ผมว่าถ้าขายในลักษณะแบบนั้น แสดงว่าเราเองก็คิดว่ายังไม่ใช่รอบของ commo นั้นนะ ซึ่งมันก็น่าจะทำแบบนั้น แต่ถ้าราคาของ commo นั้น ๆ ดีขึ้นจริง ๆ ผมว่าควรจะรอได้อีกครับเมื่อหมีมาเยือน เขียน:ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ถ้ากิจการเป็นCommon company ผมจะตัดสินใจขายเมื่อถึงfair value หรือ อยู่ดีๆก็มีข่าวปัจจัยบวกนิดหน่อยแต่ราคาขึ้นไปแรงมาก ส่วนถ้ากิจการเป็นSuper company ผมจะถือนานตราบเท่าที่เค้ายังดีอยู่ พวกCommon company ช่วงนี้เห็นหลายตัวแค่มีข่าวดีๆนิดเดียวราคาก็พุ่งไปไกล
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็กลับมาสู่จุดที่มันควรจะอยู่
VI หาดใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1291
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1292
มันขึ้นกับว่าต้นทุนเราเท่าไหร่ครับ โดยตัวธุรกิจหลักของเค้ามันเป็นงานโครงการ ซึ่งบาง Q ก็จะกำไรดีมาก บาง Q ก็ดูหด แล้วหุ้นเค้านี่มันก็มักจะเคลื่อนไหวแรง ๆ ทั้งทางดีและไม่ดี เวลาที่งบออก ผมมองว่ารายได้กำไรในช่วงต่อจากนี้ คงไม่ได้ขึ้นแบบแรง ๆ มาก ๆ ซึ่งผบห.เองก็บอกแล้วว่ารายได้จะโตปีละ 10-15%ptaseeker เขียน:
ขอปรึกษา อ.leky เกี่ยวกับหุ้นหิ่งห้อยหน่อยครับ ผมยังกำหิ่งห้อยอยู่ในแน่นไม่ยอมปล่อยจนหิ่งห้อยแสงริบหรี่ลง ไม่รู้ว่ามันพักผ่อนหรือมันแก่ไปจนจวนจะตายแล้ว >,,<
แต่รอบนี้ที่หดลงไปมากเพราะอย่างที่บ.ชี้แจงน่ะครับ ภาวะเศรษฐกิจ โครงการรัฐทำสะดุด ถ้าคิดว่ามันแค่ชะลอช่วงสั้น เดี๋ยวถ้าทุกอย่างเข้าที่ก็คงจะกลับมาได้ มากน้อยอีกเรื่องหนึ่ง หรือไม่ก็รอเก็บเกี่ยวประโยชน์จากเรื่องโรงงานแห่งใหม่ที่กำลังจะเสร็จ
ที่เกริ่นไว้ว่าขึ้นกับต้นทุนเราเท่าไหร่ ก็เพราะว่าถ้าต้นทุนเราสูง มันก็ลำบากหน่อยครับ เพราะจะถือหุ้นด้วยความอึดอัดครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1293
ช่วงนี้อีกวิธีหนึ่งที่พอจะทำได้ก็คือ กลับมานั่งดูหุ้นในพอร์ตครับ แล้วพิจารณาดูว่า ม้าศึกตัวไหนอาการอ่อนแอ ดูแล้วท่าจะวิ่งทางใกลไม่ไหว
ถ้ามีม้าศึกตัวไหนในตลาดที่ราคาถูกกว่า สดกว่า น่าจะยืนระยะได้ดีกว่า ก็อาจจะใช้กลยุทธ์เปลี่ยนม้าศึกครับ
ถ้ามีม้าศึกตัวไหนในตลาดที่ราคาถูกกว่า สดกว่า น่าจะยืนระยะได้ดีกว่า ก็อาจจะใช้กลยุทธ์เปลี่ยนม้าศึกครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1295
หลอดไฟแบบจะจะ มีตัวเดียวครับ ตัวอื่น ๆ ถึงจะทำหลอดไฟบ้าง แต่ก็แค่น้ำจิ้มดำ เขียน:หิ่งห้อยที่ว่านี้คือหุ้นหลอดไฟเหรอครับ ตัวไหนอ่ะครับ?
เดิมทีมองด้านบวกอีกด้านหนึ่งว่า ปีนี้ค่าโฆษณาลดลงจากปีที่แล้วค่อนข้างมาก ถ้ารายได้ไม่ตกลงอาจจะทำให้มาร์จิ้นดีขึ้น แต่มาถึงตอนนี้คงต้องมาลุ้นกันต่อว่ารายได้จะตกลงหรือเปล่า
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1296
แต่ยังไงก็ตาม อยากยืนยัน นั่งยัน นอนยัน อีกครั้งว่า อันตลาดหุ้นนั้น
"ถ้าซื้อผิดราคาตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นหุ้นดีแค่ไหน มันก็สามารถสร้างปัญหาให้เราได้" ครับ
เพียงแต่บางครั้ง เวลาตลาดดี ๆ เราอาจจะมองไม่ค่อยเห็นข้อผิดพลาดพวกนี้ แบบว่าผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ตลาดมันยังไปต่อ ผลร้ายมันก็เลยไม่เกิด แต่การระวังเรื่องพวกนี้ มันจะเห็นผลเมื่อภัยมานั่นแหละครับ นั่นคือยามที่ตลาดเริ่มปักหัวลง
หลักการของการป้องกันภัย ไม่ว่าจะทางการแพทย์ อุบัติภัย อัคคีภัย ฯลฯ ผมคิดว่ามันเหมือนกันตรงที่
"จงพยายามระลึกและป้องกันมันไว้เสมอ ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่เกิดก็ตาม"
"เพราะเมื่อไหร่ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว คนที่มีโอกาสจะรอดมากกว่าคนอื่นก็คือคนที่มีการเตรียมตัวไว้ก่อน"
อันนี้ผมพูดรวม ๆ นะครับ ไม่ได้เจาะจงไปที่หุ้นหิ่งห้อย
"ถ้าซื้อผิดราคาตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นหุ้นดีแค่ไหน มันก็สามารถสร้างปัญหาให้เราได้" ครับ
เพียงแต่บางครั้ง เวลาตลาดดี ๆ เราอาจจะมองไม่ค่อยเห็นข้อผิดพลาดพวกนี้ แบบว่าผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ตลาดมันยังไปต่อ ผลร้ายมันก็เลยไม่เกิด แต่การระวังเรื่องพวกนี้ มันจะเห็นผลเมื่อภัยมานั่นแหละครับ นั่นคือยามที่ตลาดเริ่มปักหัวลง
หลักการของการป้องกันภัย ไม่ว่าจะทางการแพทย์ อุบัติภัย อัคคีภัย ฯลฯ ผมคิดว่ามันเหมือนกันตรงที่
"จงพยายามระลึกและป้องกันมันไว้เสมอ ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่เกิดก็ตาม"
"เพราะเมื่อไหร่ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว คนที่มีโอกาสจะรอดมากกว่าคนอื่นก็คือคนที่มีการเตรียมตัวไว้ก่อน"
อันนี้ผมพูดรวม ๆ นะครับ ไม่ได้เจาะจงไปที่หุ้นหิ่งห้อย
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1297
ผมว่าไม่แปลกหรอกครับ นลท.มีอิสระมากกว่าเจ้าของกิจการตัวจริง นั่นก็แปลว่า เมื่อไหร่เค้าเห็นการลงทุนอื่นที่ผลตอบแทนดีกว่า เค้าก็จะเปลี่ยนไปลงทุนอย่างอื่นromee เขียน: ของพี่หมอครับ...ลองไปอ่านดูฮ่ะ เห็นว่าแกซื้อแถวๆ40บาทช่วงก่อนน้ำท่วม แล้วก็ไปขายแถวๆ200บาท
เพื่อเอาเงินเข้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งแกก็บ่นเสียดาย จะย้ายทำม๊ายยย (เซียนยังมีอาการขายหมู )
สิ่งที่ผมสนใจกว่านั้นคือ หลังจาก VI รายใหญ่ทั้งสองท่าน เข้าไปมีส่วนร่วมเข้าไปถือหุ้นใหญ่และเข้าไปเป็นกรรมการในบ.ด้านอุปกรณ์พลังงานแล้ว หุ้นตัวนั้นจะเป็นอย่างไร จริงอยู่ด้านข้อมูลสามารถรู้ได้ลึกสุด ๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราเข้าไปเป็นผบห.แล้วนั่นแปลว่าความอิสระแบบที่เรียกว่าเราจะไปเมื่อไหร่ก็ได้นั้นมันอาจจะน้อยลงหรือเปล่า???? ในขณะที่ราคาหุ้น ณ ตอนนี้ต้องเรียกว่ามันไปไกลมาก จนไม่แน่ใจจริง ๆ ครับ ว่ากำไรมันจะวิ่งตามมาทันไหม
"Become a risk taker, not a risk maker"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1298
น้อมรับไปปฏิบัติครับ อ.leky เขียน:หลักการของการป้องกันภัย ไม่ว่าจะทางการแพทย์ อุบัติภัย อัคคีภัย ฯลฯ ผมคิดว่ามันเหมือนกันตรงที่
"จงพยายามระลึกและป้องกันมันไว้เสมอ ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่เกิดก็ตาม"
"เพราะเมื่อไหร่ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว คนที่มีโอกาสจะรอดมากกว่าคนอื่นก็คือคนที่มีการเตรียมตัวไว้ก่อน"
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1299
ช่วงนี้เป็นช่วงฝึกจิตใจได้อย่างดีครับ ใครจะทำแบบผมบ้างก็ได้นะครับ ช่วงนี้ส่วนหนึ่งผมยุ่ง ๆ ด้วย ก็เลยไม่ค่อยได้ดูจอหุ้นน่ะครับ บางทีกว่าจะได้เปิดดูก็ตอนบ่าย บางทีดูได้แค่ช่วงสั้น ๆ ผมว่าถึงกำไรมันจะหดหายตามสภาวะตลาด แต่มันก็ไม่ต้องมามีอารมณ์ร่วมกับมันมากนัก ไอ้ความรู้สึกเสียดายกำไรก็มีอยู่แล้วครับ เรามันมนุษย์มีความโลภและความกลัว แต่ก็พยายามจะควบคุมไม่ให้มันไปทางใดทางหนึ่งมากจนเกินไปครับ ถ้าจะอยู่กับมันยาว ๆ อย่างมีความสุขต้องพยายามปรับตัวเองให้ทนอยู่ได้ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1300
ขอบคุณ จารย์หมอเล็กอย่างสูงครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1301
ก่อนอื่นต้องขอ ขอบคุณแนวคิดดีๆ จาก อ.leky
ตอนนี้ไม่รู้จะใช้กลยุทธแบบ ปีเตอร์ลินซ์ ขายเมื่อ ราคาเกินมูลค่าไปมากแล้ว
หรือจะใช้กลยุทธ แบบบัฟเฟต ถือไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่กิจการยังดีมี ศักยภาพในการแข่งขัน และเติบโตได้ ก็ถือไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจราคาหุ้นดี
ต้นทุนโชคดีที่มีตั้งแต่น้อยๆ สักแถวๆ 3 บาทกว่าๆ อยู่บ้าง แล้วก็มาตะลุมบอลกับเค้าตรงยอดดอยแถวๆ 7 บาทรอบนึง ตอนซื้อที่ยอดดอยคิดว่า PEG = 1 คิดว่า เอาว่ะ fair price PE=15x G=15x(งบมันยั่ว เลยหลวมตัวไปหน่อย)
ทำให้ที่ Unrealize profit บวกอยู่ 100% ลดลงมาเหลือ 50% ยิ่งถ้าเทียบจากตอนพีึคๆ ตอนยังไม่คันมือไปซื้อเพื่ม บวกตั้ง 150% แหนะ ถือไปกลัวกำไรหดตดหายเหม็ด (ก่อนหน้านี้ฮึกเฮิม ไปฟังอ.กวีถกกับอ.พิชัย บอกว่าวีไอต้องอดทนถ้าหุ้นจะกลับมาที่เดิมแล้วกลับไปใหม่ถือจะเป็น VI ของจริงมีบุญได้ถือหุ้นสิบเด้งร้อยเด้ง เห็นหุ้นลงแบบเฉือนเนื้อมันทำใจยากจริงๆ นะเออ เลยต้องมาขอฝึกวรยุทธเพิ่ม)
หากย้อนกลับไปตอนที่เข้าถือ คือ งบดูดีมี Growth PE ถูก บวกกับมุมมองเชิงธุรกิจที่คิดว่าเป็นหนึ่งในตองอูด้านงานรับเหมา และคาดว่าเมืองไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (กฟผ.มาช่วยเปลี่ยนพร้อมตัดราคาเรียบวุธ) ตอนนี้ growth ลดลง (อาจเพราะไดลูทด้วยส่วนนึง) PE ไม่ถูกเหมือนเดิม เศรษฐกิจชะลอ นายหัวใหญ่ก็ชะลอเราก็ชะลอ หวังว่าปลายปีจะดีขึ้นตามที่ผบห.ว่าไว้
ถ้าปีนี้ บ.โตได้สัก15% ตามที่คาดไว้ ยังถือว่าแฟร์ๆ พอถือต่อไปได้(มั้ง) ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก ขอถือไปก่อนแล้วกัน
ตอนนี้ไม่รู้จะใช้กลยุทธแบบ ปีเตอร์ลินซ์ ขายเมื่อ ราคาเกินมูลค่าไปมากแล้ว
หรือจะใช้กลยุทธ แบบบัฟเฟต ถือไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่กิจการยังดีมี ศักยภาพในการแข่งขัน และเติบโตได้ ก็ถือไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจราคาหุ้นดี
ต้นทุนโชคดีที่มีตั้งแต่น้อยๆ สักแถวๆ 3 บาทกว่าๆ อยู่บ้าง แล้วก็มาตะลุมบอลกับเค้าตรงยอดดอยแถวๆ 7 บาทรอบนึง ตอนซื้อที่ยอดดอยคิดว่า PEG = 1 คิดว่า เอาว่ะ fair price PE=15x G=15x(งบมันยั่ว เลยหลวมตัวไปหน่อย)
ทำให้ที่ Unrealize profit บวกอยู่ 100% ลดลงมาเหลือ 50% ยิ่งถ้าเทียบจากตอนพีึคๆ ตอนยังไม่คันมือไปซื้อเพื่ม บวกตั้ง 150% แหนะ ถือไปกลัวกำไรหดตดหายเหม็ด (ก่อนหน้านี้ฮึกเฮิม ไปฟังอ.กวีถกกับอ.พิชัย บอกว่าวีไอต้องอดทนถ้าหุ้นจะกลับมาที่เดิมแล้วกลับไปใหม่ถือจะเป็น VI ของจริงมีบุญได้ถือหุ้นสิบเด้งร้อยเด้ง เห็นหุ้นลงแบบเฉือนเนื้อมันทำใจยากจริงๆ นะเออ เลยต้องมาขอฝึกวรยุทธเพิ่ม)
หากย้อนกลับไปตอนที่เข้าถือ คือ งบดูดีมี Growth PE ถูก บวกกับมุมมองเชิงธุรกิจที่คิดว่าเป็นหนึ่งในตองอูด้านงานรับเหมา และคาดว่าเมืองไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (กฟผ.มาช่วยเปลี่ยนพร้อมตัดราคาเรียบวุธ) ตอนนี้ growth ลดลง (อาจเพราะไดลูทด้วยส่วนนึง) PE ไม่ถูกเหมือนเดิม เศรษฐกิจชะลอ นายหัวใหญ่ก็ชะลอเราก็ชะลอ หวังว่าปลายปีจะดีขึ้นตามที่ผบห.ว่าไว้
ถ้าปีนี้ บ.โตได้สัก15% ตามที่คาดไว้ ยังถือว่าแฟร์ๆ พอถือต่อไปได้(มั้ง) ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก ขอถือไปก่อนแล้วกัน
low risk High return!
