SAFARI
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
SAFARI
โพสต์ที่ 1
SAFARI: ข้อมูลทั่วไป
Source - SET Listed Company Information (Th/Eng)
Tuesday, July 03, 2018 20:23
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) (SAFARI)
รายละเอียดบริษัท
ชื่อบริษัท บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)(NPG)
ที่อยู่ 99 ถนนปัญญาอินทรา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม.
เว็บไซต์ www.safariworld.com
โทรศัพท์ 0-2518-1000-19, 0-2914-4100-19
โทรสาร 0-2518-1022, 0-2914-2959
ตลาด SET
กลุ่มอุตสาหกรรม -
หมวดธุรกิจ หมวดบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงาน
วันที่เข้าซื้อขายวันแรก
วันที่สิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี 31/12
นโยบายเงินปันผล ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของแต่
ละปี
รายละเอียดเกี่ยวกับทุน
ราคาพาร์ 1.00 บาท
ทุนจดทะเบียน 2,221,108,600.00 บาท
ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,221,108,600.00 บาท
-/-
Source - SET Listed Company Information (Th/Eng)
Tuesday, July 03, 2018 20:23
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) (SAFARI)
รายละเอียดบริษัท
ชื่อบริษัท บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)(NPG)
ที่อยู่ 99 ถนนปัญญาอินทรา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม.
เว็บไซต์ www.safariworld.com
โทรศัพท์ 0-2518-1000-19, 0-2914-4100-19
โทรสาร 0-2518-1022, 0-2914-2959
ตลาด SET
กลุ่มอุตสาหกรรม -
หมวดธุรกิจ หมวดบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงาน
วันที่เข้าซื้อขายวันแรก
วันที่สิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี 31/12
นโยบายเงินปันผล ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของแต่
ละปี
รายละเอียดเกี่ยวกับทุน
ราคาพาร์ 1.00 บาท
ทุนจดทะเบียน 2,221,108,600.00 บาท
ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,221,108,600.00 บาท
-/-
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 2
SAFARI เตรียมตั้ง บ.ร่วมทุนสร้างแหล่งท่องเที่ยวธีมปาร์คในเมืองคุนหมิงของจีน
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Thursday, July 26, 2018 13:09
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 61)--บมจ. ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ และ และบมจ.ภูเก็ตแฟนตาซี ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกัน เพื่อพิจารณาการที่บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะไปร่วมลงทุนสร้างแหล่งท่องเที่ยวธีมปาร์คกับหน่วยงานรัฐบาล มณฑลยูนนาน เมืองคุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยไปขอจดทะเบียนชื่อบริษัทร่วมทุนกับบริษัทจีน เพื่อให้บริษัทดังกล่าวขอใช้ประโยชน์บนที่ดินกับหน่วยงานอำเภอคุนหมิง เพื่อทำโครงการแหล่งท่องเที่ยว เมื่อได้รับการอนุมัติจากทางการจีนแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงจะมีการประชุมสรุปรายละเอียดของบริษัทร่วมทุน เพื่อพิจารณาการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนตามกฎหมายจีนต่อไป ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแล้ว จะแจ้งสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามระเบียบต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย รัชดา คงขุนเทียน/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Thursday, July 26, 2018 13:09
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 61)--บมจ. ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ และ และบมจ.ภูเก็ตแฟนตาซี ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกัน เพื่อพิจารณาการที่บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะไปร่วมลงทุนสร้างแหล่งท่องเที่ยวธีมปาร์คกับหน่วยงานรัฐบาล มณฑลยูนนาน เมืองคุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยไปขอจดทะเบียนชื่อบริษัทร่วมทุนกับบริษัทจีน เพื่อให้บริษัทดังกล่าวขอใช้ประโยชน์บนที่ดินกับหน่วยงานอำเภอคุนหมิง เพื่อทำโครงการแหล่งท่องเที่ยว เมื่อได้รับการอนุมัติจากทางการจีนแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงจะมีการประชุมสรุปรายละเอียดของบริษัทร่วมทุน เพื่อพิจารณาการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนตามกฎหมายจีนต่อไป ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแล้ว จะแจ้งสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามระเบียบต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย รัชดา คงขุนเทียน/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 3
‘ซาฟารีเวิลด์’ ฮึดอีกเฮือก! ร่วมลงทุนธีมปาร์คในจีน
Source - เว็บไซต์ไทยรัฐ (Th)
Thursday, July 26, 2018 14:14
“ซาฟารีเวิลด์” ขยับ หลังจากเงียบมานาน มีหนี้กว่า 3 พันล้าน ล่าสุดประกาศร่วมทุนบริษัทจีน บุกธุรกิจสวนสนุก ธีมปาร์คในคุนหมิง
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) โดยนายผิน คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหารแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการประชุมของคณะกรรมการบริษัท และบริษัทย่อย คือ ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) ว่าที่ประชุมอนุมัติร่วมทุนกับบริษัทจีน สร้างแหล่งท่องเที่ยวธีมปาร์คกับหน่วยงานรัฐบาล มณฑลยูนนาน เมืองคุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะมีการจดชื่อบริษัทร่วมทุน และไปขอใช้ประโยชน์บนที่ดินกับหน่วยงานอำเภอคุนหมิง เพื่อทำโครงการแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว เมื่อได้รับการอนุมัติจากทางการจีน
สำหรับรายละเอียดการจัดตั้งบริษัทลงทุนดังกล่าว หากมีความคืบหน้าบริษัทจะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ซาฟารีเวิลด์ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2531 พื้นที่ 475 ไร่ ย่านรามอินทรา จากนั้นได้ขยายธุรกิจอีกหลายพื้นที่ เช่น ภูเก็ตแฟนตาซี คาร์นิวัลเมจิก ที่ภูเก็ต ซาฟารีไวลด์ไลฟ์ ที่ปราจีนบุรี ในช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อรายได้ซาฟารีเวิลด์ เพราะนักท่องเที่ยวลดลง เช่น วิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 การก่อการร้ายเครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด ปี 2544 โรคระบาดซาร์ส ปี 2546 ไข้หวัดนกปี 2547 รวมถึงปัญหาการเมืองในประเทศ จนปี 2541-2549 ขาดทุนต่อเนื่อง และปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ พยายามหารายได้เพิ่ม เพื่อให้พ้นจากการอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์
สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรก 2561 มีรายได้ 521 ล้านบาท กำไร 65 ล้านบาท ส่วนปี 2560 มีรายได้ 1,974 ล้านบาท กำไร 193 ล้านบาท มีหนี้สินรวม ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2561 อยู่ที่ 3,169 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นใหญ่ปัจจุบันคือตระกูลคิ้วคชาเกือบร้อยละ 40 ผู้ถือหุ้นมากเป็นอันดับ 2 คือนายทวีฉัตร จุฬางกูร ร้อยละ 9.9
ที่มา: http://www.thairath.co.th
Source - เว็บไซต์ไทยรัฐ (Th)
Thursday, July 26, 2018 14:14
“ซาฟารีเวิลด์” ขยับ หลังจากเงียบมานาน มีหนี้กว่า 3 พันล้าน ล่าสุดประกาศร่วมทุนบริษัทจีน บุกธุรกิจสวนสนุก ธีมปาร์คในคุนหมิง
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) โดยนายผิน คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหารแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการประชุมของคณะกรรมการบริษัท และบริษัทย่อย คือ ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) ว่าที่ประชุมอนุมัติร่วมทุนกับบริษัทจีน สร้างแหล่งท่องเที่ยวธีมปาร์คกับหน่วยงานรัฐบาล มณฑลยูนนาน เมืองคุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะมีการจดชื่อบริษัทร่วมทุน และไปขอใช้ประโยชน์บนที่ดินกับหน่วยงานอำเภอคุนหมิง เพื่อทำโครงการแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว เมื่อได้รับการอนุมัติจากทางการจีน
สำหรับรายละเอียดการจัดตั้งบริษัทลงทุนดังกล่าว หากมีความคืบหน้าบริษัทจะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ซาฟารีเวิลด์ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2531 พื้นที่ 475 ไร่ ย่านรามอินทรา จากนั้นได้ขยายธุรกิจอีกหลายพื้นที่ เช่น ภูเก็ตแฟนตาซี คาร์นิวัลเมจิก ที่ภูเก็ต ซาฟารีไวลด์ไลฟ์ ที่ปราจีนบุรี ในช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อรายได้ซาฟารีเวิลด์ เพราะนักท่องเที่ยวลดลง เช่น วิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 การก่อการร้ายเครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด ปี 2544 โรคระบาดซาร์ส ปี 2546 ไข้หวัดนกปี 2547 รวมถึงปัญหาการเมืองในประเทศ จนปี 2541-2549 ขาดทุนต่อเนื่อง และปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ พยายามหารายได้เพิ่ม เพื่อให้พ้นจากการอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์
สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรก 2561 มีรายได้ 521 ล้านบาท กำไร 65 ล้านบาท ส่วนปี 2560 มีรายได้ 1,974 ล้านบาท กำไร 193 ล้านบาท มีหนี้สินรวม ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2561 อยู่ที่ 3,169 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นใหญ่ปัจจุบันคือตระกูลคิ้วคชาเกือบร้อยละ 40 ผู้ถือหุ้นมากเป็นอันดับ 2 คือนายทวีฉัตร จุฬางกูร ร้อยละ 9.9
ที่มา: http://www.thairath.co.th
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 4
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย (F45-3)
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2561 2560 2561 2560
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 38,995 42,545 104,777 81,696
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.02 0.02 0.05 0.04
ต่อหุ้น (บาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2561 2560 2561 2560
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 34,940 18,975 65,305 23,379
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.02 0.01 0.03 0.01
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต
หมายเหตุ
โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นางอาภา คิ้วคชา )
กรรมการผู้จัดการใหญ่
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2561 2560 2561 2560
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 38,995 42,545 104,777 81,696
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.02 0.02 0.05 0.04
ต่อหุ้น (บาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2561 2560 2561 2560
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 34,940 18,975 65,305 23,379
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.02 0.01 0.03 0.01
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต
หมายเหตุ
โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นางอาภา คิ้วคชา )
กรรมการผู้จัดการใหญ่
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 5
SAFARI เผยเกิดเหตุเพลิงไหม้ภัตตาคารในมารีนปาร์ควานนี้ไม่กระทบการให้บริการ-มีประกันภัยครอบคลุม
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2561 10:14:29 น.
บมจ.ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) แจ้งว่าเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) เวลาประมาณ 18.00 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารภัตตาคาร 2 หลังภายในพื้นที่มารีนปาร์ค แต่ก็สามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังบริเวณอื่น และดับเพลิงได้ในเวลาต่อมา เหตุการณ์ดังกล่าวมิได้ส่งผลกระทบต่อสัตว์ เวทีการแสดงโชว์ และพื้นที่การให้บริการอื่น ๆ
บริษัทสามารถเปิดดำเนินธุรกิจและให้บริการทางด้านอาหารและเครื่องดื่มแก่นักท่องเที่ยวได้ตามปกติ เนื่องจากไม่มีความเสียหายในส่วนใดนอกจากภัตตาคาร 2 หลังดังกล่าวเท่านั้น อีกทังยังมีอาคารภัตตาคารขนาดใหญ่อีกจำนวน 3 หลัง ซึ่งสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวันได้อย่างเพียงพอ
ทั้งนี้ ทรัพย์สินของบริษัท มีประกันภัยคุ้มครองครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากอัคคีภัยทั้งหมดและได้ประสานงานกับบริษัทผู้รับประกันภัย สำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมชดเชยความเสียหายเรียบร้อยแล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2561 10:14:29 น.
บมจ.ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) แจ้งว่าเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) เวลาประมาณ 18.00 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารภัตตาคาร 2 หลังภายในพื้นที่มารีนปาร์ค แต่ก็สามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังบริเวณอื่น และดับเพลิงได้ในเวลาต่อมา เหตุการณ์ดังกล่าวมิได้ส่งผลกระทบต่อสัตว์ เวทีการแสดงโชว์ และพื้นที่การให้บริการอื่น ๆ
บริษัทสามารถเปิดดำเนินธุรกิจและให้บริการทางด้านอาหารและเครื่องดื่มแก่นักท่องเที่ยวได้ตามปกติ เนื่องจากไม่มีความเสียหายในส่วนใดนอกจากภัตตาคาร 2 หลังดังกล่าวเท่านั้น อีกทังยังมีอาคารภัตตาคารขนาดใหญ่อีกจำนวน 3 หลัง ซึ่งสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวันได้อย่างเพียงพอ
ทั้งนี้ ทรัพย์สินของบริษัท มีประกันภัยคุ้มครองครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากอัคคีภัยทั้งหมดและได้ประสานงานกับบริษัทผู้รับประกันภัย สำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมชดเชยความเสียหายเรียบร้อยแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 6
SAFARI เพิ่มทุน RO-PP อัดงบลงทุนโครงการคาร์นิวัลเมจิกเพิ่ม 1.86 พันล.
18/03/2019SAFARI, โครงการคาร์นิวัลเมจิก
HoonSmart.com>>”ซาฟารีเวิลด์” ชงผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มงบลงทุนโครงการคาร์นิวัลเมจิก จาก 3,570 ล้านบาท เป็น 5,436 ล้านบาท พร้อมเพิ่มทุน 888.44 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมและบุคคลในวงจำกัด
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2562 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2562 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการคาร์นิวัลเมจิกอีกจำนวน 1,866 ล้านบาท จากงบลงทุนเดิม 3,570 ล้านบาท เป็น 5,436 ล้านบาท เนื่องจากคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่างบประมาณที่จะขออนุมัติเพิ่มเติมในครั้งนี้เป็นงบประมาณภายใต้โครงการเดียวกันกับที่เคยได้รับสัตยาบันจากผู้ถือหุ้นแล้วในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2560 จึงเห็นควรให้นำมูลค่าการลงทุนของทั้งโครงการเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากงบลงทุนไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ โครงการคาร์นิวัลเมจิก ซึ่งบริษัทได้ลงทุนทางอ้อมผ่านบริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นร้อยละ 99.92 ของหุ้นจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
อย่างไรก็ตามรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์นี้เข้าข่ายได้รับการยกเว้นการยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ใหม่ภายใต้ประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป เนื่องจากธุรกิจที่ได้มามีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือเสริมกันกับธุรกิจของบริษัทฯโครงการคาร์นิวัลเมจิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวและนันทนาการประเภทธีมปาร์ค มีลักษณะการประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันกับการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัท ดังนั้นจึงเป็นการเสริมธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ไม่มีนโยบายจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจหลักที่สาคัญของบริษัทฯ บริษัทฯ และภูเก็ตแฟนตาซีไม่มีนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด กลุ่มบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวและนันทนาการต่อไปควบคู่ไปกับการเปิดดำเนินธุรกิจของโครงการคาร์นิวัลเมจิก และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในคณะกรรมการของบริษัทและในอำนาจการควบคุมบริษัทหรือผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมของบริษัทภายหลังการได้มาซึ่งสินทรัพย์โครงการคาร์นิวัลเมจิก บริษัทฯ
คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 888,443,440.00 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,221,108,600.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 3,109,552,040.00 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 888,443,440 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1.00 บาทต่อหุ้น จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิม (RO) จำนวน 666,332,580 หุ้น หรือ 30.00% ต่อทุนชำระแล้ว ณ วันที่คณะกรรมการมีมติให้เพิ่มทุน นอกจากนี้จัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 222,110,860 หุ้น หรือ 10.00% ต่อทุนชำระแล้ว
18/03/2019SAFARI, โครงการคาร์นิวัลเมจิก
HoonSmart.com>>”ซาฟารีเวิลด์” ชงผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มงบลงทุนโครงการคาร์นิวัลเมจิก จาก 3,570 ล้านบาท เป็น 5,436 ล้านบาท พร้อมเพิ่มทุน 888.44 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมและบุคคลในวงจำกัด
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2562 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2562 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการคาร์นิวัลเมจิกอีกจำนวน 1,866 ล้านบาท จากงบลงทุนเดิม 3,570 ล้านบาท เป็น 5,436 ล้านบาท เนื่องจากคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่างบประมาณที่จะขออนุมัติเพิ่มเติมในครั้งนี้เป็นงบประมาณภายใต้โครงการเดียวกันกับที่เคยได้รับสัตยาบันจากผู้ถือหุ้นแล้วในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2560 จึงเห็นควรให้นำมูลค่าการลงทุนของทั้งโครงการเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากงบลงทุนไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ โครงการคาร์นิวัลเมจิก ซึ่งบริษัทได้ลงทุนทางอ้อมผ่านบริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นร้อยละ 99.92 ของหุ้นจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
อย่างไรก็ตามรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์นี้เข้าข่ายได้รับการยกเว้นการยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ใหม่ภายใต้ประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป เนื่องจากธุรกิจที่ได้มามีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือเสริมกันกับธุรกิจของบริษัทฯโครงการคาร์นิวัลเมจิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวและนันทนาการประเภทธีมปาร์ค มีลักษณะการประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันกับการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัท ดังนั้นจึงเป็นการเสริมธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ไม่มีนโยบายจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจหลักที่สาคัญของบริษัทฯ บริษัทฯ และภูเก็ตแฟนตาซีไม่มีนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด กลุ่มบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวและนันทนาการต่อไปควบคู่ไปกับการเปิดดำเนินธุรกิจของโครงการคาร์นิวัลเมจิก และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในคณะกรรมการของบริษัทและในอำนาจการควบคุมบริษัทหรือผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมของบริษัทภายหลังการได้มาซึ่งสินทรัพย์โครงการคาร์นิวัลเมจิก บริษัทฯ
คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 888,443,440.00 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,221,108,600.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 3,109,552,040.00 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 888,443,440 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1.00 บาทต่อหุ้น จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิม (RO) จำนวน 666,332,580 หุ้น หรือ 30.00% ต่อทุนชำระแล้ว ณ วันที่คณะกรรมการมีมติให้เพิ่มทุน นอกจากนี้จัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 222,110,860 หุ้น หรือ 10.00% ต่อทุนชำระแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 7
SAFARI ขยายเวลาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 666 ล้านหุ้น เริ่ม 27 ก.ย.
