สอบถามว่า การลงทุนในต่างประเทศ ต้องเสียภาษียังไงบ้างครับ

[centrady]

สอบถามว่า การลงทุนในต่างประเทศ ต้องเสียภาษียังไงบ้างครับ

อยากทราบว่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ฮองกงต้องเสียภาษี capital gain มั้ยครับ

[vim]

สอบถามว่า การลงทุนในต่างประเทศ ต้องเสียภาษียังไงบ้างครับ

อยากทราบว่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ฮองกงต้องเสียภาษี capital gain มั้ยครับ

เสียแตกต่างกันไปตามตลาดซื้อขายและกฎหมายในปีนั้นๆครับ

เช่นในเยอรมันก็เสียประมาณ 26.375% แต่สามารถทำเรื่องขอภาษีของเงินจำนวน 801 ยูโรแรกคืนได้ ถ้าโบรคเกอร์มีบริการตรงนี้ (ไม่มั่นใจว่าใช้ได้กับทุกกรณีรึเปล่านะครับ)

ส่วนในอเมริกาคนต่างชาติอาจจะเสีย 30% นอกเสียจากว่าโบรคเกอร์จะช่วยยื่นภาษีซ้ำซ้อนให้หรือซื้อบริการไว้ให้มาเสียภาษีในอัตราไทยแทน

ประเทศอื่นๆก็น่าจะแตกต่างกันไป

รายละเอียดเรื่องภาษีควรจะถามโบรคเกอร์ครับเพราะผมเข้าใจว่าแต่ละที่ก็เชี่ยวชาญเรื่องภาษีไม่เหมือนกันในแต่ละตลาด กฎหมายค่อนข้างซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงทุกปี

ในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ หลังจากเสียค่าโบรคเกอร์ และ capital gain tax แล้ว พอโอนเงินเข้าไทยก็จะต้องเสียภาษีรายได้ในไทยอีกต่อหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาตาม"ธรรมเนียมปฎิบัติ"ของกรมสรรพากรแล้วถ้านำเงินได้ที่เกิดขึ้นจากปีภาษีก่อนหน้านั้น จะไม่มีนับเงินได้นั้นรวมในภาษีที่ต้องเสียในปีนี้ (เช่นขายหุ้นปลายปี 2013 แล้วโอนเข้าบัญชีไทยปี 2014 จะไม่เสียภาษีรายได้ในไทยส่วนนี้) แต่ตรงนี้ก็ยังเป็นแค่ธรรมเนียมปฎิบัติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในปีต่อๆไป

ระหว่างการเปลี่ยนสกุลเงิน ก็ต้องเสียอัตราแลกเปลี่ยนอีกต่อนึงครับ ตรงนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมากน้อยแค่ไหนเหมือนกัน

โดยส่วนตัว ผมว่าลงทุนเมืองนอกผลตอบแทนมันไม่ค่อยคุ้มกับภาษีที่จ่ายครับ เรื่องเยอะกว่า เหนื่อยกว่า โดนหักรายทางจากหลายฝ่ายมาก ผลตอบแทนบรรทัดสุดท้ายออกมาไม่รู้จะดีกว่ารึเปล่า

[alex_v50]

ลองดูครับ
http://inv2.asiaplus.co.th/cms/index2.p ... business04
แต่ว่าส่วนนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นครับ

[Green]

ลงทุนที่ สิงคโปร์ ผ่าน Asianlinkage ไม่เสียภาษี เวลาเอาเงินกลับมาเมืองไทย ทั้งในกรณีเอาเงินกับมาในปีภาษี เดียวกัน ไม่ต้องรอให้ข้ามปีภาษีครับ Capital Gain Tax สำหรับบุคคลธรรมดา ที่สิงคโปร์ ก็ไม่ได้เก็บอยู่แล้วครับ

[alex_v50]

สวัสดีครับ ขอความรู้เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครับ ในส่วนที่โอนเงินที่ลงทุนในต่างประเทศกลับมาครับ (ส่วนตัวมีการลงทุนในยุโรปกับฮ่องกงครับ)
1. ต้องรอข้ามปีภาษี หรือไม่ครับ
2. ต้องยื่นภาษีส่วน capital gain กับส่วนกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยหรือไม่ครับ
3. รายอื่นที่ควรทราบด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ

[picatos]

สอบถามว่า การลงทุนในต่างประเทศ ต้องเสียภาษียังไงบ้างครับ

อยากทราบว่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ฮองกงต้องเสียภาษี capital gain มั้ยครับ

