VI หาดใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 131
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2731
นำมาจาก FB คุณมนตรี พินิฐวิทยา เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ค่ะ ขอสรุปบทเรียนชีวิตเพิ่มเติมอีกเรื่องหนึ่ง...
คนหลายคนประสบความสำเร็จหรือตั้งตัวในการทำธุรกิจ ธุรกรรมใดๆก็ตาม หลายคนมาจากทุนที่เป็น #เงิน จำนวนไม่มาก หรือหลายคน ไม่มีเอาเสียเลย แล้วพวกเขาเหล่านั้นใช้ทุนอะไร?
1) #ทุนเวลา ทุกคนในโลกนี้มีเท่ากัน มีเงินมากเท่าไหร่ก็ซื้อคืนมาให้ตัวเองไม่ได้ ใช้เวลาให้มีค่าทุกวินาที อย่าฆ่าเวลาเป็นอันขาด
2) #ทุนแรงกาย แรงใจ ธรรมชาติให้มา ถ้าไม่ใช้ธรรมชาติจะเอาคืน หรือทำลายทิ้งเลยด้วยซ้ำ ทุนนี้ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มพูน
3) #ทุนความรู้ มีทุนเวลา ทุนแรงกาย แต่ไม่มีทุนความรู้ ยิ่งทำอาจยิ่งพัง ทุนความรู้ใช้ทุนเวลาเป็นตัวหาเข้าตัวได้ เมื่อมีความรู้ทุนเวลา และทุนแรงกายจะช่วยส่งเสริมให้เกิดทุนตัวที่4
4) #ทุนจากการลงมือทำ เมื่อคิด หาความรู้แล้ว ต้องลงมือทำ ทำไปตามเวลา แรงกาย ความรู้ ถูกผิดแก้ไขหาความรู้เพิ่มเติม จะเกิดการสะสมความรู้ ประสบการณ์ มองปัญหาเป็นโอกาสได้เสมอ
5) #ทุนจากการประยุกต์ความรู้และการลงมือทำ นำมาสร้างวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ จนเกิดเป็น #นวตกรรม ก่อเกิดโอกาส
6) #ทุนสังคม คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้ ทำอะไรคนเดียวก็สำเร็จยาก ต้องการการเกื้อกูลและการช่วยเหลือจากผู้อื่น #การให้คนอื่นแบบไม่หวังเงินทองเป็นสิ่งตอบแทน จะนำมาซึ่งความช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหลายรูปแบบ อันนี้เป็น Sharing Economy มีมานาน แต่โลกเพิ่งเข้าใจ
7) #ทุนเงิน เป็นสิ่งที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้ หากมีทุนอีก6ทุนข้างต้นแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แต่ขาดทุนความรู้ที่จะเอามันไปใช้ประโยชน์มันก็เป็นแค่ขยะ เช่นกิ่งไม้ที่ชาวสวนตัดแต่งกิ่งทุกปี ปล่อยผุพัง แต่บางคนเห็นว่าเอาไปเผาถ่านขายได้ กลั่นเอาน้ำส้มควันไม้มาขายได้ ใบไม้เอาไปหมักทำปุ๋ยขายได้ ก็ใช้แรงกาย แรงความรู้ ขนมาทำ มาขาย พืชหลายชนิดขึ้นเองขึ้นง่าย หลายคนเห็นเป็นวัชพืชกำจัดทิ้ง แต่บางคนมีความรู้นำมาใช้ประโยชน์ในทางสมุนไพร ใช้ปรับปรุงดิน ใช้เป็นอาหาร
ผมได้แนวคิดทุนทั้ง 7 นี้มาจากคุณ อดิสร พวงชมพู เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ แตงโม ที่ทำโครงการ 1ไร่ ให้ได้ 1แสน ใน1crop (5เดือน) เอาเข้าจริงๆ ผู้ที่เข้าร่วมโครงการหลายคนทำได้มากกว่า 1แสนด้วยซ้ำ
ผมนำมาคิดพิจารณานานกว่า3เดือนแล้วสำหรับเรื่องนี้ แนวคิดและการลงมือทำสำคัญที่สุด ...
หากเห็นว่ามีประโยชน์ก็จดจำนำไปใช้กันครับ หากเห็นว่าไร้สาระก็ไม่ต้องดราม่า ผมขี้เกียจเสียเวลาด้วย... Cr.คุณมนตรี นิพิฐวิทยา (หนึ่งในผู้ร่วมผลักดัน web thaivi.org)
คนหลายคนประสบความสำเร็จหรือตั้งตัวในการทำธุรกิจ ธุรกรรมใดๆก็ตาม หลายคนมาจากทุนที่เป็น #เงิน จำนวนไม่มาก หรือหลายคน ไม่มีเอาเสียเลย แล้วพวกเขาเหล่านั้นใช้ทุนอะไร?
1) #ทุนเวลา ทุกคนในโลกนี้มีเท่ากัน มีเงินมากเท่าไหร่ก็ซื้อคืนมาให้ตัวเองไม่ได้ ใช้เวลาให้มีค่าทุกวินาที อย่าฆ่าเวลาเป็นอันขาด
2) #ทุนแรงกาย แรงใจ ธรรมชาติให้มา ถ้าไม่ใช้ธรรมชาติจะเอาคืน หรือทำลายทิ้งเลยด้วยซ้ำ ทุนนี้ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มพูน
3) #ทุนความรู้ มีทุนเวลา ทุนแรงกาย แต่ไม่มีทุนความรู้ ยิ่งทำอาจยิ่งพัง ทุนความรู้ใช้ทุนเวลาเป็นตัวหาเข้าตัวได้ เมื่อมีความรู้ทุนเวลา และทุนแรงกายจะช่วยส่งเสริมให้เกิดทุนตัวที่4
4) #ทุนจากการลงมือทำ เมื่อคิด หาความรู้แล้ว ต้องลงมือทำ ทำไปตามเวลา แรงกาย ความรู้ ถูกผิดแก้ไขหาความรู้เพิ่มเติม จะเกิดการสะสมความรู้ ประสบการณ์ มองปัญหาเป็นโอกาสได้เสมอ
5) #ทุนจากการประยุกต์ความรู้และการลงมือทำ นำมาสร้างวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ จนเกิดเป็น #นวตกรรม ก่อเกิดโอกาส
6) #ทุนสังคม คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้ ทำอะไรคนเดียวก็สำเร็จยาก ต้องการการเกื้อกูลและการช่วยเหลือจากผู้อื่น #การให้คนอื่นแบบไม่หวังเงินทองเป็นสิ่งตอบแทน จะนำมาซึ่งความช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหลายรูปแบบ อันนี้เป็น Sharing Economy มีมานาน แต่โลกเพิ่งเข้าใจ
7) #ทุนเงิน เป็นสิ่งที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้ หากมีทุนอีก6ทุนข้างต้นแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แต่ขาดทุนความรู้ที่จะเอามันไปใช้ประโยชน์มันก็เป็นแค่ขยะ เช่นกิ่งไม้ที่ชาวสวนตัดแต่งกิ่งทุกปี ปล่อยผุพัง แต่บางคนเห็นว่าเอาไปเผาถ่านขายได้ กลั่นเอาน้ำส้มควันไม้มาขายได้ ใบไม้เอาไปหมักทำปุ๋ยขายได้ ก็ใช้แรงกาย แรงความรู้ ขนมาทำ มาขาย พืชหลายชนิดขึ้นเองขึ้นง่าย หลายคนเห็นเป็นวัชพืชกำจัดทิ้ง แต่บางคนมีความรู้นำมาใช้ประโยชน์ในทางสมุนไพร ใช้ปรับปรุงดิน ใช้เป็นอาหาร
ผมได้แนวคิดทุนทั้ง 7 นี้มาจากคุณ อดิสร พวงชมพู เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ แตงโม ที่ทำโครงการ 1ไร่ ให้ได้ 1แสน ใน1crop (5เดือน) เอาเข้าจริงๆ ผู้ที่เข้าร่วมโครงการหลายคนทำได้มากกว่า 1แสนด้วยซ้ำ
ผมนำมาคิดพิจารณานานกว่า3เดือนแล้วสำหรับเรื่องนี้ แนวคิดและการลงมือทำสำคัญที่สุด ...
หากเห็นว่ามีประโยชน์ก็จดจำนำไปใช้กันครับ หากเห็นว่าไร้สาระก็ไม่ต้องดราม่า ผมขี้เกียจเสียเวลาด้วย... Cr.คุณมนตรี นิพิฐวิทยา (หนึ่งในผู้ร่วมผลักดัน web thaivi.org)
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2732
สวัสดีครับพี่ๆ VI หาดใหญ่ทุกท่าน หลังจากห่างหายไปนาน ผมเลยต้องกลับมาทำคะแนนต่ออายุสมาชิกสักหน่อย แฮะๆ ไม่รู้ว่าโพสในนี้ได้ด้วยป่าว
ไม่ทราบว่าพี่ๆ พอจะรู้จัก ฌอน เซีย [Sean Seah] นักลงทุนชาวสิงคโปรบ้างมั้ยครับ มีคนบอกว่าเค้าเป็น "วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่งเอเชีย" เลยเหรอครับ เห็นบอกว่าเป็นลูกศิษย์แมรี่บัฟเฟตโดยตรงประมาณนั้น
พอดีผมไปไฝว้กับพวก OD captital มาครับ มันบอกเนี้ยคนนี้บัฟเฟตแห่งเอเชีย
ผมบอกไม่รู้จัก รู้จักแต่ดร.นิเวศน์ พี่โจลูกอีสาน แล้วก็พี่เว็บจิแปลหนังสือมาให้อ่านเอา Sean Seah นิไม่รู้จักอ่ะ >,,<
ไม่ทราบว่าพี่ๆ พอจะรู้จัก ฌอน เซีย [Sean Seah] นักลงทุนชาวสิงคโปรบ้างมั้ยครับ มีคนบอกว่าเค้าเป็น "วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่งเอเชีย" เลยเหรอครับ เห็นบอกว่าเป็นลูกศิษย์แมรี่บัฟเฟตโดยตรงประมาณนั้น
พอดีผมไปไฝว้กับพวก OD captital มาครับ มันบอกเนี้ยคนนี้บัฟเฟตแห่งเอเชีย
ผมบอกไม่รู้จัก รู้จักแต่ดร.นิเวศน์ พี่โจลูกอีสาน แล้วก็พี่เว็บจิแปลหนังสือมาให้อ่านเอา Sean Seah นิไม่รู้จักอ่ะ >,,<
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
low risk High return!
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2733
ไม่รู้จักครับptaseeker เขียน:สวัสดีครับพี่ๆ VI หาดใหญ่ทุกท่าน หลังจากห่างหายไปนาน ผมเลยต้องกลับมาทำคะแนนต่ออายุสมาชิกสักหน่อย แฮะๆ ไม่รู้ว่าโพสในนี้ได้ด้วยป่าว
ไม่ทราบว่าพี่ๆ พอจะรู้จัก ฌอน เซีย [Sean Seah] นักลงทุนชาวสิงคโปรบ้างมั้ยครับ มีคนบอกว่าเค้าเป็น "วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่งเอเชีย" เลยเหรอครับ เห็นบอกว่าเป็นลูกศิษย์แมรี่บัฟเฟตโดยตรงประมาณนั้น
พอดีผมไปไฝว้กับพวก OD captital มาครับ มันบอกเนี้ยคนนี้บัฟเฟตแห่งเอเชีย
ผมบอกไม่รู้จัก รู้จักแต่ดร.นิเวศน์ พี่โจลูกอีสาน แล้วก็พี่เว็บจิแปลหนังสือมาให้อ่านเอา Sean Seah นิไม่รู้จักอ่ะ >,,<
ความเห็นส่วนตัว ผมขอยกตำแหน่ง บัฟเฟตต์แห่งเอเซีย ให้กับ อ.นิเวศน์ ครับ ^ ^
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2734
เห็นมีการเชิญมาพูดสัมมนาในไทยptaseeker เขียน:สวัสดีครับพี่ๆ VI หาดใหญ่ทุกท่าน หลังจากห่างหายไปนาน ผมเลยต้องกลับมาทำคะแนนต่ออายุสมาชิกสักหน่อย แฮะๆ ไม่รู้ว่าโพสในนี้ได้ด้วยป่าว
ไม่ทราบว่าพี่ๆ พอจะรู้จัก ฌอน เซีย [Sean Seah] นักลงทุนชาวสิงคโปรบ้างมั้ยครับ มีคนบอกว่าเค้าเป็น "วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่งเอเชีย" เลยเหรอครับ เห็นบอกว่าเป็นลูกศิษย์แมรี่บัฟเฟตโดยตรงประมาณนั้น
พอดีผมไปไฝว้กับพวก OD captital มาครับ มันบอกเนี้ยคนนี้บัฟเฟตแห่งเอเชีย
ผมบอกไม่รู้จัก รู้จักแต่ดร.นิเวศน์ พี่โจลูกอีสาน แล้วก็พี่เว็บจิแปลหนังสือมาให้อ่านเอา Sean Seah นิไม่รู้จักอ่ะ >,,<
แต่ไม่น่าจะเก่งหรือดังกว่าดร นิเวศน์ครับ
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2735
เห็นด้วยกับพี่อมรครับamornkowa เขียน:เห็นมีการเชิญมาพูดสัมมนาในไทยptaseeker เขียน:สวัสดีครับพี่ๆ VI หาดใหญ่ทุกท่าน หลังจากห่างหายไปนาน ผมเลยต้องกลับมาทำคะแนนต่ออายุสมาชิกสักหน่อย แฮะๆ ไม่รู้ว่าโพสในนี้ได้ด้วยป่าว
ไม่ทราบว่าพี่ๆ พอจะรู้จัก ฌอน เซีย [Sean Seah] นักลงทุนชาวสิงคโปรบ้างมั้ยครับ มีคนบอกว่าเค้าเป็น "วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่งเอเชีย" เลยเหรอครับ เห็นบอกว่าเป็นลูกศิษย์แมรี่บัฟเฟตโดยตรงประมาณนั้น
พอดีผมไปไฝว้กับพวก OD captital มาครับ มันบอกเนี้ยคนนี้บัฟเฟตแห่งเอเชีย
ผมบอกไม่รู้จัก รู้จักแต่ดร.นิเวศน์ พี่โจลูกอีสาน แล้วก็พี่เว็บจิแปลหนังสือมาให้อ่านเอา Sean Seah นิไม่รู้จักอ่ะ >,,<
แต่ไม่น่าจะเก่งหรือดังกว่าดร นิเวศน์ครับ