26/09/2019SAFARI
HoonSmart.com>> “ซาฟารีเวิลด์” ขยายเวลาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 666 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 10 ต่อ 3 ราคาหุ้นละ 1.20 บาท ระหว่าง 27 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ ให้ผู้ถือหุ้นมีเวลาตัดสินใจ
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2562 มีมติให้ขยายระยะเวลาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้มีระยะเวลาในการพิจารณาและตัดสินใจจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนมากขึ้น บริษัทฯ จึงขยายระยะเวลาจองซื้อและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็นวันที่ 27 ก.ย., 30 ก.ย. และวันที่ 1 ต.ค.2562
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2562 อนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบ General Mandate จำนวน 666,332,580 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1.00 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม อัตราส่วน 10 หุ้นเดิม ต่อ 3 หุ้นใหม่ ราคาจองซื้อ 1.20 บาทต่อหุ้น เดิมกำหนดจองซื้อวันที่ 23 ก.ย. 2562 ถึงวันที่ 1 ต.ค. 2562 โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทธิเพิ่มทุนวันที่ 11 ก.ย. 2562
26/09/2019SAFARI
HoonSmart.com>> “ซาฟารีเวิลด์” ขยายเวลาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 666 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 10 ต่อ 3 ราคาหุ้นละ 1.20 บาท ระหว่าง 27 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ ให้ผู้ถือหุ้นมีเวลาตัดสินใจ
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2562 มีมติให้ขยายระยะเวลาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้มีระยะเวลาในการพิจารณาและตัดสินใจจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนมากขึ้น บริษัทฯ จึงขยายระยะเวลาจองซื้อและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็นวันที่ 27 ก.ย., 30 ก.ย. และวันที่ 1 ต.ค.2562
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2562 อนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบ General Mandate จำนวน 666,332,580 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1.00 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม อัตราส่วน 10 หุ้นเดิม ต่อ 3 หุ้นใหม่ ราคาจองซื้อ 1.20 บาทต่อหุ้น เดิมกำหนดจองซื้อวันที่ 23 ก.ย. 2562 ถึงวันที่ 1 ต.ค. 2562 โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทธิเพิ่มทุนวันที่ 11 ก.ย. 2562
-
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 8
"มีมติให้ขยายระยะเวลาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้มีระยะเวลาในการพิจารณาและตัดสินใจจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนมากขึ้น"
เหตุผลดูไม่เหมาะสมครับ เพราะลงประกาศแจ้งผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 28 สิงหาคมแล้ว ขยายเวลาอีก 2 วันจะช่วยการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น (รายย่อย) ได้อย่างไรครับ
เหตุผลดูไม่เหมาะสมครับ เพราะลงประกาศแจ้งผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 28 สิงหาคมแล้ว ขยายเวลาอีก 2 วันจะช่วยการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น (รายย่อย) ได้อย่างไรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 9
"ภูเก็ตแฟนตาซี" ทุ่ม 5 พันล. โชว์ธีมปาร์ค คาร์นิวัลสไตล์ไทย แห่งเดียวในโลก
เปิดมาแล้ว 20 ปี ภูเก็ตแฟนตาซี สวนสนุกแห่งจังหวัดภูเก็ต ขอเล่นใหญ่ จัด แสง สี เสียง เมืองไฟ สุดอลังการ ตั้งเป้าเป็น แลนด์มาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของเอเชีย ดึงดูดนทท.ต่างชาติ ได้1 - 2 ล้านคน/ปี
"ภูเก็ตแฟนตาซี" ทุ่ม 5 พันล. โชว์ธีมปาร์ค คาร์นิวัลสไตล์ไทย แห่งเดียวในโลก
นายกิตติกร คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด และ บริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด เปิดเผยว่าปีนี้ภูเก็ตแฟนตาซี ครบรอบ 20 ปี เตรียมฉลองการครบรอบด้วยการเปิดโครงการใหม่พิเศษ "คาร์นิวัลเมจิก" ธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทยที่แรกและที่เดียวในโลก
วางตำแหน่ง เป็นสวนสนุกที่มีคอนเซปต์การจัดงานรื่นเริงสไตล์งานฟันแฟร์ หรือ งานวัดของไทย ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ผสมสานความสนุกสนานแบบไทย ๆ ในมาตรฐานระดับโลก สร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจ และความปรารถนาที่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย
โดยวางเป้าหมาย การสร้างสถานที่ท่องเที่ยวแบบแลนด์มาร์คที่สามารถสร้างแรงดึงดูด ให้ผู้คนเข้ามาเยือนภูเก็ตให้มากขึ้น ช่วยสร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค
สำหรับโครงการ "คาร์นิวัลเมจิก" เป็นธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทยที่แรกและที่เดียวในโลกประกอบไปด้วย 4 โซนหลัก คือ โซนที่ 1 คือ คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair) สินค้านานาชนิดจากทั่วภูมิภาคทั่วไทย ในร้านค้าที่ออกแบบตกแต่งสีสันสดใสสไตล์คาร์นิวัล นอกจากนี้ ยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็ก ๆ เช่น ถ้วยชาหมุน ชิงช้าสวรรค์ ขับรถแข่ง นั่งรถไฟ และ ม้าหมุน
โซนที่ 2 ภัตตาคารเบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise) ภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับผู้มาเยือน ได้มากถึง 3,000 ที่นั่ง ในบรรยากาศการรับประทานอาหารเสมือนอยู่ในสวนแห่งสวรรค์ บริการเมนูอาหารกว่า 100 เมนู ทั้งแบบตะวันตก และตะวันออก
นอกจากนี้ ยังมีภัตตาคารหรู 3 ชั้นอีกแห่ง ในชื่อว่า "River of Bliss Luxury Restaurant" ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเทศกาลลอยกระทง ภายในให้บริการอาหารแบบเซ็ตเมนูที่ลูกค้าเลือกเองได้ ในบรรยากาศ
โซนที่ 3 คือ โรงละครริเวอร์ พาเลซ (River Palace)โรงละครขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่กว่า 16,000 ตรม. หรือ ประมาณ 10 ไร่ นับเป็นโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น 1 ในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยตัวอาคาร มีความยาวถึง 200 เมตร รองรับผู้ชมได้มากถึง 2,000 ที่นั่ง และภายในมีเวทีการแสดงที่กว้างถึง 70 เมตร สูง 22 เมตร พร้อมการแสดงบนเวทีในรูปแบบพาเหรดอินดอร์ที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ในชื่อ "ริเวอร์คาร์นิวัล" (River Carnival) เป็นการแสดงพาเหรดที่ผสมผสานศิลปะไทยกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน มีความยาวประมาณ 60 นาที มีไฮไลต์อยู่ที่ ขบวนรถพาเหรดที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 70 เมตร หรือเทียบเท่ากับเครื่องบินจัมโบ้ A380
โซนที่ 4 คือ คิงดอม ออฟ ไลทส์ (Kingdom of Lights)เมืองที่มีไฟประดับประดาสวยงามมากกว่า 40 ล้านดวง ไฮไลต์ของโซนนี้ คือ "River of Lights" ดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัด ลวดลายสวยงาม (Luminarie) มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร เป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ล้อมรอบทะเลสาบ นายกิตติกร กล่าวว่าสำหรับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้ "คาร์นิวัลเมจิก" เป็นที่รู้จักและเป็นแหล่งท่องเที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะเน้นการทำแผนสื่อสารการตลาดเชิงรุกแบบ 360 องศา ทั้งการทำออฟไลน์และออนไลน์
โดยเฉพาะเน้นการทำโปรโมตทั้งในและนอกประเทศ ในกลุ่มประเทศที่ชื่นชอบการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยกว่า 40 ประเทศ มีการทำโรดโชว์ไปยังสถานที่สำคัญทั่วทั้งภูเก็ต และ จังหวัดสำคัญ ๆ ทั่วประเทศ
รวมทั้ง เอเยนต์ทัวร์ต่าง ๆ ทั้งในและนอกประเทศ ที่เป็นพันธมิตรมายาวนานกว่าพันแห่ง พร้อมสร้างการรู้จักแบรนด์ผ่านการใช้ สื่อออนไลน์และ TV ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นปีหน้า
โดยกลุ่มเป้าหมายของคาร์นิวัลเมจิกนั้น วางสัดส่วนเป็นชาวต่างชาติและชาวไทยไว้ที่ 70:30 คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้มากถึง1-2 ล้านคนต่อปี และคาดว่ามีรายได้ 1,500 ล้านบาทต่อปี
"คาร์นิวัลเมจิก คือ ความฝันและจินตนาการที่ต้องการจะมอบให้เป็นของขวัญให้กับ ชาวภูเก็ตและชาวไทยทุกท่าน โดยหวังว่าคาร์นิวัลเมจิกจะเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจ สร้างความสนุกเพลิดเพลินให้กับผู้ที่มาเที่ยวชม และสร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวไทยทุก ๆ คน โดยโครงการฯ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ประมาณต้นปี 2563" นายกิตติกร กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวภูเก็ต ในปีหน้าว่า จากศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต ที่มีทั้งชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเก็ต ทำให้ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ตตกปีละ 12 – 13 ล้านคน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจประมาณ 4 แสนล้านบาทต่อปี โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 70% เป็นชาวต่างชาติ
เปิดมาแล้ว 20 ปี ภูเก็ตแฟนตาซี สวนสนุกแห่งจังหวัดภูเก็ต ขอเล่นใหญ่ จัด แสง สี เสียง เมืองไฟ สุดอลังการ ตั้งเป้าเป็น แลนด์มาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของเอเชีย ดึงดูดนทท.ต่างชาติ ได้1 - 2 ล้านคน/ปี
"ภูเก็ตแฟนตาซี" ทุ่ม 5 พันล. โชว์ธีมปาร์ค คาร์นิวัลสไตล์ไทย แห่งเดียวในโลก
นายกิตติกร คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด และ บริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด เปิดเผยว่าปีนี้ภูเก็ตแฟนตาซี ครบรอบ 20 ปี เตรียมฉลองการครบรอบด้วยการเปิดโครงการใหม่พิเศษ "คาร์นิวัลเมจิก" ธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทยที่แรกและที่เดียวในโลก
วางตำแหน่ง เป็นสวนสนุกที่มีคอนเซปต์การจัดงานรื่นเริงสไตล์งานฟันแฟร์ หรือ งานวัดของไทย ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ผสมสานความสนุกสนานแบบไทย ๆ ในมาตรฐานระดับโลก สร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจ และความปรารถนาที่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย
โดยวางเป้าหมาย การสร้างสถานที่ท่องเที่ยวแบบแลนด์มาร์คที่สามารถสร้างแรงดึงดูด ให้ผู้คนเข้ามาเยือนภูเก็ตให้มากขึ้น ช่วยสร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค
สำหรับโครงการ "คาร์นิวัลเมจิก" เป็นธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทยที่แรกและที่เดียวในโลกประกอบไปด้วย 4 โซนหลัก คือ โซนที่ 1 คือ คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair) สินค้านานาชนิดจากทั่วภูมิภาคทั่วไทย ในร้านค้าที่ออกแบบตกแต่งสีสันสดใสสไตล์คาร์นิวัล นอกจากนี้ ยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็ก ๆ เช่น ถ้วยชาหมุน ชิงช้าสวรรค์ ขับรถแข่ง นั่งรถไฟ และ ม้าหมุน
โซนที่ 2 ภัตตาคารเบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise) ภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับผู้มาเยือน ได้มากถึง 3,000 ที่นั่ง ในบรรยากาศการรับประทานอาหารเสมือนอยู่ในสวนแห่งสวรรค์ บริการเมนูอาหารกว่า 100 เมนู ทั้งแบบตะวันตก และตะวันออก
นอกจากนี้ ยังมีภัตตาคารหรู 3 ชั้นอีกแห่ง ในชื่อว่า "River of Bliss Luxury Restaurant" ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเทศกาลลอยกระทง ภายในให้บริการอาหารแบบเซ็ตเมนูที่ลูกค้าเลือกเองได้ ในบรรยากาศ
โซนที่ 3 คือ โรงละครริเวอร์ พาเลซ (River Palace)โรงละครขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่กว่า 16,000 ตรม. หรือ ประมาณ 10 ไร่ นับเป็นโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น 1 ในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยตัวอาคาร มีความยาวถึง 200 เมตร รองรับผู้ชมได้มากถึง 2,000 ที่นั่ง และภายในมีเวทีการแสดงที่กว้างถึง 70 เมตร สูง 22 เมตร พร้อมการแสดงบนเวทีในรูปแบบพาเหรดอินดอร์ที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ในชื่อ "ริเวอร์คาร์นิวัล" (River Carnival) เป็นการแสดงพาเหรดที่ผสมผสานศิลปะไทยกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน มีความยาวประมาณ 60 นาที มีไฮไลต์อยู่ที่ ขบวนรถพาเหรดที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 70 เมตร หรือเทียบเท่ากับเครื่องบินจัมโบ้ A380
โซนที่ 4 คือ คิงดอม ออฟ ไลทส์ (Kingdom of Lights)เมืองที่มีไฟประดับประดาสวยงามมากกว่า 40 ล้านดวง ไฮไลต์ของโซนนี้ คือ "River of Lights" ดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัด ลวดลายสวยงาม (Luminarie) มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร เป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ล้อมรอบทะเลสาบ นายกิตติกร กล่าวว่าสำหรับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้ "คาร์นิวัลเมจิก" เป็นที่รู้จักและเป็นแหล่งท่องเที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะเน้นการทำแผนสื่อสารการตลาดเชิงรุกแบบ 360 องศา ทั้งการทำออฟไลน์และออนไลน์
โดยเฉพาะเน้นการทำโปรโมตทั้งในและนอกประเทศ ในกลุ่มประเทศที่ชื่นชอบการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยกว่า 40 ประเทศ มีการทำโรดโชว์ไปยังสถานที่สำคัญทั่วทั้งภูเก็ต และ จังหวัดสำคัญ ๆ ทั่วประเทศ
รวมทั้ง เอเยนต์ทัวร์ต่าง ๆ ทั้งในและนอกประเทศ ที่เป็นพันธมิตรมายาวนานกว่าพันแห่ง พร้อมสร้างการรู้จักแบรนด์ผ่านการใช้ สื่อออนไลน์และ TV ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นปีหน้า
โดยกลุ่มเป้าหมายของคาร์นิวัลเมจิกนั้น วางสัดส่วนเป็นชาวต่างชาติและชาวไทยไว้ที่ 70:30 คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้มากถึง1-2 ล้านคนต่อปี และคาดว่ามีรายได้ 1,500 ล้านบาทต่อปี
"คาร์นิวัลเมจิก คือ ความฝันและจินตนาการที่ต้องการจะมอบให้เป็นของขวัญให้กับ ชาวภูเก็ตและชาวไทยทุกท่าน โดยหวังว่าคาร์นิวัลเมจิกจะเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจ สร้างความสนุกเพลิดเพลินให้กับผู้ที่มาเที่ยวชม และสร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวไทยทุก ๆ คน โดยโครงการฯ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ประมาณต้นปี 2563" นายกิตติกร กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวภูเก็ต ในปีหน้าว่า จากศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต ที่มีทั้งชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเก็ต ทำให้ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ตตกปีละ 12 – 13 ล้านคน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจประมาณ 4 แสนล้านบาทต่อปี โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 70% เป็นชาวต่างชาติ
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 10
ภูเก็ตแฟนตาซี ควัก 5,000 ล้าน เปิด “คาร์นิวัลเมจิก” แม็คเน็ตใหม่ของจ.ภูเก็ต
ภูเก็ตแฟนตาซีลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี เปิดโครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” ธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทย ด้วยงบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเอเชีย คาร์นิวัลเมจิก เป็นโครงการธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทยที่แรก ภายใต้ชื่อ บริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯ ในเครือของภูเก็ตแฟนตาซี ตั้งอยู่ ณ หาดกมลา จังหวัดภูเก็ต บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ใกล้กับภูเก็ตแฟนตาซี ตั้งเป้าให้เป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่แห่งใหม่ของเอเชีย คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้มากถึง 1-2 ล้านคนต่อปี และคาดว่ามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี
กิตติกร คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ภูเก็ตแฟนตาซี และบจก.คาร์นิวัลเมจิก เปิดเผยว่า “ปีนี้ภูเก็ตแฟนตาซี ครบรอบ 20 ปี ขอฉลองการครบรอบด้วยการเปิดโครงการใหม่ที่พิเศษ ยิ่งใหญ่ไม่เหมือนใครกับโครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” ธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทย เป็นสวนสนุกที่มีคอนเซปต์การจัดงานรื่นเริงสไตล์งานฟันแฟร์หรืองานวัดของไทย ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ผสมผสานความสนุกสนานแบบไทยๆ เป้าหมายของเรา คือ การสร้างสถานที่ท่องเที่ยวแบบแลนด์มาร์คที่สามารถสร้างแรงดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาเยือนภูเก็ตให้มากขึ้น ช่วยสร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ ท้องถิ่น และส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค”
แบ่งเป็น 4 โซนหลัก
สำหรับโครงการคาร์นิวัลเมจิก ประกอบไปด้วย 4 โซนหลัก
โซนที่ 1 คือ คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair)
ถนนช้อปปิ้งสินค้านานาชนิดจากทั่วภูมิภาคทั่วไทย ในบรรยากาศแห่งความรื่นเริงสุขสันต์ของเทศกาลต่าง ๆ นอกจากนั้น ยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ ได้สนุกสนานเพลิดเพลิน ระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่กำลังช้อปปิ้งอีกด้วย เช่น ถ้วยชาหมุน ชิงช้าสวรรค์ ขับรถแข่ง นั่งรถไฟ และม้าหมุน
โซนที่ 2 ภัตตาคารเบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise)
เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับผู้มาเยือนได้มากถึง 3,000 ที่นั่ง ในบรรยากาศการรับประทานอาหารเสมือนอยู่ในสวนแห่งสวรรค์ รายล้อมด้วยรูปปั้นนกยูง สามารถใช้จัดเลี้ยงส่วนตัวเฉพาะกลุ่มได้ทุกขนาด บริการเมนูอาหารกว่า 100 เมนู ซึ่งเป็นเมนูแบบตะวันตก และตะวันออก อาหารอินเดีย อาหารมังสวิรัติ และอาหารฮาลาล นอกจากนี้ยังมีภัตตาคารหรู 3 ชั้นอีกแห่ง มีชื่อว่า “River of Bliss Luxury Restaurant” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทศกาลลอยกระทง ภายในให้บริการอาหารแบบเซตเมนูที่ลูกค้าเลือกเองได้ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกระทงที่สวยงาม
โซนที่ 3 คือ โรงละครริเวอร์พาเลซ (River Palace)
เป็นโรงละครขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่กว่า 16,000 ตรม. หรือ ประมาณ 10 ไร่ นับเป็นโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น 1 ในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยตัวอาคารมีความยาว 200 เมตร รองรับผู้ชมได้มากถึง 2,000 ที่นั่ง และภายในมีเวทีการแสดงที่ยาวถึง 70 เมตร กว้าง 22 เมตร พร้อมการแสดงบนเวทีในรูปแบบพาเหรดอินดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในชื่อ “ริเวอร์คาร์นิวัล” (River Carnival) เป็นการแสดงพาเหรดที่ผสมผสานศิลปะไทยกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน มีความยาวประมาณ 60 นาที
โซนที่ 4 คือ คิงดอมออฟไลทส์ (Kingdom of Lights)
เป็นเมืองที่มีไฟประดับประดามากกว่า 40 ล้านดวง ไฮไลต์ของโซนนี้ คือ “River of Lights” ที่มีการนำดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัดลวดลายสวยงาม (Luminarie) ที่มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร เป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ล้อมรอบทะเลสาบ
โดยกลุ่มเป้าหมายของคาร์นิวัลเมจิกนั้น ได้วางสัดส่วนเป็นคนต่างชาติ 70% และคนไทย 30% คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้มากถึง1-2 ล้านคนต่อปี และคาดว่ามีรายได้ 1,500 ล้านบาทต่อปี
ภูเก็ตแฟนตาซีลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี เปิดโครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” ธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทย ด้วยงบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเอเชีย คาร์นิวัลเมจิก เป็นโครงการธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทยที่แรก ภายใต้ชื่อ บริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯ ในเครือของภูเก็ตแฟนตาซี ตั้งอยู่ ณ หาดกมลา จังหวัดภูเก็ต บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ใกล้กับภูเก็ตแฟนตาซี ตั้งเป้าให้เป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่แห่งใหม่ของเอเชีย คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้มากถึง 1-2 ล้านคนต่อปี และคาดว่ามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี
กิตติกร คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ภูเก็ตแฟนตาซี และบจก.คาร์นิวัลเมจิก เปิดเผยว่า “ปีนี้ภูเก็ตแฟนตาซี ครบรอบ 20 ปี ขอฉลองการครบรอบด้วยการเปิดโครงการใหม่ที่พิเศษ ยิ่งใหญ่ไม่เหมือนใครกับโครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” ธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทย เป็นสวนสนุกที่มีคอนเซปต์การจัดงานรื่นเริงสไตล์งานฟันแฟร์หรืองานวัดของไทย ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ผสมผสานความสนุกสนานแบบไทยๆ เป้าหมายของเรา คือ การสร้างสถานที่ท่องเที่ยวแบบแลนด์มาร์คที่สามารถสร้างแรงดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาเยือนภูเก็ตให้มากขึ้น ช่วยสร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ ท้องถิ่น และส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค”
แบ่งเป็น 4 โซนหลัก
สำหรับโครงการคาร์นิวัลเมจิก ประกอบไปด้วย 4 โซนหลัก
โซนที่ 1 คือ คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair)
ถนนช้อปปิ้งสินค้านานาชนิดจากทั่วภูมิภาคทั่วไทย ในบรรยากาศแห่งความรื่นเริงสุขสันต์ของเทศกาลต่าง ๆ นอกจากนั้น ยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ ได้สนุกสนานเพลิดเพลิน ระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่กำลังช้อปปิ้งอีกด้วย เช่น ถ้วยชาหมุน ชิงช้าสวรรค์ ขับรถแข่ง นั่งรถไฟ และม้าหมุน
โซนที่ 2 ภัตตาคารเบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise)
เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับผู้มาเยือนได้มากถึง 3,000 ที่นั่ง ในบรรยากาศการรับประทานอาหารเสมือนอยู่ในสวนแห่งสวรรค์ รายล้อมด้วยรูปปั้นนกยูง สามารถใช้จัดเลี้ยงส่วนตัวเฉพาะกลุ่มได้ทุกขนาด บริการเมนูอาหารกว่า 100 เมนู ซึ่งเป็นเมนูแบบตะวันตก และตะวันออก อาหารอินเดีย อาหารมังสวิรัติ และอาหารฮาลาล นอกจากนี้ยังมีภัตตาคารหรู 3 ชั้นอีกแห่ง มีชื่อว่า “River of Bliss Luxury Restaurant” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทศกาลลอยกระทง ภายในให้บริการอาหารแบบเซตเมนูที่ลูกค้าเลือกเองได้ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกระทงที่สวยงาม
โซนที่ 3 คือ โรงละครริเวอร์พาเลซ (River Palace)
เป็นโรงละครขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่กว่า 16,000 ตรม. หรือ ประมาณ 10 ไร่ นับเป็นโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น 1 ในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยตัวอาคารมีความยาว 200 เมตร รองรับผู้ชมได้มากถึง 2,000 ที่นั่ง และภายในมีเวทีการแสดงที่ยาวถึง 70 เมตร กว้าง 22 เมตร พร้อมการแสดงบนเวทีในรูปแบบพาเหรดอินดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในชื่อ “ริเวอร์คาร์นิวัล” (River Carnival) เป็นการแสดงพาเหรดที่ผสมผสานศิลปะไทยกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน มีความยาวประมาณ 60 นาที
โซนที่ 4 คือ คิงดอมออฟไลทส์ (Kingdom of Lights)
เป็นเมืองที่มีไฟประดับประดามากกว่า 40 ล้านดวง ไฮไลต์ของโซนนี้ คือ “River of Lights” ที่มีการนำดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัดลวดลายสวยงาม (Luminarie) ที่มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร เป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ล้อมรอบทะเลสาบ
โดยกลุ่มเป้าหมายของคาร์นิวัลเมจิกนั้น ได้วางสัดส่วนเป็นคนต่างชาติ 70% และคนไทย 30% คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้มากถึง1-2 ล้านคนต่อปี และคาดว่ามีรายได้ 1,500 ล้านบาทต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 11
เปิด 10 เบื้องหลัง “คาร์นิวัลเมจิก” บิ๊กโปรเจกต์ของภูเก็ตแฟนตาซี หวังขึ้นแท่น Top 3 สวนสนุกในเอเชีย
ทำความรู้จักกับโปรเจกต์ “คาร์นิวัลเมจิก” ที่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดภูเก็ต โดยจะเป็นสวนสนุกสไตล์ไทยๆ แต่หวังเทียบเท่าสวนสนุกในเอเชียให้ได้ กระตุ้นการท่องเที่ยวภูเก็ตกลับมาคึกคัก ใครที่เคยไปเยือนจังหวัดภูเก็ตน่าจะต้องคุ้นเคย หรือเคยไปเที่ยวที่ “ภูเก็ตแฟนตาซี” กันอยู่บ้าง จนถึงวันนี้ภูเก็ตแฟนตาซีได้เปิดให้บริการมา 20 ปี ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดภูเก็ตไปแล้วเช่นกัน
ในปีนี้ก็มีการเคลื่อนไหวสำคัญ โดยที่มีการลงทุนครั้งใหญ่ในการสร้างโครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” สำหรับรายละอียด และเบื้องหลังของโครงการนี้ เราได้สรุปมาให้แล้ว
1. ส่วนสนุกธีมปาร์ค ไม่ใช่โรงละคร
“คาร์นิวัลเมจิก” เป็นสวนท่องเที่ยวธีมปาร์ค สไตล์ไทยๆ เป็นสวนสนุกที่มีคอนเซ็ปต์การจัดงานรื่นเริงสไตล์งานฟันแฟร์ หรืองานวัดของไทย บริหารงานโดย บริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด เป็นบริษัทในเครือของภูเก็ตแฟนตาซี ตั้งอยู่ ณ หาดกมลา จังหวัดภูเก็ต บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ภายในจะประกอบไปด้วย 4 โซนหลัก ได้แก่ โซนที่ 1 คือ ถนนช้อปปิ้ง มีชื่อว่า Carnival Fun Fair, โซนที่ 2 คือ ภัตตาคารบุฟเฟต์ Bird of Paradise, โซนที่ 3 คือ โรงละครขนาดใหญ่ River Palace พร้อมชมการแสดงพาเหรดสุดยิ่งใหญ่ River Carnival และโซนที่ 4 คือ เมืองไฟ มีชื่อว่า Kingdom of Lights
คาร์นิวัลเมจิกเป็นโครงการที่คนไทยทำเอง 100% ตั้งแต่การคิด ออกแบบ โดยใช้พนักงานของภูเก็ตแฟนตาซีกว่า 1,600 คนพนักงานช่วยกันทำ
2. ลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี
คาร์นิวัลเมจิกเป็นธีมปาร์คแห่งที่ 3 ของ “ดร.ผิน คิ้วคชา” ประธานกรรมการบริหาร ของอาณาจักรซาฟารีเวิลด์ โดยที่ก่อนหน้านี้ได้ประสบความสำเร็จกับการสร้าง “สถานที่ท่องเที่ยว” ซาฟารีเวิลด์ และภูเก็ตแฟนตาซีมาแล้ว ซึ่งโครงการนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยทำมามีมูลค่าถึง 5,000 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน
โดยที่ 33 ปีก่อนได้ลงทุน 1,300 ล้านบาทสร้างซาฟารีเวิลด์ เป็นสวนสัตว์แห่งใหญ่ในกรุงเทพฯ จากนั้นเมื่อ 20 ปีก่อนได้ลงทุน 3,500 ล้านบาท สร้างภูเก็ตแฟนตาซีให้เป็นเดสติเนชั่นของจังหวัดภูเก็ต
นอกจากมูลค่าการลงทุนที่สูงขึ้น พื้นที่ก็มากขึ้นเช่นกัน คาลนิวัลเมจิกมีพื้นที่รวม 100 ไร่ ส่วนภูเก็ตแฟนตาซีมีพื้นที่รวม 70 ไร่
3. กระตุ้นการท่องเที่ยวภูเก็ต หลังจากซบเซามา 3 ปี
การเปิดโครงการคาร์นิวัลเมจิกในครั้งนี้ เรียกว่าเป็นจังหวะที่ดีในการกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต เพราะเกิดภาวะซบเซามาหลายปีแล้ว
ดร.ผินบอกว่า การท่องเที่ยวในภูเก็ตซบเซามา 3 ปีแล้ว มีนักท่องเที่ยวลดลง 30% ส่วนของภูเก็ตแฟนตาซีก็ลดลงราวๆ 30% เช่นกัน คนที่มาเที่ยวก็ลดลง การใช้จ่ายเงินก็ลดลงไปด้วย เกิดจากหลายปัจจัยโดยมีสัญญาณต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงไว้ทุกข์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปจนถึงการจัดการเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ข่าวเรือล่ม และค่าเงินบาทแข็ง
รวมถึงคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ที่ยอดนิยมที่มีการเติบโตดีก็คือบาหลี ญี่ปุ่น และเวียดนาม
นักท่องเที่ยวชาวจีน ยุโรป และออสเตรเลียได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่ได้กลุ่มอินเดียเข้ามาเพิ่ม 30% จากอินไซต์พบว่านักท่องเที่ยวชาวจีน อินเดีย รัสเซียชอบประเทศไทย
การเปิดโครงการใหม่คาดว่าช่วยดึงนักท่องเที่ยวที่ขาดหายไปหลายปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ตตกปีละ 12 - 13 ล้านคน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจประมาณ 4 แสนล้านบาทต่อปี หรือเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 70% เป็นชาวต่างชาติ
4. ร่างโปรเจกต์มาเป็น 10 ปีแล้ว
เบื้องหลังของคาร์นิวัลเมจิกได้ผ่านกระบวนการคิดมาเป็น 10 ปีแล้ว โดยที่ “กิตกิกร คิ้วคชา” ทายาทเจน 2 ของดร.ผิน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) เป็นแม่ทัพใหญ่ของโครงการนี้
กิตกิกรได้บอกว่า เริ่มวาดรูปแรกของโปรเจ็คต์ ตั้งแต่ปี 2002 เป็นช่วงที่หลังจากภูเก็ตแฟนตาซีเปิดมา 4 ปี อีกทั้งในช่วงปี 2013 - 2015 ที่ภูเก็ตแฟนตาซีมีลูกค้าเยอะ จนทำให้ต้องเปิดการแสดง 2 รอบตลอดทุกวัน จึงมองว่าเป็นโอกาสในการขยายอะไรใหม่ๆ เลยทำคาร์นิวัลเมจิกเฟสแรกปี 2015 วางงบลงทุนไว้ที่ 3,000 ล้านบาท จากนั้นก็มองว่าอีก 10 - 20 ปี ประเทศไทย และภูเก็ตยังมีศักยภาพในการเติบโต เลยเพิ่มงบลงทุนเป็น 5,000 ล้านบาท
5. ต้องเล่นใหญ่เท่านั้น โครงการเล็กๆ โลกไม่จำ
ดร.ผินบอกว่า นโยบายของที่นี่ต้องสร้างสิ่งที่โลกยังไม่มี ต้องสร้างอะไรใหม่ๆ และต้องทำบิ๊กโปรเจ็คต์ที่เป็นโครงการใหญ่ๆ เท่านั้น เพราถ้าทำโครงการเล็กๆ ก็จะไม่มี Impact ที่มากพอ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าการลงทุนของอาณาจักรซาฟารีเวิลด์ต้องมีการลงทุนใหญ่ขึ้นตลอด
ไม่แน่ว่าโครงการต่อจากคาร์นิวัลเมจิกก็อาจจะใหญ่กว่านี้อีกก็ได้...
6. จับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์มากขึ้น
ดร.ผินวางจุดยืนให้คาร์นิวัลเมจิกอยู่ในระดับที่พรีเมียม และภูเก็ตแฟนตาซีอยู่ในระดับแมส โดยที่ปัจจุบันภูเก็ตแฟนตาซีมีค่าบัตรผ่านประตูอยู่ที่ 1,800 บาท ส่วนคาร์นิวัลเมจิกคาดว่าจะมีราคาบัตรอยู่ที่ 2,200 บาท ส่วนซาฟารีเวิลด์มีค่าบัตรอยู่ที่ราคา 690 บาท
โครงการนี้จะจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นครอบครัวระดับไฮเอนด์มากขึ้น เพราะเชื่อว่าเด็กๆ น่าจะชอบแสงสี และสวนสนุก
7. หวังกระตุ้นลูกค้าปีละ 1 - 2 ล้านคน
ตอนนี้ลูกค้าของภูเก็ตแฟนตาซีเฉลี่ย 600,000 - 700,000 คน/ปี ลดลงมาจากประมาณ 1 ล้านคน/ปี เป็นตัวเลขที่ลดลงมาติดต่อกัน 3 ปีแล้ว แบ่งสัดส่วนเป็นชาวต่างชาติ 70% และคนไทย 30%
กลุ่มลูกค้า 5 ประเทศหลัก ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และรัสเซีย โดยที่กลุ่มอินเดียเพิ่งมาบูมในช่วงไม่กี่ปีมานี้
สำหรับคาร์นิวัลเมจิกตั้งเป้าดึงดูดลูกค้า 1 - 2 ล้านคน/ปี จะมาช่วยเสริมให้ภูเก็ตแฟนตาซีแข็งแกร่งมากขึ้น
ดร.ผินบอกว่า... คนซื้อบัตรเข้าคาร์นิวัลเมจิก แค่มาเข้าห้องน้ำ หรือเข้ามาถ่ายรูปในห้องน้ำก็คุ้มแล้ว
8. เตรียมเปิดปี 2020
คาร์นิวัลเมจิกได้ใช้เวลาในการก่อสร้าง 3 ปี ตอนนี้สร้างไปแล้ว 80% คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 1 ปี 2020
การที่โครงการเปิดในช่วงเวลานี้ก็ถือว่าเป็นจังหวะดีที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และกระตุ้นการท่องเที่ยวของภูเก็ตแฟนตาซีให้กลับมาคึกคักอีกครั้งได้
9. เป็นสวนสนุกอันดับ 1 ใน ไทย และ Top 3 ของเอเชีย
นอกจากความตั้งใจที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักแล้วนั้น อีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญก็คือ การปั้นให้คาร์นิวัลเมจิกเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในไทย เป็นเดสติเนชั่นของภูเก็ตให้ได้ อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายไกลไปถึงการเทียบชั้นกับสวนสนุกระดับโลกอย่างดิสนีย์แลนด์ และยูนิเวอร์ซัล ขออยู่อันดับ 3 ของสวนสนุกในระดับเอเชีย
10. เป้ารายได้ 1,500 ล้านบาท
หลังจากทีเปิดให้บริการในปีหน้า มีการตั้งเป้าลูกค้าใช้บริการ 1 - 2 ล้านคน คาดว่าจะมีรายได้ 1,500 บาท และตั้งเป้าจะคืนทุนราวๆ 7 - 10 ปี
ทำความรู้จักกับโปรเจกต์ “คาร์นิวัลเมจิก” ที่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดภูเก็ต โดยจะเป็นสวนสนุกสไตล์ไทยๆ แต่หวังเทียบเท่าสวนสนุกในเอเชียให้ได้ กระตุ้นการท่องเที่ยวภูเก็ตกลับมาคึกคัก ใครที่เคยไปเยือนจังหวัดภูเก็ตน่าจะต้องคุ้นเคย หรือเคยไปเที่ยวที่ “ภูเก็ตแฟนตาซี” กันอยู่บ้าง จนถึงวันนี้ภูเก็ตแฟนตาซีได้เปิดให้บริการมา 20 ปี ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดภูเก็ตไปแล้วเช่นกัน
ในปีนี้ก็มีการเคลื่อนไหวสำคัญ โดยที่มีการลงทุนครั้งใหญ่ในการสร้างโครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” สำหรับรายละอียด และเบื้องหลังของโครงการนี้ เราได้สรุปมาให้แล้ว
1. ส่วนสนุกธีมปาร์ค ไม่ใช่โรงละคร
“คาร์นิวัลเมจิก” เป็นสวนท่องเที่ยวธีมปาร์ค สไตล์ไทยๆ เป็นสวนสนุกที่มีคอนเซ็ปต์การจัดงานรื่นเริงสไตล์งานฟันแฟร์ หรืองานวัดของไทย บริหารงานโดย บริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด เป็นบริษัทในเครือของภูเก็ตแฟนตาซี ตั้งอยู่ ณ หาดกมลา จังหวัดภูเก็ต บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ภายในจะประกอบไปด้วย 4 โซนหลัก ได้แก่ โซนที่ 1 คือ ถนนช้อปปิ้ง มีชื่อว่า Carnival Fun Fair, โซนที่ 2 คือ ภัตตาคารบุฟเฟต์ Bird of Paradise, โซนที่ 3 คือ โรงละครขนาดใหญ่ River Palace พร้อมชมการแสดงพาเหรดสุดยิ่งใหญ่ River Carnival และโซนที่ 4 คือ เมืองไฟ มีชื่อว่า Kingdom of Lights
คาร์นิวัลเมจิกเป็นโครงการที่คนไทยทำเอง 100% ตั้งแต่การคิด ออกแบบ โดยใช้พนักงานของภูเก็ตแฟนตาซีกว่า 1,600 คนพนักงานช่วยกันทำ
2. ลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี
คาร์นิวัลเมจิกเป็นธีมปาร์คแห่งที่ 3 ของ “ดร.ผิน คิ้วคชา” ประธานกรรมการบริหาร ของอาณาจักรซาฟารีเวิลด์ โดยที่ก่อนหน้านี้ได้ประสบความสำเร็จกับการสร้าง “สถานที่ท่องเที่ยว” ซาฟารีเวิลด์ และภูเก็ตแฟนตาซีมาแล้ว ซึ่งโครงการนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยทำมามีมูลค่าถึง 5,000 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน
โดยที่ 33 ปีก่อนได้ลงทุน 1,300 ล้านบาทสร้างซาฟารีเวิลด์ เป็นสวนสัตว์แห่งใหญ่ในกรุงเทพฯ จากนั้นเมื่อ 20 ปีก่อนได้ลงทุน 3,500 ล้านบาท สร้างภูเก็ตแฟนตาซีให้เป็นเดสติเนชั่นของจังหวัดภูเก็ต
นอกจากมูลค่าการลงทุนที่สูงขึ้น พื้นที่ก็มากขึ้นเช่นกัน คาลนิวัลเมจิกมีพื้นที่รวม 100 ไร่ ส่วนภูเก็ตแฟนตาซีมีพื้นที่รวม 70 ไร่
3. กระตุ้นการท่องเที่ยวภูเก็ต หลังจากซบเซามา 3 ปี
การเปิดโครงการคาร์นิวัลเมจิกในครั้งนี้ เรียกว่าเป็นจังหวะที่ดีในการกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต เพราะเกิดภาวะซบเซามาหลายปีแล้ว
ดร.ผินบอกว่า การท่องเที่ยวในภูเก็ตซบเซามา 3 ปีแล้ว มีนักท่องเที่ยวลดลง 30% ส่วนของภูเก็ตแฟนตาซีก็ลดลงราวๆ 30% เช่นกัน คนที่มาเที่ยวก็ลดลง การใช้จ่ายเงินก็ลดลงไปด้วย เกิดจากหลายปัจจัยโดยมีสัญญาณต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงไว้ทุกข์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปจนถึงการจัดการเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ข่าวเรือล่ม และค่าเงินบาทแข็ง
รวมถึงคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ที่ยอดนิยมที่มีการเติบโตดีก็คือบาหลี ญี่ปุ่น และเวียดนาม
นักท่องเที่ยวชาวจีน ยุโรป และออสเตรเลียได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่ได้กลุ่มอินเดียเข้ามาเพิ่ม 30% จากอินไซต์พบว่านักท่องเที่ยวชาวจีน อินเดีย รัสเซียชอบประเทศไทย
การเปิดโครงการใหม่คาดว่าช่วยดึงนักท่องเที่ยวที่ขาดหายไปหลายปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ตตกปีละ 12 - 13 ล้านคน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจประมาณ 4 แสนล้านบาทต่อปี หรือเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 70% เป็นชาวต่างชาติ
4. ร่างโปรเจกต์มาเป็น 10 ปีแล้ว
เบื้องหลังของคาร์นิวัลเมจิกได้ผ่านกระบวนการคิดมาเป็น 10 ปีแล้ว โดยที่ “กิตกิกร คิ้วคชา” ทายาทเจน 2 ของดร.ผิน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) เป็นแม่ทัพใหญ่ของโครงการนี้
กิตกิกรได้บอกว่า เริ่มวาดรูปแรกของโปรเจ็คต์ ตั้งแต่ปี 2002 เป็นช่วงที่หลังจากภูเก็ตแฟนตาซีเปิดมา 4 ปี อีกทั้งในช่วงปี 2013 - 2015 ที่ภูเก็ตแฟนตาซีมีลูกค้าเยอะ จนทำให้ต้องเปิดการแสดง 2 รอบตลอดทุกวัน จึงมองว่าเป็นโอกาสในการขยายอะไรใหม่ๆ เลยทำคาร์นิวัลเมจิกเฟสแรกปี 2015 วางงบลงทุนไว้ที่ 3,000 ล้านบาท จากนั้นก็มองว่าอีก 10 - 20 ปี ประเทศไทย และภูเก็ตยังมีศักยภาพในการเติบโต เลยเพิ่มงบลงทุนเป็น 5,000 ล้านบาท
5. ต้องเล่นใหญ่เท่านั้น โครงการเล็กๆ โลกไม่จำ
ดร.ผินบอกว่า นโยบายของที่นี่ต้องสร้างสิ่งที่โลกยังไม่มี ต้องสร้างอะไรใหม่ๆ และต้องทำบิ๊กโปรเจ็คต์ที่เป็นโครงการใหญ่ๆ เท่านั้น เพราถ้าทำโครงการเล็กๆ ก็จะไม่มี Impact ที่มากพอ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าการลงทุนของอาณาจักรซาฟารีเวิลด์ต้องมีการลงทุนใหญ่ขึ้นตลอด
ไม่แน่ว่าโครงการต่อจากคาร์นิวัลเมจิกก็อาจจะใหญ่กว่านี้อีกก็ได้...
6. จับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์มากขึ้น
ดร.ผินวางจุดยืนให้คาร์นิวัลเมจิกอยู่ในระดับที่พรีเมียม และภูเก็ตแฟนตาซีอยู่ในระดับแมส โดยที่ปัจจุบันภูเก็ตแฟนตาซีมีค่าบัตรผ่านประตูอยู่ที่ 1,800 บาท ส่วนคาร์นิวัลเมจิกคาดว่าจะมีราคาบัตรอยู่ที่ 2,200 บาท ส่วนซาฟารีเวิลด์มีค่าบัตรอยู่ที่ราคา 690 บาท
โครงการนี้จะจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นครอบครัวระดับไฮเอนด์มากขึ้น เพราะเชื่อว่าเด็กๆ น่าจะชอบแสงสี และสวนสนุก
7. หวังกระตุ้นลูกค้าปีละ 1 - 2 ล้านคน
ตอนนี้ลูกค้าของภูเก็ตแฟนตาซีเฉลี่ย 600,000 - 700,000 คน/ปี ลดลงมาจากประมาณ 1 ล้านคน/ปี เป็นตัวเลขที่ลดลงมาติดต่อกัน 3 ปีแล้ว แบ่งสัดส่วนเป็นชาวต่างชาติ 70% และคนไทย 30%
กลุ่มลูกค้า 5 ประเทศหลัก ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และรัสเซีย โดยที่กลุ่มอินเดียเพิ่งมาบูมในช่วงไม่กี่ปีมานี้
สำหรับคาร์นิวัลเมจิกตั้งเป้าดึงดูดลูกค้า 1 - 2 ล้านคน/ปี จะมาช่วยเสริมให้ภูเก็ตแฟนตาซีแข็งแกร่งมากขึ้น
ดร.ผินบอกว่า... คนซื้อบัตรเข้าคาร์นิวัลเมจิก แค่มาเข้าห้องน้ำ หรือเข้ามาถ่ายรูปในห้องน้ำก็คุ้มแล้ว
8. เตรียมเปิดปี 2020
คาร์นิวัลเมจิกได้ใช้เวลาในการก่อสร้าง 3 ปี ตอนนี้สร้างไปแล้ว 80% คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 1 ปี 2020
การที่โครงการเปิดในช่วงเวลานี้ก็ถือว่าเป็นจังหวะดีที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และกระตุ้นการท่องเที่ยวของภูเก็ตแฟนตาซีให้กลับมาคึกคักอีกครั้งได้
9. เป็นสวนสนุกอันดับ 1 ใน ไทย และ Top 3 ของเอเชีย
นอกจากความตั้งใจที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักแล้วนั้น อีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญก็คือ การปั้นให้คาร์นิวัลเมจิกเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในไทย เป็นเดสติเนชั่นของภูเก็ตให้ได้ อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายไกลไปถึงการเทียบชั้นกับสวนสนุกระดับโลกอย่างดิสนีย์แลนด์ และยูนิเวอร์ซัล ขออยู่อันดับ 3 ของสวนสนุกในระดับเอเชีย
10. เป้ารายได้ 1,500 ล้านบาท
หลังจากทีเปิดให้บริการในปีหน้า มีการตั้งเป้าลูกค้าใช้บริการ 1 - 2 ล้านคน คาดว่าจะมีรายได้ 1,500 บาท และตั้งเป้าจะคืนทุนราวๆ 7 - 10 ปี
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 12
"ผิน คิ้วคชา" ทุ่ม 5 พันล.ผุด‘คาร์นิวัลเมจิก’ จิ๊กซอว์ผู้นำธีมปาร์ค
28 ตุลาคม 2562 | โดย พรไพลิน จุลพันธ์
ผ่านร้อนผ่านหนาวครบ20ปีสำหรับ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ธีมปาร์ค ชื่อเสียงยาวนานบนเกาะภูเก็ต ต้อนรับลูกค้าสะสมกว่า10ล้านคน ได้ถือฤกษ์ดี25ต.ค.ที่ผ่านมา เปิดตัวบิ๊กโปรเจคใหม่ “คาร์นิวัลเมจิก” (Carnival Magic) ธีมปาร์ค “เมืองไฟสไตล์ไทย” แห่งแรกโลก
ด้วยคอนเซ็ปต์การจัดงานรื่นเริงสไตล์ฟันแฟร์หรืองานวัดของไทย ผสมผสานกับเทคโนโลยีทันสมัย และมาตรฐานระดับโลก ตั้งอยู่ตรงหาดกมลาบนพื้นที่100ไร่ ติดกับภูเก็ตแฟนตาซีบนพื้นที่กว่า70ไร่ ซึ่งเน้นจุดขายความเป็นไทย แตกต่างจากโปรเจคใหม่ถอดด้ามอย่างชัดเจน
ผิน คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด อีกหนึ่งนักธุรกิจผู้เร้นกาย เล่าว่า คาร์นิวัลเมจิกเป็นธีมปาร์คแห่งที่ 3 ในเครือซาฟารีเวิลด์และภูเก็ตแฟนตาซี ภายใต้การลงทุนของ บจก.คาร์นิวัลเมจิก มูลค่างบฯกว่า 5,000 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน โดยเป็นการลงทุนธีมปาร์คที่ใช้เงินลงทุนสูงที่สุดในประเทศไทย!ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี เตรียมเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 เป็นโครงการแรกที่คนไทยคิด คนไทยทำ 100% ใช้พนักงานทั้งหมดกว่า 1,600 ชีวิตของภูเก็ตแฟนตาซี ร่วมกันเนรมิตให้เป็นแบรนด์อันดับ1ของเมืองไทย
“คาร์นิวัลเมจิกไม่ใช่โรงหนัง ไม่ใช่โรงละคร แต่เป็นธีมปาร์คที่ใช้พื้นที่ใหญ่กว่าร้อยไร่ นำวัฒนธรรมไทยมาประยุกต์กับการแสดง ไฮเทคโนโลยีที่นำสมัย ผสานกับแสงไฟสีสันสวยงาม เรามั่นใจว่าผลงานจะออกมาเหนือความคาดหมาย เป็นโปรดักต์แปลกใหม่ แหวกแนว และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับแม่เหล็กใหญ่ของการท่องเที่ยวภูเก็ตซึ่งมีมูลค่ารายได้ท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ”
กิตติกร คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ภูเก็ตแฟนตาซี และ บจก.คาร์นิวัลเมจิก เล่าเสริมว่า จริงๆ ไอเดียแผ่นแรกของโปรเจค “คาร์นิวัลเมจิก” เกิดขึ้นเมื่อปี 2545 หรือเมื่อตอนภูเก็ตแฟนตาซีเพิ่งเปิดให้บริการได้4-5ปี ก่อนจะเริ่มเดินเครื่องอย่างจริงจังเมื่อปี2558หลังเห็นแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนภูเก็ตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เดิมเราวางเงินลงทุนไว้ราว 3 พันล้านบาท แต่พอมองอนาคตแล้วเห็นเทรนด์ในอีก20ปีข้างหน้า ภูเก็ตจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงมาก จึงขยายเงินลงทุนเป็น5พันล้านบาทเพื่อสร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเอเชีย”
คาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนราว 7-10 ปี ด้วยการขับเคลื่อนเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนได้มากถึง1-2ล้านคนต่อปีซึ่งคิดเป็นสัดส่วน70%ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนทั้งหมด ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยอีก30%ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันการสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า1,500ล้านบาทต่อปี
ส่วนภูเก็ตแฟนตาซีซึ่งอายุครบ 20 ปี มีแผนรีโนเวตเพื่ออัพเดทโปรดักท์เช่นกัน แต่ยังต้องประเมินสถานการณ์ก่อน เพราะต้องการโฟกัสโปรเจคคาร์นิวัลเมจิกด้วย
สำหรับ คาร์นิวัลเมจิก ประกอบด้วย 4 โซนหลัก ได้แก่ โซนที่1“คาร์นิวัลฟันแฟร์” เป็นถนนชอปปิงในบรรยากาศแห่งความรื่นเริงของเทศกาลต่างๆ และมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ
ส่วนโซนที่2“เบิร์ดออฟพาราไดซ์” เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับผู้มาเยือนได้มากถึง3,000ที่นั่ง และยังมีภัตตาคารหรู3ชั้นอีกแห่งที่มีชื่อว่าRiver of Bliss Luxury Restaurantได้รับแรงบันดาลใจจากเทศกาลงานลอยกระทง ออกแบบทางเข้าให้ลูกค้าที่มาทานอาหารต้องผ่านน้ำตกแห่งความสุข เพื่อขึ้นเรือลอยเหนือจากพื้นประมาณ7เมตรเข้าสู่ภัตตาคาร
โซนที่3 “โรงละครริเวอร์พาเลซ” เป็นโรงละครขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า16,000ตารางเมตร หรือประมาณ10ไร่ นับเป็นโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่สุดในไทย และเป็นหนึ่งในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย โดยตัวอาคารมีความยาวถึง 200 เมตร รองรับผู้ชมได้มากถึง 2,000 ที่นั่ง ภายในมีเวทีการแสดงยาวถึง 70 เมตร กว้าง 22 เมตร พร้อมการแสดงบนเวทีในรูปแบบพาเหรดอินดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อ ริเวอร์ คาร์นิวัล
และโซนที่4 “คิงดอมออฟไลทส์” เป็นเมืองที่มีไฟประดับประดาสวยงามกว่า40ล้านดวงมากที่สุดในโลก ไฮไลต์คือ ริเวอร์ ออฟ ไลทส์ ที่มีการนำดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัดลวดลายสวยงาม ได้รับการออกแบบอย่างเป็นเอกลักษณ์ของไทยล้อมรอบทะเลสาบ เรียกว่า Luminarie (ลูมิแนรี่) มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร
28 ตุลาคม 2562 | โดย พรไพลิน จุลพันธ์
ผ่านร้อนผ่านหนาวครบ20ปีสำหรับ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ธีมปาร์ค ชื่อเสียงยาวนานบนเกาะภูเก็ต ต้อนรับลูกค้าสะสมกว่า10ล้านคน ได้ถือฤกษ์ดี25ต.ค.ที่ผ่านมา เปิดตัวบิ๊กโปรเจคใหม่ “คาร์นิวัลเมจิก” (Carnival Magic) ธีมปาร์ค “เมืองไฟสไตล์ไทย” แห่งแรกโลก
ด้วยคอนเซ็ปต์การจัดงานรื่นเริงสไตล์ฟันแฟร์หรืองานวัดของไทย ผสมผสานกับเทคโนโลยีทันสมัย และมาตรฐานระดับโลก ตั้งอยู่ตรงหาดกมลาบนพื้นที่100ไร่ ติดกับภูเก็ตแฟนตาซีบนพื้นที่กว่า70ไร่ ซึ่งเน้นจุดขายความเป็นไทย แตกต่างจากโปรเจคใหม่ถอดด้ามอย่างชัดเจน
ผิน คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด อีกหนึ่งนักธุรกิจผู้เร้นกาย เล่าว่า คาร์นิวัลเมจิกเป็นธีมปาร์คแห่งที่ 3 ในเครือซาฟารีเวิลด์และภูเก็ตแฟนตาซี ภายใต้การลงทุนของ บจก.คาร์นิวัลเมจิก มูลค่างบฯกว่า 5,000 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน โดยเป็นการลงทุนธีมปาร์คที่ใช้เงินลงทุนสูงที่สุดในประเทศไทย!ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี เตรียมเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 เป็นโครงการแรกที่คนไทยคิด คนไทยทำ 100% ใช้พนักงานทั้งหมดกว่า 1,600 ชีวิตของภูเก็ตแฟนตาซี ร่วมกันเนรมิตให้เป็นแบรนด์อันดับ1ของเมืองไทย
“คาร์นิวัลเมจิกไม่ใช่โรงหนัง ไม่ใช่โรงละคร แต่เป็นธีมปาร์คที่ใช้พื้นที่ใหญ่กว่าร้อยไร่ นำวัฒนธรรมไทยมาประยุกต์กับการแสดง ไฮเทคโนโลยีที่นำสมัย ผสานกับแสงไฟสีสันสวยงาม เรามั่นใจว่าผลงานจะออกมาเหนือความคาดหมาย เป็นโปรดักต์แปลกใหม่ แหวกแนว และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับแม่เหล็กใหญ่ของการท่องเที่ยวภูเก็ตซึ่งมีมูลค่ารายได้ท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ”
กิตติกร คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ภูเก็ตแฟนตาซี และ บจก.คาร์นิวัลเมจิก เล่าเสริมว่า จริงๆ ไอเดียแผ่นแรกของโปรเจค “คาร์นิวัลเมจิก” เกิดขึ้นเมื่อปี 2545 หรือเมื่อตอนภูเก็ตแฟนตาซีเพิ่งเปิดให้บริการได้4-5ปี ก่อนจะเริ่มเดินเครื่องอย่างจริงจังเมื่อปี2558หลังเห็นแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนภูเก็ตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เดิมเราวางเงินลงทุนไว้ราว 3 พันล้านบาท แต่พอมองอนาคตแล้วเห็นเทรนด์ในอีก20ปีข้างหน้า ภูเก็ตจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงมาก จึงขยายเงินลงทุนเป็น5พันล้านบาทเพื่อสร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเอเชีย”
คาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนราว 7-10 ปี ด้วยการขับเคลื่อนเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนได้มากถึง1-2ล้านคนต่อปีซึ่งคิดเป็นสัดส่วน70%ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนทั้งหมด ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยอีก30%ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันการสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า1,500ล้านบาทต่อปี
ส่วนภูเก็ตแฟนตาซีซึ่งอายุครบ 20 ปี มีแผนรีโนเวตเพื่ออัพเดทโปรดักท์เช่นกัน แต่ยังต้องประเมินสถานการณ์ก่อน เพราะต้องการโฟกัสโปรเจคคาร์นิวัลเมจิกด้วย
สำหรับ คาร์นิวัลเมจิก ประกอบด้วย 4 โซนหลัก ได้แก่ โซนที่1“คาร์นิวัลฟันแฟร์” เป็นถนนชอปปิงในบรรยากาศแห่งความรื่นเริงของเทศกาลต่างๆ และมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ
ส่วนโซนที่2“เบิร์ดออฟพาราไดซ์” เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับผู้มาเยือนได้มากถึง3,000ที่นั่ง และยังมีภัตตาคารหรู3ชั้นอีกแห่งที่มีชื่อว่าRiver of Bliss Luxury Restaurantได้รับแรงบันดาลใจจากเทศกาลงานลอยกระทง ออกแบบทางเข้าให้ลูกค้าที่มาทานอาหารต้องผ่านน้ำตกแห่งความสุข เพื่อขึ้นเรือลอยเหนือจากพื้นประมาณ7เมตรเข้าสู่ภัตตาคาร
โซนที่3 “โรงละครริเวอร์พาเลซ” เป็นโรงละครขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า16,000ตารางเมตร หรือประมาณ10ไร่ นับเป็นโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่สุดในไทย และเป็นหนึ่งในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย โดยตัวอาคารมีความยาวถึง 200 เมตร รองรับผู้ชมได้มากถึง 2,000 ที่นั่ง ภายในมีเวทีการแสดงยาวถึง 70 เมตร กว้าง 22 เมตร พร้อมการแสดงบนเวทีในรูปแบบพาเหรดอินดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อ ริเวอร์ คาร์นิวัล
และโซนที่4 “คิงดอมออฟไลทส์” เป็นเมืองที่มีไฟประดับประดาสวยงามกว่า40ล้านดวงมากที่สุดในโลก ไฮไลต์คือ ริเวอร์ ออฟ ไลทส์ ที่มีการนำดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัดลวดลายสวยงาม ได้รับการออกแบบอย่างเป็นเอกลักษณ์ของไทยล้อมรอบทะเลสาบ เรียกว่า Luminarie (ลูมิแนรี่) มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 13
ต้องใหญ่-ไม่ก๊อปปี้ใคร-ใส่ไอเดีย! 30 ปี ของ “ผิน คิ้วคชา” ปั้น 3 แลนด์มาร์คท่องเที่ยว กับธีมปาร์คใหม่ “คาร์นิวัลเมจิก” 100 ไร่
October 28, 2019
ในวัย 75 ปี ของ คุณผิน คิ้วคชา ตำนานนักสร้าง “แลนด์มาร์ค” แหล่งท่องเที่ยวระดับประเทศ โปรเจ็กต์แรกเมื่อ 30 ปีก่อน กับสวนสัตว์ “ซาฟารีเวิลด์” เนื้อที่ 475 ไร่ ย่านมีนบุรี 20 ปีต่อมาสร้าง “ภูเก็ตแฟนตาซี” ธีมปาร์คด้านวัฒนธรรมไทย ขนาด 150 ไร่ และความท้าทายใหม่ “คาร์นิวัลเมจิก” ธีมปาร์คเมืองไฟ พื้นที่ 100 ไร่ “แม่เหล็ก” ใหม่ บนหาดกมลา ภูเก็ต ที่จะเปิดตัวในต้นปี 2563
“ผมทำอาชีพสร้างแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดคนมาประเทศไทย ต้องทำใหญ่ๆ เป็น 100 ไร่ เพราะเล็กๆ ไม่อิมแพ็ค ต้องสร้างแบบที่ดีที่สุด ต้องเป็นหนึ่ง สร้างในสิ่งที่คนอื่นทั่วโลกไม่มี การก๊อปปี้คนอื่นคือความล้มเหลวที่เราไม่ทำ เราสร้าง ซาฟารีเวิลด์ ภูเก็ตแฟนตาซี และคาร์นิวัลเมจิก ล้วนเป็นสิ่งที่คิดขึ้นมาเองทั้งสิ้น คนอื่นก็มาก๊อปปี้เราไปทำ จะบอกว่าแม้มีที่ดินและเงินทุน แต่สิ่งที่ไม่มี คือ ไอเดีย ที่จะพัฒนาให้แตกต่างและ เรายังมีแลนด์แบงก์ มีไอเดียใหม่ๆ ที่จะทำต่อ แบบเหนือชั้น” คุณผิน คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ย้ำตัวตนการเป็นนักสร้างแลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย
หลังจากเปิดตัว “ภูเก็ตแฟนตาซี” ในปี 2542 หรือ 20 ปีก่อน นักคิดนักสร้างแหล่งท่องเที่ยวอย่าง คุณผิน ก็ไม่ได้หยุดครีเอทเรื่องใหม่ๆ โดยมีทายาทรุ่น 2 คุณกิตติกร คิ้วคชา หัวเรือใหญ่ ภูเก็ตแฟนตาซี ร่วมกันคิดโปรเจ็กต์ “แลนด์มาร์ค” ใหม่ในทันที ซึ่งก็คือ “คาร์นิวัลเมจิก” (Carnival Magic) ที่วางโครงร่างไว้ตั้งแต่ ปี 2545 และมาเริ่มเมื่อ 3 ปีก่อน วันนี้โครงการมูลค่า 5,000 ล้านบาท เนื้อที่ 100 ไร่ บนหาดกมลา ภูเก็ต ติดกับ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ก่อสร้างไปแล้ว 80% มีกำหนดเปิดตัวช่วงต้นปี 2563
คุณกิตติกร คิ้วคชา และ คุณผิน คิ้วคชา
“คาร์นิวัล” สไตล์ไทยดึงต่างชาติ
คุณผิน เล่าที่มาของความคิดสร้างแลนด์มาร์คใหม่ เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย อยู่กับแหล่งท่องเที่ยววัด วัง ทะเล ที่เป็นไฮไลต์มานานแล้ว วันนี้อาจดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มซ้ำได้ลำบาก รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวเดิมอย่างภูเก็ตแฟนตาซี ก็มีคนมาเที่ยวแล้วจำนวนมากแล้ว
“สินค้าเก่าคงไม่สามารถขายได้เป็น 100 ปี จึงต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว หลังจากเปิดคาร์นิวัลเมจิกแล้ว จะรีโนเวท ภูเก็ตแฟนตาซีใหม่เช่นกัน”
เมื่อเห็นแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวมาภูเก็ตเพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นจังหวัดที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย หลังเปิด ภูเก็ตแฟนตาซี มา 20 ปี มองว่าการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ “คาร์นิวัลเมจิก” เป็นโอกาสเหมาะที่จะเปิดตัวในจังหวะนี้ ซึ่งถือเป็น คาร์นิวัลสไตล์ไทยที่ไม่ซ้ำแบบใคร และเป็นที่เดียวในโลกที่คนไทยคิดและทำขึ้นเอง
จุดเริ่มต้นจากโจทย์กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวหลัก คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น รัสเซีย เป็นกลุ่มต่างชาติตลาดหลักที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยและภูเก็ต จึงต้องครีเอทโปรดักท์ใหม่ ขายนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เชื่อว่า “ความเป็นไทย” เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายชาติชื่นชอบ โปรเจ็กต์ “คาร์นิวัลเมจิก” จึงเกิดขึ้น ถือเป็นโปรดักท์ไทยที่สร้างมาขายต่างชาติ ไม่ใช่นำโปรดักท์ต่างชาติมาขายต่างชาติ “แบบนี้เราคงไม่ทำ”
คุณผิน คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)
ก็ต้องยอมรับว่า ธีมปาร์คและสวนสนุกทั่วโลกที่หลายคนรู้จัก ต้องยกให้ ดิสนีย์แลนด์ และ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ แต่สวนสนุกแบบนี้ “ไม่เหมาะกับประเทศไทย” แต่เหมาะกับฝั่งยุโรป สหรัฐ ที่เน้นเทคโนโลยี แสง สี เสียง
แต่คาร์นิวัลเมจิก เน้นการนำเสนอวัฒนธรรมของไทย ที่ทั่วโลกชื่นชมมาพัฒนาเป็นโปรดักท์ดึงนักท่องเที่ยว นำการแสดงโชว์แบบไทย อย่าง งานวัด มาทำให้มีความเป็นอินเตอร์ เป็นโปรดักท์ตัวแทนประเทศไทย ก้าวสู่ระดับโลก แบบไม่มีที่อื่น
โครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” เป็นแหล่งท่องเที่ยวรูปแบบ “ธีมปาร์ค” เมืองไฟ ไม่ใช่โรงหนัง โรงละคร เป็นการนำวัฒนธรรมไทย มาประยุกต์กับการแสดงไฮเทคโนโลยีแสงไฟ 40 ล้านดวง เรียกว่ามากที่สุดในโลก มีขบวบพาเหรดในโรงละคร เป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนแห่งใหม่ของภูเก็ต
เป้าหมายท็อป 3 ธีมปาร์คเอเชีย
ด้วยศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต ที่มีทั้งชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเก็ต ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ตปีละ 12-13 ล้านคน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจราว 4 แสนล้านบาทต่อปี โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 70% เป็นชาวต่างชาติ
หลังเปิดตัว “คาร์นิวัลเมจิก” ในต้นปี 2563 ตั้งเป้าให้เป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเอเชีย คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้ มากถึง 1 – 2 ล้านคน ต่อปี และคาดว่ามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี
“เป้าหมายของเรา คือ สร้างคาร์นิวัลเมจิก ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวติด 1 ใน 3 ของเอเชีย คือมี ดิสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์แซล และคาร์นิวัลเมจิก ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยี่ยมเยือน”
แม้ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ภูเก็ตเจอกับหลายเหตุการณ์ที่กระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ อุบัติเหตุเรือล่ม ปีนี้เจอเรื่องค่าเงินบาทแข็งเข้ามากระทบท่องเที่ยวอย่างหนัก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปถึง 30% แต่หลังจากนี้น่าจะดีขึ้น เพราะเชื่อว่าอย่างไร “ภูเก็ตก็ขายได้”
ปักหมุด “4 โซน” ธีมปาร์คใหม่
สำหรับโครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” ธีมปาร์คใหม่ ประกอบไปด้วย 4 โซนหลัก
โซนที่ 1 คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair) ถนนช้อปปิ้ง สินค้าจากทั่วภูมิภาคทั่วไทย ร้านค้าตกแต่งสีสันสดใสสไตล์คาร์นิวัล และเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ เช่น ถ้วยชาหมุน ชิงช้าสวรรค์ ขับรถแข่ง นั่งรถไฟ และม้าหมุนที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ
โซนที่ 2 ภัตตาคารเบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise) เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ 3,000 ที่นั่ง บริการอาหารกว่า 100 เมนู แบบตะวันตกและตะวันออก อาหารอินเดีย อาหารมังสวิรัติ และอาหารฮาลาล
นอกจากนี้ยังมีภัตตาคารหรู 3 ชั้น “River of Bliss Luxury Restaurant” ไฮไลต์คือ บริเวณทางเข้าต้องขึ้น “เรือแห่งความสุขสำราญ” (Barge of Happiness) ซึ่งเรือจะลอยขึ้นเหนือจากพื้น 7 เมตร เพื่อเข้าสู่ภายในภัตตาคาร
โซนที่ 3 โรงละครริเวอร์ พาเลซ (River Palace) เป็นโรงละครขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 16,000 ตร.ม. หรือ ประมาณ 10 ไร่ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น 1 ในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวอาคารยาว 200 เมตร รองรับผู้ชม 2,000 ที่นั่ง เวทีการแสดงที่กว้าง 70 เมตร สูง 22 เมตร
การแสดงบนเวทีในรูปแบบพาเหรดอินดอร์ใหญ่ที่สุดในโลก ในชื่อ “ริเวอร์คาร์นิวัล” (River Carnival) เป็นการแสดงพาเหรดที่ผสมผสานศิลปะไทยกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน มีความยาว60 นาที ไฮไลต์อยู่ที่ ขบวนรถพาเหรดที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 70 เมตร หรือเทียบเท่ากับเครื่องบินจัมโบ้ A380
โซนที่ 4 คิงดอมออฟไลต์ (Kingdom of Lights) เป็นเมืองที่มีไฟประดับกว่า 40 ล้านดวง ไฮไลต์ของโซนนี้ คือ “River of Lights” ที่มีการนำดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัด ลวดลายสวยงาม (Luminarie) ที่มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร เป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย แบบพาโนรามารอบทิศทาง
