การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
janelovehoon
Verified User
โพสต์: 485
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 6:01 pm | 0 คอมเมนต์
การกู้เงิน สมมุติ เสียดอกร้อยละ 10 ต่อปี
แต่เรามั่นใจมาก ว่าราคาจะ growth ได้ถึง 50% หรือมากกว่า
เป็นการสมควรหรือไม่คะ
แล้วเป็นกฎข้อห้ามสำหรับคนที่ลงทุนแบบ VI หรือเปล่าคะ
janelovehoon
Verified User
โพสต์: 485
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 6:06 pm | 0 คอมเมนต์
ถ้าไม่ถูกต้อง ช่วยปรามๆ เจนหน่อยค่ะ
เจนกำลังจะทำ เพราะคิดว่า *คุ้ม*
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 6:07 pm | 0 คอมเมนต์
คงไม่มีใครห้ามครับ
แต่ถ้าเกิดเหตุเกินความคาดหมาย
เช่นเกิดระเบิดในกทม. ตลาดฯ ปิดทำการ 6 เดือน
บริษัทเจ๊งเนื่องจากวินาศภัย พายุระดับ 5 ถล่มกรุงเทพฯ
ฯลฯ ก็เตรียมรับกรรมไปครับ
phobenius
Verified User
โพสต์: 1976
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 6:18 pm | 0 คอมเมนต์
ขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณเจนจะลงทุนไปนะ ความเสี่ยงมันมีกับตัวมันเองอยู่แล้ว แต่คุณเจนพยายามที่จะทำให้มันดูเหมือนว่าไม่มีความเสี่ยง เพียงแค่การมองเด้านเดียว การที่เรามั่นใจเกินไปอาจเป็นข้อเสียในการลงทุนในอนาคตครับ เพราะในการกู้เงินสมมติ ตลาดสภาพไม่ดี แบงค์อาจเรียกเงินกลับทันใด แล้วคุณจะทำไงละ
janelovehoon
Verified User
โพสต์: 485
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 6:26 pm | 0 คอมเมนต์
แต่ถ้าเกิดเหตุเกินความคาดหมาย
อืม เหตุผลดีค่ะ
การที่เรามั่นใจเกินไปอาจเป็นข้อเสียในการลงทุนในอนาคตครับ
นี่ก็ดีค่ะ น่าคิด
sunrise
Verified User
โพสต์: 2266
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 7:06 pm | 0 คอมเมนต์
ถ้าคิดว่าความเสี่ยงอยู่ในระดับยอมรับได้ ผมว่าไม่น่าจะเสียหาย
บริษัทใหญ่ๆ ยังกู้เงินเพื่อทำธุรกิจเลยครับ
เช่นกัน กันมองแล้วว่าความเสี่ยงน้อย เป็นหุ้นตีแตก มีโอกาสwin/lose สัก 80/20
ผมว่าน่าจะทำ
เช่นถ้ากู้สักแล้วผ่อนไม่เกิน 20% ของรายรับต่อเดือน ผมว่าน่าจะทำครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
iambuffet
Verified User
โพสต์: 337
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 7:28 pm | 0 คอมเมนต์
อะไรทำให้มั่นใจขนาดนั้นครับ
taro23
Verified User
โพสต์: 121
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 7:46 pm | 0 คอมเมนต์
ก็เหมือนเล่น margin สิครับ .........แต่ว่ากู้มา ก็จะไม่มี force sell................
ถ้าสายป่านยาวจริง หุ้นดีจริง ก็อาจจะไม่เจ็บตัว .........
อะไรที่ทำให้มั่นใจซะขนาดนั้นครับ.......................อย่าเหมือนตอนที่เขาเล่นหุ้นกลุ่มเรือกันนะครับ ที่บอกว่าจะขายบ้าน ขายรถมาซื้อ ............ถ้าขายไม่ทันก็เจ็บตัว.....................
ว่างๆ share กันก็ได้ครับ.............ช่วยๆ กันดู พี่ๆ หลายคนในห้องพี่เก่งมากๆ ครับ
riname
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 8:06 pm | 0 คอมเมนต์
....ทำได้...........ถ้ามองขาด....
....แต่ปราชญ์.....มักจะพลาดเสมอ
....ในแง่นักลงทุน......ไม่ใช่เก็งลงทุน...
....ควรมี play save ด้วย......
....แม้ผู้หยั่งรู้.....ยังมิอาจรู้.....
..........................................................
.....ผมรู้สึกว่า แมงเม่ากำลังเริงร่า.........
..........................................................
.....คุณมองหุ้นตัวเดียวกับผมหรือเปล่า.....
...........ไอ้ตัวที่ว่า ชัวร์เนี่ย.....................
oh....no
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 10:13 pm | 0 คอมเมนต์
ก็เอาสิครับ limit ความเสี่ยงด้วย stop loss (คุณเจนก็ใช้ประจำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?)