ด้วยความสงสัย เมื่อคืน ผม search youtube และฟังคลิปของคนนี้หลายตอนครับ
ฟังแล้วก็เฉยๆ นะครับ แต่รู้สึกว่า แกเน้นขายคอร์สมากกว่านะครับ
อาจารย์ของพวกเรา ไม่ได้ขายคอร์ส แต่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้ฟรีๆ ครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- Mr.Children
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 324
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2736
OD Capital เดียวกันรึเปล่าครับptaseeker เขียน:สวัสดีครับพี่ๆ VI หาดใหญ่ทุกท่าน หลังจากห่างหายไปนาน ผมเลยต้องกลับมาทำคะแนนต่ออายุสมาชิกสักหน่อย แฮะๆ ไม่รู้ว่าโพสในนี้ได้ด้วยป่าว
ไม่ทราบว่าพี่ๆ พอจะรู้จัก ฌอน เซีย [Sean Seah] นักลงทุนชาวสิงคโปรบ้างมั้ยครับ มีคนบอกว่าเค้าเป็น "วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่งเอเชีย" เลยเหรอครับ เห็นบอกว่าเป็นลูกศิษย์แมรี่บัฟเฟตโดยตรงประมาณนั้น
พอดีผมไปไฝว้กับพวก OD captital มาครับ มันบอกเนี้ยคนนี้บัฟเฟตแห่งเอเชีย
ผมบอกไม่รู้จัก รู้จักแต่ดร.นิเวศน์ พี่โจลูกอีสาน แล้วก็พี่เว็บจิแปลหนังสือมาให้อ่านเอา Sean Seah นิไม่รู้จักอ่ะ >,,<
จากเว็บไซต์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2737
ปกติผมก็ปล่อยๆ ผ่านนะครับ แต่อันนี้ไม่ไหวจริงๆ พยายามทำเป็น VI ปลอมมาหลอกคน ซึ่งทำให้ผมเคืองมาก พลอยทำให้ชาวVIเสียหาย
ถามว่าลงทุนอะไรครับได้ผลตอบแทนปีละร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
ในการลงทุนบริษัท OD Capital เป็นหุ้น VI นี่เป็นการลงทุนแบบ VI เป็นหุ้นเทิร์นอะราวน์
สักพักก็ส่งรูปถ่ายคู่พวกโค้ช VICthailand (ผมสงสัยโค้ชบางคนอาจทำอยู่ด้วยรึเปล่า) แล้วก็คู่คุณเผ่าจิตตะ กะชอนเชี่ยไรงี้แหละ ซึ่งผมรู้จักแต่คุณเผ่าjitta เพราะมา money channel บ่อย
พอขอดูงบดุล บอกเป็นหุ้นอยู่นอกตลาดกำลังจะเข้าตลอดตอนนี้ระดมทุน ถึงแม้งบดุลจะขาดทุนแต่จ่ายปันผลได้ทุกเดือน โอ้วว บร๊ะเจ้าโจ๊ก!! ผมนิแทบจะเรียกอาจารย์อุบลช่วยด้วย three time เลย
ผมบอกผมสนใจลงทุนเวียดนาม พม่า ต้องทำไง
ถ้าจะไปลงทุนเวียดนามต้องมีหุ้น ODC ก่อน 5 แสน ผมนิอุทานหาอาเฮียดังมาก (ดีนะเราคุยกันทางแชทเธอเลยไม่ได้ยิน)
แถมหุ้นบริษัทเค้าโคตรเจ๋ง มีสองแบบ OD03 กับ OD05
OD03 นะลงทุนวันนี้ในราคา 1$ มูลค่าตอนนี้ 2.6$ แล้วถ้าซื้อก็ได้ราคา 1$ รอเข้าตลาด
OD05 สนนผลตอบแทนที่ 5-10% ต่อเดือน ว่าแล้วก็โชว์รายการโอนเงินเข้า
แล้วก็ถามแย๊บๆ เรื่อง VCs ผมเลยสรุปได้ว่า VCs เป็น MLM แบบ Binary แต่ไม่เหมือน UFUN นะเออ แล้วก็ด่า UFUN [ช่างหน้าด้านยิ่งนัก] บอกว่า ODC เป็นหุ้น VI ที่จะเทิร์นอราวน์ วันๆ ชอบอัพรูปร้าน CircleK / ODracing บอกไปเยี่ยมกิจการ [หลังจากนั้นเธอก็เงียบไปเลยเพราะเราไม่เปย์] เราถามเยอะเธอชักจะสีข้างถลอก
ผมว่าวงนี้นะมีโดนกันอย่างน้อยก็ร้อยล้านบาทไม่แน่อาจเป็นพันล้านเสียดายเงินในประเทศครับ ต้องขนออกไปทิ้งให้พวกแชร์ลูกโซ่ข้ามชาติ UFUN ODFX ODC
ถามว่าลงทุนอะไรครับได้ผลตอบแทนปีละร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
ในการลงทุนบริษัท OD Capital เป็นหุ้น VI นี่เป็นการลงทุนแบบ VI เป็นหุ้นเทิร์นอะราวน์
สักพักก็ส่งรูปถ่ายคู่พวกโค้ช VICthailand (ผมสงสัยโค้ชบางคนอาจทำอยู่ด้วยรึเปล่า) แล้วก็คู่คุณเผ่าจิตตะ กะชอนเชี่ยไรงี้แหละ ซึ่งผมรู้จักแต่คุณเผ่าjitta เพราะมา money channel บ่อย
พอขอดูงบดุล บอกเป็นหุ้นอยู่นอกตลาดกำลังจะเข้าตลอดตอนนี้ระดมทุน ถึงแม้งบดุลจะขาดทุนแต่จ่ายปันผลได้ทุกเดือน โอ้วว บร๊ะเจ้าโจ๊ก!! ผมนิแทบจะเรียกอาจารย์อุบลช่วยด้วย three time เลย
ผมบอกผมสนใจลงทุนเวียดนาม พม่า ต้องทำไง
ถ้าจะไปลงทุนเวียดนามต้องมีหุ้น ODC ก่อน 5 แสน ผมนิอุทานหาอาเฮียดังมาก (ดีนะเราคุยกันทางแชทเธอเลยไม่ได้ยิน)
แถมหุ้นบริษัทเค้าโคตรเจ๋ง มีสองแบบ OD03 กับ OD05
OD03 นะลงทุนวันนี้ในราคา 1$ มูลค่าตอนนี้ 2.6$ แล้วถ้าซื้อก็ได้ราคา 1$ รอเข้าตลาด
OD05 สนนผลตอบแทนที่ 5-10% ต่อเดือน ว่าแล้วก็โชว์รายการโอนเงินเข้า
แล้วก็ถามแย๊บๆ เรื่อง VCs ผมเลยสรุปได้ว่า VCs เป็น MLM แบบ Binary แต่ไม่เหมือน UFUN นะเออ แล้วก็ด่า UFUN [ช่างหน้าด้านยิ่งนัก] บอกว่า ODC เป็นหุ้น VI ที่จะเทิร์นอราวน์ วันๆ ชอบอัพรูปร้าน CircleK / ODracing บอกไปเยี่ยมกิจการ [หลังจากนั้นเธอก็เงียบไปเลยเพราะเราไม่เปย์] เราถามเยอะเธอชักจะสีข้างถลอก
ผมว่าวงนี้นะมีโดนกันอย่างน้อยก็ร้อยล้านบาทไม่แน่อาจเป็นพันล้านเสียดายเงินในประเทศครับ ต้องขนออกไปทิ้งให้พวกแชร์ลูกโซ่ข้ามชาติ UFUN ODFX ODC
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
low risk High return!
-
- Verified User
- โพสต์: 4241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2738
ผมไปลองกู้เกิ้ลดูแล้ว น่าจะเป็นพวกเปิดคอร์สสอน ไม่ได้รู้จริงอะไรจริง หรือเป็นนักลงทุนฌอน เซีย [Sean Seah]
ที่เก่งจริงๆ แต่อย่างไรนะครับ คล้ายๆ กับบางคนในสยามประเทศ ที่หากินทางการเปิดคอร์ส
และขายหนังสือ (แต่ได้เงินเยอะและรวยด้วย 555+ จากพวกที่ไปหลงเชื่อ)
ผมพยายามพูดและสื่อสารตลอดว่า นักลงทุนวีไอหรือแม้กระทั่งเทคนิคคัลที่ประสบความสำเร็จ
จริงๆ เขาจะพูดหรือสอนให้ฟรีๆ ถ้าจะมีการเปิดคอร์สเงินที่ได้เหลือจากหักค่าใช้จ่ายก็จะไป
ทำบริจาคหมด เพราะอะไรหรือครับ เพราะที่เขาเหล่านั้นมี มันใช้ทั้งชาติยังไม่หมด แถมยังงอก
ออกมาจนแค่ที่งอกออกมาก็ใช้ไม่หมดเหมือนกัน
แต่ๆๆๆๆ (ล้านครั้ง) แทบจะหาคนเชื่อไม่ ก็ต้องปล่อยคนพวกนั้นไปหลงทางอีกไกล ของฟรี
หรือแทบจะฟรี หรือถ้าเสียเงินแต่ได้ทำการกุศลด้วย และที่สำคัญได้เรียนรู้จากนักลงทุนที่เก่งๆ
และประสบความสำเร็จจริงๆ กลับไม่เอา ไปจ่ายตังค์แพงๆ กับคอร์ส/หนังสือ ของนักลงทุน
ที่แทบไม่เคยเห็นความสำเร็จจริงๆ หรือสำเร็จแค่สั้นๆ แต่พูดเก่ง สร้างภาพเก่ง ....
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2739
OD Capital โกงจริงใหม? แชร์ลูกโซ่รึเปล่า
https://m.pantip.com/topic/36334880
https://m.pantip.com/topic/36334880
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
-
- Verified User
- โพสต์: 4241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2740
อีกอันครับดำ เขียน:OD Capital โกงจริงใหม? แชร์ลูกโซ่รึเปล่า
https://m.pantip.com/topic/36334880
https://pantip.com/topic/33423326
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2741
ใช่ครับ พี่ syjsyj เขียน:ผมไปลองกู้เกิ้ลดูแล้ว น่าจะเป็นพวกเปิดคอร์สสอน ไม่ได้รู้จริงอะไรจริง หรือเป็นนักลงทุนฌอน เซีย [Sean Seah]
ที่เก่งจริงๆ แต่อย่างไรนะครับ คล้ายๆ กับบางคนในสยามประเทศ ที่หากินทางการเปิดคอร์ส
และขายหนังสือ (แต่ได้เงินเยอะและรวยด้วย 555+ จากพวกที่ไปหลงเชื่อ)
ผมพยายามพูดและสื่อสารตลอดว่า นักลงทุนวีไอหรือแม้กระทั่งเทคนิคคัลที่ประสบความสำเร็จ
จริงๆ เขาจะพูดหรือสอนให้ฟรีๆ ถ้าจะมีการเปิดคอร์สเงินที่ได้เหลือจากหักค่าใช้จ่ายก็จะไป
ทำบริจาคหมด เพราะอะไรหรือครับ เพราะที่เขาเหล่านั้นมี มันใช้ทั้งชาติยังไม่หมด แถมยังงอก
ออกมาจนแค่ที่งอกออกมาก็ใช้ไม่หมดเหมือนกัน
แต่ๆๆๆๆ (ล้านครั้ง) แทบจะหาคนเชื่อไม่ ก็ต้องปล่อยคนพวกนั้นไปหลงทางอีกไกล ของฟรี
หรือแทบจะฟรี หรือถ้าเสียเงินแต่ได้ทำการกุศลด้วย และที่สำคัญได้เรียนรู้จากนักลงทุนที่เก่งๆ
และประสบความสำเร็จจริงๆ กลับไม่เอา ไปจ่ายตังค์แพงๆ กับคอร์ส/หนังสือ ของนักลงทุน
ที่แทบไม่เคยเห็นความสำเร็จจริงๆ หรือสำเร็จแค่สั้นๆ แต่พูดเก่ง สร้างภาพเก่ง ....
ตอนนี้ผมเห็นค่ายหนึ่งที่ปกติเปิดสอนคอร์สเทคนิค (สอนจนรวย) เริ่มมาเปิดคอร์สสอน เทคนิค + วีไอ แล้วครับ เดาๆ ว่า เปิดมาจนคนเรียนหมดละ (และหลายคนที่เรียนคงไม่ได้ผล) เลยเปลี่ยนแนวหน่อย จัดคอร์สผสม เผื่อดึงคนที่สนใจมาเรียน จะได้มีรายได้ ก็ขำๆ นะครับ หากินบนความโลภของคน / เคยเห็นท่านหนึ่งที่เปิดคอร์สสอนและเขียนหนังสือขาย ลงเฟสไปเรียนคอร์สวีไอที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยครับ อิอิ ชุมตัว จากนั้นไม่นาน ก็เกิดคอร์สประมาณนี้ละ ผสมวีไอ
บอกตรงๆ ว่า ไม่เวิรค์แน่นอนครับ การใช้วีไอ ผสมกราฟเทคนิค มันขัดแย้งกันชัดเจนมากครับ คนละแนวทางที่ไม่อาจไปร่วมกันได้เลย ถ้าจะใช้จริงๆ ต้องเข้าใจอย่างลึกๆ และไม่ผสม มันจะมั่วครับ ค่ายนี้ แม้แต่หนังสือ ผมก็ไม่ซื้อครับ เพราะราคาเกินมูลค่ามากครับ / ในอดีตที่ไม่มีความรู้ เคยหลงผิดมาแล้วครับ เพราะอ่อนต่อวงการลงทุนมาก 555 หลังเสียเงินเรียน 1 คอร์ส เอามาใช้ ผลที่ได้คือ คัทลอสจนยับครับ ^ ^
โชคดีที่พบทางที่ถูกต้องครับ อิอิ
ปล อย่าเชื่อพวกต่างชาติว่า เก่ง แท้จริง อาจไม่เก่งดั่งที่โม้ครับ
พวกเปิดคอร์สสอน ผมยอมรับเลยว่า มีเทคนิคการนำเสนอได้ดีมาก ฟังจนเคลิ้มครับ
นั่นละครับ หลักการตลาด อิอิ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2742
สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ
ขอให้ทุกท่าน มีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทองดั่งใจหมาย
รวมไปถึงครอบครัวที่มีความสุข อบอุ่น ตลอดไปครับ ^ ^
วันปีใหม่ของไทย
ขอให้ทุกท่าน มีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทองดั่งใจหมาย
รวมไปถึงครอบครัวที่มีความสุข อบอุ่น ตลอดไปครับ ^ ^
วันปีใหม่ของไทย
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2743
ตัวผมเองไม่ได้เล่นเทคนิคนะครับ แต่ดูกราฟในแง่ประวัติราคาซื้อขายที่ผ่านมาAnieLee เขียน: ใช่ครับ พี่ syj
