สัมมนา เปลี่ยนปีชง เป็นปีโชคดี ทางด้านการเงินปี 2560 หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา
จัดโดยบลจ วรรณ
ปีนี้ยากกว่าปีที่แล้ว ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทั้งดวงในแบบจีนปีนักษัตร ฮวงจุ้ย เพื่อจัดรับความเฮง
ปีที่แล้ว เป็นปีที่ดาวมฤตยูเข้าสู่ดวงเมือง ทุกราศีเปลี่ยนแปลงหมด
ดาวมฤตยูเข้าช่วงเดือนมีค แนะให้ทำบุญที่ศาลหลักเมือง และ ที่วัดไตรมิตร เรามีความกังวลใจ
ดาวยูเรนัสกว่าจะเปลี่ยนราศี 1 ครั้งประมาณ 7 ปี และเข้ามาเจอเรา 7 ปี
แต่ดาวอื่นเช่น อังคาร แค่ 60 วัน ตอนนี้ส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติแล้ว
12 ราศี 84 ปีกลับมาอยู่ที่เดิม ปีแล้วกลับมาที่ ราศีเมษ
เมื่อ ปี2475 ตอนที่ดาวมฤตยูกลับมาที่ราศีเมษ เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ปีที่แล้ว ดาวมฤตยูกลับมาที่ราศีเมษ ซึ่งเป็นราศีของดวงเมือง
มีระเบิด มีเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ ราศีเมษ เป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกเรา
ราศีแรก คือ ราศีเมษ เมื่อดาวมฤตยูเข้ามา เช่น ทรัมป์ได้รับเลือกเข้ามาเป็นต้น
อีกรอบประมาณเดือนสิงหาคมของปีนี้ ดาวราหูย้ายราศี ในปีนี้ ขบวนการดวงดาว เปลี่ยนหมดเลย
ปีนี้ราหู มา3ครั้ง หลักการพยากรณ์ บทที่อะไรดี ก็เปลี่ยนแปลง
ความผันผวนในปี 60 อาจเกิด crisis ในระดับโลก
ดวงเมืองไทยวุ่นวายแน่นอน แต่ข่าวดี พอเข้าสู่ปี 61 คือปีจอ ไม่เหลือราศีให้ย้าย
ปีหน้า จะเป็นปีที่ดีของดวงเมือง โดยไม่สนข่าว หรือ เรื่องในวันนี้
ดวงเมืองปีหน้าดี แต่เราจะอยู่อย่างไรในปีนี้
ดาวมฤตยูไม่ไปไหน เหตุการณ์ปีนี้ กับ ปีที่แล้วจะคล้ายกัน จนกว่า เดือน กค 60
แต่ ครึ่งปีแรก จะผันผวน ดาวพฤหัส เป็นดาวเรื่องการปกครอง
หลังวันที่ 12มค อยู่ดีๆ ข่าวเริ่มหายไป ปีไก่ปีนี้ไม่ธรรมดา
ปีชง ต้องย้ำกับท่านว่า มีมาตั้งพันปีแล้ว
12ปีจะชงหนึ่งครั้ง แต่ปีที่เหลือ จะเป็นปีที่เป็นเจ้าภาพร่วม
ตำนานปีชงแต่ละที่ เช่น ไทย ฮ่องกง มาเก๊า ไม่เหมือนกัน หลายคนสับสน
วัดกังหัน ที่ฮ่องกง จุดธูปเสร๊จ ร้อง เฮงๆรวยๆ ที่วัดก็ให้เขียนชื่อแก้ชงได้ เป็นภาษาไทย
หมอช้างมาพูดในแต่ละปีเริ่มจากปีชวด
1.ปีชวด ได้รับผลกระทบ เป็นปีที่ถูกด่า ให้ระมัดระวัง ถูกด่า ถูกใส่ร้าย นินทา
ปี 2467 ,2527 จะแรงกว่าเพื่อน
2.ปีจอ ระวังเรื่องสุขภาพ
พศ ที่ต้องระวัง 2477 , 2537
3.ปีระกา ที่คนครบรอบ ในหลักของโหราศาสตร์ ในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆในชีวิต อาจมีความกังวลใจ
ส่วนใหญ่เกิดจากตัวเรา หงุดหงิด ใจร้อน แก้โดย ฝึกตัวเอง สวดมนต์ นั่งสมาธิ
พ.ศ.ที่ต้องระวังคือ 2488,2536
4.ปีมะเมีย มีเฉพาะในเมืองไทย
ปีที่แรง คือ 2485,2509,2545
ระวังเรื่องขัดแย้ง คดีความ
5.ปีเถาะเป็นเจ้าภาพปีนี้
รอบที่แรงคือ พ.ศ. 2494 , 2518 , 2554
สิ่งที่แนะนำคือ การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ ตื่นมาก็เจอสิ่งใหม่ๆ
ผ้าปูที่นอน ผ้าม่าน ในห้องนอน ง่ายสุด จัดห้องนอนใหม่
เอียงหัวเตียง โดยทำในวันที่ 4 กพ เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมใหม่ๆ
