Money Talk@MAI FORUM 2015
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Money Talk@MAI FORUM 2015
โพสต์ที่ 1
Money Talk@mai FORUM 2015 "คัดหุ้นเข้าพอร์ตและเปิดโผหุ้นเด่น mai"โดย
- ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร (ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน) ได้รับรางวัลปีนี้ และ พิธิกรmoney talk
มีความสามารถพิเศษเข็นรถได้พร้อมกันสองคัน เข้าสู่super market
- ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนนกุล คุณ ฮิม (กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้)
- คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม พี่เทิด (ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย)
บมจ.หลักทรัพย์ เอเซียพลัส นักวิเคราะห์ยอดเยี่ยมจาก Wall street journal
- คุณสรพงษ์ จักรธีรังกูร คุณโจ้ (ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์)
บมจ.หลักทรัพย์ กสิกรไทย และนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยม mai 2014
ดำเนินรายการโดย: อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ และนพ.ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช (หมอเค)
อ เสน่ห์ แจ้งว่าเป็นปีที่2 ที่money talk มาจัดส้มมนาในงาน MAI FORUM
ขนาดห้องใหญ่กว่าเดิมค่อนข้างเยอะ มีเก้าอี้นวดอยู่ด้านข้าง เวลาเมื่อยก็ไปได้
ตลาดหุ้น MAI 114 บริษัท Mkt cap 400,000 ลบ PE 70 เท่า
ส่วน SET 500 กว่าบริษัท มูลค่า PE 20 เท่า
Mai return ติดลบ -6% ส่วน SET เพิ่มเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นปี2558
ให้นักวิเคราะห์มาบอกให้ว่าดีหรือไม่
ดร นิเวศน์ บอกว่า MAI ย่อมาจาก Market for alternative investment
เปรียบกับการรักษาทางเลือก เป็น ศาสตร์ยาที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์เช่น สมุนไพร
ไม่ใช่ตลาดหุ้นใหม่ คนฝรั่งคงงง น่าจะตั้งเป็นตลาดหุ้นเล็ก NASDAQ ระบบการซื้อขายไม่เหมือนกัน
ตอนนี้เหมือนกัน ตอนเข้าไม่เหมือน นอกน้นเหมือนกัน เลยสับสน ไม่เคยแยก แต่รู้ว่าชอบ MAI
มันดี ราคาดี บริษัทอยากเข้า MAI ราคาเพิ่มเร็ว PE 70 เท่า น่าเข้ามากกว่า SET
หมอเค บอกว่าเริ่มจากอาวุโสน้อยสุด คุณ สรพงษ์ เป็นคนให้ความเห็นคนแรก ถามว่า ทำไมต้องลงตลาด MAI
คุณสรพงษ์ บอกว่าได้รับมอบหมายมาพูด ค่อนข้างเครียด เพราะผู้พูดอื่นมีชื่อเสียง
จริงๆ MAI ตั้งมา 16 ปี มีหุ้นที่มีศักยภาพ ทางตลาดอยากสร้างโอกาสระดมทุน
Business มืพิเศษ เช่น สปา ขายเพชร ทำการบ้าน 114 ตัว ซึ่งตั้งตลาดMAI มา 16 ปี บาง
บริษัททำจักรยาน ถุงน่อง ทำซ๊อสปรุงรส
อยากได้ทุน เพื่อเติบโต และ เป็นประโยชน์ต่อ investor ด้วย
เราศึกษาและ สามารถเติบโตไปกับเขาด้วย ตลาดเล็กกว่าสามารถหา growth stock ได้ง่ายกว่า
บริษัทน้องใหม่มีทุนแค่20ลบ ก็สามารถจดใน MAI พอโตย้ายไป SET ได้ และ บริษัทได้สนับสนุนพลังงานทางเลือก ไม่มีกำไรก็เข้าได้ เต็มไปด้วยโอกาส
จดทะเบียน 137 บริษัท แต่เติบโตจนย้ายไป SET 19 บริษัท จนเหลือ 114 บริษัท
ผลตอบแทนได้รับ 96% ในปีที่แล้ว trade volume 8.5% ในปีที่แล้วสูงกว่าปีก่อนๆ
คุณเทิดศักดิ์ : มองในเรื่องผลตอบแทน ตั้งแต่ปี 46 562% ส่วน SET 321%
จุดแยกอยู่ปี 56 return สูงมาก ต่างชาติซื้อสุทธิตั้งแต่ปี 2009 วัดเป็นรายวัน สะสม 320,000 ลบ
ขายอยู้เหลือไม่ถึง 10% แต่ตลาด MAI ไม่ค่อยมีต่างชาติเข้ามา เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง
เช่น ขนาดเล็ก ไม่มีบทวิเคราะห์ ปี 56 ไม่ค่อยมีผลกระทบจากการขายของต่างชาติ แต่ต้องระวัง
MKT cap เทียบกับ set 2% แต่ผลกำไรแค่ 1% ของ SET
แต่ก็มีความน่าสนใจ ทุกตัวไม่แพงหมด
PE < 10 มี4บริษัท
10-19 = 20กว่าบริษัท
20-25 = 9 บริษัท
>25 =40 บริษัท
ที่เหลือยังไม่มีกำไรอีก 30 กว่าบริษัท
ผลตอบแทนในอดีตท้าท้ายมาก เราต้องตั้งการ์ดไว้สูงด้วยตัวเลือกในการลงทุน
มีทางเลือกหา PE ต่ำก็มี หรือ พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร ต้องเลือกมากขึ้น