ตอนนี้ผมเห็นค่ายหนึ่งที่ปกติเปิดสอนคอร์สเทคนิค (สอนจนรวย) เริ่มมาเปิดคอร์สสอน เทคนิค + วีไอ แล้วครับ เดาๆ ว่า เปิดมาจนคนเรียนหมดละ (และหลายคนที่เรียนคงไม่ได้ผล) เลยเปลี่ยนแนวหน่อย จัดคอร์สผสม เผื่อดึงคนที่สนใจมาเรียน จะได้มีรายได้ ก็ขำๆ นะครับ หากินบนความโลภของคน / เคยเห็นท่านหนึ่งที่เปิดคอร์สสอนและเขียนหนังสือขาย ลงเฟสไปเรียนคอร์สวีไอที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยครับ อิอิ ชุมตัว จากนั้นไม่นาน ก็เกิดคอร์สประมาณนี้ละ ผสมวีไอ
บอกตรงๆ ว่า ไม่เวิรค์แน่นอนครับ การใช้วีไอ ผสมกราฟเทคนิค มันขัดแย้งกันชัดเจนมากครับ คนละแนวทางที่ไม่อาจไปร่วมกันได้เลย ถ้าจะใช้จริงๆ ต้องเข้าใจอย่างลึกๆ และไม่ผสม มันจะมั่วครับ ค่ายนี้ แม้แต่หนังสือ ผมก็ไม่ซื้อครับ เพราะราคาเกินมูลค่ามากครับ / ในอดีตที่ไม่มีความรู้ เคยหลงผิดมาแล้วครับ เพราะอ่อนต่อวงการลงทุนมาก 555 หลังเสียเงินเรียน 1 คอร์ส เอามาใช้ ผลที่ได้คือ คัทลอสจนยับครับ ^ ^
โชคดีที่พบทางที่ถูกต้องครับ อิอิ
ปล อย่าเชื่อพวกต่างชาติว่า เก่ง แท้จริง อาจไม่เก่งดั่งที่โม้ครับ
พวกเปิดคอร์สสอน ผมยอมรับเลยว่า มีเทคนิคการนำเสนอได้ดีมาก ฟังจนเคลิ้มครับ
นั่นละครับ หลักการตลาด อิอิ
แต่ถ้าคนคิดจะเล่นกราฟเทคนิค ในความเห็นผมนะ มันอาจจะมีประโยชน์ในแง่ หาจุดซื้อหรือขายในกรณีที่ดูปัจจัยพื้นฐานมาแล้ว
เช่น ดูแล้วหุ้นตัวนี้ดีแน่ แต่ราคาอาจจะมีโอกาสจะลงไปได้อีก ก็อาจจะใช้กราฟหาจุดซื้อ หรือ ในกรณีที่หุ้นตัวนั้นเรามองว่าราคามันน่าจะเกินมูลค่าแล้ว แต่ราคาหุ้นยังวิ่งขึ้นไปอีก อาจจะกระแสของหุ้นตัวนั้น หรือว่าตลาดอยู่ในภาวะที่ดีจึงดึงหุ้นขึ้นไป ก็อาจจะปล่อยมันวิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อน ถ้ามีสัญญาณขายก็อาจจะขายออกมา
หรือในอีกกรณีหนึ่งที่ในหนังสือลงทุนสวนกระแสของแอนโธนี่ โบลตัน ก็เขียนไว้บทหนึ่งว่า ตัวเค้าเองก็ดูกราฟเทคนิคเหมือนกัน แต่ดูเพื่อ "ตรวจสอบตัวเอง" เช่นในกรณีที่หุ้นลงมาหนัก เค้าก็จะมาตรวจสอบดูอีกทีว่า มีอะไรที่เค้าไม่รู้หรือหลุดไปหรือเปล่าในแง่ปัจจัยพื้นฐาน
แต่ถ้าจะเล่นกราฟอย่างเดียวเลย เท่าที่ผมพอจะทราบมา คนที่ไม่ประสบความสำเร็จเอง มันก็ยากที่จะบอกว่า เพราะอะไรเหมือนกันครับ เพราะมันขึ้นกับการตีความ สุดท้ายมันเลยไม่รู้ว่า เพราะเครื่องมือมันไม่ได้ผล หรือ คนตีความไม่เก่ง
ในกรณีของปัจจัยพื้นฐาน มันตรวจสอบได้ไม่ยาก ถ้าเราคิดว่า บ.จะกำไรดีขึ้น แล้วมันไม่ดีจริง ก็ชัดเจนว่าเราผิดครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2744
เรื่องเปิดคอร์สสอน แหม่...อย่าให้เหลาครับ (มองซ้ายมองขวาก่อน) คันปากยิบๆ
บางคน (หรือหลายคนนะ)นี่ออกรายการช่อง money channel แค่รายการนึงก็เอาไปเป็นโปรไฟล์ เปิดคอร์สสอนเก็บเงินซะละ
Hedge fund ท่านนึงบอกว่า ถ้าเราเก่งจริงในเรื่องการลงทุนแล้วในระยะยาวแล้วโลกจะมารู้จักคุณเอง, ไม่ว่าจะด้านพื้นฐาน หรือเทคนิคอล หรืออะไรก็ตาม
*** ต่างประเทศมีเวบโบรก ที่เขามีการ copy trade (ลอกหุ้นตามเซียน)ได้เลยนะฮะ แล้วก็แบ่งผลกำไร ก็ว่ากันไป เมืองไทยน่าจะมีมั่งเนอะ ผมจะได้ตามพี่ในห้องนี้ อย่างสบายใจ
คือคนพวกนี้ ถ้าเก่งจริง เด๋วสักพักก็มีโบรก หรือfundทาบทามเอง อย่างในไทยก็มีบางกลุ่มนะครับ อันนี้เขาเตรียมจัดคนไปเทรดเป็นการเป็นงาน ระดับglobalแล้ว ***
ปล.เผลอๆเมืองนี้มีโค้ช โน้น นี่ นั่น เยอะกว่าผู้เล่นแล้วมั้ง
บางคน (หรือหลายคนนะ)นี่ออกรายการช่อง money channel แค่รายการนึงก็เอาไปเป็นโปรไฟล์ เปิดคอร์สสอนเก็บเงินซะละ
Hedge fund ท่านนึงบอกว่า ถ้าเราเก่งจริงในเรื่องการลงทุนแล้วในระยะยาวแล้วโลกจะมารู้จักคุณเอง, ไม่ว่าจะด้านพื้นฐาน หรือเทคนิคอล หรืออะไรก็ตาม
*** ต่างประเทศมีเวบโบรก ที่เขามีการ copy trade (ลอกหุ้นตามเซียน)ได้เลยนะฮะ แล้วก็แบ่งผลกำไร ก็ว่ากันไป เมืองไทยน่าจะมีมั่งเนอะ ผมจะได้ตามพี่ในห้องนี้ อย่างสบายใจ
คือคนพวกนี้ ถ้าเก่งจริง เด๋วสักพักก็มีโบรก หรือfundทาบทามเอง อย่างในไทยก็มีบางกลุ่มนะครับ อันนี้เขาเตรียมจัดคนไปเทรดเป็นการเป็นงาน ระดับglobalแล้ว ***
ปล.เผลอๆเมืองนี้มีโค้ช โน้น นี่ นั่น เยอะกว่าผู้เล่นแล้วมั้ง
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2745
หลักการคิดของvalue stock โดย ดร นิเวศน์
จากงานสังสรรค์วีไอเมื่อวันที่2เมย17มาฝากครับ
ปกติหุ้น Growth จะมีPE สูงลิ่ว
ส่วนหุ้น Value เป็นหุ้นแบกับดิน ตัวกิจการไม่โดดเด่น ราคาถูกมาก
ต่อมาวอร์เรน ได้ลงทุนหุ้น Growth ซึ่งเป็นattributeนึงของหุ้นvalue
เขาชอบหุ้นgrowth แต่addเข้าไปในหุ้นvalue
โดยธุรกิจต้องมีความแข็งแกร่ง มีคูเมือง และ
อีกหลายอย่างนอกจากคุณสมบัติของหุ้นที่มีgrowthด้วย
การเติบโต (Growth) แค่ 15% ก็เพียงพอแล้ว
ต้องมีgrowth เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและอธิบายได้ว่าโตมาจากอะไร
แต่หุ้นที่โตสูงมาก และ ไม่สามารถหาสาเหตุได้ น่าเป็นห่วง
ถาม ดร นิเวศน์ว่า business model แบบไหนที่ดร ชอบ
ตอบ ดร ตอบว่าหุ้นที่มี high quality แต่ที่ US หาง่ายกว่าไทยเยอะ
หุ้นในเมืองไทย ใช้วิธีอัดให้ขึ้นเร็ว แต่ในระยะยาว ถ้าไม่จริงก็กลับมา
ในไทย มีไม่เกิน 4-10 ตัวจากตลาดหุ้นประมาณ 700 ตัว
ในรายการ Business model จะเลือกหุ้นที่ดังเข้ามาวิเคราะห์
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยู่ใน list 10 ตัวซึ่งจะดังแค่ 15 นาที
เราต้องการหุ้นที่ดังไปเรื่อยๆ แบบ ที่วอร์เรน กล่าวถึง
มุมมองของดร สำหรับหุ้นที่ดัง 15 นาที ไม่ควรไปยุ่งมัน
ถ้าเราซื้อตอนที่หุ้นดัง โอกาสเจ็บตัวสูง ส่วนใหญ่มีโอกาสจนมากกว่า
ถ้าเราอยู่ในตลาดหุ้นนานๆ ส่วนใหญ่จะไม่ลงทุนหุ้นที่ดัง
หลังจากนั้น 2-3 ปี จะไม่เจอหุ้นที่ดังอีกต่อไป
ยกเว้นคนที่เริ่มต้นหุ้นตัวนั้นก่อน
ประสบการณ์ของดร ดูที่ stability
ยอดขาย กำไร โตช้าๆ ฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ราคาหุ้นไม่แพง
ยกเว้น บางช่วงมี seasonโตมากๆ เราไปซื้อเอาไว้
ที่กำไรมา คือ กลุ่ม Modern trade จับตัวไหนก็ได้ในช่วงเวลานึง
ตอนนั้นที่ เริ่มมาของกลุ่ม Moderntrade
ผมโชคดี ที่เข้ามาตอนที่ประวัติศาสตร์ถูกเขียนเรียบร้อย
คือ ดูที่เขียนย้อนหลัง จะไม่ได้เยอะ
ถ้าเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีใครซื้อ แต่เรามั่นใจ และ กิจการแข็งแกร่ง เราจะได้เยอะ
คนส่วนใหญ่คิดว่า มันเงียบมาก ไม่ไปไหน เลยปล่อยไปก่อน เลยเสียโอกาสไป
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งในงานสังสรรค์thaivi เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2560
จากงานสังสรรค์วีไอเมื่อวันที่2เมย17มาฝากครับ
ปกติหุ้น Growth จะมีPE สูงลิ่ว
ส่วนหุ้น Value เป็นหุ้นแบกับดิน ตัวกิจการไม่โดดเด่น ราคาถูกมาก
ต่อมาวอร์เรน ได้ลงทุนหุ้น Growth ซึ่งเป็นattributeนึงของหุ้นvalue
เขาชอบหุ้นgrowth แต่addเข้าไปในหุ้นvalue
โดยธุรกิจต้องมีความแข็งแกร่ง มีคูเมือง และ
อีกหลายอย่างนอกจากคุณสมบัติของหุ้นที่มีgrowthด้วย
การเติบโต (Growth) แค่ 15% ก็เพียงพอแล้ว
ต้องมีgrowth เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและอธิบายได้ว่าโตมาจากอะไร
แต่หุ้นที่โตสูงมาก และ ไม่สามารถหาสาเหตุได้ น่าเป็นห่วง
ถาม ดร นิเวศน์ว่า business model แบบไหนที่ดร ชอบ
ตอบ ดร ตอบว่าหุ้นที่มี high quality แต่ที่ US หาง่ายกว่าไทยเยอะ
หุ้นในเมืองไทย ใช้วิธีอัดให้ขึ้นเร็ว แต่ในระยะยาว ถ้าไม่จริงก็กลับมา
ในไทย มีไม่เกิน 4-10 ตัวจากตลาดหุ้นประมาณ 700 ตัว
ในรายการ Business model จะเลือกหุ้นที่ดังเข้ามาวิเคราะห์
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยู่ใน list 10 ตัวซึ่งจะดังแค่ 15 นาที
เราต้องการหุ้นที่ดังไปเรื่อยๆ แบบ ที่วอร์เรน กล่าวถึง
มุมมองของดร สำหรับหุ้นที่ดัง 15 นาที ไม่ควรไปยุ่งมัน
ถ้าเราซื้อตอนที่หุ้นดัง โอกาสเจ็บตัวสูง ส่วนใหญ่มีโอกาสจนมากกว่า
ถ้าเราอยู่ในตลาดหุ้นนานๆ ส่วนใหญ่จะไม่ลงทุนหุ้นที่ดัง
หลังจากนั้น 2-3 ปี จะไม่เจอหุ้นที่ดังอีกต่อไป
ยกเว้นคนที่เริ่มต้นหุ้นตัวนั้นก่อน
ประสบการณ์ของดร ดูที่ stability
ยอดขาย กำไร โตช้าๆ ฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ราคาหุ้นไม่แพง
ยกเว้น บางช่วงมี seasonโตมากๆ เราไปซื้อเอาไว้
ที่กำไรมา คือ กลุ่ม Modern trade จับตัวไหนก็ได้ในช่วงเวลานึง
ตอนนั้นที่ เริ่มมาของกลุ่ม Moderntrade
ผมโชคดี ที่เข้ามาตอนที่ประวัติศาสตร์ถูกเขียนเรียบร้อย
คือ ดูที่เขียนย้อนหลัง จะไม่ได้เยอะ
ถ้าเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีใครซื้อ แต่เรามั่นใจ และ กิจการแข็งแกร่ง เราจะได้เยอะ
คนส่วนใหญ่คิดว่า มันเงียบมาก ไม่ไปไหน เลยปล่อยไปก่อน เลยเสียโอกาสไป
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งในงานสังสรรค์thaivi เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2560
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2747
ซื้อมาและอ่านจบเรียบร้อยแล้วครับarica เขียน:หนังสือออกใหม่ครับ
เนื้อหาก็โอเค อ่านง่าย แต่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนักครับ เหมาะกับมือใหม่ๆ โดยเฉพาะที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือแนววีไอมาเลยครับ
หากคนที่อ่านมาเยอะแล้ว ก็ถือว่าอ่านสนุกๆ ครับ
ราคาหนังสือแอบแพงนิดหน่อย (เดาว่า คิดหน้าละ 1 บาท มีราวๆ 175 หน้า ราคา 175 บาท)
ฟอนต์ใหญ่ไปหน่อย แต่ก็พอไหว ไม่ได้แบบตัวโตๆ มาก ^ ^
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2748
ECL AGM 2560 @ Golden Tulip 25 เมษายน 2560 เริ่มเวลา 14:00 น.