โดย ก่อน 4 กพ ยังเป็นปีเก่าอยู่ วันที่ 29 มค วันตรุษจีน ยังเป็นปีเก่าจนกว่าจะถึงวันที่ 4 กพ
ต้องระวัง เช่น วันไหว้พระ ไท่ส่วยเอี้ย เป็นลำดับององค์ที่ 34 คือ ถั่งแช้ไต่เจียงกุง
การฝากดวง โดยเขียนชื่อ ขึ้นอยู่ที่แต่ละวัด วันไหนเก็บดวง ที่ดีสุดคือการสวดมนต์ให้ตัวเอง
ปีฉลูกับปีมะเส็งสมพงษ์กับปีนี้ the best คือ ปีมะโรง
ชงปีไม่ได้แรงมาก เป็นทั่วไป แต่ถ้าชงที่เดือนจะกระทบกับงานมากกว่า
นับว่าปีเราปีที่หนึ่ง อันไหนเป็นปีที่เจ็ดคือชงกัน
เช่นปีมะเส็ง จะชงกับปีกุล
ดูต่อว่า ในแต่ละเดือนเกิด มีนักษัตรประจำเดือนเกิด มีความสำคัญ
เช่น เกิดวัน่ที่ 5 กพ เกิดในเดือนเสือ
คนที่เกิดช่วง 6 มีค ถึง 4 เมษา จะชง
ชวด ร่วมชง คือคนที่เกิด Dec 07- Jan 05
วิธีดูต่อ สมมติ ปีระกา ชนกับเถาะ ปีนี้ไม่ได้แย่ทั้งปี เดือน ที่แย่คือเดือนระกา
ดังนั้นลงทุนในเดือนระกา ต้องระวังเพราะชนกับนักษัตรพอดี
ปีชง คือ ปีเถาะ ร่วมชง ชวด ระกา มะเมีย จอ
เดือน ชง คือ เดือน เถาะ และ เดือนร่วมชง คือ ชวด ระกา มะเมีย จอ
ลงทุน ควรหลีกเลี่ยงในช่วงไหน
เราต้องรู้ก่อนว่าไม่ถูกกับนักษัตรไหน
เช่น ชวด ไม่ถูกกับ ม้า ดังนั้น ถ้าเราจะลงทุน อย่าไปยุ่งกับเดือน ม้า คือ Jun 06- Jul 06
ปีแพะ เดือนมะแม
สมมติเกิดในปีมะเส็ง เดือนชง คือ กุล ในเดือน Nov 7- Dec 6
ดังนั้นควรระมัดระวังในช่วงนี้
แต่ถ้าชงตรงๆ และ เจอเดือน ที่ถูกด้วย ความแรงเป็นทวีคูณ
เวลาเกิดชงด้วย
เวลาเกิด คือ บริวาร เช่น ห้าทุ่มถึงตีหนีง คือ เวลา หนู เป็นต้น
ที่ชง คือ เวลา 5 am -7 am ซึ่งเวลาเถาะ ส่วนเวลาอื่นไม่มีผลมากนัก
สรุป มันไม่ได้ปีชง ซึ่งเป็นเรื่องญาติ อย่างเดียว มีเดือน เกี่ยวกับการงานและ เวลา ชงด้วย
ปีนี้ เบิ้ลเดือน 6 สองครั้ง ดังนั้นเวลาไหว้ต้องปัด 13 ครั้ง
ราศีมี 2 แบบ ในแบบ ตะวันออก จะเปลี่ยนวันที่ 15-16
หมอช้างมาพูดเจาะลึกในเรื่องราศี
1.เริ่มวันที่ 15-16 มกราคม ถึง 12 กุมภาพันธ์ ราศีมังกร เกรด C อย่าไปกลัวราหูเข้า
เป็นเพื่อนกัน เหมือนเพื่อนที่เข้ามาหา แต่อาจมายืมเงิน มีสิทธิรวยขึ้นในช่วงกลางปี
แนะให้ทำบุญ แสงสว่าง บริจาค ค่าไฟ หนังสือสวดมนต์ รวมถึงการลงทุนในต่างประเทศ
2.ราศีต่อมาคือราศีกุมภ์ 13 กพ – 14 มีค ได้เกรดบี
ดาวเริ่มเปลี่ยน ความรักดี สร้างครอบครัว เงินไหลมา มีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น ทำธุรกิจลงหลักปักฐาน
ดีมากในช่วงครึ่งปีหลัง
แก้เคล็ด ทำบุญไหว้พระธาตุ ทำบุญระหว่างเดินทาง จะนำโชคให้เรา พระธาตุจะอยู่ในต่างจังหวัด
3.ราศีมีน ในช่วง 15 มีค – 13 เมย เกรด C
มีเรื่องทำไม่ได้ดั่งใจ มีผลมาสัปดาห์นึงแล้ว ทะเลาะคนได้ง่าย ครึ่งปีแรก ดี แต่ครึ่งปีหลัง เงินไหลออกเร็ว
แก้ โดย ปล่อยสัตว์น้ำ ทำบุญเกี่ยวกับ โรงเรียน
4.ราศีเมษ เกรด AAA 14 april – 14 may
เลือนขั้นตำแหน่ง เงินไหลมา ดวงดีมาก ราศีน่าจับตามอง
แก้ โดย ขอพรพระแก้วมรกต ไหว้ศาลหลักเมือง
ถ้าไหว้ตรงกับ 21 เมย ตรงกับดวงเมือง จะดีมาก
น้ำมนต์วัดพระแก้ว เอาไว้ล้างหน้า
5.ราศีพฤษก เกรด D 15 May – 14 Jun
ศัตรูเยอะ เงินตึงมือ ความรักเหนื่อยหน่าย แก้เคล็ด โดย ทำบูญกับสัตว์น่ำ
เน้นเลข 7 เลข 10 บูชาพญานาค ที่ กท คือ วัดนาคปรก
