EP
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
EP
โพสต์ที่ 1
EPCO เตรียมนำอีสเทอร์น พาวเวอร์ฯเข้าตลาดหุ้นปีนี้ ขาย IPO ให้ประชาชนทั่วไป-Pre-emptive Right รวม 3 พันล้านหุ้น
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 11:10:43 น.
บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เตรียมนำหุ้นบมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจผลิตไฟฟ้า เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติแผนการนำหุ้น EP เข้าตลท. (Spin Off) โดยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ EP จะมีสัดส่วนร้อยละ 20 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ EP และภายหลังการเพิ่มทุน และบริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมใน EP ในสัดส่วนร้อยละ 60 จากเดิมที่ร้อยละ 75
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทและ/หรือบุคคลที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายจะร่วมกับ EP เพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และรายละเอียดอื่นที่แน่นอนเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ EP แผนการ Spin Off รวมถึงสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-emptive Right) อีกครั้งหนึ่ง
การนำหุ้น EP เข้าจดทะเบียนในตลท. จะเกิดขึ้นภายหลังจาก EP ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ร่างหนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. มีผลใช้บังคับ และได้รับอนุญาตในหลักการจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รับหุ้นสามัญของ EP เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2561
สำหรับแผนการขายหุ้น IPO ของ EP นั้นจะเสนอขายหุ้นรวมจำนวน 3 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น 20% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุนของ EP ให้แก่ประชาชนทั่วไปและผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท และนำหุ้นสามัญของ EP ทั้งหมดเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
EP ทำธุรกิจเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่นที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำโดยโรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วม โดยปัจจุบัน โครงการที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ EP รวมถึงบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ทั้งที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วทั้งสิ้น 10 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าเสนอขายตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 186.70 เมกะวัตต์ (MA) และกำลังการผลิตไอน้ำเสนอขายตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 38.85 ตันต่อชัวโมง
สำหรับผลประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากการนำหุ้น EP เข้าตลาดหุ้นนั้น จะช่วยลดภาระของทางบริษัท ในการให้การสนับสนุนทางด้านเงินทุนแก่ EP และบริษัทย่อยของ EP ในระยะยาว เพราะ EP สามารถระดมทุนได้เองผ่านตลาดทุน ตลอดจนมีโครงสร้างธุรกิจที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้การบริหารจัดการ การพัฒนาและการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคตคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ EP จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจของ EP ในอนาคต ,เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างทางการเงินของ EP และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของ EP
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 11:10:43 น.
บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เตรียมนำหุ้นบมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจผลิตไฟฟ้า เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติแผนการนำหุ้น EP เข้าตลท. (Spin Off) โดยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ EP จะมีสัดส่วนร้อยละ 20 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ EP และภายหลังการเพิ่มทุน และบริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมใน EP ในสัดส่วนร้อยละ 60 จากเดิมที่ร้อยละ 75
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทและ/หรือบุคคลที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายจะร่วมกับ EP เพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และรายละเอียดอื่นที่แน่นอนเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ EP แผนการ Spin Off รวมถึงสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-emptive Right) อีกครั้งหนึ่ง
การนำหุ้น EP เข้าจดทะเบียนในตลท. จะเกิดขึ้นภายหลังจาก EP ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ร่างหนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. มีผลใช้บังคับ และได้รับอนุญาตในหลักการจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รับหุ้นสามัญของ EP เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2561
สำหรับแผนการขายหุ้น IPO ของ EP นั้นจะเสนอขายหุ้นรวมจำนวน 3 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น 20% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุนของ EP ให้แก่ประชาชนทั่วไปและผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท และนำหุ้นสามัญของ EP ทั้งหมดเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
EP ทำธุรกิจเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่นที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำโดยโรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วม โดยปัจจุบัน โครงการที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ EP รวมถึงบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ทั้งที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วทั้งสิ้น 10 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าเสนอขายตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 186.70 เมกะวัตต์ (MA) และกำลังการผลิตไอน้ำเสนอขายตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 38.85 ตันต่อชัวโมง
สำหรับผลประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากการนำหุ้น EP เข้าตลาดหุ้นนั้น จะช่วยลดภาระของทางบริษัท ในการให้การสนับสนุนทางด้านเงินทุนแก่ EP และบริษัทย่อยของ EP ในระยะยาว เพราะ EP สามารถระดมทุนได้เองผ่านตลาดทุน ตลอดจนมีโครงสร้างธุรกิจที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้การบริหารจัดการ การพัฒนาและการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคตคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ EP จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจของ EP ในอนาคต ,เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างทางการเงินของ EP และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของ EP
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: EP
โพสต์ที่ 2
Gossip News: EPCO พร้อมนำ EP เข้าระดมทุน
ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 11:02:34 น.
กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--IR network
บอร์ด บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก หรือ EPCO ไฟเขียวให้บริษัทลูกคือ "อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป"หรือ EP เข้าระดมทุน IPO แถม..ใจดีให้ผู้ถือหุ้นของ EPCO มีสิทธิจองซื้อก่อนด้วย!!! งานนี้..ต้องขอยกนิ้วให้ "ยุทธ ชินสุภัคกุล"และทีมผู้บริหารทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจผลักดันจนทำให้ EP มีวันนี้.. ซึ่งก้าวต่อไปก็คงอีกไม่นานเกินรอ .. เห็นแบบนี้แล้วก็ปลื้มใจแทนผู้ถือหุ้น
ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 11:02:34 น.
กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--IR network
บอร์ด บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก หรือ EPCO ไฟเขียวให้บริษัทลูกคือ "อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป"หรือ EP เข้าระดมทุน IPO แถม..ใจดีให้ผู้ถือหุ้นของ EPCO มีสิทธิจองซื้อก่อนด้วย!!! งานนี้..ต้องขอยกนิ้วให้ "ยุทธ ชินสุภัคกุล"และทีมผู้บริหารทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจผลักดันจนทำให้ EP มีวันนี้.. ซึ่งก้าวต่อไปก็คงอีกไม่นานเกินรอ .. เห็นแบบนี้แล้วก็ปลื้มใจแทนผู้ถือหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: EP
โพสต์ที่ 3
efinanceThai - บอร์ด EPCO ไฟเขียวส่งบ.ลูก `อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP)` เข้าตลาดหุ้น แบ่ง IPO ให้ผถห.EPCO เดิม 210 ล้านหุ้น
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผย ว่าคณะกรรมการมีมติ EPCO อนุมัติให้บริษัทลูก “อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป หรือ EP” จดทะเบียนในตลท. เล็งนำเงินเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและขยายธุรกิจ ระบุกระจายหุ้นสัดส่วน 20% พร้อมจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นของ EPCO มีสิทธิจองซื้อก่อน (Pre-emptive Rights) ร้อยละ 35 ของหุ้น IPO (ประมาณ 4 หุ้น EPCO ได้สิทธิซื้อหุ้น EP 1 หุ้น)
- คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบและอนุมัติแผนการนำ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 75 เข้าระดมทุนผ่านการเพิ่มทุนจดทะเบียนและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) "Spin off โดยได้กำหนดสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่ EP จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ EP ภายหลังการเพิ่มทุน
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้ EP ให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในการจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะเสนอขายต่อประชุมทั่วไปเป็นครั้งแรกของ EP ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ โดยกำหนดสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-emptive Right) ในอัตราไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของEP ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกสำหรับแผนการจำหน่ายหุ้น (Spin Off) ครั้งนี้ มีจุดประสงค์ที่จะนำเงินทุนที่ได้รับจากการระดมทุนเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและขยายธุรกิจ รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของ EP
- หุ้นสามัญที่ออกใหม่ IPO ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของ EP จะเป็นจำนวนเงิน 300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทจากทุนจดทะเบียนเดิม 1,200 ล้านบาท และจัดสรรหุ้น IPO จำนวน 210 ล้านหุ้น (ร้อยละ 35) (Pre-emptive Rights) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ EPCO ภายหลังการเพิ่มทุน และบริษัทฯ จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมใน EP ในสัดส่วนร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเพิ่มทุน ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จะกระทำได้ต่อเมื่อ EP ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จาก กลต.
- การ Spin Off ดังกล่าวจะส่งผลกระทบ (Dilution) ต่อสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทฯ ใน EP จึงเข้าข่ายเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนตามนัยแห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ทว่าเมื่ออ้างอิงจากงบการเงินรวมสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ของบริษัทฯ และของ EP พบว่าขนาดของรายการมีมูลค่าสูงสุดเมื่อคำนวณตามเกณฑ์มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ เท่ากับร้อยละ 14.48 ซึ่งจากขนาดของรายการดังกล่าวบริษัทฯ ไม่มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายการการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือต้องจัดทำสารสนเทศเพื่อส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมถึงขออนุมัติการเข้าทำรายการจากผู้ถือหุ้นตามรายละเอียดที่กำหนดในประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป
- อย่างไรก็ดีคณะกรรมการบริษัทได้คำนึงถึงแนวปฏิบัติที่ดีและเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน บริษัทฯ จึงได้เปิดเผยรายละเอียดเบื้องต้นของแผนการSpin Off ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะดำเนินการจัดทำสารสนเทศ เพื่อส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นลำดับต่อไป
- บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 435.5 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดกำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตรวม 90 ตันต่อชั่วโมง และโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟท็อป จำนวน 75.5 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นในประเทศ 24 เมกะวัตต์ และประเทศญี่ปุ่น 45 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อป 6.5 เมกะวัตต์
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผย ว่าคณะกรรมการมีมติ EPCO อนุมัติให้บริษัทลูก “อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป หรือ EP” จดทะเบียนในตลท. เล็งนำเงินเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและขยายธุรกิจ ระบุกระจายหุ้นสัดส่วน 20% พร้อมจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นของ EPCO มีสิทธิจองซื้อก่อน (Pre-emptive Rights) ร้อยละ 35 ของหุ้น IPO (ประมาณ 4 หุ้น EPCO ได้สิทธิซื้อหุ้น EP 1 หุ้น)
- คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบและอนุมัติแผนการนำ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 75 เข้าระดมทุนผ่านการเพิ่มทุนจดทะเบียนและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) "Spin off โดยได้กำหนดสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่ EP จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ EP ภายหลังการเพิ่มทุน
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้ EP ให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในการจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะเสนอขายต่อประชุมทั่วไปเป็นครั้งแรกของ EP ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ โดยกำหนดสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-emptive Right) ในอัตราไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของEP ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกสำหรับแผนการจำหน่ายหุ้น (Spin Off) ครั้งนี้ มีจุดประสงค์ที่จะนำเงินทุนที่ได้รับจากการระดมทุนเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและขยายธุรกิจ รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของ EP
- หุ้นสามัญที่ออกใหม่ IPO ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของ EP จะเป็นจำนวนเงิน 300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทจากทุนจดทะเบียนเดิม 1,200 ล้านบาท และจัดสรรหุ้น IPO จำนวน 210 ล้านหุ้น (ร้อยละ 35) (Pre-emptive Rights) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ EPCO ภายหลังการเพิ่มทุน และบริษัทฯ จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมใน EP ในสัดส่วนร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเพิ่มทุน ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จะกระทำได้ต่อเมื่อ EP ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จาก กลต.
- การ Spin Off ดังกล่าวจะส่งผลกระทบ (Dilution) ต่อสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทฯ ใน EP จึงเข้าข่ายเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนตามนัยแห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ทว่าเมื่ออ้างอิงจากงบการเงินรวมสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ของบริษัทฯ และของ EP พบว่าขนาดของรายการมีมูลค่าสูงสุดเมื่อคำนวณตามเกณฑ์มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ เท่ากับร้อยละ 14.48 ซึ่งจากขนาดของรายการดังกล่าวบริษัทฯ ไม่มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายการการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือต้องจัดทำสารสนเทศเพื่อส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมถึงขออนุมัติการเข้าทำรายการจากผู้ถือหุ้นตามรายละเอียดที่กำหนดในประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป
- อย่างไรก็ดีคณะกรรมการบริษัทได้คำนึงถึงแนวปฏิบัติที่ดีและเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน บริษัทฯ จึงได้เปิดเผยรายละเอียดเบื้องต้นของแผนการSpin Off ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะดำเนินการจัดทำสารสนเทศ เพื่อส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นลำดับต่อไป
- บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 435.5 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดกำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตรวม 90 ตันต่อชั่วโมง และโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟท็อป จำนวน 75.5 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นในประเทศ 24 เมกะวัตต์ และประเทศญี่ปุ่น 45 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อป 6.5 เมกะวัตต์
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: EP
โพสต์ที่ 4
EPCO คาดกำไรปีนี้โตเท่าตัวจากปีก่อน, รายได้รวมโตกว่า 40% ตามการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้า-ธุรกิจโรงพิมพ์
--อินโฟเควสท์ โดย พชรธร ภูมิคำ/รัชดา/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2561 17:34:19 น.