วาระที่ 1 รับรองรายงานการประชุมประจำปี 2559
วาระที่ 2 รับรองผลการดำเนินงานปี 2559 ผู้บริหาร รายงานว่า
- สินเชื่อโตจาก 900 ลบ เป็น 1400 ลบ
- ลูกค้าใหม่กว่า 4000 ราย
- สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อ ประเภท รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถจักรยานยนต์ (Big Bike), และ รถตู้/รถกระบะ/อื่นๆ มีสัดส่วนประมาณ 47%, 37%, และ 16%
- กำไรตามประกาศ 23 ล้านบาท แต่ถ้าหักการตั้งสำรองการขายหุ้นต่ำกว่าราคาตลาด กำไรจริง ประมาณ 60 ล้านบาท
- D/E 1.3 เท่า NPL 4.6%
ช่วง Q&A
o Q1: ขอทราบสาเหตุที่รายได้ฯ vs ค่าใช้จ่าย ไม่สมดุลกัน และอัตรากำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบปี 59 กับ ปี 58
o Q2: ลูกหนี้ระหว่างดำเนินคดี กับลูกหนี้ประนอมหนี้ จาก 48 ไป 60 ลบ ค่อนข้างสูง อยากทราบว่า NPL ควรเป็นเท่าไร ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
o A: ปี 59 มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะค่าใช้จ่าย มีเรื่องการควบรวมกิจการและค่าปรึกษากฏหมาย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว แต่ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายมาก แต่ก็มีกำไรมากถึง 60 กว่าล้านบาท
o A: NPL หลายๆ แห่ง มีราวๆ 4% พอๆ กัน ปี 60 มีเป้าหมายคุม NPL ให้ลดลง
o Q3: โปรแกรมในการทำธุรกิจจาก ผถห รายใหม่ นำมาใช้สมบูรณ์แล้วหรือไม่
o Q4: ธุรกิจหลักของกิจการคืออะไร และมีแผนการตลาดเป็นอย่างไร
o Q5: ถ้าใช้ระบบเต็มที่ มีเป้าเพิ่มสินเชื่อกี่ %
o Q6: มีแผนขยายไป ตปท หรือไม่ อย่างไร
o A: PFS & ECL มีการปรับปรุงระบบใหม่หมด ตัวอย่างเช่น ในปีที่ผ่านมา ปี 59 Q1 ยอดสินเชื่อ 60 ลบ เพิ่มเป็น 180 ลบ ในปี 2560 โดยปี 60 ตั้งเป้าสินเชื่อประมาณ 2400 ลบ ในขณะที่ลูกค้าใหม่เพิ่มจาก 200 เป็น 530 ราย ส่วนหนึ่งเกิดจากความร่วมมือของ Partnet ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
o A: ไม่มีแผนลงทุนใน ตปท
o ด้าน IR พยายามปรับปรุง Branding ให้คนรู้จักมากขึ้น
o Q: แผน ธุรกิจใหม่ อู่รถยนต์ & ธุรกิจอื่นๆ มีอย่างไร
o A: ปัจจุบัน มีสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งมีแผนเพิ่มพอร์ตให้เป็น 1 หมื่นล้านบาทใน 2 ปี
o A: พัฒนา Auto Services โดยอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า จะเปิดตัวอู่รถยนต์แห่งแรก (แถวเกษตร-นวมินทร์) เป็นการทดสอบ และจะทยอยเปิด 3-4 แห่ง เป้าภายใน 2-3 ปี จะมีอู่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มรายได้ในส่วนนี้ให้มากขึ้น
o A: ทำ Branding ให้มากขึ้น โดยมีหน้าร้านของบริษัท / มีการพูดคุยกับทาง Community Mall ไว้แล้ว เพื่อขอเปิดอู่
o A: รายได้จากธุรกิจใหม่ คาดว่า เป็นสัดส่วนใหม่ในปลายปีหน้า และคาดว่าจะมีมาร์จิ้นค่อนข้างดี มองคร่าวๆ 20% จากธุรกิจใหม่
o Q1: สาเหตุการยกเลิก Nano Finance
o Q2: จากโครงการ EEC มีแผนการลงทุนหรือไม่
o A: ECL มีเครือข่ายอยู่แล้ว แถวๆ EEC ส่วน Nano Finance เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว มองว่า สู้ไม่ได้ จึงยกเลิก แล้วหันมาทำธุรกิจใหม่
o Q: Fixed Man มีการขายด้วยหรือไม่
o A: ไม่มีการขาย ซ่อมอย่างเดียว และซ่อมเครื่องยนต์เท่านั้น ไม่รวม Body
o A: ส่วนที่ Warranty ให้ (มีการคิดค่าธรรมเนียมในการทำ WarrantyX
o A: เชื่อว่า ถ้าพัฒนา Branding ให้มีชื่อ น่าได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า
o Q: มีเป้าพอร์ตสินเชื่อเท่าไรในปี 60
o A: 4000 กว่าล้านบาทในปลายปี 60
o Q: มีจุดเด่นอะไรในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ
o A: พยายามปรับปรุงส่วนนี้ ภายใน 3-6 เดือน
(ต่อจากนี้ จะเป็นเนื้อหาส่วนที่ ผบห ตอบคำถามเท่านั้น เนื่องจากมีคำถามจำนวนมาก เริ่มจดไม่ทัน ผมจึงจดเฉพาะคำตอบที่ ผบห ตอบเท่านั้น)
- สินเชื่อ มี yield เฉลี่ย เกือบ 10% (เฉพาะดอกเบี้ย) / กู้มา 4% ปล่อย 11%
- ค่าใช้จ่าย เงินเดือน ค่าเช่า คิดเป็นประมาณ 3% ของ (ไม่แน่ในว่าของ รายได้ หรือ ต้นทุน)
- มีการขยายทีมงานขาย และปรับ/ขยายโซนให้ครอบคลุมมากขึ้น
- จากเป้า 4000 ลบ อาจต้องมีการใช้บริการส่วนฟรีแลนซ์เข้ามาช่วย แต่ไม่มีการเพิ่มพนักงานขาย
- ในส่วนของ PFS ที่เข้ามาลงทุนกับ ECL ได้ 1 ปีนั้น ได้มีการถ่ายทอด Knowhow ตั้งแต่เดือน 5 ปีที่แล้ว และอนาคต ยังมีโอกาสขยาย Knowhow และรายได้อีกค่อนข้างมาก
- ส่วนของปัญหาและอุปสรรค ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และจะก้าวหน้าไปกับ ECL
- สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น มีผลทำให้ NPL น้อยลงในช่วงแรก เพราะยังไม่มี NPL อย่างไรก็ตาม กิจการมีการคำนึงถึงคุณภาพลูกหนี้อยู่แล้ว
- เป้าหมายพอร์ต 10000 ล้านบาท ที่วางไว้ ทาง ECL จะค่อยๆ โตไป เช่น จาก 7 พัน ไป 1 หมื่น โดยระหว่างทางนั้น คงต้องหาเครื่องมือในการหาแหล่งเงินทุนซึ่งอาจมาจากทางไหนก็เป็นได้ เช่น การแปลง W, การกู้เงิน, การออก Bond เป็นต้น เป็นไปได้ทั้งเพิ่มทุน/ออก W
- บริษัท มีแผนทำ Digital Media ในการช่วยประชาสัมพันธ์กิจการ
- Fixed Man เปิดราว 2-3 สาขา ในส่วนของราคา ยังไม่ได้กำหนด แต่มองมาร์จิ้นไว้ 30% หากมั่นใจในสาขาที่เปิดขึ้นมาแล้ว ก็จะขยายสาขาเพิ่มขึ้น
- ด้านตลาด Warranty Services ในไทย ยังไม่มีรูปแบบนี้มาก่อน คิดว่า น่ามีลูกค้าที่ซื้อรถมือสองและซ่อมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย น่าพอใจในบริการนี้ และน่าเป็นโอกาสค่อนข้างดีในการขยายตลาดนี้ในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยมีรถญี่ปุ่นมาก เลยคิดว่า Knowhow ที่มี น่าพอสนับสนุนบริการได้ และการที่กิจการมี Fixed Man ก็มีผลต่อ Warranty Service เพราะลูกค้ารถเสี่ย ก็ต้องหาอู่รถที่ได้มาตราฐาน
- ปัจจุบัน ส่วนของ Warranty Service ก็ไม่มีแผนขยายธุรกิจไป ต่างประเทศ
- พอร์ตสินเชื่อปัจจุบัน 2000 ลบ ซึ่งยังมีขนาดเล็ก ไม่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ จึงอยากที่จะขยายพอร์ตให้ได้ก่อน เช่น ขยายเป็น 5 พัน และไป 1 หมื่นล้านบาทให้ได้
- ก่อนเกิดดีล PFS มาร่วมทุนกับ ECL นั้น ได้มีการพูดคุยกันไว้ก่อนแล้ว 5 ปี ในการหาคู่ ต้องหาคนที่น่าเชื่อถือ เป็นสำคัญ โดย PFS มองว่า ทาง ECL มีความน่าเชื่อถือ ซื่อสัตย์ และยังมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจให้มีรายได้อีกมากขึ้น / ทาง PFS ได้ทำ research มาแล้วว่า สินเชื่อไทย กับ ญี่ปุ่นค่อนข้างเหมือนกัน และมาร์เก็ตแชร์ของ ECL แค่ 1% ก็แสดงว่า มีโอการขยายตัวได้อีกมาก จึงเป็นเหตุผลที่ทาง PFS มาร่วมทุนกับ ECL
- ECL มีปัญหา NPL ของ Big Bike น้อยมาก และพอมีลูกค้ามากขึ้น ก็มีคนแนะนำให้ปล่อยกู้ Big Bike ที่มีขนาดเล็กลง ส่วนของ NPL ก็ยังไม่น่ากังวล ถึงแม้จะมีการปล่อยกู้ Big Bike ที่มีขนาดเล็กลงก็ตาม แต่ที่เป็นห่วง น่าเป็นเรื่องการเติบโตของ Big Bike มากกว่า (ไม่ได้หมายความว่า Big Bike ตอนนี้ ไม่โตนะ)
- มีการเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อเสริมแหล่งเงินทุน เพื่อให้มีเงินทุนในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยส่วนของแบงค์ ยังมองเพดาน D/E ไว้ที่ 3 เท่า
- ปกติ การหยุดรับรู้รายได้ของกิจการอื่น จะหยุดรับรู้รายได้ 3 เดือน แต่ของทาง ECL หยุดรับรู้รายได้ที่ 4 เดือน ทั้งนี้ เป็นเพราะทาง ECL มีการบันทึกสถิติไว้ว่า 4 เดือน จะมีปัญหาในการรับรุ้รายได้ จึงใช้ 4 เดือนมาเป็นเกณฑ์แทน 3 เดือน
วาระที่ 3 พิจารณาอนุมัติงบการเงิน
วาระที่ 4 อนุมัติเงินปันผล
วาระที่ 5 เลือกตั้งกรรมการบริษัท
วาระที่ 6 ผู้ตรวจสอบบัญชี
วาระที่ 7 ค่าตอบแทนกรรมการ
วาระที่ 8 อื่นๆ (ไม่มี)
*(คำถามถูกซักถามกันไปจนหมดในวาระที่ 2 แล้ว)
จบการประชุม
วาระที่ 1 รับรองรายงานการประชุมประจำปี 2559
วาระที่ 2 รับรองผลการดำเนินงานปี 2559 ผู้บริหาร รายงานว่า
- สินเชื่อโตจาก 900 ลบ เป็น 1400 ลบ
- ลูกค้าใหม่กว่า 4000 ราย
- สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อ ประเภท รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถจักรยานยนต์ (Big Bike), และ รถตู้/รถกระบะ/อื่นๆ มีสัดส่วนประมาณ 47%, 37%, และ 16%
- กำไรตามประกาศ 23 ล้านบาท แต่ถ้าหักการตั้งสำรองการขายหุ้นต่ำกว่าราคาตลาด กำไรจริง ประมาณ 60 ล้านบาท
- D/E 1.3 เท่า NPL 4.6%
ช่วง Q&A
o Q1: ขอทราบสาเหตุที่รายได้ฯ vs ค่าใช้จ่าย ไม่สมดุลกัน และอัตรากำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบปี 59 กับ ปี 58
o Q2: ลูกหนี้ระหว่างดำเนินคดี กับลูกหนี้ประนอมหนี้ จาก 48 ไป 60 ลบ ค่อนข้างสูง อยากทราบว่า NPL ควรเป็นเท่าไร ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
o A: ปี 59 มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะค่าใช้จ่าย มีเรื่องการควบรวมกิจการและค่าปรึกษากฏหมาย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว แต่ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายมาก แต่ก็มีกำไรมากถึง 60 กว่าล้านบาท
o A: NPL หลายๆ แห่ง มีราวๆ 4% พอๆ กัน ปี 60 มีเป้าหมายคุม NPL ให้ลดลง
o Q3: โปรแกรมในการทำธุรกิจจาก ผถห รายใหม่ นำมาใช้สมบูรณ์แล้วหรือไม่
o Q4: ธุรกิจหลักของกิจการคืออะไร และมีแผนการตลาดเป็นอย่างไร
o Q5: ถ้าใช้ระบบเต็มที่ มีเป้าเพิ่มสินเชื่อกี่ %
o Q6: มีแผนขยายไป ตปท หรือไม่ อย่างไร
o A: PFS & ECL มีการปรับปรุงระบบใหม่หมด ตัวอย่างเช่น ในปีที่ผ่านมา ปี 59 Q1 ยอดสินเชื่อ 60 ลบ เพิ่มเป็น 180 ลบ ในปี 2560 โดยปี 60 ตั้งเป้าสินเชื่อประมาณ 2400 ลบ ในขณะที่ลูกค้าใหม่เพิ่มจาก 200 เป็น 530 ราย ส่วนหนึ่งเกิดจากความร่วมมือของ Partnet ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
o A: ไม่มีแผนลงทุนใน ตปท
o ด้าน IR พยายามปรับปรุง Branding ให้คนรู้จักมากขึ้น
o Q: แผน ธุรกิจใหม่ อู่รถยนต์ & ธุรกิจอื่นๆ มีอย่างไร
o A: ปัจจุบัน มีสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งมีแผนเพิ่มพอร์ตให้เป็น 1 หมื่นล้านบาทใน 2 ปี
o A: พัฒนา Auto Services โดยอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า จะเปิดตัวอู่รถยนต์แห่งแรก (แถวเกษตร-นวมินทร์) เป็นการทดสอบ และจะทยอยเปิด 3-4 แห่ง เป้าภายใน 2-3 ปี จะมีอู่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มรายได้ในส่วนนี้ให้มากขึ้น
o A: ทำ Branding ให้มากขึ้น โดยมีหน้าร้านของบริษัท / มีการพูดคุยกับทาง Community Mall ไว้แล้ว เพื่อขอเปิดอู่
o A: รายได้จากธุรกิจใหม่ คาดว่า เป็นสัดส่วนใหม่ในปลายปีหน้า และคาดว่าจะมีมาร์จิ้นค่อนข้างดี มองคร่าวๆ 20% จากธุรกิจใหม่
o Q1: สาเหตุการยกเลิก Nano Finance
o Q2: จากโครงการ EEC มีแผนการลงทุนหรือไม่
o A: ECL มีเครือข่ายอยู่แล้ว แถวๆ EEC ส่วน Nano Finance เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว มองว่า สู้ไม่ได้ จึงยกเลิก แล้วหันมาทำธุรกิจใหม่
o Q: Fixed Man มีการขายด้วยหรือไม่
o A: ไม่มีการขาย ซ่อมอย่างเดียว และซ่อมเครื่องยนต์เท่านั้น ไม่รวม Body
o A: ส่วนที่ Warranty ให้ (มีการคิดค่าธรรมเนียมในการทำ WarrantyX
o A: เชื่อว่า ถ้าพัฒนา Branding ให้มีชื่อ น่าได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า
o Q: มีเป้าพอร์ตสินเชื่อเท่าไรในปี 60
o A: 4000 กว่าล้านบาทในปลายปี 60
o Q: มีจุดเด่นอะไรในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ
o A: พยายามปรับปรุงส่วนนี้ ภายใน 3-6 เดือน
(ต่อจากนี้ จะเป็นเนื้อหาส่วนที่ ผบห ตอบคำถามเท่านั้น เนื่องจากมีคำถามจำนวนมาก เริ่มจดไม่ทัน ผมจึงจดเฉพาะคำตอบที่ ผบห ตอบเท่านั้น)
- สินเชื่อ มี yield เฉลี่ย เกือบ 10% (เฉพาะดอกเบี้ย) / กู้มา 4% ปล่อย 11%
- ค่าใช้จ่าย เงินเดือน ค่าเช่า คิดเป็นประมาณ 3% ของ (ไม่แน่ในว่าของ รายได้ หรือ ต้นทุน)
- มีการขยายทีมงานขาย และปรับ/ขยายโซนให้ครอบคลุมมากขึ้น
- จากเป้า 4000 ลบ อาจต้องมีการใช้บริการส่วนฟรีแลนซ์เข้ามาช่วย แต่ไม่มีการเพิ่มพนักงานขาย
- ในส่วนของ PFS ที่เข้ามาลงทุนกับ ECL ได้ 1 ปีนั้น ได้มีการถ่ายทอด Knowhow ตั้งแต่เดือน 5 ปีที่แล้ว และอนาคต ยังมีโอกาสขยาย Knowhow และรายได้อีกค่อนข้างมาก
- ส่วนของปัญหาและอุปสรรค ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และจะก้าวหน้าไปกับ ECL
- สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น มีผลทำให้ NPL น้อยลงในช่วงแรก เพราะยังไม่มี NPL อย่างไรก็ตาม กิจการมีการคำนึงถึงคุณภาพลูกหนี้อยู่แล้ว
- เป้าหมายพอร์ต 10000 ล้านบาท ที่วางไว้ ทาง ECL จะค่อยๆ โตไป เช่น จาก 7 พัน ไป 1 หมื่น โดยระหว่างทางนั้น คงต้องหาเครื่องมือในการหาแหล่งเงินทุนซึ่งอาจมาจากทางไหนก็เป็นได้ เช่น การแปลง W, การกู้เงิน, การออก Bond เป็นต้น เป็นไปได้ทั้งเพิ่มทุน/ออก W
- บริษัท มีแผนทำ Digital Media ในการช่วยประชาสัมพันธ์กิจการ
- Fixed Man เปิดราว 2-3 สาขา ในส่วนของราคา ยังไม่ได้กำหนด แต่มองมาร์จิ้นไว้ 30% หากมั่นใจในสาขาที่เปิดขึ้นมาแล้ว ก็จะขยายสาขาเพิ่มขึ้น
- ด้านตลาด Warranty Services ในไทย ยังไม่มีรูปแบบนี้มาก่อน คิดว่า น่ามีลูกค้าที่ซื้อรถมือสองและซ่อมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย น่าพอใจในบริการนี้ และน่าเป็นโอกาสค่อนข้างดีในการขยายตลาดนี้ในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยมีรถญี่ปุ่นมาก เลยคิดว่า Knowhow ที่มี น่าพอสนับสนุนบริการได้ และการที่กิจการมี Fixed Man ก็มีผลต่อ Warranty Service เพราะลูกค้ารถเสี่ย ก็ต้องหาอู่รถที่ได้มาตราฐาน
- ปัจจุบัน ส่วนของ Warranty Service ก็ไม่มีแผนขยายธุรกิจไป ต่างประเทศ
- พอร์ตสินเชื่อปัจจุบัน 2000 ลบ ซึ่งยังมีขนาดเล็ก ไม่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ จึงอยากที่จะขยายพอร์ตให้ได้ก่อน เช่น ขยายเป็น 5 พัน และไป 1 หมื่นล้านบาทให้ได้
- ก่อนเกิดดีล PFS มาร่วมทุนกับ ECL นั้น ได้มีการพูดคุยกันไว้ก่อนแล้ว 5 ปี ในการหาคู่ ต้องหาคนที่น่าเชื่อถือ เป็นสำคัญ โดย PFS มองว่า ทาง ECL มีความน่าเชื่อถือ ซื่อสัตย์ และยังมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจให้มีรายได้อีกมากขึ้น / ทาง PFS ได้ทำ research มาแล้วว่า สินเชื่อไทย กับ ญี่ปุ่นค่อนข้างเหมือนกัน และมาร์เก็ตแชร์ของ ECL แค่ 1% ก็แสดงว่า มีโอการขยายตัวได้อีกมาก จึงเป็นเหตุผลที่ทาง PFS มาร่วมทุนกับ ECL
- ECL มีปัญหา NPL ของ Big Bike น้อยมาก และพอมีลูกค้ามากขึ้น ก็มีคนแนะนำให้ปล่อยกู้ Big Bike ที่มีขนาดเล็กลง ส่วนของ NPL ก็ยังไม่น่ากังวล ถึงแม้จะมีการปล่อยกู้ Big Bike ที่มีขนาดเล็กลงก็ตาม แต่ที่เป็นห่วง น่าเป็นเรื่องการเติบโตของ Big Bike มากกว่า (ไม่ได้หมายความว่า Big Bike ตอนนี้ ไม่โตนะ)
- มีการเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อเสริมแหล่งเงินทุน เพื่อให้มีเงินทุนในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยส่วนของแบงค์ ยังมองเพดาน D/E ไว้ที่ 3 เท่า
- ปกติ การหยุดรับรู้รายได้ของกิจการอื่น จะหยุดรับรู้รายได้ 3 เดือน แต่ของทาง ECL หยุดรับรู้รายได้ที่ 4 เดือน ทั้งนี้ เป็นเพราะทาง ECL มีการบันทึกสถิติไว้ว่า 4 เดือน จะมีปัญหาในการรับรุ้รายได้ จึงใช้ 4 เดือนมาเป็นเกณฑ์แทน 3 เดือน
วาระที่ 3 พิจารณาอนุมัติงบการเงิน
วาระที่ 4 อนุมัติเงินปันผล
วาระที่ 5 เลือกตั้งกรรมการบริษัท
วาระที่ 6 ผู้ตรวจสอบบัญชี
วาระที่ 7 ค่าตอบแทนกรรมการ
วาระที่ 8 อื่นๆ (ไม่มี)
*(คำถามถูกซักถามกันไปจนหมดในวาระที่ 2 แล้ว)
จบการประชุม
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2749
วันนี้ เสียดาย ลืมคำถามสำคัญครับ
คำถามที่ว่าคือ การเพิ่มทุน PP ให้กับ PFS ไป ทำไม ECL ถึงต้องบันทึก ขาดทุนจากการจำหน่ายหุ้นในราคาที่ต่ำกว่า ด้วย
ทั้งๆ ที่ขายเกินราคาพาร์อยู่แล้ว ซึ่งต้องบันทึกส่วนที่ขายเกินพาร์เป็น ส่วนเกินมูลค่าหุ้น ด้วยซ้ำ
พลาดไป เพราะมัวแต่จดๆๆๆ มีนักลงทุนวีไอสนใจหลายท่าน ทำให้คำถามถูกยิงกันรัวๆ ครับ ^ ^
คำถามที่ว่าคือ การเพิ่มทุน PP ให้กับ PFS ไป ทำไม ECL ถึงต้องบันทึก ขาดทุนจากการจำหน่ายหุ้นในราคาที่ต่ำกว่า ด้วย
ทั้งๆ ที่ขายเกินราคาพาร์อยู่แล้ว ซึ่งต้องบันทึกส่วนที่ขายเกินพาร์เป็น ส่วนเกินมูลค่าหุ้น ด้วยซ้ำ
พลาดไป เพราะมัวแต่จดๆๆๆ มีนักลงทุนวีไอสนใจหลายท่าน ทำให้คำถามถูกยิงกันรัวๆ ครับ ^ ^
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2750
ขอบคุณท่านAnieleeฮะ เด๋วจะลองไปขอทัวร์รุ่นน้อง มอ.(ตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอ) แถมในรางวัลintelligent investorให้อีกนะฮะ
และก็ขอบคุณ the masked investor ทุกท่านที่ช่วยกันมาลากไส้ อุ๊ย..วิแคะทุกแง่มุมนะฮะ
วิจารณ์ด้านลบของการลงทุนที่เรายังไม่มีนั้น มันช่างฟินจริงๆ (วลีนี้ยืมท่านดำมา ฮา)
มีอะไรน่าสงสัย เตือนกันใด้ ใส่กันมาเต็มๆเลยฮะ ผิดถูก พลาดท่า ค่อยเปลี่ยนหน้ากาก(log in)กันทีหลังได้ ฮิฮิ
ท่านลูกหิน(หน้ากากฟลิ้นท์สโตน เปิดออกมาเป็นหน้ากากrain(ติ่งเกาหลีรุ่นโน้นกรี๊ดหน่อยจร้า..))
