Money Talk@SET 24 ส.ค. 62
.
ช่วงที่ 1 “หุ้นเด่นต้องจับตา ไตรมาสสี่ ปี 62”
โดย "คุณบิ๊ก_iSalmon_ThaiVi"
**********************
1) คุณ ทรงพล ชัญมาตรกิจ / ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ไดเร็ค – (TVD)
2) คุณ ธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์/ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น – (BIG)
3) คุณ กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ / กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ – (ILM)
อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ และ นพ.ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ ดำเนินรายการ
**********************
**********************
หุ้นเด่นต้องจับตา ไตรมาส 4 ปี 621
.
ภาพรวมการดำเนินธุรกิจ
.
TVD
.
- TV Direct ขายสินค้า
ผ่านช่องทางที่หลากหลาย
ถ้ารู้ว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้
จะไม่ตั้งชื่อว่า TV Direct
.
ถ้าดูห้างที่เข้ามาจากต่างประเทศอยู่ได้ยาก
จะมีที่พอจะแข็งแรงก็อิเซตัน
แสดงให้เห็นว่าค้าปลีกไทยแข็งแกร่ง
และผู้บริโภคไทยก็มีลักษณะเฉพาะ
.
TV direct ก็อยู่มาได้ลักษณะนี้
มันไม่ได้ขึ้นกับเทคโนโลยี
แต่อยู่ที่เราจะสื่อสารกับลูกค้าอย่างไร
.
มีลูกค้าหลากหลาย
กลุ่มผู้สูงอายุที่ทำตัวเป็นเด็ก
กับ กลุ่มเด็กที่ทำตัวเป็นผู้สูงอายุ
Segment ไม่ได้อยู่ทีเพศ อายุ หรือภูมิภาค แต่อยู่ที lifestyle
.
สมัยนี้ก็จะมีใหม่ๆ เช่น
กลุ่ม new 40, LBGT
ก็มีกระบวนการอีกอย่าง
พฤติกรรมมนุษย์เปลี่ยนไป
ก็บริโภคสื่อเปลี่ยนไป
.
อย่างตอนนี้หนังสือพิมพ์ใครยังอ่านบ้าง?
หนังสือพิมพ์ที่ขายดีตอนนี้
ไม่น่าเชื่อคือ ตงฮั้ว มีคนรุ่นใหม่ที่อ่าน
.
ธุรกิจเราคือ
หาวิธีคุยกับลูกค้าให้ได้
ในบริบทที่ลูกค้าต้องการ
เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจโทรทัศน์
.
หรือตอนทำงบประมาณ
ก็ไม่รู้ว่าจะมีสถานีโทรทัศน์ปิดมากขนาดนี้
.
สิ่งต่างๆเปลี่ยนเร็วมาก
ทีวีจาก 6 ช่องเป็น 24 ช่อง เยอะมาก
ประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่นจะมีสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ 6 แห่ง
แต่ช่องย่อยๆ จะเป็น city tv เช่น โทรทัศน์กรุงเทพ, อุบลฯ
.
ถ้าหากมีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่อมก๋อย
ยิงโทรทัศน์ไปคนสุไหปาดีก็เห็น แต่ไม่มากิน
.
เรารู้ว่าปี 2030 ประชากรไทยจะติดลบ
ดังนั้นสถานีโทรทัศน์ควรมีน้อยกว่านี้
และถ้าต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วย
ก็ยิ่งทำให้ตัดสินใจง่ายว่าคืนช่องดีกว่า
ผลที่ตามมาคือ Supply ของ media หายไป
แต่ Density จะมากขึ้น
การวางแผนต่างๆจะโฟกัสได้ง่ายขึ้น
.
จึงทำให้เราเพิ่มงบประมาณในทีวีดาวเทียม
คนต่างจังหวัดใช้ทีวีดาวเทียมเยอะมาก
เรามี home shopping ทั้งหมด 12 ช่อง
และมีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม 12 ช่อง
.
บางอย่างล้มเหลวใน Q2
แต่มาประสบความสำเร็จ Q3
ค่อยเอามา roll out
ดังนั้นเราต้องทดสอบดู
อาจส่งผลกระทบกับผลดำเนินการบ้าง
กำลังซื้อของผู้บริโภคหายไป
ลูกค้าเราต่างจังหวัด 65%
เราก็ปรับขายของให้ถูกลง
ราคาต่อ order ลดลง แต่จำนวนชิ้นเพิ่มขึ้น
.
เดือน 7 คิดว่าทุกอย่างน่าจะต่ำสุดแล้ว
สำหรับทุกอุตสาหกรรม
อย่างค้าปลีกก็แย่ แต่เดือน 8 น่าจะดีขึ้น
ต้องดูว่าจะอยู่ได้ยั่งยืนแค่ไหน
.
ลูกค้าทีวีหลักๆคือ C+ รวมถึง B+ ด้วย
ไม่ได้กระทบกระเทือนด้านการเงิน
แต่กระทบด้านจิตใจ อารมณ์การจับจ่าย
.
ธุรกิจสุขภาพและความงาม
ใน Q2 มีออก 5 ตัว
Q3 10 ตัว และ Q4 21 ตัว ตามแผน
และเริ่มขายเต็มรูปแบบ Q1 2020
.
ช่องที่จะทำเฉพาะผู้หญิง
เป็น woman channel
จะมีแถลงข่าวอีกที
......................................
BIG
- เป็น solution provider ของการถ่ายภาพทั้งหมดให้กับผู้ใช้งาน
- ตั้งแต่ถ่ายภาพ/vdo ไปถึงพิมพ์ออกมา อยู่ในธุรกิจมาเกิน 40 ปี
- การถ่ายภาพเยอะขึ้น แต่ lifestyle จะแตกไปที่อุปกรณ์ไหน
- อย่างกล้องคอมแพ็คสมัยก่อนใช้กัน 80% จนมาถึงยุคสมาร์ทโฟนก็มีการทดแทน
ด้วยกล้องเปลี่ยนเลนส์ กล้องมือถือ กล้อง action camera
.
เราขยายสาขาใน shopping mall/hyper market
เชื่อว่า mall จะเป็น magnet
ที่ดึงให้คนเข้ามา มีทั้งหมด 220 สาขา
มีเพิ่ม line printing - wonder photoshop
.
เทคโนโลยีกล้องมือถือ
เรามองว่าเป็น gadget ที่เสริมกัน
ปัจจุบันกล้อง compact คนไม่ใช้แล้ว
ถ้าจะใช้ก็ quality สูงไปเลย
ตัวละ 3-4 หมื่นบาท
.
ปีที่ผ่านมาผลกระทบแบ่งเป็น 2 ส่วน
กำลังซื้อประชาชนลดลง
traffic เข้าศูนย์การค้าก็ลดลง
อีกส่วนคือ disruption
.
ช่วงที่ผ่านมากล้องมือถือก็ดีขึ้น
กล้องดิจิตอลก็ยังมีพัฒนาอยู่
ในครึ่งปีหลังก็จะมีออกมามากขึ้น
ในทุกประเทศกล้องที่อยู่ได้ต้องเป็น solution
ต้องการความรู้เชิงลึกให้กับลูกค้า
.
ตลาดที่ดีก็จะเป็นระดับบน เช่น
กล้อง Leica-Q ราคาเกือบสองแสน
นักเรียนมัธยมปลายพ่อแม่มาดู และซื้อสินค้า
.
แบรนด์หลักก็คือ Cannon,Sony,Fuji
ซึ่งก็จะขายดีตามสินค้าที่ออกมา
.
อย่างสมัยหนึ่งมีกระแส Selfie
ที่ Fuji ออกมาจับตลาดก็ขายดี
.
ปัจจุบันมือถือก็จะมาเน้นโปรโมต
การถ่ายภาพที่จริงจังมากขึ้น
ก็เป็นโอกาสให้กล้องพัฒนาสินค้า
มาตอบสนองเข้ามาในตลาด
.
ส่วน mirror less ยังขายดีเป็นสินค้าหลัก
เข้าใจง่ายๆ คือ กล้อง compact ที่เปลี่ยนเลนส์ได้
คุณภาพภาพถ่ายจากกล้องดีกว่ามือถือ
แต่ข้อเสีย คือ ผู้ใช้ต้องมีความรู้ในการถ่าย
ไม่เช่นนั้นจะได้ภาพดีน้อยกว่ามือถือ
..................................
ILM
- เข้าตลาดไม่ถึงเดือน
แต่อยู่ในอุตสาหกรรมกว่า 47 ปี
.
เริ่มตั้งแต่สมัยคุณพ่อ
ผลิตเฟอร์นิเจอร์เหล็กให้ยี่ปั๊วซาปั๊วต่างจังหวัด
และเริ่มทำ OEM
.
มีชาวต่างชาติเข้ามา
หลังเปิดประเทศขายดี
เริ่มเล็งเห็น OEM ไม่น่าจะรอด ในระยะยาว
จึงเริ่มต้นทำแบรนด์ index
ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง
เปลี่ยนวิกฤติในโอกาส
ได้ซื้อหลายที่มาในราคาถูก และก็ขายดี
.
ถัดมามองว่าถ้าเกาะไปกับห้าง
ก็อาจจะลำบาก
จึงเปิดเป็น index living mall
Stand alone เป็นหมื่นตารางเมตร
ต้อง disrupt ตัวเอง ในช่วงยังแข็งแรง
.
