งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1593
ผู้ติดตาม: 2

งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ปัจจุบันเริ่มมีกระแสเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence, AI) ที่จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ และมีการพูดคุยในประเด็นนี้ในเกือบทุกธุรกิจ อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่ว่าความฉลาดของ AI ถูกพัฒนาขึ้นเร็วมากตั้งแต่ศาสตร์เรื่อง Machine Learning (ML) ไปได้ไกลขึ้น 

ML คือวิชาที่เปรียบเสมือนว่าเรากำลังปลดล็อกให้ AI หรือหุ่นยนต์สามารถ “เรียนรู้ด้วยตัวเอง” โดยไม่หยุดพัก

การลงทุนในยุคนี้เราได้เริ่มเห็นหลายกองทุนต่างประเทศที่ใช้ AI เลือกหุ้นราคาถูกทั่วโลก แม้ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้น แต่ในวันที่นักลงทุนอาจจะตกงานเช่นเดียวกับอาชีพอื่น ถ้าเราตั้งคำถามว่างานของนักลงทุนอะไรบ้างที่กำลังถูก AI แย่ง หรือในอีกมุมหนึ่งคือให้ AI จะช่วยอะไรเราได้ และถ้า AI ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ อะไรคือ “งานสุดท้ายของนักลงทุน”

งานแรกที่มีค่ามากของนักลงทุน คือการ “หาข้อมูล” หรือ “หาข่าว” เพราะข้อมูลที่เหนือกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการวิเคราะห์ที่ดีกว่า ในอดีตการหาข่าวเคยเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากอินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย นักลงทุนต้องดั้นด้นไปค้นหาข่าวเก่า ๆ ตามห้องสมุด การเข้าถึงข้อมูลที่แตกต่างกัน ทำให้หุ้นหลาย ๆ ตัวถูกลืมและนำมาซึ่งโอกาสซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าการหาข่าวไม่ได้ยากเย็นอีกต่อไป มีเครื่องมือนับไม่ถ้วนช่วยเหลือนักลงทุน เช่น Google ข้อมูลมีราคาถูกลง แต่การคัดเลือกข้อมูลมีต้นทุนแพงขึ้น

แน่นอนว่าในวันที่ AI เริ่มทำงานนี้เองได้ย่อมได้เปรียบเพราะความสามารถในการคัดหาข้อมูลของ AI นั้นทำได้แบบไม่มีขีดจำกัด

งานที่สอง คือ การเก็บข้อมูลและทำการวิเคราะห์ในเชิงตัวเลข ในอดีตอาจจะจำเป็นต้องคำนวณด้วยเครื่องคิดเลข หรือต้อง “หยอด” ข้อมูลลง Spreadsheet เพื่อทำการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินต่าง ๆ และดูแนวโน้มของกิจการ

ตัวอย่างงานง่าย ๆ แต่เคยได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น ถ้าใครแยก “งบการเงินไตรมาส 4″ ซึ่งถูกฝังอยู่ใน “งบฯปี” ออกมา ก็สามารถหาหุ้นที่มีกำไรพลิกฟื้นได้ก่อนคนอื่น แต่การวิเคราะห์เชิงตัวเลขในปัจจุบันแทบจะง่ายแค่กดปุ่ม ข้อมูลเหล่านี้เริ่มเป็นของฟรี งานนี้จึงมีค่าน้อยลงเช่นเดียวกัน เพราะทุกคนจะเห็นข้อมูลการวิเคราะห์เหมือนกัน

และยิ่งกว่านั้นถ้าข้อมูลมีมากเท่าไหร่ AI จะยิ่งได้เปรียบเท่านั้น เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนของ AI จะแปรผันไปตามจำนวนข้อมูลในการวิเคราะห์

การวิเคราะห์ข้อมูลของนักลงทุนโดยทั่วไปจะหาความสัมพันธ์ของข้อมูลที่ไม่มีความ ซับซ้อน เช่น ROE ดี P/BV ควรจะดี หรือ ราคาน้ำตาลขึ้น หุ้นน้ำตาลควรจะดี แต่ข้อมูลที่ซับซ้อนกว่านี้ย่อมต้องอาศัยนักลงทุนที่มีประสบการณ์ แต่ AI จะค่อย ๆ สามารถหาความสัมพันธ์ข้อมูลที่ซับซ้อนหลายชั้นได้ดีกว่าจากระบบ Machine Learning