Earnning before 56 = 16-17 บาท แต่หลังปี 56 เหลือแค่กำไร 10 บาท มาจาก บริษัทเข้าใหม่ยังไม่มีกำไร หรือมาจากเพิ่มทุน PP ( Private placement ดร นิเวศน์เสริมว่า จะให้ใครที่ทำประโยชน์ให้กับบริษัทผู้บริหารกำหนดราคาเองได้ ที่สิงคโปร์ไม่ยอมให้ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาตลาด 10-20% )ถูก dilute ทำให้กำไรลดลง
คุณวิศิษฐ์ : เปิดกว้างให้นักลงทุนและผู้ประกอบการ business model ใหม่ จะมาเข้าที่ห้น MAI
-บริษัทผลิตไฟฟ้าเปิดแค่ 8 MW แต่มี PPA 100 MW มีการทำ valuation โดยรวมที่ได้ PPA ด้วย
-มีการใส่นวัตกรรม FSMART นำไปสู่นวัตกรรมการทำ valuation ต่างกับ SET
เวลาการตัดสินใจ ควบกิจการสูงจึงเก็งกำไร
-Underown นักลงทุนสถาบันถือน้อย มีโอกาสถือมากขึ้น
มีการเปิดกองทุน KTAM เปิดขาย กองทุนหุ้นMAI ในงานนี้สามารถจองได้ที่บูธ
บริษัทที่ไม่มี PE เหมือน Shell company มีโอกาส Back door สูง การสวิง Votality สูงมาก
ปีไม่ดี -50% ปีดีกำไรก็มาก การสวิงของ earning เยอะ Beta สูง นักลงทุนเลยต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น นักลงทุนเลยชอบหุ้นในตลาด MAI
คำถามที่สอง ตลาดน่าลงทุนไหม
คุณวิศิษฐ์: แบ่ง factor ออกเป็น 2 factor
1. Greese จ่ายเงินไม่ทัน 1,500 ล้านเหรียญ น่าจะไม่มีเงินพอ มี primary bugget deficit -2% ดังนั้น กรีซอาจอยู่ไม่ได้ ถ้าค้าขายในยูโรไม่ได้ โครงการ ELA ให้เงิน 75,000 ล้านยูโร
เทียบกับทุนสำรอง 150,000 ล้านเหรียญยูโร ดังนั้นโอกาสจะอยู่รอดถ้าออกจากยูโรยาก
Capital control ทำให้กดเงินได้ 600 บาทต่อวัน GDP 2% ของยูโร แต่ค้าขาย 30% กับยูโร รอบนี้เจ้าหนี้เป็นธนาคารกลางยูโรป ดังนั้น hair cut จะกระทบประชาชนยุโรป ดังนั้นทางการจะเข้าไปช่วยกรีซ แต่กร๊ซต้องเก็บภาษีเพิ่ม และ เพิ่มอายุเกษียณเป็น 67 ปี
มีการลงประชามติจะอยู้ในยูโร และ รับมาตราการรัดเข็มขัด ในวันที่ 5 กค การออกต้องมีมาตราการไม่ใหลุกลามไปประเทศอื่น ดูจากค่าเงินยูโร ค่าประกันความเสียงไม่เพิ่มขึ้น เสียหายเฉพาะวงแคบๆ
2. Feb ขึ้น ดอกเบี้ยในปีนี้ ตราสารหนี้ทุกรอบตั้งแต่ 1988 1994 2001 2004
ราคาน้ำมัน bottom emerging mkt out perform ยกเว้น 1994 ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยมีผลน้อยต่อตลาดหุ้นไทย ตลาดทุนรับร็ข่าวขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว รวมถึง M2 ค่อยๆเพิ่มขึ้น ไม่ค่อยอ่อนไหวเท่าไหร่ ปีนี้แกว่งต่ำกว่า 100 จุด เทียบกับอตีดผันผวน 380 จุด ตลาดปีนี้เติบโตค่อนข้างน้อย แต่ผันผวนน้อย M shape
ขึ้น Q1 ลง Q2 เป็น Rotation ค่อยข้างสบายใจขึ้นกับตัวหุ้น
คุณเทิดศักดิ์ พูดว่า เลือกตัวหุ้นที่pe ไม่สูง ดูโครงสร้าง 30% มาจากresource พลังงานทดแทน
เมื่อผ่านจุดลบไปแล้ว เริ่มเปิดใช้งาน อันดับสอง financial 32% เป็น ธุรกิจเช่าซื้อ มีเสน่ห์ Source fund ใช้เงินกู้ และ มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดลง ทำให้ดีขึ้น
ลองรวม 62% impact from กรีซ ไม่ค่อยกระทบ limit ผลกระทบจากภายนอกลงมาไม่ค่อยถึง MAI มีตัวค้ำคือ fund flow และ fundamental ถ้ามาพร้อมกัน จะทำให้ราคาเพิ่มขึ้น
ที่กังวลกับหุ้น PE สูงๆในตลาดเยอะ เวลากระทบยอดไม้ หุ้น PE สูง อย่าให้แกว่งมาก
กลัวมากเพราะแพ้ภัยตัวเอง
คุณ โจ้ ยอมรับว่าเศรษฐกิจรับรู้ว่าไม่ตามเป้า อย่างไรก็ตาม ตลาด MAI บอบบางมีความอ่อนไหวจากปัจจัยที่มากระทบ ราคาลงมา6% ตั้งแต่ต้นปี ถ้าเลือกบริษัทที่ถูกต้องจะสร้าง return ค่อนข้างดี ไม่ยากถ้าไปศึกษา บริษัทไม่ใหญ่มากเช่น พลังงานทดแทน EA ทำให้มีกำไร ยอมจ่ายแพงวันนี้ ถ้าเสร็จตามกำหนด กำไรจะมา รับรู้รายได้แน่นอน บางความเสี่ยง mer กระทบโรงพยาบาล ท่องเที่ยว ถ้าศึกษาว่า ไม่แพร่อย่างง่ายดาย
กลุ่มที่ลงเยอะเช่นท่องเที่ยวจะกลับมา
ดร นิเวศน์ ตลาดที่น่าลงทุน ตอนนี้ไม่น่าลงทุน จริงๆอนาคตเป็นอย่างไร กลัวว่าวันนึงหุ้น MAI ตกลงมาเยอะมาก มีโอกาสที่เกิด อ่านประวัติศาสตร์ PE สูงๆ 60-70 ที่ US หุ้น NASDAQ ตอนปี 2000 เป็นหุ้นมหัศจรรย์ จะเปลี่ยนโลกทั้งโลกโดย technology มีการซื้อมาก จน PE 100 เท่า