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1302
ขอบคุณท่านkongkitiกะท่านromeeนะฮะ
สรุปว่า17%solarcell=4ชั่วโมงต่อวันใช่มั้ยฮะ ที่เต็มกำลังการผลิต ตัวเลขสำคัญเลย
จะสุดติ่งกระดิ่งแมว สุดเขตเสลดเป็ด สุดยอดลอดท้องช้าง สุดฮาหมาหน้าเซเว่น แชร์มาเลยฮะ
ห้องนั่งเล่นซะอย่าง ถูกผิดไม่เป็นไร สังคมวีไอพร้อมให้อภัยผู้กลับใจเสมอฮะ(ฟังแปลกๆแฮะ)
มาส่งการบ้านอ.lekyก่อนมี้ตติ้งฮะ เห็นอ.เปรยถึงหนังสือคุณโสภณ ด่านศิริกุล
ส่วนหนังสืออ.มาร์ค มิเนอร์วินี่ ยังอยู่หัวเตียงฮะ ค่อยส่งการบ้านอ.NBวันหลัง
หนังสือคุณโสภณ ที่ผมมีก็คัมภีร์หุ้น1,2,xs กะปรัชญาหุ้น
วันนี้ เอาปรัชญาหุ้นก่อน,เป็นรวมเล่มคัมภีร์หุ้น1,2ฮะ อธิบายการเล่นหุ้นแบบไทยๆของmister setได้ดีทีเดียว
1.รู้เรารู้เขา รบร้อยครั้ง ชนะทั้งร้อยครั้ง "เรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง เพื่อปิดจุดอ่อนการเล่นหุ้น"
2. สัญชาติณาณมนุษย์ กับวัฎจักรแมงเม่า"ความผิดพลาดในการเล่นหุ้นส่วนหนึ่ง เกิดจากสัญชาติญาณในการป้องกันตัวเองของมนุษย์"
3. ชีวิตที่ขาดวินัย ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ"อยากเล่นหุ้นให้รวย ต้องเริ่มต้นที่ ความมีวินัย เล่นตามแผนการที่วางไว้"
4. ไม่มีใครรวย โดยไม่ขยัน"นักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จ ต้องขยันหาข้อมูล"
5. ใบไม้จะไม่ไหวเอง ถ้าไม่มีลมพัด"หุ้นเกือบทุกตัว ที่มีปริมาณซื้อขายมาก จะมีคนคอยดูแลราคาอยู่"
6. แมวย่อมสู้เสือไม่ได้"นักลงทุนรายย่อย ยังไงก็สู้รายใหญ่ไม่ได้ จงยอมรับ และหันมาเล่นตามน้ำดีกว่า"
7. เซลล์ขายของ มักพูดความจริงไม่หมด"ข้อมูลที่มีอยู่ในตลาด อาจเป็นจริงเพียงครึ่งเดียว จงอย่าปักใจเชื่อไปเสียหมด"
8. รบได้แสร้งรบมิได้ เดินหน้าแสร้งถอยหลัง"ตลาดหุ้นไทย หากอยากได้หุ้นต้องขายก่อน หรืออยากขายหุ้นก็ต้องซื้อก่อน เรียนรู้เอาไว้"
9. ไม่มีใครรู้อนาคต แม้แต่หมอดู"เมื่ออนาคต ไม่แน่นอน จงอย่าทุ่มสดตัวกับหุ้นตัวใด"
10. น้ำครึ่งถ้วย บางคนบอกว่าเยอะ บางคนบอกว่าน้อย"ในตลาด ทุกคนมองต่างกันได้ แต่จงเลือกอยู่ข้างผู้ชนะ"
สรุปว่า17%solarcell=4ชั่วโมงต่อวันใช่มั้ยฮะ ที่เต็มกำลังการผลิต ตัวเลขสำคัญเลย
จะสุดติ่งกระดิ่งแมว สุดเขตเสลดเป็ด สุดยอดลอดท้องช้าง สุดฮาหมาหน้าเซเว่น แชร์มาเลยฮะ
ห้องนั่งเล่นซะอย่าง ถูกผิดไม่เป็นไร สังคมวีไอพร้อมให้อภัยผู้กลับใจเสมอฮะ(ฟังแปลกๆแฮะ)
มาส่งการบ้านอ.lekyก่อนมี้ตติ้งฮะ เห็นอ.เปรยถึงหนังสือคุณโสภณ ด่านศิริกุล
ส่วนหนังสืออ.มาร์ค มิเนอร์วินี่ ยังอยู่หัวเตียงฮะ ค่อยส่งการบ้านอ.NBวันหลัง
หนังสือคุณโสภณ ที่ผมมีก็คัมภีร์หุ้น1,2,xs กะปรัชญาหุ้น
วันนี้ เอาปรัชญาหุ้นก่อน,เป็นรวมเล่มคัมภีร์หุ้น1,2ฮะ อธิบายการเล่นหุ้นแบบไทยๆของmister setได้ดีทีเดียว
1.รู้เรารู้เขา รบร้อยครั้ง ชนะทั้งร้อยครั้ง "เรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง เพื่อปิดจุดอ่อนการเล่นหุ้น"
2. สัญชาติณาณมนุษย์ กับวัฎจักรแมงเม่า"ความผิดพลาดในการเล่นหุ้นส่วนหนึ่ง เกิดจากสัญชาติญาณในการป้องกันตัวเองของมนุษย์"
3. ชีวิตที่ขาดวินัย ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ"อยากเล่นหุ้นให้รวย ต้องเริ่มต้นที่ ความมีวินัย เล่นตามแผนการที่วางไว้"
4. ไม่มีใครรวย โดยไม่ขยัน"นักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จ ต้องขยันหาข้อมูล"
5. ใบไม้จะไม่ไหวเอง ถ้าไม่มีลมพัด"หุ้นเกือบทุกตัว ที่มีปริมาณซื้อขายมาก จะมีคนคอยดูแลราคาอยู่"
6. แมวย่อมสู้เสือไม่ได้"นักลงทุนรายย่อย ยังไงก็สู้รายใหญ่ไม่ได้ จงยอมรับ และหันมาเล่นตามน้ำดีกว่า"
7. เซลล์ขายของ มักพูดความจริงไม่หมด"ข้อมูลที่มีอยู่ในตลาด อาจเป็นจริงเพียงครึ่งเดียว จงอย่าปักใจเชื่อไปเสียหมด"
8. รบได้แสร้งรบมิได้ เดินหน้าแสร้งถอยหลัง"ตลาดหุ้นไทย หากอยากได้หุ้นต้องขายก่อน หรืออยากขายหุ้นก็ต้องซื้อก่อน เรียนรู้เอาไว้"
9. ไม่มีใครรู้อนาคต แม้แต่หมอดู"เมื่ออนาคต ไม่แน่นอน จงอย่าทุ่มสดตัวกับหุ้นตัวใด"
10. น้ำครึ่งถ้วย บางคนบอกว่าเยอะ บางคนบอกว่าน้อย"ในตลาด ทุกคนมองต่างกันได้ แต่จงเลือกอยู่ข้างผู้ชนะ"
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1303
11. โลกนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ ในการแก้ปัญหาใดๆ"ในการเล่นหุ้น ไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะคู่ต่อสู้ไม่ใช่คอมพิวเต้อร์ แต่เป็นคนที่รู้จักปรับตัว"
12. ไก่จะฝึกบินแบบนก คงไม่ได้ " จงอย่าไปเลียนแบบวิถีเซียนหุ้นแต่จงปรับเอาส่วนดีที่เราใช้ได้ มาเป็นของเรา"
13. ไทเกอร์วู้ดคงตีเทนนิสสู้ภราดรไม่ได้"เพราะคนแต่ละคน มีปัจจัยชีวิตต่างกัน เราจึงเก่งกันคนละแบบ จงเลือกเล่นในสิ่งที่เราถนัด และเหมาะสม"
14. ทุกอย่างในโลก มีขึ้นก็มีลง "ราคาหุ้น มีขึ้นก็ต้องมีลง และเมื่อมันลงก็ต้องมีขึ้นเสมอ"
15. มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่อมีคนทำอะไรมักชอบทำตาม "สัญชาติญาณมนุษย์ชอบทำอะไรตามคนอื่น แล้วรู้สึกปลอดภัย แต่การเล่นหุ้นตามคนอื่น ส่วนมากมักไม่ปลอดภัย"
16. เหนือฟ้ายังมีฟ้า "ราคาหุ้นไม่เคยสูงเกินกว่าที่จะซื้อ"
17. ใต้เหวยังมีเหว "ราคาหุ้นไม่เคยต่ำกว่าที่จะขาย"
18. พ่อค้าที่มีทุนสำรองไว้เสมอ จะได้เปรียบคนอื่น "จงมีเงินทุนสำรองไว้เสมอ ในการเล่นหุ้น แล้วโอกาสดีๆ จะมาหาคุณ"
19. ในการแข่งวิ่ง หากออกตัวช้ากว่าคนอื่น ก็มีโอกาสแพ้มากกว่าชนะ "หากคุณไม่ใช่คนที่มีข่าววงใน หรือรู้ข่าวก่อนคนอื่น จงอย่าเล่นหุ้นตามข่าว"
20. เล่นกอล์ฟ ตีให้ไกล้หลุมที่สุด ก็เก่งแล้ว โฮลอินวันอย่าหวังเลย "อย่าตั้งเป้า ที่จะซื้อและขายหุ้น ที่ราคาดีที่สุด มันจะทำให้เราเล่นพลาด มากกว่าที่ควรจะเป็น"
21. น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง "อย่าฝืนกระแสตลาด หากตลาดจะขึ้น เราก็ตาม หากตลาดจะลง เราก็หลบ"
22. มีเครื่องคิดเลข ทำไมยังจะใช้ลูกคิด "เครื่องมือในการเล่นหุ้น ถูกพัฒนาอยู่ทุกวัน จงติดตามเทคโนโลยี จะได้ไม่เสียเปรียบคนอื่น"
23. สินค้าที่คนนิยมจะขายดี "ในแต่ละปี จะมีกลุ่มธุรกิจ ที่เติบโตได้ดี ในปีนั้นๆ จงหามันให้เจอ แล้วคุณจะชนะตลาดได้"
24. อย่าจับปลาหลายมือ จะจับไม่ได้เลย "อย่าเล่นหุ้นมากตัวเกินไป นอกจากจะดูแลได้ไม่ดีแล้ว ผลตอบแทนเฉลี่ย มักจะไม่ไปไหนด้วย"
25. เมื่อหุ้นคือสิ่งที่สะท้อนอนาคต เราต้องมองไปในอนาคต " เล่นหุ้นต้องมองไปในอนาคต เราต้องมองไปข้างหน้า จะได้ดักทางมันได้ถูก"
26. จับโจรต้องจับตัวหัวหน้า "จงเลือกหุ้นที่เด่นที่สุดในกลุ่ม เพราะมันจะวิ่งนำตัวอื่นเสมอ"
27. บ้านที่มีฐานที่ดี จะมั่นคง อยู่แล้วสบายใจ "เล่นหุ้นต้องดูพื้นฐานด้วย หุ้นไม่มีพื้นฐาน ทำให้เรารวยแบบยั่งยืนไม่ได้"
28. ซื้อที่ดินในเมือง ขายง่ายกว่าที่ดินในป่า "หุ้นที่ดีต้องมีสภาพคล่อง หุ้นขาดสภาพคล่อง เอาไว้เล่นกินปันผล"
29. เดินทางทุกครั้ง ต้องมีแผนที่ หรือรู้ว่าจะไปไหน "ก่อนเริ่มซื้อหุ้นทุกตัว ต้องมีแผนไว้ในใจ ทั้งแผนรุกและแผนรับ ในการตัดขาดทุน"
30. ปีใหนแห้งแล้ง ให้เน้นปลูกพืชทนแล้ง ปีไหนน้ำเยอะ ให้ปลูกพืชทนน้ำ "สภาพเศรษฐกิจไทย คือแก่นของตลาดหุ้น จงเลือกหุ้นตามวัฐจักรเศรษฐกิจเป็นหลัก
12. ไก่จะฝึกบินแบบนก คงไม่ได้ " จงอย่าไปเลียนแบบวิถีเซียนหุ้นแต่จงปรับเอาส่วนดีที่เราใช้ได้ มาเป็นของเรา"
13. ไทเกอร์วู้ดคงตีเทนนิสสู้ภราดรไม่ได้"เพราะคนแต่ละคน มีปัจจัยชีวิตต่างกัน เราจึงเก่งกันคนละแบบ จงเลือกเล่นในสิ่งที่เราถนัด และเหมาะสม"
14. ทุกอย่างในโลก มีขึ้นก็มีลง "ราคาหุ้น มีขึ้นก็ต้องมีลง และเมื่อมันลงก็ต้องมีขึ้นเสมอ"
15. มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่อมีคนทำอะไรมักชอบทำตาม "สัญชาติญาณมนุษย์ชอบทำอะไรตามคนอื่น แล้วรู้สึกปลอดภัย แต่การเล่นหุ้นตามคนอื่น ส่วนมากมักไม่ปลอดภัย"
16. เหนือฟ้ายังมีฟ้า "ราคาหุ้นไม่เคยสูงเกินกว่าที่จะซื้อ"
17. ใต้เหวยังมีเหว "ราคาหุ้นไม่เคยต่ำกว่าที่จะขาย"
18. พ่อค้าที่มีทุนสำรองไว้เสมอ จะได้เปรียบคนอื่น "จงมีเงินทุนสำรองไว้เสมอ ในการเล่นหุ้น แล้วโอกาสดีๆ จะมาหาคุณ"
19. ในการแข่งวิ่ง หากออกตัวช้ากว่าคนอื่น ก็มีโอกาสแพ้มากกว่าชนะ "หากคุณไม่ใช่คนที่มีข่าววงใน หรือรู้ข่าวก่อนคนอื่น จงอย่าเล่นหุ้นตามข่าว"
20. เล่นกอล์ฟ ตีให้ไกล้หลุมที่สุด ก็เก่งแล้ว โฮลอินวันอย่าหวังเลย "อย่าตั้งเป้า ที่จะซื้อและขายหุ้น ที่ราคาดีที่สุด มันจะทำให้เราเล่นพลาด มากกว่าที่ควรจะเป็น"
21. น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง "อย่าฝืนกระแสตลาด หากตลาดจะขึ้น เราก็ตาม หากตลาดจะลง เราก็หลบ"
22. มีเครื่องคิดเลข ทำไมยังจะใช้ลูกคิด "เครื่องมือในการเล่นหุ้น ถูกพัฒนาอยู่ทุกวัน จงติดตามเทคโนโลยี จะได้ไม่เสียเปรียบคนอื่น"
23. สินค้าที่คนนิยมจะขายดี "ในแต่ละปี จะมีกลุ่มธุรกิจ ที่เติบโตได้ดี ในปีนั้นๆ จงหามันให้เจอ แล้วคุณจะชนะตลาดได้"
24. อย่าจับปลาหลายมือ จะจับไม่ได้เลย "อย่าเล่นหุ้นมากตัวเกินไป นอกจากจะดูแลได้ไม่ดีแล้ว ผลตอบแทนเฉลี่ย มักจะไม่ไปไหนด้วย"
25. เมื่อหุ้นคือสิ่งที่สะท้อนอนาคต เราต้องมองไปในอนาคต " เล่นหุ้นต้องมองไปในอนาคต เราต้องมองไปข้างหน้า จะได้ดักทางมันได้ถูก"
