update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 751

โพสต์

เผยโฉมให้เห็นแล้วครับกับ Optimus Prime Minor Change :P
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 752

โพสต์

JobJakraphan เขียน:เผยโฉมให้เห็นแล้วครับกับ Optimus Prime Minor Change :P
เรื่องนี้ดูสนุก
แต่อย่ามาถล่มเมืองเหมือน man of steel ละกัน
มันมากเกินความพอดี พองามละ
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 753

โพสต์

ตัวอย่าง The Amazing Spider-Man 2 สดๆร้อนๆครับ :D

[youtube]nbp3Ra3Yp74[/youtube]
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 754

โพสต์

the hobbit 2
อันนี้ต้องบอกว่า ภาคแรกดำเนินเรื่องได้น่าหลับ
แต่ภาคนี้ดำเนินเรื่องได้รวดเร็วทันใจ
มีรายละเอียดที่นำไปสู่ไตรภาคของ the Lord of the ring

แหวนนั้นคือตัวแทนของอำนาจ
เงามืดเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 755

โพสต์

miracle เขียน:the hobbit 2
อันนี้ต้องบอกว่า ภาคแรกดำเนินเรื่องได้น่าหลับ
แต่ภาคนี้ดำเนินเรื่องได้รวดเร็วทันใจ
มีรายละเอียดที่นำไปสู่ไตรภาคของ the Lord of the ring

แหวนนั้นคือตัวแทนของอำนาจ
เงามืดเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย
:)
มีคนบอกว่าถ้าไม่ได้ดูภาคแรกก็ดูภาคนี้รู้เรื่องเพราะหนังจะเล่าสรุปไว้ใน 5 นาทีแรกจริงหรือเปล่าครับพี่มิ
ลังเลว่าจะซื้อภาคแรกมาดูดีไหม เพราะมีแต่คนบอกว่าเดินเรื่องได้ยืดมาก หลับกันหลายคน
แต่ภาคนี้แก้ตัวเพราะฉากแอคชั่นสนุก

ส่วนตัวไปดู Like Father Like Son มาครับ นึกว่าจะเศร้า+ดราม่า
แต่หนังก็ไม่ได้เศร้าอย่างที่คิดเลยครับเน้นขายความน่ารักของเด็กๆ มีฉากขำๆหลายฉาก ก็ดูได้ครับ บันเทิงระดับนึง
ผมไม่ค่อยได้ดูหนังจากญี่ปุ่นเท่าไหร่ (อย่าคิดไกลนะครับ :oops: ) แต่ชอบ ALWAYS มากกว่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 756

โพสต์

JobJakraphan เขียน:
miracle เขียน:the hobbit 2
อันนี้ต้องบอกว่า ภาคแรกดำเนินเรื่องได้น่าหลับ
แต่ภาคนี้ดำเนินเรื่องได้รวดเร็วทันใจ
มีรายละเอียดที่นำไปสู่ไตรภาคของ the Lord of the ring

แหวนนั้นคือตัวแทนของอำนาจ
เงามืดเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย
:)
มีคนบอกว่าถ้าไม่ได้ดูภาคแรกก็ดูภาคนี้รู้เรื่องเพราะหนังจะเล่าสรุปไว้ใน 5 นาทีแรกจริงหรือเปล่าครับพี่มิ
ลังเลว่าจะซื้อภาคแรกมาดูดีไหม เพราะมีแต่คนบอกว่าเดินเรื่องได้ยืดมาก หลับกันหลายคน
แต่ภาคนี้แก้ตัวเพราะฉากแอคชั่นสนุก

ส่วนตัวไปดู Like Father Like Son มาครับ นึกว่าจะเศร้า+ดราม่า
แต่หนังก็ไม่ได้เศร้าอย่างที่คิดเลยครับเน้นขายความน่ารักของเด็กๆ มีฉากขำๆหลายฉาก ก็ดูได้ครับ บันเทิงระดับนึง
ผมไม่ค่อยได้ดูหนังจากญี่ปุ่นเท่าไหร่ (อย่าคิดไกลนะครับ :oops: ) แต่ชอบ ALWAYS มากกว่าครับ
ไปดู like father like son มาเหมือนกันครับ พอดีมีคนแนะนำให้ไปดู เรื่องนี้ได้รางวัล jury prize ที่คานส์ มาด้วย

โดยรวมผมว่าดีนะครับ กำกับได้เป็นกลางดีครับ ไม่เร้าอารมณ์อย่างที่พล็อตแบบนี้มักจะเร้ากัน ทำให้ได้มุมมองที่หลากหลาย มีรายละเอียด และมิติที่ลุ่มลึกตามที่ประสบการณ์คนดู ยิ่งถ้ามีความเข้าใจวิถีวัฒนธรรมชาวญี่ปุ่น จะยิ่งเข้าใจปม ประเด็นหลายๆ อย่างเลยครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 757

โพสต์

JobJakraphan เขียน:
miracle เขียน:the hobbit 2
อันนี้ต้องบอกว่า ภาคแรกดำเนินเรื่องได้น่าหลับ
แต่ภาคนี้ดำเนินเรื่องได้รวดเร็วทันใจ
มีรายละเอียดที่นำไปสู่ไตรภาคของ the Lord of the ring

แหวนนั้นคือตัวแทนของอำนาจ
เงามืดเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย
:)
มีคนบอกว่าถ้าไม่ได้ดูภาคแรกก็ดูภาคนี้รู้เรื่องเพราะหนังจะเล่าสรุปไว้ใน 5 นาทีแรกจริงหรือเปล่าครับพี่มิ
ลังเลว่าจะซื้อภาคแรกมาดูดีไหม เพราะมีแต่คนบอกว่าเดินเรื่องได้ยืดมาก หลับกันหลายคน
แต่ภาคนี้แก้ตัวเพราะฉากแอคชั่นสนุก
เล่าเรื่องส่วนแรกได้รวดเร็วครับ
ว่าทำไมถึงต้องออกเดินทาง ซึ่งภาคแรกไม่ได้เล่าเกร็ดในส่วนนี้ครับ
อันนี้เป็นต้นตอของ The Hobbits ว่าทำไมต้องมี
แต่ดู The lord of the ring กับ The hobbits ทำใจเรื่องห้องน้ำ
หลังหนังจบ เพราะ หนังสามชั่วโมง ซึ่งยาวกว่าหนังๆทั่วไปครับ
(หนังทั่วไปประมาณ 2 ชั่วโมง นิดหน่อย แต่นี้สามชั่วโมงเลย)

:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 758

โพสต์

สุดท้ายก็ยังไม่ได้ดู Hobbit เลยครับ
เพิ่งดู American Hustle มา สนุกมากครับ แนะนำเลย
นักแสดงแต่ละคนเล่นได้ถึงบทมาก แต่ละคนก็เคยร่วมงานกับผู้กำกับ เลยเหมือนเป็นหนัง All Star ของผกก.คนนี้เลยครับ
แต่เวลาดูต้องโฟกัสกับเนื้อเรื่องหน่อย ไม่งั้นจะหลุดไปเลย ตัวละครเยอะ บทพูดเยอะครับ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 759

โพสต์

THE SECRET LIFE OF WALTER MITTY
เรื่องดูภาพสวยๆๆครับ
บางครั้งการถ่ายรูป ก็ไม่ต้องกด Shutter ก็ได้
เก็บไว้ในใจ
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึง มักจะอยู่ในกระเป๋าเงิน

ภาพสวยงามมาก ไล่ตั้งแต่ในไอซ์แลนด์ เทือกเขาหิมะลัยในอัฟกันนิสถาน
ดูเรื่องนี้อย่าเอาสาระมากละกัน บอกได้แค่นี้

:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 760

โพสต์

ไปดูหนังเรื่อง CAPTAIN PHILLIPS
เมาคลื่นลมในทะเลจริงพับผ่าเรื่องนี้
แต่เรื่องนี้ได้เห็นความสำคัญของชีวิต 1 คนหนึ่งคน สำหรับ US นั้นสำคัญมากๆๆ
ถึงกับเอาเรือพิฆาต 2 ลำ และ เรือบรรทุก ฮ. 1 ลำ ไปจัดการกับโจรสลัด เพียง 4 คน
เพื่อช่วยชีวิตกัปตันเรือ 1 ท่าน
แล้วยังได้เห็นประสิทธิภาพของหน่วย SEAL ว่า ยิงปืนออกจากปากกระบอกปืน 1 นัด 3 กระบอก
มีคนตายได้ 3 คน
:)
:)
jverakul
Verified User
โพสต์: 1959
ผู้ติดตาม: 1

