พี่ๆ VI ทำอย่างไรครับเมื่อเงินหมดแล้ว แต่มีหุ้นที่.....

[VI น้องใหม่]

ทั้งดีและถูกอยู่หลายตัวที่น่าลงทุนมากๆ แต่เงินหมดกระเป๋าแล้ว หุ้นใน port ก็ดีและราคายังไม่ถึงเป้าหมายจนขายไม่ลง ประเภทรักพี่เสียดายน้องอ่ะครับ

ผมคิดอย่างนี้ไม่ทราบว่าจะถูกหรือไม่ครับ พี่ๆช่วยแนะนำด้วยครับ

1. พิจารณาหุ้นใน port ของเราว่ายังเหลือ upside อยู่มากน้อยเพียงใด แล้วเลือกตัวที่ยังเหลือ upside น้อยที่สุดขายออกมา เพื่อเปลี่ยนมาซื้อตัวที่เราต้องใจที่ยังมี upside มากกว่า

2. หากตัดใจขายหมดไม่ได้ ก็ขายเพียงบางส่วนเพื่อนำเงินมาลงทุนในหุ้นใหม่ที่เราหมายตาไว้ เพื่อจะได้ไม่เสียโอกาสที่หุ้นเดิมจะวิ่งขึ้นภายหลัง และมีหุ้นใหม่มาประดับ port

3. "ทำใจ" หากเลือกไม่ออก ก็ให้คิดว่าสักวันเราคงมีโอกาสกลับมาซื้อหุ้นตัวนั้น หากราคามันยังไม่ไปไหนไกล และหุ้นเดิมราคาวิ่งถึงเป้าหมายแล้ว

พี่ๆช่วยแนะนำด้วยครับว่าควรจะใช้วิธีการใด ขอบคุณครับ

[pae2020]

ผมไม่มีราคาเป้าหมายครับ สนใจแต่ปัจจัยพื้นฐาน ถ้าปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนกิจการที่เราถือหุ้นอยู่ยังมีความสามารถในการทำกำไรอยู่เรื่อยๆ ราคาหุ้นมันจะวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆได้เอง คล้ายๆกับมูลค่าแท้จริงมันจะวิ่งนำราคาหุ้นไปเรื่อยๆทำนองนั้น แม้ว่าบางครั้งราคาหุ้นจะวิ่งนำไปบ้างเนื่องจากแรงกระเพื่อม แต่ถ้าหุ้นเราดีจริง มูลค่าแท้จริงจะยกระดับตัวเองขึ้นได้เรื่อยๆ ไม่งั้นบรรดาโบรกเกอร์ไม่มาคอยอัพเดทราคาเป้าหมายใหม่บ่อยๆหรอกครับ

ถ้าเป็นผมมีหุ้น Value ที่ดีพออยู่ในมือ ผมจะไม่เปลี่ยนใจสวิทซ์ไปถือตัวอื่นง่ายๆ โดยเฉพาะหากเราวิเคราะห์จน"รู้จัก" หุ้นตัวที่เราถือดีพอ ผมไม่เสี่ยงไปถือหุ้นตัวที่ผม "รู้จัก" น้อยกว่า ยกเว้นความเสี่ยงนั้นคุ้มค่ากว่ามากๆ

ดังนั้น สำหรับผม ผมจะปล่อยโอกาสนี้ผ่านไปครับ และเก็บเงินเก็บทองรอไว้ซื้อหุ้น Value ตัวใหม่เพิ่มเติมโดยไม่คิด ขายตัวเดิม เพื่อไปซื้อตัวใหม่ ซึ่งน่าจะเสี่ยงกว่าเดิม

[sirivajj]

ตอบจากประสพการณ์ส่วนตัวนี่ ผมใช้ตัวช่วยทั้ง 3 ตัวที่คุณ VI บอกมาเลยครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของการทำกำไรหรือเติบ
โตต่อของหุ้นตัวที่มีอยู่ในพอร์ต
อย่างไรก็ดี ถ้าถามถึงสิ่งที่ทำบ่อย ก็มักจะเป็นข้อ 3 คือ ทำใจไป เพราะเราคิดว่า หุ้นที่ซื้อไว้ เราวิเคราะห์มาดีแล้ว ในเมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐาน ผมก็จะไม่เปลี่ยนไปเป็นตัวอื่นครับ