26. จับโจรต้องจับตัวหัวหน้า "จงเลือกหุ้นที่เด่นที่สุดในกลุ่ม เพราะมันจะวิ่งนำตัวอื่นเสมอ"
27. บ้านที่มีฐานที่ดี จะมั่นคง อยู่แล้วสบายใจ "เล่นหุ้นต้องดูพื้นฐานด้วย หุ้นไม่มีพื้นฐาน ทำให้เรารวยแบบยั่งยืนไม่ได้"
28. ซื้อที่ดินในเมือง ขายง่ายกว่าที่ดินในป่า "หุ้นที่ดีต้องมีสภาพคล่อง หุ้นขาดสภาพคล่อง เอาไว้เล่นกินปันผล"
29. เดินทางทุกครั้ง ต้องมีแผนที่ หรือรู้ว่าจะไปไหน "ก่อนเริ่มซื้อหุ้นทุกตัว ต้องมีแผนไว้ในใจ ทั้งแผนรุกและแผนรับ ในการตัดขาดทุน"
30. ปีใหนแห้งแล้ง ให้เน้นปลูกพืชทนแล้ง ปีไหนน้ำเยอะ ให้ปลูกพืชทนน้ำ "สภาพเศรษฐกิจไทย คือแก่นของตลาดหุ้น จงเลือกหุ้นตามวัฐจักรเศรษฐกิจเป็นหลัก
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1304
31. คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน "หุ้นที่จะให้ผลตอบแทนที่ดี ต้องมีกำไรที่เติบโต เป็นฐานของการวิ่ง"
32. ของราคาถูก ไม่ได้คุ้มค่าเงินเสมอไป "ของราคาถูก แต่คุณภาพไม่ดีจงอย่าเลือก เพราะคำว่าถูกไม่ได้บอกว่ามันจะขึ้นไปได้"
33. รักคนที่เขารักเราดีกว่า "หุ้นอะไรที่เล่นแล้วได้กำไรบ่อยๆ จงเล่นหุ้นตัวนั้น ส่วนตัวที่เล่นแล้วขาดทุนตลอด แสดงว่าเรากับจ้าว นิสัยเข้ากันไม่ได้"
34. อย่าเอาของร้อนไปไกล้น้ำมัน "อย่าเอาเงินร้อนมาซื้อหุ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นเก็งกำไร หรือหุ้นลงทุนยาว"
35. การเล่นฟุตบอล หากอยากได้บอลต้องวิ่งไปดักหน้า ไม่ใช่วิ่งตามบอล "จงมองทิศทางของหุ้นให้ออก แล้ววิ่งไปดัก อย่ามัววิ่งไล่ เพราะจะไม่ได้อะไร"
36. จะคบกับใครต้องรู้ประวัติก่อน "กรอบราคาของหุ้นที่ผ่านมา บอกอะไรเราได้หลายอย่าง ต้องศึกษาก่อนซื้อหุ้นทุกครั้ง"
37. นักเบสบอลที่เก่ง จะไม่ตีลูกทุกครั้งที่ถูกขว้างมา "หุ้นไม่เล่นไม่เสียเงิน ดังนั้นจงเลือกเล่นเฉพาะหุ้นที่เรามั่นใจ ในจังหวะที่เรามั่นใจ"
38. หากไม่แน่ใจ ให้โยนหินถามทาง "หากท่านไม่แน่ใจในการซื้อหุ้น อย่ารีบร้อน จงค่อยๆทะยอยซื้อ เพื่อความแน่ใจ"
39. การออกรบ ต้องเตรียมทางหนีเอาไว้เสมอ "ในการลงทุนทุกครั้ง ต้องเผื่อใจที่จะขาดทุนเอาไว้ เมื่อจำเป็น จะตัดสินใจได้เร็ว"
40. อย่าเสียแรง วิ่งไล่จับหนู เราควรดักหนูมากกว่า "เล่นหุ้นต้องมีสติ อย่าตื่นเต้นวิ่งไล่ราคาหุ้น ที่เราไม่รู้จัก เพราะมีโอกาสติดหุ้นได้"
41. คนเยอะมักจับปลาไม่ได้ ต้องรอให้คนน้อยน้ำนิ่ง จึงจะจับปลาได้ดี "อยากซื้อหุ้นได้ราคาดี และมีเวลาให้คิด ต้องซื้อตอนตลาดเงียบ ซึ่งส่วนใหญ่ซื้อตอนเงียบมักปลอดภัย"
42. วิกฤติคือโอกาส เดี๋ยวมันก็ผ่านไป "โอกาสที่ดีที่สุด ในการซื้อหุ้น คือเมื่ตลาดเกิดแพนิค จงรออย่างมีสติ จังหวะซื้อกำลังมา แต่อาจฝืนความรู้สึกบ้าง
43. แล้วมันก็ผ่านไป ( this too will pass) "ไม่ว่าปัจจัยที่มากระทบตลาด จะเลวร้ายเพียงใด ตราบใดที่โลกยังไม่แตก เดี๋ยวมันก็จะถูกลืม จงอย่ากลัวที่จะซื้อ"
44. เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด "เดี๋ยวนี้กองทุนต่างชาติ มีบทบาทในตลาดมากขึ้นทุกปี จงหันมาเล่นหุ้นพื้นฐานดี แต่การซื้อเมื่อฝรั่งเข้า มักไม่ขาดทุน"
45. ขึ้นรถเมล์ที่ป้ายแรก รอน้อยกว่าไปนั่งรอที่อู่รถเมล์ "อย่าได้เสียเวลา ซื้อหุ้นแล้วรอให้มันขึ้น แต่ยอมซื้อแพงสักนิด เลือกหุ้นที่มีสัญญาณกลับตัวแล้วดีกว่ส"
46. พอปีใหม่ สิ่งใหม่ๆที่ดีๆ ความหวังใหม่ๆ มักจะเกิดขึ้น "โอกาสในการซื้อหุ้นมี่ดีของปี คือช่วงปลายปี เพื่อไปขายต้นปี"
47. ถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็ต้องเก็บเกี่ยว ถึงฤดูปันผล ก็ต้องเก็บหุ้นปันผล "หากรักจะเล่นหุ้นปันผล เมื่อถึงฤดู ก็ต้องเข้ามาซื้อเก็บก่อนคนอื่น"
48. ต้นไม้ที่ปลูกใหม่ รดน้ำทุกวัน รอสามเดือนไม่งอก ก็เลิกได้แล้ว "หุ้นที่ซื้อแล้วไม่ยอมขึ้น จงขายมันทิ้ง แล้วจับตาดู แต่อย่าไปรอต่อ ให้ยิ่งเสียโอกาสเลย"
49. ต้นไม้เพิ่งออกผล อย่าเพิ่งตัดไปทำฟืน "โอกาสดีๆ ที่ตลาดเป็นขาขึ้น อาจต้องรอนาน เมื่อมันมาถึง อย่าได้ตื่นตระหนก หรืออย่ากลัวจนต้องขายทิ้ง ในช่วงเริ่มต้น"
50. พายเรือตามน้ำ เร็วกว่าพายเรือทวนน้ำ "เมื่อตลาดเป็นขาขึ้น จงเล่นตามเทรนตลาด อย่ามัวไปทยอยขายสวนกระแสน้ำ
32. ของราคาถูก ไม่ได้คุ้มค่าเงินเสมอไป "ของราคาถูก แต่คุณภาพไม่ดีจงอย่าเลือก เพราะคำว่าถูกไม่ได้บอกว่ามันจะขึ้นไปได้"
33. รักคนที่เขารักเราดีกว่า "หุ้นอะไรที่เล่นแล้วได้กำไรบ่อยๆ จงเล่นหุ้นตัวนั้น ส่วนตัวที่เล่นแล้วขาดทุนตลอด แสดงว่าเรากับจ้าว นิสัยเข้ากันไม่ได้"
34. อย่าเอาของร้อนไปไกล้น้ำมัน "อย่าเอาเงินร้อนมาซื้อหุ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นเก็งกำไร หรือหุ้นลงทุนยาว"
35. การเล่นฟุตบอล หากอยากได้บอลต้องวิ่งไปดักหน้า ไม่ใช่วิ่งตามบอล "จงมองทิศทางของหุ้นให้ออก แล้ววิ่งไปดัก อย่ามัววิ่งไล่ เพราะจะไม่ได้อะไร"
36. จะคบกับใครต้องรู้ประวัติก่อน "กรอบราคาของหุ้นที่ผ่านมา บอกอะไรเราได้หลายอย่าง ต้องศึกษาก่อนซื้อหุ้นทุกครั้ง"
37. นักเบสบอลที่เก่ง จะไม่ตีลูกทุกครั้งที่ถูกขว้างมา "หุ้นไม่เล่นไม่เสียเงิน ดังนั้นจงเลือกเล่นเฉพาะหุ้นที่เรามั่นใจ ในจังหวะที่เรามั่นใจ"
38. หากไม่แน่ใจ ให้โยนหินถามทาง "หากท่านไม่แน่ใจในการซื้อหุ้น อย่ารีบร้อน จงค่อยๆทะยอยซื้อ เพื่อความแน่ใจ"
39. การออกรบ ต้องเตรียมทางหนีเอาไว้เสมอ "ในการลงทุนทุกครั้ง ต้องเผื่อใจที่จะขาดทุนเอาไว้ เมื่อจำเป็น จะตัดสินใจได้เร็ว"
40. อย่าเสียแรง วิ่งไล่จับหนู เราควรดักหนูมากกว่า "เล่นหุ้นต้องมีสติ อย่าตื่นเต้นวิ่งไล่ราคาหุ้น ที่เราไม่รู้จัก เพราะมีโอกาสติดหุ้นได้"
41. คนเยอะมักจับปลาไม่ได้ ต้องรอให้คนน้อยน้ำนิ่ง จึงจะจับปลาได้ดี "อยากซื้อหุ้นได้ราคาดี และมีเวลาให้คิด ต้องซื้อตอนตลาดเงียบ ซึ่งส่วนใหญ่ซื้อตอนเงียบมักปลอดภัย"
42. วิกฤติคือโอกาส เดี๋ยวมันก็ผ่านไป "โอกาสที่ดีที่สุด ในการซื้อหุ้น คือเมื่ตลาดเกิดแพนิค จงรออย่างมีสติ จังหวะซื้อกำลังมา แต่อาจฝืนความรู้สึกบ้าง
43. แล้วมันก็ผ่านไป ( this too will pass) "ไม่ว่าปัจจัยที่มากระทบตลาด จะเลวร้ายเพียงใด ตราบใดที่โลกยังไม่แตก เดี๋ยวมันก็จะถูกลืม จงอย่ากลัวที่จะซื้อ"
44. เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด "เดี๋ยวนี้กองทุนต่างชาติ มีบทบาทในตลาดมากขึ้นทุกปี จงหันมาเล่นหุ้นพื้นฐานดี แต่การซื้อเมื่อฝรั่งเข้า มักไม่ขาดทุน"
45. ขึ้นรถเมล์ที่ป้ายแรก รอน้อยกว่าไปนั่งรอที่อู่รถเมล์ "อย่าได้เสียเวลา ซื้อหุ้นแล้วรอให้มันขึ้น แต่ยอมซื้อแพงสักนิด เลือกหุ้นที่มีสัญญาณกลับตัวแล้วดีกว่ส"
46. พอปีใหม่ สิ่งใหม่ๆที่ดีๆ ความหวังใหม่ๆ มักจะเกิดขึ้น "โอกาสในการซื้อหุ้นมี่ดีของปี คือช่วงปลายปี เพื่อไปขายต้นปี"
47. ถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็ต้องเก็บเกี่ยว ถึงฤดูปันผล ก็ต้องเก็บหุ้นปันผล "หากรักจะเล่นหุ้นปันผล เมื่อถึงฤดู ก็ต้องเข้ามาซื้อเก็บก่อนคนอื่น"
48. ต้นไม้ที่ปลูกใหม่ รดน้ำทุกวัน รอสามเดือนไม่งอก ก็เลิกได้แล้ว "หุ้นที่ซื้อแล้วไม่ยอมขึ้น จงขายมันทิ้ง แล้วจับตาดู แต่อย่าไปรอต่อ ให้ยิ่งเสียโอกาสเลย"
49. ต้นไม้เพิ่งออกผล อย่าเพิ่งตัดไปทำฟืน "โอกาสดีๆ ที่ตลาดเป็นขาขึ้น อาจต้องรอนาน เมื่อมันมาถึง อย่าได้ตื่นตระหนก หรืออย่ากลัวจนต้องขายทิ้ง ในช่วงเริ่มต้น"
50. พายเรือตามน้ำ เร็วกว่าพายเรือทวนน้ำ "เมื่อตลาดเป็นขาขึ้น จงเล่นตามเทรนตลาด อย่ามัวไปทยอยขายสวนกระแสน้ำ
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1305
51. รุกได้เมื่อสถานการณ์ได้เปรียบ "จงกล้าที่จะเสี่ยงในช่วงตลาดขาขึ้น เพราะโอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อย จงกอบโกยให้ได้มากที่สุด"
52. ยามเขารุกให้เราสงบนิ่งตั้งรับ ยามเขาถอยเราอย่าตาม "การเสี่ยงคือ การทุ่มเงินเข้าไปมากในช่วงขาขึ้น ไม่ใช้การเข้าไปไล่ซื้อหุ้นในราคาสูง"
53. สุดยอดการศึก คือชนะโดยไม่ต้องรบ "เดี๋ยวนี้ตลาดหุ้นไทย จะมีหุ้นที่วิ่งปีละ200-300% จงหามันให้เจออ แล้วอย่ากลัวที่จะตาม ให้ซื้อแบบทะยอยซื้อถ้าไม่แน่ใจ"
54. อยู่ท่ารถ อย่ากลัวตกรถ "ตลาดหุ้นคือท่ารถ ที่มีรถกว่าสี่ร้อยคัน หากวันนี้ขึ้นไม่ทัน พรุ่งนี้ก็มีรถออก อย่ากลัวตกรถ"
55. หากห่านเริ่มบินหนึ่งตัว ห่านทั้งฝูงจะบินตาม "หุ้นเมื่อจะขึ้น มักจะขึ้นทั้งกลุ่ม จะเอาแน่ไม่ได้ ควารซื้อหุ้นที่ดีที่สุดในกลุ่ม"
56. ถ้ารถเสีย (วิ่งไม่ได้) อย่าเสียเงินไปแต่งรถเพิ่ม "อย่าไปเสียเงินเพิ่มในหุ้นที่ซื้อแล้วไม่วิ่ง จงเอาเงินไปใส่ในหุ้นที่ซื้อแล้ววิ่งดีกว่า
57. การทำธุรกิจ ให้เพิ่มทุนในธุรกิจที่เติบโต "ธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาลง เราจะเสียเงินไปซื้อหุ้นเขาทำไม จงซื้อหุ้นบริษัทที่เติบโต ดังนั้น อย่าถัวขาลง จงทยอยขาขึ้น"
58. คนฉลาดอย่าหยุดเดิน เมื่อมองไม่เห็นข้างหน้า " เมื่อตลาดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน หากราคาหุ้นขึ้นมามากแล้ว จงหยุด อย่าซื้อเพิ่ม และรอสัญญาณขาย"
59. จบข่าว เหลือแต่ละครน้ำเน่า "จงsale on fact เพราะจบข่าวแล้ว ก็จะไม่เหลืออะไรให้เล่นอีก"