ท่านดำ(หน้ากากนินจาฮาโตริ เปิดออกมาเป็นดาร์ค เวเดอร์ อ๊ะจ๊ากก..)
อ.leky (หน้ากากสุมาอี้ เปิดออกเป็นหน้ากากเบน (แฟลงคลินนะจ๊ะ ไม่ใช่เกรแฮมรึเอฟเฟลก))
ท่านromee (หน้ากากโรมิโอ(ชื่อเต็มของโรม)เปิดออกเป็นหน้ากากขุนแผน( เอ๊ะ ยังไง..))
อ.chaitorn (หน้ากากมังเกอร์ตามquote) และผม หน้ากากน้าค่อม..
นี่ก็ผ่านสงกรานต์ไปอีกปีแระ เหี่ยวหง่อมไปอีก
ไปกินสเต๊ก บริกรถามจะรับพริกไทยดำมั้ยคะ ดันตอบว่าลุงอยากได้กระชายดำมากกว่าจ้ะหนู
ไปถอนตังค์แบงค์ เค้าถามว่าต้องการบริการอะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ ตอบซื่อๆไปว่าอยากได้นวดแผนไทย..
อ.นิเวศน์ออกหนังสือเล่มใหม่มาแล้วนะฮะ "ลงทุนแบบป้าแอนน์" ไปซื้อหา(ดีกว่ายืนอ่านแน่นวล)กันได้
ได้ข่าวหุ้นยางมาฝากท่านamornkowa กะพี่K-TAWเพิ่มน่ะฮะ ว่าคดีกับฝรั่งขายถุง(มือ)ยางตกลงกันได้แล้ว
เป็นแลกหุ้นรึอะไรราวๆนั้น ต้นทุนทั้งสองท่านเท่าไหร่กันมั่งฮะ จะได้รอซื้อให้ถูกกว่า(โดดหลบตีนแพร็บ..)
และก็มาส่งการบ้านท่านAnieleeฮะ
เซียนเทร์ดเดอร์ที่เค้าไปเรียนหลักสูตรวีไอที่โคลัมเบียเนี่ย ก็แปลว่าอยากเปลี่ยนแนวมั้ยอ่ะฮะ
จริงๆแล้วเทรดเดอร์ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นกะลงไม่ใช่หรอฮะ แต่ก็ไม่เป็นไรฮะ ถ้าอยากเปลี่ยนแนวเป็นวีไอ
ห้องนี้ยินดีต้อนรับเสมอฮะ มาเล่าให้ฟังราวๆ"108-1009วิธีที่ไม่เวิร์คในการเทรด"ก็ยินดีนะฮะ
หาหน้ากาก เอ๊ยlog inใหม่เข้ามาได้เลย(แหยะ เกิดมาถุยย กับ หยอย เกิดมาถอก(talk)สองอันนี้ผมใช้ไปแล้วฮะ ถ้าไม่รังเกียจ ผมให้ยืมได้..)
อ.Bruce Greenwald
http://www.valuewalk.com/bruce-greenwald/
(ท่านsyj(หน้ากากJobsตามquote)ฮะ ผมกำลังจะแปลมั่วๆอีกแล้วฮะ แบ็คให้ด้วย)
"ถ้าคู่แข่งเข้ามาได้ง่ายๆละก็ กำไรธุรกิจจะเหลือแค่ผลตอบแทน"ปกติ"ของเงินลงทุนเท่านั้น
โอกาสกลยุทธ์ที่สำคัญคือ "barrior to entry"เท่านั้น ที่จะทำให้แตกต่าง"
ศจ.บรูซ จบวิศวะMIT มี MS,MPA,Ph.D ท่านสอนที่ม.โคลัมเบีย มีลูกศิษย์แย่งกันเรียนในแต่ละปีเกิน650คน
ท่านบริหารที่Heilbrunn center for Graham&Dod investing,ได้รับรางวัลมากมาย ในหัวข้อvalue investing
Newyork times เรียกท่านเป็น" A guru to wall street's gurus"
ท่านบริหารกองทุน First Eagle Funds(ราวแสนล้านดอลล์) ซึ่งกองทุนนี้เริ่มตั้งในเยอรมัน ย้ายมาเมกา1937
"จากปรัชญาลงทุนของBen Graham และWarren Buffett ;First Eagle Funds จะมุ่งหวัง longterm positive absolute return โดยใช้หลักการ fundamental value เพื่อที่จะ "หลีกเลี่ยง การขาดทุนถาวร"ของเงินทุน
โดยการลงทุนในสิ่งที่เชื่อว่ามีmargin of safety" (ว้าวว..วีไอทุกเม็ด)
ปรัชญาการลงทุน
ยากจะอธิบายปรัชญาลงทุนของอ.บรูซ แบบสั้นๆ ให้อ่านงาน"Value investing ; from Graham to Buffett and beyond " จะดีกว่า
หรืออ่านสัมภาษณ์จาก morning star
MS : วีไอจะลงทุนหุ้นการเงินที่ high leverage แบบciti group ไงดี
GW : โอเค ที่ first eagle การรักษาเงินลงทุนมาอันดับแรก เราตั้งเป้าผลตอบแทนระยะยาว 9% 10% 11% มากกว่าเงินเฟ้อ แต่เราไม่อยากเสี่ยงขาดทุนเพื่อจะได้ขนาดนี้ ถ้าดูหุ้นการเงิน ดาวน์ไซด์มันมักจะมาจากleverage
เวลาเห็นแวลยู(หมายถึงearning power) แต่ก็เห็นว่ามีโอกาส"ขาดทุนถาวร" ก็แปลว่าความเสี่ยงมันก็สูงไป
สำหรับวีไอคนอื่น ถ้าเค้าหวังอัพไซด์สี่ห้าเด้ง (แต่มีโอกาสขาดทุนหมดตัว) มันก็อาจดูน่าดึงดูด นั่นล่ะ ประเด็นของ high leverage
MS : first eagle มี american expressด้วยนี่ เห็นราคาวิ่งมาปีนึงละ
GW : มันค่อยๆขึ้นมา ถ้าคุณคิดว่าeps ระยะยาวทำได้3.6$ มันก็ได้ผลตอบแทน10%แล้ว
เราเห็นว่ามัน"ยังโตได้อีก"เลย "ทนเสี่ยงได้"เพราะ
1. หนี้สุญบัตรเครดิตลดลงเรื่อยๆมานานแล้ว
2. ปล่อยกู้ลดลง เงินสดท่วมมหาศาล
ย้ำอีกทีนะ เราเน้นว่า"ห้ามขาดทุน" แต่ผลตอบแทนมันก็ยังดี(good) แต่ไม่เลิศ(great) แต่โอกาสขาดทุนถาวรของเงินทุนแทบไม่มี
สัมภาษณ์ของAdvisor Prosperity
มีหลักการ"จัดการความเสี่ยง" และ "ประเมินมูลค่า" เพื่อ"ไม่ให้ขาดทุน" เป็นข้อควรระวัง 3 ข้อคือ
1. "จ่ายแพงไป" อันนี้ทำให้ขาดทุนได้ไวที่สุด ดังนั้นต้องมี margin of safety ตลอดเวลา
2. คำนวน margin of safety ผิด เพราะคำนวน intrinsic value ผิด
เหตุการณ์เกิดแบบไม่คาดคิด สินค้าไม่เวิร์ค คู่แข่งเข้ามา ปัญหาอุตสาหกรรม
แก้โดยต้องมีหุ้น20-30ตัวกระจายทั่วโลก คือ"diversify"เพราะ"ความเสี่ยง" มาจาก unexpect, การเงิน,การบริหาร
3. แม้จะกระจายผอร์ทแล้ว เกิดขาดทุนแค่3-4%ขึ้นมา จาก macro economicsกระเพื่อม รึอะไรก็ตาม
การขาดทุนชั่วคราวนี้ จะกลายเป็นขาดทุนถาวรได้ จาก "leverage"
ถ้าจะleverage ต้องได้อัพไซด์5-6เท่า และดาวน์ไซด์=0
ต้องเปลี่ยนความคิดเรื่องleverageเสียใหม่ และระวังให้มาก ใช้แค่บางส่วนของผอร์ทที่กระจายความเสี่ยงแล้ว
AP: เห็นถือ microsoft,american expressนี่ ไม่เห็นจะเป็นหุ้นวีไอเลย(น่าเกลียด ถูกๆ น่าเบื่อ ตลาดขายทิ้ง)
GW : amexเนี่ย เหลือเชื่อเลย eps ไม่ต่ำกว่า3$ ถ้าลดต้นทุนอีก(ken chenaultลาออก) จะได้อีก2.5$
ก่อนภาษี รวมๆแล้วeps5$แบบยั่งยืน ที่ราคา10$เนี่ย PE 2เอง 50%returnเชียวนา
แต่ถ้าคิดว่าeps 3-3.5$ โดยมีหวังได้ถึง5$ เรากำลังพูดถึงผลตอบแทน10% รึมากกว่า
แถมยังโตได้อีกจากค่าธรรมเนียม1.1% โดยไม่กระทบรายได้ คนรวยทำอะไรได้ดีกว่าคนจน(มากว่า40ปี)อยู่แล้ว
เรื่องประหลาดใจคือ หุ้นแบบนี้เป็นที่รู้จัก ไม่น่าเกลียด โคตรถูก แต่คนกลัวมากไป
ส่วนMicrosoft จะเป็นจ้าวตลาดต่อไป เพราะคุณจำเป็นต้องมีoperating system(เรียกราคาเพิ่มได้)
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหุ้นมันแค่17$เอง ทำเงินสดมหาศาล กำลังจะเลิกทำงี่เง่าแล้ว(เลิกX-box เลิกทำอะไรโง่ๆให้yahoo)
AP : mediaน่าสนมั้ย
GW : ก็รู้ๆกันว่า content ไม่เคยกำไรดี ไปเจ๊งจากช่องทางอีเล็กทรอนิคส์หมด สุดท้ายเหลือแค่พวกfinal distribute (pipeline) ก็คือ comcast กับ verizon เป็น local monopoly
ไม่มีใครทำ infrastructure มาแข่งอีกแล้ว ประเด็นคือ ยังทำราคาจากธุรกิจสื่อสารได้อีกมั้ย
เราชอบcomcastที่สุด แต่มันหักอกเราจากจากความงี่เง่า(13% earning return)เพราะดันตัดค่าเสื่อมมากไป
มันน่าจะเรียกราคาได้อีกมากจากธุรกิจสื่อสาร แต่หวังว่ามันคงปรับตัวได้แบบcokeกับpepsi
วิจารณ์Buffett ที่ไปซื้อ BNI (รถไฟ)
"ดีลบ้าๆ ..
Burlington northern 75$ เนี่ย PE18 แต่จริงๆแย่กว่านั้น เพราะมันกดmaintainance cap-ex
รายงานในงบแค่70% แถมตัดค่าเสื่อมน้อยไปอีก กำไรจริงๆน้อยกว่านั้นมาก แถมtax shield จากค่าเสื่อมก็จะหมดแล้ว
บัฟเฟต์จ่าย100$= PE18, 75$= PE16แต่เราคำนวนว่า PEจริงๆมัน21
แบบเดียวกับน้ำมันนั่นแหละ บัฟเฟตต์เล่นกับน้ำมันทีไร เจ๊งทุกที 75$เนี่ยก็โอเคอยู่ แต่จ่าย100$เนี่ย
เราว่าเค้า(WB)เสียสติไปแล้ว.."
คุณต้องมีเทคโนโลยี่ที่ช่วยให้เห็นข้อมูลทุกอย่าง แล้วมาประเมินราคากับearning power
ดูว่ามีfranchise(ลูกค้ายอมจ่ายเพิ่ม)มั้ย ถ้าคุณจะซื้อgrowth ต้องแน่ใจจริงๆว่ามีfranchiseจริงๆถึงจะมีคุณค่า
แล้วค่อยมาดูการเติบโต
"ในระยะยาว ทุกอย่างก็เหมือนโยนเหรียญหัวก้อย"
วีไอ
เป็นวีไอ เริ่มจาก ต้องมองหาอะไรที่น่าเกลียด,ถูกๆ,outไปแล้ว,น่าเบื่อ
ซึ่งตรงข้ามกับ เรืองรอง,น่าเชื่อถือ,หุ้นแบบล็อตเตอรี่,หุ้นเด่นดัง
ต้องมั่นใจการประเมินค่าโดยตัวคุณเอง
ต้องมีวินัยตลอดเวลา
ถ้ามี"หุ้นดีๆ"ที่ไม่มีอะไรมาทำลายมูลค่ากิจการ แล้วราคา8$ สำหรับวีไอมันจะเป็น"หุ้นที่ดีกว่า"ที่ราคา4$
ดีกว่าพวกที่เห็นราคาร่วงจาก8$เหลือ4$ แล้วหลุดว่า"ซวยล่ะ เป็นอะไรมากมั้ย มีข่าวอะไรฟระ."