เหมือนหุ้นใน MAI story เปลี่ยนพลังงาน และ ดิจิตอล Nasdaq ขึ้นมา 7 ปี คนคงกลัว ทำให้ตลาดตกลงอย่างรุนแรง มันอาจจะแพงเกิน หุ้นที่ดีที่สุด เช่น Yahoo , MS , Cissco
ตกลงมา80-90% หุ้นตกแต่เหตุการณ์เป็นจริง หุ้นไม่สามารถอยู่ได้เพราะ PE สูง แสดงว่า เรื่องจริงแต่ราคาตกลงมาก เช่น Yohoo ตกเหลือ 5% ญึ่ปุ้น เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สินค้าสุดยอด หุ้นจาก 10,000 ไป 40,000 จุด ที่ดินญี่ปุ้น สามารถเทียบเท่ากับอเมริกา 2 เท่า
คนคิดว่าราคาแพงไป Dividend yield 0.5% หาเหตุผลที่ทำให้หุ้นญี่ปุ่นตกลงมาได้ ท้ายสุดตลาดตกรุนแรง นาน 20ปี หุ้น Yahoo ตอนนี้ขึ้นไปเกินราคาที่ก่อนตกแล้ว เริ่มให้กำลังคนถือหุ้น ต้องถือให้ทนถึงเวลาที่ขึ้น แต่ระวังไว้ของบางอย่างมันผิดปกติ มาจากจิตวิทยาหมู่ ตลาดMAI เล่นเยอะมาก บางตัวขึ้นมาจาก MKT cap 1000 ลบ แต่ซื้อขายมากกว่า PTT Mkt cap 100,000 ลบ เราเหมือนสร้างวิมานเมฆ แป็บเดียวฝนตกก็หายได้
คำถาม Hi light มาถึงวันนี้ MAI น่าสนใจ
: ชอบแบบไหน และถ้าชอบแล้ว ตัวไหน ราคาที่ซื้อเท่าไหร่
คุณโจ้ เห็นด้วยว่าหุ้นบางตัวเป็นวิมาน เช่นกลุ่มพลังงานทดแทน ไม่ใช่ว่าบริษัทไหนจะทำ ก็ให้ราคาได้เลย จริงๆมี โควต้า 3000 กว่า เหลือ 1000 กว่าที่ค้างท่อ และ 800 MW สหกรณ์ แต่
บริษัทที่ลงทุนในญี่ปุ้น จะเป็นอีกเรื่องนึง EA เป็นคนสร้างให้นักลงทุนยอมรับการvaluation
โรงไฟฟ้าใหม่ที่บวกเข้ามา PPA อาจให้มูลค่าเพิ่มแค่ 50% เพราะอาจก่อสร้างมีปัญหา
บางบริษัท ตอนนี้นักลงทุนให้มากกว่านั้น เช่น PPA อาจให้ 100%
บางบริษัท บอกว่าอาจจะได้ นักลงทุนไปรวมเป็นมูลค่า จริงๆต้องเป็นอีก 3-4 ปี
การทำ valuation ต้องทำเป็นแต่ละปี เป็นการ pricing ให้ถูกต้อง
หลักการวิเคราะห์หุ้น
1.เราชอบหุ้นที่มีการเติบโตชัดเจน business model ชัดเจน
2.ผู้บริหาร เราต้องรู้จักระดับนึง
3. Financial ratio ได้ ROE สูง น่าสนใจ ประมาณ 20%ขึ้นไป และ มี DE ratio ต่ำ ก็ยิ่งน่าสนใจและสามารถขยายกิจการ หรือ ถ้าไม่ขยายก็ความเสี่ยงน้อย เพราะ กู้น้อย
เชียร์ EA แต่ราคาหุ้นที่ขึ้นมา รับรู้มูลค่าที่อยู่ในมือไปมากแล้ว ตอนนี้เงินที่ถืออยู่ไปทำอะไรที่โดดเด่น ก็จะไปadd value มากกว่า
หุ้นที่ชอบพื้นฐาน
Jubilee business ชัดเจน ค้าปลีกเพชรชัดเจน design แบบเพชร ได้รับรางวัลจากสถาบันการันตีเพชรระดับโลก จับกลุ่มระดับสูง ผู้บริโภคยอมรับมากขึ้น ราคาเพชรขึ้น 4-5% ทุกปี ค่อนข้างsafe ผู้บริหารเป็นกลุ่มที่ทำงานหนักเพื่อบริษัทจริง เวลาไม่ดีก็ยอมรับ
เพื่อไปปรับปรุง ในเชิงบริษัท ยังมีกำไร แต่เนื่องจากระดับล่างซื้อน้อยลง เปิด show room Flag ship stor กำไร Q1 ไม่ค่อยดี ราคาเหลือ แค่ 24 บาท DE 0.4 , Gp 40% น่าจะได้รับผลตอบแทนดีในอนาคตสามารถdouble ได้ มองที่ราคา 28 บาท
Pylon ชอบ แต่แพง
อีกตัวมีการปรับปรุงธุรกิจอยู่เราต้องติดตาม คือ EFORL ตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ ใช้ Financial leverage ซื้อวุฒิศักดิ์คลีนิก ปรับปรุงให้กำไรดีในอนาคต DE มากกว่า 4-5 เท่า
อาจเอาวุฒิศักดิ์ไป list ในตลาดในปลายปี พยายามเพิ่ม SSS เริ่มในธุรกิจความงาม เครื่องสำอาง
Take ดัซโซ ซึ่งเป็นบริษัทบำรุงผิว และซื้อบริษัทสยามสเนล วิจัยหอยทากมาลบรอยตีนกาได้
Q4 อาจดูดี ราคาหุ้นเคยขึ้น 2 บาท เมื่อมีข่าวซื้อวุฒิศักดิ์ ตอนนี้ 1.21 บาท
กำไรที่รวมวุฒัศักดิ์ 1,100 ลบ ใน Q1 15 เทียบกำไรปีที่แล้ว 1,400 ลบ
คุณเทิดศักดิ์ : เลือก PE ต่ำกว่า 20 เท่า
JSP ทำ property โครงสร้างการเงิน ไม่มีหนี้ สำเพ็ง2 ทำให้เกิดความปลอดภัยระดับนึง
กำไรปีนี้ 1200 ลบ มากกว่า 3 เท่าตัวของกำไรปีที่แล้ว
Back log โอน 3500 ล้านในปีนี้ GP เกิน 50% NP 200 ลบ ทะลุทะลวง
ตอนนี้ PE 8 เท่า ราคาหุ้น 2.34 บาท ราคาตลาด 1.95
LIT บัญชีลูกหนี้ที่ซื้อไปทำกับภาครัฐ GDP 3% มาจากภาครัฐ 37%
ดังนั้นภาครัฐโตมากขึ้น ส่งผลให้กำไร 48 ไปที่ 70 ลบในปีนี้ PE 17 เท่าเอง