60. จากตำราการแสดงใดๆ ช่วงที่ตื่นเต้นที่สุดจะอยู่สุดท้าย "ช่วงที่ตลาดหุ้นมีปริมาณการซื้อขาย มากเป็นพิเศษ และนักลงทุนรายย่อยเต็มไปหมด เราต้องระวังตลาดหมดรอบ"
61. แฟชั่นที่คนสนใจมาก และแต่งเหมือนๆกัน แสดงว่าไกล้หมดรอบแล้ว "เมื่อใดที่มีแต่คนพูดถึงหุ้น แม้แต่คนที่ไม่เคยเล่นหุ้นก็สนใจ จงขายก่อน เดี๋ยวข่าวร้ายจะตามมาเอง"
62. สาวสวยเซ็กซี่มาทักทายคุณก่อน ให้ระวัง! "คนเราจะโดนหลอกใด้ ก็ต้องมีอะไรมาล่อ ดังนั้นหากเห็นหุ้นตัวใด ที่ดูดีไปหมด จงระวังชั่งใจสักนิด"
63. สมองคนมีวิธีคิดเป็นlogic 1,2,3, then 4 "อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็น เพราะสมองคนเรามันโดนหลอกได้ แต่แผนการในกระดาษเรามักไม่ผิด"
64. คนเราหากมีเวลาให้คิดน้อย มักตัดสินใจไม่ถูกต้อง "หากไม่มีเวลาให้คิดตัดสินใจ จงหยุดคิด แล้วถอยออกมา ไม่เล่นไม่เสียตังค์"
65. ความรักทำให้คนตาบอด "อย่าปล่อยให้ความโลภ มาครอบงำสมองเรา มันจะทำให้เราคิดผิดโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะปลายตลาดขาขึ้น"
66. อย่าแหย่รังมด เพียงเพื่อหวังความสนุก "อย่าเล่นหุ้นปั่น เพียงเพื่อหวังกำไร เล็กๆน้อยๆ นอกจากไม่สนุกแล้ว ยังเสียเงินด้วย โดยเฉพาะปลายตลาดขาขึ้น"
67. เรือกำลังจะล่ม ต้องรีบกระโดดลงน้ำ อย่ามัวภาวนา "เมื่อมั่นใจว่าตลาดจะลงแล้ว จงหนีก่อน แล้วค่อยกลับมาดูผล"
68. สินค้าIT อย่าคำนึงเรื่องต้นทุน เมื่อของกำลังตกรุ่น ต้องรึบขาย "หลักการเล่นหุ้นที่ดี ควรดูสภาพตลาดเป็นหลัก อย่าติดยึดกับต้นทุนที่ซื้อมา"
69. เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย "อย่ากลัวที่จะขาดทุนเล็กๆน้อยๆในตลาดหุ้น แต่จงกลัวที่จะเสียเงินก้อนใหญ่"
70. อย่ารับมีดที่ตกจากท้องฟ้า (ควรรอให้มันปักพื้นก่อน) "อย่าคิดที่จะเข้าไปรับหุ้น ที่กำลังตก เพียงเพื่อหวังกำไรเล็กๆน้อยๆ จงหาทางหลบ ไม่ให้มีดมาโดนมือ"
52. ยามเขารุกให้เราสงบนิ่งตั้งรับ ยามเขาถอยเราอย่าตาม "การเสี่ยงคือ การทุ่มเงินเข้าไปมากในช่วงขาขึ้น ไม่ใช้การเข้าไปไล่ซื้อหุ้นในราคาสูง"
53. สุดยอดการศึก คือชนะโดยไม่ต้องรบ "เดี๋ยวนี้ตลาดหุ้นไทย จะมีหุ้นที่วิ่งปีละ200-300% จงหามันให้เจออ แล้วอย่ากลัวที่จะตาม ให้ซื้อแบบทะยอยซื้อถ้าไม่แน่ใจ"
54. อยู่ท่ารถ อย่ากลัวตกรถ "ตลาดหุ้นคือท่ารถ ที่มีรถกว่าสี่ร้อยคัน หากวันนี้ขึ้นไม่ทัน พรุ่งนี้ก็มีรถออก อย่ากลัวตกรถ"
55. หากห่านเริ่มบินหนึ่งตัว ห่านทั้งฝูงจะบินตาม "หุ้นเมื่อจะขึ้น มักจะขึ้นทั้งกลุ่ม จะเอาแน่ไม่ได้ ควารซื้อหุ้นที่ดีที่สุดในกลุ่ม"
56. ถ้ารถเสีย (วิ่งไม่ได้) อย่าเสียเงินไปแต่งรถเพิ่ม "อย่าไปเสียเงินเพิ่มในหุ้นที่ซื้อแล้วไม่วิ่ง จงเอาเงินไปใส่ในหุ้นที่ซื้อแล้ววิ่งดีกว่า
57. การทำธุรกิจ ให้เพิ่มทุนในธุรกิจที่เติบโต "ธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาลง เราจะเสียเงินไปซื้อหุ้นเขาทำไม จงซื้อหุ้นบริษัทที่เติบโต ดังนั้น อย่าถัวขาลง จงทยอยขาขึ้น"
58. คนฉลาดอย่าหยุดเดิน เมื่อมองไม่เห็นข้างหน้า " เมื่อตลาดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน หากราคาหุ้นขึ้นมามากแล้ว จงหยุด อย่าซื้อเพิ่ม และรอสัญญาณขาย"
59. จบข่าว เหลือแต่ละครน้ำเน่า "จงsale on fact เพราะจบข่าวแล้ว ก็จะไม่เหลืออะไรให้เล่นอีก"
60. จากตำราการแสดงใดๆ ช่วงที่ตื่นเต้นที่สุดจะอยู่สุดท้าย "ช่วงที่ตลาดหุ้นมีปริมาณการซื้อขาย มากเป็นพิเศษ และนักลงทุนรายย่อยเต็มไปหมด เราต้องระวังตลาดหมดรอบ"
61. แฟชั่นที่คนสนใจมาก และแต่งเหมือนๆกัน แสดงว่าไกล้หมดรอบแล้ว "เมื่อใดที่มีแต่คนพูดถึงหุ้น แม้แต่คนที่ไม่เคยเล่นหุ้นก็สนใจ จงขายก่อน เดี๋ยวข่าวร้ายจะตามมาเอง"
62. สาวสวยเซ็กซี่มาทักทายคุณก่อน ให้ระวัง! "คนเราจะโดนหลอกใด้ ก็ต้องมีอะไรมาล่อ ดังนั้นหากเห็นหุ้นตัวใด ที่ดูดีไปหมด จงระวังชั่งใจสักนิด"
63. สมองคนมีวิธีคิดเป็นlogic 1,2,3, then 4 "อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็น เพราะสมองคนเรามันโดนหลอกได้ แต่แผนการในกระดาษเรามักไม่ผิด"
64. คนเราหากมีเวลาให้คิดน้อย มักตัดสินใจไม่ถูกต้อง "หากไม่มีเวลาให้คิดตัดสินใจ จงหยุดคิด แล้วถอยออกมา ไม่เล่นไม่เสียตังค์"
65. ความรักทำให้คนตาบอด "อย่าปล่อยให้ความโลภ มาครอบงำสมองเรา มันจะทำให้เราคิดผิดโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะปลายตลาดขาขึ้น"
66. อย่าแหย่รังมด เพียงเพื่อหวังความสนุก "อย่าเล่นหุ้นปั่น เพียงเพื่อหวังกำไร เล็กๆน้อยๆ นอกจากไม่สนุกแล้ว ยังเสียเงินด้วย โดยเฉพาะปลายตลาดขาขึ้น"
67. เรือกำลังจะล่ม ต้องรีบกระโดดลงน้ำ อย่ามัวภาวนา "เมื่อมั่นใจว่าตลาดจะลงแล้ว จงหนีก่อน แล้วค่อยกลับมาดูผล"
68. สินค้าIT อย่าคำนึงเรื่องต้นทุน เมื่อของกำลังตกรุ่น ต้องรึบขาย "หลักการเล่นหุ้นที่ดี ควรดูสภาพตลาดเป็นหลัก อย่าติดยึดกับต้นทุนที่ซื้อมา"
69. เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย "อย่ากลัวที่จะขาดทุนเล็กๆน้อยๆในตลาดหุ้น แต่จงกลัวที่จะเสียเงินก้อนใหญ่"
70. อย่ารับมีดที่ตกจากท้องฟ้า (ควรรอให้มันปักพื้นก่อน) "อย่าคิดที่จะเข้าไปรับหุ้น ที่กำลังตก เพียงเพื่อหวังกำไรเล็กๆน้อยๆ จงหาทางหลบ ไม่ให้มีดมาโดนมือ"
samatah
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1306
เอ่อ...dr1 เขียน: ห้องนั่งเล่นซะอย่าง ถูกผิดไม่เป็นไร สังคมวีไอพร้อมให้อภัยผู้กลับใจเสมอฮะ(ฟังแปลกๆแฮะ)
จริงๆผมก็เชื่อว่าห้องนี้มีทั้งหลวงจีน อาจารย์ปู่ ที่มีวิชาระฆังทอง เกราะทองคุ้มภัยฮ่ะพี่หมอหนึ่ง เลยกล้าบอกชื่อหุ้นตรงๆได้ ไม่โดนลบฟามเห็น
จะได้สร้างบรรยากาศเวบให้เหมือนสมัยก่อนที่ถกกันเป็นตัวๆ ได้จะแจ้งกว่านี้ แถมหุ้นส่วนใหญ่ที่ถกกันมันก็ผ่านไปแล้ว และก็คุยกันแบบเอาตัวเลขมาคุย, มิได้มโนเอง
มาต่อกันที่วิชาคำนวนดวงดาว(เทียมไทยคม) กันดีก่าฮ่ะ
1.คือต้องรู้ราคาขาย ของแบนวิธแต่ละดาวเทียมก่อนครับ ว่าขายที่ราคาเท่าไร แล้วคาดการณ์เองว่าจะขายได้กี่%ของทั้งหมด ในปีนั้นๆ
2.ค่าสัมปทาน ของดาวเทียมดวงนั้นๆ
3.ภาษี
4.ค่าเสื่อมตามอายุสัญญาหรือ อายุดาวเทียมขึ้นกับระยะเวลาไหนน้อยกว่า
5.รายจ่ายจะประเมินจาก break even point เช่น 30% ของ bandwidth
6. หลังจากนั้นคำนวน cash flow ของบริษัท
7.การคำนวนมูลค่าควรแยกเป็นดาวเทียมแต่ละดวงแล้วนำมารวมกัน + บวกลาวเทลาคอม + csl
ส่วนสาเหตุตอนที่พี่หมอซื้อตอนปี2011
1.เพราะมีการเปลี่ยน CEO (อีกละ..)
2.มีการขายแบนวิธให้จีนแบบยกล็อตถึง 9กิ๊กกะบิท
3.มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าสัมปทาน
ส่วนในอนาคตกับหุ้นตัวนี้ พี่หมอบอกว่า ต้องดูว่าดาวเทียมดวงใหม่ที่ยิงขึ้นไป อยู่ในจุด hot bird ของประเทศที่ไปขายหรือไม่ (จุดที่จานดาวเทียมหันหน้าเข้าหาอยู่แล้ว)
แต่ปกติจุดนี้ราคาจะแพงกว่าจุดอื่นๆถึง 50%ขึ้นไป (เพราะลูกค้าไม่ต้องหมุนจานดาวเทียม)
ซึ่งถ้าขายในตปท. ก็ต้องดูว่ามันอยู่จุดนี้หรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยุ่ อาจจะขายได้ไม่ดี?
ไทยคม7 ที่จะขึ้นไป ถ้าขายหมดรายได้ก็ยังน้อย ไม่มีนัยยะของport (ถาม IR, ฟังoppday)
ไทยคม8 อยู่ในhot birdเท่าไร, ถ้าอยู่ในไทยก็ได้ราคาดีกว่าแน่นอน และก็ต้องมาดูว่ารายได้ที่เกิดขึ้น มีนัยยะกับบริษัทหรือไม่ (ถาม IR, ฟังoppday)
ลองดูบทวิเคราะห์ของโบรคกับหุ้นตัวนี้ดูละกันคับ พวกข้อมูลดิบ จะได้ลองเอาตัวเลขมาคำนวนกันฮ่ะ
หมดละครับ ซีรีย์สัมนาหุ้นของพี่เวบ, ทีนี้ผมจะรอฟังงานที่หาดใหญ่บ้างนะฮับ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1307
ขอบคุณติ่งกระดิ่งแมวของท่านromeeนะฮะ เด๋วจะคาบหุ้นทางหาดใหญ่มาให้ฮะ
71. หากนิ้วเป็นแผลติดเชื้อ ที่จะทำให้เสียชีวิตได้ ต้องยอมตัดนิ้วเพื่อรักษาชีวิต "ในบางครั้ง หากสถานการณ์มันบอกให้ตัดขาดหุ้น ก็จงทำ"
72. ไม่ขายไม่ขาดทุน(จริงหรือ) "ทฤษฎีไม่ขายไม่ขาดทุน ใช้ได้เฉพาะหุ้นพื้นฐานดี ระยะยาว หากไม่ใช่ ต้องฝึกcutloss"
73. ทยอยขายขาลง ถ้าcutloss ไม่เป็น "การทยอยขายขาลง อาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธเอาตัวรอดในช่วงตลาดขาลง"
74. เก็บเศษเงินในสงคราม ได้ไม่คุ้มเสีย "อย่าหวังกำไรเล็กๆน้อยๆ ในสถานการณ์ที่เสี่ยงมาก จะได้ไม่คุ้มเสีย"
75. เมื่อตัดใจจากสิ่งที่ไม่ดีได้ อย่ากลับไปพัวพันอีก "ตลาดขาลง อย่าได้ไปพัวพัน เพราะหุ้นไม่เล่น ไม่ขาดทุน"
76. โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า การแก้แค้น คือความผิดมหันต์ "จงอย่าคิดเอาคืน เมื่อขาดทุนหุ้นตวใด มองกว้างๆ มีหุ้นดีๆให้เล่นอืกเยอะ"
77. จับเสือมือเปล่า มีโอกาสถูกเสือกัด "นักเล่นdaytrade โดยสภาพแล้ว เสียเปรียบหลายๆอย่าง โอกาสกำไรน้อน"
78. สมอง ตัดสินใจดีกว่าต่อม อดรีนลีน "การเล่นdaytrade ที่ดีต้องมีแผนการ ไม่เล่นตามอารมณ์ และตามการลากของรายใหญ่"
79. วันอากาศสดใส ไม่ได้มีทุกวัน "โอกาสเล่นdaytradeกำไร ไม่ได้มีทุกวัน เราก็ไม่ควรเล่นทุกวันเช่นกัน"
80. ในการเต้น หากเริ่มผิดจังหวะ หยุดเต้นแล้วเริ่มใหม่ "การเล่นรอบ ถ้าซื้อขายผิดจังหวะตลอด หยุดสักพัก แล้วเริ่มใหม่"
81. มนุษย์ทุกคนผิดพลาดได้ แต่ต้องเรียนรู้และแก้ไข "เรียนรู้ แก้ไขข้อผิดพลาด จะทำให้เราเล่นหุ้นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ"