[VI น้องใหม่]

พี่ pae2020 ครับ หุ้นตัวใหม่ที่เรามองนั้น เราก็ได้มีการศึกษาและวิเคราะห์อยู่นานแล้วเช่นกันครับ ในแง่ความเหมาะสมในการลงทุน โดยมี margin of safty มากพอสมควรแล้วพอๆกับหุ้นใน port ของเรา

เพราะที่ผ่านมา ผมก็ต้องใช้วิธี"ทำใจ" เมื่อยังไม่มีเงินมาลงทุนกับมัน แล้วก็เห็นราคาของมันวิ่งติดจรวดไปแบบมองตาปริบๆด้วยความเสียดายครับ ดังนั้นผมจึงมานั่งคิดใหม่ว่าเราควรจะมีวิธีปรับ port หรือไม่อย่างไรเพื่อจะได้ไม่เสียโอกาสอันนั้นอีกครับ แต่ที่ผ่านมาก็ต้องทำใจอย่างเดียวเลยครับ คือต้องพยายามทำใจหนักแน่นเอาไว้ พี่ๆ VI ท่านอื่นๆเคยมีประสบการณ์แบบผมบ้างมั้ยครับ?

[ayethebing]

ถ้ามันดีเท่ากันเชี้ยะ ขนาดนั้นจะไปเสียค่าคอมให้โบรกเกอร์เค้าทำไมละเฮีย ขายตัวที่ดีในพอร์ท ไปซื้ออีกตัวที่ดีเท่ากัน มันบ่งามเด้อ

ถ้าเป็นผมมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นก้อคงได้แต่เผ้ารอ รอ รอ ทำงัยได้ละเพ่ เรามันไม่ใช่ปอดเหล็ก แต่เป็นพวกปอดเล็กนี่ครับ อิอิ

[ปรัชญา]

ถ้าอยากจะซื้อหุ้นโดยเงินหน้าตักหมด
และหุ้นที่ถืออยู่มีปันผล

ผมยังนิยมซื้อต่อ โดยการเอาเบิกใบหุ้นแล้วไปจำนำกับเครือญาติ
ที่เล่นหุ้นด้วยกันและชอบพอนับถือกันครับ
คำนวนก่อนกว่าเงินปันผลจะพอจ่ายค่าดอกเบี้ยกับยอดเงินที่ยืมมาซื้อและหุ้นตัวที่ซื้อใหม่ก็ต้องมีปันผลนะครับ เพราะอีก3-4เดือนก็ได้ถึงฤดูกาลปันผลแล้ว พอประกาศปันผลคราวนี้ล่ะถึงจุดตัดสินใจ
เลือกว่าจะเอาเจ้าหุ้นตัวไหนเก็บไว้ แล้วเอาอีกตัวไปขายใข้หนี้
แต่ถ้าเงินปันผลของเราที่รับมาทั้งหมดของหุ้นในพอท์ตพอใช้หนี้เขา
ก็เก็บหุ้นนั้นไว้ทั้ง2ตัวเป็นการลงทุน


(วิธีนี้จะใช้ได้ผลแต่หุ้นปันผลและบวกระยะเวลานะครับ)

ถ้ากู้แบ๊งก์มาซื้อหุ้นปันผล
ผมกำลังทดลองอยู่ครับ คือกู้เงินแบ๊งก์มา2ล้านมาลงทุน
และได้ซื้อหุ้นBKIที่จ่ายปันผลทุก3เดือน คำนวนแล้วได้เงินปันผล
วันละ3ร้อยกว่าบาท พอจ่ายค่าดอกเบี๊ย OD อันนี้ไม่ใช่คำแนะนำนะครับ
เป็นการทดลองว่ามันจะคุ้มกันหรือเปล่า เพราะผมมีหุ้นตัวอื่นที่จะปันผลอีกหลายตัว เรียกว่าเสริมสภาพคล่องครับ