ความเสี่ยงอยู่แค่อย่าโดน SP แล้วกัน
แต่ถ้าหุ้นมันดีขนาดนั้นจริง คงไม่โชคร้ายโดน SP มั้ง
กระทิงแดง
Verified User
โพสต์: 952
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ค. 02, 2006 9:28 pm | 0 คอมเมนต์
ผมก็เคยคิดเหมือนกันนะครับ
ข้อเสียที่ทำให้ผมลังเล ก็คือ
1. ผมยังไม่แน่จริง ต้นทุน 10% ต่อปีที่แล้วผมได้ผลตอบแทน 10% กว่าๆเท่านั้นเอง ทำให้ได้อาจไม่คุ้มเสีย
2. เงินที่ยืมมาเป็นเงินร้อน อาจจะทำให้มีเรื่องเวลามาจำกัดในการตัดสินใจ ถ้าเกิดสถานะการณ์แย่ คุณกล้าถืออีกนานไหม และนานเท่าไร
ผมจึงคิดว่า เอาเงินเราเองมาลงทุนดีกว่า เพราะมันเป็นการลงทุนระยะยาว เงินต้นก็ของเรา ไม่หายไปไหนแน่นอน
สบาย สบาย
piranart
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 220
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ค. 02, 2006 10:35 pm | 0 คอมเมนต์
ผมคงจะไม่สามารถ บอกได้ว่าควรหรือไม่ควรแล้วแต่หุ้นที่เราเลือกนะครับ
แต่สำหรับผมเองแล้วกู้เงินมาซื้อหุ้นมาเกิน 20ปีแล้วครับ ตั้งแต่เรียนจบมาไม่เคยมีเงินฝากเลย มีแต่เป็นหนี้มากหรือเป็นหนี้น้อย ทรัพย์สินที่ไม่ติดจำนองเพื่อกู้เงินก็ไม่เคยมี ที่อยู่เมื่อไรเอาไป re-finance ได้ก็ไปทำเพื่อเอาเงินมาซื้อหุ้นครับ
สำหรับผมแล้วถ้ามีความสามารถยืมได้มากเท่าไรผมเอาไม่จำกัดครับ ถ้าเราเริ่มจากน้อย แล้ว ไม่ leverage เมื่อไรจะมีมาก ผมคิดของผมอย่างนี้นะครับ แต่โอกาสของแต่ละคนมันไม่เท่ากันตรงที่ความสามารถในการที่จะมีใครไว้ใจให้กู้เท่านั้น คงขึ้นกับ credit ของเรานะ
ถ้ากู้ 10% หาหุ้นดีๆ ที่มี growth แล้ว มี div yield สัก 4-5% ดังนั้นภาระของ capital gain ในปีแรกก็ประมาณ 5-6% ส่วนในปีต่อๆไปมันก็ลดลง เพราะ บริษัทนั้นสามารถจ่ายปันผลได้มากขึ้น
20 กว่าปีที่ผ่านมาก็ผ่านมากทุกๆวิกฤต แล้วครับ สำหรับผม มัน ok มากๆๆ
แค่ความเห็นส่วนตัวนะครับ
adi
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0
พุธ พ.ค. 03, 2006 10:48 am | 0 คอมเมนต์
ทำได้ครับ
NDD
Verified User
โพสต์: 408
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 10:35 am | 0 คอมเมนต์
ผมว่า ถ้ามั่นใจ(จริงๆ) ก็ลุยเลยครับ คนเราจะมั่นใจอะไรจริงๆ ในชีวิต สักกี่ครั้งเล่า
jaychou
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 10:40 am | 0 คอมเมนต์
อืม...ถ้ามองกันจริงๆ
ตอนนี้ position ของผมก็ถือว่ากู้เงินมาเล่นหุ้นเหมือนกันครับ
แต่ถ้าเริ่มต้นอย่างท่าน piratorn .. ถือว่าเป็นคนที่น่าอิจฉา
Serm
Verified User
โพสต์: 99
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 6:13 pm | 0 คอมเมนต์
ถ้าคุณมั่นใจและไม่เคยพลาดจากความมั่นใจก็ลุยเลยคับ ผมเคยรีไฟแนนท์บ้านและรถมาซื้ิอหุ้นปันผลปี46 เพราะคำนวนปันผลแล้วได้มากกว่าดอกเบี้ย และ pe ตอนนั้นถูกมากๆ ก็กำไรกว่าเท่าตัว แต่ตอนนี้ผมมองไม่ออกครับ
THE WINNER ALWAYS SEE AN ANSWER IN THE PROBLEM__THE LOOSER ALWAYS SEE THE PROBLEM IN AN ANSWER.
THE WINNER ALWAYS SAY DIFFICULT BUT POSSIBLE __THE LOOSER ALWAYS SAY IT POSSIBLE BUT DIFFICULT.