งานที่สาม คือ การประเมินมูลค่า ซึ่งเป็นงานที่ยากของนักลงทุนจำนวนมาก แต่เป็นเรื่องที่ง่ายมากของคอมพิวเตอร์ อันที่จริงการประเมินมูลค่าด้วยโมเดลที่ซับซ้อนนั้นเริ่มเป็นงานของ AI มาระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าโมเดลนั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยนักลงทุน

แต่อีกไม่นานผมคิดว่า ML จะทำให้หุ่นยนต์เริ่มใส่ตัวแปรเข้าไปด้วยตัวเองเป็น และยิ่งไปกว่านั้น หุ่นยนต์ยังสามารถประเมินมูลค่าได้บ่อย ๆ และทำกับหุ้นได้ในจำนวนมาก ๆ พร้อมกัน เป็นสิ่งที่มนุษย์จะสู้ได้ลำบากเช่นเดียวกัน

งานที่สี่ คือ การหาหุ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่งของการลงทุน ระยะหลัง AI เริ่มมีการพัฒนา Screener หรือตัวกรองที่ฉลาดมากขึ้น เพื่อช่วยหาหุ้นที่ยังมีราคาถูกอยู่ หรือเริ่มเห็นทิศทางการเติบโตได้ แต่สำหรับการมองภาพระยะยาว จินตนาการอาจจะช่วยให้มนุษย์ยังได้เปรียบอยู่บ้าง อย่างไรก็ดีสิ่งที่นักลงทุนเสียเปรียบคือ เราสามารถวิเคราะห์หุ้นได้ทีละตัว ถ้าตลาดหุ้นฉลาดขึ้น โอกาสที่เราจะหามุมมองการลงทุนพิเศษจะยิ่งยากเท่านั้น ปัจจุบันนักลงทุน VI ก็หาหุ้นกันทุกตารางนิ้วอยู่แล้ว ถ้ามี AI แข่งเราหาอีก น่าจะเป็นงานที่สร้างมูลค่าได้น้อยลง

แล้วอะไรคืองานที่น่าจะให้หุ่นยนต์ทำไม่ได้ ?

ผมอยากย้อนกลับไปพูดถึงการแข่งขันประวัติศาสตร์ระหว่างมนุษย์กับ AI ที่ชื่อ Alpha GO ในเกมที่ 4 จังหวะที่ AI เริ่มเสียเปรียบจากตาเดินที่ยอดเยี่ยมของมนุษย์ นับตั้งแต่นั้น AI ตัดสินใจผิดง่าย ๆ อย่างน่าประหลาด และใช้เวลาคิดนานกว่าตาเดินปกติมาก ดังนั้นหุ่นยนต์ที่น่าจะมีแต่เหตุผลโดยปราศจากอารมณ์ ยัง “เครียด” จน “ผิดพลาด” และไม่สามารถรับมือกับ “ภาวะวิกฤต” อย่างไม่น่าเชื่อ

อีกตัวอย่างหนึ่งคือการขับเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งแทบจะเป็นงานของหุ่นยนต์เกือบ 100% ไปแล้ว ระบบ Auto Pilot รับมือปัญหาผิดปกติเช่นเครื่องบินได้ดีกว่ามนุษย์เสียอีก แต่สาเหตุที่ยังจำเป็นต้องมีนักบินที่เป็นมนุษย์คือ การรับมือกับ “เหตุฉุกเฉิน” ที่ “ไม่ได้ระบุไว้ในตำรา” และมนุษย์น่าจะรับผิดชอบกับ “ชีวิตมนุษย์” ด้วยกันเองได้ดีกว่า

ดังนั้นในวันที่ AI เก่งด้านการลงทุนมาก ๆ ถ้าจะมีงานสุดท้ายเหลือไว้สำหรับนักลงทุน ก็คือ “การรับมือเหตุฉุกเฉิน” ของพอร์ตลงทุนของคุณ เพราะหุ้นทุกตัวย่อมจะมี “เหตุการณ์ที่เหนือจินตนาการ” เกิดขึ้นให้ท้าทายตลอดเวลา รวมถึงในสถานการณ์ปกติ การ กระทำบางอย่างอาจจะไม่มีเหตุผลในเชิงลงทุน แต่มีเหตุผลในด้านอื่น ๆ ประกอบ