ผมก็เงินหมดเหมือนกันเหลือแต่หุ้น
และคิดว่าปีหน้าหุ้น ราคาคงเพิ่มขึ้นมากกว่าจะเสียค่าดอกบี้ย
เลยลองทำดูครับ


(ความสามารถเฉพาะตัวควรพิจารณาในความเสี่ยง)

[Solo]

พี่และเพื่อนของผม ใช้วิธี กู้ O/D เอาเงินชาวบ้าน มา เล่นหุ้น ถ้าคิดว่าได้ผลตอบแทน คุ้มค่า ครับ ไม่ว่า จะมี ปันผลรองรับหรือไม่ แต่ความเสี่ยงก็สูงมากครับ


ส่วนผมเอง ก็ เล่นตามเงินสดที่มีในมือ หรือไม่ก็ ขายตัวที่มองไม่ดี ออกไป แล้วเข้าตัวที่มีปันผลรองรับครับ แต่ถ้า ไม่รู้ จะขายตัวไหนออกไป ก็ ยอมมองเฉยเฉยครับ

[Jeng]

นี่แหละเป็นสัญญาน เตือนว่า ฟองสบู่ กำลังจะเริ่มต้น เพราะคิดยังไงๆ กู้มาซื้อหุ้นก็ได้กำไรมากกว่า

จึงเกิดการกู้ แต่นำไปใช้ไม่ตรงกับวัถตุประสงค์การกู้

เช่นกู้ซื้อบ้าน แบบเอาบ้านที่ไม่ได้กู้ ไปกู้ ขอกู้แบบซื้อบ้าน ได้เงินมา ก็เล่นหุ้น

กู้ซื้อรถ รถไม่ต้องผ่อน อยู่ดีๆ ก็ไปจัดไฟแนน ได้เงินมาก็ไปซื้อหุ้น

กู้แบบบุคคล = personal loan ก็แบบเดียวกัน แต่อาจจะได้เงินไม่มาก แต่สำหรับคนที่ไม่มีเงิน มันก็ไม่น้อย

บัตรเครดิต รูดสินค้า แต่ไม่ได้สิน รูด กับเพื่อน แล้วได้เงินสด เอาเล่นหุ้น

กู้ OD จะเอามาทำการค้า แต่เอามาซื้อหุ้น

ล่าสุด Picni เพิ่มทุนได้เงินไป 1200 ล้านบาท บอกว่า ยังไม่ได้ใช้ ก็เอามาซื้อหุ้น

ไม่ได้ว่าเฮียนะครับ

เพียงแต่สังเกตุว่า เรื่องนี้ พักนี้พูดถึงบ่อยๆ ว่าน่าจะกู้ เอาเงินมาซื้อหุ้น

[Solo]

พี่ Jeng มองได้ลึกดีครับ

ล่าสุด วงเงินบัตร เครดิต ของผม ก็ ได้ เพิ่ม ขึ้นจากปีก่อน อีก 50% ด้วยครับโดยที่ผมไม้ได้ขอให้เพิ่มนะครับ

ทั้งทั้งที่ ผม ก็ ใช้เดือนละน้อยน้อย เพราะ ผมชอบใช้เงินสดมากกว่าครับ


เพื่อนของผม ก็ ถือบัตรเครดิตหลายใบ เพื่อ กู้ใบนี้ ไปคืนใบนั้น เป็นการใช้จ่ายเกินตัว จนบางครั้งต้องมาขอยืม จาก พี่น้องหรือเพื่อน ครับ ถ้าหมุนไม่ทันครับ

[Teerasak]

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า หุ้นนี่มันโครตเสี่ยงเลย เงินที่มาเล่นเนี่ยมันเงินกู ไม่ใช่เงินกู้ คนต้องมีเงินออมเสียก่อน เวลาหุ้นขึ้นก็คุยกันทุกคนล่ะว่าได้หุ้นเท่านั้นเท่านี้ แต่เวลาหุ้นตกหนักๆ หน้าแห้งหมด ตอนนี้คุณเสียใจไม่มีเงินซื้อหุ้นเพิ่มไม่เป็นไร แต่เวลาหุ้นปรับฐานหนักๆ คุณมีเงินรับหุ้นหรือคุณติดหุ้นล่ะ ผมยังจำบทเรียนอันเจ็บปวดสมัยที่หุ้นตกจาก 1700 เหลือ 210 จุดได้ดี มีคุณทักษิณคนหนึ่งล่ะที่รวยนอกนั้นแทบอยากไปยิงตัวตายที่ตลาดหุ้น

