หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 31
ครับ เรื่องmintผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับแค่สมมุติตัวเลขมาเฉยๆ
แต่เป็นอย่างพี่ว่า pe 14 ถึงมีgrowthแต่เพิ่มทุนก็สรุปว่าแพงครับ
ประเด็นหลักๆคือการบอกว่าหุ้น ถูก หรือ แพง นั้นมีเกรณฑ์ครับซึ่งขึ้นอยู่
แต่ละบมจ
แต่เป็นอย่างพี่ว่า pe 14 ถึงมีgrowthแต่เพิ่มทุนก็สรุปว่าแพงครับ
ประเด็นหลักๆคือการบอกว่าหุ้น ถูก หรือ แพง นั้นมีเกรณฑ์ครับซึ่งขึ้นอยู่
แต่ละบมจ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 32
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ครับ เรื่องmintผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับแค่สมมุติตัวเลขมาเฉยๆ
แต่เป็นอย่างพี่ว่า pe 14 ถึงมีgrowthแต่เพิ่มทุนก็สรุปว่าแพงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1976
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 34
เค้าเรียกว่าเวลา พีอีมันแพง
ต้องใช้วิธีอื่นคิด
พอใช้วิธีอื่นคิดแล้ว มันยังถูก
คงคล้ายๆว่า ตอนนี้สมการมันเหมือน
เมืองนอกกำลังจะเข้ามาทำอะไรสักอย่างดังนั้นสูตรเก่าๆ
เลยใช้ไม่ได้ มันต้อง จับมาหารสิบเพิ่ม ถึงจะเรียกว่าพีอีจิง
ผมว่าตอนนี้มันคงเป็นจิตวิทยาชนหมู่มาก เจอภาพเดียวกัน ก็เฮๆกันไปก่อน ใครใคร่ซื้อ ซื้อไป ใครใคร่ขายขายไป ทุกอย่างมีขึ้นก็มีลง
ต้องใช้วิธีอื่นคิด
พอใช้วิธีอื่นคิดแล้ว มันยังถูก
คงคล้ายๆว่า ตอนนี้สมการมันเหมือน
เมืองนอกกำลังจะเข้ามาทำอะไรสักอย่างดังนั้นสูตรเก่าๆ
เลยใช้ไม่ได้ มันต้อง จับมาหารสิบเพิ่ม ถึงจะเรียกว่าพีอีจิง
ผมว่าตอนนี้มันคงเป็นจิตวิทยาชนหมู่มาก เจอภาพเดียวกัน ก็เฮๆกันไปก่อน ใครใคร่ซื้อ ซื้อไป ใครใคร่ขายขายไป ทุกอย่างมีขึ้นก็มีลง
-
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 35
จับใจความได้อีกอย่างว่า พี่เจ๋งมี่ชอบหุ้นที่เพิ่มทุนบ่อยๆ ใช่ไหมครับJeng เขียน:สรุปแบบนี้เชียวหรือ เพื่อนๆท่านอื่นคิดอย่างไรครับโค้ด: เลือกทั้งหมด
ครับ เรื่องmintผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับแค่สมมุติตัวเลขมาเฉยๆ แต่เป็นอย่างพี่ว่า pe 14 ถึงมีgrowthแต่เพิ่มทุนก็สรุปว่าแพงครับ
- มดง่าม
- Verified User
- โพสต์: 584
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 39
ปลาร้า ไม่ดีตรงไหน สู :?:naris เขียน: ดูมันไม่ออกว่า...มันทำห่อหมกปลาร้าไว้หรือเปล่า.....กลัวแต่ว่าไหNPLแตกเมื่อไหร่....ก็กระเจิงครับ กลัวจิงๆ ครับพี่
เหงาให้ตาย ถ้าไม่ใช่เธอ(หุ้นดี) ไม่เอา
ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 40
โค้ด: เลือกทั้งหมด
มันเป็นการยากที่จะบอกว่าหุ้นที่กำลังขึ้นไปแพง
โดยเฉพาะถ้าเราถือมานาน
จนกว่ามันจะลงนั่นแหละ เหตุผลที่มันแพงจะออกมา
สรุปโดยจิตวิทยาคือ เรากำลังมี Bias
การเล่นมีสองแบบ
