The Road Ahead by Aberdeen Standard

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

The Road Ahead by Aberdeen Standard

โพสต์ที่ 1

โพสต์

The Road Ahead by Aberdeen Standard
Adithep Vanabrikasha Chief Investment Officer
Pongtharin Sapayanon , Head of Thai Fixed Income

เริ่มที่คุณพงษ์ธารินก่อน
คำถามคือ ทำไมเศรษฐกิจเมืองไทยperformค่อนข้างดี
ก่อนอื่นดูภาพกว้าง อะไรคือตัวdrive
GDP Growth – moderating to potential
ปรากฏว่ามาจากการส่งออก เป็นตัวกระตุ้นในแง่เศรษฐกิจของเมืองไทย
แต่การส่งออกในQ3 2018ไม่ค่อยดี มาจากสินค้าส่งออกไม่ดี เติบโตติดลบไป
ตัวที่เป็นจุดอ่อนคือ เดือน กย การส่งออกสินค้าลดลง ทำให้Q3 การส่งออกของสินค้าไม่ค่อยดี
เวลาคำนวณ GDP เอา Net export(Net goods exports ,Net services exports)
มาคำนวณ ทำให้GDP Q3 ดูโตน้อยกว่าQอื่นๆ
ถ้าดูส่วนอื่น ยังมีmomentum คือ Domestic demand และ การลงทุน (Investment)
ปีนี้ คาดว่าGDP โต4.5% ปีหน้า 3.75-4.25% ปีหน้าปัจจัยที่จะพยุงเศรษฐกิจ คือ การลงทุน
ที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยuniform หมายถึงไม่ได้มาพร้อมๆกัน เพราะบางปีมาจากเอกชน บางปีจากภาครัฐ
ปีหน้ามาครบหมดทุกภาครวม FDI ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่Q3เลย รวมถึงinvestmentซึ่งส่งผลต่อ GDPปีหน้ามาก
ในแง่การส่งออก ปกติพูดถึงส่งออกสินค้า แต่ตอนคำนวณต้องNet Service Exportsเข้ามาด้วย
จะเห็นว่า Net service export สูงกว่า Net Goods exportมากในQ3
เราคิดว่า Serviceน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในปี2019 ถึงแม้นักท่องเที่ยวจีนลดลง
ปกติจะมีปัจจัยอย่างนึงที่ทำให้นักท่องเที่ยวในแต่ละประเทศหายไปเช่น สี่ปีที่แล้ว รัสเซียก็หายไป
ตอนนั้น น้ำมันลงค่อนข้างแรง ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของรัสเซียลดค่าไปเยอะ 1 รูเบิ้ลเท่ากับเงินไทย
1 บาท ตอนนี้แลกได้ 2 รูเบิ้ลเท่ากับ1 บาทแล้วแต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวรัสเซียเริ่มกลับมาแล้ว
นักท่องเที่ยวจีนก็เช่นกัน ถึงแม้จะลดลงแต่จะลดถึงระดับนึง ไม่ได้หายไปทั้งหมด

เทรนที่คนจีนมาไทยก็ยังเพิ่มขึ้น แต่ขึ้นกับseasonal คนจีนชอบมาQ1 เที่ยวไทยเยอะสุด
แล้วค่อยๆเริ่มลดลง เทรนแบบนี้เชื่อว่าคนจีนจะกลับมาอีก
ที่ผ่านมาคนมาเที่ยวในQ2-Q3 คือเพื่อนบ้าน เช่น
1.มาเลเซีย เพราะอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนลงแล้วคงที่ ทำให้เขากลับมา
2. อีกประเทศคือเวียดนาม ทัวร์มาไทยค่อนข้างโตมาก เราได้benefitค่อนข้างเยอะ
เวียดนาม เราส่งออกไปค่อนข้างมาก เราส่งออกเวียดนาม ตอนนี้โตถึง 3,000กว่าล้านบาทต่อไตรมาส
3. อีกประเทศ คือกัมพูชา ส่งออกแรงมากจากไม่ถึง1,000 ลบตอนนี้ถึง 2,000กว่าลบแล้ว

