VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรียกกล
-
- Verified User
- โพสต์: 240
- ผู้ติดตาม: 0
VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรียกกล
โพสต์ที่ 1
VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรียกกลับในอนาคต กันหรือไหม่ครับ?
คงยากที่จะปฏิเสธว่าการที่ SET มีการ rally อย่างต่อเนื่อง
จนทำให้เกิดเศรษฐีใหม่กันมากหน้าหลายตา
มีสาเหตุสำคัญประการหนึ่งคือผลจากมาตรการอัดฉีดเงินของอเมริกา
ณ นาทีที่ปริมาณการอัดฉีดกำลังถูกลดทอนลง
และอนาคตข้างหน้าเงินอาจจะถูกสูบออกจากตลาดอย่างต่อเนื่อง
พี่น้อง VI ทั้งหลาย มีการรับมือกับปรากฏการณ์นี้อย่างไรกันบ้างครับ?
เราจะปกป้องเงินที่เคยหามาได้อย่างไร?
แชร์ความเห็นกันได้เต็มที่ครับ.
ปล.ผมขอบคุณทุกความเห็นผ่านตรงนี้เลยนะครับกระทู้จะได้ไม่อ่านยาก
คงยากที่จะปฏิเสธว่าการที่ SET มีการ rally อย่างต่อเนื่อง
จนทำให้เกิดเศรษฐีใหม่กันมากหน้าหลายตา
มีสาเหตุสำคัญประการหนึ่งคือผลจากมาตรการอัดฉีดเงินของอเมริกา
ณ นาทีที่ปริมาณการอัดฉีดกำลังถูกลดทอนลง
และอนาคตข้างหน้าเงินอาจจะถูกสูบออกจากตลาดอย่างต่อเนื่อง
พี่น้อง VI ทั้งหลาย มีการรับมือกับปรากฏการณ์นี้อย่างไรกันบ้างครับ?
เราจะปกป้องเงินที่เคยหามาได้อย่างไร?
แชร์ความเห็นกันได้เต็มที่ครับ.
ปล.ผมขอบคุณทุกความเห็นผ่านตรงนี้เลยนะครับกระทู้จะได้ไม่อ่านยาก
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรี
โพสต์ที่ 5
ไม่มีไอเดียเลยครับ
เท่าที่รู้ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
ดาวโจนส์ขึ้นจาก 100 จุด มาเป็น 15000 จุด
ตลาดหุ้นไทยจาก 100 จุด มาเป็น 1300 จุด
โดยที่ไม่ได้มีเรื่อง QE..EQ...IQ
มันคงเป็น noise ที่ทำให้เรากังวล
แต่ในระยะยาว มันแทบไม่มีผลอะไรเลย
ไม่ว่าสภาวะอย่างไร เลือกบริษัทดีๆ ซื้อที่ราคาไม่แพง น่าจะนอนหลับสบายครับ
เท่าที่รู้ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
ดาวโจนส์ขึ้นจาก 100 จุด มาเป็น 15000 จุด
ตลาดหุ้นไทยจาก 100 จุด มาเป็น 1300 จุด
โดยที่ไม่ได้มีเรื่อง QE..EQ...IQ
มันคงเป็น noise ที่ทำให้เรากังวล
แต่ในระยะยาว มันแทบไม่มีผลอะไรเลย
ไม่ว่าสภาวะอย่างไร เลือกบริษัทดีๆ ซื้อที่ราคาไม่แพง น่าจะนอนหลับสบายครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรี
โพสต์ที่ 6
Jeng เขียน:ขอถามเป็นความรู้ คิวอี ตอนแรก 85000 ล้าน ต่อมาลดเหลือ 75000 ล้าน ต่อมาเหลือ 65000 ล้าน
นี่ หมายถึง ฉีดเงินเข้าระบบเพิ่มน้อยลง
ยังไม่ได้ดึงกลับ ใช่หรือไม่
ไม่แน่ใจว่าพี่ถามหรือเตือนนะคับ
แต่น่าจะคนละประเด็นกัน
อัดฉีด มากน้อย คือ หน้าที่ ของ ธนาคารกลาง
ดึงเงินกลับ คือ action ของ กลุ่เงินทุนต่างๆ
ถามว่าดึงกลับหรือยัง ดึงกลับแล้ว แต่จะมี after shock อะไรบ้าง
คงไม่ทราบ
ส่วนถ้าจะให้ อธิบาย พลวัตร ที่เกิดขึ้น คงเกินระดับสติปัญญาผม
เพราะ เกี่ยวโยงกันมากกว่า เรื่อง ค่าเงิน +ดอกเบี้ย
ยกตัวอย่าง เช่น กองทุนทุกกองรู้แน่นอน ว่า จะลด qe
ดังนั้น action plan ต้องแย่งกัน execute ก่อน
ไม่งั้น คนmove ช้า ไม่ใช่กำไร หด แต่อาจจะถึงขาดทุน
ภาพที่เห็น เราจึง ไปมองว่านายตลาดสับสน พฤติกรรม lemming whatever
จะพูดยังไงก็ได้ ประเด็นคือ เราเข้าใจระบบมันลึกซึ้งแค่ไหน และ take advantage อะไร ได้บ้าง
อย่างพลวัตร ที่ลึกซึ้งกว่านี้ ผมคงไม่มีปัญญาเล่า ตามที่กล่าวคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรี
โพสต์ที่ 7