3 ข้อเพื่อจะเป็นวีไอที่ดี (จากวิธีของอ.graham)
1. ต้องเข้าใจว่าตลาดมีประสิทธิภาพ
ทุกครั้งที่คุณขาย มีคนซื้อหุ้นจากคุณ
ทุกครั้งที่คุณซื้อ ก็จะมีคนขายให้คุณ
และไม่เค้าก็คุณล่ะ ที่"ผิด"
มีแค่แดนศิวิไลในฝันเท่านั้นที่เกินครึ่ง ชนะตลาด
ต้องแน่ใจว่า เหตุผลคุณถูก และคุณยืนอยู่ข้างที่ถูกในการซื้อขายแต่ละครั้ง
2. ต้องมีวิธีประเมินมูลค่าสิ่งที่จะซื้อให้ดีๆ
3. ต้องมีวินัยและอดทน
วีไอโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน แต่ไม่เคยไปทั้งโคลัมเบียกับโคโยตี้ รายงาน
และก็ขอบคุณ the masked investor ทุกท่านที่ช่วยกันมาลากไส้ อุ๊ย..วิแคะทุกแง่มุมนะฮะ
วิจารณ์ด้านลบของการลงทุนที่เรายังไม่มีนั้น มันช่างฟินจริงๆ (วลีนี้ยืมท่านดำมา ฮา)
มีอะไรน่าสงสัย เตือนกันใด้ ใส่กันมาเต็มๆเลยฮะ ผิดถูก พลาดท่า ค่อยเปลี่ยนหน้ากาก(log in)กันทีหลังได้ ฮิฮิ
ท่านลูกหิน(หน้ากากฟลิ้นท์สโตน เปิดออกมาเป็นหน้ากากrain(ติ่งเกาหลีรุ่นโน้นกรี๊ดหน่อยจร้า..))
ท่านดำ(หน้ากากนินจาฮาโตริ เปิดออกมาเป็นดาร์ค เวเดอร์ อ๊ะจ๊ากก..)
อ.leky (หน้ากากสุมาอี้ เปิดออกเป็นหน้ากากเบน (แฟลงคลินนะจ๊ะ ไม่ใช่เกรแฮมรึเอฟเฟลก))
ท่านromee (หน้ากากโรมิโอ(ชื่อเต็มของโรม)เปิดออกเป็นหน้ากากขุนแผน( เอ๊ะ ยังไง..))
อ.chaitorn (หน้ากากมังเกอร์ตามquote) และผม หน้ากากน้าค่อม..
นี่ก็ผ่านสงกรานต์ไปอีกปีแระ เหี่ยวหง่อมไปอีก
ไปกินสเต๊ก บริกรถามจะรับพริกไทยดำมั้ยคะ ดันตอบว่าลุงอยากได้กระชายดำมากกว่าจ้ะหนู
ไปถอนตังค์แบงค์ เค้าถามว่าต้องการบริการอะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ ตอบซื่อๆไปว่าอยากได้นวดแผนไทย..
อ.นิเวศน์ออกหนังสือเล่มใหม่มาแล้วนะฮะ "ลงทุนแบบป้าแอนน์" ไปซื้อหา(ดีกว่ายืนอ่านแน่นวล)กันได้
ได้ข่าวหุ้นยางมาฝากท่านamornkowa กะพี่K-TAWเพิ่มน่ะฮะ ว่าคดีกับฝรั่งขายถุง(มือ)ยางตกลงกันได้แล้ว
เป็นแลกหุ้นรึอะไรราวๆนั้น ต้นทุนทั้งสองท่านเท่าไหร่กันมั่งฮะ จะได้รอซื้อให้ถูกกว่า(โดดหลบตีนแพร็บ..)
และก็มาส่งการบ้านท่านAnieleeฮะ
เซียนเทร์ดเดอร์ที่เค้าไปเรียนหลักสูตรวีไอที่โคลัมเบียเนี่ย ก็แปลว่าอยากเปลี่ยนแนวมั้ยอ่ะฮะ
จริงๆแล้วเทรดเดอร์ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นกะลงไม่ใช่หรอฮะ แต่ก็ไม่เป็นไรฮะ ถ้าอยากเปลี่ยนแนวเป็นวีไอ
ห้องนี้ยินดีต้อนรับเสมอฮะ มาเล่าให้ฟังราวๆ"108-1009วิธีที่ไม่เวิร์คในการเทรด"ก็ยินดีนะฮะ
หาหน้ากาก เอ๊ยlog inใหม่เข้ามาได้เลย(แหยะ เกิดมาถุยย กับ หยอย เกิดมาถอก(talk)สองอันนี้ผมใช้ไปแล้วฮะ ถ้าไม่รังเกียจ ผมให้ยืมได้..)
อ.Bruce Greenwald
http://www.valuewalk.com/bruce-greenwald/
(ท่านsyj(หน้ากากJobsตามquote)ฮะ ผมกำลังจะแปลมั่วๆอีกแล้วฮะ แบ็คให้ด้วย)
"ถ้าคู่แข่งเข้ามาได้ง่ายๆละก็ กำไรธุรกิจจะเหลือแค่ผลตอบแทน"ปกติ"ของเงินลงทุนเท่านั้น
โอกาสกลยุทธ์ที่สำคัญคือ "barrior to entry"เท่านั้น ที่จะทำให้แตกต่าง"
ศจ.บรูซ จบวิศวะMIT มี MS,MPA,Ph.D ท่านสอนที่ม.โคลัมเบีย มีลูกศิษย์แย่งกันเรียนในแต่ละปีเกิน650คน
ท่านบริหารที่Heilbrunn center for Graham&Dod investing,ได้รับรางวัลมากมาย ในหัวข้อvalue investing
Newyork times เรียกท่านเป็น" A guru to wall street's gurus"
ท่านบริหารกองทุน First Eagle Funds(ราวแสนล้านดอลล์) ซึ่งกองทุนนี้เริ่มตั้งในเยอรมัน ย้ายมาเมกา1937
"จากปรัชญาลงทุนของBen Graham และWarren Buffett ;First Eagle Funds จะมุ่งหวัง longterm positive absolute return โดยใช้หลักการ fundamental value เพื่อที่จะ "หลีกเลี่ยง การขาดทุนถาวร"ของเงินทุน
โดยการลงทุนในสิ่งที่เชื่อว่ามีmargin of safety" (ว้าวว..วีไอทุกเม็ด)
ปรัชญาการลงทุน
ยากจะอธิบายปรัชญาลงทุนของอ.บรูซ แบบสั้นๆ ให้อ่านงาน"Value investing ; from Graham to Buffett and beyond " จะดีกว่า
หรืออ่านสัมภาษณ์จาก morning star
MS : วีไอจะลงทุนหุ้นการเงินที่ high leverage แบบciti group ไงดี
GW : โอเค ที่ first eagle การรักษาเงินลงทุนมาอันดับแรก เราตั้งเป้าผลตอบแทนระยะยาว 9% 10% 11% มากกว่าเงินเฟ้อ แต่เราไม่อยากเสี่ยงขาดทุนเพื่อจะได้ขนาดนี้ ถ้าดูหุ้นการเงิน ดาวน์ไซด์มันมักจะมาจากleverage
เวลาเห็นแวลยู(หมายถึงearning power) แต่ก็เห็นว่ามีโอกาส"ขาดทุนถาวร" ก็แปลว่าความเสี่ยงมันก็สูงไป
สำหรับวีไอคนอื่น ถ้าเค้าหวังอัพไซด์สี่ห้าเด้ง (แต่มีโอกาสขาดทุนหมดตัว) มันก็อาจดูน่าดึงดูด นั่นล่ะ ประเด็นของ high leverage
MS : first eagle มี american expressด้วยนี่ เห็นราคาวิ่งมาปีนึงละ
GW : มันค่อยๆขึ้นมา ถ้าคุณคิดว่าeps ระยะยาวทำได้3.6$ มันก็ได้ผลตอบแทน10%แล้ว
เราเห็นว่ามัน"ยังโตได้อีก"เลย "ทนเสี่ยงได้"เพราะ
1. หนี้สุญบัตรเครดิตลดลงเรื่อยๆมานานแล้ว
2. ปล่อยกู้ลดลง เงินสดท่วมมหาศาล
ย้ำอีกทีนะ เราเน้นว่า"ห้ามขาดทุน" แต่ผลตอบแทนมันก็ยังดี(good) แต่ไม่เลิศ(great) แต่โอกาสขาดทุนถาวรของเงินทุนแทบไม่มี
สัมภาษณ์ของAdvisor Prosperity
มีหลักการ"จัดการความเสี่ยง" และ "ประเมินมูลค่า" เพื่อ"ไม่ให้ขาดทุน" เป็นข้อควรระวัง 3 ข้อคือ
1. "จ่ายแพงไป" อันนี้ทำให้ขาดทุนได้ไวที่สุด ดังนั้นต้องมี margin of safety ตลอดเวลา
2. คำนวน margin of safety ผิด เพราะคำนวน intrinsic value ผิด
เหตุการณ์เกิดแบบไม่คาดคิด สินค้าไม่เวิร์ค คู่แข่งเข้ามา ปัญหาอุตสาหกรรม
แก้โดยต้องมีหุ้น20-30ตัวกระจายทั่วโลก คือ"diversify"เพราะ"ความเสี่ยง" มาจาก unexpect, การเงิน,การบริหาร
3. แม้จะกระจายผอร์ทแล้ว เกิดขาดทุนแค่3-4%ขึ้นมา จาก macro economicsกระเพื่อม รึอะไรก็ตาม
การขาดทุนชั่วคราวนี้ จะกลายเป็นขาดทุนถาวรได้ จาก "leverage"
ถ้าจะleverage ต้องได้อัพไซด์5-6เท่า และดาวน์ไซด์=0
ต้องเปลี่ยนความคิดเรื่องleverageเสียใหม่ และระวังให้มาก ใช้แค่บางส่วนของผอร์ทที่กระจายความเสี่ยงแล้ว
AP: เห็นถือ microsoft,american expressนี่ ไม่เห็นจะเป็นหุ้นวีไอเลย(น่าเกลียด ถูกๆ น่าเบื่อ ตลาดขายทิ้ง)
GW : amexเนี่ย เหลือเชื่อเลย eps ไม่ต่ำกว่า3$ ถ้าลดต้นทุนอีก(ken chenaultลาออก) จะได้อีก2.5$
ก่อนภาษี รวมๆแล้วeps5$แบบยั่งยืน ที่ราคา10$เนี่ย PE 2เอง 50%returnเชียวนา
แต่ถ้าคิดว่าeps 3-3.5$ โดยมีหวังได้ถึง5$ เรากำลังพูดถึงผลตอบแทน10% รึมากกว่า
แถมยังโตได้อีกจากค่าธรรมเนียม1.1% โดยไม่กระทบรายได้ คนรวยทำอะไรได้ดีกว่าคนจน(มากว่า40ปี)อยู่แล้ว
เรื่องประหลาดใจคือ หุ้นแบบนี้เป็นที่รู้จัก ไม่น่าเกลียด โคตรถูก แต่คนกลัวมากไป
ส่วนMicrosoft จะเป็นจ้าวตลาดต่อไป เพราะคุณจำเป็นต้องมีoperating system(เรียกราคาเพิ่มได้)
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหุ้นมันแค่17$เอง ทำเงินสดมหาศาล กำลังจะเลิกทำงี่เง่าแล้ว(เลิกX-box เลิกทำอะไรโง่ๆให้yahoo)
AP : mediaน่าสนมั้ย
GW : ก็รู้ๆกันว่า content ไม่เคยกำไรดี ไปเจ๊งจากช่องทางอีเล็กทรอนิคส์หมด สุดท้ายเหลือแค่พวกfinal distribute (pipeline) ก็คือ comcast กับ verizon เป็น local monopoly
ไม่มีใครทำ infrastructure มาแข่งอีกแล้ว ประเด็นคือ ยังทำราคาจากธุรกิจสื่อสารได้อีกมั้ย
เราชอบcomcastที่สุด แต่มันหักอกเราจากจากความงี่เง่า(13% earning return)เพราะดันตัดค่าเสื่อมมากไป
มันน่าจะเรียกราคาได้อีกมากจากธุรกิจสื่อสาร แต่หวังว่ามันคงปรับตัวได้แบบcokeกับpepsi
วิจารณ์Buffett ที่ไปซื้อ BNI (รถไฟ)
"ดีลบ้าๆ ..
Burlington northern 75$ เนี่ย PE18 แต่จริงๆแย่กว่านั้น เพราะมันกดmaintainance cap-ex
รายงานในงบแค่70% แถมตัดค่าเสื่อมน้อยไปอีก กำไรจริงๆน้อยกว่านั้นมาก แถมtax shield จากค่าเสื่อมก็จะหมดแล้ว
บัฟเฟต์จ่าย100$= PE18, 75$= PE16แต่เราคำนวนว่า PEจริงๆมัน21
แบบเดียวกับน้ำมันนั่นแหละ บัฟเฟตต์เล่นกับน้ำมันทีไร เจ๊งทุกที 75$เนี่ยก็โอเคอยู่ แต่จ่าย100$เนี่ย
เราว่าเค้า(WB)เสียสติไปแล้ว.."
คุณต้องมีเทคโนโลยี่ที่ช่วยให้เห็นข้อมูลทุกอย่าง แล้วมาประเมินราคากับearning power
ดูว่ามีfranchise(ลูกค้ายอมจ่ายเพิ่ม)มั้ย ถ้าคุณจะซื้อgrowth ต้องแน่ใจจริงๆว่ามีfranchiseจริงๆถึงจะมีคุณค่า
แล้วค่อยมาดูการเติบโต
"ในระยะยาว ทุกอย่างก็เหมือนโยนเหรียญหัวก้อย"
วีไอ
เป็นวีไอ เริ่มจาก ต้องมองหาอะไรที่น่าเกลียด,ถูกๆ,outไปแล้ว,น่าเบื่อ
ซึ่งตรงข้ามกับ เรืองรอง,น่าเชื่อถือ,หุ้นแบบล็อตเตอรี่,หุ้นเด่นดัง
ต้องมั่นใจการประเมินค่าโดยตัวคุณเอง
ต้องมีวินัยตลอดเวลา
ถ้ามี"หุ้นดีๆ"ที่ไม่มีอะไรมาทำลายมูลค่ากิจการ แล้วราคา8$ สำหรับวีไอมันจะเป็น"หุ้นที่ดีกว่า"ที่ราคา4$
ดีกว่าพวกที่เห็นราคาร่วงจาก8$เหลือ4$ แล้วหลุดว่า"ซวยล่ะ เป็นอะไรมากมั้ย มีข่าวอะไรฟระ."