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 761

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

 

 [b] 20  หนังต่างประเทศหน้าเก็บ  แห่งปี 56[/b]

แม้ว่าหนังไทยจะเข้าฉายค่อนข้างน้อย แต่กองทัพหนังจากต่างประเทศทั่วโลก ก็ยกขบวนมาเก็บเงินคนไทยกันอย่างคับคั่งเช่นเดิม และนี่ก็คือหนังต่างประเทศ 20 เรื่องที่น่าเก็บในรอบปีที่ผ่านมา
       
       ***หมายเหตุ : อันดับเหล่านี้ไม่ได้ไล่เรียงตามความยอดเยี่ยม แต่จัดตามลำดับเวลาการเข้าฉายก่อน-หลัง
       
       1.Flight : ฝ่าวิกฤติเที่ยวบินระทึก
       การแสดงอันยอดเยี่ยมของแดนเซล วอชิงตัน ทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจในตัวละครนักบินผู้อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นฮีโร่กับคนขี้ยา ส่วนบทภาพยนตร์ก็มีชั้นเชิงลูกล่อลูกชนและความลุ่มลึกแหลมคม หนังรุ่มรวยอารมณ์ขันในแบบตลกร้าย มันเป็นความ “ตลกอย่างเข้าใจในความเป็นมนุษย์” เพราะขณะที่หนังทำให้เรารู้สึกมีประกายความหวังในพลังของความเป็นมนุษย์ที่มักจะสามารถเอาชนะจิตใจตัวเองได้ แต่หนังก็ยังมีพื้นที่ให้กับธาตุแท้อีกด้านของความเป็นคนซึ่งมีความอ่อนแอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต นี่คือหนังที่นึกถึงกี่ครั้ง ก็ยังรู้สึกฮา ฮา และฮา
       
       2.Silver Linings Playbook : ลุกขึ้นใหม่หัวใจมีเธอ
       หนึ่งในสิบหนังชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมครั้งที่ผ่านมา รวมถึงสาขาอื่นๆ อีก 7 สาขา และเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ก็คว้าตุ๊กตาทองตัวแรกในชีวิตได้สำเร็จในตำแหน่งนักแสดงนำฝ่ายหญิง โดยสถานะของหนังบนเวทีออสการ์นั้น มีคุณค่าคล้ายกับไม้ประดับบนเวที เป็นหนังเล็กๆ ที่งดงาม แบบเดียวกับ ไม่ว่าจะเป็น Juno, Sideways, Up in the Air, Lost in Translation, Little Miss Sunshine, Precious หรือ The Blind Side
       
       Silver Linings ย่อมาจากสำนวน Every cloud has a silver Linings. ซึ่งมีความหมายว่า ในความมืดมน ใช่จะไร้แสงสว่าง หรือท่ามกลางความเลวร้ายก็ยังมีสิ่งดีๆ อยู่เสมอ เมื่อบวกรวมกับคำว่า Playbook ซึ่งมีความหมายในทางของการเป็น “ตำรา” หรือ “คู่มือ” Silver Linings Playbook จึงมีความหมายแบบเข้าใจได้ว่าเป็นดั่งตำรามองโลกในแง่ดีหรือคู่มือต่อสู้เพื่อผ่านพ้นเรื่องร้ายๆ ในชีวิต ซึ่งหนังที่สร้างมาจากนิยายของแมทธิว ควิก เรื่องนี้ก็นำเสนอสิ่งนั้นออกมาได้อย่างหมดจดงดงามสะเทือนใจ ผ่านการแสดงที่อินเนอร์แรงสุดๆ ทั้งของแบรดลี่ย์ คูเปอร์ และเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์
       
       3.Amour : รัก
       ถ้าหนังฮ่องกงเรื่องหนึ่งซึ่งแสดงโดยหลิวเต๋อหัว แสดงให้เห็นถึงชีวิตที่งดงามในแบบ A Simple Life หนังของมิคาอิล ฮาเนเก้ เรื่องนี้ ก็คงพูดเป็นอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ Simple Love ซึ่งผ่านการนำเสนอแบบเรียบง่ายและเป็นวิถีแห่งชีวิตโดยแท้จริง หนังว่าด้วยเรื่องสามีภรรยาที่อยู่กินกันมาจนแก่เฒ่าและอยู่ในวันเวลาที่กำลังย่างก้าวสู่การพรากจากแบบนิรันดร์ หนังสามารถตอบโจทย์ได้งดงามในแง่ของการแสดงให้เห็นถึงความหมายของคำว่า “รัก” สมศักดิ์ศรีกับที่กล้าตั้งชื่อว่า “อามัวร์” (Amour) ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งหมายถึง Love ในภาษาอังกฤษ หนังรักหลายเรื่องมีคำว่า “รัก” อยู่ในชื่อเรื่อง แต่กลับไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกสัมผัสได้ถึงพลังของความรัก แต่นั่นไม่ใช่หนัง “รัก” เรื่องนี้อย่างแน่นอน
       
       4.Django Unchained : โคตรคนแดนเถื่อน
       เควนติน ทารันติโน ชื่อนี้การันตีคุณภาพ เขาคือผู้กำกับที่นับได้ว่ามีลายเซ็นเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดคนหนึ่ง อารมณ์ขันแบบตลกร้าย และความวายป่วงของเรื่องราว เป็นสิ่งที่เรามักจะพบเห็นได้ในหนังของเขา พอๆ กับความเยอะของบทสนทนาจนอาจกล่าวได้ถึงขั้นว่า “พล่าม” แต่ทว่าก็เป็นการพล่ามที่น่าฟังและน่าสนใจ จังโจ้ อันเชนด์ มีครบรสทั้งความโหดมันฮาแบบเควนติน ดาราทุกคนในเรื่อง เล่นได้ถึง ไล่ตั้งแต่เจมี ฟอกซ์, คริสต๊อฟ วอลซ์ (ได้ตุ๊กตาทองตัวที่สองสาขาสมทบชายจากงานนี้) ไปจนถึงลีโอนาโด ดิคาปริโอ หรือแม้กระทั่งซามูเอล แอล แจ็คสัน ซึ่งตีบทแตกได้ชนิดที่ว่ากินกันไม่ลง ทั้งนี้ รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ ก็รับประกันได้ระดับหนึ่งถึงคุณภาพของตัวเรื่อง ซึ่งถูกเขียนขึ้นมาอย่างที่เรียกได้ว่าเป็นความทรงจำดีๆ อีกหนึ่งหน้าของคนดูหนัง
       
       5.The Places Beyond Pines : พลิกชะตา ท้าหัวใจระห่ำ
       หนังที่ผมชอบส่วนใหญ่ มักจะเป็นหนังที่ไม่ตัดสินชี้ขาดตัวละครด้วยมาตรฐานของความคิดของตัวเองของผู้กำกับ แต่เปิดพื้นที่และเล่าเรื่องของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของคนดูผู้ชมที่จะนึกคิดจินตนาการหรือตีความไปตามพื้นฐานของตัวเอง ถ้าคนดูมีพื้นที่ส่วนตัวในการที่จะคิดเห็นกับเรื่องราวต่างๆ หนังที่ดีก็ต้องเปิดพื้นที่ให้ตัวละครได้สำแดงความเป็นจริงของตัวเองอย่างเต็มที่ และผมก็เห็นว่า The Place beyond the Pines ทำได้ดีถึงขั้นนั้น ทั้งเรื่องราวและเนื้อหา บทหนังเด่น การแสดงดี และตัวละครมีมิติ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ หนังสามารถแผ่ขยายอาณาเขตทางด้านเนื้อหาออกไปได้ ทั้งในเชิงกว้างและลึก ประเด็นหลายอย่างซ้อนทับกันเป็นขด ไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณแห่งการเป็นพ่อ ความรู้สึกรับผิดชอบ ความใฝ่ฝันที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว ที่สะท้อนความฝันใฝ่ของตัวละครในฐานะมนุษย์คนหนึ่งซึ่งต้องการจะยกระดับตนเองเพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับ
       