82. เงินทองไม่เข้าใครออกใคร "เล่นหุ้น ควรฝึกคิดเอง ทำไม่ได้ ควรไปซื้อกองทุนดีกว่า"
83. ถ้ารู้ตัวว่าคิดผิดตลอด ต่อไปก็ฝึกคิดใหม่ทำใหม่ "ถ้าวิธีเก่าไม่ได้ผล ลองใช้วิธีตรงข้าม แม้ฝืนใจ แต่อาจได้ผล"
84. ฝึกเด็กให้หยอดกระปุกตั้งแต่เล็กๆ เมื่อเห็นเงินเพิ่ม จะได้มีกำลังใจ "ฝึกทำให้ผอร์ทมีกำไร และฝึกปล่อยให้กำไรโต ทำครั้งแรกได้ ครั้งต่อไปจะไม่ยาก"
85. รู้ดีแต่ทำไม่ได้ "แม้เล่นหุ้นเก่งเพียงได หากขาดวินัย ก็ไม่สำเร็จ"
86. ทุกอย่างมีเกิด ก็ต้องมีดับ " หุ้นในตลาด มีเปลี่ยนแปลงตลอด30ปีนี้ ไม่มีใครเป็นพระเอกตลอดกาล เปิดใจรับหุ้นใหม่ๆบ้าง"
87. ช้าๆได้พร้าเล่มงาม "ความอดทน เป็นวินัยหนึ่งที่ควรฝึก"
88. เหยียบเรือสองแคม ตกน้ำแน่นอน "คิดให้ดี ว่างานที่ทำ กับการเล่นหุ้น อย่างไหนสำคัญกว่า แล้วแบ่งเวลาให้ถูกต้อง"
89. ทรัพย์สินมีค่าที่สุดในชีวิตเราคือ สุขภาพร่างกาย "สุขภาพเรา สำคัญกว่าได้กำไรหุ้น20% "
บางส่วนเหมาะกับการลงทุน บางส่วนเหมาะกับการ"เล่น"เก็งกำไร เลือกเอาตามจริตของแต่ละท่านนะครับ
แต่คงทำให้เข้าใจ"นายตลาด"ไทยๆขึ้นมาไม่มากก็น้อย
คุณหนึ่ง รายงานก่อนขอตัวไปเล่นละคร"หนึ่งในท(ะ)ลวง"คู่กับน้องปุ้ม(ปุ้ย น้ำลายไหลสามหยด)
ต่อจาก"กลกิmono(ไม่มี29)"ที่ยิ่งดูยิ่งงง
71. หากนิ้วเป็นแผลติดเชื้อ ที่จะทำให้เสียชีวิตได้ ต้องยอมตัดนิ้วเพื่อรักษาชีวิต "ในบางครั้ง หากสถานการณ์มันบอกให้ตัดขาดหุ้น ก็จงทำ"
72. ไม่ขายไม่ขาดทุน(จริงหรือ) "ทฤษฎีไม่ขายไม่ขาดทุน ใช้ได้เฉพาะหุ้นพื้นฐานดี ระยะยาว หากไม่ใช่ ต้องฝึกcutloss"
73. ทยอยขายขาลง ถ้าcutloss ไม่เป็น "การทยอยขายขาลง อาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธเอาตัวรอดในช่วงตลาดขาลง"
74. เก็บเศษเงินในสงคราม ได้ไม่คุ้มเสีย "อย่าหวังกำไรเล็กๆน้อยๆ ในสถานการณ์ที่เสี่ยงมาก จะได้ไม่คุ้มเสีย"
75. เมื่อตัดใจจากสิ่งที่ไม่ดีได้ อย่ากลับไปพัวพันอีก "ตลาดขาลง อย่าได้ไปพัวพัน เพราะหุ้นไม่เล่น ไม่ขาดทุน"
76. โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า การแก้แค้น คือความผิดมหันต์ "จงอย่าคิดเอาคืน เมื่อขาดทุนหุ้นตวใด มองกว้างๆ มีหุ้นดีๆให้เล่นอืกเยอะ"
77. จับเสือมือเปล่า มีโอกาสถูกเสือกัด "นักเล่นdaytrade โดยสภาพแล้ว เสียเปรียบหลายๆอย่าง โอกาสกำไรน้อน"
78. สมอง ตัดสินใจดีกว่าต่อม อดรีนลีน "การเล่นdaytrade ที่ดีต้องมีแผนการ ไม่เล่นตามอารมณ์ และตามการลากของรายใหญ่"
79. วันอากาศสดใส ไม่ได้มีทุกวัน "โอกาสเล่นdaytradeกำไร ไม่ได้มีทุกวัน เราก็ไม่ควรเล่นทุกวันเช่นกัน"
80. ในการเต้น หากเริ่มผิดจังหวะ หยุดเต้นแล้วเริ่มใหม่ "การเล่นรอบ ถ้าซื้อขายผิดจังหวะตลอด หยุดสักพัก แล้วเริ่มใหม่"
81. มนุษย์ทุกคนผิดพลาดได้ แต่ต้องเรียนรู้และแก้ไข "เรียนรู้ แก้ไขข้อผิดพลาด จะทำให้เราเล่นหุ้นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ"
82. เงินทองไม่เข้าใครออกใคร "เล่นหุ้น ควรฝึกคิดเอง ทำไม่ได้ ควรไปซื้อกองทุนดีกว่า"
83. ถ้ารู้ตัวว่าคิดผิดตลอด ต่อไปก็ฝึกคิดใหม่ทำใหม่ "ถ้าวิธีเก่าไม่ได้ผล ลองใช้วิธีตรงข้าม แม้ฝืนใจ แต่อาจได้ผล"
84. ฝึกเด็กให้หยอดกระปุกตั้งแต่เล็กๆ เมื่อเห็นเงินเพิ่ม จะได้มีกำลังใจ "ฝึกทำให้ผอร์ทมีกำไร และฝึกปล่อยให้กำไรโต ทำครั้งแรกได้ ครั้งต่อไปจะไม่ยาก"
85. รู้ดีแต่ทำไม่ได้ "แม้เล่นหุ้นเก่งเพียงได หากขาดวินัย ก็ไม่สำเร็จ"
86. ทุกอย่างมีเกิด ก็ต้องมีดับ " หุ้นในตลาด มีเปลี่ยนแปลงตลอด30ปีนี้ ไม่มีใครเป็นพระเอกตลอดกาล เปิดใจรับหุ้นใหม่ๆบ้าง"
87. ช้าๆได้พร้าเล่มงาม "ความอดทน เป็นวินัยหนึ่งที่ควรฝึก"
88. เหยียบเรือสองแคม ตกน้ำแน่นอน "คิดให้ดี ว่างานที่ทำ กับการเล่นหุ้น อย่างไหนสำคัญกว่า แล้วแบ่งเวลาให้ถูกต้อง"
89. ทรัพย์สินมีค่าที่สุดในชีวิตเราคือ สุขภาพร่างกาย "สุขภาพเรา สำคัญกว่าได้กำไรหุ้น20% "
บางส่วนเหมาะกับการลงทุน บางส่วนเหมาะกับการ"เล่น"เก็งกำไร เลือกเอาตามจริตของแต่ละท่านนะครับ
แต่คงทำให้เข้าใจ"นายตลาด"ไทยๆขึ้นมาไม่มากก็น้อย
คุณหนึ่ง รายงานก่อนขอตัวไปเล่นละคร"หนึ่งในท(ะ)ลวง"คู่กับน้องปุ้ม(ปุ้ย น้ำลายไหลสามหยด)
ต่อจาก"กลกิmono(ไม่มี29)"ที่ยิ่งดูยิ่งงง
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1309
อ.หนึ่งครับ สุดยอดดดดดดดดด ครับ อ.มีหนังสือครบทั้ง 4 เล่มนี่ ยิ่งถ้าบอกว่าเป็น คัมภีร์หุ้น XS ซึ่งปัจจุบันหาซื้อไม่ได้แล้ว กับปรัชญาหุ้นซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อหนังสือไปแล้วนี่ แสดงว่าต้องเป็นกรุเก่าเก็บแน่นอนครับ ผมเองตามหาสองเล่มสุดท้ายมาได้ก็ต้องซื้อเอาทางเน็ตครับ
ผมเห็นอ.เอามาสรุปแบบนี้ชักอยากจะกลับไปอ่านอีกครั้ง
หนังสือชุดนี้เป็นหนังสือที่คนไทยเขียนและผมคิดว่าอยากให้คนที่สนใจได้ลองไปอ่านดูครับ หลายแนวคิดผมยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้ เป็นหนังสือเล่มแรก ๆ ที่ผมอ่านแล้วเหมือนฟอร์แมทโปรแกรมการลงทุนในสมองตัวเองใหม่ จะเรียกกว่าแนววีไอก็คงไม่ใช่ แต่ผมว่ามันน่าจะบอกได้ว่าเป็น "แนวตลาดหุ้นไทย" มากกว่า คือวีไอหรือไม่วีไอก็อ่านได้ครับ อ่านแล้วเราจะเข้าใจหลาย ๆ เรื่องในตลาดหุ้นไทยที่มีลักษณะเฉพาะตัวบางอย่างได้ดี
หนังสือเล่มแรกออกครั้งแรกราว ๆ ปี 45 แล้วก็ติดอันดับขายดีมาหลายปี ช่วงนั้นไม่ค่อยมีหนังสือหุ้นด้วยน่ะครับ แต่มาดูเงียบไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะหนังสือที่มีเยอะขึ้นและกระแสของวีไอ แกะรอยหยัก อะไรประมาณนั้น ผมว่าเนื้อหาบางเรื่องอาจจะเก่าไปแล้ว แต่หลักการยังโอเคครับ
ทีนี้ห้องนี้นี่ ผมมองว่ามันคือส่วนที่ไม่ใช่ส่วนปิดแบบห้องร้อยคนฯ นั่นก็แปลว่าใครเข้ามาดูก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิก ซึ่งวันหนึ่ง ผมก็เชื่อว่าคนที่เข้ามาอ่านต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
ถ้าเราย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นที่เว็บมีการสมัครสมาชิกกลายเป็นเว็บปิดไปส่วนหนึ่ง ก็เพราะเรื่องดราม่าเก่า ๆ ที่หลายท่านก็ทราบกันดีอยู่ ซึ่งเราก็คงต้องระวังอย่าให้มันเกิดขึ้น เพราะถ้ามันเกิดขึ้นภาพรวมของเว็บก็จะเสียหายครับ เอาง่าย ๆ นะครับ เกิดมีใครก๊อปเรื่องหุ้นที่เราคุยกันอยู่ไปโพสต์ที่เว็บใหญ่สีน้ำเงิน ซึ่งบางคนที่เว็บนั้นเค้าก็อาจจะมีอคติแบบที่เคยเห็นกันมา ที่มีการเหน็บแนมกัน เค้าก็จะว่า ๆ มาจากเว็บนี้ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าเราเองก็ต้องระวังไว้ด้วยครับ
เพราะถ้ามันกลายเป็นเรื่องแบบนั้นไปแล้ว มันจะได้ไม่คุ้มเสีย search หาใน google มันก็จะเจออยู่ตลอดไป ลบออกไม่ได้ กระทบถึงคนรอบข้าง มันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็ก ซึ่งดูเหมือนผมจะกลัวเกินไป แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้นะครับ
ผมเห็นอ.เอามาสรุปแบบนี้ชักอยากจะกลับไปอ่านอีกครั้ง
หนังสือชุดนี้เป็นหนังสือที่คนไทยเขียนและผมคิดว่าอยากให้คนที่สนใจได้ลองไปอ่านดูครับ หลายแนวคิดผมยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้ เป็นหนังสือเล่มแรก ๆ ที่ผมอ่านแล้วเหมือนฟอร์แมทโปรแกรมการลงทุนในสมองตัวเองใหม่ จะเรียกกว่าแนววีไอก็คงไม่ใช่ แต่ผมว่ามันน่าจะบอกได้ว่าเป็น "แนวตลาดหุ้นไทย" มากกว่า คือวีไอหรือไม่วีไอก็อ่านได้ครับ อ่านแล้วเราจะเข้าใจหลาย ๆ เรื่องในตลาดหุ้นไทยที่มีลักษณะเฉพาะตัวบางอย่างได้ดี
หนังสือเล่มแรกออกครั้งแรกราว ๆ ปี 45 แล้วก็ติดอันดับขายดีมาหลายปี ช่วงนั้นไม่ค่อยมีหนังสือหุ้นด้วยน่ะครับ แต่มาดูเงียบไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะหนังสือที่มีเยอะขึ้นและกระแสของวีไอ แกะรอยหยัก อะไรประมาณนั้น ผมว่าเนื้อหาบางเรื่องอาจจะเก่าไปแล้ว แต่หลักการยังโอเคครับ
ใจจริงก็อยากจะให้เอาหุ้นมาคุยกันแบบเรียลลิตี้นะครับ แต่ผมว่าเราเองก็ต้องมองกันยาว ๆ ด้วยครับ หุ้นที่คนอื่นเล่าให้ฟัง เอามาคุยกันเป็นไม้สอง สาม สี่ คนที่เริ่มเค้าอยู่วงนอกมีอะไรมันก็ไม่กระทบเค้าครับ ถือว่าเราฟังแล้วเอามาเล่า discuss แต่หุ้นที่เราเริ่มจากตรงนี้ ผมมองว่ามันมองได้สองแง่ครับ เพราะมันมีเรื่องส่วนได้ส่วนเสียเกิดขึ้น คนที่ชี้เป้าไป อาจจะได้รับผลกระทบได้ครับ เหมือนเว็บบางเว็บที่มีเจ้าสำนักคอยชี้เป้าอยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งน่าจะมีมากมายครับromee เขียน: จริงๆผมก็เชื่อว่าห้องนี้มีทั้งหลวงจีน อาจารย์ปู่ ที่มีวิชาระฆังทอง เกราะทองคุ้มภัยฮ่ะพี่หมอหนึ่ง เลยกล้าบอกชื่อหุ้นตรงๆได้ ไม่โดนลบฟามเห็น
จะได้สร้างบรรยากาศเวบให้เหมือนสมัยก่อนที่ถกกันเป็นตัวๆ ได้จะแจ้งกว่านี้ แถมหุ้นส่วนใหญ่ที่ถกกันมันก็ผ่านไปแล้ว และก็คุยกันแบบเอาตัวเลขมาคุย, มิได้มโนเอง
ทีนี้ห้องนี้นี่ ผมมองว่ามันคือส่วนที่ไม่ใช่ส่วนปิดแบบห้องร้อยคนฯ นั่นก็แปลว่าใครเข้ามาดูก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิก ซึ่งวันหนึ่ง ผมก็เชื่อว่าคนที่เข้ามาอ่านต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