เสียแตกต่างกันไปตามตลาดซื้อขายและกฎหมายในปีนั้นๆครับ

เช่นในเยอรมันก็เสียประมาณ 26.375% แต่สามารถทำเรื่องขอภาษีของเงินจำนวน 801 ยูโรแรกคืนได้ ถ้าโบรคเกอร์มีบริการตรงนี้ (ไม่มั่นใจว่าใช้ได้กับทุกกรณีรึเปล่านะครับ)

ส่วนในอเมริกาคนต่างชาติอาจจะเสีย 30% นอกเสียจากว่าโบรคเกอร์จะช่วยยื่นภาษีซ้ำซ้อนให้หรือซื้อบริการไว้ให้มาเสียภาษีในอัตราไทยแทน

ประเทศอื่นๆก็น่าจะแตกต่างกันไป

รายละเอียดเรื่องภาษีควรจะถามโบรคเกอร์ครับเพราะผมเข้าใจว่าแต่ละที่ก็เชี่ยวชาญเรื่องภาษีไม่เหมือนกันในแต่ละตลาด กฎหมายค่อนข้างซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงทุกปี

ในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ หลังจากเสียค่าโบรคเกอร์ และ capital gain tax แล้ว พอโอนเงินเข้าไทยก็จะต้องเสียภาษีรายได้ในไทยอีกต่อหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาตาม"ธรรมเนียมปฎิบัติ"ของกรมสรรพากรแล้วถ้านำเงินได้ที่เกิดขึ้นจากปีภาษีก่อนหน้านั้น จะไม่มีนับเงินได้นั้นรวมในภาษีที่ต้องเสียในปีนี้ (เช่นขายหุ้นปลายปี 2013 แล้วโอนเข้าบัญชีไทยปี 2014 จะไม่เสียภาษีรายได้ในไทยส่วนนี้) แต่ตรงนี้ก็ยังเป็นแค่ธรรมเนียมปฎิบัติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในปีต่อๆไป

ระหว่างการเปลี่ยนสกุลเงิน ก็ต้องเสียอัตราแลกเปลี่ยนอีกต่อนึงครับ ตรงนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมากน้อยแค่ไหนเหมือนกัน

โดยส่วนตัว ผมว่าลงทุนเมืองนอกผลตอบแทนมันไม่ค่อยคุ้มกับภาษีที่จ่ายครับ เรื่องเยอะกว่า เหนื่อยกว่า โดนหักรายทางจากหลายฝ่ายมาก ผลตอบแทนบรรทัดสุดท้ายออกมาไม่รู้จะดีกว่ารึเปล่า

30% ของสหรัฐนี่เข้าใจว่าเป็นส่วนของ dividend ส่วน capital gain นี่ไม่เสียนะครับ

ส่วนภาษีที่ถือข้ามปีนี่ผมเข้าใจว่าเป็นกฏของแบงค์ชาติที่ให้ถือเงินลงทุนข้ามปีที่ออกมาเป็นกฏหมายนะครับ ไม่น่าจะเป็นแค่ธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ที่ต้องขายก่อนแล้วถือข้ามปี เพราะ สรรพากรใช้ cash basis ในการคำนวณภาษี

[vim]

30% ของสหรัฐนี่เข้าใจว่าเป็นส่วนของ dividend ส่วน capital gain นี่ไม่เสียนะครับ

ส่วนภาษีที่ถือข้ามปีนี่ผมเข้าใจว่าเป็นกฏของแบงค์ชาติที่ให้ถือเงินลงทุนข้ามปีที่ออกมาเป็นกฏหมายนะครับ ไม่น่าจะเป็นแค่ธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ที่ต้องขายก่อนแล้วถือข้ามปี เพราะ สรรพากรใช้ cash basis ในการคำนวณภาษี

ผมเข้าใจว่าคุณ picatos หมายถึง มาตรา 41 ประมวลรัษฎากร

"ผู้อยู่ในประเทศไทยมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ต้องเสียภาษีเงินได้ตามบทบัญญัติในส่วนนี้เมื่อนำเงินได้พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทย"

เนื่องจากกฎหมายนั้นเขียนไว้คร่าวๆ ไม่ได้บอกชัดเจนว่าโอนเข้ามาในปีภาษีหรือนอกปีภาษี ผมเองได้ยินการตีความมาหลายแบบ หากยึดจากงานสัมมนาของนิติกรจากสรรพากร จะสรุปได้คร่าวๆคือ