       6.Fast And Furious 6 : เร็วแรงทะลุนรก 6
       จากจุดเริ่มของการเป็นหนังแข่งรถในภาคแรกๆ ฟาส์แอนด์ฟิวเรียสค่อยๆ ขยับจักรวาลของตัวเองให้กว้างออกไปในภาคหลังๆ โดยให้พลังกับตัวเรื่องหรือเนื้อหาไม่น้อยไปกว่าความแรงของรถและความบ้าระห่ำของทีมฟาสต์ เอาเป็นว่า ถ้าให้เลือกหนังแอ็กชั่นที่มันที่สุดแห่งปี โดยที่ไม่กลวงเปล่าด้านประเด็นเนื้อหา (การทำงานเป็นทีม, มิตรภาพ, ครอบครัว, ความรัก) ผมเลือกเรื่องนี้เป็นอันดับหนึ่งครับ
       
       7.star trek into darkness : สตาร์เทรค ทะยานสู่ห้วงมืด
       ชัดเจนในแง่ของความเป็นหนังบันเทิง ขนานไปกับการมีเนื้อหาที่จับต้องสัมผัสได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวร้ายซึ่งดูเหมือนจะมีบทบาทต่อพัฒนาการของเรื่องราวในเชิงลึก ความเหี้ยมโหดในแนวทางของความดาร์ก ที่ไม่ได้ร้ายเฉพาะในทางรูปธรรม หากแต่ในจิตใจก็ซ่อนไว้ด้วยความร้ายแบบสุดๆ ความมืดมนอนธการของจักรวาล บางทีก็กลายเป็นเด็กอนุบาลไปเลย เมื่อเปรียบเทียบกับความมืดหม่นในจิตใจของมนุษย์
       
       8.Mud : คนคลั่งบาป
       แม็ทธิว แม็คคอนนาเฮย์ กลับมาท็อปฟอร์มในด้านการแสดงอีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ กับบทบาทของชายผู้มีความน่ากังขาสงสัยในพื้นฐานความเป็นมา บรรยากาศของเรื่องเซ็ตติ้งอยู่ในชนบทของอเมริกา และชวนให้นึกถึงหนังเยี่ยมๆ เรื่องหนึ่งจากวันวานอย่าง Stand by Me เพียงแต่เด็กน้อยสองคนในหนังเรื่องนี้ แตกต่างจากมิคกี้และผองเพื่อนในหนังที่สร้างมาจากปลายปากกาของสตีเฟ่น คิง ตรงที่ว่า พวกเขาไม่ได้ออกไปตามหาศพเด็ก แต่ไปพบกับใครสักคนซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอุกอาจ แม้ตอนจบของเรื่องจะดูประนีประนอมอยู่บ้าง แต่ทว่าโดยภาพรวม มันตอกย้ำยืนยันคำประกาศของใครหลายคนได้เป็นอย่างดีว่า นี่คือหนังอเมริกาที่ดีที่สุดซึ่งได้ไปฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ผ่านมา
       
       9.Monsters University : มหา'ลัย มอนสเตอร์
       หนังภาคต่อของ Monster Inc. ซึ่งย้อนกลับไปเล่าเหตุการณ์ก่อนที่ “ไมค์ วาโซว์สกี้” กับ “เจมส์ พี.ซัลลี่แวน” จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเขย่าขวัญขั้นเทพอย่างเต็มตัว บทหนังเปี่ยมไปด้วยสีสันและมิติ อารมณ์ขันคือความรื่นรมย์ที่ผู้ชมสามารถเก็บเกี่ยวได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะที่ความลึกซึ้งในด้านประเด็นเนื้อหาก็มีซ่อนอยู่หลายชั้น เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูก็ยิ่งขบคิดได้สนุก ขณะยิ้มหัวหรือสุขเศร้าไปกับหนัง
       
       10.The Conjuring : คนเรียกผี
       นี่คือหนังที่กวาดต้อนเอาทักษะอันหลากหลายของหนังผีรุ่นพี่มาใช้สอยอย่างเกิดประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการพึ่งพาซาวด์เอฟเฟคต์ให้คนดูตกใจตามสไตล์ของผีสะดุ้งหรือผีตุ้งแช่, การขับเน้นบรรยากาศให้ดูน่าสะพรึงกลัว ผ่านการจัดแสงและองค์ประกอบต่างๆ ที่ชวนให้ขนลุก ง่ายๆ แค่ตุ๊กตาตัวเดียวก็ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังได้แล้ว สรุปว่ามันคือการนำของเก่ามาบูรณาการและผสมผสานอย่างกลมกล่อมลงตัว จนเกิดเป็นหนังผีที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่ง
       
       11.Pain And Gain : ไม่เจ็บ ไม่รวย
       ม้านอกสายตาที่มาพร้อมกับความเซอร์ไพรส์เกินคาด หนังของไมเคิล เบย์ เรื่องนี้ อาจจะดูแตกต่างไปจากทรานส์ฟอร์เมอร์สที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาจนโด่งดัง แต่ด้วยลีลาน้ำเสียงที่ทั้งสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาถึงคุณค่าความหมายของชีวิต และทั้งเสียดสีเหน็บแนมความเป็นไปในบ้านเกิดของตัวเอง ไมเคิล เบย์ ทำให้หนังเรื่องนี้มีคุณค่ามากไปกว่าการเป็นงานที่บันเทิงมากๆ เรื่องหนึ่ง เพราะเมื่อคำนึงถึงเนื้อหาสาระ งานชิ้นนี้ของผู้กำกับทรานส์ฟอร์เมอร์ส สามารถเทียบชั้นกับงานดีๆ หลายเรื่องที่ใครต่อใครให้คำชื่นชมทำนองว่า “สะท้อนความเป็นจริงทางสังคม” ได้เลย
       
       12.Rush : รัช อัดเต็มสปีด
       คำกล่าวที่ว่า Enemy is the power. หรือ ศัตรูคือยาชูกำลัง น่าจะบอกกล่าวถึงแก่นสารของหนังเรื่องได้อย่างแจ่มชัด มันคือมิตรภาพระหว่างคนสองคน ที่บางมุมก็ดูคล้ายเป็นคู่แข่ง แต่อีกหนึ่งมุม กลับดูหนุนเสริมเพิ่มพลังให้แก่กัน ยิ่งรู้สึกว่ามีคู่แข่ง ยิ่งต้องเร่งตัวเองให้เร็วและแรงเพื่อจะแซงอีกคนให้ได้ ทั้งนี้ โดยไม่รู้สึกอาฆาตมาดร้ายอะไรต่อกัน เพราะแม้จะเป็นคู่ต่อสู้บนลู่แข่ง แต่ก็หยิบยื่นความเป็นมิตรได้ในสนามชีวิต สุดท้าย ว่ากันที่ความประทับใจ ก็คงเพราะมันบอกกล่าวเล่าถึง Human Spirit หรือ “จิตวิญญาณของมนุษย์” ที่ไม่หยุดจะฟันฝ่า ท่ามกลางสภาวะแรงบีบคั้นกดดันของโลกและชีวิต และบางที ชัยชนะบนสนามแข่ง อาจเทียบค่าได้ยากกับชัยชนะอีกหนึ่งแบบ คือ ชัยชนะเหนือจิตใจของตนเอง
       