ถ้าเราย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นที่เว็บมีการสมัครสมาชิกกลายเป็นเว็บปิดไปส่วนหนึ่ง ก็เพราะเรื่องดราม่าเก่า ๆ ที่หลายท่านก็ทราบกันดีอยู่ ซึ่งเราก็คงต้องระวังอย่าให้มันเกิดขึ้น เพราะถ้ามันเกิดขึ้นภาพรวมของเว็บก็จะเสียหายครับ เอาง่าย ๆ นะครับ เกิดมีใครก๊อปเรื่องหุ้นที่เราคุยกันอยู่ไปโพสต์ที่เว็บใหญ่สีน้ำเงิน ซึ่งบางคนที่เว็บนั้นเค้าก็อาจจะมีอคติแบบที่เคยเห็นกันมา ที่มีการเหน็บแนมกัน เค้าก็จะว่า ๆ มาจากเว็บนี้ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าเราเองก็ต้องระวังไว้ด้วยครับ
เพราะถ้ามันกลายเป็นเรื่องแบบนั้นไปแล้ว มันจะได้ไม่คุ้มเสีย search หาใน google มันก็จะเจออยู่ตลอดไป ลบออกไม่ได้ กระทบถึงคนรอบข้าง มันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็ก ซึ่งดูเหมือนผมจะกลัวเกินไป แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้นะครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1310
สุดยอดครับ อ.หนึ่ง dr1
ขอบคุณ คุณ romee ด้วย แชร์ แบบเนื้อๆ เน้นๆ เลย
มีเคล็ดวิชา จากพี่หมอพงษ์ศักดิ์ ที่ผมได้มาจากงานสัมมนาเม่า คือ
1. ซื้อก่อน หากรู้ว่ากำไรจะขึ้นชัวร์
พี่หมอ ยกตัวอย่างวิธีคิดว่า กำไรที่เพิ่มขึ้น เป็นกี่ % ของกำไรเดิม
และประเมิน scenario และโอกาส ที่จะเกิด
2. ขายทิ้งไปก่อน หากรู้ว่ากำไรจะ drop ลง
เช่น บริษัทที่จะมีการลงทุนหนักๆ
และมีค่าเสื่อมกดกำไรลงเยอะแน่ๆ ถ้าที่ลงทุนไปเปิดใช้งาน
เราก็อาจพิจารณาชิงลงมือ ขายทิ้งไปซะก่อน
ขอบคุณ คุณ romee ด้วย แชร์ แบบเนื้อๆ เน้นๆ เลย
มีเคล็ดวิชา จากพี่หมอพงษ์ศักดิ์ ที่ผมได้มาจากงานสัมมนาเม่า คือ
1. ซื้อก่อน หากรู้ว่ากำไรจะขึ้นชัวร์
พี่หมอ ยกตัวอย่างวิธีคิดว่า กำไรที่เพิ่มขึ้น เป็นกี่ % ของกำไรเดิม
และประเมิน scenario และโอกาส ที่จะเกิด
2. ขายทิ้งไปก่อน หากรู้ว่ากำไรจะ drop ลง
เช่น บริษัทที่จะมีการลงทุนหนักๆ
และมีค่าเสื่อมกดกำไรลงเยอะแน่ๆ ถ้าที่ลงทุนไปเปิดใช้งาน
เราก็อาจพิจารณาชิงลงมือ ขายทิ้งไปซะก่อน
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1311
เรื่องกำไรเพิ่มนี่ บางทีมันพอจะบอกได้ในหุ้นบางตัวนะครับ พวกที่ขยายกำลังการผลิตจากที่กำลังการผลิตเต็ม หรือพวกที่ไปซื้อกิจการเข้ามาkongkiti เขียน: 1. ซื้อก่อน หากรู้ว่ากำไรจะขึ้นชัวร์
พี่หมอ ยกตัวอย่างวิธีคิดว่า กำไรที่เพิ่มขึ้น เป็นกี่ % ของกำไรเดิม
และประเมิน scenario และโอกาส ที่จะเกิด
2. ขายทิ้งไปก่อน หากรู้ว่ากำไรจะ drop ลง
เช่น บริษัทที่จะมีการลงทุนหนักๆ
และมีค่าเสื่อมกดกำไรลงเยอะแน่ๆ ถ้าที่ลงทุนไปเปิดใช้งาน
เราก็อาจพิจารณาชิงลงมือ ขายทิ้งไปซะก่อน
ผมว่าเรื่องที่ยากกว่าคือกำไรตก จากประสบการณ์ส่วนตัว บางครั้งกำไรมักจะตกลงแบบที่เราคิดไม่ถึงมาก่อนโดยเฉพาะหุ้นที่กำไรไม่สม่ำเสมอ รายได้เป็นโครงการอะไรแบบนั้น บางทีก็มีค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มเข้ามา ฯลฯ
ในหนังสือคัมภีร์หุ้น มีอยู่บทหนึ่งที่เขียนเรื่องนี้ไว้ว่า ถ้ากำไรโตขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดหวัง หุ้นตัวนั้นจะขึ้นรับข่าวแบบแรง ๆ ยกตัวอย่างที่เห็นในการประกาศงบรอบนี้ก็คือ SYNEX THIP
ถ้าหุ้นตัวไหนขึ้นมารับข่าวว่าผลประกอบการจะออกมาดี ถ้างบออกมาเป็นไปตามคาด ก็จะเจอ sale on fact แต่ถ้างบออกมาไม่ดีแบบที่ตลาดไม่คิดว่าจะไม่ดี ไม่ว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นมารับข่าวหรือไม่ก็ตาม ก็เตรียมตัวโดนแรงขายแบบแรง ๆ
จะว่าไปวิชาแบบนี้มันก็เหมือนกับ VS นั่นเองครับ ส่วนตัวเคยทำ แต่ถ้าทำไปบ่อย ๆ มันก็ทำให้รู้สึกว่าบางครั้งมันก็อาจจะพลาดได้เหมือนกันครับ หลัง ๆ เลยดูแบบยาว ๆ มากกว่า ถ้ากำไรระยะสั้นมันผันผวนบ้างก็ปล่อย ๆ มันไปครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1312
กำไรตก นี่ยกตัวอย่างหุ้นสนามบินจะลงทุน Phase II อ่ะคับ พี่ lekyleky เขียน:เรื่องกำไรเพิ่มนี่ บางทีมันพอจะบอกได้ในหุ้นบางตัวนะครับ พวกที่ขยายกำลังการผลิตจากที่กำลังการผลิตเต็ม หรือพวกที่ไปซื้อกิจการเข้ามาkongkiti เขียน: 1. ซื้อก่อน หากรู้ว่ากำไรจะขึ้นชัวร์
พี่หมอ ยกตัวอย่างวิธีคิดว่า กำไรที่เพิ่มขึ้น เป็นกี่ % ของกำไรเดิม
และประเมิน scenario และโอกาส ที่จะเกิด
2. ขายทิ้งไปก่อน หากรู้ว่ากำไรจะ drop ลง
เช่น บริษัทที่จะมีการลงทุนหนักๆ
และมีค่าเสื่อมกดกำไรลงเยอะแน่ๆ ถ้าที่ลงทุนไปเปิดใช้งาน
เราก็อาจพิจารณาชิงลงมือ ขายทิ้งไปซะก่อน
ผมว่าเรื่องที่ยากกว่าคือกำไรตก จากประสบการณ์ส่วนตัว บางครั้งกำไรมักจะตกลงแบบที่เราคิดไม่ถึงมาก่อนโดยเฉพาะหุ้นที่กำไรไม่สม่ำเสมอ รายได้เป็นโครงการอะไรแบบนั้น บางทีก็มีค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มเข้ามา ฯลฯ
ในหนังสือคัมภีร์หุ้น มีอยู่บทหนึ่งที่เขียนเรื่องนี้ไว้ว่า ถ้ากำไรโตขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดหวัง หุ้นตัวนั้นจะขึ้นรับข่าวแบบแรง ๆ ยกตัวอย่างที่เห็นในการประกาศงบรอบนี้ก็คือ SYNEX THIP
ถ้าหุ้นตัวไหนขึ้นมารับข่าวว่าผลประกอบการจะออกมาดี ถ้างบออกมาเป็นไปตามคาด ก็จะเจอ sale on fact แต่ถ้างบออกมาไม่ดีแบบที่ตลาดไม่คิดว่าจะไม่ดี ไม่ว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นมารับข่าวหรือไม่ก็ตาม ก็เตรียมตัวโดนแรงขายแบบแรง ๆ
จะว่าไปวิชาแบบนี้มันก็เหมือนกับ VS นั่นเองครับ ส่วนตัวเคยทำ แต่ถ้าทำไปบ่อย ๆ มันก็ทำให้รู้สึกว่าบางครั้งมันก็อาจจะพลาดได้เหมือนกันครับ หลัง ๆ เลยดูแบบยาว ๆ มากกว่า ถ้ากำไรระยะสั้นมันผันผวนบ้างก็ปล่อย ๆ มันไปครับ
แต่สำคัญคือ การมองไปยาวๆ หน่อย ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1313
พูดถึงหุ้นตัวนี้ สำหรับผมต้องเป็นหุ้นในความทรงจำตัวหนึ่งในชีวิตแน่นอนครับ จากเดิมหุ้นตัวนี้จะเข้ามาอยู่ในลิสต์ของผมเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่สมัย 7-8 บาท (พาร์ 5) ตอนที่ผมเข้าไปซื้อครั้งแรกผมไม่ได้คิดอะไรมากและไกลมากนัก เพราะข่าวเรื่อง LED ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ เพียงแต่ตลาดหุ้นตอนนั้นทรง ๆ ซบ ๆ ด้วยความที่ PE มันไม่สูง ปันผลใช้ได้ราว ๆ 5% เลยทำให้ผมสนใจ ตอนนั้นหุ้นน่าจะเทรดกันตรง 9-10 บาท ยิ่งตอนนั้นมี W2 ด้วยราคาแปลง 7.5 แต่เทรดกันที่ไม่ถึง 2 บาท ยิ่งทำให้ผมสนใจเข้าไปใหญ่ ตามวิธีการเล่น W แบบที่เคยบอกไป วางเงินไม่ถึง 2 บาท แต่วิ่งขึ้นลงเหมือนแม่ที่ 9-10 บาท ค่าพรีเมี่ยมของ W ติดลบ เข้าทำนอง "ขอหมั้นก่อนแต่งทีหลัง" W แบบนี้น่าสนใจptaseeker เขียน:ก่อนอื่นต้องขอ ขอบคุณแนวคิดดีๆ จาก อ.leky
ตอนนี้ไม่รู้จะใช้กลยุทธแบบ ปีเตอร์ลินซ์ ขายเมื่อ ราคาเกินมูลค่าไปมากแล้ว
หรือจะใช้กลยุทธ แบบบัฟเฟต ถือไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่กิจการยังดีมี ศักยภาพในการแข่งขัน และเติบโตได้ ก็ถือไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจราคาหุ้นดี
ต้นทุนโชคดีที่มีตั้งแต่น้อยๆ สักแถวๆ 3 บาทกว่าๆ อยู่บ้าง แล้วก็มาตะลุมบอลกับเค้าตรงยอดดอยแถวๆ 7 บาทรอบนึง ตอนซื้อที่ยอดดอยคิดว่า PEG = 1 คิดว่า เอาว่ะ fair price PE=15x G=15x(งบมันยั่ว เลยหลวมตัวไปหน่อย)
ทำให้ที่ Unrealize profit บวกอยู่ 100% ลดลงมาเหลือ 50% ยิ่งถ้าเทียบจากตอนพีึคๆ ตอนยังไม่คันมือไปซื้อเพื่ม บวกตั้ง 150% แหนะ ถือไปกลัวกำไรหดตดหายเหม็ด (ก่อนหน้านี้ฮึกเฮิม ไปฟังอ.กวีถกกับอ.พิชัย บอกว่าวีไอต้องอดทนถ้าหุ้นจะกลับมาที่เดิมแล้วกลับไปใหม่ถือจะเป็น VI ของจริงมีบุญได้ถือหุ้นสิบเด้งร้อยเด้ง เห็นหุ้นลงแบบเฉือนเนื้อมันทำใจยากจริงๆ นะเออ เลยต้องมาขอฝึกวรยุทธเพิ่ม)
หากย้อนกลับไปตอนที่เข้าถือ คือ งบดูดีมี Growth PE ถูก บวกกับมุมมองเชิงธุรกิจที่คิดว่าเป็นหนึ่งในตองอูด้านงานรับเหมา และคาดว่าเมืองไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (กฟผ.มาช่วยเปลี่ยนพร้อมตัดราคาเรียบวุธ) ตอนนี้ growth ลดลง (อาจเพราะไดลูทด้วยส่วนนึง) PE ไม่ถูกเหมือนเดิม เศรษฐกิจชะลอ นายหัวใหญ่ก็ชะลอเราก็ชะลอ หวังว่าปลายปีจะดีขึ้นตามที่ผบห.ว่าไว้
ถ้าปีนี้ บ.โตได้สัก15% ตามที่คาดไว้ ยังถือว่าแฟร์ๆ พอถือต่อไปได้(มั้ง) ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก ขอถือไปก่อนแล้วกัน
แต่ถือไปถือมาบ.มีพัฒนาการด้านพื้นฐานที่ดีขึ้นหลาย ๆ เรื่อง จากที่เคยทำท่าจะขายหลายครั้งก็เลยขายไม่ลง จน W จะหมดอายุเลยต้องไปแปลงเป็นแม่เพื่อถือต่อ ส่วนหนึ่งเพราะ W ขาดสภาพคล่องมากด้วย
ตอนหลังก็เริ่มมีเรื่อง LED ปกติผมไม่เคยไปประชุม AGM แต่ปีนั้นตัดสินใจไป เพราะรู้สึกว่าอยากไปเสนอไอเดียด้วย เรื่องการแตกพาร์ แนวทางการแจก W ถ้าจะเพิ่มทุน ซึ่งเดิมบ.เคยเกริ่นไว้ว่ามีแผนที่จะทำ เพราะผมเองก็คิดว่าปัจจัยพวกนี้น่าจะทำให้หุ้นสะท้อนมูลค่ามากกว่าที่เป็นอยู่ ถึงแม้บางเรื่องมันจะไม่เกี่ยวกับพื้นฐานของหุ้นก็ตาม เวลามี op day ก็พยายามยิงคำถาม online เรื่องนี้เข้าไป เพื่อให้บ.พิจารณา ซึ่งก็เห็นผลคือในปีถัดมาบ.ก็ทำทั้งเรื่องแตกพาร์ แจก w พร้อมหุ้นปันผล ย้ายกลุ่ม ซึ่งผลที่ได้มันต่างกับที่บ.จะเพิ่มทุนแบบปกติแน่นอน