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผย"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตประมาณ 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 963 ล้านบาท และกำไรสุทธิน่าจะเติบโตเป็นเท่าตัว จากปีก่อนอยู่ที่ 207 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ จะมีการรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มปี ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมอีก กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป
ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลโรงพิมพ์จำนวน 1 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงสิ้นเดือน มี.ค.นี้ วางงบลงทุนไว้ราว 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากเป็นไปตามคาด จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันทีจากที่มีฐานลูกค้ารองรับอยู่แล้ว และน่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานโดยรวมในไตรมาส 1/61 อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้มองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 น่าจะเติบโตเท่าตัว หรือมากกว่า 80% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/60 จากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าและธุรกิจโรงพิมพ์
นายยุทธ กล่าวถึงความคืบหน้าการนำบมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายในเดือนมี.ค.นี้ และน่าจะเข้าเทรดได้ภายในปี 61 ตามแผนที่วางไว้
--อินโฟเควสท์ โดย พชรธร ภูมิคำ/รัชดา/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2561 17:34:19 น.
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผย"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตประมาณ 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 963 ล้านบาท และกำไรสุทธิน่าจะเติบโตเป็นเท่าตัว จากปีก่อนอยู่ที่ 207 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ จะมีการรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มปี ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมอีก กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป
ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลโรงพิมพ์จำนวน 1 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงสิ้นเดือน มี.ค.นี้ วางงบลงทุนไว้ราว 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากเป็นไปตามคาด จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันทีจากที่มีฐานลูกค้ารองรับอยู่แล้ว และน่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานโดยรวมในไตรมาส 1/61 อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้มองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 น่าจะเติบโตเท่าตัว หรือมากกว่า 80% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/60 จากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าและธุรกิจโรงพิมพ์
นายยุทธ กล่าวถึงความคืบหน้าการนำบมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายในเดือนมี.ค.นี้ และน่าจะเข้าเทรดได้ภายในปี 61 ตามแผนที่วางไว้
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: EP
โพสต์ที่ 5
ผถห. EPCO โหวตหนุนปันผลงวดครึ่งหลังปี 60 ในอัตรา 0.08 บ./หุ้น ส่งซิกกำไร61โตทวีคูณ หลังบุ๊ครายได้โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน 360 MW ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2561 16:04:17 น.
ผถห. EPCO โหวตหนุนปันผลงวดครึ่งหลังปี 60 ในอัตรา 0.08 บ./หุ้น ส่งซิกกำไร61โตทวีคูณ หลังบุ๊ครายได้โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน 360 MW ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดูรูปทั้งหมด
กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--
ผู้ถือหุ้น บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) ไฟเขียวปันผลงวดครึ่งหลังปี 60 ในอัตรา 0.08 บาท/หุ้น บิ๊กบอส "ยุทธ ชินสุภัคกุล"แย้มผลงานไตรมาส 1/61 โตเท่าตัว อานิสงส์รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน ขนาดกำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มปี ขณะที่โรงไฟฟ้าในแดนปลาดิบ จ่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 15 เมกะวัตต์ หนุนรายได้-กำไร ในปีนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เมษายน 2561 ฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดครึ่งหลังปี 2560 อีกในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจและลงทุนใน EPCO โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พ.ค.2561 นี้
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม 2560) มีรายได้รวม 1,158.87 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 207 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม 881.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 118.74 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตประมาณ 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ รวม 1,158.87 ล้านบาท และกำไรสุทธิน่าจะเติบโตเป็นทวีคูณ จากปีก่อนอยู่ที่ 207 ล้านบาท สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ จะมีการรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มปี
โดยปัจจุบัน EPCO กุมกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 435.5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดกำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตรวม 90 ตันต่อชั่วโมง และโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟท็อป จำนวน 75.5 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นในประเทศ 24 เมกะวัตต์ และประเทศญี่ปุ่น 45 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อป 6.5 เมกะวัตต์
ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมอีก กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ส่วนความคืบหน้าการนำบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ และน่าจะเข้าเทรดได้ภายในปี 2561 ตามแผน โดยจะจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมด้วย ในอัตราส่วนประมาณ 4 หุ้น EPCO ต่อ 1 หุ้นไอพีโอ EP
ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2561 16:04:17 น.