1. ถือไปเลย ไม่ขาย ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน แต่ละไตรมาส กำไรมากขึ้น เงินสดมากขึ้น และนำเงินสดไป 1.1 ขยายกิจการเดิม 1.2 ขยายกิจการใหม่ 1.3 ซื้อหุ้นคืน
เงินสดที่เหลือต้องสามารถเอาไปทำ ข้อ 1.1 - 1.3 ได้ ไม่ใช่เอาไปรักษากิจการ ที่เรียกว่า maintain current operation หรือ เอาเงินสด ไปใส่ตุ่มฝังดินไว้
2. ขาย แล้วกลับมาซื้อต่ำๆ ตรงนี้มีความเสี่ยงคือการขายหมู แต่ก็มีโอกาส ในการทำกำไรได้มากขึ้น ตรงนี้ผมไม่ถนัด ขายที่ไร ไปทุกที
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 41
ความเห็นของผมนะครับ
หุ้นเราต้องดูการเติบโตของ Growth Rate เป็นหลัก
หุ้นวัฏจักร เช่น กลุ่มเรือ ปิโตรเคมี ก่อนขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในอดีต PE สูงริบรับ กำไรน้อยมาก ราคาก็ถูกสุด ๆ แต่พอมี Growth เข้ามา PE สูง ๆ ก็ต่ำลงมาจนต่ำมาก ๆ ในขณะนี้ แต่พอตลาดคาดการณ์ว่า Growth จะหดตัวลง เท่านั้นหละครับ PE ที่ต่ำ ก็ยังเห็นที่ต่ำกว่าครับ
หุ้นที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่เป็น Blue Chip พวกนี้ก็เติบโตไปตามภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม เช่น GDP ปกติ ถ้าเศรษฐกิจดี ก็เติบโตไปเรื่อย ๆ PE ส่วนใหญ่ก็จะใกล้เคียงกับตลาด ราคาไม่ขึ้นไม่ลงมาก เว้นแต่ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อไหร่ พวกนี้จึงจะได้รับผลกระทบ
หุ้น Growth Stock คือหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตสูง สังเกตดูว่าเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมปกติทั่วไป เช่น ถ้าตลาดทั่วไปโตประมาณ 10% พวกนี้จะโตสูงกว่าเป็นเท่า ๆ แบบนี้ คนซื้อก็ซื้อที่ PE สูงตลอด เพราะคาดว่าอนาคตก็จะเติบโตสูง ดังนั้นถ้าสมมุติฐานนี้ยังใช้ได้ Earning Growth มันตามทัน PE พอราคาขยับขึ้น Earing ก็ขยับตาม แบบนี้ ราคาก็ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าเมื่ออุตสาหกรรมมันเริ่มอิ่มตัว และฐานธุรกิจมันใหญ่มากพอแล้ว กลุ่มนี้ก็จะเริ่มชะลอตัว เราก็อาจต้องซื้อที่ PE ต่ำลงถ้า Earning มันตามไม่ทัน
แต่มีหุ้น specurative เก็งกำไรบางประเภทต้องระวัง พวกนี้ก็แล้วแต่เจ้ามือหละครับ อยากปั่นขึ้นก็ปล่อยข่าวดี อยากปั่นลงเพื่อเก็บของให้ให้ข่าวร้าย แบบนี้ดูพื้นฐานหรือผลงานไม่ค่อยได้ ว่าซื้อ PE ต่ำแล้ว ยังเก็บของไม่พอ ก็ทุบหุ้นต่อ แต่เราว่า PE สูงมาก ๆ แล้วไม่มีทางที่รายได้จะตามทัน แต่ถ้าเขาจะปั่นก็ปั่นซะอย่างใครจะทำไม PE ก็สูงริบริ่ว ก็เก็งกำไรกันไป แต่ในที่สุดพื้นฐานของหุ้น และการทำราคาก็ต้องมีจุดสิ้นสุดลงในวันใดวันหนึ่งครับ หรือดู Warrant บางตัวในอดีตก็ได้ ปั่นกันสุด ๆ ตอนใกล้หมดอายุ และทุบจนไม่มีราคาเหลือเลย คนก็ยังเข้าไปเก็งกำไรตามความโลภครับ
หุ้นเราต้องดูการเติบโตของ Growth Rate เป็นหลัก