บุคคลธรรมดามีรายได้จากต่างประเทศ ในปีนั้นบุคคลอยู่ในไทยไม่ถึง 180 วัน โอนเงินเข้าไทยในปีภาษีนั้น -> ไม่ต้องนำรายได้นั้นมาคิดภาษีในประเทศไทย
บุคคลธรรมดามีรายได้จากต่างประเทศ ในปีนั้นบุคคลอยู่ในไทยถึง 180 วัน โอนเงินเข้าไทยในปีภาษีนั้น -> ต้องรายได้นั้นมาคิดภาษีในประเทศไทย อัตราก้าวหน้า ไม่มีลดหย่อน
บุคคลธรรมดามีรายได้จากต่างประเทศ ในปีนั้นบุคคลอยู่ในไทยถึง 180 วัน โอนเงินเข้าไทยในปีภาษีอื่น -> ไม่ต้องนำรายได้นั้นมาคิดภาษีในประเทศไทย

ถ้ายึดตามการตีความนี้ก็จะเป็นเหมือนที่คุณ picatos ว่าไว้ถูกต้องแล้วครับ

นักลงทุนในไทยก็ไปยื่น W-8BEN กับฝั่งอเมริกาว่ากำไรจากการซื้อขายจะนำมาเสียภาษีในไทย พอขายหุ้นจากอเมริกาออกมาก็เอาเงินทิ้งไว้ในต่างประเทศก่อน แล้วค่อยโอนมาในปีภาษีต่อไปเพื่อไม่ให้เสียภาษีในไทย ตรงนี้ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีทั้งสองทาง และนักลงทุนก็เก็บหลักฐานการซื้อขายเอาไว้เผื่อสรรพากรเรียกสอบภายหลัง

แต่ตรงนี้ผมเข้าใจว่ามันเป็นอะไรที่ยังเทาๆเพราะโยงอยู่กับการเสียภาษีที่ไม่ได้จ่ายเลยทั้งต้นทางและปลายทาง ขณะที่กฎหมายว่าด้วยการเสียภาษีซ้ำซ้อนนั้นไม่ได้มีเจตนาตรงนี้ และมาตรา 41 ก็ไม่ได้เขียนชัดเจน

การตีความกฎหมายแบบนี้เนื่องจากในอดีตยังไม่มีการฟ้องร้อง อาจเป็นเพราะจำนวนเงินที่ลงทุนข้ามประเทศในนามบุคคลในอดีตนั้นมีไม่มาก ผมจึงเข้าใจว่ามันยังเป็นเพียง"ธรรมเนียมปฎิบัติ"ครับ ถ้าเกิดการฟ้องก็จะเป็นจุดอ่อนได้ครับในความคิดของผม เพราะปีสองปีนี้มานี้คนไทยหันมาเปิดบัญชีลงทุนต่างประเทศกันมากขึ้น สรรพากรอาจเปลี่ยนแนวทางการตีความได้ ซึ่งถ้าเปลี่ยนมาทีนึงก็คงจะโดนกันหมด

ผมไม่รู้ว่ากรณีนี้เคยโดนฟ้องร้องในฝั่งไทยแค่ไหน หรือทางอเมริกาจะมาฟ้องรึเปล่า แต่กรณีในยุโรป ล่าสุด Uli Hoeneß ผู้จัดการทีมฟุตบอลบาร์เยิร์นมิวนิค ทำการซื้อขายคล้ายๆกันโดยเปิดบัญชีที่สวิตเซอร์แลนด์ ซื้อขายหุ้นผ่านบัญชีนี้ แล้วไม่ได้นำรายได้จาก capital gain ต่างประเทศมาคิดภาษีในเยอรมัน

วันดีคืนดี สหภาพยุโรปเกิดขึ้นมา สรรพากรเยอรมันเริ่มเคร่งเรื่องภาษีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จนตามไปเจอเคสของ Uli ที่ยื่นรายได้ส่วนนี้ไม่ตรงกับที่สรรพากรคำนวน จึงโดนปรับภาษีย้อนหลังหลายปีเป็นเงินหลายล้านยูโร พร้อมกับสั่งจำคุก 3 ปีครึ่งฐานหลบเลี่ยงภาษี โบรคเกอร์ฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรครับ เพราะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของลูกค้าที่ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง จบกันที่คนดีๆต้องเข้าไปนอนคุก