ผ่านมา 10 ปี ได้พิสูจน์ว่าสิ่งนี้ถูกต้อง
ไม่มีร้านเฟอร์นิเจอร์อยู่ในห้างแล้ว
เพราะจ่ายค่าเช่าไม่ไหว
เหมือนยอมแบกหินหนักตั้งแต่ช่วงแรก
.
ในยุคผมเป็นยุคดิจิตอล
2 ปีก่อนก็มาคิดว่าจะทำอย่างไร
ให้อยู่ในกระแสดิจิตอลได้
จึงหมายมั่นปั้นมือว่า...
"ยูนิค เฟอร์นิเจอร์สั่งตัด"
จะเป็นเรือธง ให้ธุรกิจอยู่รอดในอนาคต
.
ปัจจุบันคุณพ่อยังเป็น CEO ดูแลอยู่
แต่ก็มีลูกๆ เข้ามาบริหาร
.
มี stand alone 31แห่ง
ในห้าง 6 แห่ง รวมเป็น 37 แห่ง
Stand alone มีทั้งเช่าและซื้อที่
ที่เช่าที่ดินระยะยาว 30 ปี
.
ตลาดเฟอร์นิเจอร์ 5 หมื่นล้านบาท
มี share 20% แต่มียี่ปั๊วะซาปั๊วะนอกระบบ
จึงไม่แน่ใจว่ามีขนาดแค่ไหนแน่
.
ส่วนอิเกียเป็นเบอร์ 1 ของโลก มองว่าเป็นข้อดี
เมื่อ 7 ปีก่อนเข้ามาเปิดที่บางนา
กลายเป็นสาขาที่อยู่ใกล้เคียงขายดีขึ้นด้วย 10%
ยอดขายอิเกียเดือนละ 2-3 ร้อยล้านบาท
แต่ยอดขายเราไม่หายไป และโตขึ้นด้วย
.
คิดว่าทำให้ตลาดใหญ่ขึ้น
จากการทำให้คนตกแต่งบ้านมากขึ้น
ทำให้เม็ดเงินแทนที่จะไหลไปเสื้อผ้า ดูหนังสือ กินข้าว
มาใช้ตกแต่งบ้านมากขึ้น
.
ภาพลักษณ์ของอิเกียราคาถูกเพราะเป็นต่างประเทศ
ถ้ารวมค่าจัดส่งและค่าประกอบ
ราคาของ index ก็ไม่ได้แพงไปกว่ากัน
ซึ่งคนไทยไม่ชอบมาประกอบเอง
อย่างผู้สูงอายุก็ไม่ชอบ เราก็อาศัยบริการเป็นจุดแข็ง
.
บริษัทเรามีเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า และบริการเกี่ยวกับบ้าน
.
โดยระยะหลังเราเริ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์สั่งตัด
คือแบรนด์ยูนีค
เชื่อว่าเหมาะกับคนรุ่นใหม่
ที่ไม่อยากซ้ำใคร และ สภาพในห้องได้ตามที่ต้องการ
.
อย่างเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ
ที่เป็นภาพเสมือนหรือจำลอง
เป็นเทคโนโลยีช่วยขาย
.
ไม้พาร์ติเคิลบอร์ดเป็นป่าปลูก
ส่วนมากเป็นไม้ยางพารา
บ้านเรามีเยอะจากการโค่นยาง
ถือว่าเป็นการรักษ์โลกระดับหนึ่ง
มีการเอาเศษไม้มาอัดกาวประกอบเป็นแผ่น
ช่วงที่ยางพาราลง ก็มีคงโค่นเยอะ ราคาไม้ก็ถูก
.
ลูกค้าเราเป็นบ้านเก่า 50%
ตกแต่งบ้านเพิ่ม เช่น ซื้อตู้เพิ่ม บ้านใหม่ 50%
.
มาตรการต่ออายุอสังหาริมทรัพย์
คิดว่ามีผลกับบริษัทบ้าง
แต่ก็ไม่กระทบมาก
เพราะมีกระจายไปหลายธุรกิจ
คิดว่าผ่านไป 2-3 ไตรมาสก็อาจมีผล
หลังคอนโดต่างๆ สร้างเสร็จ
**********************
ผลประกอบการที่ผ่านมาและแนวโน้ม
..................
TVD
.
ครึ่งปีแรกได้กำไรนิดหน่อย
ราวล้านกว่าบาท แต่ยอดขายโต 15%
เป็นไปตามแผนที่เตรียมแก้ไว้
คือ จำนวนชิ้นเพิ่มขึ้น แต่ราคาต่อชิ้นลดลง
.
ในไตรมาส 3-4
มีหลายอย่างที่มีผลกระทบมากขึ้น
เช่น พฤติกรรมคนดูเปลี่ยนไป
เช่น ไม่ค่อยเปลี่ยนช่อง
กระบวนการขายสินค้าบนทีวีก็มีการเปลี่ยนด้วย
.
ดิจิตอลทีวีการแข่งขันสูง
อย่าง โฮมชอปปิ้งมี 7 ทีวีชอปปิ้งมี 4
สถานีโทรทัศน์ 6 แห่ง
ก็มีทั้งซื้อและแข่งขันกัน
.
ในทีวีดาวเทียม
มีเรทติ้งช่องทีวีชอปปิ้งสูงมากจนเราตกใจ
ก็มีการคุยกันในสมาคมฯ
ว่าจะทำอย่างไรให้เป็นรายการจริงๆ
.
สินค้าที่เตรียมไว้ในครึ่งปีหลังเริ่มออกดอกออกผล
เช่น ที่นอนใช้สปริงที่เป็นโฟม
เป็นเทคโนโลยีที่อยู่ใน 1st class ของ airbus
นอกจากนั้นก็มีเครื่องสำอางค์
.
มีเดียปิดไป 3 ช่อง
ยอดขายทางทีวีเพิ่มขึ้น
ซึ่งเรามีกระบวนการที่ปรับกับสถานี
มี infomercial กับ spot ที่เปลี่ยนไป ใกล้กับโฆษณา
และจะมีโชว์โฮสต์ที่เราจะรู้จักกันดี
และมีสินค้าใหม่อีก 3 ตัว
.
เรากำลังทำหลายๆเรื่องเพื่อเปลี่ยนแปลงองค์กร
ลูกน้องหลายคนไม่ได้ตัดสินใจบนความเก่งของตัวเอง
แต่ตัดสินใจบนพื้นฐานของ data
.
ผู้หญิงไทยนิยามคำว่าสวยอย่างไร?
ผอม ขาว หน้า V shape
แต่จากการทำ social listening 2 ไตรมาสที่ผ่านมา
Data กำลัง predict คำว่าสวยใม่ใช่ผอมอีกต่อไป
แต่มีเนื้อมีหนังมากขึ้น
.
หรือช่วงหนึ่งที่ผู้หญิงมาทำหน้าอกใหญ่กันหมด
พอใหญ่กันหมดก็เริ่มไม่เป็นเอกลักษณ์
ผู้ชายก็รู้แล้วว่าใหญ่แค่ไหนก็ได้
ก็ไม่ค่อยจำเป็นที่ต้องมาทำให้ใหญ่แข่งกัน
ประเด็นคือเรื่องพวกนี้ต้องพัฒนาคน ใช้เวลา
ผ่านมาปีกว่า ได้ 60% ของสิ่งที่อยากได้
.
อีกอย่างคือ Online media เริ่มชัดเจน
มีสินค้า 8 ตัวใช้ 8 ทีมทำ
เริ่มเห็นแล้วว่าวิธีการขายของแบบถูกต้อง
แบบฉบับมหาชนที่มี CG 5 ดาวต้องทำอย่างไร
ซึ่งต้องระมัดระวัง
.....................
BIG
.
ครึ่งปีแรกยอดขายตกลงเฉลี่ย 20%
น่าจะทรงประมาณนี้
แต่ปลายไตรมาส 3 จะมีสินค้าใหม่
ประกอบกับเป็นฤดูขายน่าจะดีขึ้น
ซึ่งเราปรับตัวในการจัดหาสินค้าหรือ solution เข้ามา
.
ปัจจุบันถ้าถามอาชีพในฝันของเด็กรุ่นใหม่
Top 5 จะบอกอยากเป็น youtuber,
influencer เป็น trend ที่มาแรง
.
ซึ่งช่องเหล่านั้นต้องใช้กล้อง VDO
มือถือถ่าย 4K ได้ยังมีน้อยมาก
เดี๋ยวนี้กล้องเริ่มต้นหมื่นกว่าบาทมีกันสั่นด้วย
.
อย่างการขายของออนไลน์
ที่ขายอาหารทะเลดังๆ
ก็กระตุ้นให้คนอยากทำเหมือนกัน
ซึ่งคุณภาพจากมือถือยังไม่ดี
เราก็มีขายขาตั้ง มีขาย solution
ที่จะถ่ายแล้วภาพคมชัดขึ้น
.
ผลกระทบต่างๆ คาดว่ายอดขายจะดีขึ้น
กำลังซื้อ -ปรับสินค้า ช่องทางการขาย
เทคโนโลยี - เราเป็นผู้ซื้อใหญ่อันดันต้นๆของโลก
มีการ feedback ให้กล้องใช้ง่ายขึ้น
คาดว่าปลาย Q3 จะเริ่มเห็นเข้ามา
.