       13.Prisoners : คู่เดือดเชือดปมดิบ
       ผมจำไม่ได้แล้วว่า อ่านสเตตัสนี้มาจากดฟซบุ๊กของใคร แต่เนื้อความยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ คำนั้นพูดว่า “ระหว่างที่ฉันไล่ล่าต่อสู้กับปีศาจ ฉันก็กลายเป็นปีศาจไปด้วย” คำกล่าวนี้ดูเหมือนจะเข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะกับหนังเรื่องนี้ที่ว่าด้วยเรื่องของครอบครัวที่ลูกคนเล็กหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุและต้องมีการออกติดตาม โดยระหว่างนั้น หนังก็ค่อยๆ เผยเงื่อนงำและตัวละครต่างๆ ที่มีความน่าสงสัยให้คนดูคาดเดาก่อนจะไปเฉลยตอนจบเรื่อง งานชิ้นนี้ถือว่าควรคู่อย่างปฏิเสธไม่ได้กับคำชมที่ได้รับมาอย่างล้นหลาม นักแสดงดี ตัวละครมีมิติ และบทหนังมีความลุ่มลึก หนังเรื่องหนึ่ง มีคุณสมบัติรอบด้านแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
       
       14.About Time : ย้อนเวลาให้เธอ (ปิ๊ง)รัก
       หนังคอมิดี้เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Love Actually “ริชาร์ด เคอร์ติส” ซึ่งมีทั้งแง่มุมความรัก ความสัมพันธ์ในครอบครัว (พ่อ-ลูก) หรือแม้กระทั่งการเรียนรู้เติบโตในทางวุฒิภาวะกับบทเรียนชีวิตที่ไม่ถึงกับเค้นมากจนหนักอึ้ง แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังด้านเนื้อหา ทั้งหมดทั้งมวลมาพร้อมกับอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจและความฟีลกู๊ดงดงาม แน่นอนว่า เราคงมิอาจย้อนเวลากลับไปเหมือนกับตัวละครในเรื่องได้ แต่โลกยุคใหม่ก็สร้างให้มีเครื่องเล่นทันสมัย ทั้งแผ่นดีวีดี ไฟล์ ไปจนถึงบลูเรย์ ที่สามารถทำให้เรารีเพลย์หนังเรื่องนี้ได้อีกหลายๆ รอบ และยังสนุกกับมันได้
       
       15.Gravity : มฤตยูแรงโน้มถ่วง
       งานชิ้นนี้ของ “อัลฟองโซ คัวรอง” ถูกขนานนามว่าเป็น 2001 : A Space Odyssey แห่งปี 2013 มันเป็นหนังแอ็กชั่นไซไฟที่แตกต่างไปจากหนังแนวเดียวกัน เพราะไม่มีตัวร้ายจากต่างดาวอย่างเอเลี่ยนหรืออุกกาบาตที่ต้องเอาชนะ นอกเหนือไปจากจิตวิญญาณและความอ่อนแอภายในจิตใจของตัวเอง แซนดร้า บูลล็อก กับบทนักบินอวกาศ คาดหมายกันว่าคงมีชื่อไปโผล่อีกครั้งบนเวทีออสการ์ และจอร์จ คลูนี่ย์ ก็เช่นกัน หนังงามมาก ภาพสวยมาก การแสดงดีมาก และบทหนังก็น่าประทับใจมาก
       
       16.The Hunger Games : Catching Fire เกมล่าเกม แคทชิ่ง ไฟเออร์
       ยกระดับชั้นจากการเป็นหนังแฟนตาซีพื้นๆ สู่การเป็นภาพยนตร์ที่เข้มข้นด้วยประเด็นเนื้อหา ผ่านสถานการณ์ที่กดดันบีบคั้นความรู้สึก จากเกมไล่ล่าคร่าชีวิตที่มุ่งหมายความลุ้นระทึกเป็นหลัก หนังพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกขั้นด้วยการยกระดับการต่อสู้ในหมู่เกมเมอร์ด้วยกันเองซึ่งมีความเป็นความตายเป็นเดิมพัน กลายเป็นการต่อสู้ที่มีความอยู่รอดของสังคมและโค่นล้มระบอบทรราชเป็นแกนหลัก ภายใต้ฉากหน้าของความเป็นหนังแอ็กชั่นแฟนตาซี นี่คือหนังการเมืองซึ่งซีเรียสเข้มข้นมากที่สุดเรื่องหนึ่งและจะปะทุระเบิดอย่างรุนแรงแน่นอนในภาคต่อไป
       
       17.Like Father, Like Son : พ่อครับ รักผมได้ไหม
       เข้าฉายช่วงวันพ่อ และลุ่มลึกสะเทือนในประเด็นความสัมพันธ์เกี่ยวกับพ่อและลูก หนังญี่ปุ่นของผู้กำกับ Nobody Knows เรื่องนี้ เล่าเรื่องที่ต้องบอกว่าเสียดแทงหัวใจอย่างถึงที่สุด เพราะมันพูดถึงครอบครัวที่เลี้ยงลูกคนหนึ่งมาตั้งแต่เกิดจนอายุ 6 ขวบ ก่อนจะรู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของตัวเอง หนังมีอารมณ์ขัน พอๆ กับมีความลึกซึ้งคมคายกับการโยนคำถามให้กับตัวละครและคนดูร่วมด้วยช่วยกันค้นหาคำตอบว่า สุดท้ายแล้ว ระหว่าง “ดีเอ็นเอ” หรือสายเลือด กับ “วันเวลาที่เราใช้จ่ายไปด้วยกัน” สิ่งไหนจะสำคัญมากกว่า?
       
       18.Frozen : ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ
       นอกไปจาก Despicable Me ภาคสองที่ต้องดูแล้ว ผลงานลำดับที่ 53 ของดิสนีย์เรื่องนี้ก็น่าเก็บสะสมเช่นเดียวกัน นี่คือการกลับมาท็อปฟอร์มอย่างเยี่ยมยอดของวอลต์ ดิสนีย์ หรือแม้กระทั่งว่า หนังการ์ตูนอย่าง Frozen เรื่องนี้ เป็นผลงานที่ดีที่สุดของวอลต์ ดิสนีย์ นับตั้งแต่ Beauty & the Beast หรือ The Lion King เลยก็ว่าได้ และนั่นก็ไม่เกินเลยความจริงแต่อย่างใด เพราะ Frozen มีมวลสารองค์ประกอบแบบที่แฟนหนังยุคเก่าของวอลต์ ดิสนีย์ ชื่นชอบ มันคือการกลับไปสู่กรอบหรือขนบแบบแผนของดิสนีย์ที่มักจะพิงตัวเองอยู่กับเรื่องราวเชิงเทพนิยายเจ้าหญิงเจ้าชาย (Fairy Tale) ขณะเดียวกันก็มีมิติด้านเนื้อหาสาระผสมผสานไปกับความบันเทิงได้แบบลงตัว ชื่อ Frozen ที่ชวนให้นึกถึงความเหน็บหนาวสุดขั้ว กลับทำให้ทุกคนที่ได้ดูได้ชม รู้สึกอุ่นในหัวใจ ด้วยเรื่องราวที่นอกจากเรื่องรักอันละมุนละไม ยังแฝงไว้ด้วยแง่มุมแห่งความเป็นคน ไปจนกระทั่งการค้นพบตัวเอง (Self Discovery) กล่าวอย่างเรียบง่ายก็คือ ขณะที่เล่าเรื่องซึ่งอ่อนหวานปานเทพนิยาย Frozen ก็แพรวพรายด้วยเนื้อหาอีกหลากแง่หลายมุม เปิดจินตนาการให้คนดูได้ขบคิดตีความ
       
       19.Blue Jasmine : วิมานลวง
       สารภาพจากใจว่าผมยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ เนื่องจากหนังเข้าฉายในโรงจำกัดและไกลบ้าน แต่ก็ยังอยากจะสนับสนุนให้เก็บ นี่คือผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของวู้ดดี้ อัลเลน คนทำหนังระดับปัญญาชนที่มักจะมีคารมคมคายจิกกัดได้อย่างน่าฟัง และเท่าที่เช็กจากกระแส อาจจะส่งให้นักแสดงหญิงอย่างเคท แบลนเชตต์ ก้าวไปไกลถึงออสการ์ได้เหมือนกัน ส่วนของตัวเรื่อง ไว้ได้ดูแล้วเมื่อไหร่ จะมาแชร์ความคิดเห็นกันครับ
       