เป้าหมายในชีวิตการทำงานของคุณผิน โฟกัสการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์คให้กับประเทศไทย ต้องการสร้าง คาร์นิวัลเมจิก เป็นจุดหมายแปลายทางแห่งใหม่ของการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับ ซาฟารีเวิลด์และภูเก็ตแฟนตาซี
การทำงานตลอด 30 ปีของการสร้างแลนด์มาร์ค คุณผิน ทิ้งท้ายว่า “ในชีวิตเขาไม่เคยดีใจและเสียใจ เพราะผ่านโลกมาเยอะแล้ว ในวัย 75 ปี วันนี้เป็นคนที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ และยังคิดอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา”
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวก่อนใครได้ทุกช่องที่
October 28, 2019
ในวัย 75 ปี ของ คุณผิน คิ้วคชา ตำนานนักสร้าง “แลนด์มาร์ค” แหล่งท่องเที่ยวระดับประเทศ โปรเจ็กต์แรกเมื่อ 30 ปีก่อน กับสวนสัตว์ “ซาฟารีเวิลด์” เนื้อที่ 475 ไร่ ย่านมีนบุรี 20 ปีต่อมาสร้าง “ภูเก็ตแฟนตาซี” ธีมปาร์คด้านวัฒนธรรมไทย ขนาด 150 ไร่ และความท้าทายใหม่ “คาร์นิวัลเมจิก” ธีมปาร์คเมืองไฟ พื้นที่ 100 ไร่ “แม่เหล็ก” ใหม่ บนหาดกมลา ภูเก็ต ที่จะเปิดตัวในต้นปี 2563
“ผมทำอาชีพสร้างแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดคนมาประเทศไทย ต้องทำใหญ่ๆ เป็น 100 ไร่ เพราะเล็กๆ ไม่อิมแพ็ค ต้องสร้างแบบที่ดีที่สุด ต้องเป็นหนึ่ง สร้างในสิ่งที่คนอื่นทั่วโลกไม่มี การก๊อปปี้คนอื่นคือความล้มเหลวที่เราไม่ทำ เราสร้าง ซาฟารีเวิลด์ ภูเก็ตแฟนตาซี และคาร์นิวัลเมจิก ล้วนเป็นสิ่งที่คิดขึ้นมาเองทั้งสิ้น คนอื่นก็มาก๊อปปี้เราไปทำ จะบอกว่าแม้มีที่ดินและเงินทุน แต่สิ่งที่ไม่มี คือ ไอเดีย ที่จะพัฒนาให้แตกต่างและ เรายังมีแลนด์แบงก์ มีไอเดียใหม่ๆ ที่จะทำต่อ แบบเหนือชั้น” คุณผิน คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ย้ำตัวตนการเป็นนักสร้างแลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย
หลังจากเปิดตัว “ภูเก็ตแฟนตาซี” ในปี 2542 หรือ 20 ปีก่อน นักคิดนักสร้างแหล่งท่องเที่ยวอย่าง คุณผิน ก็ไม่ได้หยุดครีเอทเรื่องใหม่ๆ โดยมีทายาทรุ่น 2 คุณกิตติกร คิ้วคชา หัวเรือใหญ่ ภูเก็ตแฟนตาซี ร่วมกันคิดโปรเจ็กต์ “แลนด์มาร์ค” ใหม่ในทันที ซึ่งก็คือ “คาร์นิวัลเมจิก” (Carnival Magic) ที่วางโครงร่างไว้ตั้งแต่ ปี 2545 และมาเริ่มเมื่อ 3 ปีก่อน วันนี้โครงการมูลค่า 5,000 ล้านบาท เนื้อที่ 100 ไร่ บนหาดกมลา ภูเก็ต ติดกับ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ก่อสร้างไปแล้ว 80% มีกำหนดเปิดตัวช่วงต้นปี 2563
คุณกิตติกร คิ้วคชา และ คุณผิน คิ้วคชา
“คาร์นิวัล” สไตล์ไทยดึงต่างชาติ
คุณผิน เล่าที่มาของความคิดสร้างแลนด์มาร์คใหม่ เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย อยู่กับแหล่งท่องเที่ยววัด วัง ทะเล ที่เป็นไฮไลต์มานานแล้ว วันนี้อาจดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มซ้ำได้ลำบาก รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวเดิมอย่างภูเก็ตแฟนตาซี ก็มีคนมาเที่ยวแล้วจำนวนมากแล้ว
“สินค้าเก่าคงไม่สามารถขายได้เป็น 100 ปี จึงต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว หลังจากเปิดคาร์นิวัลเมจิกแล้ว จะรีโนเวท ภูเก็ตแฟนตาซีใหม่เช่นกัน”
เมื่อเห็นแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวมาภูเก็ตเพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นจังหวัดที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย หลังเปิด ภูเก็ตแฟนตาซี มา 20 ปี มองว่าการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ “คาร์นิวัลเมจิก” เป็นโอกาสเหมาะที่จะเปิดตัวในจังหวะนี้ ซึ่งถือเป็น คาร์นิวัลสไตล์ไทยที่ไม่ซ้ำแบบใคร และเป็นที่เดียวในโลกที่คนไทยคิดและทำขึ้นเอง
จุดเริ่มต้นจากโจทย์กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวหลัก คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น รัสเซีย เป็นกลุ่มต่างชาติตลาดหลักที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยและภูเก็ต จึงต้องครีเอทโปรดักท์ใหม่ ขายนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เชื่อว่า “ความเป็นไทย” เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายชาติชื่นชอบ โปรเจ็กต์ “คาร์นิวัลเมจิก” จึงเกิดขึ้น ถือเป็นโปรดักท์ไทยที่สร้างมาขายต่างชาติ ไม่ใช่นำโปรดักท์ต่างชาติมาขายต่างชาติ “แบบนี้เราคงไม่ทำ”
คุณผิน คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)
ก็ต้องยอมรับว่า ธีมปาร์คและสวนสนุกทั่วโลกที่หลายคนรู้จัก ต้องยกให้ ดิสนีย์แลนด์ และ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ แต่สวนสนุกแบบนี้ “ไม่เหมาะกับประเทศไทย” แต่เหมาะกับฝั่งยุโรป สหรัฐ ที่เน้นเทคโนโลยี แสง สี เสียง
แต่คาร์นิวัลเมจิก เน้นการนำเสนอวัฒนธรรมของไทย ที่ทั่วโลกชื่นชมมาพัฒนาเป็นโปรดักท์ดึงนักท่องเที่ยว นำการแสดงโชว์แบบไทย อย่าง งานวัด มาทำให้มีความเป็นอินเตอร์ เป็นโปรดักท์ตัวแทนประเทศไทย ก้าวสู่ระดับโลก แบบไม่มีที่อื่น
โครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” เป็นแหล่งท่องเที่ยวรูปแบบ “ธีมปาร์ค” เมืองไฟ ไม่ใช่โรงหนัง โรงละคร เป็นการนำวัฒนธรรมไทย มาประยุกต์กับการแสดงไฮเทคโนโลยีแสงไฟ 40 ล้านดวง เรียกว่ามากที่สุดในโลก มีขบวบพาเหรดในโรงละคร เป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนแห่งใหม่ของภูเก็ต
เป้าหมายท็อป 3 ธีมปาร์คเอเชีย
ด้วยศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต ที่มีทั้งชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเก็ต ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ตปีละ 12-13 ล้านคน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจราว 4 แสนล้านบาทต่อปี โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 70% เป็นชาวต่างชาติ
หลังเปิดตัว “คาร์นิวัลเมจิก” ในต้นปี 2563 ตั้งเป้าให้เป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเอเชีย คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้ มากถึง 1 – 2 ล้านคน ต่อปี และคาดว่ามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี
“เป้าหมายของเรา คือ สร้างคาร์นิวัลเมจิก ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวติด 1 ใน 3 ของเอเชีย คือมี ดิสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์แซล และคาร์นิวัลเมจิก ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยี่ยมเยือน”
แม้ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ภูเก็ตเจอกับหลายเหตุการณ์ที่กระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ อุบัติเหตุเรือล่ม ปีนี้เจอเรื่องค่าเงินบาทแข็งเข้ามากระทบท่องเที่ยวอย่างหนัก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปถึง 30% แต่หลังจากนี้น่าจะดีขึ้น เพราะเชื่อว่าอย่างไร “ภูเก็ตก็ขายได้”
ปักหมุด “4 โซน” ธีมปาร์คใหม่
สำหรับโครงการ “คาร์นิวัลเมจิก” ธีมปาร์คใหม่ ประกอบไปด้วย 4 โซนหลัก
โซนที่ 1 คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair) ถนนช้อปปิ้ง สินค้าจากทั่วภูมิภาคทั่วไทย ร้านค้าตกแต่งสีสันสดใสสไตล์คาร์นิวัล และเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ เช่น ถ้วยชาหมุน ชิงช้าสวรรค์ ขับรถแข่ง นั่งรถไฟ และม้าหมุนที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ
โซนที่ 2 ภัตตาคารเบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise) เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ 3,000 ที่นั่ง บริการอาหารกว่า 100 เมนู แบบตะวันตกและตะวันออก อาหารอินเดีย อาหารมังสวิรัติ และอาหารฮาลาล
นอกจากนี้ยังมีภัตตาคารหรู 3 ชั้น “River of Bliss Luxury Restaurant” ไฮไลต์คือ บริเวณทางเข้าต้องขึ้น “เรือแห่งความสุขสำราญ” (Barge of Happiness) ซึ่งเรือจะลอยขึ้นเหนือจากพื้น 7 เมตร เพื่อเข้าสู่ภายในภัตตาคาร
โซนที่ 3 โรงละครริเวอร์ พาเลซ (River Palace) เป็นโรงละครขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 16,000 ตร.ม. หรือ ประมาณ 10 ไร่ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น 1 ในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวอาคารยาว 200 เมตร รองรับผู้ชม 2,000 ที่นั่ง เวทีการแสดงที่กว้าง 70 เมตร สูง 22 เมตร
การแสดงบนเวทีในรูปแบบพาเหรดอินดอร์ใหญ่ที่สุดในโลก ในชื่อ “ริเวอร์คาร์นิวัล” (River Carnival) เป็นการแสดงพาเหรดที่ผสมผสานศิลปะไทยกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน มีความยาว60 นาที ไฮไลต์อยู่ที่ ขบวนรถพาเหรดที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 70 เมตร หรือเทียบเท่ากับเครื่องบินจัมโบ้ A380
โซนที่ 4 คิงดอมออฟไลต์ (Kingdom of Lights) เป็นเมืองที่มีไฟประดับกว่า 40 ล้านดวง ไฮไลต์ของโซนนี้ คือ “River of Lights” ที่มีการนำดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัด ลวดลายสวยงาม (Luminarie) ที่มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร เป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย แบบพาโนรามารอบทิศทาง
เป้าหมายในชีวิตการทำงานของคุณผิน โฟกัสการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์คให้กับประเทศไทย ต้องการสร้าง คาร์นิวัลเมจิก เป็นจุดหมายแปลายทางแห่งใหม่ของการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับ ซาฟารีเวิลด์และภูเก็ตแฟนตาซี
การทำงานตลอด 30 ปีของการสร้างแลนด์มาร์ค คุณผิน ทิ้งท้ายว่า “ในชีวิตเขาไม่เคยดีใจและเสียใจ เพราะผ่านโลกมาเยอะแล้ว ในวัย 75 ปี วันนี้เป็นคนที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ และยังคิดอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา”
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวก่อนใครได้ทุกช่องที่
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 14
ก้าวสำคัญครั้งใหม่ของตระกูล “คิ้วคชา” ปั้น “คาร์นิวัลเมจิก” สวนสนุกให้ติดทอปของเอเชีย
ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่สิบปีหนึ่งในนักธุรกิจที่ชอบทำธุรกิจอิงกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคงต้องยกให้ “ผิน คิ้วคชา” เจ้าพ่อธีมปาร์คชื่อดังของเมืองไทย
กว่า 30 ปีก่อน ตระกูล “คิ้วคชา” สร้างสวนสัตว์ที่มีเนื้อที่ 475 ไร่ ในชื่อ “ซาฟารีเวิลด์”
20 ปีก่อน ตระกูล “คิ้วคชา” สร้างธีมปาร์คเชิงวัฒนธรรมในชื่อ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ด้วยงบลงทุน 3,500 ล้านบาท
มาคราวนี้ตระกูล “คิ้วคชา” ใช้งบลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี ถึง 5,000 ล้านบาท สร้างธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทย ในชื่อ “คาร์นิวัลเมจิก”
ที่มี “ผิน คิ้วคชา” และทายาทรุ่นที่ 2 อย่าง “กิตติกร คิ้วคชา” เดินทางมาแถลงโปรเจกต์นี้ด้วยตัวเอง
กิตติกรเล่าว่า แรกเริ่มเดิมทีภาพวาดแรกของโครงการคาร์นิวัลเมจิกนั้น เริ่มตั้งแต่ปี 2002 หลังจากที่ภูเก็ตแฟนตาซีเปิดตัวมาได้ 4-5 ปี แต่มาเริ่มลงมือทำเฟสแรกเมื่อปี 2015 โดยใช้เวลา 3 ปี
โดยงบตอนแรกนั้นตั้งไว้ที่ 3,400 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นมาเป็น 5,000 ล้านบาท
ภาพความชัดเจนของ “คาร์นิวัลเมจิก” จากหลายสิบปีก่อนเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เพราะตอนนี้สร้างไปแล้ว 80% และพร้อมเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 1 ปี 2020
Marketeer มองว่าสิ่งที่ทำให้ “คาร์นิวัลเมจิก” ที่มีพื้นที่กว่า 100 ไร่ เป็นที่น่าจับตา และน่าจะเป็นแลนด์มาร์กดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ในภูเก็ต
1. “คาร์นิวัลเมจิก” แห่งนี้ไม่ใช่โรงหนัง หรือโรงละคร แต่เป็นสวนสนุกที่ใช้ดวงไฟมากที่สุดในโลกถึง 40 ล้านดวง และความที่เป็นแห่งแรกก็น่าจะจับกลุ่มนักท่องเที่ยวได้ไม่ยาก
2. ผิน คิ้วคชา ยังบอกว่า เพราะเราถนัดการสร้างธีมปาร์ค สวนสนุก เราจึงสร้างคาร์นิวัลเมจิกแห่งนี้เป็นธีมปาร์คแห่งที่ 3 ในเครือ และเมื่อสร้างมาแล้วต้องยิ่งใหญ่ และเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเอเชียด้วย
3. ถึงแม้ภาพแรกของธีมปาร์คแห่งนี้มีมาเป็นสิบปี แต่การเปิดตัวในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะทั้งผินและกิตติกร ระบุว่า การท่องเที่ยวภูเก็ตปีที่ผ่านมาซบเซาลง 30% ด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งเหตุการณ์เรือล่ม ค่าเงิน รวมถึงสงครามการค้า ทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวน้อยลงทั้งจีน ยุโรป ออสเตรเลีย รวมถึงคนไทยก็ไม่เที่ยว
ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวของภูเก็ตแฟนตาซีเองที่ลดลง 30% เหมือนกัน การเปิดตัวในช่วงนี้ถือเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
4. ตั้งเป้านักท่องเที่ยวมาเที่ยวคาร์นิวัลเมจิกปีละ 1-2 ล้านคน แบ่งสัดส่วนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 70% และคนไทย 30%
5. และคาร์นิวัลเมจิกน่าจะสร้างรายได้ปีละ 1,500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าคืนทุนภายใน 7-10 ปี
6. ภายในคาร์นิวัลเมจิกนั้นมีทั้งหมด 4 โซนคือ
โซนที่ 1 คือ คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair) คือถนนช้อปปิ้งที่มีสินค้านานาชนิดจากทั่วภูมิภาคทั่วไทย และยังมีไฮไลต์เป็นตู้ขายป๊อปคอร์นที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูงถึง 8 เมตร หรือเทียบกับตึก 3 ชั้น
โซนที่ 2 ภัตตาคารเบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise) เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับผู้มาเยือนได้มากถึง 3,000 ที่นั่ง
โซนที่ 3 คือ โรงละครริเวอร์พาเลซ (River Palace) เป็นโรงละครขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่กว่า 16,000 ตร.ม. หรือ ประมาณ 10 ไร่ นับเป็นโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น 1 ในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โซนที่ 4 คือ คิงดอมออฟไลท์ส (Kingdom of Lights) เป็นเมืองที่มีไฟประดับประดาสวยงามมากกว่า 40 ล้านดวง
7. ราคาค่าบัตรรวมดินเนอร์แล้วคาดว่าจะอยู่ที่ราวๆ 2,200 บาท มองว่าราคาอยู่ในกลุ่มค่อนข้างสูง ซึ่งนี่อาจจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่นักท่องเที่ยวอาจจะต้องคิดหนักเพิ่มขึ้นในการควักเงินในกระเป๋าออกมาเที่ยว
นับเป็นก้าวใหญ่ครั้งสำคัญของเจ้าพ่อธีมปาร์คจังหวัดภูเก็ตอย่างตระกูลคิ้วคชา และบทพิสูจน์แรกในความสามารถของ “คาร์นิวัลเมจิก” แห่งนี้จะเริ่มขึ้นในต้นปีหน้า
•จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ต 12-13 ล้าน สร้างรายได้ 4 แสนล้านบาทต่อปี
•ในอนาคตภูเก็ตแฟนตาซีอาจจะมีการรีโนเวตใหม่
•ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตแฟนตาซีเยอะนั้นส่วนใหญ่เป็นชาวจีน แต่ตอนนี้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียมามากขึ้นแซงจีนไปแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ 60% และ FIT 40%
•รายได้ของเครือซาฟารีปี 2561 อยู่ที่ 1,929.50 ล้านบาท แบ่งเป็น ภูเก็ตแฟนตาซี 878.45 ล้านบาท แยกเป็น
รายได้จากการขายตั๋ว 597.89 ล้านบาท
รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม 141.60 ล้านบาท
รายได้อื่นๆ 138.96 ล้านบาท
หมายเหตุ : เป็นรายได้จากการดำเนินการ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่สิบปีหนึ่งในนักธุรกิจที่ชอบทำธุรกิจอิงกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคงต้องยกให้ “ผิน คิ้วคชา” เจ้าพ่อธีมปาร์คชื่อดังของเมืองไทย
กว่า 30 ปีก่อน ตระกูล “คิ้วคชา” สร้างสวนสัตว์ที่มีเนื้อที่ 475 ไร่ ในชื่อ “ซาฟารีเวิลด์”
20 ปีก่อน ตระกูล “คิ้วคชา” สร้างธีมปาร์คเชิงวัฒนธรรมในชื่อ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ด้วยงบลงทุน 3,500 ล้านบาท
มาคราวนี้ตระกูล “คิ้วคชา” ใช้งบลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี ถึง 5,000 ล้านบาท สร้างธีมปาร์คคาร์นิวัลสไตล์ไทย ในชื่อ “คาร์นิวัลเมจิก”
ที่มี “ผิน คิ้วคชา” และทายาทรุ่นที่ 2 อย่าง “กิตติกร คิ้วคชา” เดินทางมาแถลงโปรเจกต์นี้ด้วยตัวเอง
กิตติกรเล่าว่า แรกเริ่มเดิมทีภาพวาดแรกของโครงการคาร์นิวัลเมจิกนั้น เริ่มตั้งแต่ปี 2002 หลังจากที่ภูเก็ตแฟนตาซีเปิดตัวมาได้ 4-5 ปี แต่มาเริ่มลงมือทำเฟสแรกเมื่อปี 2015 โดยใช้เวลา 3 ปี
โดยงบตอนแรกนั้นตั้งไว้ที่ 3,400 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นมาเป็น 5,000 ล้านบาท
ภาพความชัดเจนของ “คาร์นิวัลเมจิก” จากหลายสิบปีก่อนเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เพราะตอนนี้สร้างไปแล้ว 80% และพร้อมเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 1 ปี 2020
Marketeer มองว่าสิ่งที่ทำให้ “คาร์นิวัลเมจิก” ที่มีพื้นที่กว่า 100 ไร่ เป็นที่น่าจับตา และน่าจะเป็นแลนด์มาร์กดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ในภูเก็ต
1. “คาร์นิวัลเมจิก” แห่งนี้ไม่ใช่โรงหนัง หรือโรงละคร แต่เป็นสวนสนุกที่ใช้ดวงไฟมากที่สุดในโลกถึง 40 ล้านดวง และความที่เป็นแห่งแรกก็น่าจะจับกลุ่มนักท่องเที่ยวได้ไม่ยาก
2. ผิน คิ้วคชา ยังบอกว่า เพราะเราถนัดการสร้างธีมปาร์ค สวนสนุก เราจึงสร้างคาร์นิวัลเมจิกแห่งนี้เป็นธีมปาร์คแห่งที่ 3 ในเครือ และเมื่อสร้างมาแล้วต้องยิ่งใหญ่ และเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเอเชียด้วย
3. ถึงแม้ภาพแรกของธีมปาร์คแห่งนี้มีมาเป็นสิบปี แต่การเปิดตัวในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะทั้งผินและกิตติกร ระบุว่า การท่องเที่ยวภูเก็ตปีที่ผ่านมาซบเซาลง 30% ด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งเหตุการณ์เรือล่ม ค่าเงิน รวมถึงสงครามการค้า ทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวน้อยลงทั้งจีน ยุโรป ออสเตรเลีย รวมถึงคนไทยก็ไม่เที่ยว
ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวของภูเก็ตแฟนตาซีเองที่ลดลง 30% เหมือนกัน การเปิดตัวในช่วงนี้ถือเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
4. ตั้งเป้านักท่องเที่ยวมาเที่ยวคาร์นิวัลเมจิกปีละ 1-2 ล้านคน แบ่งสัดส่วนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 70% และคนไทย 30%
5. และคาร์นิวัลเมจิกน่าจะสร้างรายได้ปีละ 1,500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าคืนทุนภายใน 7-10 ปี
6. ภายในคาร์นิวัลเมจิกนั้นมีทั้งหมด 4 โซนคือ
โซนที่ 1 คือ คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair) คือถนนช้อปปิ้งที่มีสินค้านานาชนิดจากทั่วภูมิภาคทั่วไทย และยังมีไฮไลต์เป็นตู้ขายป๊อปคอร์นที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูงถึง 8 เมตร หรือเทียบกับตึก 3 ชั้น
โซนที่ 2 ภัตตาคารเบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise) เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับผู้มาเยือนได้มากถึง 3,000 ที่นั่ง
โซนที่ 3 คือ โรงละครริเวอร์พาเลซ (River Palace) เป็นโรงละครขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่กว่า 16,000 ตร.ม. หรือ ประมาณ 10 ไร่ นับเป็นโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น 1 ในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โซนที่ 4 คือ คิงดอมออฟไลท์ส (Kingdom of Lights) เป็นเมืองที่มีไฟประดับประดาสวยงามมากกว่า 40 ล้านดวง
7. ราคาค่าบัตรรวมดินเนอร์แล้วคาดว่าจะอยู่ที่ราวๆ 2,200 บาท มองว่าราคาอยู่ในกลุ่มค่อนข้างสูง ซึ่งนี่อาจจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่นักท่องเที่ยวอาจจะต้องคิดหนักเพิ่มขึ้นในการควักเงินในกระเป๋าออกมาเที่ยว
นับเป็นก้าวใหญ่ครั้งสำคัญของเจ้าพ่อธีมปาร์คจังหวัดภูเก็ตอย่างตระกูลคิ้วคชา และบทพิสูจน์แรกในความสามารถของ “คาร์นิวัลเมจิก” แห่งนี้จะเริ่มขึ้นในต้นปีหน้า
•จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ต 12-13 ล้าน สร้างรายได้ 4 แสนล้านบาทต่อปี
•ในอนาคตภูเก็ตแฟนตาซีอาจจะมีการรีโนเวตใหม่
•ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตแฟนตาซีเยอะนั้นส่วนใหญ่เป็นชาวจีน แต่ตอนนี้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียมามากขึ้นแซงจีนไปแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ 60% และ FIT 40%
•รายได้ของเครือซาฟารีปี 2561 อยู่ที่ 1,929.50 ล้านบาท แบ่งเป็น ภูเก็ตแฟนตาซี 878.45 ล้านบาท แยกเป็น
รายได้จากการขายตั๋ว 597.89 ล้านบาท
รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม 141.60 ล้านบาท
รายได้อื่นๆ 138.96 ล้านบาท
หมายเหตุ : เป็นรายได้จากการดำเนินการ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 15