ปีนี้ลงมาเหลือ 13 เท่า มูลค่าเหมาะสม 7 เท่าโดยใช้ PE 20 เท่า ราคาตอนนี้ต่ำกว่า 6 บาท
คุณวิศิษฐ์: ดูจาก business model ต้องดูราคา ถ้าฟองสบู่จะแตก ต้องมี trigger เช่นญี่ปุ่นมาจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ขายของไม่ได้ จีน มาจาก regulation
อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย regulation
1. SPA สินทรัพย์คือนวัตกรรม การ training มีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น ตอนนี้เมย 4 ล้านคน เทียบกับปี่ทีแล้วทั้งปี 4 ล้านคน เป็น Megatrend
Earning น่าจะโดดเด่น
ROE สูง PB ต่ำน่าสนใจ
2. Jubilee retail distribution
3. ILINK megatrend communication
4. FSMART ดูจาก operating cash flow
5. PYLON ต้นน้ำรับเหม่าก่อสร้า
6. TPCH business model king of South มี ROE สูง
7. CHO ช ทวี ดอลเลเชี่ยน
ต้องดู valuation มี hidden growth หรือ เปล่า และยังไม่สะท้อนในราคา
ดร นิเวศน์ วิจารณ์ อาจมีศักยภาพที่แท้จริง
Jubilee บริษัทสวย industry มีจุดอ่อน ดู five force ธุรกิจ การเข้ามาคู่แข่งไม่ยาก เข้าง่ายออกง่าย supplier มี power เยอะ บริษัทเบลเยี่ยม เราเสียเปรียบ ส่วนลูกค้ามีอำนาจต่อรอง สินค้าทดแทน เช่น บุศราคัม การแข่งขันระหว่างในอุต มีเยอะแยะ มีการเสนอถึงบ้านเป็น industry ที่เหนื่อยมาก แต่ Jubilee เก่ง ทำ counter กระจายทั่วประเทศ โอกาสโดดเด่นยาก แต่เป็น first mover ได้เปรียบ แต่ต้อง Hold on ตลอด งบออกมาผิดคาดราคาตกลงมาจาก 40 กว่าบาท แสดงว่ามีจุดอ่อนที่มองไม่เห็น ที่อันตราย เป็น breakup core
EFORL ขายเรื่องธุรกิจแต่งหน้า ศัลยกรรม แต่ตอนหลังเริ่มเฟ้อ เจ้าของเดิมต้องมาแก้ปัญหา จริงๆมาก่อนกำไรเลยเยอะ นาทีอาจไม่ใช่แบบเราคิด
JSP เราห่วงว่าจะมีสำเพ็ง3 หรือเปล่า ถ้ามีมากๆ
LIT Factoring PE 17 เท่าสูงมากเทียบกับ ธนาคาร แค่ 7 เท่า
SPA ตอนนี้เป็น first mover บุกแบบ internet booking ถ้ามองในด้าน industry เปิดง่าย
Supplier หมอนวด ก็ไม่ค่อยมีอำนาจต่างพึ่งพากัน ลูกค้ามีอำนาจต่อรอง
สินค้าทดแทน ถ้าแพงจัดๆก็ไปทำอย่างอื่น บริษัทเก่งเข้ามาถูกช่วง
FSMART first mover ตอนหลังห้ามคนอื่นมาไม่ได้ มีตู้เดิมเงินอื่นมาแข่งสุดท้าย ได้เงินไม่มาก ลูกค้าใกล้ไหนก็ไปใช้ที่นั่น
Pylon การก่อสร้างขึ้นๆลงๆ
TPCH ใช้เอาเศษไม้ รากไม้มาเผา ถึงเวลาอาจไม่มาหรือไม่พอ อาจเหนื่อยได้ เดี๋ยวดูไป บริษัทสร้าง story ได้ มีวัตถุดิบ
ช ทวี งานแนวรับเหมา ความไม่แน่นอนสูง
ILINK ผ่าน story หลายรอบ จะเติบโตยาวนานจริงหรือเปล่า
อจ เสน่ห์ ให้คัดออกมาสัก 2 ตัว พอพึ่งพาได้
ดร นิเวศน์ property เมืองไทย PE 6-7 เท่า เยอะแยะ เทียบกับ JSP ไม่ค่อยโดดเด่น
เราต้องรักษาความคงเส้นคงวา ค้านตลอด เตือนของพวกนี้ต้องระวังนิดหน่อย
คุณโจ้ เราลงทุนโดยยึดหลักการกระจายความเสี่ยง ดูอายุ ถ้าน้อย เสี่ยงได้มาก
ถ้าอายุมาก ต้องlimit ความเสี่ยง
คุณเทิด อย่ารีบร้อน ศึกษาให้เข้าใจก่อนเข้าตลาด
เวลาอยู้ในตลาด อ่านเยอะ ฟังเยอะ ตัดสินใจช้าหน่อย
คุณวิศิษฐ์ ดูจาก
Business model
Valuation มี4-5 วิธีด้วยกัน มองว่าราคาอันไหนน่าจะดี
ดร นิเวศน์
ถ้าซื้อหุ้นตัวไหน เตรียมว่าห้ามขายก่อน 5 ปี ถ้าเราไม่เอา ก็ไม่น่าถือ
หุ้นที่ขึ้นไปเยอะ build อารมณ์มาเยอะ over price ไป ที่พูดก็ถูก แต่หุ้นลงไปมากไม่เกี่ยวข้องกัน
ขอบคุณนักวิเคราะห์ทุกท่าน และ นักฝ่ายค้าน การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องระวังด้วยตนเอง
ขาดทุนเป็นของท่าน กำไรก็เป็นของท่าน
- ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร (ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน) ได้รับรางวัลปีนี้ และ พิธิกรmoney talk
มีความสามารถพิเศษเข็นรถได้พร้อมกันสองคัน เข้าสู่super market
- ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนนกุล คุณ ฮิม (กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้)
- คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม พี่เทิด (ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย)