       20.American Hustle : โกงกระฉ่อนโลก
       อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ดีมากๆ ซึ่งได้ดูช่วงส่งท้ายปีเก่าพอดิบพอดี เดวิด โอ. รัสเซลล์ ถือได้ว่าเป็นผู้กำกับระดับที่เชื่อมือได้ในมาตรฐานการทำหนัง โดยเฉพาะงานยุคหลังๆ ที่ส่งให้ชื่อของเขาโด่งดังขึ้นมาบนเวทีออสการ์ ไล่ตั้งแต่ The Fighter มาจนถึง Silver Linings Playbook งานของเขามักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกของคนหรือตัวตนของตัวละครที่ยอกย้อนมีปมหรือบาดแผลหลบมุมอยู่ในเบื้องลึกเบื้อหลัง และสิ่งนี้ก็มักจะนำมาซึ่งความขัดแย้งที่นำไปสู่การปะทะกันกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยอาจจะมีผลลัพธ์เป็นความงดงามหรือเจ็บปวดหัวใจสลายก็ได้ทั้งนั้น
       
       American Hustle ได้การแสดงที่ยอดเยี่ยมจากนักแสดงหลักทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียน เบล, เจเรมี่ เรนเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ คูเปอร์ หรือแม้กระทั่งโรเบิร์ต เดอ นีโร ที่โผล่มาไม่กี่ฉาก ทว่าก็มีความน่าจดจำ และที่ต้องแสดงความนับถือด้วยหัวใจเต็มร้อยก็คงเป็นสาวน้อยเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ซึ่งโดดเด่นมากจากบทบาทหญิงลูกหนึ่งซึ่งยากจะคาดเดาได้ในการกระทำของเธอ หนังเรื่องนี้ว่าด้วยปฏิบัติสุมหัวกันต้มตุ๋นอย่างร้ายกาจ นอกจากต้มคนอื่น ต้มคนกันเอง บางที ยังต้มได้แม้กระทั่งตัวเองเสียอีกด้วย ขณะดูหนังไป เราก็เหมือนจะตกอยู่ในสภาวะเดียวกันกับตัวละครในเรื่อง คือ เอาเข้าจริง ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าตรงจุดไหนกำลังเป็นเรื่องจริง หรือตรงจุดใดกำลังเป็นความลวง คำกล่าวหนึ่งซึ่งปรากฏอยู่ในหนังและเหมือนเป็นเชิงอรรถอธิบายเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดีก็คือ ตัวละครแต่ละตัวต่างก็มีชีวิตอยู่ด้วยความหลอกลวง หรือ เพราะความลวง จึงทำให้อยู่รอดได้ ฟังดูก็ชวนให้รู้สึกขมขื่น แต่ก็นั่นแหละ เหลียวมองไปรอบๆ นอกโรงหนัง เรื่องอย่างนี้ก็ใช่ว่าจะหาได้ยากเย็น
       
       หลายขวบปีที่ผ่านมา เราคนไทยเจ็บปวดหัวใจกับการโกงกระฉ่อนโลก และคำลวงของคนเลวๆ มาเพียงพอแล้ว พ.ศ.ใหม่ที่กำลังมา หวังว่าทุกท่านจะไม่ต้องได้พบพานกับอะไรแบบนั้นอีกนะครับ อันนี้คือความฝัน สวัสดีปีใหม่อย่างเป็นทางการครับ

" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
jverakul
Verified User
โพสต์: 1959
ผู้ติดตาม: 1

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 762

โพสต์

:oops: ขอโทษครับ ลืมบอกแหล่งข่าว

http://www.manager.co.th/Entertainment/ ... 0000000535
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 763

โพสต์

ปีที่แล้วนี่ผมยกให้ Gravity เลยครับ

เมื่อสิ้นปีไปดู Police Story 2013 หรือวิ่งสู้ฟัด ผมไม่แน่ใจว่าภาคนี้ภาคที่เท่าไหร่แล้ว 5 หรือ 6 จำไม่ได้จริงๆครับ
เรื่องเกี่ยวกับที่พระเอกเราต้องเข้าไปพันพันกับผู้ร้ายขังคนในผับเป็นตัวประกัน และมีปมอะไรต่างๆที่ทำให้ก่อเหตุ
ส่วนตัวแล้วชอบภาคเก่าๆมากกว่าครับ ภาคนี้ดูได้เรื่อยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร รอบที่ผมดูมีคนดูแล้วหลับ แถมกรนดังมาก :?
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 764

โพสต์

12 years a slave
เรื่องนี้ดูตัวอย่างตอนแรกแล้วน่าดูมากๆๆ
ทำไมน่าดูเพราะว่าเป็นเรื่องของคนผิวดำที่เป็นเอกภาพแล้ว
ทำไมเข้าถึงเป็น ทาส เป็นระยะเวลา 12 ปี ละ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2014 มากที่สุด
เรื่องนี้ได้รับคำแนะนำใน Facebook ของคุณหมอเค ด้วยว่าเป็นเรื่องที่น่า

เมื่อผมไปดู มีความรู้สึกอย่างหนึ่งคือ
ความเป็นทาส ไม่มีปากไม่มีเสียง ไม่มีสิทธิ์เทียบเท่ากับ บุคคลธรรมดาหรือเปล่า
ซึ่งเป็นตอนที่แบรด์ พิตต์ ออกมาพูด ซึ่งเป็นตอนท้ายๆเรื่องแล้ว
แต่ตอนจบ ผมรู้สึกว่า มันไม่ยุติธรรมในช่วงนั้นคือ คนดำไม่สามารถฟ้องคนขาวได้
ไม่ว่าเป็นคดีความอะไรก็ตาม มันเป็นเหมือนสิทธิพิเศษของกลุ่มคนหนึ่งเท่านั้น

มันเป็นความโชคดีที่เมืองไทย เลิกทาสด้วยการไม่เสียเลือดเสียเนื้ออะไรเลย
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 765

โพสต์

เมื่อวานไปดู The Wolf of Wall Street มาครับ
เป็นหนังที่ "บ้ามาก" ครับ
แค่เปิดเรื่องมาก็เท่แล้วครับ หนังเล่าชีวิตของ Jordan Belfort ตั้งแต่จุดสูงสุด จน จุดต่ำสุด
เนื้อเรื่องมีทั้ง SEX ยาเสพย์ติด การปั่นหุ้น ติดสินบน ฟอกเงิน เรียกว่าครบครับ
ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้รวมกันเป็นคำว่า บ้า ครับ ดูสนุกมาก

อีกเรื่องคือหนังยาวครับ ผมดูรอบ 13.20 ออกมาอีกทีเกือบ 16.30 (ตัวหนังจริงๆยาวประมาณ 3 ชม.)

ปล. หนังเรื่องนี้เรท R นะครับ ฉากSEX กับยาเสพย์ติดทั้งเรื่องครับ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 766

โพสต์

JobJakraphan เขียน:เมื่อวานไปดู The Wolf of Wall Street มาครับ
เป็นหนังที่ "บ้ามาก" ครับ
แค่เปิดเรื่องมาก็เท่แล้วครับ หนังเล่าชีวิตของ Jordan Belfort ตั้งแต่จุดสูงสุด จน จุดต่ำสุด
เนื้อเรื่องมีทั้ง SEX ยาเสพย์ติด การปั่นหุ้น ติดสินบน ฟอกเงิน เรียกว่าครบครับ
ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้รวมกันเป็นคำว่า บ้า ครับ ดูสนุกมาก

อีกเรื่องคือหนังยาวครับ ผมดูรอบ 13.20 ออกมาอีกทีเกือบ 16.30 (ตัวหนังจริงๆยาวประมาณ 3 ชม.)

