• หุ้น “อีดอก”
o ไม่ได้ติดตาม
o ธุรกิจค่อนข้างซับซ้อนไป
• หุ้น “ขัดใจนักลงทุน”
o นักลงทุนผิดหวังกับแผนของ ผบห ที่เปลี่ยนจากการเอา บ.ลูก เข้าตลาดมาเป็นขายทิ้ง
o คาดว่า DEAL ขายทิ้ง น่าจะผ่านวาระการประชุมได้
o ระยะยาว ธุรกิจหลัก น่าพอไปได้ แต่ในระยะสั้น ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวัง
o กำไรปีนี้ ค่อนข้างดี เนื่องจากกำไรพิเศษที่เป็นเงินสด ก็อาจเป็นสตอรี่ที่จ่ายเงินปันผลพิเศษ
o ราคาขาย บ.ลูก ก็ไม่ถูกมาก ถือว่า OK แต่ตลาดอาจให้ความคาดหวังไว้สูงเกินไปกับการเอา บ.ลูก เข้าตลาด
• หุ้น “เข้าใจยาก/ประเมินยาก”
o ราคาขึ้นมามาก
o มีการเปลี่ยนนโยบายบัญชี ทำให้กำไรเติบโตมาก
o การรับรู้รายได้ของกิจการ ค่อนข้างซับซ้อนและเข้าใจยาก
• หุ้น “น้ำตาลอันดับบ๊วย”
o ความเสี่ยง DE อันตราย อาจมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน
o มีโครงการลงทุนเพิ่มด้วย
o เทียบกับรายอื่นในธุรกิจเดียวกัน ที่ทำธุรกิจได้กำไร ทำไมตัวนี้ยังขาดทุน
• หุ้น “สายลาว”
o Market Cap ค่อนข้างสูง / ราคาน่าจะสะท้อนโครงการในลาวไปเรียบร้อย
o หากย่อมา มอง PE ราวๆ 15 น่าสนใจ
• หุ้น “ไซ-แอม”
o ไม่ได้ติดตาม
o พยายามเปลี่ยนจากธุรกิจไปทำอย่างอื่น เช่น ทำ Solar Farm ที่ ญี่ปุ่น / โอกาสสำเร็จน่าจะมี เพราะมี connection กับญี่ปุ่น
o ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ยังซบเซาอยู่
o ข้อดีคือ ถือหุ้น “Cutting Steel”
o มีการตัดลูกหนี้ที่ค้างชำระไปมากพอสมควรแล้ว
• หุ้น “วัยรุ่นหมื่นล้าน”
o PE ค่อนข้างสูง/ราคาแพง
o ตลาดในประเทศไม่โต
o ไม่แน่ใจตลาดที่จับนักท่องเที่ยวอยู่ จะอยู่ได้นานแค่ไหน
o พอราคาหุ้นแพง ถ้าวันไหน เติบโตไม่ได้ ก็จะมีความเสี่ยงที่ราคาจะร่วงลงมา
• หุ้น “ดีแตก”
o สายน้ำไหลไปแล้ว ไม่มีวันย้อนกลับ
o เคสล่าสุด บริษัทแม่มีการขายบริษัทในอินเดียไป ก็ไม่แน่ว่า อาจมีการขายกิจการในไทยก็ได้
o มีการแข่งขันสูงมาก / มีการแย่งลูกค้าค่อนข้างสูงระหว่าง Operator
• หุ้น “ โครงสร้างเหล็กมั่งคั่ง”
o กิจการอยู่ในช่วงที่ Down / ไม่แน่ใจว่า Bottom out แล้วหรือยัง
o งบกิจการค่อนข้างแข็งแกร่ง
o ตราบใดที่ Project ใหม่ไม่มาก ก็ลำบาก
• หุ้น “ชื่อน้ำมันพืช แต่ไม่ขายน้ำมันพืช”
o ราคาค่อนข้างแพงแล้ว
o กำไรจากธุรกิจหลัก ลดลง เพราะมีการแข่งขันสูง และมีการเคลมมากขึ้น
o กำไรที่มากขึ้น มาจากการลงทุนมากกว่า
o ที่ราคาขึ้นมา เพราะตัวเร่ง คือ เอาบริษัทลูกเข้าตลาด
• หุ้น “Magic Bearch”
o กำไรเพิ่ม เพราะต้นทุนลดลง จากการรันโรงงานใหม่ที่สุราษฏฯ นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
o อนาคตจะมีอัตราเติบโตต่อไปหรือไม่ ไม่แน่ใจ
o ธุรกิจที่ดี ยอดขายควรมีอัตราเติบโตได้อย่างน้อย 5-10%
o มีกองทุนคอยเทขาย
• หุ้น “กลุ่มเหล็ก ไม่ขายเหล็ก”
o ไม่มีทางกลับไปดีเหมือนเดิมได้ เพราะ EV ไม่ต้องใช้ท่อไอเสีย
o รายได้หลักๆ มาจากท่อไอเสีย
o ถึงแม้ว่า EV ยังอีกนาน แต่นักลงทุนหวาดกลัวภาพใหญ่ของธุรกิจ
• หุ้น “กังหันลม”
o มีปัญหาเรื่องซ่อมกังหันลม และสปก
o ควรรอให้ปัญหา สปก หมดไปก่อน จึงตัดสินใจ เพราะปัญหา สปก กระทบไปถึงบริษัทลูกด้วยเช่นกัน
• หุ้น “ยางไต้หวัน”
o การไปลงทุนโรงงานใหม่ที่อินโดฯ ควรดูกำลังการผลิต