ซาฟารีเวิลด์ แหล่งท่องเที่ยวถูกใจคุณหนูๆ และยังถูกจริต “คนอินเดีย”
ซาฟารีเวิลด์ รายได้เท่าไร ? (วิเคราะห์) ทำไมสวนสัตว์แห่งนี้จึงถูกใจคนอินเดีย
SAFARI ยังทำรายได้ และสร้างรายได้เท่าไรกัน ข้างล่างนี้คือคำตอบ
“สวนสัตว์” สถานที่ท่องเที่ยวที่ไปได้ทุกเพศทุกวัย ที่ทำให้เราย้อนวันวานกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง หนึ่งในชื่อของสวนสัตว์ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของสัตว์ แต่ยังมีกิจกรรมสันทนาการอื่นให้ได้ร่วมชมทุกครั้ง คือซาฟารีเวิลด์
สวนสัตว์ที่มีเนื้อที่ 475 ไร่ ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ แถวมีนบุรี รามอินทรา เปิดกิจการมาแล้ว 30 ปี
ขณะที่ธีมปาร์คเชิงวัฒนธรรมไทย ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากคงต้องยกให้ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ธีมปาร์คขนาด 150 ไร่ ในจังหวัดภูเก็ต ที่เพิ่งมีอายุครบ 20 ปี เมื่อ ก.พ. ที่ผ่านมา
ทั้ง 2 แห่งเป็นของตระกูล “คิ้วคชา” ที่มีรุ่นบุกเบิกคือ “ผิน คิ้วคชา” (วงการตลาดหุ้นคงคุ้นชื่อกันดี) ปัจจุบันทายาทอย่าง “กิตติกร และ ฤทธิ์ คิ้วคชา” ได้รับไม้ต่อในกิจการเหล่านี้
เป็นที่รู้กันว่าหุ้น บริษัท ซาฟารีเวิลด์จำกัด (มหาชน) หรือ SAFARI ถูกพักการซื้อขายตั้งแต่เมื่อปี 2550 ด้วยเหตุผลด้านฐานะการเงินและการดำเนินงาน
แต่ธุรกิจซาฟารีเวิลด์และภูเก็ตแฟนตาซี ยังคงเป็นไปปกติ
และเริ่มจะเห็นแสงสว่างในการกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้งเมื่อ SAFARI พลิกมีกำไรต่อเนื่อง 3 ปีแล้ว
เหตุผลที่ทั้งซาฟารีเวิลด์-ภูเก็ตแฟนตาซี ยังทำรายได้ได้อยู่
ซาฟารีเวิลด์:
– ถึงแม้จะเคยไปแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนคงเคยไปไม่ต่ำกว่า 1 ครั้งเป็นแน่ ด้วยเหตุผลเบสิกความไม่เบื่อและรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ไปเพราะเราจะได้เห็นอิริยาบถที่ไม่เหมือนเดิมของสัตว์ต่างๆ ซึ่งนี่แหละคือเสน่ห์ จะเห็นว่าช่วงวันหยุดบรรดาพ่อ แม่ จูงมือลูก หลาน หรือแม้แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ยังชวนกันไปเที่ยว
-ไม่เพียงเท่านั้นการเพิ่มการแสดง หรือจับจุดกลุ่มลูกค้าถูกคือคีย์เวิร์ดสำคัญ เพราะถ้าใครเคยไปซาฟารีเวิลด์ในช่วงปีที่ผ่านมาจะเห็นนักท่องเที่ยวชาว “อินเดีย” มาเที่ยวจำนวนมากจนน่าแปลกใจ เพราะส่วนใหญ่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ นักท่องเที่ยวอันดับ 1 น่าจะเป็นชาวจีน
แถมก่อนการแสดงโชว์สัตว์ยังมีการเปิดเพลงอินเดีย เรียกความสนุกสนานให้กับชาวอินเดียได้ไม่น้อย
ซาฟารีเวิลด์ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาซาฟารีเวิลด์ในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 6% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียเป็นสำคัญ
โดยซาฟารีเวิลด์มีรายได้จากการดำเนินงาน 1,051.12 ล้านบาท (คิดเป็นรายได้ 54.5% ของพอร์ต) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 12%
ภูเก็ตแฟนตาซี:
-ธีมปาร์ควัฒนธรรม ที่สร้างสตอรี่เน้นจับลูกค้าต่างชาติอย่างคนจีนเป็นหลัก ที่ปีที่ผ่านมาอาจจะได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และเหตุการณ์อุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าของภูเก็ตแฟนตาซีลดลงอย่างมาก
โดยภูเก็ตแฟนตาซีมีรายได้จากการดำเนินงาน 878.45 ล้านบาท (คิดเป็นรายได้ 45.4% ของพอร์ต) ลดลงจากปีก่อนหน้า 12.05%
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการที่เคยหวังแต่จะพึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างเดียว นับจากนี้คงต้องมองใหม่ เพราะที่มาแรง ณ ตอนนี้คือ “ตลาดอินเดีย”
สอดคล้องกับข้อมูลจาก ททท. และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ที่มองว่า “ตลาดอินเดีย” เป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ คาดว่าในปี 2020 คนอินเดียจะท่องเที่ยวไปทั่วโลกประมาณ 50 ล้านคน
และคาดว่าจะมาเที่ยวไทยแตะถึงปีละ 5 ล้านคน ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ซาฟารีเวิลด์ที่ชาวอินเดียถูกใจอยู่แล้ว กับ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ที่ในวันนี้คงต้องหากลยุทธ์ และสิ่งใหม่ๆ มาแทนที่
ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหนก็ต้องติดตาม
ในมือ SAFARI มีบริษัทอะไรบ้าง
1. ซาฟารีเวิลด์: ธุรกิจท่องเที่ยวประเภทสวนสัตว์
2. ภูเก็ตแฟนตาซี: ธุรกิจท่องเที่ยวประเภทธีมปาร์คเชิงวัฒนธรรม
3. คาร์นิวัล เมจิก: ธุรกิจท่องเที่ยวประเภทธีมปาร์ค เน้นการแสดง แสง สี เสียง
(อยู่ระหว่างก่อสร้าง เปิดให้บริการปลายปี 2562)
4. ซาฟารี ไวลด์ไลฟ์ ปาร์ค: ธุรกิจท่องเที่ยว สถานที่ประชุม สัมมนา ศูนย์พัฒนาขยายพันธุ์สัตว์เพื่อจำหน่าย
(ยังไม่ได้เริ่มดำเนินกิจการ)
ที่มา: รายงานประจำปี 2561ซาฟารีเวิลด์
ซาฟารีเวิลด์ รายได้เท่าไร ? (วิเคราะห์) ทำไมสวนสัตว์แห่งนี้จึงถูกใจคนอินเดีย
SAFARI ยังทำรายได้ และสร้างรายได้เท่าไรกัน ข้างล่างนี้คือคำตอบ
“สวนสัตว์” สถานที่ท่องเที่ยวที่ไปได้ทุกเพศทุกวัย ที่ทำให้เราย้อนวันวานกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง หนึ่งในชื่อของสวนสัตว์ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของสัตว์ แต่ยังมีกิจกรรมสันทนาการอื่นให้ได้ร่วมชมทุกครั้ง คือซาฟารีเวิลด์
สวนสัตว์ที่มีเนื้อที่ 475 ไร่ ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ แถวมีนบุรี รามอินทรา เปิดกิจการมาแล้ว 30 ปี
ขณะที่ธีมปาร์คเชิงวัฒนธรรมไทย ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากคงต้องยกให้ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ธีมปาร์คขนาด 150 ไร่ ในจังหวัดภูเก็ต ที่เพิ่งมีอายุครบ 20 ปี เมื่อ ก.พ. ที่ผ่านมา
ทั้ง 2 แห่งเป็นของตระกูล “คิ้วคชา” ที่มีรุ่นบุกเบิกคือ “ผิน คิ้วคชา” (วงการตลาดหุ้นคงคุ้นชื่อกันดี) ปัจจุบันทายาทอย่าง “กิตติกร และ ฤทธิ์ คิ้วคชา” ได้รับไม้ต่อในกิจการเหล่านี้
เป็นที่รู้กันว่าหุ้น บริษัท ซาฟารีเวิลด์จำกัด (มหาชน) หรือ SAFARI ถูกพักการซื้อขายตั้งแต่เมื่อปี 2550 ด้วยเหตุผลด้านฐานะการเงินและการดำเนินงาน
แต่ธุรกิจซาฟารีเวิลด์และภูเก็ตแฟนตาซี ยังคงเป็นไปปกติ
และเริ่มจะเห็นแสงสว่างในการกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้งเมื่อ SAFARI พลิกมีกำไรต่อเนื่อง 3 ปีแล้ว
เหตุผลที่ทั้งซาฟารีเวิลด์-ภูเก็ตแฟนตาซี ยังทำรายได้ได้อยู่
ซาฟารีเวิลด์:
– ถึงแม้จะเคยไปแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนคงเคยไปไม่ต่ำกว่า 1 ครั้งเป็นแน่ ด้วยเหตุผลเบสิกความไม่เบื่อและรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ไปเพราะเราจะได้เห็นอิริยาบถที่ไม่เหมือนเดิมของสัตว์ต่างๆ ซึ่งนี่แหละคือเสน่ห์ จะเห็นว่าช่วงวันหยุดบรรดาพ่อ แม่ จูงมือลูก หลาน หรือแม้แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ยังชวนกันไปเที่ยว
-ไม่เพียงเท่านั้นการเพิ่มการแสดง หรือจับจุดกลุ่มลูกค้าถูกคือคีย์เวิร์ดสำคัญ เพราะถ้าใครเคยไปซาฟารีเวิลด์ในช่วงปีที่ผ่านมาจะเห็นนักท่องเที่ยวชาว “อินเดีย” มาเที่ยวจำนวนมากจนน่าแปลกใจ เพราะส่วนใหญ่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ นักท่องเที่ยวอันดับ 1 น่าจะเป็นชาวจีน
แถมก่อนการแสดงโชว์สัตว์ยังมีการเปิดเพลงอินเดีย เรียกความสนุกสนานให้กับชาวอินเดียได้ไม่น้อย
ซาฟารีเวิลด์ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาซาฟารีเวิลด์ในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 6% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียเป็นสำคัญ
โดยซาฟารีเวิลด์มีรายได้จากการดำเนินงาน 1,051.12 ล้านบาท (คิดเป็นรายได้ 54.5% ของพอร์ต) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 12%
ภูเก็ตแฟนตาซี:
-ธีมปาร์ควัฒนธรรม ที่สร้างสตอรี่เน้นจับลูกค้าต่างชาติอย่างคนจีนเป็นหลัก ที่ปีที่ผ่านมาอาจจะได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และเหตุการณ์อุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าของภูเก็ตแฟนตาซีลดลงอย่างมาก
โดยภูเก็ตแฟนตาซีมีรายได้จากการดำเนินงาน 878.45 ล้านบาท (คิดเป็นรายได้ 45.4% ของพอร์ต) ลดลงจากปีก่อนหน้า 12.05%
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการที่เคยหวังแต่จะพึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างเดียว นับจากนี้คงต้องมองใหม่ เพราะที่มาแรง ณ ตอนนี้คือ “ตลาดอินเดีย”
สอดคล้องกับข้อมูลจาก ททท. และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ที่มองว่า “ตลาดอินเดีย” เป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ คาดว่าในปี 2020 คนอินเดียจะท่องเที่ยวไปทั่วโลกประมาณ 50 ล้านคน
และคาดว่าจะมาเที่ยวไทยแตะถึงปีละ 5 ล้านคน ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ซาฟารีเวิลด์ที่ชาวอินเดียถูกใจอยู่แล้ว กับ “ภูเก็ตแฟนตาซี” ที่ในวันนี้คงต้องหากลยุทธ์ และสิ่งใหม่ๆ มาแทนที่
ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหนก็ต้องติดตาม
ในมือ SAFARI มีบริษัทอะไรบ้าง
1. ซาฟารีเวิลด์: ธุรกิจท่องเที่ยวประเภทสวนสัตว์
2. ภูเก็ตแฟนตาซี: ธุรกิจท่องเที่ยวประเภทธีมปาร์คเชิงวัฒนธรรม
3. คาร์นิวัล เมจิก: ธุรกิจท่องเที่ยวประเภทธีมปาร์ค เน้นการแสดง แสง สี เสียง
(อยู่ระหว่างก่อสร้าง เปิดให้บริการปลายปี 2562)
4. ซาฟารี ไวลด์ไลฟ์ ปาร์ค: ธุรกิจท่องเที่ยว สถานที่ประชุม สัมมนา ศูนย์พัฒนาขยายพันธุ์สัตว์เพื่อจำหน่าย
(ยังไม่ได้เริ่มดำเนินกิจการ)
ที่มา: รายงานประจำปี 2561ซาฟารีเวิลด์
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 16
SAFARI เพิ่มทุน PP หาเงินคืนหนี้ – คาร์นิวัลเมจิกงบพุ่งแตะ 5.5 พันลบ.
06/12/2019SAFARI, คาร์นิวัลเมจิก
HoonSmart.com>> “ซาฟารีเวิลด์” เตรียมเพิ่มทุนกว่า 650 ล้านหุ้น ขายบุคคลในวงจำกัด หาเงินคืนหนี้หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงินครบไถ่ถอนปี 63 กว่า 2,568 ล้านบาท เงินกู้สถาบันการเงิน 916 ล้านบาท พร้อมชงผู้ถือหุ้นเพิ่มงบลงทุนโครงการคาร์นิวัลเมจิก ภูเก็ต อีก 1,998 ล้านบาท แตะ 5,568 ล้านบาท ก่อนเปิดตัวไตรมาส 1/63 จ้าง “ผิน คิ้วคชาและลูกชาย 2 คน” ออกแบบ ควบคุมงานรวม 107 ล้านบาท
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) เปิดเผยมติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2562 อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 650,789,079 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,871,210,921 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 3,522,000,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 650,789,079 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยบริษัทฯ จะพิจารณาคัดเลือกนักลงทุนที่มีศักยภาพและสามารถลงทุนใน
บริษัทฯ ได้จริง ซึ่งอาจเป็นนักลงทุนรายเดียวหรือหลายรายและนักลงทุนแต่ละรายจะต้องไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันหุ้นของบริษัทฯ มิได้มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทฯ ไม่มีราคาตลาดอ้างอิง และการกำหนดราคาโดยสำรวจความต้องการซื้อจากนักลงทุน (Book Building) ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์บริษัทฯ จึงใช้ราคายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ให้ความเห็นชอบ เป็นราคาอ้างอิงในการกำหนดราคาขายหุ้น
สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน บริษัทฯ จะนำไปชำระคืนหุ้นกู้และตั๋วแลกเงินที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2563 ซึ่งตามงบการเงินสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2562 บริษัทฯ มีหนี้หุ้นกู้และตั๋วแลกเงินที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2563 จำนวน 2,568.30 ล้านบาท และ/หรือชำระคืนเงินกู้ยืมที่มีอยู่กับสถาบันการเงิน ซึ่งตามงบการเงินงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2562 มีหนี้ 916.07 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเสนอขายหุ้นและได้รับเงินเพิ่มทุนภายในเดือนมิ.ย.2563 และคาดว่าจะนำเงินที่ได้รับชำระหนี้คืนภายในไตรมาส 3 ปี 2563
พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทฯ จะเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 ก.พ.2563 พิจารณาให้สัตยาบันการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการคาร์นิวัลเมจิก อีกจำนวน 1,998 ล้านบาท จากงบลงทุนเดิม 3,570 ล้านบาท เป็น 5,568 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับปรุงงบลงทุนของโครงการฯ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ของปี 2563 ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจให้สามารถสร้างโครงการธีมปาร์คที่ยิ่งใหญ่ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่กลุ่มบริษัทและผู้ถือหุ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันของกลุ่มบริษัท ในธุรกิจท่องเที่ยวที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต และในภูมิภาคเอเชีย อันจะนำมาซึ่งรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัท ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้จะให้พิจารณาสัตยาบันรายการที่เกี่ยวโยงกันเรื่อง การจ่ายค่าตอบแทนการออกแบบธุรกิจ (Business Design) อำนวยการและควบคุมงานก่อสร้าง (Project Management) โครงการคาร์นิวัลเมจิก เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและนันทนาการประเภทวัฒนธรรมธีมปาร์ค (CulturalTheme Park) ที่เน้นการแสดงแสงสีของดวงไฟไฮเทคต่างๆ โดยการประยุกต์ความเป็นไทยผสานเข้ากับเทคโนโลยีการแสดงแสงไฟ LED อันโดดเด่น ยิ่งใหญ่ตระการตา จัดทำการแสดงพาเหรดแสงไฟสุดอลังการในโรงละครขนาดใหญ่ ซึ่งยังไม่เคยมีที่ใดจัดแสดงมาก่อน บริษัท คาร์นิวัลเมจิกได้ว่าจ้างนายผิน คิ้วคชา,นายกิตติกร คิ้วคชา และนายสมหวัง คิ้วคชา ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์และชำนาญเรื่องการออกแบบและบริหารงานธีมปาร์คมายาวนาน และเข้าใจตลาดการท่องเที่ยวของศไทยและจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างดี
บริษัทฯ จะจ่ายค่าตอบแทนการออกแบบให้แก่บุคคลทั้งสาม เป็นรายเดือนเป็นเวลา 7 เดือน เป็นเงิน 73.50 ล้านบาท และจ่ายค่าควบคุมงานก่อสร้างจนโครงการแล้วเสร็จเป็น 34.20 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 107.70 ล้านบาท ซึ่งรายการดังกล่าวได้กำหนดรวมอยู่ในมูลค่าการลงทุนโครงการแล้ว
นอกจากนี้พิจารณาให้สัตยาบันรายการที่เกี่ยวโยงกัน เรื่อง การว่าจ้างบริษัท เชิดชัยวรรณ ซึ่งผู้ถือหุ้นของบริษัทเชิดชัยวรรณเป็นคู่สมรสของบุตรสาวของกรรมการของบริษัทฯ ให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างชุดลิฟท์ไฮโดรลิคของโครงการคาร์นิวัลเมจิก มูลค่าสัญญา 8.30 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าทำรายการดังกล่าวแล้ว กลุ่มบริษัทยังมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นเดียวกันกับก่อนการเข้าทำรายการ โดยที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการแก้ ไขให้พ้นเหตุเพิกถอนของตลาดหลักทรัพย์ฯ
06/12/2019SAFARI, คาร์นิวัลเมจิก
HoonSmart.com>> “ซาฟารีเวิลด์” เตรียมเพิ่มทุนกว่า 650 ล้านหุ้น ขายบุคคลในวงจำกัด หาเงินคืนหนี้หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงินครบไถ่ถอนปี 63 กว่า 2,568 ล้านบาท เงินกู้สถาบันการเงิน 916 ล้านบาท พร้อมชงผู้ถือหุ้นเพิ่มงบลงทุนโครงการคาร์นิวัลเมจิก ภูเก็ต อีก 1,998 ล้านบาท แตะ 5,568 ล้านบาท ก่อนเปิดตัวไตรมาส 1/63 จ้าง “ผิน คิ้วคชาและลูกชาย 2 คน” ออกแบบ ควบคุมงานรวม 107 ล้านบาท
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) เปิดเผยมติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2562 อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 650,789,079 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,871,210,921 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 3,522,000,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 650,789,079 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยบริษัทฯ จะพิจารณาคัดเลือกนักลงทุนที่มีศักยภาพและสามารถลงทุนใน
บริษัทฯ ได้จริง ซึ่งอาจเป็นนักลงทุนรายเดียวหรือหลายรายและนักลงทุนแต่ละรายจะต้องไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันหุ้นของบริษัทฯ มิได้มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทฯ ไม่มีราคาตลาดอ้างอิง และการกำหนดราคาโดยสำรวจความต้องการซื้อจากนักลงทุน (Book Building) ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์บริษัทฯ จึงใช้ราคายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ให้ความเห็นชอบ เป็นราคาอ้างอิงในการกำหนดราคาขายหุ้น
สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน บริษัทฯ จะนำไปชำระคืนหุ้นกู้และตั๋วแลกเงินที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2563 ซึ่งตามงบการเงินสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2562 บริษัทฯ มีหนี้หุ้นกู้และตั๋วแลกเงินที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2563 จำนวน 2,568.30 ล้านบาท และ/หรือชำระคืนเงินกู้ยืมที่มีอยู่กับสถาบันการเงิน ซึ่งตามงบการเงินงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2562 มีหนี้ 916.07 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเสนอขายหุ้นและได้รับเงินเพิ่มทุนภายในเดือนมิ.ย.2563 และคาดว่าจะนำเงินที่ได้รับชำระหนี้คืนภายในไตรมาส 3 ปี 2563
พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทฯ จะเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 ก.พ.2563 พิจารณาให้สัตยาบันการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการคาร์นิวัลเมจิก อีกจำนวน 1,998 ล้านบาท จากงบลงทุนเดิม 3,570 ล้านบาท เป็น 5,568 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับปรุงงบลงทุนของโครงการฯ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ของปี 2563 ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจให้สามารถสร้างโครงการธีมปาร์คที่ยิ่งใหญ่ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่กลุ่มบริษัทและผู้ถือหุ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันของกลุ่มบริษัท ในธุรกิจท่องเที่ยวที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต และในภูมิภาคเอเชีย อันจะนำมาซึ่งรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัท ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้จะให้พิจารณาสัตยาบันรายการที่เกี่ยวโยงกันเรื่อง การจ่ายค่าตอบแทนการออกแบบธุรกิจ (Business Design) อำนวยการและควบคุมงานก่อสร้าง (Project Management) โครงการคาร์นิวัลเมจิก เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและนันทนาการประเภทวัฒนธรรมธีมปาร์ค (CulturalTheme Park) ที่เน้นการแสดงแสงสีของดวงไฟไฮเทคต่างๆ โดยการประยุกต์ความเป็นไทยผสานเข้ากับเทคโนโลยีการแสดงแสงไฟ LED อันโดดเด่น ยิ่งใหญ่ตระการตา จัดทำการแสดงพาเหรดแสงไฟสุดอลังการในโรงละครขนาดใหญ่ ซึ่งยังไม่เคยมีที่ใดจัดแสดงมาก่อน บริษัท คาร์นิวัลเมจิกได้ว่าจ้างนายผิน คิ้วคชา,นายกิตติกร คิ้วคชา และนายสมหวัง คิ้วคชา ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์และชำนาญเรื่องการออกแบบและบริหารงานธีมปาร์คมายาวนาน และเข้าใจตลาดการท่องเที่ยวของศไทยและจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างดี
บริษัทฯ จะจ่ายค่าตอบแทนการออกแบบให้แก่บุคคลทั้งสาม เป็นรายเดือนเป็นเวลา 7 เดือน เป็นเงิน 73.50 ล้านบาท และจ่ายค่าควบคุมงานก่อสร้างจนโครงการแล้วเสร็จเป็น 34.20 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 107.70 ล้านบาท ซึ่งรายการดังกล่าวได้กำหนดรวมอยู่ในมูลค่าการลงทุนโครงการแล้ว
นอกจากนี้พิจารณาให้สัตยาบันรายการที่เกี่ยวโยงกัน เรื่อง การว่าจ้างบริษัท เชิดชัยวรรณ ซึ่งผู้ถือหุ้นของบริษัทเชิดชัยวรรณเป็นคู่สมรสของบุตรสาวของกรรมการของบริษัทฯ ให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างชุดลิฟท์ไฮโดรลิคของโครงการคาร์นิวัลเมจิก มูลค่าสัญญา 8.30 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าทำรายการดังกล่าวแล้ว กลุ่มบริษัทยังมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นเดียวกันกับก่อนการเข้าทำรายการ โดยที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการแก้ ไขให้พ้นเหตุเพิกถอนของตลาดหลักทรัพย์ฯ
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 17
สุดเศร้า! ‘น้องยีราฟ’ ตายแล้ว จนท.เจอนอนแน่นิ่งอยู่ในบ่อบัว
วันที่ 30 มกราคม 2563 - 13:47 น.