ปล. หนังเรื่องนี้เรท R นะครับ ฉากSEX กับยาเสพย์ติดทั้งเรื่องครับ
มันไม่ Rate R ครับ เกือบจะ X ด้วยซ้ำ
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 767

โพสต์

miracle เขียน: มันไม่ Rate R ครับ เกือบจะ X ด้วยซ้ำ
:)
พี่มิพูดแบบนี้ ป่านนี้เต็มทุกโรง แน่นทุกรอบครับ :oops:

วันนี้เอาหนังสั้นที่เล่าในส่วนของ Trevor Slattery หรือนักแสดงมากฝีมือที่ทำให้คนดูและทุกตัวละครใน Iron Man 3 อึ้งไปตามๆกัน หลายๆคนอ่านแล้วอาจงงว่าเขาคือใคร ยังไงลองชมชีวิตเซเล็บของเขาหลังจากเหตุการณ์ใน Iron Man 3 ได้เลยครับ
http://www.marvel.com/videos/watch/3079 ... g_-_clip_1

ปล. ใครยังไม่ได้ดู IRON MAN 3 ไม่ควรดูครับ ส่วนใครที่ได้ดูแล้วต้องดู
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 768

โพสต์

วันจันทร์ที่ผ่านมาได้ไปดู The Lego Movie มาในระบบ 3D ครับ
ผมคิดว่าเป็นอนิเมชั่นที่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆจากชัดเจน เพราะมันคือตัว Lego
การเดิน ขยับแขนขายังคงความเป็น Lego ไว้ครบ
ตัวCG ผมว่าทำได้ดีมาก ให้ความรู้สึกเป็น Lego 100% จริงๆเลย
ทีมงานใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อย่างควันไฟ น้ำ ก็ยังทำออกมาเป็นรูปแบบ Lego
หนังมุกกระจาย ยิ่งถ้าเป็นแฟนของ DC Comic จะฮาเป็นพิเศษครับ ดูเบาสมองหัวเราะเรื่อยๆครับ

ผมไม่ได้ดูหนัง 3D มานานมากแล้ว เลยเพิ่งสังเกตว่าโฆษณาก่อนหนังฉายเดี๋ยวนี้มีแต่ตัวอย่างหนังที่เป็น 3D
เลยทำให้โฆษณาน้อย รู้สึกดีมากครับ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 769

โพสต์

เมื่อวานมีโอกาสเข้าโรงหนังไปดูเรื่อง กับตัน อเมริกา
สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงในโรงหนังคือ เรื่องของภาพที่ฉาย
ณ ตอนนี้เป็นระบบ Digital หมดแล้ว สำหรับโรงที่ผมไปชม

หลังๆๆ หนังสอนเรื่องการแฝงตัวในองค์เพื่อล้วงความลับกันหลายเรื่อง
มันเป็น Trend ของหนังช่วงนี้หรือเปล่าหนอ
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 770

โพสต์

เมื่อช่วงสงกรานต์ได้ไปดู Captain America: The Winter Soldier มาครับ
ก็ดูเพลินๆดีครับ เนื้อเรื่องก็พอเดาได้ถ้าชอบหนังพวกสายลับ จารชลอะไรประมาณนี้
เพราะตามจริง Cap นี่แค่แกร่งกว่าคนธรรมดา + ยุทธวิธีการรบสมัยสงครามโลก ไม่ได้ปล่อยพลังหรือบินได้แบบคนอื่น
ฉากแอคชั่นก็ทำออกมาสนุกสไตล์ Superhero ครับ ยิ่งใครอ่าน comics ของค่ายนี้ยิ่งรู้ว่าใครเป็นใคร
มีมุกตลกแทรกเป็นระยะๆตามสไตล์หนังของค่ายนี้

ที่น่าสนใจเรื่องแรกคือ Disney-Marvel คงได้ฟรานไชส์จาก superhero แล้วขยายออกไปอีกเรื่อยๆ
ใครจะคาดคิดว่าจะมี superhero ออกมาโลดแล่นบนจอภาพยนต์มากมายขนาดนี้ ยังไม่นับตัวอื่นๆที่จะตามมาอีก
รายได้จากหนัง จากของเล่น ค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ

ผมได้อ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนต์ superhero ในปัจจุบันโดยเริ่มจากการที่ Marvel ได้ขายลิขสิทธิ์ ของ SpiderMan และ X-Menไป ทำให้พวกเขาต้องไปขุดคุ้ยหา superhero ในค่ายตัวอื่นๆที่พอจะทำเป็นหนังได้ (เพราะตัวที่ดังที่สุดของ Marvel คงหนีไม่พ้น Spiderman เมื่อขายไปแล้วตัวเองอยากสร้างหนังก็ทำไม่ได้) เนื่องจากฮีโร่ตัวอื่นๆเมื่อขายหนังออกไปสู่ตลาดโลกอาจไม่เป็นที่รู้จักนัก ถึงแม้แฟนๆในประเทศจะมีก็ตาม ก็เลยได้เห็นฮีโร่หลายๆตัวโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มทุกวันนี้ (แม้กระทั่ง Guardians of the Galaxy ผมเชื่อว่าหลายๆคนก็ไม่รู้จัก) แถมยังมีการโยงเรื่องต่างๆเข้าด้วยกันอีกต่างหาก

และที่น่าสนใจคือตัวละครใหม่ท้ายเครดิต 2 คน ว่านี่คือวิธีที่ Marvel พยายามปูทางรอวันที่ลิขสิทธิ์ของพวกเขากลับมาหรือเปล่า
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 771

โพสต์

Under the Skin เรื่องนี้ตอนแรกไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แต่เข้าไปดูแล้ว มันเป็นหนังที่ใช่เลย แปลก แหวกแนวกว่าเรื่องไหนๆๆ
แต่มีกลิ่นอายของเรื่องเพศไปซักหน่อย และการใช้ โมโน (จินตนาการ) มากเลย

เรื่องนี้มีบทพูดที่น้อย แถมฟังออกยากมากๆๆ ตอนแรกฟังไม่รู้ว่าเป็นภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ

สิ่งที่ผมได้จากเรื่องนี้ คือ "รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ" นั้นเอง

สังคมนี้เราไม่รู้เลยว่า คนที่มาพูดคุยกับเรานั้นประสงค์อะไร
หนังในเรื่องนี้ จ้องแต่คนที่มีชีวิตคนเดียว ไม่มีคนรอบข้าง
ดังนั้น หนังมันสะท้อนภาวะของสังคมในปัจจุบันได้ดีทีเดียว
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 772

โพสต์

miracle เขียน:Under the Skin เรื่องนี้ตอนแรกไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แต่เข้าไปดูแล้ว มันเป็นหนังที่ใช่เลย แปลก แหวกแนวกว่าเรื่องไหนๆๆ
แต่มีกลิ่นอายของเรื่องเพศไปซักหน่อย และการใช้ โมโน (จินตนาการ) มากเลย

เรื่องนี้มีบทพูดที่น้อย แถมฟังออกยากมากๆๆ ตอนแรกฟังไม่รู้ว่าเป็นภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ

สิ่งที่ผมได้จากเรื่องนี้ คือ "รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ" นั้นเอง

สังคมนี้เราไม่รู้เลยว่า คนที่มาพูดคุยกับเรานั้นประสงค์อะไร
หนังในเรื่องนี้ จ้องแต่คนที่มีชีวิตคนเดียว ไม่มีคนรอบข้าง
ดังนั้น หนังมันสะท้อนภาวะของสังคมในปัจจุบันได้ดีทีเดียว
:)
ลองอ่านคำวิจารณ์หนังเรื่องนี้ได้ที่
มากกว่าฉากโป๊ ของสการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน : Under the Skin
http://www.manager.co.th/Entertainment/ ... 0000045513
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 773

โพสต์

the amazing spider-man 2
หนังเรื่องมีครบทุกรสชาติ เลยทีเดียว
มีทั้งความสุข ความทุกข์จากความสูญเสียคนที่รักไป
การตามหาสิ่งที่ตัวเองขาดจากความรักของผู้บังเกิดเกล้า ที่สูญเสียไป
ตามหาสาเหตุว่าทำไมผู้บังเกิดเกล้าถึงได้จากไป
แต่มีคำหนึ่งที่ผมได้ยินติดหูมาตั้งแต่ Spider Man คือ
Do you have a choice ?
แต่เรื่องนี้บอกเลยว่า ผม/ฉัน สามารถเลือกตัวเลือกที่ต้องการได้ตามใจของตัวเอง
มิใช่คนอื่นมาเลือกให้ ทำอะไรทำตามฝัน (ขอเพิ่มเติมคือ อย่าไปเหยีบหางใครเข้าละกัน เดี๋ยวจะเจอตอ)
แต่อย่างไรเสีย เรื่องนี้เป็นหนังยาวมากๆๆ ทำให้ไม่ได้ดูของแถม ตอนท้ายของ Credit เพราะทนอาการปวดเบาเพื่อเข้าห้องน้ำไม่ได้ (เป็นสัญญาณการเตือนว่า อายุเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแล้วล่ะเนี่ย)
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 774