ผถห. EPCO โหวตหนุนปันผลงวดครึ่งหลังปี 60 ในอัตรา 0.08 บ./หุ้น ส่งซิกกำไร61โตทวีคูณ หลังบุ๊ครายได้โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน 360 MW ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดูรูปทั้งหมด
กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--
ผู้ถือหุ้น บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) ไฟเขียวปันผลงวดครึ่งหลังปี 60 ในอัตรา 0.08 บาท/หุ้น บิ๊กบอส "ยุทธ ชินสุภัคกุล"แย้มผลงานไตรมาส 1/61 โตเท่าตัว อานิสงส์รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน ขนาดกำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มปี ขณะที่โรงไฟฟ้าในแดนปลาดิบ จ่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 15 เมกะวัตต์ หนุนรายได้-กำไร ในปีนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เมษายน 2561 ฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดครึ่งหลังปี 2560 อีกในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจและลงทุนใน EPCO โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พ.ค.2561 นี้
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม 2560) มีรายได้รวม 1,158.87 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 207 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม 881.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 118.74 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตประมาณ 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ รวม 1,158.87 ล้านบาท และกำไรสุทธิน่าจะเติบโตเป็นทวีคูณ จากปีก่อนอยู่ที่ 207 ล้านบาท สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ จะมีการรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มปี
โดยปัจจุบัน EPCO กุมกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 435.5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดกำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตรวม 90 ตันต่อชั่วโมง และโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟท็อป จำนวน 75.5 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นในประเทศ 24 เมกะวัตต์ และประเทศญี่ปุ่น 45 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อป 6.5 เมกะวัตต์
ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมอีก กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ส่วนความคืบหน้าการนำบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ และน่าจะเข้าเทรดได้ภายในปี 2561 ตามแผน โดยจะจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมด้วย ในอัตราส่วนประมาณ 4 หุ้น EPCO ต่อ 1 หุ้นไอพีโอ EP
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: EP
โพสต์ที่ 6
EPCO คาดยื่นไฟลิ่งส่ง"อีสเทิร์น พาวเวอร์ฯ"เข้าตลาดหุ้นใน พ.ค.หวังเข้าเทรดภายในปีนี้ตามแผน
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Wednesday, May 16, 2018 11:36
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 61)--นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผยความคืบหน้าการนำ บมจ.อีสเทิร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในเดือน พ.ค.นี้ โดยมีบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และคาดนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 61 ตามแผน
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 1/61 มีรายได้รวม 270.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 149.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.26% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าและธุรกิจสิ่งพิมพ์
ในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่บริษัทจะรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ (MW) และไอน้ำ 60 ตัน เข้ามาเต็มปี ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมอีก 15 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจากปีก่อนอยู่ที่ 207 ล้านบาท
"ที่ผ่านมา EPCO ได้เริ่มลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทุกประเภทมากกว่า 5 ปี โดยที่ผ่านมาจะเห็นว่าผลประกอบการของบริษัท เติบโตต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ มีการเข้าลงทุนในพลังงานความร้อนร่วม (Co-generation) โดยผ่านทาง EP และจะมีการลงทุนในพลังงานหลากหลายรูปแบบ ทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อๆไปอย่างต่อเนื่อง"นายยุทธ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Wednesday, May 16, 2018 11:36
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 61)--นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผยความคืบหน้าการนำ บมจ.อีสเทิร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในเดือน พ.ค.นี้ โดยมีบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และคาดนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 61 ตามแผน
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 1/61 มีรายได้รวม 270.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 149.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.26% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าและธุรกิจสิ่งพิมพ์
ในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่บริษัทจะรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ (MW) และไอน้ำ 60 ตัน เข้ามาเต็มปี ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมอีก 15 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจากปีก่อนอยู่ที่ 207 ล้านบาท
"ที่ผ่านมา EPCO ได้เริ่มลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทุกประเภทมากกว่า 5 ปี โดยที่ผ่านมาจะเห็นว่าผลประกอบการของบริษัท เติบโตต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ มีการเข้าลงทุนในพลังงานความร้อนร่วม (Co-generation) โดยผ่านทาง EP และจะมีการลงทุนในพลังงานหลากหลายรูปแบบ ทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อๆไปอย่างต่อเนื่อง"นายยุทธ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: EP
โพสต์ที่ 7
EPCO ปั้น EP โกยความมั่งคั่ง ระดมทุนรองรับดีมานด์ไฟฟ้า 'CLMV'
commentaries / INVESTMENT OUTLOOK
EPCO ปั้น EP โกยความมั่งคั่ง ระดมทุนรองรับดีมานด์ไฟฟ้า 'CLMV'
โรงพิมพ์ตะวันออก สบโอกาสดัน อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นภายในปีนี้ หวังนำเงินสยายปีกพลังงานทดแทนในกลุ่ม CLMV สู่เป้าหมายกวาดกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ใน 3 ปี พร้อมเสริมทัพให้บริษัทแม่ take off อีกครั้งหลังสิ่งพิมพ์ขาลง
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด หรือ EPCO ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ชั้นนำของประเทศไทยรวมถึงในภูมิภาคเอเชีย ก่อตั้งมาแล้วกว่า 27 ปี ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการปรับทัพองค์กรแห่งนี้ใหม่ หลังเริ่มเห็นธุรกิจสิ่งพิมพ์มีแนวโน้มเป็น “ขาลง” จากการที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น จึงตัดสินใจต้องหารายได้ทางอื่นมาช่วยเสริมรายได้สิ่งพิมพ์
ยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด และผู้ก่อตั้ง บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นใหญ่โดย EPCO สัดส่วน 75% ที่ลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน และปัจจุบันกำลังเดินหน้าสร้างความมั่งคั่งครั้งใหม่ ด้วยการผลักดัน EP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายในเร็วๆ นี้ คาดเสนอขายหุ้น 600 ล้านหุ้น