เพราะหุ่นยนต์อาจสนใจเพียงแต่ว่าคุณจะกำไรเท่าไหร่ บริหารความเสี่ยงตามสมควร แต่มันไม่สนใจว่า ถ้าคุณขาดทุนยับเยิน ลูกน้อย พ่อแม่แก่เฒ่าหรือสังคมรอบตัวคุณ จะต้องเดือดร้อนแค่ไหน และนี่คงจะเป็นงานสุดท้ายที่สำคัญที่สุดของนักลงทุน
[/size]
ทศพร29
Verified User
โพสต์: 306
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

พูดถึงหุ้น ถ้าซื้อขายระยะสั้น AI น่าจะทำได้ดี ได้ยินมาบ้างเหมือนกันว่านักลงทุนรายใหญ่บางท่านใช้ AI สร้างกราฟ/ราคาหุ้น
แต่การลงทุนระยะยาว AI ไม่มีสมอง ไม่สามารถมองภาพในอนาคตได้ว่าจะรุ่งหรือร่วง/จะมั่นคงหรือถดถอย เริ่องนี้คงแพ้มนุษย์ขาดลอยยยยย
harikung
Verified User
โพสต์: 2232
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ทศพร29 เขียน:พูดถึงหุ้น ถ้าซื้อขายระยะสั้น AI น่าจะทำได้ดี ได้ยินมาบ้างเหมือนกันว่านักลงทุนรายใหญ่บางท่านใช้ AI สร้างกราฟ/ราคาหุ้น
แต่การลงทุนระยะยาว AI ไม่มีสมอง ไม่สามารถมองภาพในอนาคตได้ว่าจะรุ่งหรือร่วง/จะมั่นคงหรือถดถอย เริ่องนี้คงแพ้มนุษย์ขาดลอยยยยย
Machine learningไงครับสมอง ที่ทำให้AIพัฒนาได้แบบunlimit เอาง่ายๆมนุษย์วันนึง1ชม.อ่านข่าวกรือข้อมูลได้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นAIสามารถประมวลผลได้ไม่กี่วิจากข่าว ข้อมูลเป็นพันๆ++
ส่วนที่ไอ่นลท.รายใหญ่ที่ใช้อยู่ที่ว่าคงเป็นแค่Robot tradeที่ซื้อขายตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ คนละเรื่องกับmachine learning
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เห็นด้วยกับพี่hariคับ

ว่า ml เผลอๆ สร้าง scenario ออกมาได้เปน 100แถมบอก prob ได้อีก
ว่าแต่ละ scenario เปนเท่าไหร่ มีตัวแปร อะไรบ้าง
จากฐานข้อมูล ที่เก่าใหม่ที่ใส่ไป
ถ้าเขียนเปน flow chart การตัดสินใจ what if ผมว่า มันเกินคนไปเยอะ
(ที่ใช้white board ไม่พอแน่)


แล้วมันจะ forcast อนาคต แข่งกับคนไม่ได้ ได้ไง

ที่เห็น ๆแน่ๆคนไทย ยังรู้สึกดูดวงตู้หยอดแม่นอยู่เลย
show me money.
istyle
Verified User
โพสต์: 872
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 5

โพสต์

AI น่ากลัว และน่าจะทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมากได้

แต่เนื่องจากสินค้า/บริการหลายๆอย่างนั้น ลูกค้าก็คือมนุษย์

ยังนึกไม่ออกว่า AI จะเดินไปสำรวจพฤติกรรม ความต้องการ หรือกิเลสของมนุษย์ได้อย่างไร

AI ไม่สามารถชิมสินค้าได้ ไม่สามารถทดลองใช้สินค้าใหม่ๆได้

รวมไปถึงกิจกรรมอีกหลายอย่าง เช่น การให้ภาพธุรกิจในอนาคตของผู้บริหาร AI ไม่สามารถเห็นสีหน้าของผู้บริหารเวลาโกหกได้

