก็ขอ Compromise ว่า ถ้าไม่สำเร็จในระยะเวลานึง..
ยินดีใช้วิธีของแฟนบ้าง..  ถึงได้อ่อนลงและยอม...  

ไม้แก่ดัดยากอย่างที่คุณปุยว่าจริงๆ.. ครับ..   :wink:

ผมพอทำใจได้ แต่แฟนสิ ผมก็เข้าใจว่าเค้ารักลูกมาก แต่เค้าก็ฟูมฟายเหมือนกัน อยากให้ลูกมีความสุขเหมือนเด็กคนอื่น ที่ไม่ร้องไห้

ผมก็โทษตัวเองด้วยนะ ที่เตรียมตัวลูกไม่ดีพอ ..
ขออนุญาต..  แนะนำให้คุณปุย..  แสดงความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งไว้ครับ..
อย่าแสดงความอ่อนแอ..  ให้ครอบครัวเห็น.. เป็นอันขาด..
ถึงแม้ว่า จะกลัวจนฉี่จะราด   ขี้จะไหล..  ขาจะสั่น..  ก็ห้ามแสดงอาการเด็ดขาด


และผมเชื่อว่า...  ทุกครอบครัว..  ก็ต้องการ " หัวหน้าครอบครัวที่เข้มแข็ง " ครับ..
cha
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 33

โพสต์

พูดถึงเรื่องลูก ๆ ยามเล็ก ๆ ก็มีปัญหาแบบหนึ่งนะคะ
แต่ปัญหาแบบลูกเล็กนี่ถือว่าเป็นปัญหาทุกข์แบบสุข ๆ ค่ะ
เมื่อไรที่ลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นก็จะเริ่มเป็นทุกข์แบบไม่ค่อยมีสุข
นี่คงเป็นสัจจธรรม :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
drchatri
Verified User
โพสต์: 767
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 34