o การลงทุนเป็นเงินจำนวนมาก (อาจเป็นเพราะสร้างโรงงานใหม่ครั้งแรก ต้องมีพวก Infrastructure ด้วย ทำให้ต้องลงทุนครั้งแรกสูง) ในขณะที่กำลังการผลิตเป็นแค่ 20% ของเมืองไทย แถมฐานตลาดไม่ค่อยมี อาจไม่ค่อยมีผลต่อกำไรเท่าไร
o แต่ปัจจุบันราคาค่อนข้างถูก แต่ก็ต้องพิจารณาต้นทุนราคายางประกอบด้วยว่ามีผลกระทบอย่างไร
• หุ้น “ปีดี”
o โครงการใหม่ที่รับจ้างจากบริษัทแม่ ที่ทำยางเครื่องบิน
o การลงทุนโครงการใหม่นี้ ทำให้กำไรเพิ่ม 40-50% แต่มีปัญหาคือ กำไรเอาแน่เอานอนไม่ได้ พอรวมกับที่เพิ่มมา PE ไม่ถูกไม่แพง
• หุ้น “บรอดแบนด์สามจังหวัด”
o Market Cap ค่อนข้างต่ำ
o มีขาดทุนน้อยลง
o ธุรกิจฉลากติดสินค้า ดีขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่า จะดีตลอดไปหรือไม่ และธุรกิจบรอดแบนด์จะฟื้นขึ้นหรือไม่
• หุ้น “ส้ม 24 ลูก”
o ไม่ค่อยได้ติดตาม
o ดีตรงมีส่วนแบ่งกำไรจาก บ.ร่วม
o ธุรกิจในประเทศ ไม่น่าจะโต
• หุ้น “ปูนไฟฟ้า”
o ส่วนธุรกิจหลัก เอาแน่ เอานอนไม่ได้
o OppDay ไม่เคยออกข่าว
o เรื่องการเอา บ.ลูก เข้าตลาด อาจไม่คุ้มกับ
• หุ้น “ใหญ่พันธ์แขก”
o การเติบโต ก็โตแบบธุรกิจยา ไม่ค่อยมาก
o กลยุทธ์ของกิจการ คือ ไปตลาดต่างประเทศที่กำลังพัฒนา ค่อนข้างที่จะสู้ได้
o PE 20 น่าสนใจ
• หุ้น “อะลาดินแดนพรีเมียร์ลีก”
o DE ติดเพดานแล้ว ไม่แน่ใจว่า จะมีการเพิ่มทุนหรือไม่
o ค่าเงินปอนด์ผันผวน
o มีค่าความนิยมสูง
o Market Cap ไม่แพง แต่เสียวตรง DE ค่อนข้างสูง
• หุ้น “บรอดแบนด์สามจังหวัด”
o Market Cap ค่อนข้างต่ำ
o มีขาดทุนน้อยลง
o ธุรกิจฉลากติดสินค้า ดีขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่า จะดีตลอดไปหรือไม่ และธุรกิจบรอดแบนด์จะฟื้นขึ้นหรือไม่
1. ตีแตก
2. เดินสุ่มในวอลสตรีท (Random walk on wall street)
3. One up on wall street
4. Beating the street
5. Homo sapiens หนังสือเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์มนุษย์
6. 500 ล้านปีของความรัก
7. The SELFISH GENE เป็นหนังสือ warren buffet อ่าน ให้เรารู้จักตัวตนของมนุษย์
8. The intelligent Investor ซึ่งหนังสือหนามาก แนะนำให้อ่านน้อยสุด
1. ตีแตก
2. เดินสุ่มในวอลสตรีท (Random walk on wall street)
3. One up on wall street
4. Beating the street
5. Homo sapiens หนังสือเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์มนุษย์
6. 500 ล้านปีของความรัก
7. The SELFISH GENE เป็นหนังสือ warren buffet อ่าน ให้เรารู้จักตัวตนของมนุษย์
8. The intelligent Investor ซึ่งหนังสือหนามาก แนะนำให้อ่านน้อยสุด
อจ.หมอหนึ่ง หูตากว้างไกล เห็นด้วยว่าผมนั่งหลับ 55
หุ้นยาฆ่าเม่า ก็ยังนึกตัวเร่งไม่ออกครับ ปีก่อนดีจากต้นทุนต่ำตามราคาน้ำมัน และเริ่มมีโบรคนึงออกบทวิเคราะห์
ได้ล้วงหุ้นท่าน romee มา หุ้นตัวที่ผลิตภัณฑ์เค้ามันวิ่งได้ของท่าน romee ราคาวิ่งแรงดีมาก ทำ new high เรื่อยๆ ยินดีด้วยคร๊าบ
พี่เปี๊ยก AnieLee นี่ fanclub เยอะนะครับ คะแนนกด like นำลิ่วเลย คุณ Maria Angela โพสต์แรกก็มาขอบคุณท่านพี่เปี๊ยกเลย ขอให้ได้ไปร่วมงาน The Intelligent Investor Club พบกับ อจ.โจ นะครับ
Kaiser เขียน:
พี่เปี๊ยก AnieLee นี่ fanclub เยอะนะครับ คะแนนกด like นำลิ่วเลย คุณ Maria Angela โพสต์แรกก็มาขอบคุณท่านพี่เปี๊ยกเลย ขอให้ได้ไปร่วมงาน The Intelligent Investor Club พบกับ อจ.โจ นะครับ