ค่าเงินแข็งขึ้น-ผู้นำเข้าที่หิ้วเข้ามาขายมากขึ้น
ก็ส่งผลกระทบ
ปัจจุบันมีแบรนด์ที่ออกนโยบาย service
สำหรับสินค้าที่ขายในประเทศ
ถ้าหิ้วมาค่าใช้จ่ายในการซ่อมก็จะสูง
.
การแข่งขันผู้เล่นรายใหม่น่าจะเริ่มถอยออก
เพราะต้องใช้ความเป็น specialist เยอะ
.
รวมถึงออนไลน์
เราก็ได้ลองเข้าไปลองดู
ซึ่งตรงกับที่เราคิดว่า คนยังต้องการออฟไลน์
มีการลองมีการพูดคุยกัน
ซึ่งลูกค้าก็เลือกไป pickup ที่หน้าร้าน
.
พวกกล้อง CCTV, กล้องติดรถ
เป็นคนละแบบเราไม่ได้จำหน่าย เน้น lifestyle
.
ปัจจุบันกล้องสามารถใช้ ai จับโฟกัสที่ตาได้
ลิงค์เข้ามือถือผ่าน wifi ได้
................................
ILM
.
ผลประกอบการเทียบปีก่อนกำไรเติบโตขึ้น
ทั้ง yoy และ qoq
ยอดขายค่อนข้างทรงตัว
อัตรากำไร 45% สูงสุดใน industry
.
เรามี SG&A ค่อนข้างสูง
ในอนาคต Q3-4 จะโฟกัสในการตัดลดค่าใช้จ่าย
จะทยอยลดลงไปเรื่อย
ยอดขายมองว่าจะเพิ่มได้ยากในสถานการณ์นี้
.
IPO ได้เงิน 200 ล้านบาท
จะลด size ลง และลดการขยายสาขาเพราะครอบคลุมแล้ว
.
เงินบางส่วนจะไปขยาย winner furniture center
เจาะหัวเมืองชั้น 3 และอำเภอขนาดใหญ่
เข้าไปสู่ผู้บริโภคที่กำลังซื้อต่ำ
ใช้แบรนด์รอง ขนาดย่อมเยา
จะทำให้เปิดได้หลายสาขาขึ้น
.
กำลังทดลอง model
เพิ่งเปิดเมื่อวานที่ราชบุรี
size ขนาดกลาง ราว 1700 ตร.ม.
ได้ผลตอบรับค่อนข้างดี
ถ้าประสบความสำเร็จก็เตรียมที่จะ roll out
.
อีกส่วนจะขยาย ยูนีค
เฟอร์นิเจอร์สั่งตัด จะ disrupt วงการ built in
.
คอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเยอะ
ขนาดเล็ก เหมือนไปจ้างผู้รับเหมา
อยากได้ขนาด/สี/เปลี่ยนอย่างไรก็ได้ ให้เข้ากับขนาด
ซึ่งถ้าจ้างผู้รับเหมามี plain point เดิม
เช่น ทิ้งงาน มีค่าใช้จ่ายต่างๆ
เอาแปลนมาให้ หรือให้ดีไซนเนอร์ไปวัดที่ห้องให้
และออกแบบให้มีภาพ 3D ให้ดู
เราคิดเงินแค่ค่าเดินทาง
ซึ่งถ้าตัดสินใจซื้อจะเอามาหักลบค่าสินค้าได้
.
การเติบโตค่อนข้างดี
เทียบกับครึ่งปีก่อน โต 85%
คาดว่าปีนี้โตไม่น้อยกว่า 50-60%
อัตรากำไรก็ดี เพราะสินค้า ready made
ต้องเก็บ stock เต็มคลัง
.
แต่พอสั่งตัดเราเก็บ material
ก็ไม่ต้องมี inventory
ประหยัดดอกเบี้ย ค่าคลังสินค้าได้
ไม่ต้องใช้ shop ขนาดใหญ่มาก
และเสียพื้นที่เช่าน้อยลง
.
1-2 ปีนี้เราเน้นจัดหลังบ้าน
ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตัดสินค้าที่ขายไม่ดี
และ customization มากขึ้น
.
และจะปั้น customized furniture
และ ร้าน winner ขนาดเล็ก
คิดว่าจะเป็น engine สำคัญ
ให้เติบโตใน 3-5 ปีข้างหน้า
.
ออนไลน์เป็นสิ่งที่เราจับตามองเหมือนกัน
ก็มีเปิด chat to shop
มีขายผ่าน lazada,shoppee
.
ซึ่งเราก็เติบโตผ่านช่องทางนี้กว่า 200%
โดยเราก็ไม่คิดว่าจะขายดีผ่านทางนี้
มีลูกค้าบางกลุ่มที่ตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องไปที่ shop
ออนไลน์ ถ้ามองว่าเป็นอุปสรรค์ก็ใช่ ถ้ามองว่าเป็นโอกาสก็ใช่
*************************
ปิดท้าย
.
การลงทุนมีความเสี่ยง
ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
มีโอกาสทั้งกำไรและขาดทุน
เงินของท่านต้องตัดสินใจเอง
ทางรายการมีหน้าที่ให้ข้อมูล
MoneyTalk@SET 24 Aug 2562 หุ้นเด่นต้องจับตา ไตรมาสสี่ ปี 62 และ ลงทุนต่างประเทศยังทันไหม
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: MoneyTalk@SET 24 Aug 2562 หุ้นเด่นต้องจับตา ไตรมาสสี่ ปี 62 และ ลงทุนต่างประเทศยังทันไหม
โพสต์ที่ 2
ช่วงที่ 2_ลงทุนหุ้นต่างประเทศยังทันไหม?
ทำไม ? อย่างไร ? ที่ไหน ? ควรหรือไม่ ?
โดย พี่อมร
****************************
1. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร / ผู้เชี่ยวชาญหุ้น
2. คุณ กัลชุญา ศุขเทวา หรือ คุณอุ๋ม / ผู้เชี่ยวชาญหุ้นเวียดนาม
3. คุณ ชาย มโนภาส / นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า ( ประเทศไทย )
4. คุณ กิตติศักดิ์ โภคา หรือ คุณเบส / เจ้าของ Page ลงทุนศาสตร์
.
ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
..................................
เริ่มด้วย กลอนจากอาจารย์เสน่ห์
.
“ เรื่องสงคราม การค้า พาระทึก
ยามจบศึก ตอบโต้กัน มันเรื่องใหญ่
เกาะฮ่องกง เกาลูน วุ่นวายใจ
เศรษฐกิจ กระทบใหญ่ เอาไงดี
.
เรื่องอังกฤษ เรื่อง Brexit ปิดดีลยาก
อาจแยกจาก แบบโนดีล คิวถึงที่
โดนัลด์ทรัมป์ ทำแต่เรื่อง ขุ่นเคืองมี
โลกใบนี้ มีปัจจัย ให้ตื่นกลัว
.
หากจะคิด ลงทุน หุ้นต่างประเทศ
จะเซย์เยส เซยโน โอ้ปวดหัว
ลงที่ไหน ลงอย่างไร ให้มันชัวร์
ลงเป็นตัว หรือกองทุน หุ้นนอกไทย
.
กัลชุยา ศุขเทวา สาวน่ารัก
ชำนาญนัก หุ้นเวียดนาม คำตอบให้
ประสบการณ์ อินเตอร์ เจออะไร
แชร์จากใจ ไอบีอุ๋ม ลุ่มลึกจริง
.
นายกไทย วีไอ ใจสมาร์ท
เขาคือชาย มโนภาส มาดนิ่งนิ่ง
รู้หุ้นเทศ หุ้นไทย ได้อ้างอิง
ไม่เคยทิ้ง หลักธรรมะ สัจธรรม
.
เจ้าของเพจ ลงทุนศาสตร์ ประกาศกล้า
กิตติศักดิ์ โภคา ผู้ชองช่ำ
เภสัชกร นักลงทุน หุ้นประจำ
ผู้แนะนำ ผู้เขียนเพจ อย่างเกรดเอ
.
เขา(ดร นิเวศน์) ช่วงนี้ ตอกย้ำ กำเงินสด
พร้อมยืดหด เหมือนหัวเต่า เขาไม่เขว
รักหุ้นไทย ไลค์หุ้นนอก บอกทั้งเพ
ดร.นิเวศน์ เซียนตัวเอ้ เจ้าวีไอ “
..............................
คำจำกัดความเรื่องลงทุนต่างประเทศ คืออะไร
.
อ เสน่ห์_ดูแนวโน้มของสัมมนาว่าจะเกี่ยวกับเวียดนาม
เพราะ บล ทรีนิตี้เป็นสปอนเซอร์
.........
อ.ดร.ไพบูลย์_เวลาลงต่างประเทศ ต้องคิดให้ดี
การลงทุนต่างประเทศ อาจไม่เหมาะกับทุกคน
.........
อ.ดร.นิเวศน์
.
ลงทุนในเวียดนามเร็วไปหน่อย
ลงทุนสามปี ผลตอบแทนเป็นบวก
แต่น้อยกว่าเมืองไทย
.
ใครที่ไปลงทุนปัจจุบันนี้ จะได้ผลตอบแทนดีกว่า
เราไปตอนนั้น หุ้นขึ้นค่อนข้างแรง(ซื้อแพง)
ไปตอนนี้ได้โอกาส ลงทุนหุ้นราคาถูก
.