ถวายพระไตร แถวเทเวศร์ วัดเทวราชกุญชร
ครึ่งปีแรก ยังดี แต่เหนื่อยในครึ่งปีหลัง
6. ราศีเมถุน เกรด ซี
15 Jun- 16 July
ครึ่งปีแรกดี ครึ่งแรกหลัง กระเป๋ารั่ว เจอรายจ่ายหนัก ดังนั้นควรหาเรื่องลงทุน เปิด office
เรื่องทำบุญในครึ่งปีหลัง
7. ราศีกรกฤ เกรด D 17 Jun – 16 aug
ไม่ค่อยถูก ราหูเข้าระวังคดีความในครึ่งปีหลัง
แก้ โดย ทำบุญแสงสว่าง บริจาคหนังสือสวดมนต์
การเดินทางช่วยลดความรุนแรง
มีโชคด้านต่างประเทศ
ไหว้ พระพุทธไสยาศน์ นอน
มังกรก็ใช้ได้
8.ราศีสิงห์ เกรด B ในช่วง 17 aug- 16 sep
มีโชคจากการขาย
ระวังราหูครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นดี
9. ราศีกันต์
เกรด B ในช่วง 17 sep- 17 oct
การทำบุญ ด้วยยารักษาโรค
10. ราศีตุลย์ เกรด AAA
18 oct – 16 Nov
ชีวิตโชติช่วง หาเงินคล่อง มีสิทธิ์สละโสด
แก้ โดย ทำบุญให้เยอะขึ้น นับที่ศรัทธาและตั้งใจ และ เป็นสาธารณะประโยชน์ด้วย
ราศีตุลย์ดวงดี
11 ราศีพิจิก เกรด D 17 Nov -15 Dec
ครึ่งปีแรก ดี ครึ่งปีหลัง การเงินติดขัด เกิดการเจ็บป่วยจากญาติพี่น้อง
เป็นปีที่เหนื่อยพอสมควร ในการเริ่มต้นธุรกิต ปีหน้าดีสุด
ทำบุญ สวดมนต์ ไหว้พระอยู่ที่บ้าน
12 ราศีธนู เกรด C+ 16 Dec- 14 Jan
มีโชค ถูกหวย รวยหุ้น มีลุ้น
แต่ต้องทำบุญ บริจาคประจำ เพราะมีภาระหนักในปีหน้า
เปลี่ยนปีชง เป็นปีโชคดี ด้านการเงินปี 60 โดย หมอช้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยนปีชง เป็นปีโชคดี ด้านการเงินปี 60 โดย หมอช้าง
โพสต์ที่ 2
Outlook & Income Strategy Update by Mr Christian and Mr Todd from Pimco
แนวโน้มของโลก เปลี่ยนภาพรวมจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เงินเฟ้อของสหรัฐขยับขึ้นไปจาก 2% ขึ้นไปสักนิดนึง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวโน้มสักเท่าไร
สหรัฐอเมริการปรับ outlook
ธนาคารกลางของอียู เปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยจาก 0% และเป็นการเปลี่ยนพลวัตรของอัตราดอกเบี้ย
การเติบโตของ GDP เป็น 2.25% ของสหรัฐ
ด้านขวา เป็น Right tail ถ้าเติบโตมากกว่า 2.25%
นโยบายการเงินมาใช้ มีการใช้ QE จะเปลี่ยนเป็นนโยบายการคลัง
ปีนี้ ปล่อยมือให้ portfolio สมดุลมากขึ้น
ปฎิรูประบบโครงสร้างภาษี กฎหมายแรงงานอื่นๆ
ดังนั้น GDP น่าจะสูงกว่าที่คาดการณ์
เราสร้าง port จากเหตุการณ์นี้ได้
แต่ถ้าไม่ตามที่ตลาดคาดหวัง นโยบายการเมืองสร้างผลกระทบเชิงลบ
เกิดการล้มเหลวทางการค้า การพาณิชย์
ถ้าเป็นด้านซ้าย Left Tail สร้างport ยืดหยุ่น และ เสนอทางออกที่ดีกว่า เป็นอะไรที่น่าสนใจ
ธนาคารกลางเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เส้นสีเหลืองประ เป็นสิ่งคาดหวังก่อนการเลือกตั้ง
ส่วนสีเหลือง ภาพหลังการเลือกตั้ง ตลาดเปลี่ยนการคาดหวัง ขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น2เท่า
มีการผนวกปัจจัยเหล่านี้เข้าแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ 2.6%
เราไม่ได้คาดหวังว่ามีการคาดหวังว่าขายทิ้งมากกว่านี้
การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากกว่านี้ เราใส่สัดส่วนพันธบัตรเพิ่มขึ้น
ภาพรวม อัตราดอกเบี้ยไม่น่าสูงกว่านี้สักเท่าไหร่
เราจะสร้างport โดยซื้อ Bank credit เข้ามา เติบโตพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
สินเชื่อที่เสนอจากบริษัทต่างๆเราก็ซื้อมากขึ้น
เราใช้ประโยชน์จากการฟื้นฟูของอสังหาในสหรัฐ
การเติบโตในจีนที่สูงขึ้น เราก็ยังตั้งคำถามว่าเติบโตในจีนมากแค่ไหน
เรามาดูในตลาดที่พัฒนา เช่น ออสเตรเลีย ถ้าจีนมีปัญหา จะกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในออสเตรเลีย
เป็นอะไรที่ผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
นโยบายในแต่ละด้านของสามเสาหลัก มีผู้ได้และผู้เสียประโยชน์
บางsector เช่น Obama care อาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่เรารู้ว่า ผลประกอบการรพดีมาก
สะท้อนจากการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่อาจกระทบจากนโยบายใหม่ได้
โรงงานเหล็ก วัสดุพื้นฐาน ได้ประโยชน์มากทีเดียว
ทรัมป์ จะเห่ามากกว่ากัดหรือเปล่า
Real sector technology , retail มีความท้าทายมากขึ้น ถ้ามาตรการค้ารัดกุมมมากขึ้น
เราต้องใส่ใจรายละเอียด เรามาดูรายละเอียดมากขึ้นใน credit research
เราเป็นหัวหน้าทีม research ทำงานอย่างถี่ถ้วน สร้างรูปแบบmodelการลงทุน ที่เปลี่ยนแปลง มากมาย
การปฏิวัติ เช่น telecom , การขนส่ง มีการเปลี่ยนแปลง พลิกโฉมในอนาคต
ปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้นเข้าไปสู่โอกาส ผนวกรวมหรือไม่
ความสัมพันธ์ของบริษัทต่างๆ มีผลอย่างไร
เช่น รถขับเคลื่อนด้วยตนเอง มีผลต่ออุตสาหกรรมรถอย่างไร
การเข้าถึงเป้าหมาย ก่อนเกิดขึ้น หรือ เข้าหลังจากที่เข้าร่วมแล้ว
บ ประกันภัยมาดูที่ Yield curve
ธนาคาร ต้องมีการทำงานใกล้ชิดกับลูกค้า เช่น TMBAM
แต่ถ้ามีการกู้ยืม มีการ charge
การยืมจะเป็นศูนย์ ถ้า
หลังการเลือกตั้ง YIELD CURVE จะชันขึ้น Bank จะลงทุน และ กู้ยืมแบบ Carry trade
ปี 2016 YIELD CURVE จะ Flat จะเป็นการเปลี่ยนแปลง จากผลกำไรของธนาคาร
ในมุมมองของเรา จะมองว่าเป็นผลบวก สภาพคล่องของตลาดทุน
สิ่งที่ธนาคารต้องการ คือ ต้องการให้ข้อกำหนดโปร่งใส
เช่น EU มีความโปร่งใส่น้อยกว่า
มีค่าปรับอย่างไรที่มาcharge กับเรา
โอบามา มีความโปร่งใส Bank security มุมมองรายได้ มีการใส่เพิ่มเงินทุนใน9 ปีที่ผ่านไป ทำให้capital ratio เพิ่มขึ้น
ช่วยในระบบของธนาคาร
สิ่งที่ทรัมป์ จะเปลี่ยนแปลง ใน 3-4 ปีที่ผ่านมา คาดการณ์ไม่ได้เลย
เราไปทำ Stress test scenario
เราคิดว่าน่าจะกระบวนการ แต่ไม่สามารถคาดหวังได้
ราคาน้ำมันจะกลับมา 35-50 $ ต่อบาร์เรล
เราไม่คิดว่าราคาจะกลับไปราคาที่ต่ำได้
ในเรื่อง Equity ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
น่าจะมีกฎเกณฑ์ที่โปร่งใสมากขึ้น เราเห็น Pipe line จาก อเมริกาเหนือ
เราลงทุนใน yield ได้ High yield bond น่าสนใจyieldมีอัตราที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ต้องระวังบ้าง
เราเห็นภาพเชิงบวก แต่ท้ายที่สุด ต้องถดถอยจนได้ มีเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ
เราต้องมีความพร้อมรองรับการถดถอยที่เกิดขึ้น
ถ้ามีการ recessionในปี 2019 บริษัทเหล่านี้จะอยู่รอดไหม หลายบริษัทจะคุ้นเคยกับการเติบโตค่อยๆเป็นค่อยไป