แน่นอน เจอยาแรงแบบนี้เข้าไป หุ้นก็วิ่งขึ้นไปอีกจากที่นิ่ง ๆ แถวไม่ถึง 20 บาท ไปต่อที่ 30 เกือบ 40 บาท ก่อนที่จะแตกเป็นพาร์ 1
จากเดิมผมมีหุ้นตัวนี้ไม่ได้มากนัก เพราะซื้อเป็น W เข้ามา พอมาแปลงเป็นแม่แล้วหุ้นวิ่งขึ้นไปแรง ๆ สัดส่วนในพอร์ตจากไม่ถึง 10% มันก็กลายไปเป็น 30-40% ด้วยความที่สัดส่วนของมันค่อนข้างมาก เมื่อสองปีก่อนที่ตลาดลงหนัก ๆ ลบวันละเป็นร้อยจุด ก็ได้หุ้นตัวนี้ที่ช่วยชีวิตไว้ เพราะมันไม่ค่อยลงตามสภาวะตลาด
แต่พอเรามีหุ้นตัวไหนมากเกินไป มันก็เหมือนเหรียญสองด้าน เหมือนชะตากรรมเราผูกติดกับหุ้นตัวนั้น ถ้าดีก็ดีมาก ถ้าแย่ก็แย่มากได้ เลยรู้สึกว่าตัวเองอาจจะเสี่ยงเกินไปถ้าจะถือหุ้นตัวเดียวมากแบบนี้
ช่วงตอนคสช.เข้ามาใหม่ ๆ มีข่าวเรื่องรัฐบาลจะเปลี่ยนหลอดไฟถนนเป็นหลอด LED หุ้นเลยวิ่งขึ้นอย่างแรง จากแถว 7 บาท มา 8 กว่าบาท ทำให้ผมพลอยได้รับ "การคืนความสูข" จากรัฐบาลไปด้วย จริงอยู่บ.ได้ประโยชน์แน่ เพราะบ.มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานรัฐ แต่ในความเห็นผม ๆ ว่ากระบวนการต่าง ๆ กว่าจะออกมาเป็นงบที่จะเปลี่ยนหลอดไฟมันต้องใช้เวลาอีกนาน และไม่ใช่ว่าจะทำทีเดียว ซึ่งถ้าใครเคยฟัง op day บ่อย ๆ จะได้ยินบ.บอกอยู่เสมอว่างานพวกนี้ไม่ง่าย มาเป็นล็อต ๆ และต้องรับประกันงานด้วย
วันที่หุ้นขึ้นแรง ๆ ผมก็เลยลดสัดส่วนปริมาณหุ้นลง เพื่อลดความเสี่ยง จำได้เลยว่าเวลาหุ้นมันค่อย ๆ ไหลลง มันเร็วมาก เราคีย์ขายเองยังเคาะบิดไม่ทัน ส่วน W ที่ผมได้มาใหม่ก็แปลงเป็นแม่เรียบร้อย ได้ปันผลไปตามระเบียบ
เคยฟัง op day เค้าบอกว่าบ.เคยขาดทุนครั้งเดียวตอนสมัยต้มยำกุ้ง ผมว่าผบห.มีธรรมาภิบาล ใส่ใจผถห. ผมให้เต็มสิบ ส่วน IR สวย ใส่ใจผถห.เช่นกัน คอยตามเรื่องแปลง W ให้ ตอบคำถามอย่างดี ให้ 11 เต็ม 10
เรื่องธุรกิจผมว่าเค้าก็โตของเค้าไปเรื่อย ๆ ครับ แต่ต้องทำใจหน่อยว่ามันอิงอับภาวะเศรษฐกิจ บวกกับเป็นงานโครงการรายได้ต่อ Q ไม่สม่ำเสมอ บาง Q กำไรหดมากก็เล่นทำเอาเราเสียวไปด้วย แต่บ.นี้เค้าจะดีอย่างตรงที่ เวลางบออก เค้าจะอธิบายห้อยท้ายไว้หน่อยว่า ที่กำไรมันลด เพราะมีงานที่รอโอนเลื่อนไป Q อื่น ๆ ทำให้เราไม่เสียวจนเกร็งเกินไป
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1314
แต่ผมซูฮกน้อง ๆ รุ่นใหม่ ๆ นะ เพราะมีความทุ่มเทมุ่งมันกันเต็มที่ ไม่เหมือนผมที่เน้นหาความรู้จากหนังสือเป็นหลัก กับข้อมูลในเว็บ แต่หลัก ๆ ที่เป็นวิธีการลงทุนจะปรับจากในหนังสือที่อ่านมา ไม่เคยไปงานสัมนา มีตติ้งใหญ่ ๆ ไม่เคยตามอ่าน blog การลงทุนของคนอื่นเลย เพราะเวลาไม่ค่อยจะมีด้วย ทั้งงานประจำ ภาระประจำวันในครอบครัว ฯลฯ หลัง ๆ นี่หนักถึงขนาดไม่ได้เปิดดูราคาหุ้นในบางวันก็เคยมี เพราะเผลอหลับไปบ้าง ยุ่งเรื่องอื่นบ้าง แต่มันก็มีข้อดีนะครับ คือเราก็ไม่หมกมุ่นกับหุ้นมากจนเกินไป แต่ก็พยายามติดตามข่าวจาก SET นสพ.ธุรกิจประจำวัน ไม่ให้ตกข่าวเรื่องใหญ่ ๆ
แบบว่าพยายามเกาะเรื่องใหญ่ ๆ เข้าไว้ เรื่องพื้นฐานหุ้น เวลาติดตาม ค้นหาหุ้น เน้นที่มันมีผลต่อกิจการจริง ๆ เรื่องยิบย่อยไม่ค่อยเน้น เพราะต้องบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด หลัง ๆ ชักไม่อยากหักโหมมากน่ะครับ เพราะเดี๋ยวสุขภาพเสียแล้วมันจะไม่คุ้มเอา
แบบว่าพยายามเกาะเรื่องใหญ่ ๆ เข้าไว้ เรื่องพื้นฐานหุ้น เวลาติดตาม ค้นหาหุ้น เน้นที่มันมีผลต่อกิจการจริง ๆ เรื่องยิบย่อยไม่ค่อยเน้น เพราะต้องบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด หลัง ๆ ชักไม่อยากหักโหมมากน่ะครับ เพราะเดี๋ยวสุขภาพเสียแล้วมันจะไม่คุ้มเอา
"Become a risk taker, not a risk maker"
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1315
อืมมม เห็นด้วยครับ ผมก็ลืมไปว่าห้องนี้ ไม่ต้องเป็นสมาชิกของเบก็เข้ามาอ่านได้ -"-leky เขียน:ทีนี้ห้องนี้นี่ ผมมองว่ามันคือส่วนที่ไม่ใช่ส่วนปิดแบบห้องร้อยคนฯ นั่นก็แปลว่าใครเข้ามาดูก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิก ซึ่งวันหนึ่ง ผมก็เชื่อว่าคนที่เข้ามาอ่านต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
ถ้าเราย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นที่เว็บมีการสมัครสมาชิกกลายเป็นเว็บปิดไปส่วนหนึ่ง ก็เพราะเรื่องดราม่าเก่า ๆ ที่หลายท่านก็ทราบกันดีอยู่ ซึ่งเราก็คงต้องระวังอย่าให้มันเกิดขึ้น เพราะถ้ามันเกิดขึ้นภาพรวมของเว็บก็จะเสียหายครับ เอาง่าย ๆ นะครับ เกิดมีใครก๊อปเรื่องหุ้นที่เราคุยกันอยู่ไปโพสต์ที่เว็บใหญ่สีน้ำเงิน ซึ่งบางคนที่เว็บนั้นเค้าก็อาจจะมีอคติแบบที่เคยเห็นกันมา ที่มีการเหน็บแนมกัน เค้าก็จะว่า ๆ มาจากเว็บนี้ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าเราเองก็ต้องระวังไว้ด้วยครับ
เพราะถ้ามันกลายเป็นเรื่องแบบนั้นไปแล้ว มันจะได้ไม่คุ้มเสีย search หาใน google มันก็จะเจออยู่ตลอดไป ลบออกไม่ได้ กระทบถึงคนรอบข้าง มันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็ก ซึ่งดูเหมือนผมจะกลัวเกินไป แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้นะครับ
แถมมีหลักฐานในgoogleอีก (สะ สะ สกิลเก็บหลักฐานของผมยิ่งไม่เนียนอยู่ด้วย )
เอาเป็นว่าจะพยายามไม่พูดถึงหุ้น top hit ณเพลานั้นๆ แล้วกันครับ
อันนี้เป็นทู้เบาๆช่วงสุดสัปดาห์ครับ เพื่ออำลาอาลัย จอน แนช
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1316
อ.lekyฮะ
เด๋วค่อยเอาคัมภีร์หุ้นxs มาสรุปให้ฟังนะฮะ อ่านคร่าวๆดูจะตกผลึกกว่าสองเล่มแรกพอสมควร
เที่ยวนี้ก็อีกฮะ มีสมาชิกถูกใจการวิแคะหุ้นของอ.มั่กๆเหมือนเดิม กลัวอ.จะไม่มาโพสต์
ผมเลยบอกไปว่า ถามกันมาเยอะๆเหอะ เด๋วอ.มาตอบเองแหละ ผมเองก็จะคาบหุ้นมาให้แซะบ่อยๆฮะ
เที่ยวนี้จะเริ่มบ่องตง(บอกตรงๆ)มากขึ้น เพราะมีคนบ่นว่า มันคุยหุ้นไรแว้..ซื้อตามไม่ถูก อ.คอยดูต้นทางไว้นะฮะ
Q1 58 ครั้งที่24 ครบ6ปี วีไอภาคใต้
สมาชิกที่มาครบทุกครั้งคือ พี่แมว กะอ.ลูกอิสาน (น่าจะมอบรางวัลด้วยการให้บอกหุ้นพวกเราคนละห้าตัว ฮา..)
ดัชนีลงร้อยจุด จองเต็มในสามนาที
นายกลูกอิสาน (ให้โอวาทด้วยสีหน้าเรียบๆ ไม่ได้ยักคิ้วสลับกะขมวดคิ้วแบบนายกอีกท่านนึง)
หกปีผ่านไป ชีวิตหลายคนเปลี่ยน ไม่ต้องทำงานประจำ ส่งลูกเรียนนอกได้ ๆลๆ
เดินช้าหรือเร็วไม่สำคัญ สำคัญว่าต้องถูกทาง
หลักการวีไอ ง่ายกว่าที่คิด ยากกว่าที่เห็น
1. หุ้นคือธุรกิจ ไม่ใช่การพนัน
ตอนวิกฤติ ราคาอาจลงได้80% ถ้าบ.ยังกำไรเท่าเดิม ก็ไม่ควรกังวล
ถ้าเหตุผลเราถูก อย่ากลัว ถ้าหุ้นเราดีจริง สักวันตลาดจะเห็นเอง
2. หา"มูลค่า"ให้ได้ แล้วเทียบกับ"ราคา"บนกระดาน
ก็ต้องคำนวนมูลค่าเป็น กำไรคือของจริง ราคาคือมายา
3. รู้มูลค่าแล้ว ราคาต่ำกว่ามูลค่าเยอะๆ=โอกาสซื้อ ยิ่งถูก ยิ่งปลอดภัย
ระยะสั้น มีปัจจัยมากมายทำให้ราคาต่างกับมูลค่า ระยะยาว ราคากับมูลค่าจะไปด้วยกันเสมอ
ตลาดหุ้นไทย มีแต่การเก็งกำไร +ผันผวน เป็นโชคดีของวีไอไทย
4. ความผันผวนไม่ใช่วิกฤติ แต่เป็นโอกาสของวีไอ ได้ซื้อหุ้นถูกๆ และขายหุ้นแพงๆ
ปัญหาคือ ต้องแยกตัวเองออกจากนายตลาดให้ได้ =ความสามารถในการทวนกระแส
เมื่อไรเขาแห่ซื้อ เราขาย เมื่อไรเขาแห่ขาย เราซื้อ กล้าซื้อตอนถูก กล้าขายตอนแพง
จุดอันตรายที่สุด =จุดที่ดีเกินจริง จุดปลอดภัยที่สุด=จุดที่แย่เกินจริง
เงินน้อย
1. ศึกษาให้มากขึ้น
2. มีกำลังใจให้มากกว่าปกติ
3. อาจใช้warrantช่วยบ้าง
4. กู้พ่อตาแม่ยาย ให้ดอกเบี้ยสัก5% ปลอดภัย ไม่โดนforce sale ถ้ายังทำดีกับลูกสาวเขา(เมีย)
พวกเล่นหุ้นเจ๊งก็เพราะ
1. ตามกระแส คิดว่าตลาดถูก
2. ขี้เกียจ มัวแต่หาทางลัด เล่นหุ้นปั่น
3. ความโลภที่ควบคุมไม่ได้ หลงสิ่งที่"ดีเกินจริง"
กร้าฟกับวีไอ
เปิดคอมมา จอเป็น56-1ดูน่าเบื่อกว่ากราฟเยอะ
วีไอใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะเรียนรู้ กร้าฟแค่วันเดียวก็ได้indicatorมาเล่นแล้ว
แต่indicator หกพันกว่าตัว back testแล้วไม่พบว่าตัวใดได้ผลชนะตลาดทุกครั้งในระยะยาว
กราฟใช้สมมติฐานว่า
1. ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย patternอดีตจะบอกอนาคต อาจผิด
2. ทุกอย่างสะท้อนในกราฟแล้ว จริง แต่เป็นทุกอย่างจากอดีต
เพราะอนาคต จะเกิดจากปัจจัยมากมายที่ไม่ขึ้นต่อกันและกันเลย
คนรวยจากวีไอ มีมากกว่ารวยจากกราฟ
ฝ่ายนึงดูราคา อีกฝ่ายดูธุรกิจ ฝ่ายนึงคัตลอส อีกฝ่ายซื้อเพิ่ม
จะหวังเลือกหุ้นแบบวีไอ แต่มาซื้อขายแบบกราฟเทคนิค เอามาปนกันไม่ได้
คำนวนมูลค่าแล้ว มีupside มีmargin of safety วีไอก็ซื้อเลย ไม่ดูกราฟ
ต่อให้hibrid วีไอกับกราฟ ความสำเร็จก็จะมาจากหลักการวีไอ มากกว่าจากกราฟ
ลองไปคิดกันดูเอง
เด๋วค่อยเอาคัมภีร์หุ้นxs มาสรุปให้ฟังนะฮะ อ่านคร่าวๆดูจะตกผลึกกว่าสองเล่มแรกพอสมควร
เที่ยวนี้ก็อีกฮะ มีสมาชิกถูกใจการวิแคะหุ้นของอ.มั่กๆเหมือนเดิม กลัวอ.จะไม่มาโพสต์
ผมเลยบอกไปว่า ถามกันมาเยอะๆเหอะ เด๋วอ.มาตอบเองแหละ ผมเองก็จะคาบหุ้นมาให้แซะบ่อยๆฮะ
เที่ยวนี้จะเริ่มบ่องตง(บอกตรงๆ)มากขึ้น เพราะมีคนบ่นว่า มันคุยหุ้นไรแว้..ซื้อตามไม่ถูก อ.คอยดูต้นทางไว้นะฮะ
Q1 58 ครั้งที่24 ครบ6ปี วีไอภาคใต้
สมาชิกที่มาครบทุกครั้งคือ พี่แมว กะอ.ลูกอิสาน (น่าจะมอบรางวัลด้วยการให้บอกหุ้นพวกเราคนละห้าตัว ฮา..)