บมจ.หลักทรัพย์ เอเซียพลัส นักวิเคราะห์ยอดเยี่ยมจาก Wall street journal
- คุณสรพงษ์ จักรธีรังกูร คุณโจ้ (ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์)
บมจ.หลักทรัพย์ กสิกรไทย และนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยม mai 2014
ดำเนินรายการโดย: อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ และนพ.ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช (หมอเค)
อ เสน่ห์ แจ้งว่าเป็นปีที่2 ที่money talk มาจัดส้มมนาในงาน MAI FORUM
ขนาดห้องใหญ่กว่าเดิมค่อนข้างเยอะ มีเก้าอี้นวดอยู่ด้านข้าง เวลาเมื่อยก็ไปได้
ตลาดหุ้น MAI 114 บริษัท Mkt cap 400,000 ลบ PE 70 เท่า
ส่วน SET 500 กว่าบริษัท มูลค่า PE 20 เท่า
Mai return ติดลบ -6% ส่วน SET เพิ่มเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นปี2558
ให้นักวิเคราะห์มาบอกให้ว่าดีหรือไม่
ดร นิเวศน์ บอกว่า MAI ย่อมาจาก Market for alternative investment
เปรียบกับการรักษาทางเลือก เป็น ศาสตร์ยาที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์เช่น สมุนไพร
ไม่ใช่ตลาดหุ้นใหม่ คนฝรั่งคงงง น่าจะตั้งเป็นตลาดหุ้นเล็ก NASDAQ ระบบการซื้อขายไม่เหมือนกัน
ตอนนี้เหมือนกัน ตอนเข้าไม่เหมือน นอกน้นเหมือนกัน เลยสับสน ไม่เคยแยก แต่รู้ว่าชอบ MAI
มันดี ราคาดี บริษัทอยากเข้า MAI ราคาเพิ่มเร็ว PE 70 เท่า น่าเข้ามากกว่า SET
หมอเค บอกว่าเริ่มจากอาวุโสน้อยสุด คุณ สรพงษ์ เป็นคนให้ความเห็นคนแรก ถามว่า ทำไมต้องลงตลาด MAI
คุณสรพงษ์ บอกว่าได้รับมอบหมายมาพูด ค่อนข้างเครียด เพราะผู้พูดอื่นมีชื่อเสียง
จริงๆ MAI ตั้งมา 16 ปี มีหุ้นที่มีศักยภาพ ทางตลาดอยากสร้างโอกาสระดมทุน
Business มืพิเศษ เช่น สปา ขายเพชร ทำการบ้าน 114 ตัว ซึ่งตั้งตลาดMAI มา 16 ปี บาง
บริษัททำจักรยาน ถุงน่อง ทำซ๊อสปรุงรส
อยากได้ทุน เพื่อเติบโต และ เป็นประโยชน์ต่อ investor ด้วย
เราศึกษาและ สามารถเติบโตไปกับเขาด้วย ตลาดเล็กกว่าสามารถหา growth stock ได้ง่ายกว่า
บริษัทน้องใหม่มีทุนแค่20ลบ ก็สามารถจดใน MAI พอโตย้ายไป SET ได้ และ บริษัทได้สนับสนุนพลังงานทางเลือก ไม่มีกำไรก็เข้าได้ เต็มไปด้วยโอกาส
จดทะเบียน 137 บริษัท แต่เติบโตจนย้ายไป SET 19 บริษัท จนเหลือ 114 บริษัท
ผลตอบแทนได้รับ 96% ในปีที่แล้ว trade volume 8.5% ในปีที่แล้วสูงกว่าปีก่อนๆ
คุณเทิดศักดิ์ : มองในเรื่องผลตอบแทน ตั้งแต่ปี 46 562% ส่วน SET 321%
จุดแยกอยู่ปี 56 return สูงมาก ต่างชาติซื้อสุทธิตั้งแต่ปี 2009 วัดเป็นรายวัน สะสม 320,000 ลบ
ขายอยู้เหลือไม่ถึง 10% แต่ตลาด MAI ไม่ค่อยมีต่างชาติเข้ามา เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง
เช่น ขนาดเล็ก ไม่มีบทวิเคราะห์ ปี 56 ไม่ค่อยมีผลกระทบจากการขายของต่างชาติ แต่ต้องระวัง
MKT cap เทียบกับ set 2% แต่ผลกำไรแค่ 1% ของ SET
แต่ก็มีความน่าสนใจ ทุกตัวไม่แพงหมด
PE < 10 มี4บริษัท
10-19 = 20กว่าบริษัท
20-25 = 9 บริษัท
>25 =40 บริษัท
ที่เหลือยังไม่มีกำไรอีก 30 กว่าบริษัท
ผลตอบแทนในอดีตท้าท้ายมาก เราต้องตั้งการ์ดไว้สูงด้วยตัวเลือกในการลงทุน
มีทางเลือกหา PE ต่ำก็มี หรือ พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร ต้องเลือกมากขึ้น
Earnning before 56 = 16-17 บาท แต่หลังปี 56 เหลือแค่กำไร 10 บาท มาจาก บริษัทเข้าใหม่ยังไม่มีกำไร หรือมาจากเพิ่มทุน PP ( Private placement ดร นิเวศน์เสริมว่า จะให้ใครที่ทำประโยชน์ให้กับบริษัทผู้บริหารกำหนดราคาเองได้ ที่สิงคโปร์ไม่ยอมให้ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาตลาด 10-20% )ถูก dilute ทำให้กำไรลดลง
คุณวิศิษฐ์ : เปิดกว้างให้นักลงทุนและผู้ประกอบการ business model ใหม่ จะมาเข้าที่ห้น MAI
-บริษัทผลิตไฟฟ้าเปิดแค่ 8 MW แต่มี PPA 100 MW มีการทำ valuation โดยรวมที่ได้ PPA ด้วย
-มีการใส่นวัตกรรม FSMART นำไปสู่นวัตกรรมการทำ valuation ต่างกับ SET