หุ้นวัฏจักร เช่น กลุ่มเรือ ปิโตรเคมี ก่อนขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในอดีต PE สูงริบรับ กำไรน้อยมาก ราคาก็ถูกสุด ๆ แต่พอมี Growth เข้ามา PE สูง ๆ ก็ต่ำลงมาจนต่ำมาก ๆ ในขณะนี้ แต่พอตลาดคาดการณ์ว่า Growth จะหดตัวลง เท่านั้นหละครับ PE ที่ต่ำ ก็ยังเห็นที่ต่ำกว่าครับ
หุ้นที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่เป็น Blue Chip พวกนี้ก็เติบโตไปตามภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม เช่น GDP ปกติ ถ้าเศรษฐกิจดี ก็เติบโตไปเรื่อย ๆ PE ส่วนใหญ่ก็จะใกล้เคียงกับตลาด ราคาไม่ขึ้นไม่ลงมาก เว้นแต่ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อไหร่ พวกนี้จึงจะได้รับผลกระทบ
หุ้น Growth Stock คือหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตสูง สังเกตดูว่าเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมปกติทั่วไป เช่น ถ้าตลาดทั่วไปโตประมาณ 10% พวกนี้จะโตสูงกว่าเป็นเท่า ๆ แบบนี้ คนซื้อก็ซื้อที่ PE สูงตลอด เพราะคาดว่าอนาคตก็จะเติบโตสูง ดังนั้นถ้าสมมุติฐานนี้ยังใช้ได้ Earning Growth มันตามทัน PE พอราคาขยับขึ้น Earing ก็ขยับตาม แบบนี้ ราคาก็ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าเมื่ออุตสาหกรรมมันเริ่มอิ่มตัว และฐานธุรกิจมันใหญ่มากพอแล้ว กลุ่มนี้ก็จะเริ่มชะลอตัว เราก็อาจต้องซื้อที่ PE ต่ำลงถ้า Earning มันตามไม่ทัน
แต่มีหุ้น specurative เก็งกำไรบางประเภทต้องระวัง พวกนี้ก็แล้วแต่เจ้ามือหละครับ อยากปั่นขึ้นก็ปล่อยข่าวดี อยากปั่นลงเพื่อเก็บของให้ให้ข่าวร้าย แบบนี้ดูพื้นฐานหรือผลงานไม่ค่อยได้ ว่าซื้อ PE ต่ำแล้ว ยังเก็บของไม่พอ ก็ทุบหุ้นต่อ แต่เราว่า PE สูงมาก ๆ แล้วไม่มีทางที่รายได้จะตามทัน แต่ถ้าเขาจะปั่นก็ปั่นซะอย่างใครจะทำไม PE ก็สูงริบริ่ว ก็เก็งกำไรกันไป แต่ในที่สุดพื้นฐานของหุ้น และการทำราคาก็ต้องมีจุดสิ้นสุดลงในวันใดวันหนึ่งครับ หรือดู Warrant บางตัวในอดีตก็ได้ ปั่นกันสุด ๆ ตอนใกล้หมดอายุ และทุบจนไม่มีราคาเหลือเลย คนก็ยังเข้าไปเก็งกำไรตามความโลภครับ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 42
โค้ด: เลือกทั้งหมด
2. ขาย แล้วกลับมาซื้อต่ำๆ ตรงนี้มีความเสี่ยงคือการขายหมู แต่ก็มีโอกาส ในการทำกำไรได้มากขึ้น ตรงนี้ผมไม่ถนัด ขายที่ไร ไปทุกที
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 43
[quote="thawattt"]ความเห็นของผมนะครับ
หุ้นเราต้องดูการเติบโตของ Growth Rate เป็นหลัก
หุ้นวัฏจักร เช่น กลุ่มเรือ ปิโตรเคมี ก่อนขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในอดีต PE สูงริบรับ กำไรน้อยมาก ราคาก็ถูกสุด ๆ แต่พอมี Growth เข้ามา PE สูง ๆ ก็ต่ำลงมาจนต่ำมาก ๆ ในขณะนี้ แต่พอตลาดคาดการณ์ว่า Growth จะหดตัวลง เท่านั้นหละครับ PE ที่ต่ำ ก็ยังเห็นที่ต่ำกว่าครับ