และยังไม่พูดถึง conflict of interest อีกหลายๆอย่าง ของแต่ละ stake holder ซึ่งบางครั้งแม้แต่คนด้วยกันก็อาจจะยากแท้หยั่งถึง
harikung
Verified User
โพสต์: 2232
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 6

โพสต์

istyle เขียน:AI น่ากลัว และน่าจะทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมากได้

แต่เนื่องจากสินค้า/บริการหลายๆอย่างนั้น ลูกค้าก็คือมนุษย์

ยังนึกไม่ออกว่า AI จะเดินไปสำรวจพฤติกรรม ความต้องการ หรือกิเลสของมนุษย์ได้อย่างไร

AI ไม่สามารถชิมสินค้าได้ ไม่สามารถทดลองใช้สินค้าใหม่ๆได้

รวมไปถึงกิจกรรมอีกหลายอย่าง เช่น การให้ภาพธุรกิจในอนาคตของผู้บริหาร AI ไม่สามารถเห็นสีหน้าของผู้บริหารเวลาโกหกได้

และยังไม่พูดถึง conflict of interest อีกหลายๆอย่าง ของแต่ละ stake holder ซึ่งบางครั้งแม้แต่คนด้วยกันก็อาจจะยากแท้หยั่งถึง
ก้อไม่เห็นต้องไปเดินสำรวจนะครับ ถ้าAIเข้าถึงข้อมูลอย่างSocial media หรืออื่นๆได้หมด คงสามารถประมวลผลออกมาได้ว่า ณ ตอนนั้นพฤติกรรมหรือสินค้าอะไรที่คนสนใจ ชื่นชอบ หรือไม่ชอบ กลับกันการที่คนไปชิมไปสำรวจอาจจะมีBiasของมนุษย์ด้วยซ้ำ
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
yoko
Verified User
โพสต์: 4337
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 7

โพสต์

เวลาลงเงิน เราจะให้AIตัดสินใจด้วยหรือ555
istyle
Verified User
โพสต์: 872
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 8

โพสต์

harikung เขียน:
istyle เขียน:AI น่ากลัว และน่าจะทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมากได้

แต่เนื่องจากสินค้า/บริการหลายๆอย่างนั้น ลูกค้าก็คือมนุษย์

ยังนึกไม่ออกว่า AI จะเดินไปสำรวจพฤติกรรม ความต้องการ หรือกิเลสของมนุษย์ได้อย่างไร

AI ไม่สามารถชิมสินค้าได้ ไม่สามารถทดลองใช้สินค้าใหม่ๆได้

รวมไปถึงกิจกรรมอีกหลายอย่าง เช่น การให้ภาพธุรกิจในอนาคตของผู้บริหาร AI ไม่สามารถเห็นสีหน้าของผู้บริหารเวลาโกหกได้

และยังไม่พูดถึง conflict of interest อีกหลายๆอย่าง ของแต่ละ stake holder ซึ่งบางครั้งแม้แต่คนด้วยกันก็อาจจะยากแท้หยั่งถึง
ก้อไม่เห็นต้องไปเดินสำรวจนะครับ ถ้าAIเข้าถึงข้อมูลอย่างSocial media หรืออื่นๆได้หมด คงสามารถประมวลผลออกมาได้ว่า ณ ตอนนั้นพฤติกรรมหรือสินค้าอะไรที่คนสนใจ ชื่นชอบ หรือไม่ชอบ กลับกันการที่คนไปชิมไปสำรวจอาจจะมีBiasของมนุษย์ด้วยซ้ำ
คงใช้ได้กับสินค้าบางอย่าง แต่สินค้า/บริการบางอย่างก็ไม่มีใครจะมาโพสต์ลงเน็ตนะครับ

ยกตัวอย่าง ถุงยางฯ ตู้เติมเงิน ปลาทาโร่
บางสินค้าอาจจะ mislead ด้วยซ้ำ เช่น พวกที่บ้าเห่อไปต่อคิวยาวๆ

บางสินค้า ลูกค้าก็ไม่มีพฤติกรรมโพสแชร์ เช่น อาจจะเป็นเด็ก หรือรากหญ้า b2b เป็นต้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
นายมานะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1116
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 9