ค่อนข้างเฉื่อยๆ ยังไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง รายได้ลดลง margin ลดลงจะทำอย่างไร
การเข้าไปจัดการ amortize เราจำเป็นต้องปรับปรุง ต้องระวังเป็นพิเศษ
ตลาดทีอยู่อาศัย มี 3 ตัว Key driver of US Housing
1. Lack of single family construction
2. Strength in Household Formation
3. Gradual Expansion in credit Availability
ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถกู้ได้
กฎเกณฑ์ผ่อนคลาย และ นำไปใช้ไม่เคร่งครัด
พันธบัตรสินเชื่อที่อยู่อาศัย ราคาบ้านขึ้น ใน 2 ปีข้างหน้าง 3-5%
สิ่งที่รัฐบาลรับประกัน คือ ตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐ
อุตสาหกรรมใหม่ และ เก่าที่หายไป ก็มีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนใน port
Pimco มีนักวิเคราะห์ และ ผู้จัดการกองทุนหลายร้อยคน มาวิเคราะห์
มีความหลากหลายของสินค้าเอาเข้าใน port เช่น MBS
Yield ต่ำ return ต่ำ
ทุกคนกลัวว่า ธนาคารกลางจะทำอย่างไร
การซื้อ mbs เป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เช่น เงินเฟ้อ มีคำถาม รัฐบาลกลางยังสนใจ market baseband หรือไม่
ถ้า MBS เข้ามาจะให้ผลตอบแทนลดลงหรือไม่
ผลตอบแทนของ security เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ตลาดตกใจเกินไปหรือไม่
เราเพิ่ม market back security เข้าไปในport
ถ้าเราเข้า Global bond เช่น Australian bond
EM bond เช่น Mexico หลังทรัมป์เข้ามา สินค้าที่ไหลจาก mexico จะลดลง
ตลาดอาจตื่นตระหนกเกินไป
เราเริ่มมองดูอีกด้านของนโยบายทรัมป์
Bond Mexico น่าสนใจที่ศึกษา
บราซิลเทียบไม่ได้กับเม็กซิโก้ในที่เป็น
แสดงว่า PIMCO ลงทุนใน Mexico , Russia , Brazil South Africa เป็นสัดส่วนมากกว่า JP Morgan
EMBI Austraria เป็นตัวอย่างของ unemployment rate ที่สูงขึ้น มาจาก จีนชะลอตัวลง ทำให้Australian ชะลอมากขึ้นไปอีก เรามีความจำเป็น จัดในเรืองของ bond ป้องกันการ downside
จีนชะลอ เราต้องป้องกันด้วย เราสามารถป้องกันจากการลงทุนที่หลากหลาย
Global Fixed income ปี 2017 Yield เรายังไม่มี Telwin
บทบาทของ Fix income เป็น ส่วนสำคัญของ port
เราต้องดูในส่วนนี้ และ สุดท้าย อยากแนะนำนักวิเคราะห์ที่ศึกษาในกลุ่มนี้ ในการดู manager
และสภาพของอัตราดอกเบี้ยด้วย เรามี Base case , ดูนโยบาย ของ ทรัมป์
ดูเรื่อง left tail ด้วย ดู return และ บทบาทของ fixed income ใน port ด้วย
1 สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
2 สร้างมูลค่าของตลาด เราไม่ต้องการให้เกิดความผันผวน
3 เรามีแนวคิดการกระจายรายได้ โดยการกระจาย portfolio
เรามีการเปลี่ยนพลวัตรอย่างไรบ้าง
เราเสริมทสมูลค่าที่ดี และ ยืดหยุ่นได้
ทำงานกับผู้ทำงาน portfolio managerเพื่อให้รายได้อย่างต่อเนื่อง
Investment process
Adjust exposures dynamically given macroeconomic views
ECB ,JCB มีผลกระทบต่ออเมริกา
Housing , หนี้สินมากเกินไป เป็นเหตุการณ์เหมือนหนัง Big shot
Focus White blue , Dark blue จากปี 07 เป็นต้นมาจะน้อยลงเรื่อยๆ