เวลาการตัดสินใจ ควบกิจการสูงจึงเก็งกำไร
-Underown นักลงทุนสถาบันถือน้อย มีโอกาสถือมากขึ้น
มีการเปิดกองทุน KTAM เปิดขาย กองทุนหุ้นMAI ในงานนี้สามารถจองได้ที่บูธ
บริษัทที่ไม่มี PE เหมือน Shell company มีโอกาส Back door สูง การสวิง Votality สูงมาก
ปีไม่ดี -50% ปีดีกำไรก็มาก การสวิงของ earning เยอะ Beta สูง นักลงทุนเลยต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น นักลงทุนเลยชอบหุ้นในตลาด MAI
คำถามที่สอง ตลาดน่าลงทุนไหม
คุณวิศิษฐ์: แบ่ง factor ออกเป็น 2 factor
1. Greese จ่ายเงินไม่ทัน 1,500 ล้านเหรียญ น่าจะไม่มีเงินพอ มี primary bugget deficit -2% ดังนั้น กรีซอาจอยู่ไม่ได้ ถ้าค้าขายในยูโรไม่ได้ โครงการ ELA ให้เงิน 75,000 ล้านยูโร
เทียบกับทุนสำรอง 150,000 ล้านเหรียญยูโร ดังนั้นโอกาสจะอยู่รอดถ้าออกจากยูโรยาก
Capital control ทำให้กดเงินได้ 600 บาทต่อวัน GDP 2% ของยูโร แต่ค้าขาย 30% กับยูโร รอบนี้เจ้าหนี้เป็นธนาคารกลางยูโรป ดังนั้น hair cut จะกระทบประชาชนยุโรป ดังนั้นทางการจะเข้าไปช่วยกรีซ แต่กร๊ซต้องเก็บภาษีเพิ่ม และ เพิ่มอายุเกษียณเป็น 67 ปี
มีการลงประชามติจะอยู้ในยูโร และ รับมาตราการรัดเข็มขัด ในวันที่ 5 กค การออกต้องมีมาตราการไม่ใหลุกลามไปประเทศอื่น ดูจากค่าเงินยูโร ค่าประกันความเสียงไม่เพิ่มขึ้น เสียหายเฉพาะวงแคบๆ
2. Feb ขึ้น ดอกเบี้ยในปีนี้ ตราสารหนี้ทุกรอบตั้งแต่ 1988 1994 2001 2004
ราคาน้ำมัน bottom emerging mkt out perform ยกเว้น 1994 ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยมีผลน้อยต่อตลาดหุ้นไทย ตลาดทุนรับร็ข่าวขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว รวมถึง M2 ค่อยๆเพิ่มขึ้น ไม่ค่อยอ่อนไหวเท่าไหร่ ปีนี้แกว่งต่ำกว่า 100 จุด เทียบกับอตีดผันผวน 380 จุด ตลาดปีนี้เติบโตค่อนข้างน้อย แต่ผันผวนน้อย M shape
ขึ้น Q1 ลง Q2 เป็น Rotation ค่อยข้างสบายใจขึ้นกับตัวหุ้น
คุณเทิดศักดิ์ พูดว่า เลือกตัวหุ้นที่pe ไม่สูง ดูโครงสร้าง 30% มาจากresource พลังงานทดแทน
เมื่อผ่านจุดลบไปแล้ว เริ่มเปิดใช้งาน อันดับสอง financial 32% เป็น ธุรกิจเช่าซื้อ มีเสน่ห์ Source fund ใช้เงินกู้ และ มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดลง ทำให้ดีขึ้น
ลองรวม 62% impact from กรีซ ไม่ค่อยกระทบ limit ผลกระทบจากภายนอกลงมาไม่ค่อยถึง MAI มีตัวค้ำคือ fund flow และ fundamental ถ้ามาพร้อมกัน จะทำให้ราคาเพิ่มขึ้น
ที่กังวลกับหุ้น PE สูงๆในตลาดเยอะ เวลากระทบยอดไม้ หุ้น PE สูง อย่าให้แกว่งมาก
กลัวมากเพราะแพ้ภัยตัวเอง
คุณ โจ้ ยอมรับว่าเศรษฐกิจรับรู้ว่าไม่ตามเป้า อย่างไรก็ตาม ตลาด MAI บอบบางมีความอ่อนไหวจากปัจจัยที่มากระทบ ราคาลงมา6% ตั้งแต่ต้นปี ถ้าเลือกบริษัทที่ถูกต้องจะสร้าง return ค่อนข้างดี ไม่ยากถ้าไปศึกษา บริษัทไม่ใหญ่มากเช่น พลังงานทดแทน EA ทำให้มีกำไร ยอมจ่ายแพงวันนี้ ถ้าเสร็จตามกำหนด กำไรจะมา รับรู้รายได้แน่นอน บางความเสี่ยง mer กระทบโรงพยาบาล ท่องเที่ยว ถ้าศึกษาว่า ไม่แพร่อย่างง่ายดาย
กลุ่มที่ลงเยอะเช่นท่องเที่ยวจะกลับมา
ดร นิเวศน์ ตลาดที่น่าลงทุน ตอนนี้ไม่น่าลงทุน จริงๆอนาคตเป็นอย่างไร กลัวว่าวันนึงหุ้น MAI ตกลงมาเยอะมาก มีโอกาสที่เกิด อ่านประวัติศาสตร์ PE สูงๆ 60-70 ที่ US หุ้น NASDAQ ตอนปี 2000 เป็นหุ้นมหัศจรรย์ จะเปลี่ยนโลกทั้งโลกโดย technology มีการซื้อมาก จน PE 100 เท่า
เหมือนหุ้นใน MAI story เปลี่ยนพลังงาน และ ดิจิตอล Nasdaq ขึ้นมา 7 ปี คนคงกลัว ทำให้ตลาดตกลงอย่างรุนแรง มันอาจจะแพงเกิน หุ้นที่ดีที่สุด เช่น Yahoo , MS , Cissco
ตกลงมา80-90% หุ้นตกแต่เหตุการณ์เป็นจริง หุ้นไม่สามารถอยู่ได้เพราะ PE สูง แสดงว่า เรื่องจริงแต่ราคาตกลงมาก เช่น Yohoo ตกเหลือ 5% ญึ่ปุ้น เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สินค้าสุดยอด หุ้นจาก 10,000 ไป 40,000 จุด ที่ดินญี่ปุ้น สามารถเทียบเท่ากับอเมริกา 2 เท่า