โพสต์

istyle เขียน:
harikung เขียน:
istyle เขียน:AI น่ากลัว และน่าจะทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมากได้

แต่เนื่องจากสินค้า/บริการหลายๆอย่างนั้น ลูกค้าก็คือมนุษย์

ยังนึกไม่ออกว่า AI จะเดินไปสำรวจพฤติกรรม ความต้องการ หรือกิเลสของมนุษย์ได้อย่างไร

AI ไม่สามารถชิมสินค้าได้ ไม่สามารถทดลองใช้สินค้าใหม่ๆได้

รวมไปถึงกิจกรรมอีกหลายอย่าง เช่น การให้ภาพธุรกิจในอนาคตของผู้บริหาร AI ไม่สามารถเห็นสีหน้าของผู้บริหารเวลาโกหกได้

และยังไม่พูดถึง conflict of interest อีกหลายๆอย่าง ของแต่ละ stake holder ซึ่งบางครั้งแม้แต่คนด้วยกันก็อาจจะยากแท้หยั่งถึง
ก้อไม่เห็นต้องไปเดินสำรวจนะครับ ถ้าAIเข้าถึงข้อมูลอย่างSocial media หรืออื่นๆได้หมด คงสามารถประมวลผลออกมาได้ว่า ณ ตอนนั้นพฤติกรรมหรือสินค้าอะไรที่คนสนใจ ชื่นชอบ หรือไม่ชอบ กลับกันการที่คนไปชิมไปสำรวจอาจจะมีBiasของมนุษย์ด้วยซ้ำ
คงใช้ได้กับสินค้าบางอย่าง แต่สินค้า/บริการบางอย่างก็ไม่มีใครจะมาโพสต์ลงเน็ตนะครับ

ยกตัวอย่าง ถุงยางฯ ตู้เติมเงิน ปลาทาโร่
บางสินค้าอาจจะ mislead ด้วยซ้ำ เช่น พวกที่บ้าเห่อไปต่อคิวยาวๆ

บางสินค้า ลูกค้าก็ไม่มีพฤติกรรมโพสแชร์ เช่น อาจจะเป็นเด็ก หรือรากหญ้า b2b เป็นต้น
ผมกลับคิดว่าสินค้าส่วนใหญ่สามารถหารีวิวในเน็ตได้นะครับ เอาแค่ Amazon.com นี่ก็ครอบคลุมมากมายแล้ว และต่อไป Personal AI อย่างพวก Siri/Google assistance/Alexa คงจะใกล้ชิดกับเรามาก จนสามารถ feedback ความคิดเห็นที่เรามีต่อสินค้าได้ด้วย ซึ่ง Personal AI พวกนี้ ผมว่ามีสิทธิ์ที่มันจะเข้าใจความต้องการของเรามากกว่าญาติ พี่น้อง คนใกล้ตัวเราซะอีก

ซึ่งอย่าลืมว่าทั้งหมดที่ว่ามานี้มันเป็นแค่ field งานด้าน marketing research เท่านั้นเอง แต่ AI ในอนาคตนี่ น่าจะทดแทนมนุษย์ได้ในหลายมิติมากๆ
Vunny
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 254
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 10

โพสต์

นายมานะ เขียน:
istyle เขียน:
harikung เขียน:
istyle เขียน:AI น่ากลัว และน่าจะทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมากได้

แต่เนื่องจากสินค้า/บริการหลายๆอย่างนั้น ลูกค้าก็คือมนุษย์

ยังนึกไม่ออกว่า AI จะเดินไปสำรวจพฤติกรรม ความต้องการ หรือกิเลสของมนุษย์ได้อย่างไร

AI ไม่สามารถชิมสินค้าได้ ไม่สามารถทดลองใช้สินค้าใหม่ๆได้

รวมไปถึงกิจกรรมอีกหลายอย่าง เช่น การให้ภาพธุรกิจในอนาคตของผู้บริหาร AI ไม่สามารถเห็นสีหน้าของผู้บริหารเวลาโกหกได้