จะเห็นว่า จะเพิ่มในสัดส่วน High yield bond และ Emerging bond market มากขึ้น
พค 13 ถ้าเราจำได้ เบน ประกาศว่าหยุด QE Treasury ขึ้นจาก 2%กว่าเป็น 3%
เราเห็นว่า Bond market ไปไกลเกินไป
2014 อัตราดอกเบี้ย ลดลง
ใส่อัตราดอกเบี้ยเสี่ยงมากขึ้น เมื่อดอกเบี้ย เริ่มเพิ่มขึ้น
จากกราฟ PIE สีชมพูและแดง เป็น High Yield ส่วน ฟ้าเป็น investment grade
เราจะถือครองหุ้นกู้คุณภาพสูงขึ้น
ตลาดที่อยู่อาศัยถดถอยแต่ ยังลงทุน
Asset back security รัฐบาลคุ้มครองพวกนี้
เราใส่ CMBS มากขึ้น มีคุณภาพสูง ในปี 16เราโฟกัสในบริษัทที่ยังเติบโต
พันธบัตรรัฐบาลในแต่ละประเทศ มีคน 40 คนไปดูตลาดใหม่
ผู้บริหารธนาคารแต่ละประเทศ และนำมาพิจารณาอีกที เราไม่ได้ซื้อ EM Bond ทั้งหมด
เราไม่เคยคาดการณ์ได้ แต่สร้างความสมดุุลของ Port
แนวโน้มของโลก เปลี่ยนภาพรวมจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เงินเฟ้อของสหรัฐขยับขึ้นไปจาก 2% ขึ้นไปสักนิดนึง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวโน้มสักเท่าไร
สหรัฐอเมริการปรับ outlook
ธนาคารกลางของอียู เปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยจาก 0% และเป็นการเปลี่ยนพลวัตรของอัตราดอกเบี้ย
การเติบโตของ GDP เป็น 2.25% ของสหรัฐ
ด้านขวา เป็น Right tail ถ้าเติบโตมากกว่า 2.25%
นโยบายการเงินมาใช้ มีการใช้ QE จะเปลี่ยนเป็นนโยบายการคลัง
ปีนี้ ปล่อยมือให้ portfolio สมดุลมากขึ้น
ปฎิรูประบบโครงสร้างภาษี กฎหมายแรงงานอื่นๆ
ดังนั้น GDP น่าจะสูงกว่าที่คาดการณ์
เราสร้าง port จากเหตุการณ์นี้ได้
แต่ถ้าไม่ตามที่ตลาดคาดหวัง นโยบายการเมืองสร้างผลกระทบเชิงลบ
เกิดการล้มเหลวทางการค้า การพาณิชย์
ถ้าเป็นด้านซ้าย Left Tail สร้างport ยืดหยุ่น และ เสนอทางออกที่ดีกว่า เป็นอะไรที่น่าสนใจ
ธนาคารกลางเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เส้นสีเหลืองประ เป็นสิ่งคาดหวังก่อนการเลือกตั้ง
ส่วนสีเหลือง ภาพหลังการเลือกตั้ง ตลาดเปลี่ยนการคาดหวัง ขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น2เท่า
มีการผนวกปัจจัยเหล่านี้เข้าแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ 2.6%
เราไม่ได้คาดหวังว่ามีการคาดหวังว่าขายทิ้งมากกว่านี้
การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากกว่านี้ เราใส่สัดส่วนพันธบัตรเพิ่มขึ้น
ภาพรวม อัตราดอกเบี้ยไม่น่าสูงกว่านี้สักเท่าไหร่
เราจะสร้างport โดยซื้อ Bank credit เข้ามา เติบโตพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
สินเชื่อที่เสนอจากบริษัทต่างๆเราก็ซื้อมากขึ้น
เราใช้ประโยชน์จากการฟื้นฟูของอสังหาในสหรัฐ
การเติบโตในจีนที่สูงขึ้น เราก็ยังตั้งคำถามว่าเติบโตในจีนมากแค่ไหน
เรามาดูในตลาดที่พัฒนา เช่น ออสเตรเลีย ถ้าจีนมีปัญหา จะกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในออสเตรเลีย
เป็นอะไรที่ผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
นโยบายในแต่ละด้านของสามเสาหลัก มีผู้ได้และผู้เสียประโยชน์
บางsector เช่น Obama care อาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่เรารู้ว่า ผลประกอบการรพดีมาก