ดัชนีลงร้อยจุด จองเต็มในสามนาที
นายกลูกอิสาน (ให้โอวาทด้วยสีหน้าเรียบๆ ไม่ได้ยักคิ้วสลับกะขมวดคิ้วแบบนายกอีกท่านนึง)
หกปีผ่านไป ชีวิตหลายคนเปลี่ยน ไม่ต้องทำงานประจำ ส่งลูกเรียนนอกได้ ๆลๆ
เดินช้าหรือเร็วไม่สำคัญ สำคัญว่าต้องถูกทาง
หลักการวีไอ ง่ายกว่าที่คิด ยากกว่าที่เห็น
1. หุ้นคือธุรกิจ ไม่ใช่การพนัน
ตอนวิกฤติ ราคาอาจลงได้80% ถ้าบ.ยังกำไรเท่าเดิม ก็ไม่ควรกังวล
ถ้าเหตุผลเราถูก อย่ากลัว ถ้าหุ้นเราดีจริง สักวันตลาดจะเห็นเอง
2. หา"มูลค่า"ให้ได้ แล้วเทียบกับ"ราคา"บนกระดาน
ก็ต้องคำนวนมูลค่าเป็น กำไรคือของจริง ราคาคือมายา
3. รู้มูลค่าแล้ว ราคาต่ำกว่ามูลค่าเยอะๆ=โอกาสซื้อ ยิ่งถูก ยิ่งปลอดภัย
ระยะสั้น มีปัจจัยมากมายทำให้ราคาต่างกับมูลค่า ระยะยาว ราคากับมูลค่าจะไปด้วยกันเสมอ
ตลาดหุ้นไทย มีแต่การเก็งกำไร +ผันผวน เป็นโชคดีของวีไอไทย
4. ความผันผวนไม่ใช่วิกฤติ แต่เป็นโอกาสของวีไอ ได้ซื้อหุ้นถูกๆ และขายหุ้นแพงๆ
ปัญหาคือ ต้องแยกตัวเองออกจากนายตลาดให้ได้ =ความสามารถในการทวนกระแส
เมื่อไรเขาแห่ซื้อ เราขาย เมื่อไรเขาแห่ขาย เราซื้อ กล้าซื้อตอนถูก กล้าขายตอนแพง
จุดอันตรายที่สุด =จุดที่ดีเกินจริง จุดปลอดภัยที่สุด=จุดที่แย่เกินจริง
เงินน้อย
1. ศึกษาให้มากขึ้น
2. มีกำลังใจให้มากกว่าปกติ
3. อาจใช้warrantช่วยบ้าง
4. กู้พ่อตาแม่ยาย ให้ดอกเบี้ยสัก5% ปลอดภัย ไม่โดนforce sale ถ้ายังทำดีกับลูกสาวเขา(เมีย)
พวกเล่นหุ้นเจ๊งก็เพราะ
1. ตามกระแส คิดว่าตลาดถูก
2. ขี้เกียจ มัวแต่หาทางลัด เล่นหุ้นปั่น
3. ความโลภที่ควบคุมไม่ได้ หลงสิ่งที่"ดีเกินจริง"
กร้าฟกับวีไอ
เปิดคอมมา จอเป็น56-1ดูน่าเบื่อกว่ากราฟเยอะ
วีไอใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะเรียนรู้ กร้าฟแค่วันเดียวก็ได้indicatorมาเล่นแล้ว
แต่indicator หกพันกว่าตัว back testแล้วไม่พบว่าตัวใดได้ผลชนะตลาดทุกครั้งในระยะยาว
กราฟใช้สมมติฐานว่า
1. ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย patternอดีตจะบอกอนาคต อาจผิด
2. ทุกอย่างสะท้อนในกราฟแล้ว จริง แต่เป็นทุกอย่างจากอดีต
เพราะอนาคต จะเกิดจากปัจจัยมากมายที่ไม่ขึ้นต่อกันและกันเลย
คนรวยจากวีไอ มีมากกว่ารวยจากกราฟ
ฝ่ายนึงดูราคา อีกฝ่ายดูธุรกิจ ฝ่ายนึงคัตลอส อีกฝ่ายซื้อเพิ่ม
จะหวังเลือกหุ้นแบบวีไอ แต่มาซื้อขายแบบกราฟเทคนิค เอามาปนกันไม่ได้
คำนวนมูลค่าแล้ว มีupside มีmargin of safety วีไอก็ซื้อเลย ไม่ดูกราฟ
ต่อให้hibrid วีไอกับกราฟ ความสำเร็จก็จะมาจากหลักการวีไอ มากกว่าจากกราฟ
ลองไปคิดกันดูเอง
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1317
อ.ty
ดัชนีลงร้อยจุด ผอร์ทยังปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดัชนีขึ้นแรงๆ ผอร์ทก็ไม่ขึ้น
ถ้าดัชนีร่วงมากก็ไม่ดีืตลาดจะรู้สึกแย่
ดัชนีนิ่งๆ มักเป็นช่วงเวลาดีของวีไอ ที่หุ้นเราไปได้เรื่อยๆ ไม่เลวร้ายอะไร
หลายๆคนอยากมีเงินเยอะๆ ผมก็มานั่งคิดว่า key success factor ของความสำเร็จของคนๆนึงคืออะไร
สุดท้าย น่าจะเป็น "ความเชื่อ"(ฟังดูคล้ายศรัทธา)ในวิถี(ทาง) และวิธี(ทำ)ซ้ำๆ ด้วยเวลานานๆ จึงจะสำเร็จ
อ.worapong
ลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
1.ท่อส่งน้ำมัน มีdemandจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และพวกพยายามลดต้นทุนส่งน้ำมัน โดยส่งท่อแทนรถไฟ
ผู้ผลิตมีสามพวก
1. Middle east ต้นทุนต่ำ
2. พวกต้นทุน30-50 คือพวกดั้งเดิม กับพวกจากชั้นหิน(ต้นทุนราว50)
3. พวกต้นทุน90 จากทะเลลึก เลิกหมด
น้ำมันร่วงเที่ยวนี้ พวกoil service(ฟังดูคล้ายพวกหากินกับการขุดเจาะ)โดนหนักสุด
เช่นบ.natural oilwell(ชื่อถูกป่าวหว่า?) เคยดีมากตอนขุดจากทะเลลึกกันเยอะๆ
บ.ที่รายได้เป็นค่าส่ง100% ไม่กระทบ ไม่ส่งน้ำมันก็คิดเงิน
แต่พวกที่คิดค่าน้ำมันด้วย จะเกิดstockloss ปันผล9% โต10%มาเป็น10ปีแล้ว(ลืมถามชื่อหุ้น)
2. ถ่านหิน
ARLP alliance resorces limited partnership
เป็นเหมืองถ่านหินที่พยามลดต้นทุนทุกวิถีทาง ทั้งจดทะเบียนในรูปลิมิเตดพาร์ทเนอร์ชิพ เพื่อลดภาษี
ไปซื้อเหมืองที่อยู่ติดโรงไฟฟ้า เพื่อลดค่าขนส่ง PE 5-6เท่า ปันผล9% มาร์เกตแคปสองพันล้านดอลล์
พอๆกับbanpu ขายล่วงหน้าที่50$ไปเยอะ เลยรู้ต้นทุนที่จะลด จนได้ต้นทุน30$
ทั้งอุตสาหกรรมแย่ ก็ไปซื้อเหมืองคู่แข่งถูกๆ มาเพิ่ม
(ผมตามไปถามอ.ในห้องVIPP(สุขาที่วีไอเข้าไปฉี่) อ.เก็บ banpuแล้วฮะ)
3. Priceline รับจองโรงแรมทางเนต
อ.ได้ข้อมูลจากseeking alpha (morningster ไม่ได้วิแคะ)
Market share10% โต50%ที่ลดลงเหลือ30%pe25
แต่ซื้อคู่แข่งเบอร์ต้นๆในจีนมาได้เพิ่ม
4.บ.ขายยาสมาชิกทางเนต prescrib ยังอยู่
(ลืมถามfiat กะคอนโดspaliที่หาดใหญ่ที่ไปเหมามาหลายห้องว่าทำไงต่อ)
ดัชนีลงร้อยจุด ผอร์ทยังปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดัชนีขึ้นแรงๆ ผอร์ทก็ไม่ขึ้น
ถ้าดัชนีร่วงมากก็ไม่ดีืตลาดจะรู้สึกแย่
ดัชนีนิ่งๆ มักเป็นช่วงเวลาดีของวีไอ ที่หุ้นเราไปได้เรื่อยๆ ไม่เลวร้ายอะไร
หลายๆคนอยากมีเงินเยอะๆ ผมก็มานั่งคิดว่า key success factor ของความสำเร็จของคนๆนึงคืออะไร
สุดท้าย น่าจะเป็น "ความเชื่อ"(ฟังดูคล้ายศรัทธา)ในวิถี(ทาง) และวิธี(ทำ)ซ้ำๆ ด้วยเวลานานๆ จึงจะสำเร็จ
อ.worapong
ลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
1.ท่อส่งน้ำมัน มีdemandจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และพวกพยายามลดต้นทุนส่งน้ำมัน โดยส่งท่อแทนรถไฟ
ผู้ผลิตมีสามพวก
1. Middle east ต้นทุนต่ำ
2. พวกต้นทุน30-50 คือพวกดั้งเดิม กับพวกจากชั้นหิน(ต้นทุนราว50)
3. พวกต้นทุน90 จากทะเลลึก เลิกหมด
น้ำมันร่วงเที่ยวนี้ พวกoil service(ฟังดูคล้ายพวกหากินกับการขุดเจาะ)โดนหนักสุด
เช่นบ.natural oilwell(ชื่อถูกป่าวหว่า?) เคยดีมากตอนขุดจากทะเลลึกกันเยอะๆ
บ.ที่รายได้เป็นค่าส่ง100% ไม่กระทบ ไม่ส่งน้ำมันก็คิดเงิน
แต่พวกที่คิดค่าน้ำมันด้วย จะเกิดstockloss ปันผล9% โต10%มาเป็น10ปีแล้ว(ลืมถามชื่อหุ้น)
2. ถ่านหิน
ARLP alliance resorces limited partnership
เป็นเหมืองถ่านหินที่พยามลดต้นทุนทุกวิถีทาง ทั้งจดทะเบียนในรูปลิมิเตดพาร์ทเนอร์ชิพ เพื่อลดภาษี
ไปซื้อเหมืองที่อยู่ติดโรงไฟฟ้า เพื่อลดค่าขนส่ง PE 5-6เท่า ปันผล9% มาร์เกตแคปสองพันล้านดอลล์
พอๆกับbanpu ขายล่วงหน้าที่50$ไปเยอะ เลยรู้ต้นทุนที่จะลด จนได้ต้นทุน30$
ทั้งอุตสาหกรรมแย่ ก็ไปซื้อเหมืองคู่แข่งถูกๆ มาเพิ่ม
(ผมตามไปถามอ.ในห้องVIPP(สุขาที่วีไอเข้าไปฉี่) อ.เก็บ banpuแล้วฮะ)
3. Priceline รับจองโรงแรมทางเนต
อ.ได้ข้อมูลจากseeking alpha (morningster ไม่ได้วิแคะ)
Market share10% โต50%ที่ลดลงเหลือ30%pe25
แต่ซื้อคู่แข่งเบอร์ต้นๆในจีนมาได้เพิ่ม
4.บ.ขายยาสมาชิกทางเนต prescrib ยังอยู่
(ลืมถามfiat กะคอนโดspaliที่หาดใหญ่ที่ไปเหมามาหลายห้องว่าทำไงต่อ)
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1318
อ.ครับ จริง ๆ ผมไม่ใช่คนที่ศึกษากราฟนะครับ แต่ผมว่าถ้าใครที่คิดอยากจะใช้จริง ๆ มันอาจจะพอผสมผสานกันได้อยู่ครับ ที่ผมเคยได้ยินมามีสองแบบครับdr1 เขียน: กร้าฟกับวีไอ
1) ราคาหุ้นมันโอเวอร์แล้ว แต่ใช้กราฟเป็นตัวช่วยหาจุดขาย ประมาณว่าในแง่พื้นฐานหุ้นมันแพงแล้วมันอาจจะแพงได้อีก ก็ใช้กราฟเป็นตัวช่วยว่าถ้าเมื่อไหร่ราคาหุ้นมันเริ่มปักหัว "ตรูหนีด้วย" เข้าทำนอง "ตรูไม่ยอมขายหมูเด็ดขาด"
2) อันนี้อ้างอิงจาก แอนโธนี โบลตัน หรือวอร์เรน บัฟเฟตแห่งอังกฤษ ก็ใช้กราฟเป็นตัวช่วยเหมือนกันครับ แต่เหมือนจะเป็นในลักษณะ ถ้าหุ้นตัวไหนมีสัญญาณกราฟทางเทคนิคที่ดูไม่ดี เค้าจะเอามาเป็นเครื่องเตือนตัวเองว่า มันอาจจะมีปัญหาปัจจัยลบทางด้านพื้นฐานของหุ้นที่เค้ามองข้ามไปหรือไม่ เค้าก็จะกลับมาทบทวนหุ้นตัวนั้นอีกครั้ง เรื่องนี้โบลตันเขียนไว้หนึ่งบทเต็ม ๆ ในหนังสือของเค้าครับ
ผมเองยอมรับว่าคงจะไม่ถนัด เลยไม่ได้ศึกษาแนวนี้เลย ทั้ง ๆ ที่ตอนที่รู้จักหุ้นใหม่ ๆ นี่ อยากอ่านกราฟเก่ง ๆ คือ พอมาคิดว่าต้องมีเรื่องคัทลอสบ่อย ๆ แล้ว มันไม่ถูกกับนิสัยส่วนตัวน่ะครับ ที่มีความรู้สึกว่า ไม่จำเป็นเราจะไม่คัทลอส
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1319
อ.พูดถึงหุ้นต่างประเทศ ผมว่าในตปท.นี่มีหุ้นน่าสนใจอยู่เยอะนะครับ
เดือนก่อนโน้น หมอฟันมาเล่าให้ฟังเรื่องการจัดฟันแบบใส เค้าใช้วัสดุคล้ายซิลีโคนมาทำคล้าย ๆ ที่ครอบฟัน โดยหมอฟันที่จะทำต้องไปอบรมกับบ. และทำแม่พิมพ์ฟันคนไข้ บ.จะมีโปรแกรมคอมเพื่อสร้างวัสดุที่ว่า เสร็จแล้วก็ส่งมาทางไปรษณีย์มาที่ไทย
บ. Align Technology พัฒนาวิธีการมาเป็น 10 ปี เป็นเจ้าในด้านนี้ มีลูกค้า 5 ล้านราย รวมถึงนักร้องอย่างจัสติน บีเบอร์
หมอฟันเล่าว่าพรีเซ็นเตอร์ชายชั้นแนวหน้าของไทยก็ทำ เด็กในสังกัดของผู้จัดการชื่อดังทำกันหมดทุกคน ราคาค่าทำคอร์สนึงตก 2-3 แสนเห็นจะได้
ผมลองกลับมาดูหุ้นตัวนี้ใน NASDAQ เห็นแล้ว มิน่าเล่า นี่มันหุ้นสิบเด้งชัด ๆ
http://finance.yahoo.com/echarts?s=ALGN ... ost":false}
เดือนก่อนโน้น หมอฟันมาเล่าให้ฟังเรื่องการจัดฟันแบบใส เค้าใช้วัสดุคล้ายซิลีโคนมาทำคล้าย ๆ ที่ครอบฟัน โดยหมอฟันที่จะทำต้องไปอบรมกับบ. และทำแม่พิมพ์ฟันคนไข้ บ.จะมีโปรแกรมคอมเพื่อสร้างวัสดุที่ว่า เสร็จแล้วก็ส่งมาทางไปรษณีย์มาที่ไทย
บ. Align Technology พัฒนาวิธีการมาเป็น 10 ปี เป็นเจ้าในด้านนี้ มีลูกค้า 5 ล้านราย รวมถึงนักร้องอย่างจัสติน บีเบอร์
หมอฟันเล่าว่าพรีเซ็นเตอร์ชายชั้นแนวหน้าของไทยก็ทำ เด็กในสังกัดของผู้จัดการชื่อดังทำกันหมดทุกคน ราคาค่าทำคอร์สนึงตก 2-3 แสนเห็นจะได้
ผมลองกลับมาดูหุ้นตัวนี้ใน NASDAQ เห็นแล้ว มิน่าเล่า นี่มันหุ้นสิบเด้งชัด ๆ
http://finance.yahoo.com/echarts?s=ALGN ... ost":false}
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1320
ส่วนหุ้นเวียดนาม ไม่รู้ว่าอ.มองยังไงกันบ้างครับ เพราะดูเหมือนตอนนี้ชักจะเป็นกระแส
อันนี้ความเห็นส่วนตัวผมนะ ผมว่าใครเอาเงินไปลงทุนที่นั่น อย่าพึ่งคิดว่ามันจะมียุคทองในระยะเวลาอันใกล้ครับ
สิ่งที่ต้องระวังอย่างหนึ่งคือ ประเทศนี้ลดค่าเงินบ่อยมาก แล้วลดทีนี่ค่าเงินหายไปเยอะทีเดียว
นอกจากนั้น ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของหุ้นไทย ยุคที่ตลาดเริ่มขึ้นแบบแรง ๆ มันคือช่วงที่มีเงินของต่างชาติไหลเข้ามา ซึ่งในความเห็นของผมถ้าตลาดหุ้นเวียดนามจะร้อนแรง คงต้องเริ่มจากมีเงินพวกนี้ไหลเข้าไป เพราะลำพังแต่เพียงนลท.ในประเทศที่อาจจะมีนลท.ในตลาดหุ้นไม่มาก ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเพียงพอที่จะขับดันหุ้นขึ้นไปได้
ทีนี้ผมเองก็ไม่ทราบว่า มุมมองของตลาดหุ้นเวียดนามในสายตาของพวกกองทุนต่างประเทศเค้ามองกันยังไงน่ะครับ ซึ่งบางครั้งกองทุนเหล่านี้ก็อาจจะมีกฎที่จะไม่ลงทุนในบางประเทศเพียงเพราะเงื่อนไขบางอย่างหรือเปล่า เช่น การเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ อันนี้ยอมรับว่าไม่ทราบจริง ๆ แต่ถ้ามันมีเงื่อนไขตรงนี้อยู่ ทำให้เงินจากตปท.อาจจะไม่ไหลเข้าไปลงทุน บางทีตลาดมันก็อาจจะอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ ก็ได้ครับ
อันนี้ความเห็นส่วนตัวผมนะ ผมว่าใครเอาเงินไปลงทุนที่นั่น อย่าพึ่งคิดว่ามันจะมียุคทองในระยะเวลาอันใกล้ครับ
สิ่งที่ต้องระวังอย่างหนึ่งคือ ประเทศนี้ลดค่าเงินบ่อยมาก แล้วลดทีนี่ค่าเงินหายไปเยอะทีเดียว
นอกจากนั้น ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของหุ้นไทย ยุคที่ตลาดเริ่มขึ้นแบบแรง ๆ มันคือช่วงที่มีเงินของต่างชาติไหลเข้ามา ซึ่งในความเห็นของผมถ้าตลาดหุ้นเวียดนามจะร้อนแรง คงต้องเริ่มจากมีเงินพวกนี้ไหลเข้าไป เพราะลำพังแต่เพียงนลท.ในประเทศที่อาจจะมีนลท.ในตลาดหุ้นไม่มาก ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเพียงพอที่จะขับดันหุ้นขึ้นไปได้
ทีนี้ผมเองก็ไม่ทราบว่า มุมมองของตลาดหุ้นเวียดนามในสายตาของพวกกองทุนต่างประเทศเค้ามองกันยังไงน่ะครับ ซึ่งบางครั้งกองทุนเหล่านี้ก็อาจจะมีกฎที่จะไม่ลงทุนในบางประเทศเพียงเพราะเงื่อนไขบางอย่างหรือเปล่า เช่น การเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ อันนี้ยอมรับว่าไม่ทราบจริง ๆ แต่ถ้ามันมีเงื่อนไขตรงนี้อยู่ ทำให้เงินจากตปท.อาจจะไม่ไหลเข้าไปลงทุน บางทีตลาดมันก็อาจจะอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ ก็ได้ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"