สำหรับแผนการระดมทุนครั้งนี้เพื่อต้องการนำเงินระดมทุนขยายกำลังผลิตพลังงานทดแทนทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีความต้องการไฟฟ้าอีกมหาศาล โดย EP มีเป้าหมายภายใน 3 ปี ข้างหน้า (2561-2563) ต้องมีกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันกำลังการผลิต 435 เมกะวัตต์ ซึ่งมีรายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 405 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 30 เมกะวัตต์ที่ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาภายในครึ่งแรกของปี 2562 ทั้งหมด
“ความต้องการใช้ไฟฟ้าของกลุ่ม CLMV ยังสูง เช่น เวียดนามผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะเศรษฐกิจเติบโตเร็วส่วนเมียนมาตอนนี้ผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอเพราะว่ามีประชากรมากกว่าเมืองไทย แต่ผลิตไฟฟ้าได้แค่ 1 ใน 4 ของเมืองไทย ซึ่งการลงทุนในประเทศเหล่านี้มีโอกาสเป็นไปได้ทุกอย่าง ทั้งพลังงานโซลาร์ฟาร์มพลังงานความร้อน เป็นต้น”
ยุทธ ชินสุภัคกุล เล่าถึงจุดกำเนิดของ EP ให้ฟังว่าเป็นช่วงที่ธุรกิจของ EPCO อยู่ในช่วงขาลง ตอนนั้นบริษัทจำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่และได้ไปคุยกับ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น หรือ IFEC สมัยที่ยังทำธุรกิจเดิม คือจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารโคนิก้า ยูบิกซ์
“ตอนนั้นเราคิดว่าหากร่วมทุนเป็นพันธมิตรกันก็จะใช้ตลาดลูกค้าของ IFEC มาใช้กำลังการผลิตของโรงพิมพ์เราได้ แต่เมื่อไม่เป็นตามที่คิดเราก็ต้องหาธุรกิจอื่นๆ เข้ามาแทน”
ทว่า หลังจากเข้าไปคุยกับ IFEC แล้ว เขาบอกว่ากำลังหมดสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารกับพันธมิตรญี่ปุ่น แต่มีข้อเสนอใหม่ให้ ด้วยการขายใบอนุญาต (License) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (solar farm) กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ จำนวน 2 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยมีการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แล้วนั่นถือเป็นการก้าวเข้ามาในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเริ่มต้นลงทุนในโครงการแรกเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นดิน ตอนนั้นใช้เวลาก่อสร้างปีครึ่ง ก่อนจะทำสัญญาขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐ
จากการลงทุนโครงการแรกบริษัทเริ่มเห็นช่องทางธุรกิจพลังงานทดแทนมีการเติบโตที่ดี จึงได้เข้าซื้อไลเซนส์โซลาร์ฟาร์มอีก 1 แห่ง กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ที่ จ.ลพบุรี และต่อด้วยไลเซนส์โครงการที่ จ.ปราจีนบุรี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน EP มีโครงการพลังงานทดแทนทั้งหมด แบ่งเป็นในประเทศไทย ประกอบด้วย “โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม” จำนวน 4 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ โดยทั้งหมดดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้แก่ กฟภ. แล้ว
“โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มเริ่มไม่น่าสนใจแล้ว หลังค่ารับซื้อไฟฟ้ามีทิศทางลดลงต่อเนื่อง เรามีโครงการโซลาร์ฟาร์ม 4 แห่งในเมืองไทยที่ได้ค่าไฟแบบ adder ที่อัตรา 6.50 บาท/หน่วย และเป็นอัตรารับซื้อไฟฟ้าส่วนคงที่ (FiT) 1 แห่ง”
ฉะนั้น จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่บริษัทเข้ามาพัฒนาใน “โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์” (solar rooftop) จำนวน 8 โครงการ โดยในปัจจุบันดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้แก่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) แล้ว 3 โครงการโดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT ที่ 6.55 บาทต่อหน่วย และโครงการให้เช่าระบบผลิตไฟฟ้าแบบ solar rooftop แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าภาคเอกชนที่อยู่ระหว่างพัฒนา 3 โครงการ
นอกจากนี้ มีการลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ โดยโรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วม (cogeneration) ประกอบด้วย บริษัท เอสเอสยูที (SSUT) กำลังการผลิต 240 เมกะวัตต์ บริษัทถือหุ้นสัดส่วน 40% ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู โดย COD ครบแล้วเมื่อ 29 ธันวาคม 2559 และบริษัท พีพีทีซี (PPTC) กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ โดยถือหุ้นสัดส่วน 49.5% ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ปัจจุบันขายไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว
“โรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งไปได้ด้วยดี มีลูกค้า 75% เป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ 25% เป็นผู้ประกอบการโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้เรามีรายได้เติบโตทันที”
ต่อมาในปี 2558 บริษัทขยายการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นตามคำชักชวนของเพื่อน โดยเข้าไปลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตทั้งหมด 45 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์จำนวน 1 แห่ง กำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ โดยมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 20 ปี และมีโครงการอยู่ระหว่างพัฒนา 3 โครงการ คือ “โครงการ Kurihara 1 และ 2”
ทว่า หลังจากลงทุนครบทั้งหมด 45 เมกะวัตต์แล้ว บริษัทคงไม่ลงทุนต่อ เพราะว่าทิศทางราคารับซื้อไฟฟ้าจากภาครัฐของญี่ปุ่นคล้ายๆ กับประเทศไทยตอนนี้ที่มีแนวโน้มการรับซื้อไฟฟ้าในราคาลดลงจากเดิม จากตอนนี้ที่บริษัทมีราคาขายไฟฟ้าตั้งแต่ช่วง 32-40 เยน โดยมีอัตราผลตอบแทนในการลงทุน (IRR) ประมาณ 12-18% ซึ่งอนาคตราคารับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐลดลงเรื่อยๆ หลังจากช่วงที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างมาก ส่งผลให้ซับพลายมากแล้ว
“โอกาสในการเติบโตธุรกิจพลังงานทดแทนยังมีอีกมาก เพียงแต่ว่าบริษัทต้องออกไปแสวงหาโอกาสโตในประเทศที่ยังมีความต้องการไฟฟ้า ขณะที่เมืองไทยเริ่มลดความน่าสนใจลงจากค่ารับซื้อไฟฟ้าที่ต่ำลงเรื่อยๆ”
อย่างไรก็ตาม หากแผนการระดมทุนเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้นั้นเชื่อว่าจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของ EP และ EPCO เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมีรายได้ประจำจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการเพิ่มฐานรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี
เรื่อง: ศนิชา ละครพล ภาพ: จันทร์กลาง กันทอง
commentaries / INVESTMENT OUTLOOK
EPCO ปั้น EP โกยความมั่งคั่ง ระดมทุนรองรับดีมานด์ไฟฟ้า 'CLMV'
โรงพิมพ์ตะวันออก สบโอกาสดัน อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นภายในปีนี้ หวังนำเงินสยายปีกพลังงานทดแทนในกลุ่ม CLMV สู่เป้าหมายกวาดกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ใน 3 ปี พร้อมเสริมทัพให้บริษัทแม่ take off อีกครั้งหลังสิ่งพิมพ์ขาลง
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด หรือ EPCO ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ชั้นนำของประเทศไทยรวมถึงในภูมิภาคเอเชีย ก่อตั้งมาแล้วกว่า 27 ปี ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการปรับทัพองค์กรแห่งนี้ใหม่ หลังเริ่มเห็นธุรกิจสิ่งพิมพ์มีแนวโน้มเป็น “ขาลง” จากการที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น จึงตัดสินใจต้องหารายได้ทางอื่นมาช่วยเสริมรายได้สิ่งพิมพ์
ยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด และผู้ก่อตั้ง บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นใหญ่โดย EPCO สัดส่วน 75% ที่ลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน และปัจจุบันกำลังเดินหน้าสร้างความมั่งคั่งครั้งใหม่ ด้วยการผลักดัน EP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายในเร็วๆ นี้ คาดเสนอขายหุ้น 600 ล้านหุ้น
สำหรับแผนการระดมทุนครั้งนี้เพื่อต้องการนำเงินระดมทุนขยายกำลังผลิตพลังงานทดแทนทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีความต้องการไฟฟ้าอีกมหาศาล โดย EP มีเป้าหมายภายใน 3 ปี ข้างหน้า (2561-2563) ต้องมีกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันกำลังการผลิต 435 เมกะวัตต์ ซึ่งมีรายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 405 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 30 เมกะวัตต์ที่ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาภายในครึ่งแรกของปี 2562 ทั้งหมด
“ความต้องการใช้ไฟฟ้าของกลุ่ม CLMV ยังสูง เช่น เวียดนามผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะเศรษฐกิจเติบโตเร็วส่วนเมียนมาตอนนี้ผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอเพราะว่ามีประชากรมากกว่าเมืองไทย แต่ผลิตไฟฟ้าได้แค่ 1 ใน 4 ของเมืองไทย ซึ่งการลงทุนในประเทศเหล่านี้มีโอกาสเป็นไปได้ทุกอย่าง ทั้งพลังงานโซลาร์ฟาร์มพลังงานความร้อน เป็นต้น”
ยุทธ ชินสุภัคกุล เล่าถึงจุดกำเนิดของ EP ให้ฟังว่าเป็นช่วงที่ธุรกิจของ EPCO อยู่ในช่วงขาลง ตอนนั้นบริษัทจำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่และได้ไปคุยกับ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น หรือ IFEC สมัยที่ยังทำธุรกิจเดิม คือจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารโคนิก้า ยูบิกซ์
“ตอนนั้นเราคิดว่าหากร่วมทุนเป็นพันธมิตรกันก็จะใช้ตลาดลูกค้าของ IFEC มาใช้กำลังการผลิตของโรงพิมพ์เราได้ แต่เมื่อไม่เป็นตามที่คิดเราก็ต้องหาธุรกิจอื่นๆ เข้ามาแทน”
ทว่า หลังจากเข้าไปคุยกับ IFEC แล้ว เขาบอกว่ากำลังหมดสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารกับพันธมิตรญี่ปุ่น แต่มีข้อเสนอใหม่ให้ ด้วยการขายใบอนุญาต (License) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (solar farm) กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ จำนวน 2 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยมีการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แล้วนั่นถือเป็นการก้าวเข้ามาในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเริ่มต้นลงทุนในโครงการแรกเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นดิน ตอนนั้นใช้เวลาก่อสร้างปีครึ่ง ก่อนจะทำสัญญาขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐ
จากการลงทุนโครงการแรกบริษัทเริ่มเห็นช่องทางธุรกิจพลังงานทดแทนมีการเติบโตที่ดี จึงได้เข้าซื้อไลเซนส์โซลาร์ฟาร์มอีก 1 แห่ง กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ที่ จ.ลพบุรี และต่อด้วยไลเซนส์โครงการที่ จ.ปราจีนบุรี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน EP มีโครงการพลังงานทดแทนทั้งหมด แบ่งเป็นในประเทศไทย ประกอบด้วย “โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม” จำนวน 4 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ โดยทั้งหมดดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้แก่ กฟภ. แล้ว
“โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มเริ่มไม่น่าสนใจแล้ว หลังค่ารับซื้อไฟฟ้ามีทิศทางลดลงต่อเนื่อง เรามีโครงการโซลาร์ฟาร์ม 4 แห่งในเมืองไทยที่ได้ค่าไฟแบบ adder ที่อัตรา 6.50 บาท/หน่วย และเป็นอัตรารับซื้อไฟฟ้าส่วนคงที่ (FiT) 1 แห่ง”
ฉะนั้น จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่บริษัทเข้ามาพัฒนาใน “โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์” (solar rooftop) จำนวน 8 โครงการ โดยในปัจจุบันดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้แก่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) แล้ว 3 โครงการโดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT ที่ 6.55 บาทต่อหน่วย และโครงการให้เช่าระบบผลิตไฟฟ้าแบบ solar rooftop แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าภาคเอกชนที่อยู่ระหว่างพัฒนา 3 โครงการ
นอกจากนี้ มีการลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ โดยโรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วม (cogeneration) ประกอบด้วย บริษัท เอสเอสยูที (SSUT) กำลังการผลิต 240 เมกะวัตต์ บริษัทถือหุ้นสัดส่วน 40% ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู โดย COD ครบแล้วเมื่อ 29 ธันวาคม 2559 และบริษัท พีพีทีซี (PPTC) กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ โดยถือหุ้นสัดส่วน 49.5% ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ปัจจุบันขายไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว
“โรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งไปได้ด้วยดี มีลูกค้า 75% เป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ 25% เป็นผู้ประกอบการโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้เรามีรายได้เติบโตทันที”
ต่อมาในปี 2558 บริษัทขยายการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นตามคำชักชวนของเพื่อน โดยเข้าไปลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตทั้งหมด 45 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์จำนวน 1 แห่ง กำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ โดยมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 20 ปี และมีโครงการอยู่ระหว่างพัฒนา 3 โครงการ คือ “โครงการ Kurihara 1 และ 2”
ทว่า หลังจากลงทุนครบทั้งหมด 45 เมกะวัตต์แล้ว บริษัทคงไม่ลงทุนต่อ เพราะว่าทิศทางราคารับซื้อไฟฟ้าจากภาครัฐของญี่ปุ่นคล้ายๆ กับประเทศไทยตอนนี้ที่มีแนวโน้มการรับซื้อไฟฟ้าในราคาลดลงจากเดิม จากตอนนี้ที่บริษัทมีราคาขายไฟฟ้าตั้งแต่ช่วง 32-40 เยน โดยมีอัตราผลตอบแทนในการลงทุน (IRR) ประมาณ 12-18% ซึ่งอนาคตราคารับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐลดลงเรื่อยๆ หลังจากช่วงที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างมาก ส่งผลให้ซับพลายมากแล้ว
“โอกาสในการเติบโตธุรกิจพลังงานทดแทนยังมีอีกมาก เพียงแต่ว่าบริษัทต้องออกไปแสวงหาโอกาสโตในประเทศที่ยังมีความต้องการไฟฟ้า ขณะที่เมืองไทยเริ่มลดความน่าสนใจลงจากค่ารับซื้อไฟฟ้าที่ต่ำลงเรื่อยๆ”
อย่างไรก็ตาม หากแผนการระดมทุนเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้นั้นเชื่อว่าจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของ EP และ EPCO เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมีรายได้ประจำจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการเพิ่มฐานรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี
เรื่อง: ศนิชา ละครพล ภาพ: จันทร์กลาง กันทอง
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: EP
โพสต์ที่ 8
EPCO เผยอีสเทอร์น พาวเวอร์กรุ๊ปเข้าซื้อหุ้นในโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 109.76 MW
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กันยายน 2561 18:19:24 น.
บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท โซล่า พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) (SPM) ซึ่งถือหุ้น 100% โดย บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EPCO ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 75% เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นของ Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company (PKS) และสัญญาพัฒนาโคงการโรงไฟ้ฟาพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ จ.ฟูเยี้ยน ประเทศเวียดนาม จำนวน 2 โครงการ ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 109.76 เมกะวัตต์ โดยมีระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี ให้กับ Electricity of
Vietnam (EVN) ในอัตรารับซื้อไฟฟ้า (Feed in Tariff หรือ FIT) ที่ 0.0935 USD ต่อหน่วย หรือประมาณ 3.07 บาท ระยะเวลา 20 ปี และ 5 ปีสุดท้ายอัตรารับซื้อไฟฟ้าเป็นไปตามราคาตลาด
ทั้งนี้ บริษัทย่อยจะเข้าซื้อหุ้นสามัญของ PKS จาก Mr.Tran Minh Tien, Mrs. Vo Hoang Nhu Phuc จำนวน 15,280 หุ้น ราคาหุ้นละ 100,000 ดงเวียดนาม (VND) หรือคิดเป็น 89.88% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ชำระแล้ว ในมูลค่าประมาณ 65,617.60 USD หรือประมาณ 2.15 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของการเพิ่มทุนและสัดส่วนการลงทุนยังอยู่ระหว่างการหาผู้ร่วมลงทุน
ปัจจุบัน Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company มีทุนจดทะเบียนจำนวน 500,000 ล้าน VND แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5 ล้านหุ้น ราคามูลค่าหุ้นละ 0.10 ล้าน VND มีทุนชำระแล้ว จำนวนเงิน 1,700 ลาน้ VND แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 17,000 หุ้น ราคามูลค่าหุ้นละ 0.10 ล้าน VND
--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กันยายน 2561 18:19:24 น.
บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท โซล่า พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) (SPM) ซึ่งถือหุ้น 100% โดย บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EPCO ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 75% เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นของ Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company (PKS) และสัญญาพัฒนาโคงการโรงไฟ้ฟาพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ จ.ฟูเยี้ยน ประเทศเวียดนาม จำนวน 2 โครงการ ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 109.76 เมกะวัตต์ โดยมีระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี ให้กับ Electricity of
Vietnam (EVN) ในอัตรารับซื้อไฟฟ้า (Feed in Tariff หรือ FIT) ที่ 0.0935 USD ต่อหน่วย หรือประมาณ 3.07 บาท ระยะเวลา 20 ปี และ 5 ปีสุดท้ายอัตรารับซื้อไฟฟ้าเป็นไปตามราคาตลาด
ทั้งนี้ บริษัทย่อยจะเข้าซื้อหุ้นสามัญของ PKS จาก Mr.Tran Minh Tien, Mrs. Vo Hoang Nhu Phuc จำนวน 15,280 หุ้น ราคาหุ้นละ 100,000 ดงเวียดนาม (VND) หรือคิดเป็น 89.88% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ชำระแล้ว ในมูลค่าประมาณ 65,617.60 USD หรือประมาณ 2.15 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของการเพิ่มทุนและสัดส่วนการลงทุนยังอยู่ระหว่างการหาผู้ร่วมลงทุน
ปัจจุบัน Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company มีทุนจดทะเบียนจำนวน 500,000 ล้าน VND แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5 ล้านหุ้น ราคามูลค่าหุ้นละ 0.10 ล้าน VND มีทุนชำระแล้ว จำนวนเงิน 1,700 ลาน้ VND แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 17,000 หุ้น ราคามูลค่าหุ้นละ 0.10 ล้าน VND
--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: EP
โพสต์ที่ 9
EPCOชิงเค้กโซลาร์ลอยน้ำกฟผ.ขายไฟเวียดนาม-ญี่ปุ่น131MW
Source - ทันหุ้น (Th)
Monday, February 11, 2019 07:44
ทันหุ้น - EPCO เดินหน้าลุยไฟฟ้าเวียดนามเต็มสูบ ลุ้นพลังงานลม 50 เมกะวัตต์คืบ ลุ้นพลังงานลม 50 เมกะวัตต์คืบ พร้อมจ่ายไฟโซลาร์ เวียดนาม-ญี่ปุ่น กำลังผลิตรวม 131 เมกะวัตต์ ดันกำลังผลิตรวม 555 เมกะวัตต์หนุนผลงานโตทะลุเป้า
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO ดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์ในลักษณะครบวงจรโดยให้บริการตั้งแต่วางแผนการผลิตจนกระทั่งเข้าเล่มเป็นสิ่งพิมพ์สำเร็จรูปเปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มเติมในประเทศเวียดนาม ในรูปแบบโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขอใบอนุญาติก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากรัฐบาลประเทศเวียดนาม โดยมองโอกาสการลงทุนราว 50 เมกะวัตต์ขึ้นไป หรือ เฉลี่ยมูลค่าเมกะวัตต์ละ 40 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2-3 เดือนนี้
COD เวียดนาม-ญี่ปุ่น
ปัจจุบันธุรกิจโรงไฟฟ้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้า 424 เมกะวัตต์ โดยในเดือนมิถุนายนนี้บริษัทเตรียมเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าโซลาร์ ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทถือหุ้น 65%, บมจ. คอมมิว นิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) ถือหุ้น 25% ส่วนที่เหลื 10% เป็นพันธมิตรในเวียดนาม และ โรงไฟฟ้าโซลาร์ประเทศญี่ปุ่น 21 เมกะวัตต์ ในเดือนตุลาคม 2562 ดังนั้น จะทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมปีนี้ อยู่ที่ 555 เมกะวัตต์ ตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสนใจเข้าประมูล โครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งคาดว่าหน่วยงานภาครัฐจะออกประกาศร่างขอบเขตของงาน (TOR) ได้เร็วๆ นี้
ลุยธุรกิจโรงพิมพ์
สำหรับธุรกิจโรงพิมพ์หลังจากที่บริษัทลงทุนในบริษัท ดับบลิวพีเอส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ WPS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์มูลค่าลงทุน 407 ล้านบาท โดยบริษัทเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดที่ NMG ถือใน WPS จำนวน 42.25 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 84.5% เริ่มรับรู้รายได้จาก WPS ในไตรมาส 4/2561 แต่คาดว่าปี 2562 รับรู้รายได้ราว 500 ล้านบาท