สาเหตุที่ลงทุนในต่างประเทศเพราะ
1.ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
2.อยากได้ผลตอบแทนที่ดี
ตลาดหุ้นเวียดนามโดดเด่นสุดในตอนนั้น
ภาพใหญ่ดีมาก ตัวเลขทางเศรษฐกิจทุกตัว
เติบโตแน่นอนอย่างน้อย 20 ปี
ต้องรีบไปลงทุน เพราะกลัวว่าช้าไปจะตกรถ
.
ส่วนหนึ่งที่ผลตอบแทนบวกน้อย
เพราะค่าเงินบาทแข็งไป 10% กว่า
ในช่วง 3 - 4 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ผลตอบแทนไม่ดี
แต่ได้เรียนรู้ ได้รู้จักหุ้น เลือกหุ้นเป็นรายตัว
ซึ่งเป็นเรื่องดีอาจนำเราไปสู่สิ่งดีๆในอนาคต
.
เดี๋ยวลองฟังข้อมูลจากคุณอุ๋ม
กองทุน SSI-SCA ที่ไปลงทุนในหุ้นเวียดนาม
ที่เปิดไปเมื่อเดือนที่แล้ว ผลตอบแทนขึ้นมาพอสมควร
.
ดร นิเวศน์ ลงทุนในต่างประเทศ 10%
........................
คุณชาย มโนภาส
.
ในแง่วิชาการ เราควรลงทุนในต่างประเทศ
เพราะเป็นการกระจายความเสี่ยง
.
แต่สำหรับผม สถานการณ์ของการลงทุน
ที่เกิดในต่างประเทศ ในตลาดเกิดใหม่ เช่นไทย จะเกิดตาม
.
ตัวอย่าง เช่น Home depot ซึ่งประสบความสำเร็จในสหรัฐ
บริษัท โฮมโปร ในไทย ก็จะคล้ายกับ Home depot
.
ถ้าเราเข้าใจการเติบโตของ Home depot
จะเข้าใจการเติบโตของโฮมโปรในอนาคต
.
ทำให้ผมสนใจลงทุนในหุ้นต่างประเทศ
ซึ่งบางอุตสาหกรรมไม่มีเปิดในไทย เช่น Luxury
.
จีนมีอำนาจใช้จ่ายสูงในอนาคต
ดูจากห้างพารากอน ร้าน Channel, Hamez
ลูกค้าหลักๆที่มาซื้อของ คือ คนจีน
แต่ประเทศไทยไม่มี segment นี้
.
PTTOR จะเข้าตลาด
ถ้าเราศึกษา ร้าน Starbucks
จะเข้าใจธุรกิจของเครื่องดื่ม Amazon
.
การกระจายความเสี่ยงขึ้นกับความรู้ของแต่ละคน
ผมมีเวลาศึกษาการลงทุนมาก เพราะไม่มีบุตร
.
การลงทุนในตลาดหุ้น
ทุกสถานการณ์มีโอกาสตลอด
.
ปี 2008 ดัชนีดาวโจนส์
ตกลง เหลือ 6,000 จุด จาก 10,000 จุด
แต่ก็มีหุ้นบางตัวยังบวกอยู่ เช่น
ร้าน Dollar Tree และอีกหลายร้าน
ที่ขายของจำเป็น ราคาหุ้นยังเป็นบวก
.
ขึ้นกับความรู้ของนักลงทุนแต่ละคน
ตอนนี้ตลาดหุ้นที่ราคาถูก
ได้แก่ ตลาดหุ้นตุรกี และ ตลาดหุ้นรัสเซีย
เงินปันผลของตลาดหุ้นรัสเซีย
คิดเป็น 6%กว่า แต่ค่าเงิน Ruble ลดค่าลงครึ่งนึง
ตลาดหุ้นตุรกี ก็น่าสนใจ ราคาไม่แพง
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐ จัดว่าราคาแพง
รวมถึง ตลาดหุ้นเดนมาร์ค PE 20 เท่า ก็ถือว่าแพง
เพราะช่วงนี้ตลาดเป็นขาขึ้น
.
แต่ถามว่ายังมีโอกาสอยู่ไหม? ก็ยังมี
เช่น สวิสเซอร์แลนด์ ตลาดหุ้นไม่แพง
ค่าเงินค่อนข้างเสถียร
แต่ต้องถามตัวเองว่าเรามีความพร้อมไหม?
.
สำหรับการลงทุนหุ้นต่างประเทศของ คุณชาย
จะลงในตลาดหุ้นเอเชีย
อาจารย์ ของ คุณชายเคยสอนเกี่ยวกับ
ระยะทาง ทางด้านจิตใจ ( Cyclic distance )
เช่น ถ้าพูดถึง ร้านค้าปลีก 7-11, Family mart ที่ญี่ปุ่น
จะเข้าใจ นึกออกหมด เรามีความคุ้นเคย
เราสามารถเข้าใจความสามารถในการแข่งขันของแบรนด์
.
ถ้าเราอยากเลือกประเทศที่จะไปลงทุน
ควรศึกษา ล่วงหน้า 2-3 ปี
.
เลือกประเทศที่คุ้นเคยเป็นวิธีแรก
แต่วิธีที่สอง Vertical market
เลือกอุตสาหกรรมที่คุ้นเคยในไทย
และไปศึกษาอุตสาหกรรมทั่วโลก
เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์
เป็นการดูในระดับไมโครมากกว่าการดูในระดับแมคโคร หรือ ระดับประเทศ
.
ไมเคิล อี พอร์ตเตอร์ ซึ่งเก่งในเรื่อง
competitive advantage
ได้พูดถึง Diamond model
คือการวิเคราะห์ความสำคัญระดับประเทศ
หรือ ดูความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
.
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประชากรน้อยกว่าไทย
แค่ 9 ล้านคน แต่มูลค่าการส่งออก และGDP สูงกว่าไทย
.
เมื่อก่อน ลงทุนในหุ้นต่างประเทศรายตัว
แต่เสียเวลามาก ช่วงหลังมาเลยลงทุนผ่านกองทุนรวม
.
คุณชาย ลงทุนในต่างประเทศไม่ถึง 10%
................................
คุณกิตติศักดิ์ (คุณเบส)_ตัวแทนคนรุ่นใหม่
.
ผู้ซึ่งรู้จักเรื่องการลงทุน และ เรื่องเกี่ยวกับยาเป็นอย่างดี
มีโรงงานผลิตยาด้วย
.
การไปลงทุนต่างประเทศของคุณเบส
ได้ลงทุนในประเทศสหรัฐ เวียดนาม ศรีลังกา จีน ฟิลิปปินส์
และ ลงทุนในกองทุนรวมอินเดีย
เพราะที่อินเดียคนต่างชาติไม่สามารถลงทุนในหุ้นโดยตรงได้
.
แต่ตัดศรีลังกาไปแล้ว เนื่องจากข้อจำกัดของโบรกเกอร์
.
เอารายชื่อโบรกเกอร์มาดูแต่ละประเทศ
ชอบอุตสาหกรรมอาหาร
.
ศึกษาและลงทุนในแต่ละประเทศ
เพราะหาหุ้นที่ลงทุนในไทยไม่ได้
เรามีเงินสด เลยไปดูหุ้นต่างประเทศ
คิดรอบคอบ valuation น่าสนใจ เลยลงทุนไป
.
ไม่ได้ดูสัดส่วนที่ลงทุนในประเทศ และ ต่างประเทศ
เราไม่โฟกัสว่าลงในแต่ละที่กี่ %
.
ลงทุนหุ้นรายตัว
ยกเว้น ตลาดหุ้นอินเดีย ต้องซื้อผ่านกองทุนรวม
.
ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ก็ศึกษาข้อมูล แต่ไม่เจอหุ้นที่พอใจ
.
เวลาลงทุนต้องแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศ
แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละประเทศ มีความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน
แต่ถ้าเป็นหุ้นที่มีความสามารถในการแข่งขัน ค่าเงินคงไม่ผันผวนมาก
.
ซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ผ่านโบรกเกอร์ในเมืองไทย
เลือกโบรกเกอร์ โดยดูจากค่าใช้จ่าย
เช่น ค่าธรรมเนียมต่างๆ แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน
.
การลงทุนหุ้นรายตัวและกองทุน มีความแตกต่าง
1.ความรู้ ถ้าเราไม่มีความรู้ในหุ้น ก็ควรลงในกองทุนรวม
2.ไม่มีเวลาติดตาม ก็ให้ลงกองทุนรวม
3.ความชอบ ถ้าไม่ชอบ หรือ ลงทุนหุ้นเอง แล้วไม่มีความสุข
ให้ลงทุนผ่านกองทุนรวม
.
ผมมีความรู้สึกเป็นเจ้าของกิจการ เมื่อลงทุนในหุ้น
ดังนั้นจึงลงทุนในหุ้นโดยตรง
.
เวลาไปลงทุน ต้องบินไปดูที่ประเทศที่สนใจ
คุยกับคนในประเทศนั้นๆ
โดยเฉพาะเวียดนาม
.
ที่ข่าวภาษาอังกฤษ กว่าจะมาถึงเรา
ก็ล่าช้าไป 3 วัน ซึ่งก็ไม่ทันการแล้ว
.