Thai baht-tough and resilient for a reason
ค่าเงินบาทแข็งค่ามาก บวกกับนักท่องเที่ยวมาก ได้เงินมากกว่าที่จ่ายไป ทำให้เงินบาทแข็งค่ากว่าประเทศอื่นในทวีปนี้
จากปี 2015 current accountโตขึ้น จาก 4.x ไปถึง 10%ของGDP แต่เทียบกับปี 2016 12%
ปีนี้น่าจะลดลงเหลือ7% แต่ยังTop of asia
ทิศทางค่าเงินบาท กับ $ ใช้ NEER เป็นตัววัดเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยน ทิศทางของสกุลบาทเป็นอย่างไร
ปี2015 ค่อนข้างนิ่งมากระหว่างค่าเงินบาทกับ$ ทำให้ตัววัด NEER (Norminal Effective Exchange Rate)
ไม่เปลี่ยนแปลงมาก และ ปี2015เป็นครั้งสุดท้ายที่ลดดอกเบี้ย และคงที่ 1.5%มาจนถึงปัจจุบัน
ประชุมเดือน ธค น่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% แล้วไม่ขึ้นต่ออีกเพราะเงินเฟ้อต่ำมาก
ถ้าเพิ่มดอกเบี้ยมากกว่านี้ จะทำให้ค่าเงินบาทแข็งกว่านี้

ตลาดตราสารหนี้พร้อมแล้ว Yield 2 years ขยับมาเป็น2%แล้ว ก็ไม่ได้กระทบอะไรเลยรวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน
ในแง่ของเลือกตั้ง บอกได้จากมุมมองของเราเอง เห็นด้วยว่า โอกาสมีเลือกตั้งมีมากกว่า 50%
แต่ช่วงไหนระหว่าง กพ ถึง พค ถ้าเป็นไปได้ จะเอาเดือน กพ เลย
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตอนต้นปี แล้วเลือกตั้งเลย หวังว่าคนจะจำได้ว่าเงินมาจากไหน
ถ้าเป็นไปตามแผน น่าจะมีเลือกตั้งในQ1 2019
ถ้าไม่มีเลือกตั้งจะกระทบต่อการลงทุน หรือการเมืองไม่นิ่ง การลงทุนก็จะลดลง
ตอนนี้ในแง่ลงทุนปี2016-2017 จะเห็น motorway สาย บางปะอิน กาญจนบุรี , MRT สายสีส้มไปอย่างต่อเนื่อง
EEC ครั้งแรกไม่คิดว่าจะเกิดเร็วเพราะprojectค่อนข้างใหญ่ ตอนนี้น่าจะเกิดเร็วมากกว่าที่คาด

4 project ที่เกิดก่อนในEEC ได้แก่

1. Link 3 Airport มูลค่า 224,000 ลบ
2. U-Tapao Internation Airport มูลค่า 290,000 ลบ
3. Laem Chabang phase 3 มูลค่า 114,000 ลบ
4. Map Ta Put Industrial Port Phase 3 มูลค่า 55,000 ลบ
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Re: The Road Ahead by Aberdeen Standard