Viewtiful Investor
Verified User
โพสต์: 1477
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 6:28 pm | 0 คอมเมนต์
ผมก็ทำอยู่ครับ แต่กู้พ่อครับ ให้ Debt/Equity < 0.X จะได้มีปัญญาจ่ายคืนเงินต้น + ดอกเบี้ย + ส่วนแบ่งกำไร
ของผม work เพราะใหม่ๆเริ่มจากลงทุนใน property fund ก่อน พอหาหุ้นที่มั่นใจได้ก็ค่อยๆโยกเงินลงทุนไป
ผมว่าน่าจะหาประสบการณ์ให้แน่นก่อนค่อยกู้เงินมาลงทุน(ไม่ใช่ "เล่นหุ้น" ต้อง "ลงทุนในหุ้น")
I do not sleep. I dream.
sirivajj
Verified User
โพสต์: 985
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 8:47 pm | 0 คอมเมนต์
ถ้าคิดดีแล้ว มั่นใจแล้ว ก็สมควรลงมือทำ
เพราะถ้ามัวแต่คิดแล้วคิดอีก ไม่ลงมือ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
Practice without Theory is Blind.
Theory without Practice is Nothing.
What do you mean.?
เล่าปี่
Verified User
โพสต์: 14
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 11:28 pm | 0 คอมเมนต์
ทําแน่ครับและควรทําอย่างยิ่งครับ
เฉพาะในกรณี ABITRAGE เท่านั้นนะครับพอใช้เงินเค้าเสร็จก็รีบคืนเลยนะครับ
ssintra
Verified User
โพสต์: 13
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 8:58 am | 0 คอมเมนต์
อาจจะเป็นแค่เหตูผลส่วนตัวของผมเองครับ
ต้องอาศัยคำธรรมะมาพูดครับ
"ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน"
sin
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 9:07 am | 0 คอมเมนต์
มีคนไปบอกวอเรนว่า คุณเล่นหุ้นมา 20 ปี แล้ว กำไรตลอด เฉลี่ย 23 % คุณน่าจะกู้มาเล่น จะได้กำไรเพิ่มขึ้น
วอเรนบอกว่า เค๊ารู้ ว่าการกู้เงินมาลงทุน เค๊ามีโอกาส กำไร 99 %
อย่างไรก็ตาม 1 % ที่เค๊ามีความเสี่ยงในการขาดทุน
เค๊ารับไม่ได้
เรืองการกู้ ก็ต้องอยู่ที่คุณมีวินัยทางการเงินแค่ไหน
ผมคิดว่า กู้ได้ครับ ถ้าคุณมีวินัยทางการเงิน
เหอๆ โดยเฉลี่ยผมว่า 10000 คน มีแค่คนเดียว ที่มีวินัยทางการเงิน อย่างพี่ พีร์
hot
Verified User
โพสต์: 6853
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 10:28 am | 0 คอมเมนต์
ฮิ ไม่ห่วงดอกเบี้ยเงินกู้ไล่เก็บ กำไรคืนหรือคับ
ปีหน้าดอกเบี้ยเงินฝาก15 เงินกู้ 22
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 0
เสาร์ พ.ค. 06, 2006 12:23 am | 0 คอมเมนต์
อืม แล้วตอนนี้บัญชี margin ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตกอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่หรือครับ
Impossible is Nothing
worapot_ta
Verified User
โพสต์: 368
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ พ.ค. 07, 2006 8:38 pm | 0 คอมเมนต์
buffet ตอนแรกก็รวบรวมเงินของคนอื่นมาแล้วสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทน 6% ส่วนที่เกินค่อยแบ่งกันอีกที ไม่รู้นะอย่างนี้ผมว่าก็กู้กลายๆเหมื่อนกันนะครับ
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ พ.ค. 07, 2006 8:43 pm | 0 คอมเมนต์
กู้บุพการีสิครับ
ข้อดี
1.มักได้ rate ต่ำกว่า market rate
2.ไม่ต้องมี collaterals
3.ประนอมหนี้ง่าย
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ พ.ค. 07, 2006 9:52 pm | 0 คอมเมนต์
สุมาอี้ เขียน: 3.ประนอมหนี้ง่าย
เอางั้นเลยเหรอครับ :lovl: :lovl:
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 08, 2006 1:14 am | 0 คอมเมนต์
โดยปกติแล้ว การกู้บุพการี เป็นออพชั่นที่ผมเลือกเป็นอันดับต้นๆ ครับ
ทำมาแล้วหลายหน บางครั้งได้ interest free ด้วย อุอุ
ส่วนเรื่อง leverage ผมว่าแล้วแต่คนครับ
แต่สำหรับผม ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ทำ ลองทำบ้าง
แต่ exposure จะน้อยมาก เพราะแค่ 10% ของพอร์ท
รวยเร็วที่สุด ไม่ใช่เป้าหมายของผมครับ
Success is a journey, not destination