และยังไม่พูดถึง conflict of interest อีกหลายๆอย่าง ของแต่ละ stake holder ซึ่งบางครั้งแม้แต่คนด้วยกันก็อาจจะยากแท้หยั่งถึง
ก้อไม่เห็นต้องไปเดินสำรวจนะครับ ถ้าAIเข้าถึงข้อมูลอย่างSocial media หรืออื่นๆได้หมด คงสามารถประมวลผลออกมาได้ว่า ณ ตอนนั้นพฤติกรรมหรือสินค้าอะไรที่คนสนใจ ชื่นชอบ หรือไม่ชอบ กลับกันการที่คนไปชิมไปสำรวจอาจจะมีBiasของมนุษย์ด้วยซ้ำ
คงใช้ได้กับสินค้าบางอย่าง แต่สินค้า/บริการบางอย่างก็ไม่มีใครจะมาโพสต์ลงเน็ตนะครับ

ยกตัวอย่าง ถุงยางฯ ตู้เติมเงิน ปลาทาโร่
บางสินค้าอาจจะ mislead ด้วยซ้ำ เช่น พวกที่บ้าเห่อไปต่อคิวยาวๆ

บางสินค้า ลูกค้าก็ไม่มีพฤติกรรมโพสแชร์ เช่น อาจจะเป็นเด็ก หรือรากหญ้า b2b เป็นต้น
ผมกลับคิดว่าสินค้าส่วนใหญ่สามารถหารีวิวในเน็ตได้นะครับ เอาแค่ Amazon.com นี่ก็ครอบคลุมมากมายแล้ว และต่อไป Personal AI อย่างพวก Siri/Google assistance/Alexa คงจะใกล้ชิดกับเรามาก จนสามารถ feedback ความคิดเห็นที่เรามีต่อสินค้าได้ด้วย ซึ่ง Personal AI พวกนี้ ผมว่ามีสิทธิ์ที่มันจะเข้าใจความต้องการของเรามากกว่าญาติ พี่น้อง คนใกล้ตัวเราซะอีก

ซึ่งอย่าลืมว่าทั้งหมดที่ว่ามานี้มันเป็นแค่ field งานด้าน marketing research เท่านั้นเอง แต่ AI ในอนาคตนี่ น่าจะทดแทนมนุษย์ได้ในหลายมิติมากๆ
อ่านแล้วผมคิดไปถึงว่ามันจะทดแทนภรรยาผมด้วยหรือป่าวครับเนี่ย 555
syj
Verified User
โพสต์: 4241
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 11

โพสต์

พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไร

ผมอยากจะแนะนำให้ดู Series "The West World"
Ref: http://www.imdb.com/title/tt0475784/

ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ AI/ML/Robot/3D Printing
เชื่อไหมครับว่า ซี่รี่ส์นี้ สร้างและดัดแปลงจากหนังสือ
ที่เขียนโดยคนเขียน Jurassic Park/Coma คือ
Michael Crichton, M.D. (จบจาก Harvard Medical School
นะครับ) ที่สำคัญคือ เขียนตั้งแต่ 1970s ไม่น่าเชื่อว่า
เขาจะมีจิตนการที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ น่าเสียดายที่คุณหมอ
ได้เสียชีวิตไปแล้วไม่นานมานี้เองครับ

ถ้าเป็นหนังภาพยนตร์ แนะนำเรื่อง Ex Machina และ Automata
อาจจะเห็นแนวโน้มอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรก็ได้ และน่าจะ
ตอบคำถามหลายๆ คำถามที่ถามกันข้างบนด้วยครับ

ผมชอบพูดเล่นๆ กับลูกหรือเพื่อนๆ เสมอว่าอีกหน่อย เรื่อง
Terminator อาจเป็นจริง เพราะยังไงแล้ว วันหนึ่ง หุ่นยนต์
และ AI/ML จะสมบูรณ์ขึ้นและเก่งขึ้นเรื่อยๆ แบบไร้ขีดจำกัด
(ที่แน่ๆ มันสามารถทำงาน 24/7 365 ได้ เสียเปลี่ยนอะไหล่
ได้ รุ่นใหม่ดีกว่ารุ่นเก่า และที่สำคัญต้องมีวันที่มันสามารถ
สร้างหุ่นยนต์รุ่นต่อไปเองได้ โปรแกรมมิ่งเองได้ แล้วคนจะมี
ไว้ทำไมครับ??????????)