จากกรณี ยีราฟ 2 ตัว หลุดจากลังรถบรรทุก 6 ล้อ วิ่งอยู่บนถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา – พนมสารคาม บริเวณสี่แยกไฟแดง อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จากสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ สามารถยิงยาสลบ และนำยีราฟขึ้นรถได้ 1 ตัว นำไปพักฟื้นแล้ว ส่วนอีก 1 ตัว ได้วิ่งหนีเข้าไปในปายูคาลิป เจ้าหน้าที่จากสวนสัตว์ฯ ชุดหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา และชมรมร่มบินอำเภอพนมสารคาม ได้ช่วยกันออกตามหา แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นป่ายูคาลิป ทำให้การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มกราคม ได้เจอยีราฟอีกหนึ่งตัวในสภาพที่ไม่มีลมหายใจแน่นิ่งในบ่อบัว บริเวณริมถนน 304 บางคล้า-พนมสารคาม ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากการพลัดตกลงไปในบ่อ ทำให้ยีราฟตัวดังกล่าวเสียชีวิต
วันที่ 30 มกราคม 2563 - 13:47 น.
จากกรณี ยีราฟ 2 ตัว หลุดจากลังรถบรรทุก 6 ล้อ วิ่งอยู่บนถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา – พนมสารคาม บริเวณสี่แยกไฟแดง อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จากสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ สามารถยิงยาสลบ และนำยีราฟขึ้นรถได้ 1 ตัว นำไปพักฟื้นแล้ว ส่วนอีก 1 ตัว ได้วิ่งหนีเข้าไปในปายูคาลิป เจ้าหน้าที่จากสวนสัตว์ฯ ชุดหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา และชมรมร่มบินอำเภอพนมสารคาม ได้ช่วยกันออกตามหา แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นป่ายูคาลิป ทำให้การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มกราคม ได้เจอยีราฟอีกหนึ่งตัวในสภาพที่ไม่มีลมหายใจแน่นิ่งในบ่อบัว บริเวณริมถนน 304 บางคล้า-พนมสารคาม ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากการพลัดตกลงไปในบ่อ ทำให้ยีราฟตัวดังกล่าวเสียชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 18
"ซาฟารีเวิลด์" ขอนำเข้า "ยีราฟ" ถูกต้อง เหตุไซเตสขึ้นบัญชี 2
กองไซเตส กรมอุทยานฯ ยืนยันซาฟารีเวิลด์ นำเข้ายีราฟ จากประเทศแอฟริกา ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย คาดเกิดจากยาซึมหมดในระหว่างการขนส่งมา จ.ปราจีนบุรี ชี้ไซเตส ขึ้นบัญชี 2 เพื่อควบคุมการค้า เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ุ
กรณียีราฟ 2 ตัวของสวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิลด์ หลุดจากกรงของรถที่ขนส่งมาที่สวนสัตว์แห่งใหม่ที่ จ.ปราจีนบุรี โดยเบื้องต้นสามารถจับยีราฟได้แล้ว 1 ตัว ส่วนอีก 1 ตัวกำลังตามหา ขณะที่มีรายงานวายีราฟ ล็อตนี้มีการขนส่งทางเครื่องบินมาจากประเทศแอฟริกาจำนวน 68 ตัว
วันนี้ (29 ม.ค.2563) ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์นายสมเกียรติ สุนทรพิทักษ์กุล ผอ.กองคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าทางบริษัทซาฟารีเวิลด์ มีการขออนุญาตนำเข้า และส่งออกยีราฟ มาจากประเทศแอฟริกาตามระเบียบของไซเตส อย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการขออนุญาตนำสัตว์ป่าจากต่างประเทศเข้ามาแสดงในสวนสัตว์เอกชน
กรณียีราฟหลุดในระหว่างการขนส่งมาจากเหตุสุดวิสัยของระบบการขนส่ง เบื้องต้นรับข้อมูลมาว่าเครื่องบินที่ขนส่งยีราฟมาเกิดดีเลย์ ทำให้ยีราฟที่ได้ยาซึมในระหว่างขนส่งระหว่างประเทศจนมาถึงไทย จนนำขนขึ้นรถบรรทุก เพื่อไปสวนสัตว์ที่ จ.ปราจีนบุรี เกิดการฟื้นตัวเร็วขึ้น ทำให้เลยหลุดออกจากกรง ซึ่งการรับผิดชอบตอนนี้ ถือเป็นทรัพย์สินของซาฟารีเวิลด์ หากสัตว์บาดเจ็บ หรือเกิดเหตุสุดวิสัยอื่นๆ
“เท่าที่ตรวจสอบการขออนุญาตนำเข้ายีราฟ จากแอฟริกา ทำอย่างถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายของไทย และของไซเตส แต่ไม่แน่ใจจำนวนกี่ตัว และเวลาที่ขอ เนื่องจากปี 2562 ไซเตส เพิ่งขึ้นบัญชียีราฟในบัญชี 2 เพื่อควบคุมการค้า การส่งออก”
เมื่อถามว่าที่ไซเตสขึ้นทะเบียนยีราฟ ในบัญชี 2 จะส่งผลต่อการค้าและการคุ้มครองหรือไม่ นายสมเกียรติ กล่าวว่า เหตุผลที่ไซเตส ขึ้นบัญชีเพื่อต้องการควบคุมการค้า และการส่งออกยีราฟไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการสูญพันธ์ุ ที่ผ่านมายีราฟ ยังไม่ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และยังไม่เคยเจอปัญหาการลักลอบล่า หรือค้าเหมือนกับสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ
“ยีราฟขนาดใหญ่ จะไม่ซื้อจากต่างประเทศเพราะต้องใช้เครื่องบินพิเศษ ค่าขนส่งมีราคาแพง ในไทยบางสวนสัตว์ ส่งยีราฟไปในสวนสัตว์ประเทศเพื่อนบ้าน ทางรถยนต์ เพราะยีราฟมีความน่ารัก เป็นตัวดึงดูดให้เด็กๆมาเที่ยว”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ยังหาวุ่น! ยีราฟหลุดกรงหนีเตลิดอีก 1 ตัว
ไซเตสขึ้นบัญชี 2 "ยีราฟ"
สำหรับการขึ้นทะเบียนยีราฟ ในบัญชี 2 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) เกิดขึ้นที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2562 เพื่อให้ปกป้องสายพันธุ์ยีราฟ ในฐานะสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นครั้งแรก หลังประชากรยีราฟในธรรมชาติเหลืออยู่ไม่ถึง 100,000 ตัว สำหรับสัตว์ในบัญชี 2 หมายถึงการเพิ่มการควบคุมการค้าขายชิ้นส่วนยีราฟ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อและกระดูก
การขึ้นทะเบียนครั้งนี้จะเป็นการคุ้มครองยีราฟทั่วโลก ทำให้การซื้อขายชิ้นส่วนยีราฟทั้งเนื้อ หนัง กระดูก จะต้องได้รับอนุญาต และต้องไม่ใช่ชิ้นส่วนที่ได้มาจากการลักลอบล่าสัตว์ นอกจากนี้ ประเทศผู้อนุญาตจะต้องตรวจสอบความสมดุลของประชากรยีราฟก่อนการอนุญาตให้ส่งออก โดยเฉพาะในแอฟริกาตะวันออก ตะวันตก และแอฟริกากลาง ประชากรยีราฟลดลงถึง 40% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จากสาเหตุถิ่นที่อยู่อาศัยน้อยลง มีการค้าขายชิ้นส่วนยีราฟ การถูกล่าเพื่อเอาเนื้อ การล่าเพื่อความบันเทิง
บ.ซาฟารีเวิลด์ กับธุรกิจสวนสัตว์
สำหรับ บริษัทซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้จดทะเบียนและจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดตามกฎหมายไทย เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2528 และได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดกับกระ ทรวงพาณิชย์ และได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2537 ทุนจดทะเบียน 3,109,552,040 บาท ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 7,995 ล้านบาท หนี้สินรวม 4,792 ล้านบาท รายได้รวม 1,406 ล้านบาท กำไร 62 ล้านบาท โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ ณ เลขที่ 99 ถนนปัญญาอินทรา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา
บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจหลักประเภทการท่องเที่ยวและสันทนาการในรูปสวนสัตว์เปิด สวนน้ำและ Theme Park ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ คือ ตระกูลคิ้วคชา ส่วนบริษัทย่อย คือ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต, บริษัท ซาฟารี ไวลด์ไลฟ์ ปาร์ค อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และบริษัท คาร์นิวัลเมจิก อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
กองไซเตส กรมอุทยานฯ ยืนยันซาฟารีเวิลด์ นำเข้ายีราฟ จากประเทศแอฟริกา ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย คาดเกิดจากยาซึมหมดในระหว่างการขนส่งมา จ.ปราจีนบุรี ชี้ไซเตส ขึ้นบัญชี 2 เพื่อควบคุมการค้า เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ุ
กรณียีราฟ 2 ตัวของสวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิลด์ หลุดจากกรงของรถที่ขนส่งมาที่สวนสัตว์แห่งใหม่ที่ จ.ปราจีนบุรี โดยเบื้องต้นสามารถจับยีราฟได้แล้ว 1 ตัว ส่วนอีก 1 ตัวกำลังตามหา ขณะที่มีรายงานวายีราฟ ล็อตนี้มีการขนส่งทางเครื่องบินมาจากประเทศแอฟริกาจำนวน 68 ตัว
วันนี้ (29 ม.ค.2563) ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์นายสมเกียรติ สุนทรพิทักษ์กุล ผอ.กองคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าทางบริษัทซาฟารีเวิลด์ มีการขออนุญาตนำเข้า และส่งออกยีราฟ มาจากประเทศแอฟริกาตามระเบียบของไซเตส อย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการขออนุญาตนำสัตว์ป่าจากต่างประเทศเข้ามาแสดงในสวนสัตว์เอกชน
กรณียีราฟหลุดในระหว่างการขนส่งมาจากเหตุสุดวิสัยของระบบการขนส่ง เบื้องต้นรับข้อมูลมาว่าเครื่องบินที่ขนส่งยีราฟมาเกิดดีเลย์ ทำให้ยีราฟที่ได้ยาซึมในระหว่างขนส่งระหว่างประเทศจนมาถึงไทย จนนำขนขึ้นรถบรรทุก เพื่อไปสวนสัตว์ที่ จ.ปราจีนบุรี เกิดการฟื้นตัวเร็วขึ้น ทำให้เลยหลุดออกจากกรง ซึ่งการรับผิดชอบตอนนี้ ถือเป็นทรัพย์สินของซาฟารีเวิลด์ หากสัตว์บาดเจ็บ หรือเกิดเหตุสุดวิสัยอื่นๆ
“เท่าที่ตรวจสอบการขออนุญาตนำเข้ายีราฟ จากแอฟริกา ทำอย่างถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายของไทย และของไซเตส แต่ไม่แน่ใจจำนวนกี่ตัว และเวลาที่ขอ เนื่องจากปี 2562 ไซเตส เพิ่งขึ้นบัญชียีราฟในบัญชี 2 เพื่อควบคุมการค้า การส่งออก”
เมื่อถามว่าที่ไซเตสขึ้นทะเบียนยีราฟ ในบัญชี 2 จะส่งผลต่อการค้าและการคุ้มครองหรือไม่ นายสมเกียรติ กล่าวว่า เหตุผลที่ไซเตส ขึ้นบัญชีเพื่อต้องการควบคุมการค้า และการส่งออกยีราฟไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการสูญพันธ์ุ ที่ผ่านมายีราฟ ยังไม่ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และยังไม่เคยเจอปัญหาการลักลอบล่า หรือค้าเหมือนกับสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ
“ยีราฟขนาดใหญ่ จะไม่ซื้อจากต่างประเทศเพราะต้องใช้เครื่องบินพิเศษ ค่าขนส่งมีราคาแพง ในไทยบางสวนสัตว์ ส่งยีราฟไปในสวนสัตว์ประเทศเพื่อนบ้าน ทางรถยนต์ เพราะยีราฟมีความน่ารัก เป็นตัวดึงดูดให้เด็กๆมาเที่ยว”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ยังหาวุ่น! ยีราฟหลุดกรงหนีเตลิดอีก 1 ตัว
ไซเตสขึ้นบัญชี 2 "ยีราฟ"
สำหรับการขึ้นทะเบียนยีราฟ ในบัญชี 2 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) เกิดขึ้นที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2562 เพื่อให้ปกป้องสายพันธุ์ยีราฟ ในฐานะสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นครั้งแรก หลังประชากรยีราฟในธรรมชาติเหลืออยู่ไม่ถึง 100,000 ตัว สำหรับสัตว์ในบัญชี 2 หมายถึงการเพิ่มการควบคุมการค้าขายชิ้นส่วนยีราฟ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อและกระดูก
การขึ้นทะเบียนครั้งนี้จะเป็นการคุ้มครองยีราฟทั่วโลก ทำให้การซื้อขายชิ้นส่วนยีราฟทั้งเนื้อ หนัง กระดูก จะต้องได้รับอนุญาต และต้องไม่ใช่ชิ้นส่วนที่ได้มาจากการลักลอบล่าสัตว์ นอกจากนี้ ประเทศผู้อนุญาตจะต้องตรวจสอบความสมดุลของประชากรยีราฟก่อนการอนุญาตให้ส่งออก โดยเฉพาะในแอฟริกาตะวันออก ตะวันตก และแอฟริกากลาง ประชากรยีราฟลดลงถึง 40% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จากสาเหตุถิ่นที่อยู่อาศัยน้อยลง มีการค้าขายชิ้นส่วนยีราฟ การถูกล่าเพื่อเอาเนื้อ การล่าเพื่อความบันเทิง
บ.ซาฟารีเวิลด์ กับธุรกิจสวนสัตว์
สำหรับ บริษัทซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้จดทะเบียนและจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดตามกฎหมายไทย เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2528 และได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดกับกระ ทรวงพาณิชย์ และได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2537 ทุนจดทะเบียน 3,109,552,040 บาท ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 7,995 ล้านบาท หนี้สินรวม 4,792 ล้านบาท รายได้รวม 1,406 ล้านบาท กำไร 62 ล้านบาท โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ ณ เลขที่ 99 ถนนปัญญาอินทรา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา
บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจหลักประเภทการท่องเที่ยวและสันทนาการในรูปสวนสัตว์เปิด สวนน้ำและ Theme Park ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ คือ ตระกูลคิ้วคชา ส่วนบริษัทย่อย คือ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต, บริษัท ซาฟารี ไวลด์ไลฟ์ ปาร์ค อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และบริษัท คาร์นิวัลเมจิก อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 19
ซาฟารีเวิลด์ ปิดบริการ 20-31 มี.ค.นี้
ซาฟารีเวิลด์ ปิดบริการ 20-31 มี.ค.นี้
20 มีนาคม 2563 264
เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ ปิดบริการชั่วคราวระหว่างวันที่ 20-31 มี.ค.
รายงานข่าวจาก "ซาฟารีเวิลด์" แจ้งว่า ได้สนับสนุนมาตรการป้องกันของรัฐบาลเพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในสถานที่ต่างๆ และการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซาฟารีเวิลด์ ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งความปลอดภัยของลูกค้าที่มาใช้บริการและพนักงานทุกคน จึงได้ปิดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 20- 31 มี.ค. 2563 โดยทุกท่านสามารถติดตามข่าวสาร ข่าวอัพเดทและกำหนดการเปิดให้บริการอีกครั้งได้ทาง www.facebook.com/safariworld.bangkok
ซาฟารีเวิลด์ ปิดบริการ 20-31 มี.ค.นี้
20 มีนาคม 2563 264
เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ ปิดบริการชั่วคราวระหว่างวันที่ 20-31 มี.ค.
รายงานข่าวจาก "ซาฟารีเวิลด์" แจ้งว่า ได้สนับสนุนมาตรการป้องกันของรัฐบาลเพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในสถานที่ต่างๆ และการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซาฟารีเวิลด์ ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งความปลอดภัยของลูกค้าที่มาใช้บริการและพนักงานทุกคน จึงได้ปิดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 20- 31 มี.ค. 2563 โดยทุกท่านสามารถติดตามข่าวสาร ข่าวอัพเดทและกำหนดการเปิดให้บริการอีกครั้งได้ทาง www.facebook.com/safariworld.bangkok
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 20
สวนสัตว์ ซาฟารีเวิลด์ กำลังเจอความท้าทาย /โดย ลงทุนแมน
ธุรกิจการบิน ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และอีกหลายธุรกิจ
กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของ Covid-19
แต่ตอนนี้เราต้องรวมธุรกิจสวนสัตว์เข้าไปด้วย เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติถือเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของธุรกิจนี้
ซึ่งตอนนี้ธุรกิจของซาฟารีเวิลด์กำลังเจอปัญหาอะไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ซาฟารีเวิลด์เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2531 หรือเมื่อ 32 ปีที่แล้ว ด้วยเป้าหมายหลักที่ต้องการสร้างสวนสัตว์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย
โดยปัจจุบัน ธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1) ธุรกิจสวนสัตว์ โดยซาฟารีเวิลด์เป็นสวนสัตว์เปิดแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นการให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมสัตว์ รวมทั้งการแสดงอื่นๆ เกี่ยวกับสัตว์ นอกเหนือจาก รายได้จากการขายอาหาร เครื่องดื่มและของที่ระลึกภายในสวนสัตว์
2) ธุรกิจการจัดแสดงละครขนาดใหญ่ในโรงละครของภูเก็ตแฟนตาซี โดยนำวัฒนธรรม ตำนานและวรรณคดีของไทยมาแสดงร่วมกัน ซึ่งเป้าหมายหลักคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีน ที่เดินทางมาเที่ยวที่ภูเก็ต
หลังจากที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2538 แต่ใครจะไปคิดว่ากว่า 1 ทศวรรษนับจากนั้นสิ่งที่ซาฟารีเวิลด์เจอนั้นต้องใช้คำว่า ท้าทายอย่างหนัก..
แล้วซาฟารีเวิลด์เจอสถานการณ์อะไรที่ท้าทายบ้าง?
ปี 2540 วิกฤติการเงินในเอเชีย
ปี 2546 การระบาดของโรค SARS
ปี 2547 การระบาดของไข้หวัดนก
ปี 2549-2550 การยึดอำนาจโดยคณะปฏิรูปการปกครอง
ซึ่งทุกเหตุการณ์ที่กล่าวมานั้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมทุกครั้ง และแน่นอนว่ารวมถึงซาฟารีเวิลด์ด้วย
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ทำให้ในช่วงระหว่างปี 2541-2549 ซาฟารีเวิลด์มีผลประกอบการขาดทุนทุกปี ทำให้สิ้นปี 2549 บริษัทมีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบกว่า 74 ล้านบาท
เรื่องนี้ทำให้หุ้นของบริษัทถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ในปี 2552 ซึ่งปัจจุบัน บริษัทยังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้หุ้น SAFARI กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งหนึ่ง
แต่หลังจากเจอเหตุการณ์เหล่านั้น บริษัทจึงมีการปรับปรุงผลการดำเนินงาน ปรับโครงสร้างทางการเงิน
โปรโมตแผนส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำการประชาสัมพันธ์ชักชวนลูกค้าทั้งรูปแบบบุคคลและบริษัทให้เข้ามาทำกิจกรรม สังสรรค์ ในพื้นที่ของซาฟารีเวิลด์มากขึ้น ทำให้ผลประกอบของบริษัทค่อยๆ ฟื้นตัว
รู้ไหมว่า หลังจากที่มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นจาก 1.2 ล้านคน ในปี 2559 เพิ่มมาอยู่ที่ 1.6 ล้านคน ในปี 2562 ทำให้ลูกค้าอินเดียถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของซาฟารีเวิลด์
จนคนที่ไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์ อาจเคยเห็นว่าหลายครั้งช่วงที่มีการแสดงโชว์ของสัตว์ จะมีเพลงอินเดียมาเปิดเพื่อสร้างความสนุกสนานให้แก่กลุ่มลูกค้าอินเดียที่มาเที่ยว
รายได้และกำไรของ บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)
ปี 2560 รายได้ 1,974 ล้านบาท กำไร 193 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 1,956 ล้านบาท กำไร 148 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 1,851 ล้านบาท กำไร 57 ล้านบาท
ปัจจุบัน รายได้ประมาณ 55% เป็นรายได้ที่เกิดจากสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ที่กรุงเทพฯ ขณะที่อีก 45% เป็นรายได้ที่เกิดจากการแสดงในโรงละครของภูเก็ตแฟนตาซี
ปีล่าสุดที่ผลประกอบการของบริษัทลดลง เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตแฟนตาซีลดลง และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
ขณะที่ปีนี้ซาฟารีเวิลด์เจอการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้บริษัทประกาศปิดให้บริการชั่วคราว ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์น่าจะกระทบกับบริษัท เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากรุงเทพฯ และภูเก็ต จะลดลง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บริษัทยังมีกำไรสะสมอยู่ในบริษัทอีกกว่า 813 ล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยให้บริษัทผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายตอนนี้ไปได้
แน่นอนว่านี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เหมือนกับหลายๆ ครั้งก่อนหน้านั้น ที่ซาฟารีเวิลด์เคยผ่านมันมาแล้ว
ซึ่งสุดท้ายแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย จนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาที่ซาฟารีเวิลด์มากขึ้น
วันนั้นสวนสัตว์แห่งนี้ก็คงจะไปเต็มไปด้วยความสุข
ความสนุกและเสียงหัวเราะ จากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เหมือนที่ผ่านมา..