3 ข้อเพื่อจะเป็นวีไอที่ดี (จากวิธีของอ.graham)
1. ต้องเข้าใจว่าตลาดมีประสิทธิภาพ
ทุกครั้งที่คุณขาย มีคนซื้อหุ้นจากคุณ
ทุกครั้งที่คุณซื้อ ก็จะมีคนขายให้คุณ
และไม่เค้าก็คุณล่ะ ที่"ผิด"
มีแค่แดนศิวิไลในฝันเท่านั้นที่เกินครึ่ง ชนะตลาด
ต้องแน่ใจว่า เหตุผลคุณถูก และคุณยืนอยู่ข้างที่ถูกในการซื้อขายแต่ละครั้ง
2. ต้องมีวิธีประเมินมูลค่าสิ่งที่จะซื้อให้ดีๆ
3. ต้องมีวินัยและอดทน
วีไอโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน แต่ไม่เคยไปทั้งโคลัมเบียกับโคโยตี้ รายงาน
samatah
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2751
มีคลิปดีๆ นำเสนอให้ชมกันครับ
https://m.youtube.com/watch?v=Z5chrxMuBoo
[youtube]https://m.youtube.com/watch?v=Z5chrxMuBoo[/youtube]
https://m.youtube.com/watch?v=Z5chrxMuBoo
[youtube]https://m.youtube.com/watch?v=Z5chrxMuBoo[/youtube]
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2752
LST AGM 2560 @ ออฟฟิต LST วันที่ 26 เมษายน 2560
วาระที่ 1 รับรองรายงานการประชุมปี 2559
วาระที่ 2 รับทราบรายงานประจำปี 2559
วาระที่ 3 อนุมัติงบการเงิน ปี 2559
- ผบห อธิบายฐานะการเงินและรายได้/กำไร ตามภาพข้างล่าง
- ผบห ชี้แจงงบการเงินเฉพาะกิจการว่า กำไรของ LST ปี 59 มีปัญหาใน 3 Q แรกของปี 59 ขาดทุนรวม 3 Q ราว 12 ล้านบาท และมาได้กำไรใน Q4 ปี 59 ประมาณ 56 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรใน Q4 ปี 59 เป็นเพราะนโยบายรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลคุมราคาน้ำมันขวด ไม่ให้ปรับราคา (น้ำมันตั้งแต่ 5 ลิตร ลงมา ไม่สามารถปรับราคาได้) ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบขึ้น (เหตุจากเรื่องภัยแล้ง) มีผลให้ 3Q แรก มีปัญหา จากนั้น ราวเดือน กค. ปี 59 รัฐบาลมาปลดล็อคด้วยการลด Bio Diesel จาก B7 มาเป็น B5 เพื่อลดการใช้น้ำมันปาล์มดิบลง (โดย 1B ประมาณ 1.2 หมื่นต้น) ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบนิ่ง ไม่ได้ขึ้นต่อ ก็ไม่ได้ส่งผลใดต่อกำไรน้ำมันขวดได้ อีก 1 เดือนต่อมา ลดจาก B5 มาเหลือ B3 ทำให้ช่วงนั้น LST ทำกำไรได้ เพราะการบริโภค BioDiesel โตราว 110% ในขณะที่การบริโภคน้ำมันปาล์มดิบโตราว 20% คาดว่า รัฐบาลใช้สัดส่วนของ Dio Diesel มาใช้ในการปรับราคาน้ำมันปาล์มดิบได้
- ในปี 2560 ใน Q1 สถานการณ์กลับมาปกติแล้ว อย่างไรก็ตามต้องติดตามนโยบายรัฐฯ ต่อไป ทั้งนี้ รัฐฯ มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรและผู้บริโภคไม่กระทบ คือ เกษตรกรมีรายได้ดีๆ จากผลการเกษตร และผู้บริโภคซื้อน้ำมันขวดในราคาไม่แพง
วาระที่ 4 อนุมัติจ่ายเงินปันผลและจัดสรรกำไรตามกฏหมาย
วาระที่ 5 เลือกกรรมการแทนกรรมการที่ครบวาระ
วาระที่ 6 อนุมัติจ่ายค่าตอบแทนให้แก่กรรมการบริษัท
วาระที่ 7 แต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีและกำหนดเงินค่าสอบบัญชีประจำปี 2560
ช่วง ถาม/ตอบ
- โครงสร้างรายได้ที่เห็นของกลุ่มเครื่องดื่มที่เห็นในรายงานประจำปี เป็นส่วนที่ LST เป็นตัวแทนจำหน่าย ในขณะที่ส่วนของ UFC ที่ส่งออก เป็นส่วนที่ทาง UFC ทำการส่งออกเอง
- สัดส่วนยอดขายน้ำมะพร้าวในปี 59 และเป้าการเติบโตปี 60 ทาง UFC ขอสงวนสิทธิในการให้ข้อมูลเชิงลึก เป็นเรื่องปกติของการค้าที่ต้องระวังการให้ข้อมูล public ออกไป อย่างไรก็ตาม ทาง UFC คาดหวังว่า คงจะมีการเติบโตและมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่รับปากว่า จะดูแลรักษาผลประการให้ให้สม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่อาจเปิดเผยตัวเลขได้ เนื่องจากเรามีคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศ
- การตั้งสำรองด้อยค่าจากเงินทุนในปี 59 เป็นการตั้งสำรองครั้งเดียว ไม่มีในปี 60 แล้ว ซึ่งรายการนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาบริษัทลูกของ UFC อีกทอดหนึ่ง เป็นการแก้ปัญหาที่จบแล้ว
- ทาง UFC มีการล้างขาดทุนสะสมไปเรียบร้อยแล้ว โดยปี 59 ได้งดจ่ายปันผล คาดว่า ปี 60 จะพยายามจ่ายปันผล
- กำลังผลิตรวมของน้ำผลไม้ทั้งหมด (ไม่สามารถแยกสัดส่วนน้ำมะพร้าวให้ได้ ขอสงวนสิทธิในการเปิดเผยข้อมูล) มีกำลังผลิตรวม 4 ล้าน Carton ต่อปี (1 Carton เท่ากับ 12-24 กล่อง ขึ้นกับผลิตภัณฑ์)
- เครื่องจักรที่ใช้ ค่อนข้างเก่า ก็มีการลงทุนปรับปรุงไปเรื่อยๆ หลายๆ ส่วนทั้งเครื่องจักร R&D และพนักงานด้วย
- การจัดอันดับมาร์เก็ตแชร์ของน้ำมะพร้าวในตลาด เท่าที่ทางบริษัทฯ ทราบ ไม่ปรากฏว่า มีการจัดอันดับประการใด
- ขนาดของผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวของเรา ไม่เหมาะกับร้าน 7-11 เพราะขนาดของเราใหญ่เกินไป โดยของทาง UFC ขนาดเล็กสุด คือ 500ML แต่สินค้าตัวอื่นมี
- เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำมันปาล์มปี 60 ใน 3 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่นโยบายรัฐฯมากระทบ จากนโยบายรัฐฯที่ต้องการให้ราคาของผลผลิตปาล์มดี ก็มีผลให้น้ำมันปาล์มดิบมีราคาสูงขึ้น ปี 60 เป็นปีที่ท้าทายพอสมควร ที่ราคาน้ำมันถั่วเหลืองเริ่มมาเบียดกับเรา อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันถั่วเหลืองกับน้ำมันปาล์มในอุตสาหกรรมค่อนข้างแยกการใช้น้ำมันอยู่แล้ว ดังนั้นก็จะเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกัน ยกเว้นน้ำมันขวด
- น้ำมัน หยก EXTRA เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำเพื่อเป็นน้ำมันคุณภาพขึ้น เนื่องจากน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์ม ต่างก็มีข้อจำกัดของตัวเอง ทั้งนี้ ผบห อ้างอิงข้อมูลจาก WHO ว่า น้ำมันที่มีประโยชน์ ต้องมีสัดส่วนของไขมันที่อิ่มตัวและไม่อิ่มตัวผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะ ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงทำ หยก EXTRA ขึ้นมา เพื่อให้เป็นน้ำมันคุณภาพที่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการ
- สถานการณ์ของการเปิด AEC ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เช่น ไม่สามารถนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียได้ ต้องขึ้นกับภาครัฐฯเท่านั้นที่จะกำหนด
- (มีคนถามซ้ำเกี่ยวกับ Capacity ของ UFC) ทาง ผบห UFC ไม่สามารถบอกข้อมูลได้ ทั้งนี้ ทาง UFC ก็มีการผลิตเต็มที่อยู่แล้ว และพอมีสำรองเหลือที่จะผลิตเพิ่มได้ มองการเติบโตราว 5-10%
- Lotus มีการทำน้ำมันปาล์มขวด เป็น Brand ของเค้าเอง ซึ่งทาง LST เป็นผู้รับทำ OEM ให้ ถึงแม้ราคาสินค้าแบรนด์ของเค้าจะถูกกว่าเรา 1-2 บาท ก็ไม่ได้กระทบต่อทาง LST แต่อย่างใด นอกจากนี้หากทาง LST ไม่รับทำ OEM ให้ ก็มีผู้อื่นรับทำอยู่ดี
- ค่าไฟฟ้า และพลาสติก เพิ่มขึ้น ในขณะที่ทาง LST มีเครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพขึ้น ลดคนลงมา โดยรวม ก็ไม่กระทบต่อต้นทุน ทั้งนี้เพราะมีรายการที่เพิ่มและรายการที่ลดเฉลี่ยๆ กันไป
- ผลผลิตของปาล์มในปี 60 น่าจะใกล้เคียงกับปี 59 ทั้งนี้เพราะมีข้อมูลว่า ฝนของปีนี้ จะมีผลต่อผลผลิตในอีก 2 ปีข้างหน้า
- ไม่มีนโยบายในการ Spin Off บริษัทลูก
- นโยบายลอยตัวน้ำมันพืชขวดของรัฐบาล ยังไม่เห็นความชัดเจนแบบนามธรรมแต่อย่างใดที่จะทำให้ไปถึงตรงนั้น ขอเพียงให้รัฐบาลบริหารจัดการการบริโภคน้ำมันปาล์มดิบให้เหมาะสม ก็พอแล้ว คิดว่า รัฐบาลน่ามาถูกทางแล้ว
- หากราคาน้ำมันปาล์มดิบแพงมาก จะไม่นำไปบรรจุขวดจำหน่าย จะเอาไปบรรจุขายแบบอื่นๆ แทน เช่น ปีป เพราะไม่ได้ถูกควบคุมราคาขาย
- สัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มดิบของ LST อยู่ในอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม
- การลงทุนในบรรจุภัณฑ์แบบ Bag in Box ไม่ใช่เป็นการลงทุนใหม่ เป็นการแค่ลงทุนในเครื่องจักรใหม่ โดยเป็นการเอามาทดแทน ปีป และช่วยเรื่องการลดต้นทุนได้อีกด้วย ทั้งนี้ พลาสติกในการทำ Bag in Box ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
จบการประชุม
วาระที่ 1 รับรองรายงานการประชุมปี 2559
วาระที่ 2 รับทราบรายงานประจำปี 2559
วาระที่ 3 อนุมัติงบการเงิน ปี 2559
- ผบห อธิบายฐานะการเงินและรายได้/กำไร ตามภาพข้างล่าง
- ผบห ชี้แจงงบการเงินเฉพาะกิจการว่า กำไรของ LST ปี 59 มีปัญหาใน 3 Q แรกของปี 59 ขาดทุนรวม 3 Q ราว 12 ล้านบาท และมาได้กำไรใน Q4 ปี 59 ประมาณ 56 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรใน Q4 ปี 59 เป็นเพราะนโยบายรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลคุมราคาน้ำมันขวด ไม่ให้ปรับราคา (น้ำมันตั้งแต่ 5 ลิตร ลงมา ไม่สามารถปรับราคาได้) ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบขึ้น (เหตุจากเรื่องภัยแล้ง) มีผลให้ 3Q แรก มีปัญหา จากนั้น ราวเดือน กค. ปี 59 รัฐบาลมาปลดล็อคด้วยการลด Bio Diesel จาก B7 มาเป็น B5 เพื่อลดการใช้น้ำมันปาล์มดิบลง (โดย 1B ประมาณ 1.2 หมื่นต้น) ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบนิ่ง ไม่ได้ขึ้นต่อ ก็ไม่ได้ส่งผลใดต่อกำไรน้ำมันขวดได้ อีก 1 เดือนต่อมา ลดจาก B5 มาเหลือ B3 ทำให้ช่วงนั้น LST ทำกำไรได้ เพราะการบริโภค BioDiesel โตราว 110% ในขณะที่การบริโภคน้ำมันปาล์มดิบโตราว 20% คาดว่า รัฐบาลใช้สัดส่วนของ Dio Diesel มาใช้ในการปรับราคาน้ำมันปาล์มดิบได้
- ในปี 2560 ใน Q1 สถานการณ์กลับมาปกติแล้ว อย่างไรก็ตามต้องติดตามนโยบายรัฐฯ ต่อไป ทั้งนี้ รัฐฯ มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรและผู้บริโภคไม่กระทบ คือ เกษตรกรมีรายได้ดีๆ จากผลการเกษตร และผู้บริโภคซื้อน้ำมันขวดในราคาไม่แพง
วาระที่ 4 อนุมัติจ่ายเงินปันผลและจัดสรรกำไรตามกฏหมาย
วาระที่ 5 เลือกกรรมการแทนกรรมการที่ครบวาระ
วาระที่ 6 อนุมัติจ่ายค่าตอบแทนให้แก่กรรมการบริษัท
วาระที่ 7 แต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีและกำหนดเงินค่าสอบบัญชีประจำปี 2560
ช่วง ถาม/ตอบ
- โครงสร้างรายได้ที่เห็นของกลุ่มเครื่องดื่มที่เห็นในรายงานประจำปี เป็นส่วนที่ LST เป็นตัวแทนจำหน่าย ในขณะที่ส่วนของ UFC ที่ส่งออก เป็นส่วนที่ทาง UFC ทำการส่งออกเอง
- สัดส่วนยอดขายน้ำมะพร้าวในปี 59 และเป้าการเติบโตปี 60 ทาง UFC ขอสงวนสิทธิในการให้ข้อมูลเชิงลึก เป็นเรื่องปกติของการค้าที่ต้องระวังการให้ข้อมูล public ออกไป อย่างไรก็ตาม ทาง UFC คาดหวังว่า คงจะมีการเติบโตและมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่รับปากว่า จะดูแลรักษาผลประการให้ให้สม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่อาจเปิดเผยตัวเลขได้ เนื่องจากเรามีคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศ
- การตั้งสำรองด้อยค่าจากเงินทุนในปี 59 เป็นการตั้งสำรองครั้งเดียว ไม่มีในปี 60 แล้ว ซึ่งรายการนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาบริษัทลูกของ UFC อีกทอดหนึ่ง เป็นการแก้ปัญหาที่จบแล้ว
- ทาง UFC มีการล้างขาดทุนสะสมไปเรียบร้อยแล้ว โดยปี 59 ได้งดจ่ายปันผล คาดว่า ปี 60 จะพยายามจ่ายปันผล
- กำลังผลิตรวมของน้ำผลไม้ทั้งหมด (ไม่สามารถแยกสัดส่วนน้ำมะพร้าวให้ได้ ขอสงวนสิทธิในการเปิดเผยข้อมูล) มีกำลังผลิตรวม 4 ล้าน Carton ต่อปี (1 Carton เท่ากับ 12-24 กล่อง ขึ้นกับผลิตภัณฑ์)
- เครื่องจักรที่ใช้ ค่อนข้างเก่า ก็มีการลงทุนปรับปรุงไปเรื่อยๆ หลายๆ ส่วนทั้งเครื่องจักร R&D และพนักงานด้วย
- การจัดอันดับมาร์เก็ตแชร์ของน้ำมะพร้าวในตลาด เท่าที่ทางบริษัทฯ ทราบ ไม่ปรากฏว่า มีการจัดอันดับประการใด
- ขนาดของผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวของเรา ไม่เหมาะกับร้าน 7-11 เพราะขนาดของเราใหญ่เกินไป โดยของทาง UFC ขนาดเล็กสุด คือ 500ML แต่สินค้าตัวอื่นมี
- เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำมันปาล์มปี 60 ใน 3 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่นโยบายรัฐฯมากระทบ จากนโยบายรัฐฯที่ต้องการให้ราคาของผลผลิตปาล์มดี ก็มีผลให้น้ำมันปาล์มดิบมีราคาสูงขึ้น ปี 60 เป็นปีที่ท้าทายพอสมควร ที่ราคาน้ำมันถั่วเหลืองเริ่มมาเบียดกับเรา อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันถั่วเหลืองกับน้ำมันปาล์มในอุตสาหกรรมค่อนข้างแยกการใช้น้ำมันอยู่แล้ว ดังนั้นก็จะเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกัน ยกเว้นน้ำมันขวด
- น้ำมัน หยก EXTRA เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำเพื่อเป็นน้ำมันคุณภาพขึ้น เนื่องจากน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์ม ต่างก็มีข้อจำกัดของตัวเอง ทั้งนี้ ผบห อ้างอิงข้อมูลจาก WHO ว่า น้ำมันที่มีประโยชน์ ต้องมีสัดส่วนของไขมันที่อิ่มตัวและไม่อิ่มตัวผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะ ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงทำ หยก EXTRA ขึ้นมา เพื่อให้เป็นน้ำมันคุณภาพที่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการ
- สถานการณ์ของการเปิด AEC ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เช่น ไม่สามารถนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียได้ ต้องขึ้นกับภาครัฐฯเท่านั้นที่จะกำหนด
- (มีคนถามซ้ำเกี่ยวกับ Capacity ของ UFC) ทาง ผบห UFC ไม่สามารถบอกข้อมูลได้ ทั้งนี้ ทาง UFC ก็มีการผลิตเต็มที่อยู่แล้ว และพอมีสำรองเหลือที่จะผลิตเพิ่มได้ มองการเติบโตราว 5-10%
- Lotus มีการทำน้ำมันปาล์มขวด เป็น Brand ของเค้าเอง ซึ่งทาง LST เป็นผู้รับทำ OEM ให้ ถึงแม้ราคาสินค้าแบรนด์ของเค้าจะถูกกว่าเรา 1-2 บาท ก็ไม่ได้กระทบต่อทาง LST แต่อย่างใด นอกจากนี้หากทาง LST ไม่รับทำ OEM ให้ ก็มีผู้อื่นรับทำอยู่ดี
- ค่าไฟฟ้า และพลาสติก เพิ่มขึ้น ในขณะที่ทาง LST มีเครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพขึ้น ลดคนลงมา โดยรวม ก็ไม่กระทบต่อต้นทุน ทั้งนี้เพราะมีรายการที่เพิ่มและรายการที่ลดเฉลี่ยๆ กันไป
- ผลผลิตของปาล์มในปี 60 น่าจะใกล้เคียงกับปี 59 ทั้งนี้เพราะมีข้อมูลว่า ฝนของปีนี้ จะมีผลต่อผลผลิตในอีก 2 ปีข้างหน้า
- ไม่มีนโยบายในการ Spin Off บริษัทลูก
- นโยบายลอยตัวน้ำมันพืชขวดของรัฐบาล ยังไม่เห็นความชัดเจนแบบนามธรรมแต่อย่างใดที่จะทำให้ไปถึงตรงนั้น ขอเพียงให้รัฐบาลบริหารจัดการการบริโภคน้ำมันปาล์มดิบให้เหมาะสม ก็พอแล้ว คิดว่า รัฐบาลน่ามาถูกทางแล้ว
- หากราคาน้ำมันปาล์มดิบแพงมาก จะไม่นำไปบรรจุขวดจำหน่าย จะเอาไปบรรจุขายแบบอื่นๆ แทน เช่น ปีป เพราะไม่ได้ถูกควบคุมราคาขาย
- สัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มดิบของ LST อยู่ในอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม
- การลงทุนในบรรจุภัณฑ์แบบ Bag in Box ไม่ใช่เป็นการลงทุนใหม่ เป็นการแค่ลงทุนในเครื่องจักรใหม่ โดยเป็นการเอามาทดแทน ปีป และช่วยเรื่องการลดต้นทุนได้อีกด้วย ทั้งนี้ พลาสติกในการทำ Bag in Box ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
จบการประชุม
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2753
AGM LST 2560 (เพิ่มเติมภาพประกอบครับ)
วาระที่ 3 อนุมัติงบการเงิน ปี 2559
- ผบห อธิบายฐานะการเงินและรายได้/กำไร ตามภาพข้างล่าง
วาระที่ 3 อนุมัติงบการเงิน ปี 2559
- ผบห อธิบายฐานะการเงินและรายได้/กำไร ตามภาพข้างล่าง
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2754
แวบมาทิ้งคลิปให้พี่สายชลครับ https://pantip.com/topic/36264998 (cr. อ.ดำ ที่เสาะหามาให้ เป็นคลิปพี่มี่ ที่ดีมากกกกกกเลยครับ)
ได้เจอกันตอนประชุมAGM กับหุ้นอดีตดราม่าปี59 เอาเป็นว่าขอให้ได้งานเยอะๆ กว่าปีที่แล้วนะครับ
สอบถามพี่สายชลว่าตอนราคามันทิ้งดิ่งมาหนักๆพี่รู้สึกยังไง...พี่เขาบอกว่า "นิ่งนะ เพราะโดนมาเยอะแล้วทั้งช่วงรถแจ๊ส และตัวอื่นๆ ถ้าธุรกิจมันดีเด๋วก็กลับมาได้" (เช็ดโด้ว...โคตรcool )
(ถ้าผมโดนแบบพี่ ผมก็คงนิ่งเหมือนกันครับ....ชีพจรนิ่งยาวๆ -"-)
สืบเนื่องจากเท่าที่คุยกับพี่ๆหลายคนในนี้ พบว่าความรู้ ความสามารถในการหาของถูก แต่ละคนไม่ธรรมดา ทั้งซื้อรถ, ซื้อของช็อปปิ้ง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า คือพี่รอช่วงsaleได้ถุกมากอ่ะ ต่อราคาดีเกิ๊น แถมมีกลเม็ดใช้บัตรเครดิตลดราคาอีกต่างหาก (Born to be VI แท้ๆ)
พี่บางท่าน ซื้อรองเท้า Hush puppy ราคาปกติ3-4พัน เหลือ6-7ร้อย ขุ่นพระ
บางท่าน หาโปรไปเที่ยวในประเทศ ได้ส่วนลดภาษี สรุปเหมือนเที่ยวฟรี -..-
เลยชวนพี่ๆในนี้ ถ้ามีโปรลดราคาสินค้า หรืออะไรก็ตาม แวบมาบอกกันในนี้ก็ได้นะฮะ 5555 เผลอๆหลายคนอาจจะสนใจกว่าเลือกซื้อหุ้นอีก
ว่าจะไม่เขียนไทยนิวส์ละ กลัวพรบ.หลักทรัพย์อันใหม่ มาเขียนพวก "ของถูกบอกด้วย" ดีกว่า
ส่วนตัวผม ถ้าช็อปปิ้งในเครือเซ็นทรัล จะรอช่วงลดราคาแล้วใช้pointในบัตรเครดิตกสิกร ไปแลกเป็นเงินสดซื้อสินค้าครับ พันคะแนน=100บาท, สามารถใช้บัตรเครือ the one card ลดได้ด้วย....ต้นปีก็พึ่งได้รองเท้ามาแทบจะฟรี หุหุหุ
แต่สินค้าบางอย่าง ก็ห้ามซื้อไปฝากแม่บ้านนะฮะ อาจจะเลือดออกหัวได้
ได้เจอกันตอนประชุมAGM กับหุ้นอดีตดราม่าปี59 เอาเป็นว่าขอให้ได้งานเยอะๆ กว่าปีที่แล้วนะครับ
สอบถามพี่สายชลว่าตอนราคามันทิ้งดิ่งมาหนักๆพี่รู้สึกยังไง...พี่เขาบอกว่า "นิ่งนะ เพราะโดนมาเยอะแล้วทั้งช่วงรถแจ๊ส และตัวอื่นๆ ถ้าธุรกิจมันดีเด๋วก็กลับมาได้" (เช็ดโด้ว...โคตรcool )
(ถ้าผมโดนแบบพี่ ผมก็คงนิ่งเหมือนกันครับ....ชีพจรนิ่งยาวๆ -"-)
สืบเนื่องจากเท่าที่คุยกับพี่ๆหลายคนในนี้ พบว่าความรู้ ความสามารถในการหาของถูก แต่ละคนไม่ธรรมดา ทั้งซื้อรถ, ซื้อของช็อปปิ้ง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า คือพี่รอช่วงsaleได้ถุกมากอ่ะ ต่อราคาดีเกิ๊น แถมมีกลเม็ดใช้บัตรเครดิตลดราคาอีกต่างหาก (Born to be VI แท้ๆ)
พี่บางท่าน ซื้อรองเท้า Hush puppy ราคาปกติ3-4พัน เหลือ6-7ร้อย ขุ่นพระ
บางท่าน หาโปรไปเที่ยวในประเทศ ได้ส่วนลดภาษี สรุปเหมือนเที่ยวฟรี -..-
เลยชวนพี่ๆในนี้ ถ้ามีโปรลดราคาสินค้า หรืออะไรก็ตาม แวบมาบอกกันในนี้ก็ได้นะฮะ 5555 เผลอๆหลายคนอาจจะสนใจกว่าเลือกซื้อหุ้นอีก
ว่าจะไม่เขียนไทยนิวส์ละ กลัวพรบ.หลักทรัพย์อันใหม่ มาเขียนพวก "ของถูกบอกด้วย" ดีกว่า
ส่วนตัวผม ถ้าช็อปปิ้งในเครือเซ็นทรัล จะรอช่วงลดราคาแล้วใช้pointในบัตรเครดิตกสิกร ไปแลกเป็นเงินสดซื้อสินค้าครับ พันคะแนน=100บาท, สามารถใช้บัตรเครือ the one card ลดได้ด้วย....ต้นปีก็พึ่งได้รองเท้ามาแทบจะฟรี หุหุหุ
แต่สินค้าบางอย่าง ก็ห้ามซื้อไปฝากแม่บ้านนะฮะ อาจจะเลือดออกหัวได้
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2756
วันนี้ไป AGM AU มาครับ (ได้โพสสรุป AGM ในห้องร้อยคนร้อยหุ้นแล้วครับ)
ทาง ผบห มีนำเสนอร้านใหม่ แตกไลน์สินค้าออกมาครับ คือ ร้าน "AfterYou Durain" โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AfterYou ที่นำเสนอจาก ทุเรียน ครับ คิดว่า การทำร้านทุเรียน น่าสนใจมากครับ น่าจะเจาะกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้นทั้งไทยและต่างประเทศเลยทีเดียว
โดยสาขาแรก จะเปิดให้บริการที่ สยาม พารากอน ในวันที่ 3 พค ที่จะถึงนี้แล้วครับ
หากเกิดความสำเร็จของไลน์สินค้าใหม่นี้ได้ ก็อาจเป็น S Curve ใหม่ให้กับกิจการ AfterYou ได้อีกครับ
ทาง ผบห มีนำเสนอร้านใหม่ แตกไลน์สินค้าออกมาครับ คือ ร้าน "AfterYou Durain" โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AfterYou ที่นำเสนอจาก ทุเรียน ครับ คิดว่า การทำร้านทุเรียน น่าสนใจมากครับ น่าจะเจาะกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้นทั้งไทยและต่างประเทศเลยทีเดียว
โดยสาขาแรก จะเปิดให้บริการที่ สยาม พารากอน ในวันที่ 3 พค ที่จะถึงนี้แล้วครับ
หากเกิดความสำเร็จของไลน์สินค้าใหม่นี้ได้ ก็อาจเป็น S Curve ใหม่ให้กับกิจการ AfterYou ได้อีกครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2757
เข้ามารับคลิปของพี่โรมและถือโอกาสสวัสดีและกราบขอบพระคุณพี่ๆที่โพสแชร์ข้อมูลทุกท่านน๊ะครับromee เขียน:แวบมาทิ้งคลิปให้พี่สายชลครับ https://pantip.com/topic/36264998 (cr. อ.ดำ ที่เสาะหามาให้ เป็นคลิปพี่มี่ ที่ดีมากกกกกกเลยครับ)
ได้เจอกันตอนประชุมAGM กับหุ้นอดีตดราม่าปี59 เอาเป็นว่าขอให้ได้งานเยอะๆ กว่าปีที่แล้วนะครับ
สอบถามพี่สายชลว่าตอนราคามันทิ้งดิ่งมาหนักๆพี่รู้สึกยังไง...พี่เขาบอกว่า "นิ่งนะ เพราะโดนมาเยอะแล้วทั้งช่วงรถแจ๊ส และตัวอื่นๆ ถ้าธุรกิจมันดีเด๋วก็กลับมาได้" (เช็ดโด้ว...โคตรcool )
(ถ้าผมโดนแบบพี่ ผมก็คงนิ่งเหมือนกันครับ....ชีพจรนิ่งยาวๆ -"-)
ปล.พี่โรมครับผมว่าพี่พิมพ์ตก ตอนผมตอบไปนิดนึงครับ
ผมน่าจะพูดต่ออีกหน่อยว่า "ไม่น่าเล๊ยตรู..."
(555+ล้อเล่นครับพี่)
ดีใจที่เจอพี่โรมน๊ะครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2758
สรุปแล้วสองคนนี้ใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่ครับsaichon เขียน:เข้ามารับคลิปของพี่โรมและถือโอกาสสวัสดีและกราบขอบพระคุณพี่ๆที่โพสแชร์ข้อมูลทุกท่านน๊ะครับromee เขียน:แวบมาทิ้งคลิปให้พี่สายชลครับ https://pantip.com/topic/36264998 (cr. อ.ดำ ที่เสาะหามาให้ เป็นคลิปพี่มี่ ที่ดีมากกกกกกเลยครับ)
ได้เจอกันตอนประชุมAGM กับหุ้นอดีตดราม่าปี59 เอาเป็นว่าขอให้ได้งานเยอะๆ กว่าปีที่แล้วนะครับ
สอบถามพี่สายชลว่าตอนราคามันทิ้งดิ่งมาหนักๆพี่รู้สึกยังไง...พี่เขาบอกว่า "นิ่งนะ เพราะโดนมาเยอะแล้วทั้งช่วงรถแจ๊ส และตัวอื่นๆ ถ้าธุรกิจมันดีเด๋วก็กลับมาได้" (เช็ดโด้ว...โคตรcool )
(ถ้าผมโดนแบบพี่ ผมก็คงนิ่งเหมือนกันครับ....ชีพจรนิ่งยาวๆ -"-)
ปล.พี่โรมครับผมว่าพี่พิมพ์ตก ตอนผมตอบไปนิดนึงครับ
ผมน่าจะพูดต่ออีกหน่อยว่า "ไม่น่าเล๊ยตรู..."
(555+ล้อเล่นครับพี่)
ดีใจที่เจอพี่โรมน๊ะครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2759
555+leky เขียน: สรุปแล้วสองคนนี้ใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่ครับ
อืม...นั่นซิน๊ะครับคุณหมอ
ต่างคนต่างก็อยากเป็นน้อง เพราะจะได้ดูเด็กกว่า(หรือเปล่า)
แต่ยังไงผมก็ให้เกียรติพี่โรมเป็นพี่แล้วกัน เพราะแกดูเป็นผู้ใหญ่กว่าผมเยอะครับ
ผมนอกจากความรู้และประสบการณ์ที่น้อยกว่าแล้ว นิสัยผมก็ยังเด็กๆออกแนวต๊องๆอยู่นิดๆอีก
เอาเป็นว่า...
ผมขออนุญาตเป็นน้องพี่โรมก่อนแล้วกันครับ 555+
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 4241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2760
อ้างอิง http://www.komchadluek.net/news/regional/274133ศจ.บรูซ จบวิศวะMIT มี MS,MPA,Ph.D ท่านสอนที่ม.โคลัมเบีย มีลูกศิษย์แย่งกันเรียนในแต่ละปีเกิน650คน
ท่านบริหารที่Heilbrunn center for Graham&Dod investing,ได้รับรางวัลมากมาย ในหัวข้อvalue investing
Newyork times เรียกท่านเป็น" A guru to wall street's gurus"
ท่านบริหารกองทุน First Eagle Funds(ราวแสนล้านดอลล์) ซึ่งกองทุนนี้เริ่มตั้งในเยอรมัน ย้ายมาเมกา1937
"จากปรัชญาลงทุนของBen Graham และWarren Buffett ;First Eagle Funds จะมุ่งหวัง longterm positive absolute return โดยใช้หลักการ fundamental value เพื่อที่จะ "หลีกเลี่ยง การขาดทุนถาวร"ของเงินทุน
โดยการลงทุนในสิ่งที่เชื่อว่ามีmargin of safety" (ว้าวว..วีไอทุกเม็ด)
ปรัชญาการลงทุน
ยากจะอธิบายปรัชญาลงทุนของอ.บรูซ แบบสั้นๆ ให้อ่านงาน"Value investing ; from Graham to Buffett and beyond " จะดีกว่า
แฮ่ๆ .... ไม่รู้ กองทุน First Eagle Funds เป็นอะไรกับ บริษัท อีเกิ้ลเกท กรุ๊ป จำกัด ที่กำลังเป็นข่าวใหญ่ ณ ตอนนี้บ้าง
(ล้อเล่นครับ ผมว่า อีเกิ้ลเกท มันคงตั้งชื่อเลียนแบบชื่อ เฟิร์สทอีเกิ้ลฟันด์ ลวงโลกจริงๆ เลย)
ข้อมูลเพิ่มเติม https://pantip.com/topic/35267037 (ความเห็นที่ 15 ข้อมูลเยอะดีครับ)
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.