ต้องพยายามคุยกับคนเวียดนาม
เพื่อให้ทันกับข่าวของบริษัทในเวียดนาม
รวมถึง ต้องถามเรื่องธรรมมาภิบาล
มีบริษัทที่ดี ไว้ใจได้ จึงน่าลงทุน
.
คุณเบสลงทุน หุ้นไทย 60% และ หุ้นต่างประเทศ 40%
...........................
อ ไพบูลย์ บอกว่า อ นิเวศน์ มีอยู่ครั้งนึง บริษัทที่ดร ลงทุนซึ่งเป็น 1 ใน 150 ตัวของport
เจ็งแต่ไม่รู้มาก่อน แต่บางบริษัทขึ้นมา 4 เท่าโดยไม่รู้สาเหตุ
ดังนั้นตอนหลังพยายามซื้อหุ้นที่ปันผล ได้ปันผลก็ไปซื้อหุ้นต่อ
ผมคัดเลือกหุ้นที่ถูกมากๆ และ market cap > 500 ลบ
เวลาเข้าลงทุนจะเป็นหุ้นตัวเล็ก เลยกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
แต่ปันผลดี 10% เวลาราคาลงก็แรง จะออกก็ยาก เพราะสภาพคล่องไม่มี
เราลงทุนหุ้นเวียดนามแบบลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม ระดับประเทศ
ครั้งแรก ลงทุนตามงานวิจัย Magic Formula ไม่ต้องเลือกหุ้น
และช่วงนั้นไม่มีกองทุนรวมหุ้นเวียดนามให้ลงทุนด้วย เลยไปซื้อหุ้นรายตัว
จริงๆถ้าใจเย็นกว่านี้ ไม่รีบซื้อหุ้น ก็จะได้ผลตอบแทนดีกว่าตอนนี้
คุณอุ๋มเคยเป็น Investment Banker ที่สหรัฐและสิงคโปร์มาก่อน
เป็นผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้นเวียดนาม
กองที่เสนอขาย มี บล ทรีนีตี้ เป็น เอเยนต์กองทุนเวียดนามรายเดียวในไทย
คุณอุ๋มบอกว่า ปกติลงทุนในหุ้นเวียดนามอยู่แล้ว ศึกษาอย่างลึกซึ้ง
เจอกองทุนที่น่าสนใจในเวียดนาม ซึ่งเป็นกองทุนที่บริหารโดยคนเวียดนาม
เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นในเวียดนาม ก็สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมได้
เวียดนามมีกฎ ให้คนต่างชาติถือหุ้นในแต่ละบริษัทไม่เกิน49% เหมือนไทยสมัยก่อน
ถ้าซื้อจนเต็ม และต้องการจะซื้อเพิ่มอีก ก็ต้องซื้อในราคาpremium หรือซื้อในราคาเพิ่มอีก
30-50% กองทุนนี้สัญชาติเวียดนาม เลยไม่ต้องเสียค่าpremium และบริหารโดยคนเวียดนาม
ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกองทุนจะเข้าใจข่าวสารที่เป็นภาษาเวียดนามเป็นอย่างดี
มีความได้เปรียบของการลงทุน
ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน มีมาลงทุน FDI ที่เวียดนามเยอะ
รวมถึง จีน สิงคโปร์ และ ไทย เช่น ปูนซีเมนต์ ,ThaiBev, ซีพี ก็เข้าไปลงทุนนานแล้ว
การส่งออกของเวียดนามเติบโตมาตลอดทั้งไตรมาส1,2 ปี2019 เมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่และตลาดที่พัฒนาแล้ว
ส่งออกติดลบ
GDP ยังโตดี 6.8% (Q1) , 6.7% (Q2)
ฟิลิปปินส์ ก็น่าสนใจ อีก10ปีตามหลังเวียดนามทัน
กองทุน SSI-SCA เป็นกองทุนสัญชาติเวียดนาม ได้เปรียบต่างชาติทั้งสถาบันและรายย่อย
ถือหุ้นประมาณ 24 ตัว ส่วนเบสถือหุ้นเวียดนาม 5 ตัว
ขนาดกองทุน 20ล้านเหรียญ หรือ 700 ล้านบาท ซึ่งไม่ควรใหญ่ ทำให้เข้าออกได้ง่ายขึ้น
กองนี้ เกาหลี High net worth ก็มาลงทุนกองนี้ด้วย
ถาม คุณอุ๋มต่อว่า จะซื้อกองทุนนี้ต้องทำอย่างไร
ตอบ มีบูทอยู่ข้างนอก สำหรับผู้ชมทางบ้าน ติดต่อที่ บล ทรีนีตี้ เปิดบัญชี และ 1 วันก็ซื้อได้เลย
ขั้นต่ำ 100,000 บาท ขายและนำกำไรกลับในปีถัดไป จะไม่เสียภาษี
แต่มีความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน
อ นิเวศน์ บอกว่า ซื้อตอนนี้ที่ค่าเงินบาทแข็งมาก มีโอกาสค่าเงินบาทอ่อนในอนาคต ตอนนี้เป็นประโยชน์
มากถ้าลงทุนซื้อในต่างประเทศ ถึงแม้ค่าเงินไม่เปลี่ยนแปลง ก็ได้กำไรจากหลักทรัพย์ที่ซื้อ
อ เล่าต่อว่า ช่วง3ปีก่อน ดัชนีSETไม่ไปไหน ก็เลยแบ่งเงินส่วนนึงไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
มองว่าเวียดนาม เป็น Little china และ อเมริกาหนุนเวียดนามเต็มที่
จีนต้องย้ายโรงงานไปเวียดนาม ซึ่ง ไม่น่ากระทบจากสงครามการค้า
พื้นฐานการโตของเวียดนามจะเหมือนกับจีน ซึ่งเวียดนามตามหลังจีนมา 20 ปี เปลี่ยนจากคอมมิวนิสต์
เป็น Capitalist มีความสามารถการแข่งขันดีสุด เทียบกับฟิลิปปินส์ โตจากการบริโภคในประเทศ
แต่ส่งออกสู้เวียดนามไม่ได้
เวียดนาม เติบโตจากการส่งออกที่ดี แต่ก็ลงทุนไป 150 บริษัทแล้ว ไม่สามารถลงเพิ่มอีก
การลงทุนในกองที่คุณอุ๋มเสนอ ก็ติดปัญหาการนำเงินเข้ามาจากเวียดนามก่อน จึงลงทุนได้
ดังนั้นถ้ามีโอกาสให้เลือกว่าลงทุนเมื่อ3ปีก่อน หรือ ลงทุนในกองคุณอุ๋ม อ นิเวศน์บอกว่า
ลงทุนตอนนี้ดีกว่า
คุณเบสลงทุนจำนวนหุ้น 5 ตัวที่เวียดนาม ถือไม่เยอะเพราะสภาพคล่องน้อย แต่ถ้ารวมทุกประเทศ 10 ตัว
คุณชาย บอกว่าไม่มั่นใจสถานการณ์ตลาดโลก เลยไม่ได้ถือหุ้นต่างประเทศ แต่ถือผ่านกองทุนรวมแทน
ตอนนี้ค่าเงินปอนด์เหลือ 37 บาท ส่วนค่าเงินยูโร เหรียญละ 34 บาท
ตลาดหุ้นอินโด ตอนนี้ 6,000 จุด ขึ้นจากการอัสดงจาก 250 จุด แต่ค่าเงินอ่อนมาก all time low
1บาท จาก 100 รูเปี๊ย ตอนนี้แลกได้ 400 รูเปี๊ย
ดังนั้นหุ้นไทยเทียบเป็น$ ถือว่าดีมาก รวมเงินปันผล
หุ้นUSที่performดีสุด ใน DJ,S&P,Nasdaq หุ้นที่performดีสุดขึ้นมา 250เท่าหรือเด้ง
เป็นหุ้นฟาร์มา กับ ไบโอเทค แต่อันดับสาม ค้าปลีกเครื่องสำอาง 70เด้ง
หุ้น apple , Microsoft , googleไม่ติดโผ เทียบกับ รูรูเลมอน ที่ทำเสื่อโยคะ หรือ โดมิโน่พิซ่า ก็performanceดี
เทียบกับ หุ้นไทย Hmpro ขึ้น40เท่า ตลาดหุ้นไทยไม่มีหุ้นไหนขึ้นเกิน 40 เท่า
ถ้าสนใจอุตสาหกรรมยานยนต์ ในไทยเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน แต่ต่างประเทศ บริษัทในตลาดเป็นเจ้าของแบรนด์
เช่น รถแบรนด์เฟอรารี่ ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะราคา แต่ซื้อเพราะmaintain สถานภาพทางสังคม
ดังนั้นมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ในการลงทุนต่างประเทศ
ดังนั้นการลงทุนในไทยก็ยังได้ แต่ต้องมีความรู้พอสมควร ความเข้าใจในธุรกิจและอุตสาหกรรม ก็ได้ผลตอบแทนดีได้
คุณเบส ชอบลงทุนหุ้นรายตัว
คุณอุ๋ม ก่อนหน้าไปซื้อหุ้นที่มีpremiumไปแล้ว แต่ก็ยังน่าสนใจ
น่าสนใจลงทุน
หุ้นที่premium ต้องมีขั้นต่ำในการซื้อและต้องรอ บางครั้งก็มีการยกเลิก
หุ้นที่มีpremiumของไทย สมัย 20ปีก่อน หุ้น BBL,SCB ,SCC ,KBANK ต่างชาติอาจซื้อไม่ได้
เพราะเต็ม ต้องซื้อกันเองระหว่างฝรั่ง โดยต้องจ่ายpremium
ตอนนี้ก็ไปซื้อผ่าน NVDR โดยไม่มีสิทธิ์โหวต แก้ปัญหาPremium
เหมือนกับ คุณเบส หุ้นที่ซื้อแบบpremium ราคาตอนนี้ก็ขึ้นมาเท่ากับราคาที่ซื้อแล้ว
หุ้นที่มีpremiumคือหุ้นsuperstockในอนาคตเหมือนในไทย บางตัวก็คล้าย CPALL,CPN
ถาม ค่าธรรมเนียมการซื้อกอง SSI-SCA แพงไหม
ตอบ frontend fee 1.5%
Management fee 1.75% เทียบเท่ากับกองอื่นที่ไปลงทุนในเวียดนาม
ถาม ช่วงนี้เราต้องระวังอะไรไหม เช่น Brexit, Trade war
คุณ ชายตอบว่า สมัยก่อน ยูเครน และกรีซ
กรีซ ตอนเกิดcrisis ลงมามาก แต่ตอนนี้กลับไปเกือบเท่าเดิม
การเสนอข่าวตอนนี้เน้นให้ผู้ฟังมีอารมณ์ร่วม แต่ไม่ได้บอกว่าโอกาสอยู่ที่ไหน มีแต่ความกลัวเท่านั้น
เราต้องเห็นโอกาสและความเสี่ยงควบคู่กัน ถ้างั้นถ้ามีแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง อาจมาจากความโลภ
หรือ ตรงกับข้อความที่ว่า
“ข่าวร้าย ลงฟรี ข่าวดี เสียตังค์”
ปกติคนอ่านแต่เรื่องข่าวร้าย ส่วนเรื่องโอกาส ไม่มีใครมาบอก
นักลงทุนต้องหาโอกาสเอง
ในวิกฤต ก็มีโอกาสอยู่ในนั้นด้วย ศึกษาให้มาก อ่านให้มาก เพื่อหาโอกาส
ถามคุณอุ๋ม อยากดูperformanceย้อนหลังของกองนี้
คุณอุ๋มโชว์สไลด์ ว่า อัตราผลตอบแทน 4 ปีย้อนหลังของกองนี้เท่ากับ 81.39% เทียบกับ ดัชนี VN index 61.34%
.