----------------------
ธุรกิจการบิน ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และอีกหลายธุรกิจ
กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของ Covid-19
แต่ตอนนี้เราต้องรวมธุรกิจสวนสัตว์เข้าไปด้วย เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติถือเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของธุรกิจนี้
ซึ่งตอนนี้ธุรกิจของซาฟารีเวิลด์กำลังเจอปัญหาอะไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ซาฟารีเวิลด์เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2531 หรือเมื่อ 32 ปีที่แล้ว ด้วยเป้าหมายหลักที่ต้องการสร้างสวนสัตว์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย
โดยปัจจุบัน ธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1) ธุรกิจสวนสัตว์ โดยซาฟารีเวิลด์เป็นสวนสัตว์เปิดแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นการให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมสัตว์ รวมทั้งการแสดงอื่นๆ เกี่ยวกับสัตว์ นอกเหนือจาก รายได้จากการขายอาหาร เครื่องดื่มและของที่ระลึกภายในสวนสัตว์
2) ธุรกิจการจัดแสดงละครขนาดใหญ่ในโรงละครของภูเก็ตแฟนตาซี โดยนำวัฒนธรรม ตำนานและวรรณคดีของไทยมาแสดงร่วมกัน ซึ่งเป้าหมายหลักคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีน ที่เดินทางมาเที่ยวที่ภูเก็ต
หลังจากที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2538 แต่ใครจะไปคิดว่ากว่า 1 ทศวรรษนับจากนั้นสิ่งที่ซาฟารีเวิลด์เจอนั้นต้องใช้คำว่า ท้าทายอย่างหนัก..
แล้วซาฟารีเวิลด์เจอสถานการณ์อะไรที่ท้าทายบ้าง?
ปี 2540 วิกฤติการเงินในเอเชีย
ปี 2546 การระบาดของโรค SARS
ปี 2547 การระบาดของไข้หวัดนก
ปี 2549-2550 การยึดอำนาจโดยคณะปฏิรูปการปกครอง
ซึ่งทุกเหตุการณ์ที่กล่าวมานั้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมทุกครั้ง และแน่นอนว่ารวมถึงซาฟารีเวิลด์ด้วย
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ทำให้ในช่วงระหว่างปี 2541-2549 ซาฟารีเวิลด์มีผลประกอบการขาดทุนทุกปี ทำให้สิ้นปี 2549 บริษัทมีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบกว่า 74 ล้านบาท
เรื่องนี้ทำให้หุ้นของบริษัทถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ในปี 2552 ซึ่งปัจจุบัน บริษัทยังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้หุ้น SAFARI กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งหนึ่ง
แต่หลังจากเจอเหตุการณ์เหล่านั้น บริษัทจึงมีการปรับปรุงผลการดำเนินงาน ปรับโครงสร้างทางการเงิน
โปรโมตแผนส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำการประชาสัมพันธ์ชักชวนลูกค้าทั้งรูปแบบบุคคลและบริษัทให้เข้ามาทำกิจกรรม สังสรรค์ ในพื้นที่ของซาฟารีเวิลด์มากขึ้น ทำให้ผลประกอบของบริษัทค่อยๆ ฟื้นตัว
รู้ไหมว่า หลังจากที่มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นจาก 1.2 ล้านคน ในปี 2559 เพิ่มมาอยู่ที่ 1.6 ล้านคน ในปี 2562 ทำให้ลูกค้าอินเดียถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของซาฟารีเวิลด์
จนคนที่ไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์ อาจเคยเห็นว่าหลายครั้งช่วงที่มีการแสดงโชว์ของสัตว์ จะมีเพลงอินเดียมาเปิดเพื่อสร้างความสนุกสนานให้แก่กลุ่มลูกค้าอินเดียที่มาเที่ยว
รายได้และกำไรของ บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)
ปี 2560 รายได้ 1,974 ล้านบาท กำไร 193 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 1,956 ล้านบาท กำไร 148 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 1,851 ล้านบาท กำไร 57 ล้านบาท
ปัจจุบัน รายได้ประมาณ 55% เป็นรายได้ที่เกิดจากสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ที่กรุงเทพฯ ขณะที่อีก 45% เป็นรายได้ที่เกิดจากการแสดงในโรงละครของภูเก็ตแฟนตาซี
ปีล่าสุดที่ผลประกอบการของบริษัทลดลง เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตแฟนตาซีลดลง และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
ขณะที่ปีนี้ซาฟารีเวิลด์เจอการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้บริษัทประกาศปิดให้บริการชั่วคราว ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์น่าจะกระทบกับบริษัท เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากรุงเทพฯ และภูเก็ต จะลดลง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บริษัทยังมีกำไรสะสมอยู่ในบริษัทอีกกว่า 813 ล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยให้บริษัทผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายตอนนี้ไปได้
แน่นอนว่านี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เหมือนกับหลายๆ ครั้งก่อนหน้านั้น ที่ซาฟารีเวิลด์เคยผ่านมันมาแล้ว
ซึ่งสุดท้ายแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย จนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาที่ซาฟารีเวิลด์มากขึ้น
วันนั้นสวนสัตว์แห่งนี้ก็คงจะไปเต็มไปด้วยความสุข
ความสนุกและเสียงหัวเราะ จากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เหมือนที่ผ่านมา..
----------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 21
บอร์ดไฟเขียว ‘ซาฟารีเวิลด์-ภูเก็ตแฟนตาซี’ กู้เงินผู้ถือหุ้นใหญ่เติมสภาพคล่อง 200 ล.
วันที่ 29 ตุลาคม 2563 - 14:53 น.
บอร์ด “ซาฟารีเวิลด์-ภูเก็ตแฟนตาซี” อนุมัติกู้ยืมเงินผู้ถือหุ้นใหญ่ 200 ล้านบาท แก้ปัญหาขาดสภาพคล่องช่วงโควิด-19 รายละ 100 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 7.00% ต่อปี พร้อมอนุมัติจ่ายค่าธรรมเนียมที่ดินคํ้าประกันอัตรา 1.50% วงเงินรวม 24.63 ล้านบาท เพื่อขยายเวลาชำระหุ้นกู้ 5 รุ่นที่ครบกำหนดปี 2563 ออกไปอีก 1 ปี
นางอาภา คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAFARI แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 ต.ค.63 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทและบริษัทย่อย(ภูเก็ตแฟนตาซี) กู้ยืมเงินจาก “นางสาวอัมพรศรี คิ้วคชา” กรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ และกู้ยืมจากกรรมการและผู้บริหารอื่นในกลุ่มตระกูลคิ้วคชา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เพื่อใช้หมุนเวียนในกิจการของกลุ่มบริษัท ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ 1 ต.ค.63-30 ก.ย.64 ในวงเงินรวมไม่เกิน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทละไม่เกิน 100 ล้านบาท กําหนดอัตราดอกเบี้ย 7.00% ต่อปี ทั้งนี้ลักษณะของการกู้ยืมเงินบริษัทและบริษัทย่อยจะทยอยรับเงินกู้ตามความจําเป็นโดยตลอดระยะเวลาการกู้ยืมจะมีวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 200 ล้านบาท และจะชําระคืนเมื่อสามารถจัดหาแหล่งเงินจากแหล่งอื่นมาทดแทน หรือมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะชําระหนี้เงินต้นทั้งจํานวน หรือชําระคืนบางส่วน
นางอาภากล่าวว่า การกู้ยืมเงินจากกรรมการและผู้บริหารของบริษัท เป็นการแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทในภาวะฉุกเฉินจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งภูเก็ตแฟนตาซียังคงต้องปิดกิจการชั่วคราว เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตยังไม่ฟื้น รายได้จากการดําเนินงานของบริษัทเพียงแห่งเดียวไม่เพียงพอต่อรายจ่ายของทั้งกลุ่มบริษัท ประกอบกับการจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งกําหนดเป็นนโยบายที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่กิจการที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง บริษัทและบริษัทย่อยจึงจําเป็นต้องกู้ยืมจากกรรมการและผู้บริหารเพื่อใช้หมุนเวียนสภาพคล่องของกลุ่มบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายระยะเวลาครบกําหนดไถ่ถอนออกไปอีก 1 ปี จากเดิมครบกําหนดไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันของบริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จํากัด (มหาชน) ที่จะครบกำหนดในเดือน มิถุนายน-ธันวาคม 2563 จํานวน 5 รุ่น มูลค่ารวม 1,642.30 ล้านบาท ออกไปอีก 1ปี เป็นครบกําหนดไถ่ถอนในวันที่ 4 มิถุนายน 2564, วันที่ 24 กรกฎาคม 2564, วันที่ 6 กรกฎาคม 2564, วันที่ 7 สิงหาคม 2564 และวันที่ 11 ธันวาคม 2564 โดยได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทย่อยแล้ว
“หุ้นกู้ทั้ง 5 รุ่นนี้มีที่ดินว่างเปล่ากรรมสิทธิ์ของ บริษัท จังเกิลเวิลด์ จํากัด และบริษัท เบิร์ดเซอคัส จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน เพราะมีกรรมการและผู้บริหารของบริษัท เป็นกรรมการผู้มีอํานาจและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทดังกล่าวคํ้าประกันการชําระหนี้หุ้นกู้ โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใช้ที่ดินคํ้าประกันในอัตรา 1.50% ของวงเงินคํ้าประกันเป็นจํานวนเงินรวม 24.63 ล้านบาท” นางอาภากล่าว
วันที่ 29 ตุลาคม 2563 - 14:53 น.
บอร์ด “ซาฟารีเวิลด์-ภูเก็ตแฟนตาซี” อนุมัติกู้ยืมเงินผู้ถือหุ้นใหญ่ 200 ล้านบาท แก้ปัญหาขาดสภาพคล่องช่วงโควิด-19 รายละ 100 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 7.00% ต่อปี พร้อมอนุมัติจ่ายค่าธรรมเนียมที่ดินคํ้าประกันอัตรา 1.50% วงเงินรวม 24.63 ล้านบาท เพื่อขยายเวลาชำระหุ้นกู้ 5 รุ่นที่ครบกำหนดปี 2563 ออกไปอีก 1 ปี
นางอาภา คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAFARI แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 ต.ค.63 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทและบริษัทย่อย(ภูเก็ตแฟนตาซี) กู้ยืมเงินจาก “นางสาวอัมพรศรี คิ้วคชา” กรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ และกู้ยืมจากกรรมการและผู้บริหารอื่นในกลุ่มตระกูลคิ้วคชา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เพื่อใช้หมุนเวียนในกิจการของกลุ่มบริษัท ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ 1 ต.ค.63-30 ก.ย.64 ในวงเงินรวมไม่เกิน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทละไม่เกิน 100 ล้านบาท กําหนดอัตราดอกเบี้ย 7.00% ต่อปี ทั้งนี้ลักษณะของการกู้ยืมเงินบริษัทและบริษัทย่อยจะทยอยรับเงินกู้ตามความจําเป็นโดยตลอดระยะเวลาการกู้ยืมจะมีวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 200 ล้านบาท และจะชําระคืนเมื่อสามารถจัดหาแหล่งเงินจากแหล่งอื่นมาทดแทน หรือมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะชําระหนี้เงินต้นทั้งจํานวน หรือชําระคืนบางส่วน
นางอาภากล่าวว่า การกู้ยืมเงินจากกรรมการและผู้บริหารของบริษัท เป็นการแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทในภาวะฉุกเฉินจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งภูเก็ตแฟนตาซียังคงต้องปิดกิจการชั่วคราว เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตยังไม่ฟื้น รายได้จากการดําเนินงานของบริษัทเพียงแห่งเดียวไม่เพียงพอต่อรายจ่ายของทั้งกลุ่มบริษัท ประกอบกับการจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งกําหนดเป็นนโยบายที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่กิจการที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง บริษัทและบริษัทย่อยจึงจําเป็นต้องกู้ยืมจากกรรมการและผู้บริหารเพื่อใช้หมุนเวียนสภาพคล่องของกลุ่มบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายระยะเวลาครบกําหนดไถ่ถอนออกไปอีก 1 ปี จากเดิมครบกําหนดไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันของบริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จํากัด (มหาชน) ที่จะครบกำหนดในเดือน มิถุนายน-ธันวาคม 2563 จํานวน 5 รุ่น มูลค่ารวม 1,642.30 ล้านบาท ออกไปอีก 1ปี เป็นครบกําหนดไถ่ถอนในวันที่ 4 มิถุนายน 2564, วันที่ 24 กรกฎาคม 2564, วันที่ 6 กรกฎาคม 2564, วันที่ 7 สิงหาคม 2564 และวันที่ 11 ธันวาคม 2564 โดยได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทย่อยแล้ว
“หุ้นกู้ทั้ง 5 รุ่นนี้มีที่ดินว่างเปล่ากรรมสิทธิ์ของ บริษัท จังเกิลเวิลด์ จํากัด และบริษัท เบิร์ดเซอคัส จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน เพราะมีกรรมการและผู้บริหารของบริษัท เป็นกรรมการผู้มีอํานาจและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทดังกล่าวคํ้าประกันการชําระหนี้หุ้นกู้ โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใช้ที่ดินคํ้าประกันในอัตรา 1.50% ของวงเงินคํ้าประกันเป็นจํานวนเงินรวม 24.63 ล้านบาท” นางอาภากล่าว
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 22
“ซาฟารีเวิล์ด-ภูเก็ตแฟนตาซี” ผลประกอบการ ทรุดกว่า 1,000%
วันที่ 1 มีนาคม 2564 - 21:00 น.
“ซาฟารีเวิล์ด-ภูเก็ตแฟนตาซี” ผลประกอบการปี’63 ทรุดกว่า 1,000% ขาดทุนสุทธิ 657 ล้านบาท พิษ “โควิด-19” ทำนักท่องเที่ยวต่างชาติหายวับฉุดรายได้ฮวบ-หนี้สินพุ่ง
วันที่ 1 มีนาคม 2564 บริษัทซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAFARI แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า ผลประกอบการในปี 2563 กลุ่มบริษัทขาดทุนสุทธิจำนวน 657.14 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 56.73 ล้านบาท จำนวน 600.41 ล้านบาท หรือลดลง 1,058.36%
โดยเป็นผลขาดทุนของ SAFARI จำนวน 220.84 ล้านบาท และ ผลขาดทุนของบริษัทย่อย จำนวน 436.30 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อย (ภูเก็ตแฟนตาซี) ได้ปิดกิจการชั่วคราวตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.2563 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในปี 2563 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 471 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม 296.15 ล้านบาท รายได้จากการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 84.82 ล้านบาท และรายได้จากการดำเนินงานอื่น 90.02 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมลดลง 1,334.80 ล้านบาท หรือลดลง 73.92%
โดยมีสาเหตุมาจากการลดลงของจำนวนผู้เข้าใช้บริการกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ และ การเปลี่ยนไปตามแผนธุรกิจใหม่ ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงจากสถานการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อีกทั้งบริษัทต้องปิดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่19 มี.ค.2563 ถึงวันที่ 2 ก.ค.2563 และ ภูเก็ตแฟนตาซี ต้องปิดกิจการชั่วคราวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.2563 จนถึงปัจจุบัน
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนทางการเงิน เพิ่มขึ้น 74.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 53.89% เนื่องจากมีการเพิ่มขึ้นของหุ้นกู้ระยะสั้นและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน อีกทั้งยังมีการหยุดบันทึกดอกเบี้ยจ่ายเข้าเป็นต้นทุนในโครงการคาร์นิวัลเมจิกบางส่วนที่มีการหยุดระงับการก่อสร้างชั่วคราว ด้านหนี้สินของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น 22.46% ในปี 2563 อยู่ที่ 5,625.12 ล้นบาท
สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ 712.81 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2562 ที่มีจำนวน 4,069.69 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการคาร์นิวัลเมจิก และ เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นเพิ่มขึ้น 328.10 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการปรับใช้มาตรฐานบัญชีไทยฉบับที่ 16 (TFRS 16) ซึ่งมีการบันทึกหนี้สินตามสัญญาเช่า 42.72 ล้านบาท เข้ามาด้วย
ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563 บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องเท่ากับ 0.04 เท่า ลดลงจาก 0.11 เท่า ณ วันสิ้นปี 2562 โดยมีสาเหตุหลักมาจากหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จำนวน 1,150.93 ล้านบาท และเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลง เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานลดลง ส่งผลให้กระแสเงินสดลดลง เป็นสำคัญ ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 เท่า จากเดิม 1.16 เท่า
วันที่ 1 มีนาคม 2564 - 21:00 น.
“ซาฟารีเวิล์ด-ภูเก็ตแฟนตาซี” ผลประกอบการปี’63 ทรุดกว่า 1,000% ขาดทุนสุทธิ 657 ล้านบาท พิษ “โควิด-19” ทำนักท่องเที่ยวต่างชาติหายวับฉุดรายได้ฮวบ-หนี้สินพุ่ง
วันที่ 1 มีนาคม 2564 บริษัทซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAFARI แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า ผลประกอบการในปี 2563 กลุ่มบริษัทขาดทุนสุทธิจำนวน 657.14 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 56.73 ล้านบาท จำนวน 600.41 ล้านบาท หรือลดลง 1,058.36%
โดยเป็นผลขาดทุนของ SAFARI จำนวน 220.84 ล้านบาท และ ผลขาดทุนของบริษัทย่อย จำนวน 436.30 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อย (ภูเก็ตแฟนตาซี) ได้ปิดกิจการชั่วคราวตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.2563 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในปี 2563 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 471 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม 296.15 ล้านบาท รายได้จากการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 84.82 ล้านบาท และรายได้จากการดำเนินงานอื่น 90.02 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมลดลง 1,334.80 ล้านบาท หรือลดลง 73.92%
โดยมีสาเหตุมาจากการลดลงของจำนวนผู้เข้าใช้บริการกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ และ การเปลี่ยนไปตามแผนธุรกิจใหม่ ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงจากสถานการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อีกทั้งบริษัทต้องปิดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่19 มี.ค.2563 ถึงวันที่ 2 ก.ค.2563 และ ภูเก็ตแฟนตาซี ต้องปิดกิจการชั่วคราวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.2563 จนถึงปัจจุบัน
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนทางการเงิน เพิ่มขึ้น 74.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 53.89% เนื่องจากมีการเพิ่มขึ้นของหุ้นกู้ระยะสั้นและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน อีกทั้งยังมีการหยุดบันทึกดอกเบี้ยจ่ายเข้าเป็นต้นทุนในโครงการคาร์นิวัลเมจิกบางส่วนที่มีการหยุดระงับการก่อสร้างชั่วคราว ด้านหนี้สินของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น 22.46% ในปี 2563 อยู่ที่ 5,625.12 ล้นบาท
สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ 712.81 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2562 ที่มีจำนวน 4,069.69 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการคาร์นิวัลเมจิก และ เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นเพิ่มขึ้น 328.10 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการปรับใช้มาตรฐานบัญชีไทยฉบับที่ 16 (TFRS 16) ซึ่งมีการบันทึกหนี้สินตามสัญญาเช่า 42.72 ล้านบาท เข้ามาด้วย
ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563 บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องเท่ากับ 0.04 เท่า ลดลงจาก 0.11 เท่า ณ วันสิ้นปี 2562 โดยมีสาเหตุหลักมาจากหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จำนวน 1,150.93 ล้านบาท และเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลง เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานลดลง ส่งผลให้กระแสเงินสดลดลง เป็นสำคัญ ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 เท่า จากเดิม 1.16 เท่า
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: SAFARI
โพสต์ที่ 23
แบบสรุปผลการดำเนินงาน (F45)
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงิน
12 เดือน
ตรวจสอบ
สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม
ปี 2563 2562
กำไร (ขาดทุน) (655,606) 57,260
ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นข
องบริษัทใหญ่ *
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.228) 0.024
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต/เรื่องอื่น
หมายเหตุ
*สำหรับงบการเงินรวม
โปรดดูงบการเงินฉบับเต็มประกอบ ก่อนการตัดสินใจลงทุน
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นางอาภา คิ้วคชา )
กรรมการผู้จัดการใหญ่
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงิน
12 เดือน
ตรวจสอบ
สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม
ปี 2563 2562
กำไร (ขาดทุน) (655,606) 57,260
ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นข
องบริษัทใหญ่ *
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.228) 0.024
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต/เรื่องอื่น
หมายเหตุ
*สำหรับงบการเงินรวม
โปรดดูงบการเงินฉบับเต็มประกอบ ก่อนการตัดสินใจลงทุน
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นางอาภา คิ้วคชา )
กรรมการผู้จัดการใหญ่
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