โพสต์

แหม..ได้อ่านประสบการณ์ของคุณพ่อคุณแม่ผู้เปรียบเสมือนครูคนแรกมาจนจุใจ ขอบคุณทุกๆท่านมากครับ ได้ความรู้ขึ้นมากเลย ถึงแม้ผมเป็นหมอ และภรรยาจะเป็นหมอเด็ก แต่ลูกผมคนเดียว และก็อายุแค่ 2ขวบกว่า ยังอ่อนด้อยประสบการณ์มาก จะได้นำไปปรับใช้ได้ดีขึ้น ทฤษฎีย่อมสู้ประสบการณ์จริงไม่ได้  
  สำหรับเรื่องบังคับลูกผมก็เป็นเหมือนกันครับ แต่เป็นบางอย่าง ผมว่ามันต้องมีบ้างครับ เพราะการกระทำบางอย่างมันอาจเป็นอันตรายต่อเด็กก็ต้องห้ามหรือบังคับครับ แต่ก็จะมีปลอบช่วยด้วย แต่อันไหนปล่อยได้ก็ปล่อย หรือใช้วิธีชม เบี่ยงเบนความสนใจ ชักจูงให้เห็นสนุกตามด้วยได้ก้ทำครับ ผมใช้ปนๆกันไป ผิดบ้างถูกบ้างก็ให้อภัยตัวเองและลูกครับ ส่วนใหญ๋แล้วผมจะเข้มงวดมากกว่าภรรยา ถ้าผมดุลูกก็จะเกรงผมมากกว่าภรรยา แต่ลูกก็ไม่เคยกลัวผมเลย ตรงข้ามเวลาลูกอยู่กับแม่จะเรียก ป๊ะป๋า ชัดแจ๋วกว่า แม่ เสียอีก จนภรรยาผมบางทีน้อยใจ แกมอิจฉา :lol:
  เรื่อง Child's school refusal เท่าที่ผมเคนเรียนตอนอยู่จิตเวช เขาว่าเป็นภาวะฉุกเฉินทางจิตเวชอย่างนึง อย่าให้ค้างอยู่นานครับ ผมกับภรรยาก็กำลังจะประสบปัญหาแบบนี้อยู่ เพราะตอนนี้ลูกผมอยู่เนิสเซอรี่เด็กเล็ก กำลังจะพาเข้าโรงเรียนสองภาษา พย.นี้ อายุแค่ 2ขวบ5เดือน ยังพูดภาษาไทยได้แค่เป็นบางคำเท่านั้น ยังตื่นเต้นอยู่เหมือนกันครับ แต่ผมยังโชคดีที่เป็นหมอกันทั้งคู่ ภาคบังคับครับ ลางานไม่ได้ทั้งคู่ อีกอย่าง..ก็ ใจแข็งด้วยกันทั้งคู่(เป็นหมอ ผมว่าจะใจแข็งกว่าคนทั่วไป และพอรู้พื้นฐานทางจิตวิทยาอยู่บ้าง รู้ว่านี่เป็นขั้นตอนปกติที่ต้องพบแน่นอน) ตอนผมเอาลูกไปท้งไว้เนสเซอรี่ก็แค่ 1ขวบครึ่งเองครับ ตอนนั้นก็ร้องให้เหมือนกัน แต่ก็ใจแข็งทั้งคู่ครับ แวะพักเที่ยงไปดูลูกแค่ครึ่ง ชม.ก็กลับ เป็นอย่างนี้อยู่แค่ 3-4วันก็หาย และอีกอย่างตั้งแต่เกิดเลยครับที่ผมต้องทิ้งลูกไว้กับคนเลี้ยงทั้งวัน มีเวลามาเยี่ยมได้แค่พักเที่ยง จนมาเข้าเนสเซอรี่อย่างที่ว่าซึ่งผมกลับเป็นห่วงน้อยกว่า น้องปุยต้องใจแข็งครับ อย่างที่คีนูบอกถูกต้องแล้วครับ เรายอมทุกข์แค่เห็นลูกร้องวันนี้(ซึ่งมันก็เป็นขั้นตอนปกติของจิตวิทยากเด็กที่มีภาวะที่เรียกว่า Separation anxeity ซึ่งพบได้ในเด็กวัยนี้อยู่แล้ว) เพื่อให้ลูกได้มีการศึกษาที่ดีขึ้น และสำหรับผม ถือว่ามันเป็น "โอกาส" ในการให้ลูกได้มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดครับ ไม่ใช่เป็น พัฒนาการแบบ Step by Step เหมือนอย่าง การเรียนแพทย์ครับ ตอนเป็น นักศึกษาแพทย์ ก็ไม่ต้องรับผิดชอบเท่าไหร่แค่เรื่องทำรายงาน ทำแล็ปขึ้นเวรตามที่รุ่นพี่สั่ง พอเป็น นศพ.ปีสุดท้ายที่เรียกว่า Extern ก็ต้องเริ่มดูแลคนไข้สั่งการรักษาตรวจคนไข้เพิ่มขึ้น ความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นอย่างมาก พอมาเป็นหมอทั่วไป ก็ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นไปอีก แต่พอกลับมาเทรนเป็นแพทย์เฉพาะทางและจบมาแล้ว ผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างมากของความสามารถความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด ถึงแม้ว่าแต่ละคั่นตอนที่ต้องผ่านไปจะต้องลำบากและทุกข์ทรมาณไม่น้อย แต่ผมว่าคุ้มค่ามากครับ ขอเป็นกำลังใจให้น้องปุยอีกคนครับ 8)  :D  ปล.ผมกับภรรยาก็เป็นอีกคนครับที่ไม่มีญาติผู้ใหญ่คอยเลี้ยงให้ แต่ยังดีกว่าน้องปุยหน่อย ตรงถ้าเขาป่วยพ่อแม่ยายเขายังยอมเลี้ยงให้ แต่ต้องขับรถเอาไปฝากเพราะอยู่คนละจังหวัดใกล้เคียง(อุทัย) ไม่ถึงกับอยู่ ต่างประเทศแบบน้องปุย :roll:
Mr. Boo
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1841
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 35

โพสต์

คุณๆ และคณปุย ขอแจมนิดหน่อย

การไปโรงเรียนในวัยนี้ ไม่ได้เรียนอะไร และไม่ได้หมายถึงความสามารถในการศึกษาตามรูปแบบอะไรมากเลย