คนคิดว่าราคาแพงไป Dividend yield 0.5% หาเหตุผลที่ทำให้หุ้นญี่ปุ่นตกลงมาได้ ท้ายสุดตลาดตกรุนแรง นาน 20ปี หุ้น Yahoo ตอนนี้ขึ้นไปเกินราคาที่ก่อนตกแล้ว เริ่มให้กำลังคนถือหุ้น ต้องถือให้ทนถึงเวลาที่ขึ้น แต่ระวังไว้ของบางอย่างมันผิดปกติ มาจากจิตวิทยาหมู่ ตลาดMAI เล่นเยอะมาก บางตัวขึ้นมาจาก MKT cap 1000 ลบ แต่ซื้อขายมากกว่า PTT Mkt cap 100,000 ลบ เราเหมือนสร้างวิมานเมฆ แป็บเดียวฝนตกก็หายได้
คำถาม Hi light มาถึงวันนี้ MAI น่าสนใจ
: ชอบแบบไหน และถ้าชอบแล้ว ตัวไหน ราคาที่ซื้อเท่าไหร่
คุณโจ้ เห็นด้วยว่าหุ้นบางตัวเป็นวิมาน เช่นกลุ่มพลังงานทดแทน ไม่ใช่ว่าบริษัทไหนจะทำ ก็ให้ราคาได้เลย จริงๆมี โควต้า 3000 กว่า เหลือ 1000 กว่าที่ค้างท่อ และ 800 MW สหกรณ์ แต่
บริษัทที่ลงทุนในญี่ปุ้น จะเป็นอีกเรื่องนึง EA เป็นคนสร้างให้นักลงทุนยอมรับการvaluation
โรงไฟฟ้าใหม่ที่บวกเข้ามา PPA อาจให้มูลค่าเพิ่มแค่ 50% เพราะอาจก่อสร้างมีปัญหา
บางบริษัท ตอนนี้นักลงทุนให้มากกว่านั้น เช่น PPA อาจให้ 100%
บางบริษัท บอกว่าอาจจะได้ นักลงทุนไปรวมเป็นมูลค่า จริงๆต้องเป็นอีก 3-4 ปี
การทำ valuation ต้องทำเป็นแต่ละปี เป็นการ pricing ให้ถูกต้อง
หลักการวิเคราะห์หุ้น
1.เราชอบหุ้นที่มีการเติบโตชัดเจน business model ชัดเจน
2.ผู้บริหาร เราต้องรู้จักระดับนึง
3. Financial ratio ได้ ROE สูง น่าสนใจ ประมาณ 20%ขึ้นไป และ มี DE ratio ต่ำ ก็ยิ่งน่าสนใจและสามารถขยายกิจการ หรือ ถ้าไม่ขยายก็ความเสี่ยงน้อย เพราะ กู้น้อย
เชียร์ EA แต่ราคาหุ้นที่ขึ้นมา รับรู้มูลค่าที่อยู่ในมือไปมากแล้ว ตอนนี้เงินที่ถืออยู่ไปทำอะไรที่โดดเด่น ก็จะไปadd value มากกว่า
หุ้นที่ชอบพื้นฐาน
Jubilee business ชัดเจน ค้าปลีกเพชรชัดเจน design แบบเพชร ได้รับรางวัลจากสถาบันการันตีเพชรระดับโลก จับกลุ่มระดับสูง ผู้บริโภคยอมรับมากขึ้น ราคาเพชรขึ้น 4-5% ทุกปี ค่อนข้างsafe ผู้บริหารเป็นกลุ่มที่ทำงานหนักเพื่อบริษัทจริง เวลาไม่ดีก็ยอมรับ
เพื่อไปปรับปรุง ในเชิงบริษัท ยังมีกำไร แต่เนื่องจากระดับล่างซื้อน้อยลง เปิด show room Flag ship stor กำไร Q1 ไม่ค่อยดี ราคาเหลือ แค่ 24 บาท DE 0.4 , Gp 40% น่าจะได้รับผลตอบแทนดีในอนาคตสามารถdouble ได้ มองที่ราคา 28 บาท
Pylon ชอบ แต่แพง
อีกตัวมีการปรับปรุงธุรกิจอยู่เราต้องติดตาม คือ EFORL ตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ ใช้ Financial leverage ซื้อวุฒิศักดิ์คลีนิก ปรับปรุงให้กำไรดีในอนาคต DE มากกว่า 4-5 เท่า
อาจเอาวุฒิศักดิ์ไป list ในตลาดในปลายปี พยายามเพิ่ม SSS เริ่มในธุรกิจความงาม เครื่องสำอาง
Take ดัซโซ ซึ่งเป็นบริษัทบำรุงผิว และซื้อบริษัทสยามสเนล วิจัยหอยทากมาลบรอยตีนกาได้
Q4 อาจดูดี ราคาหุ้นเคยขึ้น 2 บาท เมื่อมีข่าวซื้อวุฒิศักดิ์ ตอนนี้ 1.21 บาท
กำไรที่รวมวุฒัศักดิ์ 1,100 ลบ ใน Q1 15 เทียบกำไรปีที่แล้ว 1,400 ลบ
คุณเทิดศักดิ์ : เลือก PE ต่ำกว่า 20 เท่า
JSP ทำ property โครงสร้างการเงิน ไม่มีหนี้ สำเพ็ง2 ทำให้เกิดความปลอดภัยระดับนึง
กำไรปีนี้ 1200 ลบ มากกว่า 3 เท่าตัวของกำไรปีที่แล้ว
Back log โอน 3500 ล้านในปีนี้ GP เกิน 50% NP 200 ลบ ทะลุทะลวง
ตอนนี้ PE 8 เท่า ราคาหุ้น 2.34 บาท ราคาตลาด 1.95
LIT บัญชีลูกหนี้ที่ซื้อไปทำกับภาครัฐ GDP 3% มาจากภาครัฐ 37%
ดังนั้นภาครัฐโตมากขึ้น ส่งผลให้กำไร 48 ไปที่ 70 ลบในปีนี้ PE 17 เท่าเอง
ปีนี้ลงมาเหลือ 13 เท่า มูลค่าเหมาะสม 7 เท่าโดยใช้ PE 20 เท่า ราคาตอนนี้ต่ำกว่า 6 บาท
คุณวิศิษฐ์: ดูจาก business model ต้องดูราคา ถ้าฟองสบู่จะแตก ต้องมี trigger เช่นญี่ปุ่นมาจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ขายของไม่ได้ จีน มาจาก regulation
อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย regulation
1. SPA สินทรัพย์คือนวัตกรรม การ training มีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น ตอนนี้เมย 4 ล้านคน เทียบกับปี่ทีแล้วทั้งปี 4 ล้านคน เป็น Megatrend
Earning น่าจะโดดเด่น
ROE สูง PB ต่ำน่าสนใจ
2. Jubilee retail distribution
3. ILINK megatrend communication