MoneyTalkครั้งต่อไปจัดวันที่ 14 กย โดยกำหนดให้จองผ่าน Facebook ในวันที่ 7 กย เวลา 7.00 น
.
สุดท้ายขอขอบคุณ วิทยากร และ ผู้ดำเนินรายการทุกท่านนะครับ
ทำไม ? อย่างไร ? ที่ไหน ? ควรหรือไม่ ?
โดย พี่อมร
****************************
1. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร / ผู้เชี่ยวชาญหุ้น
2. คุณ กัลชุญา ศุขเทวา หรือ คุณอุ๋ม / ผู้เชี่ยวชาญหุ้นเวียดนาม
3. คุณ ชาย มโนภาส / นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า ( ประเทศไทย )
4. คุณ กิตติศักดิ์ โภคา หรือ คุณเบส / เจ้าของ Page ลงทุนศาสตร์
.
ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
..................................
เริ่มด้วย กลอนจากอาจารย์เสน่ห์
.
“ เรื่องสงคราม การค้า พาระทึก
ยามจบศึก ตอบโต้กัน มันเรื่องใหญ่
เกาะฮ่องกง เกาลูน วุ่นวายใจ
เศรษฐกิจ กระทบใหญ่ เอาไงดี
.
เรื่องอังกฤษ เรื่อง Brexit ปิดดีลยาก
อาจแยกจาก แบบโนดีล คิวถึงที่
โดนัลด์ทรัมป์ ทำแต่เรื่อง ขุ่นเคืองมี
โลกใบนี้ มีปัจจัย ให้ตื่นกลัว
.
หากจะคิด ลงทุน หุ้นต่างประเทศ
จะเซย์เยส เซยโน โอ้ปวดหัว
ลงที่ไหน ลงอย่างไร ให้มันชัวร์
ลงเป็นตัว หรือกองทุน หุ้นนอกไทย
.
กัลชุยา ศุขเทวา สาวน่ารัก
ชำนาญนัก หุ้นเวียดนาม คำตอบให้
ประสบการณ์ อินเตอร์ เจออะไร
แชร์จากใจ ไอบีอุ๋ม ลุ่มลึกจริง
.
นายกไทย วีไอ ใจสมาร์ท
เขาคือชาย มโนภาส มาดนิ่งนิ่ง
รู้หุ้นเทศ หุ้นไทย ได้อ้างอิง
ไม่เคยทิ้ง หลักธรรมะ สัจธรรม
.
เจ้าของเพจ ลงทุนศาสตร์ ประกาศกล้า
กิตติศักดิ์ โภคา ผู้ชองช่ำ
เภสัชกร นักลงทุน หุ้นประจำ
ผู้แนะนำ ผู้เขียนเพจ อย่างเกรดเอ
.
เขา(ดร นิเวศน์) ช่วงนี้ ตอกย้ำ กำเงินสด
พร้อมยืดหด เหมือนหัวเต่า เขาไม่เขว
รักหุ้นไทย ไลค์หุ้นนอก บอกทั้งเพ
ดร.นิเวศน์ เซียนตัวเอ้ เจ้าวีไอ “
..............................
คำจำกัดความเรื่องลงทุนต่างประเทศ คืออะไร
.
อ เสน่ห์_ดูแนวโน้มของสัมมนาว่าจะเกี่ยวกับเวียดนาม
เพราะ บล ทรีนิตี้เป็นสปอนเซอร์
.........
อ.ดร.ไพบูลย์_เวลาลงต่างประเทศ ต้องคิดให้ดี
การลงทุนต่างประเทศ อาจไม่เหมาะกับทุกคน
.........
อ.ดร.นิเวศน์
.
ลงทุนในเวียดนามเร็วไปหน่อย
ลงทุนสามปี ผลตอบแทนเป็นบวก
แต่น้อยกว่าเมืองไทย
.
ใครที่ไปลงทุนปัจจุบันนี้ จะได้ผลตอบแทนดีกว่า
เราไปตอนนั้น หุ้นขึ้นค่อนข้างแรง(ซื้อแพง)
ไปตอนนี้ได้โอกาส ลงทุนหุ้นราคาถูก
.
สาเหตุที่ลงทุนในต่างประเทศเพราะ
1.ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
2.อยากได้ผลตอบแทนที่ดี
ตลาดหุ้นเวียดนามโดดเด่นสุดในตอนนั้น
ภาพใหญ่ดีมาก ตัวเลขทางเศรษฐกิจทุกตัว
เติบโตแน่นอนอย่างน้อย 20 ปี
ต้องรีบไปลงทุน เพราะกลัวว่าช้าไปจะตกรถ
.
ส่วนหนึ่งที่ผลตอบแทนบวกน้อย
เพราะค่าเงินบาทแข็งไป 10% กว่า
ในช่วง 3 - 4 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ผลตอบแทนไม่ดี
แต่ได้เรียนรู้ ได้รู้จักหุ้น เลือกหุ้นเป็นรายตัว
ซึ่งเป็นเรื่องดีอาจนำเราไปสู่สิ่งดีๆในอนาคต
.
เดี๋ยวลองฟังข้อมูลจากคุณอุ๋ม
กองทุน SSI-SCA ที่ไปลงทุนในหุ้นเวียดนาม
ที่เปิดไปเมื่อเดือนที่แล้ว ผลตอบแทนขึ้นมาพอสมควร
.
ดร นิเวศน์ ลงทุนในต่างประเทศ 10%
........................
คุณชาย มโนภาส
.
ในแง่วิชาการ เราควรลงทุนในต่างประเทศ
เพราะเป็นการกระจายความเสี่ยง
.
แต่สำหรับผม สถานการณ์ของการลงทุน
ที่เกิดในต่างประเทศ ในตลาดเกิดใหม่ เช่นไทย จะเกิดตาม
.
ตัวอย่าง เช่น Home depot ซึ่งประสบความสำเร็จในสหรัฐ
บริษัท โฮมโปร ในไทย ก็จะคล้ายกับ Home depot
.
ถ้าเราเข้าใจการเติบโตของ Home depot
จะเข้าใจการเติบโตของโฮมโปรในอนาคต
.
ทำให้ผมสนใจลงทุนในหุ้นต่างประเทศ
ซึ่งบางอุตสาหกรรมไม่มีเปิดในไทย เช่น Luxury
.
จีนมีอำนาจใช้จ่ายสูงในอนาคต
ดูจากห้างพารากอน ร้าน Channel, Hamez
ลูกค้าหลักๆที่มาซื้อของ คือ คนจีน
แต่ประเทศไทยไม่มี segment นี้
.
PTTOR จะเข้าตลาด
ถ้าเราศึกษา ร้าน Starbucks
จะเข้าใจธุรกิจของเครื่องดื่ม Amazon
.
การกระจายความเสี่ยงขึ้นกับความรู้ของแต่ละคน
ผมมีเวลาศึกษาการลงทุนมาก เพราะไม่มีบุตร
.
การลงทุนในตลาดหุ้น
ทุกสถานการณ์มีโอกาสตลอด
.
ปี 2008 ดัชนีดาวโจนส์
ตกลง เหลือ 6,000 จุด จาก 10,000 จุด
แต่ก็มีหุ้นบางตัวยังบวกอยู่ เช่น
ร้าน Dollar Tree และอีกหลายร้าน
ที่ขายของจำเป็น ราคาหุ้นยังเป็นบวก
.
ขึ้นกับความรู้ของนักลงทุนแต่ละคน
ตอนนี้ตลาดหุ้นที่ราคาถูก
ได้แก่ ตลาดหุ้นตุรกี และ ตลาดหุ้นรัสเซีย
เงินปันผลของตลาดหุ้นรัสเซีย
คิดเป็น 6%กว่า แต่ค่าเงิน Ruble ลดค่าลงครึ่งนึง
ตลาดหุ้นตุรกี ก็น่าสนใจ ราคาไม่แพง
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐ จัดว่าราคาแพง
รวมถึง ตลาดหุ้นเดนมาร์ค PE 20 เท่า ก็ถือว่าแพง
เพราะช่วงนี้ตลาดเป็นขาขึ้น
.
แต่ถามว่ายังมีโอกาสอยู่ไหม? ก็ยังมี
เช่น สวิสเซอร์แลนด์ ตลาดหุ้นไม่แพง
ค่าเงินค่อนข้างเสถียร
แต่ต้องถามตัวเองว่าเรามีความพร้อมไหม?
.
สำหรับการลงทุนหุ้นต่างประเทศของ คุณชาย
จะลงในตลาดหุ้นเอเชีย
อาจารย์ ของ คุณชายเคยสอนเกี่ยวกับ
ระยะทาง ทางด้านจิตใจ ( Cyclic distance )
เช่น ถ้าพูดถึง ร้านค้าปลีก 7-11, Family mart ที่ญี่ปุ่น
จะเข้าใจ นึกออกหมด เรามีความคุ้นเคย
เราสามารถเข้าใจความสามารถในการแข่งขันของแบรนด์
.
ถ้าเราอยากเลือกประเทศที่จะไปลงทุน
ควรศึกษา ล่วงหน้า 2-3 ปี
.
เลือกประเทศที่คุ้นเคยเป็นวิธีแรก
แต่วิธีที่สอง Vertical market
เลือกอุตสาหกรรมที่คุ้นเคยในไทย
และไปศึกษาอุตสาหกรรมทั่วโลก
เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์
เป็นการดูในระดับไมโครมากกว่าการดูในระดับแมคโคร หรือ ระดับประเทศ
.
ไมเคิล อี พอร์ตเตอร์ ซึ่งเก่งในเรื่อง
competitive advantage
ได้พูดถึง Diamond model
คือการวิเคราะห์ความสำคัญระดับประเทศ
หรือ ดูความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
.
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประชากรน้อยกว่าไทย
แค่ 9 ล้านคน แต่มูลค่าการส่งออก และGDP สูงกว่าไทย
.
เมื่อก่อน ลงทุนในหุ้นต่างประเทศรายตัว
แต่เสียเวลามาก ช่วงหลังมาเลยลงทุนผ่านกองทุนรวม
.
คุณชาย ลงทุนในต่างประเทศไม่ถึง 10%
................................
คุณกิตติศักดิ์ (คุณเบส)_ตัวแทนคนรุ่นใหม่
.
ผู้ซึ่งรู้จักเรื่องการลงทุน และ เรื่องเกี่ยวกับยาเป็นอย่างดี
มีโรงงานผลิตยาด้วย
.
การไปลงทุนต่างประเทศของคุณเบส
ได้ลงทุนในประเทศสหรัฐ เวียดนาม ศรีลังกา จีน ฟิลิปปินส์
และ ลงทุนในกองทุนรวมอินเดีย
เพราะที่อินเดียคนต่างชาติไม่สามารถลงทุนในหุ้นโดยตรงได้
.
แต่ตัดศรีลังกาไปแล้ว เนื่องจากข้อจำกัดของโบรกเกอร์
.
เอารายชื่อโบรกเกอร์มาดูแต่ละประเทศ
ชอบอุตสาหกรรมอาหาร
.
ศึกษาและลงทุนในแต่ละประเทศ
เพราะหาหุ้นที่ลงทุนในไทยไม่ได้
เรามีเงินสด เลยไปดูหุ้นต่างประเทศ
คิดรอบคอบ valuation น่าสนใจ เลยลงทุนไป
.
ไม่ได้ดูสัดส่วนที่ลงทุนในประเทศ และ ต่างประเทศ
เราไม่โฟกัสว่าลงในแต่ละที่กี่ %
.
ลงทุนหุ้นรายตัว
ยกเว้น ตลาดหุ้นอินเดีย ต้องซื้อผ่านกองทุนรวม
.
ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ก็ศึกษาข้อมูล แต่ไม่เจอหุ้นที่พอใจ
.
เวลาลงทุนต้องแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศ
แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละประเทศ มีความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน
แต่ถ้าเป็นหุ้นที่มีความสามารถในการแข่งขัน ค่าเงินคงไม่ผันผวนมาก
.
ซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ผ่านโบรกเกอร์ในเมืองไทย
เลือกโบรกเกอร์ โดยดูจากค่าใช้จ่าย
เช่น ค่าธรรมเนียมต่างๆ แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน
.
การลงทุนหุ้นรายตัวและกองทุน มีความแตกต่าง
1.ความรู้ ถ้าเราไม่มีความรู้ในหุ้น ก็ควรลงในกองทุนรวม
2.ไม่มีเวลาติดตาม ก็ให้ลงกองทุนรวม
3.ความชอบ ถ้าไม่ชอบ หรือ ลงทุนหุ้นเอง แล้วไม่มีความสุข
ให้ลงทุนผ่านกองทุนรวม
.
ผมมีความรู้สึกเป็นเจ้าของกิจการ เมื่อลงทุนในหุ้น
ดังนั้นจึงลงทุนในหุ้นโดยตรง
.
เวลาไปลงทุน ต้องบินไปดูที่ประเทศที่สนใจ
คุยกับคนในประเทศนั้นๆ
โดยเฉพาะเวียดนาม
.
ที่ข่าวภาษาอังกฤษ กว่าจะมาถึงเรา
ก็ล่าช้าไป 3 วัน ซึ่งก็ไม่ทันการแล้ว
.
ต้องพยายามคุยกับคนเวียดนาม
เพื่อให้ทันกับข่าวของบริษัทในเวียดนาม
รวมถึง ต้องถามเรื่องธรรมมาภิบาล
มีบริษัทที่ดี ไว้ใจได้ จึงน่าลงทุน
.
คุณเบสลงทุน หุ้นไทย 60% และ หุ้นต่างประเทศ 40%
...........................