ลูกคุณปกติแน่ๆ เหมือนเด็กทั่วไป ไม่ร้องไห้สิน่าห่วง

ลูกอยู่กับเรา 365X3วัน(๓ขวบ)  เพิ่งต้องแยก 2-3 วันเอง ปกติเหลือเกินที่ต้องอาลัย

บางครั้งเด็กบางคน ร้องหรือไม่ร้อง ไม่ได้หมายความว่า สุข หรือ ทุกข์  เก่งหรือไม่เก่ง แค่ยังไม่คุ้นกับการจากเท่านั้น

เด็กบางคนอายุมากกว่าแค่ 3-4เดือน แต่หมายถึงแก่กว่า ตั้งสิบกว่า%เชียว ดังนั้นไม่ควรเปรียบเทียบเด็ก

เด็กเล็กไม่รู้อันตรายของน้ำ เคยอยู่ในท้องจึงไม่กลัวน้ำ
เด็กโตฉลาด รู้อันตรายของน้ำ จึงกลัวน้ำเป็นธรรมดา  ผู้ใหญ่ยิ่งกลัวใหญ่
Rabbit VS. Turtle
tt
Verified User
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 36

โพสต์

คุณปุยไม่ต้องห่วงหรอกครับ ส่งแล้วก็กลับเลย สักพักนึงก็ OK แต่เด็กก็คือเด็กนะครับ ลูกผมพอแม่แกคลอดลูกคนที่ 2 แล้วไม่ได้ไปส่งที่โรงเรียน ขึ้นอนุบาล 2 แล้วนะ ก็กลับมาร้องไห้ใหม่ บอกว่าคิดถึงน้อง จากเดิมมาโรงเรียนสนุกมากไม่เคยร้องไห้ กลับมาร้องไห้ เล่นเอาพ่อเครียดไปประมาณ 2 อาทิตย์ก็ต้องตัดใจ จนในที่สุดก็ OK
    ส่วนที่พี่พอใจบอกว่าเด็กทุกคนชอบเล่นน้ำ คงไม่จริงครับ เพราะว่าลูกผมมันกลัวน้ำทะเลมาก ขนาดเดินริมทะเลยยังไม่ยอมเลย จนให้ไปว่ายน้ำกับครูนะแหละถึงดีขึ้น
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 37

โพสต์

สรุป เมื่อวานวันที่ 3 ตอนไปรับ เค้าก็ดู Happy ครับ ถามว่ามาอีกมั้ย เค้าตอบว่า "มาซิ"

แต่ตอนกลางคืน เค้าหลับแล้วอาการออกครับ ผมว่าน่าจะฝันร้าย นอนร้องไห้แทบตลอดคืน ละเมอว่า "กลับบ้านๆ"

โชคดี วันนี้หยุด 2 วันครับ เปิดอีกที วันอาทิตย์


ตั้งแต่เค้าเกิด ด่านนี้ ยากที่สุดแล้วครับ

พาไปหาหมอฟัน ตรวจฟัน ก็ผ่านได้ด้วยดี  ขูดคราบหินปูน เค้าชอบ แถมแอบหลับด้วยซ้ำ
พาไปว่ายน้ำ เค้ากระโดดลงสระเลย อย่างที่บอก
ฝึกฉี่ตอนกลางคืน หลังจากถอด pampers ก็ใช้เวลาไม่นาน ก็ทำได้
ฝึกถ่ายแบบนั่งชักโครก ก็สบายๆ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ปุย เขียน:โชคดี วันนี้หยุด 2 วันครับ เปิดอีกที วันอาทิตย์
ผมว่าเด็กที่กำลังฝึกไปโรงเรียน  แล้วได้หยุดอยู่บ้าน  พอไปโรงเรียนใหม่  แกต้องปรับตัวใหม่  ทำใจใหม่ครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 39

โพสต์

chatchai เขียน:
ผมว่าเด็กที่กำลังฝึกไปโรงเรียน
Mr. Boo
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1841
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 40

โพสต์

คุณปุย ครับ
รายการตื่นแล้ว งัวเงีย ไม่สดใส เป็นประเด็นสำคัญอยู่
และความสามารถในการตื่นของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน
ต้องหาทางทำความเข้าใจ และทำให้เหมาะกับลูก
ลูกผมต้องเกาสะดือเล่านิทานให้ฟังตอนตื่นนอนอยู่หลายปี กว่าจะเข้าที่เข้าทาง
Rabbit VS. Turtle
tt
Verified User
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 41