ถ้าซื้อบ. อะไรก็ตามที่มีโตปีละ10% และปันผลให้ผมได้ 5% ผมก็ไม่สนใจ qe แล้วล่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 43
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรี
โพสต์ที่ 9
ขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นน่ะครับ
ช่วงตอน QE1 และ QE2 ซึ่งเป็น close end program หมายถึงพอเขาหมดโปรแกรมลงก็หยุดการซื้อเลยไม่ได้ซื้อต่อช่วงนั้น แต่ก็ยังคงเก็บพันธบัตรที่ซื้อไว้ใน balance sheet
ส่วนของ QE3 ณปัจจุบันนี้ต่างกันเป็น open end program ซึ่งเขากำหนดการซื้อขายตาม forward guidance ดังนั้นการประกาศลด QE3 ของ Fed ไม่ได้หมายถึงเขาจะขายพันธบัตรที่ซื้อไว้ครับ ดังนั้นจึงไม่ได้ลดปริมาณเงินลงเพียงแค่ลดปริมาณการซื้อพันธบัตรลดลงจาก $85b ไป $75b และจาก $75b ไป $65b แต่ยังคงซื้ออย่างต่อเนื่องเพียงแต่น้อยลงไป $10billion ทุก ๆ รอบที่มีประชุม FOMC แต่ถ้า Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยซึ่งต้องขายพันธบัตรระยะสั้นเพื่อทำให้ yield เพิ่มขึ้นหรืออีกประเด็นหนึ่งคือประกาศขายพันธบัตรที่ซื้อไว้อันนั้นเลยคงลดปริมาณเงินจริง ๆ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะทำกันประมาณปีหน้า
หลักฐานคงเห็นได้จาก fed balance sheet ที่ยังคงโตขึ้นและ yield ของพันธบัตร US หลาย ๆ ช่วงปีไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ (จริง ๆ แล้วเนี่ยลดลงด้วยซ้ำหลังจากประกาศลด QE ครับ)
ช่วงตอน QE1 และ QE2 ซึ่งเป็น close end program หมายถึงพอเขาหมดโปรแกรมลงก็หยุดการซื้อเลยไม่ได้ซื้อต่อช่วงนั้น แต่ก็ยังคงเก็บพันธบัตรที่ซื้อไว้ใน balance sheet
ส่วนของ QE3 ณปัจจุบันนี้ต่างกันเป็น open end program ซึ่งเขากำหนดการซื้อขายตาม forward guidance ดังนั้นการประกาศลด QE3 ของ Fed ไม่ได้หมายถึงเขาจะขายพันธบัตรที่ซื้อไว้ครับ ดังนั้นจึงไม่ได้ลดปริมาณเงินลงเพียงแค่ลดปริมาณการซื้อพันธบัตรลดลงจาก $85b ไป $75b และจาก $75b ไป $65b แต่ยังคงซื้ออย่างต่อเนื่องเพียงแต่น้อยลงไป $10billion ทุก ๆ รอบที่มีประชุม FOMC แต่ถ้า Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยซึ่งต้องขายพันธบัตรระยะสั้นเพื่อทำให้ yield เพิ่มขึ้นหรืออีกประเด็นหนึ่งคือประกาศขายพันธบัตรที่ซื้อไว้อันนั้นเลยคงลดปริมาณเงินจริง ๆ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะทำกันประมาณปีหน้า
หลักฐานคงเห็นได้จาก fed balance sheet ที่ยังคงโตขึ้นและ yield ของพันธบัตร US หลาย ๆ ช่วงปีไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ (จริง ๆ แล้วเนี่ยลดลงด้วยซ้ำหลังจากประกาศลด QE ครับ)
-
- Verified User
- โพสต์: 43
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรี
โพสต์ที่ 10
ข้างล่าง Prof Thoma อธิบายถึง Exit Strategy หรือ Unwind QE ครับmburry เขียน:ขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นน่ะครับ
ช่วงตอน QE1 และ QE2 ซึ่งเป็น close end program หมายถึงพอเขาหมดโปรแกรมลงก็หยุดการซื้อเลยไม่ได้ซื้อต่อช่วงนั้น แต่ก็ยังคงเก็บพันธบัตรที่ซื้อไว้ใน balance sheet