อ ไพบูลย์ บอกว่า อ นิเวศน์ มีอยู่ครั้งนึง บริษัทที่ดร ลงทุนซึ่งเป็น 1 ใน 150 ตัวของport
เจ็งแต่ไม่รู้มาก่อน แต่บางบริษัทขึ้นมา 4 เท่าโดยไม่รู้สาเหตุ
ดังนั้นตอนหลังพยายามซื้อหุ้นที่ปันผล ได้ปันผลก็ไปซื้อหุ้นต่อ
ผมคัดเลือกหุ้นที่ถูกมากๆ และ market cap > 500 ลบ
เวลาเข้าลงทุนจะเป็นหุ้นตัวเล็ก เลยกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
แต่ปันผลดี 10% เวลาราคาลงก็แรง จะออกก็ยาก เพราะสภาพคล่องไม่มี
เราลงทุนหุ้นเวียดนามแบบลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม ระดับประเทศ
ครั้งแรก ลงทุนตามงานวิจัย Magic Formula ไม่ต้องเลือกหุ้น
และช่วงนั้นไม่มีกองทุนรวมหุ้นเวียดนามให้ลงทุนด้วย เลยไปซื้อหุ้นรายตัว
จริงๆถ้าใจเย็นกว่านี้ ไม่รีบซื้อหุ้น ก็จะได้ผลตอบแทนดีกว่าตอนนี้
คุณอุ๋มเคยเป็น Investment Banker ที่สหรัฐและสิงคโปร์มาก่อน
เป็นผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้นเวียดนาม
กองที่เสนอขาย มี บล ทรีนีตี้ เป็น เอเยนต์กองทุนเวียดนามรายเดียวในไทย
คุณอุ๋มบอกว่า ปกติลงทุนในหุ้นเวียดนามอยู่แล้ว ศึกษาอย่างลึกซึ้ง
เจอกองทุนที่น่าสนใจในเวียดนาม ซึ่งเป็นกองทุนที่บริหารโดยคนเวียดนาม
เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นในเวียดนาม ก็สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมได้
เวียดนามมีกฎ ให้คนต่างชาติถือหุ้นในแต่ละบริษัทไม่เกิน49% เหมือนไทยสมัยก่อน
ถ้าซื้อจนเต็ม และต้องการจะซื้อเพิ่มอีก ก็ต้องซื้อในราคาpremium หรือซื้อในราคาเพิ่มอีก
30-50% กองทุนนี้สัญชาติเวียดนาม เลยไม่ต้องเสียค่าpremium และบริหารโดยคนเวียดนาม
ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกองทุนจะเข้าใจข่าวสารที่เป็นภาษาเวียดนามเป็นอย่างดี
มีความได้เปรียบของการลงทุน
ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน มีมาลงทุน FDI ที่เวียดนามเยอะ
รวมถึง จีน สิงคโปร์ และ ไทย เช่น ปูนซีเมนต์ ,ThaiBev, ซีพี ก็เข้าไปลงทุนนานแล้ว
การส่งออกของเวียดนามเติบโตมาตลอดทั้งไตรมาส1,2 ปี2019 เมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่และตลาดที่พัฒนาแล้ว
ส่งออกติดลบ
GDP ยังโตดี 6.8% (Q1) , 6.7% (Q2)
ฟิลิปปินส์ ก็น่าสนใจ อีก10ปีตามหลังเวียดนามทัน
กองทุน SSI-SCA เป็นกองทุนสัญชาติเวียดนาม ได้เปรียบต่างชาติทั้งสถาบันและรายย่อย
ถือหุ้นประมาณ 24 ตัว ส่วนเบสถือหุ้นเวียดนาม 5 ตัว
ขนาดกองทุน 20ล้านเหรียญ หรือ 700 ล้านบาท ซึ่งไม่ควรใหญ่ ทำให้เข้าออกได้ง่ายขึ้น
กองนี้ เกาหลี High net worth ก็มาลงทุนกองนี้ด้วย
ถาม คุณอุ๋มต่อว่า จะซื้อกองทุนนี้ต้องทำอย่างไร
ตอบ มีบูทอยู่ข้างนอก สำหรับผู้ชมทางบ้าน ติดต่อที่ บล ทรีนีตี้ เปิดบัญชี และ 1 วันก็ซื้อได้เลย
ขั้นต่ำ 100,000 บาท ขายและนำกำไรกลับในปีถัดไป จะไม่เสียภาษี
แต่มีความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน
อ นิเวศน์ บอกว่า ซื้อตอนนี้ที่ค่าเงินบาทแข็งมาก มีโอกาสค่าเงินบาทอ่อนในอนาคต ตอนนี้เป็นประโยชน์
มากถ้าลงทุนซื้อในต่างประเทศ ถึงแม้ค่าเงินไม่เปลี่ยนแปลง ก็ได้กำไรจากหลักทรัพย์ที่ซื้อ
อ เล่าต่อว่า ช่วง3ปีก่อน ดัชนีSETไม่ไปไหน ก็เลยแบ่งเงินส่วนนึงไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
มองว่าเวียดนาม เป็น Little china และ อเมริกาหนุนเวียดนามเต็มที่
จีนต้องย้ายโรงงานไปเวียดนาม ซึ่ง ไม่น่ากระทบจากสงครามการค้า
พื้นฐานการโตของเวียดนามจะเหมือนกับจีน ซึ่งเวียดนามตามหลังจีนมา 20 ปี เปลี่ยนจากคอมมิวนิสต์
เป็น Capitalist มีความสามารถการแข่งขันดีสุด เทียบกับฟิลิปปินส์ โตจากการบริโภคในประเทศ
แต่ส่งออกสู้เวียดนามไม่ได้
เวียดนาม เติบโตจากการส่งออกที่ดี แต่ก็ลงทุนไป 150 บริษัทแล้ว ไม่สามารถลงเพิ่มอีก
การลงทุนในกองที่คุณอุ๋มเสนอ ก็ติดปัญหาการนำเงินเข้ามาจากเวียดนามก่อน จึงลงทุนได้
ดังนั้นถ้ามีโอกาสให้เลือกว่าลงทุนเมื่อ3ปีก่อน หรือ ลงทุนในกองคุณอุ๋ม อ นิเวศน์บอกว่า
ลงทุนตอนนี้ดีกว่า
คุณเบสลงทุนจำนวนหุ้น 5 ตัวที่เวียดนาม ถือไม่เยอะเพราะสภาพคล่องน้อย แต่ถ้ารวมทุกประเทศ 10 ตัว
คุณชาย บอกว่าไม่มั่นใจสถานการณ์ตลาดโลก เลยไม่ได้ถือหุ้นต่างประเทศ แต่ถือผ่านกองทุนรวมแทน
ตอนนี้ค่าเงินปอนด์เหลือ 37 บาท ส่วนค่าเงินยูโร เหรียญละ 34 บาท
ตลาดหุ้นอินโด ตอนนี้ 6,000 จุด ขึ้นจากการอัสดงจาก 250 จุด แต่ค่าเงินอ่อนมาก all time low
1บาท จาก 100 รูเปี๊ย ตอนนี้แลกได้ 400 รูเปี๊ย
ดังนั้นหุ้นไทยเทียบเป็น$ ถือว่าดีมาก รวมเงินปันผล
หุ้นUSที่performดีสุด ใน DJ,S&P,Nasdaq หุ้นที่performดีสุดขึ้นมา 250เท่าหรือเด้ง
เป็นหุ้นฟาร์มา กับ ไบโอเทค แต่อันดับสาม ค้าปลีกเครื่องสำอาง 70เด้ง
หุ้น apple , Microsoft , googleไม่ติดโผ เทียบกับ รูรูเลมอน ที่ทำเสื่อโยคะ หรือ โดมิโน่พิซ่า ก็performanceดี
เทียบกับ หุ้นไทย Hmpro ขึ้น40เท่า ตลาดหุ้นไทยไม่มีหุ้นไหนขึ้นเกิน 40 เท่า
ถ้าสนใจอุตสาหกรรมยานยนต์ ในไทยเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน แต่ต่างประเทศ บริษัทในตลาดเป็นเจ้าของแบรนด์
เช่น รถแบรนด์เฟอรารี่ ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะราคา แต่ซื้อเพราะmaintain สถานภาพทางสังคม
ดังนั้นมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ในการลงทุนต่างประเทศ
ดังนั้นการลงทุนในไทยก็ยังได้ แต่ต้องมีความรู้พอสมควร ความเข้าใจในธุรกิจและอุตสาหกรรม ก็ได้ผลตอบแทนดีได้
คุณเบส ชอบลงทุนหุ้นรายตัว
คุณอุ๋ม ก่อนหน้าไปซื้อหุ้นที่มีpremiumไปแล้ว แต่ก็ยังน่าสนใจ
น่าสนใจลงทุน
หุ้นที่premium ต้องมีขั้นต่ำในการซื้อและต้องรอ บางครั้งก็มีการยกเลิก
หุ้นที่มีpremiumของไทย สมัย 20ปีก่อน หุ้น BBL,SCB ,SCC ,KBANK ต่างชาติอาจซื้อไม่ได้
เพราะเต็ม ต้องซื้อกันเองระหว่างฝรั่ง โดยต้องจ่ายpremium
ตอนนี้ก็ไปซื้อผ่าน NVDR โดยไม่มีสิทธิ์โหวต แก้ปัญหาPremium
เหมือนกับ คุณเบส หุ้นที่ซื้อแบบpremium ราคาตอนนี้ก็ขึ้นมาเท่ากับราคาที่ซื้อแล้ว
หุ้นที่มีpremiumคือหุ้นsuperstockในอนาคตเหมือนในไทย บางตัวก็คล้าย CPALL,CPN
ถาม ค่าธรรมเนียมการซื้อกอง SSI-SCA แพงไหม
ตอบ frontend fee 1.5%
Management fee 1.75% เทียบเท่ากับกองอื่นที่ไปลงทุนในเวียดนาม
ถาม ช่วงนี้เราต้องระวังอะไรไหม เช่น Brexit, Trade war
คุณ ชายตอบว่า สมัยก่อน ยูเครน และกรีซ
กรีซ ตอนเกิดcrisis ลงมามาก แต่ตอนนี้กลับไปเกือบเท่าเดิม
การเสนอข่าวตอนนี้เน้นให้ผู้ฟังมีอารมณ์ร่วม แต่ไม่ได้บอกว่าโอกาสอยู่ที่ไหน มีแต่ความกลัวเท่านั้น
เราต้องเห็นโอกาสและความเสี่ยงควบคู่กัน ถ้างั้นถ้ามีแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง อาจมาจากความโลภ
หรือ ตรงกับข้อความที่ว่า
“ข่าวร้าย ลงฟรี ข่าวดี เสียตังค์”
ปกติคนอ่านแต่เรื่องข่าวร้าย ส่วนเรื่องโอกาส ไม่มีใครมาบอก
นักลงทุนต้องหาโอกาสเอง
ในวิกฤต ก็มีโอกาสอยู่ในนั้นด้วย ศึกษาให้มาก อ่านให้มาก เพื่อหาโอกาส
ถามคุณอุ๋ม อยากดูperformanceย้อนหลังของกองนี้
คุณอุ๋มโชว์สไลด์ ว่า อัตราผลตอบแทน 4 ปีย้อนหลังของกองนี้เท่ากับ 81.39% เทียบกับ ดัชนี VN index 61.34%
.
MoneyTalkครั้งต่อไปจัดวันที่ 14 กย โดยกำหนดให้จองผ่าน Facebook ในวันที่ 7 กย เวลา 7.00 น
.
สุดท้ายขอขอบคุณ วิทยากร และ ผู้ดำเนินรายการทุกท่านนะครับ