กรณีนี้ ทำให้นักลงทุนในยุโรปคนอื่นๆที่ลงทุนกันมาเป็นสิบๆปีแล้วก็โดนหางเลขไปด้วยครับเพราะเป็นกรณีคล้ายๆกันหมด

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นของผมนะครับ ด้วยการที่เรื่องภาษีระหว่างประเทศนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด ผมเลยค่อนข้างมองแบบอนุรักษ์นิยมครับ ในความเป็นจริงนักกฎหมายอาจจะมีความเห็นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนักกฎหมายน่าจะแม่นกว่าผมแน่ๆ

[alex_v50]

สวัสดีครับ ขอบคุณทุกท่านมากเลยครับสำหรับข้อมูล

[picatos]

ขอบคุณพี่ vim มากเลยครับสำหรับข้อมูล ผมได้ข้อมูลจากโบรกเกอร์มาไม่ได้ศึกษาลึกๆ เลยพึ่งทราบนี้ว่าเป็นการตีความ ไม่ใช่กฏหมายที่ชัดเจน

เป็นความเสี่ยงที่พึ่งรู้เลยนะเนี่ย ลงไปเยอะแล้วด้วยสิ เครียดเลย

[vim]

ขอบคุณพี่ vim มากเลยครับสำหรับข้อมูล ผมได้ข้อมูลจากโบรกเกอร์มาไม่ได้ศึกษาลึกๆ เลยพึ่งทราบนี้ว่าเป็นการตีความ ไม่ใช่กฏหมายที่ชัดเจน

เป็นความเสี่ยงที่พึ่งรู้เลยนะเนี่ย ลงไปเยอะแล้วด้วยสิ เครียดเลย

ไม่ต้องเครียดหรอกครับ เพราะเรื่องนี้ผมเองก็อาจจะผิด(เป็นประจำ ) ความเสี่ยงตรงนี้เป็นความเสี่ยงทางกฎหมายซึ่งไม่ว่าจะทำอะไรในประเทศหรือนอกประเทศก็มีเสียวได้ตลอด กรณีนี้โอกาสที่เกิดขึ้นก็ไม่สูงเพราะทำกันมานานแล้ว ถ้าโดนก็โดนกันหมด

[vim]

อยากเสริมเรื่อง การบริหารภาษี capital gain ที่ใช้มักใช้กันทุกๆปี คือการขายหุ้นตัวเองตอนสิ้นปีแล้วซื้อกลับตอนต้นปีครับ

ถ้ารู้ว่าปีหน้าจะมีการเก็บภาษี เราก็รีบขายหุ้นที่กำไรให้หมดภายในปีนี้ แล้วซื้อหุ้นตัวเองคืนด้วยราคาเท่าๆกันตอนต้นปี ทำให้ทางบัญชีแล้วเราจะไม่มีกำไรยกข้ามปีมาเลย วิธีนี้เสียค่าคอมมิชชั่นนิดหน่อย แต่มั่นใจได้ว่าเราจะเสีย capital gain tax น้อยที่สุดในปีที่เก็บ

ไม่รู้ว่ากระบวนท่านี้จะใช้ได้ในอนาคตไหม วิธีการมันก็เทาๆ ขึ้นอยู่กับการตีความ แต่รู้ไว้ก็เป็นการป้องกันตัวครับ

[centrady]

อยากเสริมเรื่อง การบริหารภาษี capital gain ที่ใช้มักใช้กันทุกๆปี คือการขายหุ้นตัวเองตอนสิ้นปีแล้วซื้อกลับตอนต้นปีครับ

ถ้ารู้ว่าปีหน้าจะมีการเก็บภาษี เราก็รีบขายหุ้นที่กำไรให้หมดภายในปีนี้ แล้วซื้อหุ้นตัวเองคืนด้วยราคาเท่าๆกันตอนต้นปี ทำให้ทางบัญชีแล้วเราจะไม่มีกำไรยกข้ามปีมาเลย วิธีนี้เสียค่าคอมมิชชั่นนิดหน่อย แต่มั่นใจได้ว่าเราจะเสีย capital gain tax น้อยที่สุดในปีที่เก็บ

ไม่รู้ว่ากระบวนท่านี้จะใช้ได้ในอนาคตไหม วิธีการมันก็เทาๆ ขึ้นอยู่กับการตีความ แต่รู้ไว้ก็เป็นการป้องกันตัวครับ

ขอบคุณมากครับ