หุ้นที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่เป็น Blue Chip พวกนี้ก็เติบโตไปตามภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม เช่น GDP ปกติ ถ้าเศรษฐกิจดี ก็เติบโตไปเรื่อย ๆ PE ส่วนใหญ่ก็จะใกล้เคียงกับตลาด ราคาไม่ขึ้นไม่ลงมาก เว้นแต่ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อไหร่ พวกนี้จึงจะได้รับผลกระทบ
หุ้น Growth Stock คือหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตสูง สังเกตดูว่าเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมปกติทั่วไป เช่น ถ้าตลาดทั่วไปโตประมาณ 10% พวกนี้จะโตสูงกว่าเป็นเท่า ๆ
หุ้นเราต้องดูการเติบโตของ Growth Rate เป็นหลัก
หุ้นวัฏจักร เช่น กลุ่มเรือ ปิโตรเคมี ก่อนขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในอดีต PE สูงริบรับ กำไรน้อยมาก ราคาก็ถูกสุด ๆ แต่พอมี Growth เข้ามา PE สูง ๆ ก็ต่ำลงมาจนต่ำมาก ๆ ในขณะนี้ แต่พอตลาดคาดการณ์ว่า Growth จะหดตัวลง เท่านั้นหละครับ PE ที่ต่ำ ก็ยังเห็นที่ต่ำกว่าครับ
หุ้นที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่เป็น Blue Chip พวกนี้ก็เติบโตไปตามภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม เช่น GDP ปกติ ถ้าเศรษฐกิจดี ก็เติบโตไปเรื่อย ๆ PE ส่วนใหญ่ก็จะใกล้เคียงกับตลาด ราคาไม่ขึ้นไม่ลงมาก เว้นแต่ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อไหร่ พวกนี้จึงจะได้รับผลกระทบ
หุ้น Growth Stock คือหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตสูง สังเกตดูว่าเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมปกติทั่วไป เช่น ถ้าตลาดทั่วไปโตประมาณ 10% พวกนี้จะโตสูงกว่าเป็นเท่า ๆ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 44
ในอดีตที่ผ่านมา
ตลาดเคยให้ค่าความนิยมแก่บริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ให้ค่า P/E สูงๆ
แต่สุดท้ายก็กลับคืนสู่สภาพปรกติที่ควรจะเป็น
ไม่ว่าจะเป็น เงินทุนหลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร ยานยนต์ อีเล็คโทรนิค
ปัจจุบันก็ การแพทย์ ค้าปลีก
ไม่น่าเชื่อว่า TRUE จะมีราคา IPO ที่ 55 บาท
TT&T ราคา IPO หลักร้อยบาท
SAMART เคยมีราคา 300 กว่าบาท
BLAND ราคา 200 บาท
อะไรที่นักวิเคราะห์เหล่านั้นอ้าง อัตราการเติบโตไงครับ
ตลาดเคยให้ค่าความนิยมแก่บริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ให้ค่า P/E สูงๆ
แต่สุดท้ายก็กลับคืนสู่สภาพปรกติที่ควรจะเป็น
ไม่ว่าจะเป็น เงินทุนหลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร ยานยนต์ อีเล็คโทรนิค
ปัจจุบันก็ การแพทย์ ค้าปลีก
ไม่น่าเชื่อว่า TRUE จะมีราคา IPO ที่ 55 บาท
TT&T ราคา IPO หลักร้อยบาท
SAMART เคยมีราคา 300 กว่าบาท
BLAND ราคา 200 บาท
อะไรที่นักวิเคราะห์เหล่านั้นอ้าง อัตราการเติบโตไงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 45