ลองคิดดูว่า การที่คนเราจะสามารถออกไปท่องอวกาศได้
มีขีดจำกัดขนาดไหน อายุเฉลี่ย 80 ปี ตายก็ง่าย แค่ไป
ดวงจันทร์ ถอดชุดอวกาศ ก็ตายแล้วครับ
คนจะไปได้ไกลแค่ไหน (ถ้าไม่มี Technology Breaktru แบบ
ที่สามารถ Warp ไปได้ ขนาดความเร็วแสงยังไปไม่ไกล
เท่าไรเลยครับ) แต้ถ้าเป็นหุ่นยนต์ มันไม่มีวันตาย เสียเปลี่ยน
อะไหล่ได้ ฉลาดขึ้นทุกวัน ทำงานได้ไม่ต้องพักเหนื่อย การ
ท่องอวกาศไปไกลๆ คงไม่ใช่เรื่องยากนัก . . . .

** หมายเหตุ ได้ข่าวมาว่า Alpha-Go รุ่นปัจจุบันเก่งกว่า
รุ่นปีก่อนที่ชนะอดีตแชมป์โลกชาวเกาหลี แบบที่ยังไม่มีใคร
ชนะสักเกมส์เลยนะครับ นี่แหละความน่ากลัวของ AI/ML
ที่มันเรียนรู้ได้ตลอด 24/7 356 ไม่มีเหนื่อย ไม่มีเข้าห้องน้ำ
ไม่ต้องนอน ฯลฯ ต่อไปก็เหลือแต่ว่า AI/ML ใครเล่น Go
เก่งกว่ากันแล้วมั้ง มนุษย์หลบไปได้เลย **
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
ptaseeker
Verified User
โพสต์: 432
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ถ้ามี ai ก็ดีจะได้ลดอคติในการลงทุน ทั้งความโลภ ความกลัว และความเครียดจากการลงทุุนได้ แต่ถ้า ai ทำเราขาดทุนเราก็เครียดอยู่ดีนิ >..<
เคยดูสูตรของ ดร.ไพบูลย์เลือกหุ้นง่ายๆ โดยใช้ค่าทางคณิตศาสตร์ได้ผล ตอบแทนตั้ง 30 xกว่า% โดยการเปลี่ยนหุ้นตามงบดุลย้อนหลังที่เปลี่ยนแปลง ถ้ามี ai ทำสูตรตาม ระบบ VI บ้างก็น่าจะลองใช้นะครับ แต่พอร์ตเราคงไม่ถึงระดับใช้ ai ได้
low risk High return!
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: งานสุดท้ายของนักลงทุน/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 13

โพสต์

งาน ที่คน ทำ แข่ง กับ ml ai ตอนนีิ
ผมเห็นแค่ พวกงานทางด้าน ศิลปะ หรือ ใช้ emotionalเปนแกน
คนเปนสิ่งอ่อนไหว ทาง อารม
งานศิลปะต่างๆ เหมือนเปนภาพสะท้อน

แต่กะเปนไปได้ว่าสูงสุด ของการเรียนรู้
กะคือ การที่ml มีอารม

ผมไม่แปลกใจ ถ้า พระเจ้า มีจริง แล้วพระเจ้าคือ maker ของทุกสรรพสิ่ง
แต่สุดท้ายพระเจ้า รักมนุษย์ มากที่สุด (มากกว่า angel)
คน เปน อะไร colorfulมาก
ภายใน2-3นาที พลิกไป พลิกมา รักๆ โกรธๆ สลัยไปมา ตามสิ่งเร้า
ได้ และคาดเดาไม่ได้
(ผม อ้างอิงจาก ซีรี่ supernatural )


ซึ่ง ผมเชื่อ ว่า งานศิลปะ เปนสิ่งที่ถูกสร้างได้เฉพาะ อารมกระตุ้นล้วนๆคับ
(ซึ่งอาจจะ มีเรื่อง science มาประกอบบ้าง เช่นstat marketing แต่ไม่ช่ แกนแน่ๆ)
และ ศิลปะ คือสิ่งที่ คนเสพ กันเอง ไม่ใช่ ai
show me money.
โพสต์โพสต์