โพสต์

คุณปุยครับ ลูกนี่ฝึกมาอย่างไรก็ได้อย่างนั้นนะครับ ยอมให้เขาไม่ไปโรงเรียนอีกหน่อย เค้าก็หาเรื่องปวดหัวตัวร้อนหยุดตลอด เหมือนทำการบ้านบางคนอนุบาล1 ลูกไม่อยากทำ หรือ ใช้เวลาทำนาน ก็สงสารลูก บอกปล่อยๆมันไปเถอะจะเอาอะไรนักหนาแต่อนุบาล1 สุดท้าย พอขึ้นอนุบาล3 เค้าก็จะไม่ยอมทำการบ้านแล้ว พ่อแม่ก็ต้องให้ลูกเรียนพิเศษที่โรงเรียนเพื่อทำการบ้าน เพราะบังคับให้ลูกทำไม่ได้ สำคัญมากนะครับ คุณปุยลองหาหนังสือ "กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว"มาอ่านดู (ไม่รู้ยังมีขายหรือปล่าว)
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 42

โพสต์

Mr. Boo เขียน:คุณปุย ครับ
รายการตื่นแล้ว งัวเงีย ไม่สดใส เป็นประเด็นสำคัญอยู่
และความสามารถในการตื่นของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน
ต้องหาทางทำความเข้าใจ และทำให้เหมาะกับลูก
ลูกผมต้องเกาสะดือเล่านิทานให้ฟังตอนตื่นนอนอยู่หลายปี กว่าจะเข้าที่เข้าทาง
พี่ Mr.Boo ผมก็คิดคล้ายๆ กับพี่ คือ อารมณ์ของวัน สำคัญตอนตื่น และ นอนหลับได้เพียงพอหรือไม่  ตอนนี้ถึงพยายาม นอนเร็ว จะได้ตื่นเช้าๆ ไม่ต้องเร่งรีบมาก โชคดี รร.เข้า 8 โมง เดินจากบ้าน 10 นาทีถึง ออกจากบ้าน สบายๆ 7 โมงครึ่งครับ
tt เขียน:คุณปุยครับ ลูกนี่ฝึกมาอย่างไรก็ได้อย่างนั้นนะครับ ยอมให้เขาไม่ไปโรงเรียนอีกหน่อย เค้าก็หาเรื่องปวดหัวตัวร้อนหยุดตลอด เหมือนทำการบ้านบางคนอนุบาล1 ลูกไม่อยากทำ หรือ ใช้เวลาทำนาน ก็สงสารลูก บอกปล่อยๆมันไปเถอะจะเอาอะไรนักหนาแต่อนุบาล1 สุดท้าย พอขึ้นอนุบาล3 เค้าก็จะไม่ยอมทำการบ้านแล้ว พ่อแม่ก็ต้องให้ลูกเรียนพิเศษที่โรงเรียนเพื่อทำการบ้าน เพราะบังคับให้ลูกทำไม่ได้ สำคัญมากนะครับ คุณปุยลองหาหนังสือ "กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว"มาอ่านดู (ไม่รู้ยังมีขายหรือปล่าว)

ตกลง อาทิตย์นี้ ผมยังไม่ได้ให้ลุกไป รร.ใหม่ครับ เพราะเค้าไอมาก ตอนนอนก็ไอ หลับไม่เต็มที่ ไปหาหมอ ก็ให้ยามากิน ขนาดกินข้าว ยังไม่สะดวก เป็นจริงๆ เลยให้หยุดก่อนครับ กลัวไปแล้วจะเป็นหนักกว่านี้

ส่วนเรื่องหนังสือ ผมคิดว่ามีแล้ว ไว้จะลองไปอ่านใหม่ครับ
tt
Verified User
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 0

อายเค้าไหมลูก

โพสต์ที่ 43

โพสต์

เรื่องไปโรงเรียนแล้วไม่สบายนี่เด็กเป็นทุกคนนะครับ ลูกผมอนุบาล1 ไปหาหมอ เกือบทุกอาทิตย์ จนเทอม 2 ถึงจะค่อยยังชั่ว เริ่มมีภูมิคุ้มกันแลวมั๊ง