คห.คุณthawattt ตรงประเด็น นะ
pe หรือ pb ดิฉันว่า โดยทั่วไป มันไปคู่กะ Growth
pe ที่ถูกแล้ว ก็มีถูกอีก หรือบางทีก็เล่นแค่เท่าพีอี ที่ว่าถูกเท่าเก่าน่ะ ถ้า Growth ไม่เดินหน้า
pe อาจถอยหลัง ถ้าGrowth ถอยหลัง
pe คงกลับเป็นสูงจี๊ดเลย ถ้าGrowth ถอยจนมากนานๆ หรือขาดทุน แล้วราคามันลง จนไม่ลงแล้ว
ตามความเห็นดิฉัน ไม่ว่าธุรกิจอะไร มันก็น่าจะมีรอบของมัน
เหมือนคนน่ะ ไม่มีวันที่มือขึ้นดวงดีได้ ทุกวัน ทุกปี
ไงๆ มันก็ต้องมีวันที่แย่ ที่เหนื่อยล้า อ่อนแอ
ก็คงมีนะ ธุรกิจที่ ไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยผันผวน ซึ่งก็เพราะส่วนใหญ่ กำไรช้าๆเนิบๆ ก็ไม่ค่อยอยากมีคู่แข่งเข้าไปแย่งแบ่งเค๊ก อุตสาหกรรมนั้นๆ มันก็เลยจะนิ่งๆ
หรือไม่งั้น ก็ต้องเป็นประเภท ฝ่าดงเสือสิงห์ มานาน จนใหญ่คับตลาด เป็นเจ้า เป็นอะไรที่แกร่งมาก จนคู่แข่งเกิดลำบาก มันก็พอจะคุมให้ ตัวเองนิ่ง ท้าลมกระทบได้ ดีกว่า
คือเรียกว่า ถ้าไม่ใหญ่คับฟ้าไปเลย หรือ เงียบๆหงิมๆ เนิบเนียนไปคนเดียว
ก็มีโอกาสเจอรอบผันผวนได้อยู่แล้ว(พีอีมันจึงเปลี่ยนแปลง) เพราะ อะไรกำไรดี โตได้เร็ว มันก็หอมหวานนะ
ใครผ่านด่านรุมทึ้งนี้ไปได้ ก็มีโอกาส เป็นบิ๊ค ได้
หรือไม่ได้ก็ ม้วนเสื่อ กลับไป เพื่อจะรอวัน เป็นเทิร์นอราว ตามรอบใหม่ได้ หรือ ไม่งั้นก็เกมไปเลย
ตลาดทุน มันก็สื่อถึง ระบบทุนนิยม นั่นเอง
pe หรือ pb ดิฉันว่า โดยทั่วไป มันไปคู่กะ Growth
pe ที่ถูกแล้ว ก็มีถูกอีก หรือบางทีก็เล่นแค่เท่าพีอี ที่ว่าถูกเท่าเก่าน่ะ ถ้า Growth ไม่เดินหน้า
pe อาจถอยหลัง ถ้าGrowth ถอยหลัง
pe คงกลับเป็นสูงจี๊ดเลย ถ้าGrowth ถอยจนมากนานๆ หรือขาดทุน แล้วราคามันลง จนไม่ลงแล้ว
ตามความเห็นดิฉัน ไม่ว่าธุรกิจอะไร มันก็น่าจะมีรอบของมัน
เหมือนคนน่ะ ไม่มีวันที่มือขึ้นดวงดีได้ ทุกวัน ทุกปี
ไงๆ มันก็ต้องมีวันที่แย่ ที่เหนื่อยล้า อ่อนแอ
ก็คงมีนะ ธุรกิจที่ ไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยผันผวน ซึ่งก็เพราะส่วนใหญ่ กำไรช้าๆเนิบๆ ก็ไม่ค่อยอยากมีคู่แข่งเข้าไปแย่งแบ่งเค๊ก อุตสาหกรรมนั้นๆ มันก็เลยจะนิ่งๆ
หรือไม่งั้น ก็ต้องเป็นประเภท ฝ่าดงเสือสิงห์ มานาน จนใหญ่คับตลาด เป็นเจ้า เป็นอะไรที่แกร่งมาก จนคู่แข่งเกิดลำบาก มันก็พอจะคุมให้ ตัวเองนิ่ง ท้าลมกระทบได้ ดีกว่า
คือเรียกว่า ถ้าไม่ใหญ่คับฟ้าไปเลย หรือ เงียบๆหงิมๆ เนิบเนียนไปคนเดียว
ก็มีโอกาสเจอรอบผันผวนได้อยู่แล้ว(พีอีมันจึงเปลี่ยนแปลง) เพราะ อะไรกำไรดี โตได้เร็ว มันก็หอมหวานนะ
ใครผ่านด่านรุมทึ้งนี้ไปได้ ก็มีโอกาส เป็นบิ๊ค ได้
หรือไม่ได้ก็ ม้วนเสื่อ กลับไป เพื่อจะรอวัน เป็นเทิร์นอราว ตามรอบใหม่ได้ หรือ ไม่งั้นก็เกมไปเลย
ตลาดทุน มันก็สื่อถึง ระบบทุนนิยม นั่นเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 47
มานึกอีกทีครับ
ถ้าเปรียบหุ้นกับชีวิตของคนในแต่ละช่วง เหมือนเรามีลูกที่เป็นหุ้นนะครับ
หุ้นตอนเด็ก ช่วงนี้คงใช้เงินใช้ทองเพื่อInvestment มันมาก ต้องให้เวลากับเขา ช่วงนี้ก็คงไม่ค่อยมี Return แต่เราหวัง Growth มาก ๆ ในระยะยาว
หุ้นตอนเป็นผู้ใหญ่ ช่วงนี้ก็เริ่มมีรายได้เพิ่มขึ้นมา และจะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผู้ใหญ่นั้นมีประสบการณ์มากขึ้น ช่วงนี้ก็คงมี Return กลับมาให้ผู้ลงทุนชื่นใจกับสิ่งที่ได้ลงทุนไว้ก่อนหน้านี้
แต่ถ้าเป็นหุ้นคนชรา ก็ขึ้นอยู่กับเราจะรักษาชีวิตได้ยาวนานเพียงใด จะหวังการ Growth สูง ๆ คงยากขึ้น เว้นแต่จะเลี้ยงเด็กใหม่เพื่อต่อ S-curve ของรอบใหม่ขึ้นมาได้ แต่ถ้าไม่มีการลงทุนต่อ ก็เหมือนคนชราที่จะล่วงเลยไปตามวัยสังขาร เพียงเพื่อประคองชีวิตให้ยาวต่อไปให้นานที่สุด
แต่อย่าไปเจอคนชราที่ป่วยด้วยโรคกะเซาะ กะแซะ นะครับ นอกจากจะมี Return ที่น้อยแล้ว แถมยังมีปัญหาให้แก้ไขไม่หยุดหย่อน จนอาจทำให้ Return ลดลงจนขาดทุนได้
ถ้าเปรียบหุ้นกับชีวิตของคนในแต่ละช่วง เหมือนเรามีลูกที่เป็นหุ้นนะครับ
หุ้นตอนเด็ก ช่วงนี้คงใช้เงินใช้ทองเพื่อInvestment มันมาก ต้องให้เวลากับเขา ช่วงนี้ก็คงไม่ค่อยมี Return แต่เราหวัง Growth มาก ๆ ในระยะยาว
หุ้นตอนเป็นผู้ใหญ่ ช่วงนี้ก็เริ่มมีรายได้เพิ่มขึ้นมา และจะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผู้ใหญ่นั้นมีประสบการณ์มากขึ้น ช่วงนี้ก็คงมี Return กลับมาให้ผู้ลงทุนชื่นใจกับสิ่งที่ได้ลงทุนไว้ก่อนหน้านี้
แต่ถ้าเป็นหุ้นคนชรา ก็ขึ้นอยู่กับเราจะรักษาชีวิตได้ยาวนานเพียงใด จะหวังการ Growth สูง ๆ คงยากขึ้น เว้นแต่จะเลี้ยงเด็กใหม่เพื่อต่อ S-curve ของรอบใหม่ขึ้นมาได้ แต่ถ้าไม่มีการลงทุนต่อ ก็เหมือนคนชราที่จะล่วงเลยไปตามวัยสังขาร เพียงเพื่อประคองชีวิตให้ยาวต่อไปให้นานที่สุด
แต่อย่าไปเจอคนชราที่ป่วยด้วยโรคกะเซาะ กะแซะ นะครับ นอกจากจะมี Return ที่น้อยแล้ว แถมยังมีปัญหาให้แก้ไขไม่หยุดหย่อน จนอาจทำให้ Return ลดลงจนขาดทุนได้
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 48
ROE ดูไว้นี่ดีครับ เห็นคุณภาพของกิจการ
แต่สถานะการณ์ปัจจุบัน ผมว่าไม่ค่อยเหมาะเท่านั้น
แต่ถ้าเล่นถือยาวมากๆ ก็ดู ROE ได้ครับ
ผมมันพวกเล่นสั้นเปลี่ยนใจบ่อย
แต่สถานะการณ์ปัจจุบัน ผมว่าไม่ค่อยเหมาะเท่านั้น
แต่ถ้าเล่นถือยาวมากๆ ก็ดู ROE ได้ครับ
ผมมันพวกเล่นสั้นเปลี่ยนใจบ่อย
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 49
[quote="chatchai"]ในอดีตที่ผ่านมา
ตลาดเคยให้ค่าความนิยมแก่บริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ
ตลาดเคยให้ค่าความนิยมแก่บริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 50
โค้ด: เลือกทั้งหมด
pe อาจถอยหลัง ถ้าGrowth ถอยหลัง
pe คงกลับเป็นสูงจี๊ดเลย ถ้าGrowth ถอยจนมากนานๆ หรือขาดทุน แล้วราคามันลง จนไม่ลงแล้ว
ส่วนอันที่2 peสูงมากเพราะ eps ลดลงมากๆหรือ ติดลบในกรณีขาดทุน
ถ้าใครจะบอกว่าอัตราส่วนใหนลดลงหรือเพิ่มช่วยชี้แจงด้วยลดเพิ่มเพราะอะไรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 51
อันแรก น่าต้องพูดว่า ราคาลง เพราะ พีอีนำลง มากกว่า และ ที่พีอีลง ก็เพราะ g มันถอยหลังRocker เขียน:อันแรกผมตีความว่าpeถอยหลังเพราะราคาลงใช่มะโค้ด: เลือกทั้งหมด
pe อาจถอยหลัง ถ้าGrowth ถอยหลัง pe คงกลับเป็นสูงจี๊ดเลย ถ้าGrowth ถอยจนมากนานๆ หรือขาดทุน แล้วราคามันลง จนไม่ลงแล้ว
ส่วนอันที่2 peสูงมากเพราะ eps ลดลงมากๆหรือ ติดลบในกรณีขาดทุน
ถ้าใครจะบอกว่าอัตราส่วนใหนลดลงหรือเพิ่มช่วยชี้แจงด้วยลดเพิ่มเพราะอะไรครับ
อย่างบางที ไม่ต้องรอ ว่า g ถอยหลัง แต่แค่ตลาดคาดว่า g กำลังจะถอย pe ก็ลดลง นำก่อนที่กำไรอนาคต ที่คาดว่าจะถอย จะทันได้เกิดขึ้นจริงๆ
(ตัวอย่างที่เห็นใกล้ๆเลย ก็พวก เรือ)
ส่วนอันที่สอง คิดว่า ที่pe สูงได้ ก็อาจจะเพราะ ราคามันยืน แต่ e หรือ g มันยังคงถอยหลังอยู่ เลยดันให้ pe สูงจี๊ด ทั้งๆที่ ราคามันยืน
พวกนี้ ดิฉันว่า ก็คงเพราะ ตลาด ไม่ได้ตกใจแล้ว กับ e หรือ g ปัจจุบัน ที่รู้อยู่แล้วว่า วันนี้มันตกต่ำอย่างไร
แต่ที่ ราคายืนได้ เพราะตลาดคงมองไป วันหน้าแล้วว่า e หรือ g มันกำลังจะ ชะลอการถอย หรือ กำลังใกล้จะเดินหน้าได้ (คือตลาดคาด ว่าเห็นแววฟื้น)
pe สูง นี่ดิฉันเข้าใจว่า มันเป็นได้จากหลายเหตุ
อีกแบบก็คือ ราคามันสูง วิ่งเร็วเกิน e ปัจจุบัน นันเพราะ ตลาดมอง e พรุ่งนี้แล้ว ไม่ได้ดู e วันนี้ ....สิ่งที่ อตร.คือ หาก e วิ่งตาม p มาไม่ได้ดังที่ตลาดคาด ...p ก็ต้องลงมา หา e ...โดยทั่วไป ก็มักจะปรับหา g
(เช่น ตลาดคาด g+25% แต่ pe อยู่ 10 ...โอกาสจะปรับ pe ขึ้นไปเล่นสูงๆ ก็มี/ แต่หาก ตรงกันข้าม pe ก็ต้องโดน กดลงมาหา g แท้จริง)
ทั้งนี้ ดิฉันว่า การนำเรโชใด มาใช้เพื่อทำนาย ราคาระยะสั้น หรือแม้แต่ระยะปี ก็เป็นเรื่องยาก ทั้งสิ้น
เพราะตลาด ไม่ค่อยมีหลัก หรือเหตุผล ที่แน่นอนเท่าไดนัก ในแต่ละวัน
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 52
อ้อ หมายเหตุก่อนนะ
ว่าดิฉัน ไม่ได้ หมายถึง น้องมิ้นท์ หรือ หุ้นตัวใด ทั้งสิ้น
และ ตามความเห็นดิฉันนะ ถ้าดิฉันมี น้องมินท์ ที่ได้มาในราคา ที่คำนวนแล้วพอใจแล้ว มั่นใจแล้วว่า เหมาะสม
ดิฉันก็ไม่ขาย เพียงเพราะ การคาดการ หรือ กังวลว่าจะลง หรอกค่ะ
(ไม่ว่า จะเพราะกลัวว่า e หรือ g จะไม่โตเท่าที่ตลาดคาด เลยจะทำให้ฉุด p ลงมา หรืออะไรทำนองนั้น)
แต่ถ้าจะขาย ควรหมายถึง บริษัท นี้ ไม่ได้ดำเนินธุรกิจ ไปในแบบที่เราคาดว่า จะเป็น เสียแล้ว
เพราะกำไร หรือ อัตราการเติบโต มันไม่มีวันเทียบเคียงกันเป๊ะๆจนตลาด พึงพอใจตามที่ตลาดคาดได้ ทุกไตรมาส หรือทุกปี
ราคาหุ้น มันจึง มีการเคลื่อนไหว ไปตาม การคาดการระยะสั้นๆ ที่ไม่เคยถูกต้องของตลาดอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเกิด แพนิค เซลล์ หรือ แพนิคบาย ก็ตาม
ว่าดิฉัน ไม่ได้ หมายถึง น้องมิ้นท์ หรือ หุ้นตัวใด ทั้งสิ้น
และ ตามความเห็นดิฉันนะ ถ้าดิฉันมี น้องมินท์ ที่ได้มาในราคา ที่คำนวนแล้วพอใจแล้ว มั่นใจแล้วว่า เหมาะสม
ดิฉันก็ไม่ขาย เพียงเพราะ การคาดการ หรือ กังวลว่าจะลง หรอกค่ะ
(ไม่ว่า จะเพราะกลัวว่า e หรือ g จะไม่โตเท่าที่ตลาดคาด เลยจะทำให้ฉุด p ลงมา หรืออะไรทำนองนั้น)
แต่ถ้าจะขาย ควรหมายถึง บริษัท นี้ ไม่ได้ดำเนินธุรกิจ ไปในแบบที่เราคาดว่า จะเป็น เสียแล้ว
เพราะกำไร หรือ อัตราการเติบโต มันไม่มีวันเทียบเคียงกันเป๊ะๆจนตลาด พึงพอใจตามที่ตลาดคาดได้ ทุกไตรมาส หรือทุกปี
ราคาหุ้น มันจึง มีการเคลื่อนไหว ไปตาม การคาดการระยะสั้นๆ ที่ไม่เคยถูกต้องของตลาดอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเกิด แพนิค เซลล์ หรือ แพนิคบาย ก็ตาม
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 53
โค้ด: เลือกทั้งหมด
it 9.6 >>> 9.00
hmpro 10.20 >>> 9.50
bigc 39.25 >>> 39.50
makro 80 >>> 73.00
cp7-11 7.45 >> 6.80
minor 12.80 >>> 10.60
mint 11.40 >>> 10.80
bgh 29.75 >>> 28.50
bh 37 >>>33.75
kh 5.35 >>>4.98
ERAWAN 5.40 >>> 4.80
ticon 18.10 >>> 17.50
grand 4.52 >>> 4.04
pttep 128 >>> 111
pb 95 >>> 77.50
aeonts 47.50 >>> 49
ktc 23.20 >>> 21.30
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 55
bigc 39.25 >>> 39.50
aeonts 47.50 >>> 49
ยังอยู่ได้ :shock:
aeonts 47.50 >>> 49
ยังอยู่ได้ :shock:
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้
โพสต์ที่ 60
ช้าก่อนสหายทั้งหลาย (ว่าจะไม่เขียนอะไรแล้วนะ)
บอกกันหลายครั้งหลายคราแล้วว่า อย่าดูเพียง PE PBV ROE และ ROA แต่ถ้าอยากจะดูขอให้ปรับงบการเงินให้เป็นแบบที่ เหมาะสมเสียก่อน มิเช่นนั้นดัชนีเหล่านี้จะเป็นกับดักมูลค่าในบัดดล
การเอากระแสเงินสดมาประกอบดัชนีเหล่านี้จะช่วยท่านได้มาก เช่น P/ FCF RoCFC
ROE ระวังบริษัทที่มีหนี้มากๆ
ROA ให้ระวังบริษัทที่มีสินทรัพย์ที่ซุกเอาไว้ไม่ได้ตีราคาใหม่
PE ระวังเรื่องคุณภาพของกำไร
PBV ระวังเช่นเดียวกับ ROE และคุณภาพของสินทรัพย์
และที่สำคัญ คุณภาพของกิจการมา 70% ส่วน คุณภาพของตัวเลขต่างๆ 30%(เป็นแค่การยืนยันว่าดีจริง)
ไปหละ 8)
บอกกันหลายครั้งหลายคราแล้วว่า อย่าดูเพียง PE PBV ROE และ ROA แต่ถ้าอยากจะดูขอให้ปรับงบการเงินให้เป็นแบบที่ เหมาะสมเสียก่อน มิเช่นนั้นดัชนีเหล่านี้จะเป็นกับดักมูลค่าในบัดดล
การเอากระแสเงินสดมาประกอบดัชนีเหล่านี้จะช่วยท่านได้มาก เช่น P/ FCF RoCFC
ROE ระวังบริษัทที่มีหนี้มากๆ
ROA ให้ระวังบริษัทที่มีสินทรัพย์ที่ซุกเอาไว้ไม่ได้ตีราคาใหม่
PE ระวังเรื่องคุณภาพของกำไร
PBV ระวังเช่นเดียวกับ ROE และคุณภาพของสินทรัพย์
และที่สำคัญ คุณภาพของกิจการมา 70% ส่วน คุณภาพของตัวเลขต่างๆ 30%(เป็นแค่การยืนยันว่าดีจริง)
ไปหละ 8)