ส่วนของ QE3 ณปัจจุบันนี้ต่างกันเป็น open end program ซึ่งเขากำหนดการซื้อขายตาม forward guidance ดังนั้นการประกาศลด QE3 ของ Fed ไม่ได้หมายถึงเขาจะขายพันธบัตรที่ซื้อไว้ครับ ดังนั้นจึงไม่ได้ลดปริมาณเงินลงเพียงแค่ลดปริมาณการซื้อพันธบัตรลดลงจาก $85b ไป $75b และจาก $75b ไป $65b แต่ยังคงซื้ออย่างต่อเนื่องเพียงแต่น้อยลงไป $10billion ทุก ๆ รอบที่มีประชุม FOMC แต่ถ้า Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยซึ่งต้องขายพันธบัตรระยะสั้นเพื่อทำให้ yield เพิ่มขึ้นหรืออีกประเด็นหนึ่งคือประกาศขายพันธบัตรที่ซื้อไว้อันนั้นเลยคงลดปริมาณเงินจริง ๆ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะทำกันประมาณปีหน้า
หลักฐานคงเห็นได้จาก fed balance sheet ที่ยังคงโตขึ้นและ yield ของพันธบัตร US หลาย ๆ ช่วงปีไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ (จริง ๆ แล้วเนี่ยลดลงด้วยซ้ำหลังจากประกาศลด QE ครับ)
http://www.youtube.com/watch?v=FqqJXBN14LA
-
- Verified User
- โพสต์: 1096
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรี
โพสต์ที่ 11
เมื่อมองจากสมการที่ผมยกขึ้นมา ซึ่งก็คือ implied DCF นั่นเองจะเห็นว่าเมื่อ discount rate สูงขึ้นย่อมส่งผลโดยตรงกับ NPV นั่นเอง กล่าวคือ intrinsic value จะลดลงครับ
ย้อมกลับไปปีที่แล้ว เมื่อสภาพคล่องล้น asset ต่างๆก็จะมีราคาสูงเกินจริงไปบ้างเนื่องจากมัน"เฟ้อ"นั่นเอง
ตรงนี้ไม่ใช่แค่จาก QE แต่ถ้าใครจำช่วงต้นปีที่แล้วได้จะเห็นว่า broker ส่วนใหญ่ใช้ margin loan จนเต็มวงเงินนั่นก็ส่งผลให้หุ้น "เฟ้อ" เกินกว่าฟื้นฐานไปมากเช่นกัน
เมื่อสภาพคล่องหาย ก็จะเกิดเหตุการณ์ตรงกันข้ามครับ
ดังนั้นประเด็นคือ เมื่อสภาพคล่องลดไปย่อมส่งผลต่อ discount rate และ valuation ของหุ้น สำหรับ VI เราต้องเข้าใจความสัมพันธ์ตรงนี้เพราะเราปฏิเสธ intrinsic value ที่เปลี่ยนไปไม่ได้
ดังนั้นประเด็นคือเราต้องลงทุนโดยมี MOS มากพอ เพราะนั่นช่วยลดความเสี่ยงจากการ "overpay" ได้
ตราบเท่าที่เราไม่จ่ายแพงจนเกินไป หรือมอง downside ก่อนและรอให้ upside ดูแลตัวมันเอง เมื่อนั้นเราก็ได้ปกป้อง port การลงทุนของเราอย่างที่ VI ควรจะทำแล้วครับ
คหสต ระมัดระวังและโชคดีในการลงทุนครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You get recessions, you have stock market declines. If you don't understand that's going to happen, then you're not ready, you won't do well in the markets. - Peter Lynch
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ควรกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินที่ล้นโลก ที่กำลังจะถูกเรี
โพสต์ที่ 12
QEไม่เท่าไหร่ครับ เพราะทุกคนรับรู้ไปแล้วว่ายังไงก้ต้องลดQE ไอ้ที่น่ากลัวกว่า QE คือการ ชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยครับ มันหนักกว่าที่คิดไว้มาก
นี่อาจจะไม่ใช่แค่ Soft landing สำหรับเมืองไทย ตอนนี้ตลาดหุ้นไทย PE14.77 เท่า แต่ถ้ามองถึงรายได้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แนวโน้มจะลดลง
PE FW อาจจะมากกว่า 14.77 ไปพอสมควร ซึ่งนั่นก้หมายความว่า พายุลูกใหม่กำลังก่อตัวขึ้น ท่ามกลางความบ้าคลั่งของการแสวงหาเงินตราเพื่อประคองชีวิต
ผมเชื่อว่า ทุกสิ่งวิ่งบนพื้นฐานของมันเสมอ แม้ระยะสั้นจะไม่เป็นไปตามที่เราคิด
นี่อาจจะไม่ใช่แค่ Soft landing สำหรับเมืองไทย ตอนนี้ตลาดหุ้นไทย PE14.77 เท่า แต่ถ้ามองถึงรายได้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แนวโน้มจะลดลง
PE FW อาจจะมากกว่า 14.77 ไปพอสมควร ซึ่งนั่นก้หมายความว่า พายุลูกใหม่กำลังก่อตัวขึ้น ท่ามกลางความบ้าคลั่งของการแสวงหาเงินตราเพื่อประคองชีวิต
ผมเชื่อว่า ทุกสิ่งวิ่งบนพื้นฐานของมันเสมอ แม้ระยะสั้นจะไม่เป็นไปตามที่เราคิด