โพสต์

miracle เขียน:the amazing spider-man 2
หนังเรื่องมีครบทุกรสชาติ เลยทีเดียว
มีทั้งความสุข ความทุกข์จากความสูญเสียคนที่รักไป
การตามหาสิ่งที่ตัวเองขาดจากความรักของผู้บังเกิดเกล้า ที่สูญเสียไป
ตามหาสาเหตุว่าทำไมผู้บังเกิดเกล้าถึงได้จากไป
แต่มีคำหนึ่งที่ผมได้ยินติดหูมาตั้งแต่ Spider Man คือ
Do you have a choice ?
แต่เรื่องนี้บอกเลยว่า ผม/ฉัน สามารถเลือกตัวเลือกที่ต้องการได้ตามใจของตัวเอง
มิใช่คนอื่นมาเลือกให้ ทำอะไรทำตามฝัน (ขอเพิ่มเติมคือ อย่าไปเหยีบหางใครเข้าละกัน เดี๋ยวจะเจอตอ)
แต่อย่างไรเสีย เรื่องนี้เป็นหนังยาวมากๆๆ ทำให้ไม่ได้ดูของแถม ตอนท้ายของ Credit เพราะทนอาการปวดเบาเพื่อเข้าห้องน้ำไม่ได้ (เป็นสัญญาณการเตือนว่า อายุเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแล้วล่ะเนี่ย)
:)
ลืมอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญในหนังเรื่องนี้คือสื่อ
คือพลังงานไฟฟ้า ถ้าขาดแคลนมัน ก็ทำให้ทุกอย่างใช้งานมิได้
ณ ตอนนี้มนุษย์พึ่งพาพลังงานไฟฟ้าอย่างมากมาย มันมีคุณและโทษอยู่ในตัวของมัน
แต่เราก็ใช้มันในด้านที่เป็นคุณประโยชน์ ดังนั้นเวลาที่กระแสไฟฟ้าไม่มีทำให้กิจกรรมของมนุษย์ได้ผลกระทบไปทั้งหมด (ในตอนท้ายของเรื่อง หรือ ตอนกลางเรื่องจะภาพนี้)
ยิ่งตอนนี้มันหน้าร้อนของเมืองไทย ผมตั้งแต่เ็ด็กแล้ว กฟน /กฟผ/กฟภ ก็ประกาศเรื่องปริมาณการใช้ไฟฟ้าทำยอดสถิติใหม่แทบทุกปี(มีช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งที่ยอดลดลงเท่านั้นเพราะ โรงงานปิดตัว สำนักงานปิดตัวลงไปมากมาย)
แล้วยิ่งประเทศไทยนั้นมีปัญหาเรื่องการขัดค้านการสร้างโรงงาน ทั้งจากพลังงานถ่านหิน พลังงานนิวเคลียร์(อันนี้จากสาเหตุจากญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ประเทศในแถบยุโรปมีโครงการลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์เพราะกลัวอย่างมากมาย) จึงเกิดการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนต่างๆๆ ไล่ตั้งแต่พลังงานลม พลังงานคลื่น พลังงานแสงอาทิตย์ แต่การทดแทนก็ยังคงไม่เท่ากับการประหยัดกระแสไฟฟ้าที่ดำเนินการทำไปด้วย มิฉะนั้น การเติบโตของบ้านเรื่อง ห้างร้าน ตึก คอนโดมิเนี่ยม บ้านจัดสรร โรงงาน ถนนหนทาง รถไฟฟ้า รถไฟฟ้าความเร็วสูง ฯลฯ มันก็ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าด้วย
ในเรื่องตอนท้ายๆๆ มีการฉายเรื่องการควบคุมการจราจรทางอากาศ ที่เมื่อไฟดับแล้ว ศูนย์ควบคุมการบินตาบอด ไม่เพียงเท่านั้น กัปตันเครื่องบินก็ไม่สามารถใช้เรดาร์ได้ ทำให้มีเรื่องที่ต้องลุ้นว่า กระแสไฟฟ้ากลับมาทันเวลาหรือเปล่า มิฉะนั้นคนที่โดยสารบนเครื่องก็ดี พนังงานต้อนรับบนเครื่องพร้อมทั้งกัปตันต้องสังเวยเหตุการณ์ไฟดับครั้งนี้
ไม่เพียงแค่นั้น ลามไปถึงโรงพยาบาลที่มีคนไข้ ทั้งที่เป็นคนไข้หนัก คนไข้ฉุกเฉิน จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆๆทำงานเมื่อมีกระแสไฟฟ้าป้อน ดังนั้น เรื่องของแบตเตอรี่สำรองภายในโรงพยาบาลก็สำคัญ
จากประสบการณ์การทำงานของผม ในเรื่องการสำรองไฟฟ้า หลายต่อหลายหน่วยงาน มีแบตเตอรี่สำรองอย่างดี แบบ Active-Active (แบบโหลดเท่าๆกัน หรือ แชร์โหลด หรือ แบ่งตามเฟส) หรือ แบบ Active-Standby แล้วยังมีเครื่องปั่นไฟฟ้าอีกต่างหาก เป็นตัวป้องกันสองชั้น แต่สุดท้าย เมื่อกระแสไฟฟ้าไม่มาตามเวลา ระบบเครื่องปั่นไฟฟ้าไม่ทำงาน ทุกอย่างก็จบเหตุ หรือ ไม่ได้ทดสอบ ตรวจสอบระบบฯทุกอย่างให้ถี่ถ้วนก็ไฟฟ้าดับ
ยิ่งช่วงนี้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายต่อหลายพื้นที่ อาจจะส่งผลต่อสายส่งไฟฟ้าแรงสูงทำให้โครงข่ายของการไฟฟ้าทั้งสามที่เป็นใยแมงมุมก็ผังทลายลงได้เหมือนกัน ถึงแม้นจะโอกาสเกิดน้อยมากๆๆ (เหมือนเคสดวงดีเกิดที่เกาะทางใต้เมื่อปีที่แล้ว ที่สายหลักขนาดใหญ่กว่าสายสำรอง เลยเดี้ยงทั้งสองเส้น ทำให้ต้องระดมรถปั่นกระแสไฟฟ้าไปที่เกาะแห่งนี้)
เนี่ยคือสิ่งที่ดูหนังแล้วย้อนดูว่าอะไรคืออะไร แล้วหนังบ่งชี้อะไรบ้าง
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 775

โพสต์

วันนี้ไปดู The Amazing Spider-Man 2 แบบ 3D มาแล้วครับ
ขอถอนคำพูดจากที่ไปดู The Lego Movie 3D มาว่าโฆษณาน้อยครับว่าไม่จริงเลย
ยังเยอะเช่นเดิม เรียกว่าโฆษณาก็พัฒนาตัวเองกลายมาเป็นหนังสั้นกันเลยทีเดียว
เห็นก่อนหนังฉายมีโฆษณาว่าเป็นระบบเสียง Dolby Atmos คือมีลำโพงบนเพดานด้วย
แต่ส่วนตัวผมคิดว่าก็ไม่ได้ต่างกันมาก ส่วนภาพนี่ CG เขาทำสวยเลยครับ
ผมชอบฉากเวลาสู้กับ Electro แล้วมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเห็นเป็นคลื่นสีฟ้าๆ ภาพสวยดี
ในเรื่องมีโฆษณาแฝงพวก product ของ Sony แบบแอบๆ

เนื้อเรื่องก็สนุกใช้ได้ครับ แต่อาจจะไม่เข้มข้นนัก ปริศนาของครอบครัว Parker ที่ปูไว้ตั้งแต่ภาคก่อนจะเฉลยในภาคนี้ทั้งหมด
Andrew Garfield ยังรักษาความเกรียนของ Spider-Man ได้ตามมาตรฐาน มีปู่Stan Leeโผล่มาเช่นเดิม
มีฉากกุ๊กกิ๊กมากขึ้นกว่าภาคก่อน
เนื้อเรื่องตอนท้ายบีบหัวใจมาก (ถึงแม้คนที่อ่าน comics จะทราบอยู่แล้วว่ามันต้องเกิดขึ้น)
เนื้อเรื่องภาคนี้ปูไปยังเรื่อง Sinister Six ซึ่งผมไม่รู้หนังจะออกมายังไง
แต่เห็นชุดต่างๆใน OsCorp ก็พอเดาได้ว่าจะมีใครบ้าง