โพสต์ที่ 2

โพสต์

คุณ อดิเทพ
ตลาดหุ้นปีนี้ท้าทายมาก โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่
ทรัมป์ใช้นโยบาย Amarica First แต่ทำไม่ได้ง่ายนัก
ปีนี้ตลาดหุ้นไทยติดลบเล็กน้อย ดีกว่าเพื่อนบ้านเยอะ
หลักๆคือ Foreign Net sell แต่สถาบัน และ รายย่อยรับ
ต่างชาติขาย มาจากการขายเมืองไทยจากport Emerging market
ข่าวดี อาจกำลังเปลี่ยนแปลง ประธานFED บอกว่าดอกเบี้ยใกล้ถึงจุดที่พอใจแล้ว
ทำให้หุ้นUSขึ้น 600กว่าจุด ช่วงระยะสั้นจนถึงสิ้นปี สินทรัพย์เสี่ยงจะกลับมา
ในแง่valuation ไทยอยู่กลางๆ เพื่อนบ้านที่แพงกว่า คือประเทศที่มีGDP growthสูง
เช่น ประเทศอินเดีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ถ้าดู Div yield ก็สูง
ไทย มี Household debtสูง ถ้าขึ้นดอกเบี้ยเยอะคนที่กู้จะโดนกระทบมากสรุป การส่งออก ท่องเที่ยว ใช้จ่ายภาครัฐช่วยได้เยอะ
แต่การบริโภคในประเทศโดยเฉพาะในต่างจังหวัดไม่ค่อยดี
คนรายได้น้อยโดยเฉพาะภาคใต้ ราคายางไม่ค่อยดี ,ข้าวราคาไม่ค่อยดี

ทรัมป์ America first ทำเหมือน เดจาวู เข้ามาก็ลดภาษี
Corporate Tax เหลือ 20% ช่วยตลาดหุ้น ทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มทันที
แต่ปีหน้าไม่มีแล้ว ต้องทำวิธีการอย่างอื่น

ส่วน EM ดีกว่าคนอื่น เช่น ประเทศไทยมีดีในเรื่อง
1. Current account ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวกสะสมมาตลอด
2. Inflation เงินเฟ้อต่ำ (ตอนนี้ประมาณ 1.23%)
3. หนี้สกุลต่างประเทศไม่เยอะ
4. เงินบาทค่อนข้างแข็ง มาจากเหตุผลข้อ1
5. ปีนี้ทางอเบอร์ดีนไม่มีการลงทุนในหุ้นนางฟ้าที่หล่นมาจากสวรรค์ (Fallen Angel)

ปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจไปต่อได้ 3.75-4.25%
ผมมองเลือกตั้งเป็นเรื่องบวก ไม่เชื่อว่าจะกลับมาเกิดประท้วงหรือไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง
นโยบายการลงทุน ต้องต่อเนื่อง เหตุผลคือ ส่วนนึงของรัฐบาลจะไปเป็นวุฒิสภาชิก
เวลาจะเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ต้องผ่านวุฒิสมาชิก
ส่วนการลงทุน ดอกเบี้ยคาดว่าขึ้นครั้งเดียวในปีนี้ช่วงเดือน ธค

1ม.ค.2019 ภาษีที่อเมริกาจะคิดกับจีนขึ้นอีก 10% ถ้าไม่ได้ตามที่เจรจาในสัปดาห์นี้
การลงทุนสาธารณูปโภคที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าที่เป็นนโยบายทรัมป์
ราคาน้ำมันผันผวน ขึ้นและลงมามาก ต้องขอบคุณทรัมป์
เหตุผลที่ราคาน้ำมันขึ้น เพราะสหรัฐแซงชั่นอิหร่าน แต่ต่อมายอมให้ขายใน8 ประเทศ
ทำให้ราคาน้ำมันลงมา
ส่วนน้ำมันถ้าราคาขึ้นจะไม่ดีสำหรับ ไทย อินเดีย ที่นำเข้าน้ำมันสุทธิ
Brexit วุ่นวายมาก มีรายละเอียดเยอะ ไม่ดีสำหรับอังกฤษและEU

จีนและตลาดเกิดใหม่ ดัชนีหุ้นจีนลง20-30% ทำให้ EM market ลงด้วย
จีนไม่ค่อยโปร่งใส ในเรื่องตัวเลขและข้อมูล หนี้ในประเทศ และ property
แต่ประเทศเป็นเศรษฐกิจแบบปิด เราพยายามลงทุนอย่างระมัดระวัง
โพสต์โพสต์