VI บ้าน ๆ

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 631

โพสต์

ddoo7 เขียน:เห็นเช็คคืนภาษีของครอบครัวนุชแล้วตาร้อนปุดๆ :oops:
ไม่ใช่ที่จำนวนนะครับ แต่เป็นได้คืนเงินภาษีที่หักจากหุ้น
ขณะที่ผมพยายามขอคืนภาษีจากเงินปันผล(นิดหน่อยนะครับ)ไม่สำเร็จมา 3 ปีติดต่อกัน
ทั้งที่หอบใบรับรองหักภาษีของหุ้น 20% 25% ไปให้เจ้าหน้าที่ดู พอเค้าช่วยคิดและตรวจสอบแล้ว กลายเป็นเราต้องเสียเพิ่ม เลยต้องถอนออกมา
ถ้าเป็นไปได้คุณนุช ช่วยเขียนเป็นวิทยาทานด้วยครับ :D
ยังติดตามอ่านมุมมอง สาระดีๆของคุณนุชเสมอ :mrgreen:
มาอ่านดีๆ อีกครั้ง...

ถ้าฐานภาษีสูง (เงินเดือนสูงอยู่แล้วอาจเป็นแบบที่เจ้าหน้าที่บอกค่ะ...คือต้องเสียเพิ่ม)
โดยส่วนตัวก็กรอกไปเรื่อยค่ะ แต่ยื่น online เราก็เตรียม scan เอกสารต่างๆ ไว้ค่ะ
ถ้าเจ้าหน้าที่ดูข้อมูลแล้วอยากขออะไรเพิ่มเราค่อยส่ง file ไปเพิ่มค่ะ

แนะนำให้สมัครสมาชิก TSD Investor Portal สะดวกมากๆ ในการขอข้อมูล
เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นของเราทั้งหมดเพื่อใช้ประกอบการยื่นภาษีได้ด้วยค่ะ
(เป็น file ให้ download ไว้ ประกอบการยื่อภาษี online ได้เลยค่ะ)
สะดวกมากๆ ใช้บริการแล้วจะติดใจ ตาม link นี้ค่ะ

http://portal.tsd.co.th/th/investorport ... ortal.html

.................................

เรื่องเครดิตภาษีขอนำ link ที่เกี่ยวข้องมาฝากดีกว่า
จะเช้าใจง่ายกว่าเพราะใน link มี print screen ภาพหน้าจอให้ดูตามด้วยค่ะ
น่าจะถูกต้องและครบถ้วนกว่า...save ไว้เปิดดูได้เรื่อยๆ ค่ะ

http://achikochi1234.blogspot.com.au/20 ... t.html?m=1

http://www.tsi-thailand.org/index.php?o ... ew&id=2295

http://www.pattanakit.net/index.php?lay ... &Ntype=134

...............................


ถ้าคุณ ddoo7 อยู่ในข่ายที่จะได้ภาษีคืน มีข่าวดีค่ะ..อายุความขอคืนภาษีมีอายุความ 3 ปีนะคะ...

มาตรา 63 บุคคลใดถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้วเป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษีตามส่วนนี้ บุคคลนั้นมีสิทธิได้รับเงินจำนวนที่เกินนั้นคืน แต่ต้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินภายใน 3 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษีเกินไป

รายละเอียดตาม link นี้ค่ะ

http://www.rd.go.th/publish/5937.0.html#mata63

คิดว่าน่าจะครอบคลุมสิ่งที่ต้องการทราบนะคะ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 632

โพสต์

หลุมพราง VI (1/2)_ธันวา เลาหศิริวงศ์
(ชวนอ่านโดย_Team Money Talk 4)

.............................
คุณธันวา 3.jpg
บทความส่าสุดของคุณธันวาท่านได้กล่าวถึง
“หลุมพราง” หรือ “กับดัก” ที่นักลงทุน VI
แต่ละคนอาจพบ ลองคิดตามนะคะ...เราเคยเจอหรือไม่ ?
................

1 ”ซื้อแล้วไม่ขาย” ในหุ้นที่ไม่ใช่ Super Stock หรือยึดติดคำว่า
“ไม่ขายไม่ขาดทุน” จึงยอม “เลือกเด็ดดอกไม้แต่เก็บวัชพืชไว้”
................

2. ”ลงทุนหุ้น 100% ตลอดเวลาโดยไม่ถือเงินสด”
ทำให้เสียโอกาสการเข้าลงทุนยามตลาดหุ้นหรือ
กิจการที่ยอดเยี่ยมประสบภาวะวิกฤติชั่วคราว
................

3.”ซื้อหุ้นเพื่อให้มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่”
จึงเลือกหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่ไม่มีศักยภาพในการแข่งขัน
................

4. “ซื้อขายหุ้นตามผู้บริหาร” ตัดสินใจลงทุน
โดยดู "แบบ 59-2" แล้วซื้อขายตามผู้บริหาร
(หรือซื้อตามผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็จัดอยู่ในข้อนี้ด้วยค่ะ)
................

กำลังอ่านและคิดตามเพลินๆ จบแล้วหรือ?....ยังค่ะ
คุณธันวาบอกว่าให้อดใจรอ ตอนที่ 2 สัปดาห์หน้าค่ะ
................................

อ่านฉบับเต็มได้ที่เว็บไซต์ thaivi.org ตาม link ด้านล่างค่ะ
(อย่าลืมแวะอ่านหัวข้ออื่นๆ ด้วยนะคะ ข้อมูลคุณภาพของ
thaivi.org สร้างนักลงทุนผู้มีคุณภาพมาแล้วนับไม่ถ้วน
วันนึงอาจเป็นเราก็ได้ !..อย่าตัดสินตัวเอง ณ จุดที่ยืนวันนี้ค่ะ)

viewtopic.php?f=7&t=57347&p=1606304#p1606304
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 633

โพสต์

“หุ้นท่องเที่ยว”_ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
(ชวนอ่านโดย_Theenut_Team Money Talk 4)

......................
nives.jpg
ทั้งที่ปัญหาการเมืองในประเทศเราไม่ปกติยาวนาน
อาจารย์ท่านก็ยังมองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นบวก
เป็น Mega Trend ซึ่งท่านแจกแจกให้หลายด้าน
ทั้งในส่วนของตัวนักท่องเที่ยว และจุดแข็งของประเทศเรา
ที่อาจเรียกว่าเป็นขวัญใจ ““แบ็คแพ็ค” เลยก็ยังได้ค่ะ

.....................

“การบิน” “ท่าอากาศยาน” และ “โรงแรมและอาหาร”
คือ “หุ้นท่องเที่ยว” เด่นๆ ที่อาจารย์ท่านวิเคราะห์ค่ะ
หลายท่านนึกชื่อย่อหุ้นตามแล้ว....แต่ใช่ว่าจะดีหมด
“ในดีมีด้อย” และ “ในด้อยมีดี” ...ต้องติดตามอ่านต่อค่ะ

....................

ธุรกิจทั้งสาม “ต้นทุนคงที่สูง” และ”ต้นทุนแปรผันต่ำ” ดังนั้น
ถ้า “กำไร” หรือ “ขาดทุน” จะหวือหวามาก การติดตามดู
Demand / Supply รวมถึง”อัตราการใช้กำลังการผลิต”
ของบริษัทจึงเป็นหัวใจสำคัญ ของการลงทุนใน “หุ้นท่องเที่ยว”

...................

ติดตามอ่านฉบับเต็มที่ thaivi.org เช่นเคยค่ะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 0#p1606660
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 634

โพสต์

เมื่อคืนก่อนนอน ตั้งใจจะเล่า Bedtime Story เหมือนเดิม

ไอ้เจ้าลูกชาย บอก No

แล้วเค้าก็บอกว่า

Daddy, tell me your story when you were a kid?

ไม่ได้ตั้งตัวเลย ไม่รู้จะเล่าไง เดี๋ยว เสาร์ อาทิตย์ นี้ เอาใหม่
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ddoo7
Verified User
โพสต์: 292
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 635

โพสต์

theenuch เขียน:
ddoo7 เขียน:เห็นเช็คคืนภาษีของครอบครัวนุชแล้วตาร้อนปุดๆ :oops:
ไม่ใช่ที่จำนวนนะครับ แต่เป็นได้คืนเงินภาษีที่หักจากหุ้น
ขณะที่ผมพยายามขอคืนภาษีจากเงินปันผล(นิดหน่อยนะครับ)ไม่สำเร็จมา 3 ปีติดต่อกัน
ทั้งที่หอบใบรับรองหักภาษีของหุ้น 20% 25% ไปให้เจ้าหน้าที่ดู พอเค้าช่วยคิดและตรวจสอบแล้ว กลายเป็นเราต้องเสียเพิ่ม เลยต้องถอนออกมา
ถ้าเป็นไปได้คุณนุช ช่วยเขียนเป็นวิทยาทานด้วยครับ :D
ยังติดตามอ่านมุมมอง สาระดีๆของคุณนุชเสมอ :mrgreen:
มาอ่านดีๆ อีกครั้ง...

ถ้าฐานภาษีสูง (เงินเดือนสูงอยู่แล้วอาจเป็นแบบที่เจ้าหน้าที่บอกค่ะ...คือต้องเสียเพิ่ม)
โดยส่วนตัวก็กรอกไปเรื่อยค่ะ แต่ยื่น online เราก็เตรียม scan เอกสารต่างๆ ไว้ค่ะ
ถ้าเจ้าหน้าที่ดูข้อมูลแล้วอยากขออะไรเพิ่มเราค่อยส่ง file ไปเพิ่มค่ะ

แนะนำให้สมัครสมาชิก TSD Investor Portal สะดวกมากๆ ในการขอข้อมูล
เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นของเราทั้งหมดเพื่อใช้ประกอบการยื่นภาษีได้ด้วยค่ะ
(เป็น file ให้ download ไว้ ประกอบการยื่อภาษี online ได้เลยค่ะ)
สะดวกมากๆ ใช้บริการแล้วจะติดใจ ตาม link นี้ค่ะ

http://portal.tsd.co.th/th/investorport ... ortal.html

.................................

เรื่องเครดิตภาษีขอนำ link ที่เกี่ยวข้องมาฝากดีกว่า
จะเช้าใจง่ายกว่าเพราะใน link มี print screen ภาพหน้าจอให้ดูตามด้วยค่ะ
น่าจะถูกต้องและครบถ้วนกว่า...save ไว้เปิดดูได้เรื่อยๆ ค่ะ

http://achikochi1234.blogspot.com.au/20 ... t.html?m=1

http://www.tsi-thailand.org/index.php?o ... ew&id=2295

http://www.pattanakit.net/index.php?lay ... &Ntype=134

...............................


ถ้าคุณ ddoo7 อยู่ในข่ายที่จะได้ภาษีคืน มีข่าวดีค่ะ..อายุความขอคืนภาษีมีอายุความ 3 ปีนะคะ...

มาตรา 63 บุคคลใดถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้วเป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษีตามส่วนนี้ บุคคลนั้นมีสิทธิได้รับเงินจำนวนที่เกินนั้นคืน แต่ต้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินภายใน 3 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษีเกินไป

รายละเอียดตาม link นี้ค่ะ

http://www.rd.go.th/publish/5937.0.html#mata63

คิดว่าน่าจะครอบคลุมสิ่งที่ต้องการทราบนะคะ
ขอบคุณครับ
ผมต้องฝึกฝนให้เป็น เพื่อเอาเครดิตภาษีคืนให้ได้
เพราะออกจากงานแล้ว ต้องพึ่ง10% นี้แหละครับเลี้ยงชีวิต :mrgreen:
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 636

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:เมื่อคืนก่อนนอน ตั้งใจจะเล่า Bedtime Story เหมือนเดิม

ไอ้เจ้าลูกชาย บอก No

แล้วเค้าก็บอกว่า

Daddy, tell me your story when you were a kid?

ไม่ได้ตั้งตัวเลย ไม่รู้จะเล่าไง เดี๋ยว เสาร์ อาทิตย์ นี้ เอาใหม่
เยี่ยมเลยค่ะ ^_*
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 637

โพสต์

ddoo7 เขียน: ขอบคุณครับ
ผมต้องฝึกฝนให้เป็น เพื่อเอาเครดิตภาษีคืนให้ได้
เพราะออกจากงานแล้ว ต้องพึ่ง10% นี้แหละครับเลี้ยงชีวิต :mrgreen:
ขอให้สำเร็จด้วยดีค่ะ...อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังนะคะ ^_*
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 638

โพสต์

มีเพลงความหมายดีๆ มาฝากค่ะ... :wink:

[youtube]HFVq1mVjOMc[/youtube]

ชีวิตนี้เรามีเวลากันแค่ไหน
ก็เคยได้ยินบางคนได้ลองประมาณเอาไว้
ว่าอย่างดีก็แค่สองหมื่นวัน

ไม่ต้องนับให้ชัดๆ ก็พอที่จะรู้
วันเวลาที่เราต่างมีบนโลกนั้น
มันไม่ได้มากมาย

และวันนี้เราจะเสียไปอีกหนึ่งวัน
จากชีวิตที่แสนสั้นไม่ได้ยืดยาว
ทั้งที่จริงเรามาที่นี่กันแค่เพียงชั่วคาว
อีกไม่นานก็คงต้องลาจากไป

อยู่ที่เราจะใช้เวลาที่มี อยู่บนโลกนี้กันยังไง
เพื่อให้กับตัวเองคนเดียวทุกวัน
หรือจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้างไหม
เพื่อเราจะไม่ต้องมาเสียดาย เวลาที่ต้องจากไป

ทั้งชีวิตที่เดินผ่านมาเราโชคดีแค่ไหน
หรือเรายังจะอยากเก็บความโชคดีเอาไว้
คนเดียวจนหมดสองหมื่นวัน

เพราะวันนี้จะถูกใช้ไปอีกหนึ่งวัน
จากชีวิตที่แสนสั้นไม่ได้ยืดยาว
ทั้งที่จริงเรามาที่นี่กันแค่เพียงชั่วคาว
อีกไม่นานก็คงต้องลาจากไป

อยู่ที่เราจะใช้เวลาที่มี อยู่บนโลกนี้กันยังไง
เพื่อให้กับตัวเองคนเดียวทุกวัน
หรือจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้างไหม
เพื่อเราจะไม่ต้องมาเสียดายเวลาที่ต้องจากไป

อยู่ที่เราจะใช้เวลาที่มี อยู่บนโลกนี้กันยังไง
เพื่อให้กับตัวเองคนเดียวทุกวัน
หรือจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้างไหม
เพื่อเราจะไม่ต้องมาเสียดาย เวลาที่ต้องจากไป

เพื่อเราจะไม่ต้องมาเสียดาย เวลาที่ต้องจากไป
Nutth147
Verified User
โพสต์: 241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 639

โพสต์

เจอภาพนี้เข้าไป... นึกถึงคำพี่นุชเกี่ยวกับความพอดี (แต่บางที่ เขาอาจแค่ไม่อยากจ่ายเงินสดมังครับ )
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 640

โพสต์

มาทักทายพวกเราวันสงกรานต์ครับ สวัสดีปีใหม่ไทย

พวกเราไปเที่ยวไหนกันบ้างครับ เดินทางปลอดภัยมีความสุขมากๆนะครับ

อีก 10 วันเจอกันครับ งานนี้เที่ยวยาวให้สมกับการรอคอย Trip นี้ครับ :wink:
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 641

โพสต์

Nutth147 เขียน:เจอภาพนี้เข้าไป... นึกถึงคำพี่นุชเกี่ยวกับความพอดี (แต่บางที่ เขาอาจแค่ไม่อยากจ่ายเงินสดมังครับ )
ขอบคุณค่ะน้อง Nutth147...ดูแล้วได้โครงเรื่องเขียนใหม่เลย...ขอให้เป็นอย่างหลังนะคะเค้าบริหารเงินได้ดีเก็บ้งินสดไปทำอย่างอื่นอีก 45 วัน แบบที่น้องนัทบอกค่ะ :wink:
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 642

โพสต์

Paul VI เขียน:มาทักทายพวกเราวันสงกรานต์ครับ สวัสดีปีใหม่ไทย

พวกเราไปเที่ยวไหนกันบ้างครับ เดินทางปลอดภัยมีความสุขมากๆนะครับ

อีก 10 วันเจอกันครับ งานนี้เที่ยวยาวให้สมกับการรอคอย Trip นี้ครับ :wink:
ขอบคุณมากค่ะพี่หมอมุข...ขอให้ครอบครัวพี่หมอมุขและทุกๆ ครอบครัวมีความสุข
และเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวหรือท่องเที่ยวโดยปลอดภัยด้วยนะคะ ^_*

พี่หมอมุขไปพักผ่อนหลังทราบข่าวดีเรื่องเตรียมอุดมด้วย...ยินดีด้วยมากๆ เลยค่ะ
นึกถึงภาพที่พี่หมอมุขนำมาลงใน fb ตอนไปนั่งรอน้องต่อเนื่องแล้ว
รู้สึกชื่นชมมากเลยค่ะ....และเข้าใจเลยค่ะว่าความชื่นใจนี้..คุ้มกับการรอคอยแค่ไหน ^___^
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 643

โพสต์

theenuch เขียน:
Paul VI เขียน:มาทักทายพวกเราวันสงกรานต์ครับ สวัสดีปีใหม่ไทย

พวกเราไปเที่ยวไหนกันบ้างครับ เดินทางปลอดภัยมีความสุขมากๆนะครับ

อีก 10 วันเจอกันครับ งานนี้เที่ยวยาวให้สมกับการรอคอย Trip นี้ครับ :wink:
ขอบคุณมากค่ะพี่หมอมุข...ขอให้ครอบครัวพี่หมอมุขและทุกๆ ครอบครัวมีความสุข
และเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวหรือท่องเที่ยวโดยปลอดภัยด้วยนะคะ ^_*

พี่หมอมุขไปพักผ่อนหลังทราบข่าวดีเรื่องเตรียมอุดมด้วย...ยินดีด้วยมากๆ เลยค่ะ
นึกถึงภาพที่พี่หมอมุขนำมาลงใน fb ตอนไปนั่งรอน้องต่อเนื่องแล้ว
รู้สึกชื่นชมมากเลยค่ะ....และเข้าใจเลยค่ะว่าความชื่นใจนี้..คุ้มกับการรอคอยแค่ไหน ^___^
มีเล่มนี้แล้ว...ยังไม่มีโอกาสนำไปให้พี่หมอมุขเซ็นให้เลยค่ะ
หนังสือพี่หมอมุข.jpg
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 644

โพสต์

“ชีวิตคู่”_“การลงทุน” (Team Money Talk 4)
(เรื่องที่เคยเขียนไว้...นำมาฝากอีกครั้งในวันครอบครัวค่ะ)

.......................

ชีวิตคู่มีความพิเศษในตัวเอง...ชนิดที่มองตาแล้วเข้าใจ
มีเรื่องที่เก็บไว้อมยิ้มกัน...หรือแม้แต่เรื่องที่ต้องยิ้มทั้งน้ำตา
.......................

การใช้ชีวิตคู่ เป็นการ ขยับวงกลมให้มาคาบเกี่ยวกัน
(ในทางคณิตศาสตร์ เรื่อง SET เรียกว่า Intersection)
มีพื้นที่คาบเกี่ยวกัน แต่ก็ยังมีพื้นที่ (space) ของตนเองอยู่
........................

เท่าที่เคยเห็นปัญหาครอบครัว มักจะมีอยู่ 2 แบบหลักๆ
แบบแรก – ไม่ยอมเอาพื้นที่มาคาบเกี่ยวกัน (เป็นเซตว่าง)
แบบที่สอง – พยายามจะทับซ้อนให้เป็นวงเดียวกันให้ได้
(ทางคณิตศาสตร์ มีความเป็นไปได้ที่วงกลม 2 วง
จะทับซ้อนกันที่เรียกว่า absolute complement)
แต่ในชีวิตจริง มองยังไงก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
……………………

หนังสือ “ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์”
บอกว่า ทั้งสองเติบโตจากต่างสิ่งแวดล้อม พูดคนละภาษากันอีก
ถูกจับวางให้ใช้ชีวิตร่วมกันบนโลก ลองจินตนาการ...หลังจากนั้น
จะอยู่รอดได้ต้องเปิดใจ ค่อยๆ สอนภาษาของตัวเองให้อีกฝ่าย
("พูดคนละภาษา ? " นึกถึง "เดี่ยว" ของคุณ "โน้ต อุดม" เรื่อง
"Art ตัวแม่" และ "Art ตัวพ่อ" จะทำให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ)
.....................

ที่อยากบอกคือ อย่าเอาวงกลมของเราไปทับเป็นวงเดียวกัน
เพราะ “เป็นไปไม่ได้” ยอมรับตัวตนที่เขาเป็นมาเกือบครึ่งชีวิต
ก่อนเจอเรา นึกย้อนดีๆ...ความต่างและความเป็นตัวตนเดิมๆ
อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เราเลือกเขามาเป็นคู่ชีวิตของเราด้วยซ้ำ
……………………

คล้ายเราลงทุนเลือกหุ้นพื้นฐานดี แต่มีปัจจัยหลายอย่าง
มาทำให้ราคาขึ้นๆ ลงๆ ถ้าไม่หนักแน่นทางอารมณ์จริง
เราอาจขายหุ้นดีๆ ทิ้ง...ทั้งที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน...เสียดายแย่
.....................

ชีวิตคู่ยากกว่าตรงที่...ไม่สามารถจะไปขายทิ้งกันง่ายๆ
ต้องหนักแน่น...และศรัทธาในชีวิตคู่สูงมากทีเดียว
เหมือนการลงทุนแนว VI ที่นักลงทุนที่เลือกแนวทางนี้
ต้องมีศรัทธาต่อการลงทุนแนว VI มากพอ
......................

ในครอบครัวที่มีลูกอย่าลืมให้ space แก่ลูกด้วยนะคะ
เพราะเด็กต้องมีที่ยืนในครอบครัว...แต่ก็ยังต้องรักษาจุดยืน
ของตัวเองเช่นกันเราต้องเคารพสิทธิ เชื่อใจขณะที่อีกฝ่าย
อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้คาบเกี่ยวกันนั้นด้วย
......................

ถ้าคู่ชีวิตหรือลูกของเราได้รับความไว้วางใจ ความเชื่อใจและเห็นคุณค่าในตัวตนที่เค้าเป็น
เค้าจะพยายามสร้างสรรค์สิ่งดีๆ มากขึ้นไปอีกแน่นอนค่ะ

วงกลม.png
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
หวานกับแวว
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 645

โพสต์

ขอบคุณสาระดีๆ ที่มีมาอย่างสม่ำเสมอค่ะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 646

โพสต์

“ปล่อยมือ” พัฒนาการก้าวสำคัญของการเป็นพ่อแม่
(Team Money Talk 4) / (นำมาให้อ่านซ้ำค่ะ)

................

ตอนอยู่ทาวน์เฮาส์ เด็กๆ มักเล่นกันอยู่ในถนน (เพราะไม่มีที่เล่น)
ตอนนั้นลูกเรายังไม่ถึงขวบ (จึงได้แต่สังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม)
พบว่า...สิ้นเสียงตะโกน “รถมา” เด็กๆ จะวิ่งไปแอบข้างถนน
ยกความรับผิดชอบ และการตัดสินใจหลบรถ ให้ผู้ใหญ่ไป
..................

ตอนลูกอยู่อนุบาล 2 ไปตลาดกัน เราเดินนำหน้า+จูงมือลูก
รู้สึกว่าแขนตึงๆ ชะลอฝีเท้าให้แล้ว ลูกก็ยังเดินไม่ทัน หันไปดู
พบว่าถือของเล่นติดมือมา...ขาเดินแต่ตาไม่ดู...ด้วยเป็นห่วงลูก
เราจำเป็นต้อง “ปล่อยมือ” ให้ลูกเดินหน้า เราระวังหลังให้
“ลูกต้องดูทางเองนะ” เหลือบดูที่พื้นถนนด้วยว่า “มีน้ำขังมั้ย”
“มีหลุมร่อง หรือพื้นต่างระดับหรือไม่" มองไปไกลๆ สลับกับ
ดึงสายตามามองใกล้ๆ เหลือบซ้าย แลขวา อย่าให้ชนคนอื่น
ระวังท่อไอเสียรถมอเตอร์ไซค์ และสิ่งสกปรกต่างๆ ด้วย ฯลฯ
(ปล่อยมือ – ในที่นี้ ไม่ใช่ “ปล่อยปละละเลย””นะคะ)
...................

แรกๆ ดูเค้าไม่มั่นใจ พยายามจะหันมามองเราอยู่บ้าง
ไม่นานหลังจากนั้น เวลาไปตลาดเดินตัวปลิวเชียว
"คุณแม่ระวัง..ฝาท่อปิดไม่สนิท" เสียงใสๆ เตือนเราเสียอีกแน่ะ!
………………….

ถ้าเด็กมีโอกาสรับรู้ว่า “เราทำได้” บ่อยครั้ง ตั้งแต่วัยต้นๆ
จะมีความ "ภูมิใจ" และ "นับถือตนเอง" และมีแนวโน้ม
ที่จะ "เลือก" สิ่งที่เข้ามาในชีวิตให้เหมาะกับ "คุณค่า" นั้น
ซึ่งความรู้สึก "ภูมิใจในตนเอง" นั้นลูกต้องรับรู้เอง ผ่าน
การใช้ “วิจารณญาณ” เพื่อ “ตัดสินใจ” เรื่องต่างๆ ในชีวิต
ได้รู้สึก "สำเร็จ" ในแต่ละก้าวเล็กๆ ด้วยตนเองต่อเนื่อง
มีเงินมากขนาดไหนก็ซื้อประสบการณ์ "ความสำเร็จ"
รวมทั้ง "ความภูมิใจและมีคุณค่าในตนเอง" ให้ลูกไม่ได้
..................

ในยุคที่การสื่อสารผ่านสังคม online เข้ามีบทบาทมาก
และเร็วขึ้น ลูกจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณของตนเอง
เป็น “ตัวกรอง” ที่สำคัญ หากลูกรู้สึกว่าตัวเขามีคุณค่า
โอกาสที่จะ "ถูกชักจูง" ไปในทางด้อยค่าย่อมเป็นไปได้ยาก
..................

วิจารณญาณ และการตัดสินใจ ด้วยตัวเอง จำเป็นทั้งต่อการใช้ชีวิต
การบริหารการเงิน และการลงทุน (ในหุ้น หรืออื่นๆ อย่างมาก)
นักลงทุนที่มีข้อมูลเต็มมือ..แด่ตัดสินใจไม่ได้เสียที..ทราบดีค่ะ
......................

ในการเลี้ยงลูก แน่นอนเราอยากเห็นลูกมีพัฒนาการที่สมวัย
แต่อยากบอกว่า การเรียนรู้ที่จะ “ปล่อยมือ” จากลูก
ก็เป็นพัฒนาการก้าวสำคัญ...ที่พ่อแม่ต้องเรียนรู้เช่นกันค่ะ
ปล่อยมือ.png
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 647

โพสต์

ถ้าเงินไม่งอกเงยก็อย่าให้ลดลง (อีกรอบ)
(Team Money Talk 4)

...................

ช่วงนี้เห็นคนบ่นเรื่องของแพงกันมาก...
ส่วนตัวก็รู้สึกเช่นกันแล้วจะทำยังไงดีเนี่ย?
...................

เรื่องนี้...เหมาะสำหรับครอบครัวที่ยังกำลังสร้างฐานะ
และมีเป้าหมายลงทุนไปด้วย โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน
เพราะถ้าเราไม่เหลือเงินออม...ก็คงไม่ต้องพูดถึงเงินลงทุน
มีวิธีมาแนะนำ คือต้องหมั่นวิเคราะห์ "ห่วงโซ่การบริโภค" ของเรา

ยกตัวอย่างเช่น....

การสระผม ใช้แชมพู ตามด้วย ครีมนวดผม treatment ต่างๆ
"ทำไมต้องใช้ครีมนวดผม?"....ตอบ "ป้องกันผมเสีย"
"ทำไมผมถึงเสีย?" ..."ความร้อนจากไดร์เป่าผม ดัดผม ยืดผม"
"ต้องทำสิ่งเหล่านั้นบ่อยแค่ไหน?".."ลดลง หรือตัดออกบ้าง
ได้หรือไม่?" อาจทำให้เราตัดขั้นตอนการนวดผมออกได้เลยนะ
ประหยัดทั้งค่าทำผม และค่าครีมนวดผม

หรือจะลองใช้น้ำยาต่างๆ ชนิดเติมดูบ้าง..แค่เก็บขวดเดิมไว้
ยุ่งยากขึ้นนิด..แต่เหลือเงิน..ประหยัดทรัพยากรโลกอีกด้วย

..................

มาหมวดของเด็กๆ บ้าง

ไอศครีม...ไม่ใช่อาหารหลัก..แต่บางทีต้องจ่ายแพงกว่า
อาหารจานเดียวมื้อหลัก 1 จาน อีก"ทำไมต้องแพง?"
ถ้าจะทานไอศครีม ลูกควรทานหลังอาหารอยู่แล้วใช่หรือไม่?
ดังนั้น ไม่ได้ทานแก้หิวแน่ (เรียกว่า "แก้อยาก" น่าจะได้)

แบบโคนของบางยี่ห้อ 10 - 12 บาทเอง อร่อยไม่แพ้กัน

ลูกเคยขอจุ่มช็อคโกแลตดิป..จุ่มทีเดียวเพิ่ม จาก 10 เป็น 15
ครั้งแรกให้...สัปดาห์ต่อมาติดใจ ขอ 15 บาทอีก (ชักจะลืมๆ
ว่ามีแบบ 10 บาท ด้วย) ลองตั้งคำถาม..ให้ลูกคิดและตอบ เช่น

1. 5 บาท เป็นกี่ % ของ 10 บาท? (50% ตอบได้)
2. คิดว่าได้รับความพอใจจากไอศครีมนี้เพิ่มขึ้นถึง 50 % หรือไม่?
3. จริงๆ แล้ว. อยากทานอะไรมากกว่ากัน ระหว่าง "ไอศครีม"
กับ "ช๊อคดิป" ? ("ไอศครีมสิคุณแม่...ถามได้" )

มีข้อเสนอว่า...ให้งบ 15 บาท สำหรับไอศครีม
ถ้าดิปก็หมดเลย...ได้ความพอใจเพิ่มมูลค่าไม่น่าถึง 50%

แต่ถ้าไม่ดิป เหลือเงิน 5 บาท สมทบให้ทันที อีก 5 บาท
มีสิทธิเลือก ไม่ได้บังคับ...แค่มีทางเลือกให้ ให้ทาย..เค้าเลือกอะไร?

มีแค่ 2 ใน 10 ครั้ง ที่เลือกจุ่มช๊อคโกแลตดิป
ไม่มีการงอแงใดๆ เพราะได้เลือกเอง

......................

สอนไปว่า..แต่ละอย่าง แต่ละเรื่องที่จะจ่ายเงินออกไป อยากให้
พิจารณาว่า อะไรคือ "เปลือก" อะไรคือ "แก่น (สาระสำคัญ)"

ลองจินตนาการว่า ถ้าลอกเปลือกออก มันยังตอบโจทย์อยู่มั้ย
ถ้าตอบโจทย์ แต่ความพอใจลดลงบ้าง ก็อาจลองฝึกเลือกดู

แล้วมาดู "ผลสุดท้าย" ถ้าเป็นเรื่องวัตถุ สิ่งของ..เราอาจมีเงินออมเพิ่ม
ถ้าเป็นเรื่องเวลา...เราอาจมีเวลาเพิ่ม สิ่งเหล่านี้ต้องฝึกค่ะ
แล้วมาลองอภิปราย "ผล" และ "ความรู้สึก" กัน...เป็นช่วงๆ

ถ้าการใช้วิธีดังกล่าวทำให้สามารถสะสมเงินได้มากขึ้น
รู้สึกอย่างไร แน่นอนดีใจ ภูมิใจ มีเงินก้อนซะที

......................

หลายๆครั้ง ในชีวิตของใครหลายคน
เราอาจจะอยู่กับความเคยชิน จนคิดว่ามันไร้สาระ
ที่จะมาคิดวิเคราะห์อะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้

เราจึงเห็นหลายๆ คนรอบตัวที่มีข้ออ้างไปวันๆ
ว่าจะเก็บเงินแต่ก็เก็บไม่ได้ซักที หรืออยากหาเวลา
อ่านหนังสือดีๆ เพิ่ม...แต่ก็ยังไม่ได้อ่านเสียที
ไม่รู้ว่า "เงินทอง" หรือ "เวลา" มันหายไปไหนหมด
รูสึกตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเลยวัยกลางคนแล้ว
เรื่องทำนองนี้ต้องฝึกนะคะ ทั้งเราและลูก
(ฝึกลดความ "อยากได้..อยากมี" ลง)

........................

เคยเห็นหลายบ้านใช้ชีวิตประหยัด "เขียมๆ" แต่ให้ลูกใช้เงิน
ตามสบาย เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ถ้าสิ้นเราไปแล้วลูกจะ
รักษาทรัพย์ที่เราหาไว้ได้ถ้าไม่ฝึกให้ลูก "หัดหักห้ามใจ"
ฝึกให้เป็นตั้งแต่วัยต้นๆ เลยก็ดี...เพราะโตไปจะฝึกยากกว่าค่ะ
ถ้าเงินไม่งอกเงยก็อย่าให้ลดลง.png
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
Nutth147
Verified User
โพสต์: 241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 648

โพสต์

พี่นุช ร่วมถึงพี่ๆท่านอื่นด้วยนะครับ ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามมุมมองเรื่อง เงินสำรอง หน่อยครับ

คือ ตามหลักการทั่วไปที่ผมเรียนรู้และปฏิบัติอยุ่ เราควรจะมีเงินสำรอง (เพื่อฉุกเฉิน) ประมาณ 3-6 เดือน
3 เดือน สำหรับคนที่ยังพอมี คนอื่น แบคอัพ เพื่อเกิดปัญหา
6 เดือน โดยคำนวนจากค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
เงินที่เกินกว่านั้น เราก็สามารถนำไปลงทุนได้

ผมเองก็ทำตามนี้ แต่เงินสำรองจะมีการเปรียบเทียบกับร่วมกับยอดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
เช่น มีเงินพอสำหรับ ซื้อโน๊ตบุคใหม่สำหรับทำงานในดรณีเครื่องเก่าเสีย (อายุ 5 ปีแล้ว) , มีเงินพอสำหรับ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางของคอนโด ในกรณีลิฟท์เกิดเสียและลูกบ้านต้องเปลี่ยนลิฟท์

แต่บางครั้ง พอราคาหุ้นบางตัว เข้ามาในจุดน่าซื้อ ผมก็มักจะ ตัดสินใจ นำเงินสำรอง จาก 6 เดือน ลดมาเหลือ 3 เดือน เพื่อเข้าซื้อหุ้น (ซึ่งผมกำลังคิดว่า .... ไม่ค่อยดีเท่าไรที่ทำแบบนี้)

พี่นุช และ ท่านอื่นๆ มีวิธีในการจัดส่วนเงินสำรองอย่างไรบางครับ เพื่อผมนำไปทดลองปฏิบัติ
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 649

โพสต์

Nutth147 เขียน:พี่นุช ร่วมถึงพี่ๆท่านอื่นด้วยนะครับ ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามมุมมองเรื่อง เงินสำรอง หน่อยครับ

คือ ตามหลักการทั่วไปที่ผมเรียนรู้และปฏิบัติอยุ่ เราควรจะมีเงินสำรอง (เพื่อฉุกเฉิน) ประมาณ 3-6 เดือน
3 เดือน สำหรับคนที่ยังพอมี คนอื่น แบคอัพ เพื่อเกิดปัญหา
6 เดือน โดยคำนวนจากค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
เงินที่เกินกว่านั้น เราก็สามารถนำไปลงทุนได้

ผมเองก็ทำตามนี้ แต่เงินสำรองจะมีการเปรียบเทียบกับร่วมกับยอดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
เช่น มีเงินพอสำหรับ ซื้อโน๊ตบุคใหม่สำหรับทำงานในดรณีเครื่องเก่าเสีย (อายุ 5 ปีแล้ว) , มีเงินพอสำหรับ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางของคอนโด ในกรณีลิฟท์เกิดเสียและลูกบ้านต้องเปลี่ยนลิฟท์

แต่บางครั้ง พอราคาหุ้นบางตัว เข้ามาในจุดน่าซื้อ ผมก็มักจะ ตัดสินใจ นำเงินสำรอง จาก 6 เดือน ลดมาเหลือ 3 เดือน เพื่อเข้าซื้อหุ้น (ซึ่งผมกำลังคิดว่า .... ไม่ค่อยดีเท่าไรที่ทำแบบนี้)

พี่นุช และ ท่านอื่นๆ มีวิธีในการจัดส่วนเงินสำรองอย่างไรบางครับ เพื่อผมนำไปทดลองปฏิบัติ
ความเห็นส่วนตัวนะคะ :D

พี่ว่าควรกัยสำรองไว้ แต่ก็ยืดหยุ่นได้ แต่จะยืดหยุ่นได้แค่ไหน ควรมีหลักพิจารณาดังนี้ค่ะ
แหล่งที่มาของรายรับ "เป็นเจ้าของกิจการ" หรือ "มนุษย์เงินเดือน"

"ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ"
น่าจะต้องประเมินสถานะของกิจการเทียบกับสภาวะ ศก. และปัจจัยที่เกี่ยวข้องแล้วแต่ประเภทกิจการ
ว่ายังมีความได้เปรียบในการแข่งขันอยู่หรือไม่ กระแสเงินสดเป็นไง
ลูกค้าเราคือใคร ถ้า ศก.ไม่ดีลูกค้าเรากระทบหรือไม่
ถ้ากระทบแล้วไม่มีกระแสเงินสดเข้า แต่ยังคงมีต้นทุนจากการดำเนินงาน
อาจจะขาดสภาพคล่องในเร็ววันหรือไม่

แล้วเราจะรู้ว่าเราควรยืดหยุ่นกับเงินสำรองนั้นมากแค่ไหน โ
โดยปกติ "งบส่วนตัว" กับ "งบของกิจการ" คงควรจะแยกกัน
แต่ถ้า ศก.ไม่ดีจะมีโอกาสที่เราต้องเติมเงินเข้าไป เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหรือไม่
หรือเราไม่ถึงกับต้องเติม..แต่ "งบส่วนตัว" ก็อาจร่อยหรอเถ้ากิจการไม่ดีชั่วคราว

ถ้ากระแสเงินสดของกิจการไม่ flow ก็ต้องมากระทบกระแสเงินสดของงบส่วนตัวอยู่ดี
คือรายรับอาจลดลงชั่วคราว ก็อาจต้อง strict กับเงินสำรองให้มาก

....................

ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนล่ะ น่าจะต้องพิจารณาสองส่วนเลย

ตัวกิจการของบริษัทที่เราทำงานอยู่
ก็เหมื่อนกันคงน่าจะต้องวิเคราะห์กิจการของบริษัทที่เราทำงานอยู่ว่าเป็นอย่างไร ลูกค้าคือใคร
ภาวะนี้ลูกค้าได้รับผลกระทบหรอไม่ แล้วกิจการยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาวหรือไม่

ตัวเรา
ยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาวหรือไม่
สมมติกิจการของบริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะ ศก. การเมือง ฯลฯ
แล้วจำเป็นต้องลดคน หรือลดเงินเดือน เราจะโดนหรือไม่

ถ้าพอจะกระทบก็น่าจะต้อง strict กับเงินสำรองให้มากเช่นกัน

.................

หรือถ้าไม่มีปัจจัยแทรกแซงจากภายนอก ปัจจัยภายในล่ะมีหรือไม่....ซึ่งแต่ละคนก็ต่างกัน
เช่น เป็นคนโสดสุขภาพแข็งแรง เป็นครอบครัวมีลูกวันเรียน
ต้องดูแลใครหรือไม่พ่อแม่ ถ้ามีอายุเท่าไหร่
มีโรคภัยโดยเฉพาะโรคเรื้อรัง (ที่อาจเกิดภาวะเฉียบพลัน)
เช่น เบาหวาน ไต หลอดเลือดหัวใจ กรณีสุดท้ายนี่อาจต้องสำรองมากกว่า 6 เดือน

และตามตัวอย่างที่น้องนัทยกมาเช่น lift ส่วนกลาง
ก็อาจพิจารณาจากสภาพของคอนโดที่เราอยู่
ถ้ายังใหม่โอกาสก็น้อย แตถ้าเก่าก็ตรงข้ามค่ะ

....................

คงประมาณนี้ค่ะ ยังไงก็ต้องมีสำรองและมีความยืดหยุ่นได้ ตามบริบทของแต่ละคนค่ะ

แต่ถ้าไม่เลย กิจการดำเนินปกติ เราเองก็มี DCA มากๆ (555 +) โอกาสตกงานไม่มีแน่นอน
ก็อาจจะยืดหยุ่นได้มากหน่อยแบบที่น้อง Nutth147 บอกมาก็คงพอได้
เพราะยุบไป 3 เดือน แต่เรายังมีเงินเดือนยังมีกระแสเงินสดใหม่เข้าอยู่เราก็สามารถเก็บใหม่ได้

แต่ก็ควรเร่งเก็บให้ครบ 6 เดือน เร็วๆ
หมายถึงเมื่อใช้จ่ายมากไปแล้ว ก็ต้องกลับมามีวินัยสูงมากหน่อย
ทำนองนี้ค่ะ....พิจารณาให้รอบทั้งปัจจัยภายในและภายนอก

.................

ตอบโจทย์มั้ยนะ ^_*
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 650

โพสต์

ขอเอาเรื่องนี้มาให้อ่านอีกครั้งค่ะ น่าจะพอประกอบการพิจารณาเรื่องเงินสำรอง
ตามที่ "น้องนัท" ถามมาได้ด้วยค่ะ


แต่โดยส่วนตัวพี่ว่าน้องนัททำได้ดีมากๆ ค่ะ

.......................................

“มาคิดลบกันเถอะ” (Team Money Talk 4)
........................................

เหรียญมีสองด้านฉันใด ทุกเรื่องในชีวิตย่อมมีสองด้านฉันนั้น
การคิดบวกเหมือนการ “พลิกเหรียญ” โดยเลือกเฉพาะด้านบวก
ของเหรียญ แน่นอนเราควรทำเช่นนั้น.. เช่น วิธีคิดต่อผู้คนหรือ
สิ่งต่างๆ..ที่อยู่ตรงหน้าเรา ณ ปัจจุบันขณะ “ที่นี่.. และเดี๋ยวนี้”
....................................

แต่ถ้าเป็นสถานการณ์ “การโยนเหรียญ” ล่ะ... เริ่มจะเลือกไม่ได้
เราจึงจำต้องรับรู้ และไม่ลืมว่าที่แท้แล้ว “เหรียญมีสองด้าน” เสมอ
มันมีโอกาสเกิดขึ้นกับเรา...ไม่ “ออกหัว_(บวก)” ก็ “ออกก้อย_(ลบ)”
เกริ่นยาว..เพื่อชวน “คิดลบ” เรื่อง “สถานะการเงินในอนาคต” ค่ะ
.....................................

หากแก่ไปไม่มีรายรับ ไม่มีเงินเก็บเพียงพอ แต่ดันอายุยืนทำอย่างไร
ถ้าเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังอีกด้วย ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้
ใครจะดูแล ถ้าลูกไปทำงาน จ้างคนดูแล เอาเงินที่ไหนจ้าง “เงินลูก”?
ถ้าลูกคนเดียว มีรายรับคนเดียวดูและพ่อแม่แก่ๆ สองคน ไหวหรือไม่?
หรือยังไม่ทันแก่ แต่หัวหน้าครอบครัวต้องจากไปก่อนวัยอันควร
แล้วต้องดูแลลูกในวัยเรียนคนเดียวไหวไหม มีค่าใช้จ่ายใดรออยู่บ้าง?
ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เบี้ยประกัน ค่าเล่าเรียนลูก ค่าใช้จ่ายกินอยู่
ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารักษาพยาบาล คนเดียวจ่ายไหวไหม ฯลฯ
......................................

คิดลบ...เพื่อวางแผนปิดความเสี่ยงค่ะ โดยการรีบตัดหนี้ระยะยาว
เช่น ผ่อนบ้านให้เร็วที่สุด หรือทำประกันคุ้มครองผู้ส่งเบี้ยไว้น่าจะดี
เลือกทำประกันชีวิตให้คนที่เป็นรายได้หลัก ทำแต่พอควรไม่ให้เป็นภาระ
วางแผนประกันสุขภาพตามที่ fb money talk เสนอไปหลายตอนค่ะ
....................................

ควรหาความรู้ด้านการเงิน นำเงินไปออมในสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสด
ได้ต่อเนื่อง เช่น ปันผล หรือมีค่าเช่า เป็น passive income แก่ชรา
โรครุมเร้า หัวหน้าครอบครัวจากไป ยังมีกระแสเงินสดให้คนข้างหลังเก็บกิน

พลิก “เหรียญของอนาคต” เป็น “ด้านบวก” ด้วย ไม่ใช่พลิกเฉพาะปัจจุบัน
เพื่อให้ชีวิตไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ต้อง “โยนเหรียญ” อยู่ร่ำไปนั่นเองค่ะ
.................................

ด้วยความห่วงใย..จึงอยากถามว่า..”วันนี้คุณคิดลบแล้วหรือยัง?”
และ “วันนี้คุณมีแผนบริหารความเสี่ยงสำหรับอนาคตหรือยัง?” ^_*
Nutth147
Verified User
โพสต์: 241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 651

โพสต์

ขอบคุณครับ ทำให้มองได้อีกมุมดีครับ เพราะบริษัทที่ผมทำอยู่นี้ขนาดเล็ก ความไม่แน่นอนจะเกิดได้ที่ เจ้านายของผม ไม่ใช้ตัวผม
เช่น เกิด อุบัติเหตุกับเขา(เพราะเป็นคนเซ็นเอกสารด้านการเงิน)

ผมจะนำตรงนี้มาทบทวนส่วนของเงินสำรองด้วยครับ
theenuch เขียน:
Nutth147 เขียน:พี่นุช ร่วมถึงพี่ๆท่านอื่นด้วยนะครับ ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามมุมมองเรื่อง เงินสำรอง หน่อยครับ

คือ ตามหลักการทั่วไปที่ผมเรียนรู้และปฏิบัติอยุ่ เราควรจะมีเงินสำรอง (เพื่อฉุกเฉิน) ประมาณ 3-6 เดือน
3 เดือน สำหรับคนที่ยังพอมี คนอื่น แบคอัพ เพื่อเกิดปัญหา
6 เดือน โดยคำนวนจากค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
เงินที่เกินกว่านั้น เราก็สามารถนำไปลงทุนได้

ผมเองก็ทำตามนี้ แต่เงินสำรองจะมีการเปรียบเทียบกับร่วมกับยอดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
เช่น มีเงินพอสำหรับ ซื้อโน๊ตบุคใหม่สำหรับทำงานในดรณีเครื่องเก่าเสีย (อายุ 5 ปีแล้ว) , มีเงินพอสำหรับ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางของคอนโด ในกรณีลิฟท์เกิดเสียและลูกบ้านต้องเปลี่ยนลิฟท์

แต่บางครั้ง พอราคาหุ้นบางตัว เข้ามาในจุดน่าซื้อ ผมก็มักจะ ตัดสินใจ นำเงินสำรอง จาก 6 เดือน ลดมาเหลือ 3 เดือน เพื่อเข้าซื้อหุ้น (ซึ่งผมกำลังคิดว่า .... ไม่ค่อยดีเท่าไรที่ทำแบบนี้)

พี่นุช และ ท่านอื่นๆ มีวิธีในการจัดส่วนเงินสำรองอย่างไรบางครับ เพื่อผมนำไปทดลองปฏิบัติ
ความเห็นส่วนตัวนะคะ :D

พี่ว่าควรกัยสำรองไว้ แต่ก็ยืดหยุ่นได้ แต่จะยืดหยุ่นได้แค่ไหน ควรมีหลักพิจารณาดังนี้ค่ะ
แหล่งที่มาของรายรับ "เป็นเจ้าของกิจการ" หรือ "มนุษย์เงินเดือน"

"ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ"
น่าจะต้องประเมินสถานะของกิจการเทียบกับสภาวะ ศก. และปัจจัยที่เกี่ยวข้องแล้วแต่ประเภทกิจการ
ว่ายังมีความได้เปรียบในการแข่งขันอยู่หรือไม่ กระแสเงินสดเป็นไง
ลูกค้าเราคือใคร ถ้า ศก.ไม่ดีลูกค้าเรากระทบหรือไม่
ถ้ากระทบแล้วไม่มีกระแสเงินสดเข้า แต่ยังคงมีต้นทุนจากการดำเนินงาน
อาจจะขาดสภาพคล่องในเร็ววันหรือไม่

แล้วเราจะรู้ว่าเราควรยืดหยุ่นกับเงินสำรองนั้นมากแค่ไหน โ
โดยปกติ "งบส่วนตัว" กับ "งบของกิจการ" คงควรจะแยกกัน
แต่ถ้า ศก.ไม่ดีจะมีโอกาสที่เราต้องเติมเงินเข้าไป เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหรือไม่
หรือเราไม่ถึงกับต้องเติม..แต่ "งบส่วนตัว" ก็อาจร่อยหรอเถ้ากิจการไม่ดีชั่วคราว

ถ้ากระแสเงินสดของกิจการไม่ flow ก็ต้องมากระทบกระแสเงินสดของงบส่วนตัวอยู่ดี
คือรายรับอาจลดลงชั่วคราว ก็อาจต้อง strict กับเงินสำรองให้มาก

....................

ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนล่ะ น่าจะต้องพิจารณาสองส่วนเลย

ตัวกิจการของบริษัทที่เราทำงานอยู่
ก็เหมื่อนกันคงน่าจะต้องวิเคราะห์กิจการของบริษัทที่เราทำงานอยู่ว่าเป็นอย่างไร ลูกค้าคือใคร
ภาวะนี้ลูกค้าได้รับผลกระทบหรอไม่ แล้วกิจการยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาวหรือไม่

ตัวเรา
ยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาวหรือไม่
สมมติกิจการของบริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะ ศก. การเมือง ฯลฯ
แล้วจำเป็นต้องลดคน หรือลดเงินเดือน เราจะโดนหรือไม่

ถ้าพอจะกระทบก็น่าจะต้อง strict กับเงินสำรองให้มากเช่นกัน

.................

หรือถ้าไม่มีปัจจัยแทรกแซงจากภายนอก ปัจจัยภายในล่ะมีหรือไม่....ซึ่งแต่ละคนก็ต่างกัน
เช่น เป็นคนโสดสุขภาพแข็งแรง เป็นครอบครัวมีลูกวันเรียน
ต้องดูแลใครหรือไม่พ่อแม่ ถ้ามีอายุเท่าไหร่
มีโรคภัยโดยเฉพาะโรคเรื้อรัง (ที่อาจเกิดภาวะเฉียบพลัน)
เช่น เบาหวาน ไต หลอดเลือดหัวใจ กรณีสุดท้ายนี่อาจต้องสำรองมากกว่า 6 เดือน

และตามตัวอย่างที่น้องนัทยกมาเช่น lift ส่วนกลาง
ก็อาจพิจารณาจากสภาพของคอนโดที่เราอยู่
ถ้ายังใหม่โอกาสก็น้อย แตถ้าเก่าก็ตรงข้ามค่ะ

....................

คงประมาณนี้ค่ะ ยังไงก็ต้องมีสำรองและมีความยืดหยุ่นได้ ตามบริบทของแต่ละคนค่ะ

แต่ถ้าไม่เลย กิจการดำเนินปกติ เราเองก็มี DCA มากๆ (555 +) โอกาสตกงานไม่มีแน่นอน
ก็อาจจะยืดหยุ่นได้มากหน่อยแบบที่น้อง Nutth147 บอกมาก็คงพอได้
เพราะยุบไป 3 เดือน แต่เรายังมีเงินเดือนยังมีกระแสเงินสดใหม่เข้าอยู่เราก็สามารถเก็บใหม่ได้

แต่ก็ควรเร่งเก็บให้ครบ 6 เดือน เร็วๆ
หมายถึงเมื่อใช้จ่ายมากไปแล้ว ก็ต้องกลับมามีวินัยสูงมากหน่อย
ทำนองนี้ค่ะ....พิจารณาให้รอบทั้งปัจจัยภายในและภายนอก

.................

ตอบโจทย์มั้ยนะ ^_*
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 652

โพสต์

Nutth147 เขียน:ขอบคุณครับ ทำให้มองได้อีกมุมดีครับ เพราะบริษัทที่ผมทำอยู่นี้ขนาดเล็ก ความไม่แน่นอนจะเกิดได้ที่ เจ้านายของผม ไม่ใช้ตัวผม
เช่น เกิด อุบัติเหตุกับเขา(เพราะเป็นคนเซ็นเอกสารด้านการเงิน)

ผมจะนำตรงนี้มาทบทวนส่วนของเงินสำรองด้วยครับ
คุณนัทคำนวณ RBC (Risk-Based Capital) ออกมาก่อน โดยใช้หลักการง่าย ๆ คือ หาค่าสำรองที่ Service Level ที่เราพึงพอใจ

1 โดยกำหนด ค่า n อย่างน้อย 30 ซึ่งผมแนะนำให้เป็น 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่งอย่างน้อยเพื่อที่จะเห็นการกระจายตัวแบบ NORM เปลี่ยนแปลงได้นะ หากมีเอาท์ไลเออร์เกิดในกระบวนการ

2 หากความแปรปรวนที่เกิดขึ้นในแต่ละ Period กำหนดเป็น V1 ถึง Vn

3 กำหนดสัมประสิทธิ์ความพึงพอใจว่าสำรองที่มีจะสร้างความพึงพอใจเท่าไร? จึงจะมีความพึงพอใจต่อ collateral asset (ในมุมกลับก็คือปริมาณสำรอง หากจะเกิดความพึงพอใจสูง 90% หรือ 80% หรือ 70% จะมีผลกับปริมาณเงินสำรอง ซึ่งถ้าต้องการความปลอดภัยสูงก็กำหนดสัก 98%) ในกรณีคุณนัท ผมกำหนดให้ collateral asset = working cap และ% ความพอใจสัก 98

4 คำนวณหาค่า ตัวแปร โดยใช้สูตร NORMSINV(0.98)*stdev(V1:Vn)

5 ปริมาณเงินสำรอง = {NORMSINV(0.98)*stdev(V1:Vn)} x Working Cap

จะได้ปริมาณเงินสำรองที่ค่าความปลอดภัย 0.98

ถ้าหากเราใช้มโน เอา เราอาจเสียโอกาสเก็บเงินไว้เยอะเกินไป (อดลงทุน) เก็บเงินไว้น้อยเกินไป (เกิดหายนะ)
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 653

โพสต์

ทำตัวอย่างให้ดู ลองดูครับ ผลต่าง ระหว่างหนึ่งแสน กับ สำรองที่เหมาะสมก็เอาไปลงทุนครับ

รูปภาพ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
jverakul
Verified User
โพสต์: 1959
ผู้ติดตาม: 1

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 654

โพสต์

theenuch เขียน:ขอเอาเรื่องนี้มาให้อ่านอีกครั้งค่ะ น่าจะพอประกอบการพิจารณาเรื่องเงินสำรอง
ตามที่ "น้องนัท" ถามมาได้ด้วยค่ะ


แต่โดยส่วนตัวพี่ว่าน้องนัททำได้ดีมากๆ ค่ะ

.......................................

“มาคิดลบกันเถอะ” (Team Money Talk 4)
........................................

^_*
เห็นชื่อเรื่องแล้วตกใจครับพี่นุช :shock: เพราะช่วงนี้กำลังอ่านหนังสือจิตวิทยาแนวสร้างแรงบันดาลใจอยู่
เขาบอกว่าพยายามคิดบวกให้มากไว้ เพราะถ้าคิดลบบ่อยๆ จะทำให้เราเป็นไปตามที่เราคิด

เพราะ ถ้าใครไม่อ่านเนื้อหาทั้งหมด อาจจะเข้าใจไขว้เขวก็ได้นะครับ

ไม่รู้ว่า ผมอ่านแล้วคิดจุกจิกมากไปหรือเปล่า :oops:
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 655

โพสต์

ขอชมคุณ NB ก่อนค่ะ..ตารางที่คุณ NB คำนวณมานั้นยอดเยี่ยมมากๆ เลย
ใช้ประกอบกับการพิจารณารอบด้านได้ลงตัวพอดีค่ะ

คิดว่าคนที่กำลังคิดเรื่องการสำรองเงินน่าจะได้ประโยชน์มากๆ ถ้าเข้ามาอ่านพบเข้า

และคำถามของนัท Nutth147 นั้นมีประโยชน์มากๆ ค่ะ :D
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 656

โพสต์

jverakul เขียน:
theenuch เขียน:ขอเอาเรื่องนี้มาให้อ่านอีกครั้งค่ะ น่าจะพอประกอบการพิจารณาเรื่องเงินสำรอง
ตามที่ "น้องนัท" ถามมาได้ด้วยค่ะ


แต่โดยส่วนตัวพี่ว่าน้องนัททำได้ดีมากๆ ค่ะ

.......................................

“มาคิดลบกันเถอะ” (Team Money Talk 4)
........................................

^_*
เห็นชื่อเรื่องแล้วตกใจครับพี่นุช :shock: เพราะช่วงนี้กำลังอ่านหนังสือจิตวิทยาแนวสร้างแรงบันดาลใจอยู่
เขาบอกว่าพยายามคิดบวกให้มากไว้ เพราะถ้าคิดลบบ่อยๆ จะทำให้เราเป็นไปตามที่เราคิด

เพราะ ถ้าใครไม่อ่านเนื้อหาทั้งหมด อาจจะเข้าใจไขว้เขวก็ได้นะครับ

ไม่รู้ว่า ผมอ่านแล้วคิดจุกจิกมากไปหรือเปล่า :oops:
ขอบคุณที่ท้วงติงค่ะน้อง jverakul :D

แต่พี่มองต่างค่ะ ไม่ใช่ต่างเรื่องคิดบวกนะคะ
เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า....การคิดบวกเป็นสิ่งที่ดี พี่คนคิดบวกมาตลอดเช่นกัน

แต่ที่บอกว่ามองต่างคือ....การเตือนให้คิดลบไว้บ้างก็ไม่น่าจะเสียหายใดๆ
และแค่หัวข้อประโยคเดียวนี้ พี่คิดว่าไม่น่าจะมีผลให้ใครบางคนนำไปเป็นหลักในการใช้ชีวิต
คืออ่านแล้ว...เปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนคิดลบจากนี้ไป อะไรทำนองนี้ค่ะ
สาระสำคัญคงอยู่ที่เนื้อหามากกว่า (ถ้ามีจริงพี่คงจะบาปแย่เลย :cry: )

............................

แต่ยอมรับนะว่าตอนจะตั้งชื่อนี่พี่ก็คิดเหมือนกันนะคะ :oops:
แต่ก็คิดได้ว่าไม่มีเหตุผลใดๆ ที่คนอ่านจะไม่อ่านเนื้อหาทั้งหมดค่ะ
ยิ่งเห็นหัวข้อแปลกๆ ยิ่งน่าจะอยากอ่านว่าคนเขียนเพี้ยนหรือเปล่า...
ตั้งหัวข้อแบบนี้...ต้องการนำเสนออะไร...น่าติดตาม....อะไรทำนองนี้ค่ะ ^_*

พี่ว่าถ้าจะต้องห่วงจริง...คงน่าห่วงตั้งแต่ตอนที่เขาไม่ชอบอ่านอะไรให้ครบแล้วหละค่ะ
ไม่ต้องไปห่วงว่า “มาคิดลบกันเถอะ” จะทำให้ชีวิตเขาเสียหายหรอกมั้งคะ (หรือเปล่า)

การไม่พิจารณาอะไรให้รอบด้านหรือเห็นอะไรผ่านๆ แล้วหยิบเอาไปใช้
เป็นจริงเป็นจังโดยไม่ดูให้ครบมันผิดหลักการใช้ชีวิตที่ดีอยู่ตั้งแต่ต้นแล้วค่ะ
ถ้าคนอ่านมีฐานนิสัยเป็นแบบนั้น คงจะน่าห่วงมากกว่าค่ะ

......................

งานเขียนเป็นงานที่ไม่ง่าย ออกจะยากและต้องใช้พลังมาก
(คำนี้พี่ประทับใจจากที่ใครคนหนึ่งที่พี่นับถือมากเคยบอกกับพี่)

โดยเฉพาะเขียนเพื่อให้ฉุกคิดหรือสร้างความเปลี่ยนแปลง
ให้คิดต่างไปจากความเคยชินเดิมๆ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ค่ะ
แม้แต่เรื่อง “ปล่อยมือ” พัฒนาการก้าวสำคัญของการเป็นพ่อแม่
อันนี้ตัวเนื้อหาบอกให้ทำสิ่งตรงกันข้ามกับความรู้สึกของพ่อแม่เลยค่ะ
คือแทนที่จะให้จูงลูก กลับชวนให้ปล่อยมือลูกอีก :B

.....................

อีกเรื่องที่เขียนหรือเตือนกันทีไรจะโดนแย้งอยู่เสมอคือ "มรณานุสติ"
หรือการพิจารณาเรื่องความตาย ทั้งทีในความเป็นจริงของชีวิตไม่มีใครหนีพ้น และมันคือสัจธรรมของชีวิต คือปลายทางของทุกคน

แต่เมื่อใดก็ตามที่เตือนขึ้นมา (คงเหมือนการเตือนให้คิดลบ)
ดูจะสะดุดใจผู้คนมากเป็นพิเศษค่ะ...และมีคนท้วงบ่อยมาก

.......................

เราลองมาดูในวงการของการลงทุนบ้างนะคะ


ที่บางครั้ง "คำเตือนที่เป็นจริง" กลับขัดใจนักลงทุนมาก
โดยเฉพาะในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นในช่วงที่ดัชนี SET ก็กำลังพุ่งขึ้น
และราคาหุ้นกำลังพุ่งขึ้นสอดคล้องกัน และแน่นอนข่าวดีเต็มตลาด

แต่อยู่ๆ ก็มีคนเตือนว่า "ขณะกับงานเลี้ยงกำลังรื่นเริงกันเต็มที่ แต้องระวังให้ดี
ถ้า "ลุกช้าจะจ่ายรอบวง" หลานคนที่กำลังยินดีปรีดาอาจหันมาค้อนเอาง่ายๆ
พร้อมทั้งบ่นว่า "ทำให้เสียบรรยากาศหมด"

......................

หรือแม้แต่ประโยคที่ว่า
"บ่อยครั้งการในยามลมแรง แม้แต่ไก่งวงยังบินได้
แต่เมื่อยามลมพัดหวน ผู้ที่อยู่รอดนั้่นคือพญาอินทรี"

(ขออนุญาตบังอาจเอาประโยคต่อไปนี้นี้มาเป็นตัวอย่างนะคะ)

หรือที่ Warren Buffett บอกว่า
"ถ้าทนเห็นหุ้นตัวเองราคาลง 50% โดยไม่ ตื่นตระหนกไม่ได้ อย่ามาเล่นหุ้น"
อ่านแล้วคงเป็นลบมาก....โหตลาดหุ้นอย่างงี้เชียวหรอ
เขียนแบบนี้ก็ทำให้ภาพของการลงทนให้หุ้นดูแย่ไปเลยสิ

จงตื่นกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกำลังตื่นกลัว
เป็นคำด้านลบหมดเลย
..........................

พี่เพียงแค่แลกเปลี่ยนในมุมที่พี่คิด ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ พี่เองก็ไม่กล้าตัดสินค่ะ

แต่อยากทิ้งคำถามไว้ว่า

ถ้ามีใครคนหนึ่งหน้าตาสระสวย...ยิ้มแย้มแจ่มใส...เดินทาบอกกับเราว่า
“เหรียญมีด้านเดียว....ชีวิตก็มีด้านเดียวเท่านั้น..เรามาคิดบวกด้านเดียวกันเถอะค่ะ”

กับอีกคน สมมติว่าเป็นผู้ชายหนวดเครารุงรังหน้าตาไม่เป็นมิตรเท่าไหร่เดินมาบอกกับเราว่า
“เหรียญมีสองด้านนะ...เหมือนชิวิตที่มีทั้งสองด้าน...ดังนั้นจงคิดลบไว้บ้าง”

เราจะพิจารณาให้น้ำหนักไปที่คำพูดของใคร...
และถ้าหากเลยไปถึงเรื่องของการสอนลูกเราจะกล้าสอนลูก...ให้คิดบวกอย่างเดียวจริงหรือ
ในเมื่อโลกภายนอกและโลกในชีวิตจริงมันไม่ใช่ เราจะสอนลูกอย่างไรระหว่าง

“ทุกคนที่เราเจอเป็นคนดี...ไม่ต้องคิดเผื่อไว้เลยใครชวนไปไหนก็ไปเลยนะลูก”

หรือ "ระวังคนแปลกหน้านะลูก....ใครชวนไปไหนอย่าไปง่ายๆ...ถ้าไม่ใช่พ่อแม่
หรือแม่้แต่คนรู้จักถ้าพ่อแม่วานมารับพ่อแม่จะบอกลูก...ถ้าไม่ได้บอกไว้
แม่แต่กับคนรู้จักก็ไม่ควรไป"

.................

แลกเปลี่ยนกัยนะคะ...ดีจังได้ใช้เวลากับกระทู้นานๆ เสียบ้าง
ปกติช่วงนี้พี่ยุ่งๆ ค่ะ...มาวิ่งผ่านกระทู้แว๊บๆ ยังเกรงๆ ใจเพื่อนๆ และน้องๆ อยูเหมือนกัน
ถ้าพี่มาตอบสั้นๆ หรือหายไปเป็นช่วงๆ ก็อย่าว่ากันนะคะ :oops:
Nutth147
Verified User
โพสต์: 241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 657

โพสต์

ก่อนอื่น ขอขอบคุณพี่ NB สำหรับสูตรและตัวอย่างการคำนวนครับ ผมเองไม่ค่อยเก่งการคำนวนในแบบนี้ ยัง งง อยู่แต่ขอ แกะจากตัวอย่างที่ให้มาครับ ( พี่ NB ถ้าผม ลบ0ไปตัว นี้ก็แทน 10000 ได้ใช้ไหมครับ ? )

สำหรับพี่นุช
"อีกเรื่องที่เขียนหรือเตือนกันทีไรจะโดนแย้งอยู่เสมอคือ "มรณานุสติ"
หรือการพิจารณาเรื่องความตาย ทั้งทีในความเป็นจริงของชีวิตไม่มีใครหนีพ้น และมันคือสัจธรรมของชีวิต คือปลายทางของทุกคน"

ตรงนี้ผมชอบและสนับสนุนครับ จริงๆแล้วในครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อหรือคุณแม่ ควรมีการคุยไว้เลยจะดีครับ อย่างในครอบครัวผม ก็จะมีการคุยว่า
หากเสียชีวิต อยากให้จัดงานศพแบบไหน (บ้านผม ถ้าร่างยังดี ให้บริจาค ถ้าไม่ได้ เผาให้เสร็จในสามวันหรือให้เร็วที่สุด)
หากเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่รู้สึกตัว อยากจะให้ตัดสินใจแบบไหน ( บ้านผมง่ายๆ คือ ไม่ยือ ไม่มีการต่อท่อ แต่ถ้าไม่ได้สติ ขอให้มานั่งอ่านหนังสือธรรมมะให้ฟังข้างๆ )

อย่างน้อยยามที่เกิดปัญหา คนที่ต้องดูแลก็มีแนวทางในการตัดสินใจครับ
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 658

โพสต์

Nutth147 เขียน:ก่อนอื่น ขอขอบคุณพี่ NB สำหรับสูตรและตัวอย่างการคำนวนครับ ผมเองไม่ค่อยเก่งการคำนวนในแบบนี้ ยัง งง อยู่แต่ขอ แกะจากตัวอย่างที่ให้มาครับ ( พี่ NB ถ้าผม ลบ0ไปตัว นี้ก็แทน 10000 ได้ใช้ไหมครับ ? )
ได้เลยครับ ลองดู ถ้างงก็โพสถามไว้ครับ มีเวลาจะกลับมาตอบให้ครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 659

โพสต์

หลุมพราง VI (2/2)_ธันวา เลาหศิริวงศ์
(ชวนอ่านโดย_Team Money Talk 4)

...............
คุณธันวา 8.jpg
ครั้งที่แล้วคุณธันวาท่านได้แนะนำให้รู้จักหลุมพราง VI 4 ข้อ
หลายท่านอ่านแล้วบอกว่า...เคยตกมาเกือบทุกข้อ ได้แก่

1. ซื้อแล้วไม่ขาย 2. ลงทุนหุ้น 100% โดยไม่ถือเงินสด
3. ซื้อเพื่อให้มีชื่อเป็น ผถห.รายใหญ่ 4. ซื้อขายหุ้นตามผู้บริหาร
.................

วันนี้ คุณธันวาท่านนำอีก 4 ข้อ ที่เหลือมาฝากค่ะ
5. เปรียบเทียบผลตอบแทนการลงทุนกันผู้อื่น
6. มั่นใจมาก จึงถือหุ้น น้อยตัว / มากตัว เกินไป
7. ลืมตัวชั่วคราว และ 8. ลืมเป้าหมายการลงทุน
.................

แค่ “รู้จัก” ไม่ช่วยให้รอดการตกหลุมพรางแน่...จะทำอย่างไรดี
ต้องติดตามอ่านฉบับเต็มค่ะ ที่ Thaivi.org ตาม link ด้านล่าง
.................

อย่างที่เคยเรียนไปว่า ไหนๆ ได้แวะเข้าไปที่เว็บไซต์การลงทุน
ที่มีคุณภาพของ "สมาคมนักลังทุนเน้นคุณค่า" แล้ว อย่าลืม
อ่านความรู้สาระอื่นๆ ใน Thaivi.org และสมัครเป็นสมาชิกเพื่อ
เข้าถึงข้อมูล ที่เข้าถึงได้เฉพาะสมาชิก และรับสิทธิพิเศษอื่นๆ

ความรู้และทัศนคติในการลงทุนที่ถูกต้อง สามารถเปลี่ยนชีวิตของนักลงทุนได้จริงค่ะ
..................

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=57386

..................

นำ link หลุมพราง VI (1/2) มาฝากท่านที่ยังไม่เคยอ่านด้วยค่ะ

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 4#p1606304
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 660

โพสต์

Nutth147 เขียน:ก่อนอื่น ขอขอบคุณพี่ NB สำหรับสูตรและตัวอย่างการคำนวนครับ ผมเองไม่ค่อยเก่งการคำนวนในแบบนี้ ยัง งง อยู่แต่ขอ แกะจากตัวอย่างที่ให้มาครับ ( พี่ NB ถ้าผม ลบ0ไปตัว นี้ก็แทน 10000 ได้ใช้ไหมครับ ? )

สำหรับพี่นุช
"อีกเรื่องที่เขียนหรือเตือนกันทีไรจะโดนแย้งอยู่เสมอคือ "มรณานุสติ"
หรือการพิจารณาเรื่องความตาย ทั้งทีในความเป็นจริงของชีวิตไม่มีใครหนีพ้น และมันคือสัจธรรมของชีวิต คือปลายทางของทุกคน"

ตรงนี้ผมชอบและสนับสนุนครับ จริงๆแล้วในครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อหรือคุณแม่ ควรมีการคุยไว้เลยจะดีครับ อย่างในครอบครัวผม ก็จะมีการคุยว่า
หากเสียชีวิต อยากให้จัดงานศพแบบไหน (บ้านผม ถ้าร่างยังดี ให้บริจาค ถ้าไม่ได้ เผาให้เสร็จในสามวันหรือให้เร็วที่สุด)
หากเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่รู้สึกตัว อยากจะให้ตัดสินใจแบบไหน ( บ้านผมง่ายๆ คือ ไม่ยือ ไม่มีการต่อท่อ แต่ถ้าไม่ได้สติ ขอให้มานั่งอ่านหนังสือธรรมมะให้ฟังข้างๆ )

อย่างน้อยยามที่เกิดปัญหา คนที่ต้องดูแลก็มีแนวทางในการตัดสินใจครับ
อยากบอกว่า...ที่บ้านพี่ตกลงกันไว้เหมือนของน้อง Nutth147 มากเลยค่ะ
ยกเว้นสีม่วงที่ยังไม่มี...ซึ่งพี่เห็นว่าดีมากและนำไปเพิ่มของครอบครัวพี่ด้วยค่ะ...ขอบคุณมากค่ะ :D