โดยภาพรวมธุรกิจโรงพิมพ์ปีนี้ยังทรงตัว บริษัทวางงบลงทุนราว 200 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจสิ่งพิมพ์ต่อยอดการทำธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพิ่ม ประเภทบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานในช่วงต้นปีนี้พร้อมเดินเครื่องผลิตเดือนกรกฎาคม 2562 จากนั้นจะเริ่มรับรู้รายได้ทันที ปัจจุบันความต้องการใช้กล่องลูกฟูกมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากการเติบโตการขายของในระบบออนไลน์ของคนไทย อาทิ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD และเตรียมเจรจาพันธมิตรเพิ่มอย่าง Kerry เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้เจรจากับพันธมิตร เพื่อจำหน่ายกล่องลูกฟูกให้บางส่วนแล้ว จึงมั่นใจว่าธุรกิจใหม่น่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น
ดันลูกเข้า SET
นายยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2562 คาดว่าจะยังคงทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง โดยคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตขึ้นราว 50% จากปีก่อน ที่บริษัทสามารถทำรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงพิมพ์เพิ่มขึ้น หลังจากเข้าลงทุนในบริษัท ดับบลิวพีเอส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ WPS ภายหลังจากซื้อกิจการมาจาก บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG รวมถึงมีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีรายได้ปีละ 680 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปี 2562 คาดว่าจะมีสัดส่วนที่เท่าๆ กันราว 50 : 50
ส่วนบริษัมลูก คือบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ยังคงเตรียมดันเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในช่วงปลายปีหน้า คาดว่าเตรียมยื่นไฟลิ่งในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 โดยให้บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA)
บรรยายใต้ภาพ
ยุทธ ชินสุภัคกุล--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
Source - ทันหุ้น (Th)
Monday, February 11, 2019 07:44
ทันหุ้น - EPCO เดินหน้าลุยไฟฟ้าเวียดนามเต็มสูบ ลุ้นพลังงานลม 50 เมกะวัตต์คืบ ลุ้นพลังงานลม 50 เมกะวัตต์คืบ พร้อมจ่ายไฟโซลาร์ เวียดนาม-ญี่ปุ่น กำลังผลิตรวม 131 เมกะวัตต์ ดันกำลังผลิตรวม 555 เมกะวัตต์หนุนผลงานโตทะลุเป้า
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO ดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์ในลักษณะครบวงจรโดยให้บริการตั้งแต่วางแผนการผลิตจนกระทั่งเข้าเล่มเป็นสิ่งพิมพ์สำเร็จรูปเปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มเติมในประเทศเวียดนาม ในรูปแบบโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขอใบอนุญาติก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากรัฐบาลประเทศเวียดนาม โดยมองโอกาสการลงทุนราว 50 เมกะวัตต์ขึ้นไป หรือ เฉลี่ยมูลค่าเมกะวัตต์ละ 40 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2-3 เดือนนี้
COD เวียดนาม-ญี่ปุ่น
ปัจจุบันธุรกิจโรงไฟฟ้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้า 424 เมกะวัตต์ โดยในเดือนมิถุนายนนี้บริษัทเตรียมเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าโซลาร์ ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทถือหุ้น 65%, บมจ. คอมมิว นิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) ถือหุ้น 25% ส่วนที่เหลื 10% เป็นพันธมิตรในเวียดนาม และ โรงไฟฟ้าโซลาร์ประเทศญี่ปุ่น 21 เมกะวัตต์ ในเดือนตุลาคม 2562 ดังนั้น จะทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมปีนี้ อยู่ที่ 555 เมกะวัตต์ ตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสนใจเข้าประมูล โครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งคาดว่าหน่วยงานภาครัฐจะออกประกาศร่างขอบเขตของงาน (TOR) ได้เร็วๆ นี้
ลุยธุรกิจโรงพิมพ์
สำหรับธุรกิจโรงพิมพ์หลังจากที่บริษัทลงทุนในบริษัท ดับบลิวพีเอส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ WPS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์มูลค่าลงทุน 407 ล้านบาท โดยบริษัทเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดที่ NMG ถือใน WPS จำนวน 42.25 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 84.5% เริ่มรับรู้รายได้จาก WPS ในไตรมาส 4/2561 แต่คาดว่าปี 2562 รับรู้รายได้ราว 500 ล้านบาท
โดยภาพรวมธุรกิจโรงพิมพ์ปีนี้ยังทรงตัว บริษัทวางงบลงทุนราว 200 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจสิ่งพิมพ์ต่อยอดการทำธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพิ่ม ประเภทบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานในช่วงต้นปีนี้พร้อมเดินเครื่องผลิตเดือนกรกฎาคม 2562 จากนั้นจะเริ่มรับรู้รายได้ทันที ปัจจุบันความต้องการใช้กล่องลูกฟูกมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากการเติบโตการขายของในระบบออนไลน์ของคนไทย อาทิ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD และเตรียมเจรจาพันธมิตรเพิ่มอย่าง Kerry เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้เจรจากับพันธมิตร เพื่อจำหน่ายกล่องลูกฟูกให้บางส่วนแล้ว จึงมั่นใจว่าธุรกิจใหม่น่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น
ดันลูกเข้า SET
นายยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2562 คาดว่าจะยังคงทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง โดยคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตขึ้นราว 50% จากปีก่อน ที่บริษัทสามารถทำรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงพิมพ์เพิ่มขึ้น หลังจากเข้าลงทุนในบริษัท ดับบลิวพีเอส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ WPS ภายหลังจากซื้อกิจการมาจาก บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG รวมถึงมีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีรายได้ปีละ 680 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปี 2562 คาดว่าจะมีสัดส่วนที่เท่าๆ กันราว 50 : 50
ส่วนบริษัมลูก คือบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ยังคงเตรียมดันเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในช่วงปลายปีหน้า คาดว่าเตรียมยื่นไฟลิ่งในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 โดยให้บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA)
บรรยายใต้ภาพ
ยุทธ ชินสุภัคกุล--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น