ฉากหลังเครดิตนี้ไม่ดูก็ไม่เสียหายครับเพราะมันเป็นตัวอย่างของ X-Men : Days of Future Past
แถมถ้าอยากดูในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Spider-Man จริงๆต้องยุ่งยากขึ้นอีกหน่อย
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2014 เว็บไซต์ MovieWeb ได้รายงานว่า ข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวร้ายที่จะปรากฏในหนัง The Sinister Six กำลังจะถูกเปิดเผยในช่วงท้ายเครดิตของ The Amazing Spider-Man 2 โดยผู้ชมสามารถใช้แอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า Shazam อัดเสียงเพลงที่บรรเลงในช่วงท้ายเครดิต ผลที่ได้คือแอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะส่งตัวภาพตัวอย่างจากทีเซอร์ของ The Sinister Six มาให้ได้ชมก่อนใคร

cr. http://movie.kapook.com/view87441.html
อันนี้แถมครับ เห็นใช้ริงโทนเพลงนี้ผมหัวเราะก๊ากเลย เกรียนทุกเม็ดครับ
[youtube]4o29VoxtsFk[/youtube]
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 776

โพสต์

ไปดูเรื่อง bad neighbours เป็นเรื่องของเพื่อนบ้านทะเลาะกัน
โดยที่เพื่อนบ้านเป็นนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยที่มีความฝันเรื่องการจัด Party
แต่ไมได้คิดถึงเรื่องของชีวิตหลังจากการจบการศึกษา (เป็นลูกจ้าง)
เรื่องนี้ ติดเรท นิดหน่อย เด็กๆต้องระวังด้วยละครับ
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 777

โพสต์

X-men ภาคนี้สนุกครับ
บอกได้อย่างเดียวไปดูให้ได้ละครับ
ที่แปลกใจคือ ไปดูที่สกาล่า ปรากฏว่า คนดูเพียบเลย มากกว่าปกติเลยล่ะครับ
รอบ 10.00 น. ผมไปก่อนเวลาประมาณ 5 นาที เข้าคิวยาวประมาณ 10 คน พอกำลังเดินเข้าโรงคิวคนซื้อตั๋ว
ยาวพอควรครับ 10 กว่าคนไม่ได้ลดลงไปเลยกลับยาวกว่าเดิมด้วยครับ

เนื้อเรื่อง ภาคนี้ มันเหมือนว่า เมื่อเราย้อนกลับไปอดีต แก้ไขอดีตได้ มันก็เปลี่ยนแปลงปัจจุบันที่เป็นอยู่ได้
โดยเข้าไปเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของบุคคลคนเดียว เพื่อให้เหล่า X-men รอดจากการล้างบางจากเหล่าเครื่องจักรกร
เอาแค่นี้พอหอมปากหอมคอ

อาทิตย์หน้าไปดูตำนานสมเด็จพระนเรศวรต่อ
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 778

โพสต์

ไปดู X-Men Days of Future Past มาแล้วครับ สนุกมากๆๆๆ

เนื้อเรื่องจะว่าด้วยเรื่องของเหล่า Mutant หรือมนุษย์กลายพันธุ์ในอนาตค(หลังเหตุการณ์ X-Men 3 ไปไกลเลย)ที่โดนตามล้างบางโดนเจ้าหุ่นยนต์พิฆาต Sentinel ที่แบบว่าเก่งโคตรๆ สู้ไม่ได้ ซึ่งก่อนที่จะตายกันหมดก็เลยส่งพี่วูล์ฟเวอรีนกลับไปอดีตเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น หนังจะเล่าช่วง 1973 (หลังเหตุการณ์ X-Men : First Class แต่เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวของ X-Men Origins - Wolverine) หนังลุ้นมากเพราะระหว่างที่เหตุการณ์ในอดีตยังแก้ไขไม่เสร็จสิ้น Mutantในอนาคตก็สู้กันสุดชีวิต

นักแสดงเล่นได้ดีครับ ผมชอบที่สุดคือ Jennifer Lawrence ปกติก็ปลื้มอยู่แล้ว ดูมีเสน่ห์มาก ในเรื่องมีฉากที่ต้องพูดภาษาเวียดนามด้วย ดูคล่องดีครับ มีอีกคือคนที่เล่นเป็นทีเรียนใน Game of Thrones ผมจำชื่อไม่ได้แต่เหมือนแต่ผมว่ายังติดภาพของทีเรี่ยนอยู่เลยไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่

ฉากแอคชั่นสนุก แสง สี เสียงตื่นเต้นมากครับแต่ผมไม่ได้ดู 3d แต่เพื่อนที่ได้ดู3dก็บอกว่าคุ้มค่าครับ ชอบฉากแอคชั่นของ Quicksilver ครับเพลินดี

ประเด็นที่ผมสนใจคงเป็นเรื่องของธุรกิจเช่นเคยครับจากโพสก่อนที่ผมโพสเกี่ยวกับเจ้าตัวละครท้ายเครดิตของCaptain America ซึ่งมันดันมามีบทบาทใน X-Men (ซึ่งจริงๆมันไม่ควรไปโผล่ในCapเร็วขนาดนี้ด้วยซ้ำ) ซึ่งผมไม่แน่ใจว่านี่คือการตอบโต้กันหรือเป็นการร่วมมือกัน แต่น่าสนใจจริงๆครับว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง

มีฉากท้ายเครดิตด้วยครับ ถ้าใครที่ดูแล้วงงว่าคือใครรลองGoogleดูได้ครับ
โดยรวมให้ 9/10 ครับ


ข้างล่างนี้ spoil นิดๆครับ
.
.
.


ปล. อ้างอิงจากคอมมิค Quicksilver จริงๆเป็นลูกของ Magneto แต่ในหนังไม่ได้พูดอะไรมากแต่มีฉากที่ Quicksilver กับ Magneto พูดเพียงสั้นๆ(สั้นมาก) ขนาดเจ้าตัวทั้งคู่ยังไม่รู้ครับ รวมถึงน้องสาวด้วยแต่ขอละชื่อไว้ละกันเพราะภาคนี้ไม่มีบทบาทอะไรเลย โผล่มาแว๊บเดียว
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 779

โพสต์

ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค ยุทธหัตถี
เล่าเรื่องตามถนัดคือ ช้าๆๆ แล้วค่อยดีขึ้น แต่สุดท้ายก็ จบแบบ งง อีกแล้ว เหมือนภาค 3-4 เลย
จบแบบงง
หนังภาคนี้สั้นไปหน่อยในสายของผมคือ 2 ชั่วโมง 5 นาทีเท่านั้น หนังน่าจะยาวไปเลย 3 ชั่วโมงเพื่อความครบถ้วนกระบวนความ เนื่องจาก มีเหตุการณ์หลังจากนั้นอีกนิดหน่อย ซึ่งเป็นประเด็นในประวัติศาสตร์ (ถ้าหากดูละครเรื่องขุนศึก มันเป็นเหตุการณ์เดียวกันกับ เรื่องนี้
ปล ไปดูแถวสยาม คนดูไม่มากเท่าไร เพราะเหตุการณ์ไม่ปกติเท่าไร

:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: update หนัง เข้าใหม่กันหน่อย

โพสต์ที่ 780

โพสต์

มีการ์ตูนเรื่องนึงเป็น anime ของ toei ไม่ดังเท่าไร แต่ได้รับเสียงตอบรับจาก เจมส์ คาเมรอน ว่าดี

Space Pirate Cantain Harlock ผมชอบมากตอนเด็ก

สนุกมั๊ย เรื่อย ๆ

ชอบมั๊ย ชอบ

มาตอนนี้เหมือนเติมฝันในวัยเด็กให้เต็ม
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/