[thanwa]

คิดว่าจะมีผมอยู่คนเดียวเรื่องกู้

เรื่องก็มีอยู่ว่า พี่ๆ เขาก็มีเงินฝากแบงค์
ดอกเบี้ยก็ต่ำติดดิน เราก็เห็นว่าน่าจะได้ประโยชน์ร่วมกัน
ผมก็ให้ดอกสูงกว่าแบงค์ แล้วก็นำเงินมาลงทุน
เพราะคิดว่าน่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
เงินทองก็ไม่ไปไหน ใครจะเลียนแบบไม่ว่ากัน

ทีนี้เวลาลงทุนก็ลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ
ต่าจะให้ผลตอบแทนพอรับได้ ตัวอย่างเช่น
ถ้าผมให้ดอกเบี้ยร้อยละ 5
มาลงทุนในหุ้นที่ให้เงินปันผลประมาณ 5%
ผมว่าน่าลุ้นครับ เงินปันผลก็จ่ายดอกเบี้ยได้
มีส่วนเหลือจากขอเครดิตภาษีปันผล
นอกจากนี้ยังมีลุ้นเรื่อง capital gain ในช่วงปี สองปีนี้

อีกอย่าง ผมว่า ในเมื่อเราจะศึกษาเรื่องการลงทุนให้เข้าใจดี
หากเงินลงทุนปริมาณไม่มาก อาจจะไม่มี economy of scale
ดังนั้น ผมคิดว่าน่าจะมีเงินลงทุนในปริมาณที่เหมาะสมไม่น้อยเกินไป

ความคิดเห็น ส่วนตัว ทั้งนั้นเลยละ

[ayethebing]

ผมเองไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกู้เงินมาซื้อหุ้น ไม่ว่าจะเป็นจากญาติพี่น้องหรือจากวงเงิน O/D ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ

ถ้าอยากจะกู้ผมจะกู้ไปทำอะไรที่เป็น real sector เช่นกู้ซ่อมบ้าน กู้ทำธุรกิจ เป็นต้น การกู้เงินมาเล่นหุ้นต้องเป็นคนที่มีเงินลงทุนในหุ้นพอสมควรและต้องมี "ฝีมือ" ในการบริหารจัดการพอร์ทให้มีเงินสดออกมาพอกับดอกเบี้ยและบางส่วนของเงินต้น มันจะไม่ใช่การลงทุนแบบทบต้นนะครับ

ไม่ใช่อะไรหรอกครับ กลัวคนที่เป็นมือใหม่ คิดว่าการกู้มาเล่นหุ้นเป็นเรื่องธรรมดา ก้อเลยกู้กันใหญ่ มันอันตรายถ้าเราไม่รู้จักการควบคุมความเสี่ยงครับ

สำหรับอาเฮียปรัชญาหรือคุณ thanwa นั่นนะเค้าเซียนแล้ว การบริหารความเสี่ยงทำได้สบายมากเลย

อย่างนี้ต้องบอกแบบมีตัววิ่งข้างล่างว่า "ความสามารถนี้เป็นความสามารถส่วนตัว อย่าลอกเลียนแบบ" ครับ อิอิ

อันนี้ก้อเป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ

[เผื่่อไว้กินบ้าง]

อย่างไรเสียก็ขอเผื่อเอาไว้กินข้างบ้างนะครับ
อย่าทุ่มสุดตัว
เกิดเหตสุดวิสัยขึ้นมา
ไม่มีใครมาให้กินข้าวฟรีนะจ๊ะ

[harry]

ตอนนี้ผมเงินหมดแล้ว รอเงินเดือนออก จะแบ่งส่วนเงินออมมาไว้ซื้อเพิ่ม