4. FSMART ดูจาก operating cash flow
5. PYLON ต้นน้ำรับเหม่าก่อสร้า
6. TPCH business model king of South มี ROE สูง
7. CHO ช ทวี ดอลเลเชี่ยน
ต้องดู valuation มี hidden growth หรือ เปล่า และยังไม่สะท้อนในราคา
ดร นิเวศน์ วิจารณ์ อาจมีศักยภาพที่แท้จริง
Jubilee บริษัทสวย industry มีจุดอ่อน ดู five force ธุรกิจ การเข้ามาคู่แข่งไม่ยาก เข้าง่ายออกง่าย supplier มี power เยอะ บริษัทเบลเยี่ยม เราเสียเปรียบ ส่วนลูกค้ามีอำนาจต่อรอง สินค้าทดแทน เช่น บุศราคัม การแข่งขันระหว่างในอุต มีเยอะแยะ มีการเสนอถึงบ้านเป็น industry ที่เหนื่อยมาก แต่ Jubilee เก่ง ทำ counter กระจายทั่วประเทศ โอกาสโดดเด่นยาก แต่เป็น first mover ได้เปรียบ แต่ต้อง Hold on ตลอด งบออกมาผิดคาดราคาตกลงมาจาก 40 กว่าบาท แสดงว่ามีจุดอ่อนที่มองไม่เห็น ที่อันตราย เป็น breakup core
EFORL ขายเรื่องธุรกิจแต่งหน้า ศัลยกรรม แต่ตอนหลังเริ่มเฟ้อ เจ้าของเดิมต้องมาแก้ปัญหา จริงๆมาก่อนกำไรเลยเยอะ นาทีอาจไม่ใช่แบบเราคิด
JSP เราห่วงว่าจะมีสำเพ็ง3 หรือเปล่า ถ้ามีมากๆ
LIT Factoring PE 17 เท่าสูงมากเทียบกับ ธนาคาร แค่ 7 เท่า
SPA ตอนนี้เป็น first mover บุกแบบ internet booking ถ้ามองในด้าน industry เปิดง่าย
Supplier หมอนวด ก็ไม่ค่อยมีอำนาจต่างพึ่งพากัน ลูกค้ามีอำนาจต่อรอง
สินค้าทดแทน ถ้าแพงจัดๆก็ไปทำอย่างอื่น บริษัทเก่งเข้ามาถูกช่วง
FSMART first mover ตอนหลังห้ามคนอื่นมาไม่ได้ มีตู้เดิมเงินอื่นมาแข่งสุดท้าย ได้เงินไม่มาก ลูกค้าใกล้ไหนก็ไปใช้ที่นั่น
Pylon การก่อสร้างขึ้นๆลงๆ
TPCH ใช้เอาเศษไม้ รากไม้มาเผา ถึงเวลาอาจไม่มาหรือไม่พอ อาจเหนื่อยได้ เดี๋ยวดูไป บริษัทสร้าง story ได้ มีวัตถุดิบ
ช ทวี งานแนวรับเหมา ความไม่แน่นอนสูง
ILINK ผ่าน story หลายรอบ จะเติบโตยาวนานจริงหรือเปล่า
อจ เสน่ห์ ให้คัดออกมาสัก 2 ตัว พอพึ่งพาได้
ดร นิเวศน์ property เมืองไทย PE 6-7 เท่า เยอะแยะ เทียบกับ JSP ไม่ค่อยโดดเด่น
เราต้องรักษาความคงเส้นคงวา ค้านตลอด เตือนของพวกนี้ต้องระวังนิดหน่อย
คุณโจ้ เราลงทุนโดยยึดหลักการกระจายความเสี่ยง ดูอายุ ถ้าน้อย เสี่ยงได้มาก
ถ้าอายุมาก ต้องlimit ความเสี่ยง
คุณเทิด อย่ารีบร้อน ศึกษาให้เข้าใจก่อนเข้าตลาด
เวลาอยู้ในตลาด อ่านเยอะ ฟังเยอะ ตัดสินใจช้าหน่อย
คุณวิศิษฐ์ ดูจาก
Business model
Valuation มี4-5 วิธีด้วยกัน มองว่าราคาอันไหนน่าจะดี
ดร นิเวศน์
ถ้าซื้อหุ้นตัวไหน เตรียมว่าห้ามขายก่อน 5 ปี ถ้าเราไม่เอา ก็ไม่น่าถือ
หุ้นที่ขึ้นไปเยอะ build อารมณ์มาเยอะ over price ไป ที่พูดก็ถูก แต่หุ้นลงไปมากไม่เกี่ยวข้องกัน
ขอบคุณนักวิเคราะห์ทุกท่าน และ นักฝ่ายค้าน การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องระวังด้วยตนเอง
ขาดทุนเป็นของท่าน กำไรก็เป็นของท่าน
-
- Verified User
- โพสต์: 1217
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@MAI FORUM 2015
โพสต์ที่ 5
สนใจ ilink กับ spa ครับ แต่แพงไปครับ ส่วน mpg คอยดูการปรับบตัวว่าจะไหวไหมครับ arrow รอดูกองทุนหุ้นเข้าครับ apco น่ากลัว bgt ไม่ดีแน่ bsm รอดูนวัตกรรมใหม่ๆว่าจะหนีบริษัทใหญ่ๆได้ไหม dna ตัวดูหนังออนไลน์ไม่น่าจะไหว fsmart แพงเกินไปครับ eforl กึ่งๆปั่นไปแล้วครับ แต่รอดูครีมหอยทากว่าไปได้ดีไหม moong รอดูกลุ่มสินค้าใหม่ๆ และผบห.ใหม่ๆที่เข้ามา oto ขยายตัวดีแต่ถ้าระบบตอบรับด้วยคอมพัฒนาอีกนิดเดียวมีสิทธิไปเลยครับ yuasa คงเหมือนที่ผ่านมา tsf ให้ความหวังไปเรื่อยๆ winner คู่แข่งนำสินค้าใกล้เคียงกันแต่ราคาถูกกว่าเข้ามาคงเหนื่อยแน่ tmill ได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบลดลง แต่ถ้าวัตถุดิบขึ้นคงกลับกัน swc ไม่มีผลิตอะไรใหม่น่าสนใจ เจ้าพึ่งปั่นขึ้นไป 1 รอบ ที่ไปมาเท่าที่พอจำได้ประมาณนี้นะครับ บางอันก็ลืมไปครับ
- shumbrotta
- Verified User
- โพสต์: 289
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@MAI FORUM 2015
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณครับผม