![Very Happy :D](./images/smilies/icon_biggrin.gif)
พวกเราช่วยกันแบ่งปันไปกันมาเสมอเลย
หลายๆ คนก็มาตั้งคำถามดีๆ
คำตอบดี...เพราะมีคำถามดีด้วยค่ะ
![Wink :wink:](./images/smilies/icon_wink.gif)
แต่ก็ต้องระวังด้วยนะครับ อย่าเอามาปนกับการลงทุน เพราะในชีวิตผมใช้ประจำ พอลงทุนจริง ดันเลือกแต่ตัวรองๆ คิดว่า, คิดว่า และคิดว่า...มันน่าจะดีเหมือนกับตัวหลัก สุดท้ายพอร์ตเลยไม่ได้ไปใหน พอผ่านไป 4-5 ปี ถึงคิดได้theenuch เขียน:“เอาเกรดรอง”_ไม่ต้องจ่ายแพง! (Team money Talk 4)
.................
“ค่าความนิยม” ทำให้ลูกค้ายอมจ่ายแพงขึ้น...
ดังนั้น “ค่าความไม่นิยม” (คิดคำเองค่ะ) ก็ตรงข้าม
คือ การคิดแบบ “เอาเกรดรอง” จะได้จ่ายถูกลง
พบว่าช่วยประหยัดและทำให้ชีวิตสบายๆ ด้วย มาดูตัวอย่างกันค่ะ
.................
[/attachment]
จริงด้วยเนอะ..ถ้าลงทุนแบบนี้...ไม่วายจะเป็นแบบ น้อง jverakul บอกจริงๆjverakul เขียน:แต่ก็ต้องระวังด้วยนะครับ อย่าเอามาปนกับการลงทุน เพราะในชีวิตผมใช้ประจำ พอลงทุนจริง ดันเลือกแต่ตัวรองๆ คิดว่า, คิดว่า และคิดว่า...มันน่าจะดีเหมือนกับตัวหลัก สุดท้ายพอร์ตเลยไม่ได้ไปใหน พอผ่านไป 4-5 ปี ถึงคิดได้theenuch เขียน:“เอาเกรดรอง”_ไม่ต้องจ่ายแพง! (Team money Talk 4)
.................
“ค่าความนิยม” ทำให้ลูกค้ายอมจ่ายแพงขึ้น...
ดังนั้น “ค่าความไม่นิยม” (คิดคำเองค่ะ) ก็ตรงข้าม
คือ การคิดแบบ “เอาเกรดรอง” จะได้จ่ายถูกลง
พบว่าช่วยประหยัดและทำให้ชีวิตสบายๆ ด้วย มาดูตัวอย่างกันค่ะ
.................
[/attachment]แต่ก็สายไปแล้วเพราะตกรถไฟความเร็วสูงแทบจะทุกสายที่ต้องการจะขึ้น หรือแต่แบบรฟท. 555
ผมเดาเอาหน่ะครับtheenuch เขียน:ขอบคุณมากเลยน้องสายชล..ข้างบนตอบคำถามน้องสายชลเลยsaichon เขียน:อยากฟังชีวิตตอนเกษียณราชการของพี่นุชจัง
ปล.ยินดีด้วยน๊ะครับ
รู้ได้ยังไงนะว่าพี่จะเขียนถึงเรื่องนี้...ถามตรงเลย
ขอบคุณค่ะน้อง jverakuljverakul เขียน:ยินดีด้วยครับพี่นุช
![]()
![]()
ขอบคุณนะคะคุณลูกหินลูกหิน เขียน:ยินดีด้วยครับ ขอให้คุณนุชมีความสุขมากๆครับ
ขอบคุณมากเลยค่ะพี่หมอมุขPaul VI เขียน:ไม่ได้เข้ามาซักพักนึงเลยเพิ่งทราบว่าคุณนุชเกษียณจากงานประจำแล้วเหรอครับ
ยินดีด้วยครับ ทำตามใจปรารถนา ตอบความฝันและเป้าหมายของตัวเอง
รับผิดชอบต่อความฝันและเป้าหมายของตัวเอง
ยินดีกับคุณนุชอีกครั้งจากใจจริงครับ
ด้านบนนี้คงมีประโยชน์กับน้อง E-man บ้างนะคะE-man เขียน:น่าอิจฉาจัง
ผมเหลืออีก 4 ปี อายุราชการจึงจะครบ 25 ปี วางแผนเตรียมเกษียณ ไว้เช่นกันครับ
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ข้อคิด 16 ประการ ที่โรงเรียนไม่เคยสอน จาก “บิลล์ เกตส์”
1. Life is not fair - get used to it!
ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ!
2. The world doesn't care about your self-esteem. The world will expect you to accomplish something before you feel good about yourself.
โลกไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โลกนี้คาดหวัง “ความสำเร็จ” ที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก
3. You will NOT make $60,000 a year right out of high school. You won't be a vice-president with a car phone until you earn both.
ไม่มีทางที่คุณจะทำเงินได้ปีละ 60,000 เหรียญ หรือเกือบ 2 ล้านบาท ทันทีที่คุณเพิ่งจบมัธยม และก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นประธานบริษัทมีรถประจำตำแหน่งพร้อมโทรศัพท์ในรถส่วนตัวด้วย
4. If you think your teacher is tough, wait until you get a boss.
ถ้าคุณคิดว่า อาจารย์กำลังสอนบทเรียนอันน่าเบื่อ ก็ลองไปทำงานแล้วเจอกับเจ้านายดู แล้วคุณจะรู้ว่าอะไรน่าเหนื่อยอ่อนกว่ากัน
5. It's fine to celebrate success, but it is more important to heed the lessons of failure.
มันเป็นเรื่องดีที่จะฉลองให้กับความสำเร็จ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการระมัดระวังบทเรียนของความล้มเหลว
6 . If you mess up, it's not your parents' fault, so don't whine about your mistakes, learn from them.
ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของคุณ ไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่ เลิกคร่ำครวญให้กับสิ่งที่ทำพลาดไปแล้ว แต่ “จงเรียนรู้จากมันซะ”
7. Before you were born, your parents weren't as boring as they are now. They got that way from paying your bills, cleaning your clothes and listening to you talk about how cool you thought you were. So before you save the rain forest from the parasites of your parent's generation, try delousing the closet in your own room.
ก่อนที่คุณจะเกิด พ่อแม่ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่คุณรู้สึกตอนนี้ พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าบิลต่างๆ และต้องซักผ้าให้คุณ พวกเขาต้องอดทนฟังคุณคุยโอ้อวดในเรื่องไร้สาระ ดังนั้นถ้าคุณคิดจะทำเรื่องใหญ่ๆ หรืออะไรก็ตาม ช่วยเก็บตู้เสื้อผ้ารกๆ ของคุณให้สะอาดซะก่อน
8. Your school may have done away with winners and losers, but life HAS NOT. In some schools, they have abolished failing grades and they'll give you as MANY TIMES as you want to get the right answer. This doesn't bear the slightest resemblance to ANYTHING in real life.
ชีวิตในโรงเรียนอาจตัดสินคุณว่า เป็นผู้ชนะหรือแพ้ แต่ชีวิตจริง “ไม่ใช่” บางโรงเรียนสอนการเป็นผู้แพ้ด้วยซ้ำไป แถมยังให้โอกาสคุณมากมายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
9. "Life is not divided into semesters. You don't get summers off, and very few employers are interested in helping you. Find yourself.
ชีวิตไม่ได้แบ่งเป็นเทอมๆ เป็นภาคการเรียนๆ ไม่ได้มีช่วงซัมเมอร์ให้คุณค้นหาตัวตน!!
10. Television is not real life. In real life people actually have to leave the coffee shop and go to jobs.
สิ่งที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์ ไม่ใช่ชีวิตจริง ผู้คนต้องรีบเช็คบิลจากร้านกาแฟ และตรงไปที่ทำงาน (เราจะเห็นว่าละครส่วนใหญ่คนมักจะออกจากที่ทำงานมาคุยกันที่ร้านกาแฟ)
11. Be nice to nerds. Chances are you'll end up working for one.
จงเป็นมิตรกับความ “เนิร์ด” แล้วชีวิตคุณจะไม่ต้องเป็นลูกจ้างใครอีกคน
12. We always overestimate the change that will occur in the next two years and underestimate the change that will occur in the next ten. Don’t let yourself be lulled into inaction.
คนเรามักจะประเมินค่าไว้สูงในการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอีกสองปี และประมาทกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบปี จงอย่าไว้วางใจในความเกียจคร้านของตนเอง
13. Patience is a key element of success.
ความอดทนเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จ
14. If you can't make it good, at least make it look good.
ถ้าคุณไม่สามารถทำให้มันให้ดีได้ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้มันดูดี
15. Technology is just a tool. In terms of getting the kids working together and motivating them, the teacher is the most important.
เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น ส่วนการสร้างแรงจูงใจและให้พวกเขาทำงานร่วมกันได้ดีนั้น ครูถือเป็นอาชีพที่สำคัญที่สุด
16. Enjoy this while you can. Sure parents are a pain, school's a bother, and life is depressing. But someday you'll realize how wonderful it was to be a kid. Maybe you should start now. You're welcome.
จงสนุกสนานและเต็มที่กับทุกช่วงเวลาที่คุณสามารถทำได้ ถึงแม้การอยู่โรงเรียนจะน่าเบื่อและรู้สึกเหมือนโดนกดดัน แต่วันหนึ่งคุณจะรู้ว่าการเป็นเด็กนั้นมหัศจรรย์แค่ไหน บางทีคุณควรจะเริ่มสนุกกับชีวิตตั้งแต่ตอนนี้