สะท้อนจากการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่อาจกระทบจากนโยบายใหม่ได้
โรงงานเหล็ก วัสดุพื้นฐาน ได้ประโยชน์มากทีเดียว
ทรัมป์ จะเห่ามากกว่ากัดหรือเปล่า
Real sector technology , retail มีความท้าทายมากขึ้น ถ้ามาตรการค้ารัดกุมมมากขึ้น
เราต้องใส่ใจรายละเอียด เรามาดูรายละเอียดมากขึ้นใน credit research
เราเป็นหัวหน้าทีม research ทำงานอย่างถี่ถ้วน สร้างรูปแบบmodelการลงทุน ที่เปลี่ยนแปลง มากมาย
การปฏิวัติ เช่น telecom , การขนส่ง มีการเปลี่ยนแปลง พลิกโฉมในอนาคต
ปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้นเข้าไปสู่โอกาส ผนวกรวมหรือไม่
ความสัมพันธ์ของบริษัทต่างๆ มีผลอย่างไร
เช่น รถขับเคลื่อนด้วยตนเอง มีผลต่ออุตสาหกรรมรถอย่างไร
การเข้าถึงเป้าหมาย ก่อนเกิดขึ้น หรือ เข้าหลังจากที่เข้าร่วมแล้ว
บ ประกันภัยมาดูที่ Yield curve
ธนาคาร ต้องมีการทำงานใกล้ชิดกับลูกค้า เช่น TMBAM
แต่ถ้ามีการกู้ยืม มีการ charge
การยืมจะเป็นศูนย์ ถ้า
หลังการเลือกตั้ง YIELD CURVE จะชันขึ้น Bank จะลงทุน และ กู้ยืมแบบ Carry trade
ปี 2016 YIELD CURVE จะ Flat จะเป็นการเปลี่ยนแปลง จากผลกำไรของธนาคาร
ในมุมมองของเรา จะมองว่าเป็นผลบวก สภาพคล่องของตลาดทุน
สิ่งที่ธนาคารต้องการ คือ ต้องการให้ข้อกำหนดโปร่งใส
เช่น EU มีความโปร่งใส่น้อยกว่า
มีค่าปรับอย่างไรที่มาcharge กับเรา
โอบามา มีความโปร่งใส Bank security มุมมองรายได้ มีการใส่เพิ่มเงินทุนใน9 ปีที่ผ่านไป ทำให้capital ratio เพิ่มขึ้น
ช่วยในระบบของธนาคาร
สิ่งที่ทรัมป์ จะเปลี่ยนแปลง ใน 3-4 ปีที่ผ่านมา คาดการณ์ไม่ได้เลย
เราไปทำ Stress test scenario
เราคิดว่าน่าจะกระบวนการ แต่ไม่สามารถคาดหวังได้
ราคาน้ำมันจะกลับมา 35-50 $ ต่อบาร์เรล
เราไม่คิดว่าราคาจะกลับไปราคาที่ต่ำได้
ในเรื่อง Equity ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
น่าจะมีกฎเกณฑ์ที่โปร่งใสมากขึ้น เราเห็น Pipe line จาก อเมริกาเหนือ
เราลงทุนใน yield ได้ High yield bond น่าสนใจyieldมีอัตราที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ต้องระวังบ้าง
เราเห็นภาพเชิงบวก แต่ท้ายที่สุด ต้องถดถอยจนได้ มีเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ
เราต้องมีความพร้อมรองรับการถดถอยที่เกิดขึ้น
ถ้ามีการ recessionในปี 2019 บริษัทเหล่านี้จะอยู่รอดไหม หลายบริษัทจะคุ้นเคยกับการเติบโตค่อยๆเป็นค่อยไป
ค่อนข้างเฉื่อยๆ ยังไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง รายได้ลดลง margin ลดลงจะทำอย่างไร
การเข้าไปจัดการ amortize เราจำเป็นต้องปรับปรุง ต้องระวังเป็นพิเศษ
ตลาดทีอยู่อาศัย มี 3 ตัว Key driver of US Housing
1. Lack of single family construction
2. Strength in Household Formation
3. Gradual Expansion in credit Availability
ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถกู้ได้
กฎเกณฑ์ผ่อนคลาย และ นำไปใช้ไม่เคร่งครัด
พันธบัตรสินเชื่อที่อยู่อาศัย ราคาบ้านขึ้น ใน 2 ปีข้างหน้าง 3-5%
สิ่งที่รัฐบาลรับประกัน คือ ตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐ
อุตสาหกรรมใหม่ และ เก่าที่หายไป ก็มีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนใน port
Pimco มีนักวิเคราะห์ และ ผู้จัดการกองทุนหลายร้อยคน มาวิเคราะห์
มีความหลากหลายของสินค้าเอาเข้าใน port เช่น MBS
Yield ต่ำ return ต่ำ
ทุกคนกลัวว่า ธนาคารกลางจะทำอย่างไร
การซื้อ mbs เป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เช่น เงินเฟ้อ มีคำถาม รัฐบาลกลางยังสนใจ market baseband หรือไม่
ถ้า MBS เข้ามาจะให้ผลตอบแทนลดลงหรือไม่
ผลตอบแทนของ security เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ตลาดตกใจเกินไปหรือไม่
เราเพิ่ม market back security เข้าไปในport
ถ้าเราเข้า Global bond เช่น Australian bond
EM bond เช่น Mexico หลังทรัมป์เข้ามา สินค้าที่ไหลจาก mexico จะลดลง
ตลาดอาจตื่นตระหนกเกินไป
เราเริ่มมองดูอีกด้านของนโยบายทรัมป์
Bond Mexico น่าสนใจที่ศึกษา
บราซิลเทียบไม่ได้กับเม็กซิโก้ในที่เป็น
แสดงว่า PIMCO ลงทุนใน Mexico , Russia , Brazil South Africa เป็นสัดส่วนมากกว่า JP Morgan
EMBI Austraria เป็นตัวอย่างของ unemployment rate ที่สูงขึ้น มาจาก จีนชะลอตัวลง ทำให้Australian ชะลอมากขึ้นไปอีก เรามีความจำเป็น จัดในเรืองของ bond ป้องกันการ downside
จีนชะลอ เราต้องป้องกันด้วย เราสามารถป้องกันจากการลงทุนที่หลากหลาย
Global Fixed income ปี 2017 Yield เรายังไม่มี Telwin
บทบาทของ Fix income เป็น ส่วนสำคัญของ port
เราต้องดูในส่วนนี้ และ สุดท้าย อยากแนะนำนักวิเคราะห์ที่ศึกษาในกลุ่มนี้ ในการดู manager
และสภาพของอัตราดอกเบี้ยด้วย เรามี Base case , ดูนโยบาย ของ ทรัมป์
ดูเรื่อง left tail ด้วย ดู return และ บทบาทของ fixed income ใน port ด้วย
1 สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
2 สร้างมูลค่าของตลาด เราไม่ต้องการให้เกิดความผันผวน
3 เรามีแนวคิดการกระจายรายได้ โดยการกระจาย portfolio
เรามีการเปลี่ยนพลวัตรอย่างไรบ้าง
เราเสริมทสมูลค่าที่ดี และ ยืดหยุ่นได้
ทำงานกับผู้ทำงาน portfolio managerเพื่อให้รายได้อย่างต่อเนื่อง
Investment process
Adjust exposures dynamically given macroeconomic views
ECB ,JCB มีผลกระทบต่ออเมริกา
Housing , หนี้สินมากเกินไป เป็นเหตุการณ์เหมือนหนัง Big shot
Focus White blue , Dark blue จากปี 07 เป็นต้นมาจะน้อยลงเรื่อยๆ
จะเห็นว่า จะเพิ่มในสัดส่วน High yield bond และ Emerging bond market มากขึ้น
พค 13 ถ้าเราจำได้ เบน ประกาศว่าหยุด QE Treasury ขึ้นจาก 2%กว่าเป็น 3%
เราเห็นว่า Bond market ไปไกลเกินไป
2014 อัตราดอกเบี้ย ลดลง
ใส่อัตราดอกเบี้ยเสี่ยงมากขึ้น เมื่อดอกเบี้ย เริ่มเพิ่มขึ้น
จากกราฟ PIE สีชมพูและแดง เป็น High Yield ส่วน ฟ้าเป็น investment grade
เราจะถือครองหุ้นกู้คุณภาพสูงขึ้น
ตลาดที่อยู่อาศัยถดถอยแต่ ยังลงทุน
Asset back security รัฐบาลคุ้มครองพวกนี้
เราใส่ CMBS มากขึ้น มีคุณภาพสูง ในปี 16เราโฟกัสในบริษัทที่ยังเติบโต
พันธบัตรรัฐบาลในแต่ละประเทศ มีคน 40 คนไปดูตลาดใหม่
ผู้บริหารธนาคารแต่ละประเทศ และนำมาพิจารณาอีกที เราไม่ได้ซื้อ EM Bond ทั้งหมด
เราไม่เคยคาดการณ์ได้ แต่สร้างความสมดุุลของ Port