VI บ้าน ๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 82
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 331
ขออนุญาตเล่านะครับ
อ่านที่พี่นุช เขียนถึงพ่อทำให้ผมคิดถึงยาย
ยายผมก็มีการใช้ชีวิตแบบ เขียมๆ แบบพ่อพี่นุช
ผมเลยติดนิสัยนี้มาจากยาย ยายเอาผมมาเลี้ยงตั้งแต่อายุยั้งไม่ถึง 1 ขวบ
ยายเคยเล่าให้ฟังว่ายายมีลูก 7 คน ลำบากมาก
เวลาแกงชะอม ยายจะเด็ดยอดให้ลูกกิน ส่วนยายกินแต่ก้านกับน้ำแกง
บางวันก็กินข้าวกับกล้วยน้ำหว้า กินกับน้ำปลา
ตอนเด็กๆ ยายเอาปลาแห้งมาป่น แล้วเอาข้าวเหนียวจิ้มกิน อร่อยมาก
ผมสังเกตุเห็นยายตั้งแต่เด็ก ท่านจะกินข้าวมากๆ กินกับน้อยๆ
ผมเรียกยายว่าแม่ แม่ครับทำไมไม่กินกับเยอะๆ
แม่บอกว่ากินกับแล้วพยาธิจะเยอะ เราเป็นเด็กเราก็เชื่อ
แม่ผมก็ไม่ชอบเข้าร้านอาหาร เข้าห้าง ท่านบอกว่าเสียดายเงิน มันแพง
ลูกหลานบางคนก็เสียใจ ไม่เข้าใจท่าน อยากพาท่านไปกิน
ช่วงหลังๆ ท่านยอมไปครับ ไปกินเอ็มเค
บางครั้งต้องใช้วิธีหลอกไปบ้าง บอกว่าจะพาไปตลาด พาเลี้ยวเข้าห้างไปเลย
ท่านว่า เฮ้ยๆ มาทำไมที่นี้ โดนหลอกมา
ผมอยู่กับแม่มา 31 ปี ผมไม่เคยเห็นแม่เป็นหนี้เลย
ปีนี้แม่ผมก็จะ 80 ปีแล้ว คิดถึงมากครับ
ผมอยู่กับแม่ตั้งแต่บ้านยังเป็นกระต๊อบไม้ ชีวิตตอนเด็กไม่รู้สึกลำบากเลย
สนุกมาก ถ้าฝนตกก็รีบหากะละมังมารองน้ำฝน เพราะหลังคามุงจากมันรั่ว
ปีไหนมีพายุ ตอนกลางคืนก็จะไม่ได้นอน ต้องเอาเสื่อมาคลุมกันฝน ตา ยาย หลาน
ต้นแบบชีวิตผมคือ แม่
อ่านที่พี่นุช เขียนถึงพ่อทำให้ผมคิดถึงยาย
ยายผมก็มีการใช้ชีวิตแบบ เขียมๆ แบบพ่อพี่นุช
ผมเลยติดนิสัยนี้มาจากยาย ยายเอาผมมาเลี้ยงตั้งแต่อายุยั้งไม่ถึง 1 ขวบ
ยายเคยเล่าให้ฟังว่ายายมีลูก 7 คน ลำบากมาก
เวลาแกงชะอม ยายจะเด็ดยอดให้ลูกกิน ส่วนยายกินแต่ก้านกับน้ำแกง
บางวันก็กินข้าวกับกล้วยน้ำหว้า กินกับน้ำปลา
ตอนเด็กๆ ยายเอาปลาแห้งมาป่น แล้วเอาข้าวเหนียวจิ้มกิน อร่อยมาก
ผมสังเกตุเห็นยายตั้งแต่เด็ก ท่านจะกินข้าวมากๆ กินกับน้อยๆ
ผมเรียกยายว่าแม่ แม่ครับทำไมไม่กินกับเยอะๆ
แม่บอกว่ากินกับแล้วพยาธิจะเยอะ เราเป็นเด็กเราก็เชื่อ
แม่ผมก็ไม่ชอบเข้าร้านอาหาร เข้าห้าง ท่านบอกว่าเสียดายเงิน มันแพง
ลูกหลานบางคนก็เสียใจ ไม่เข้าใจท่าน อยากพาท่านไปกิน
ช่วงหลังๆ ท่านยอมไปครับ ไปกินเอ็มเค
บางครั้งต้องใช้วิธีหลอกไปบ้าง บอกว่าจะพาไปตลาด พาเลี้ยวเข้าห้างไปเลย
ท่านว่า เฮ้ยๆ มาทำไมที่นี้ โดนหลอกมา
ผมอยู่กับแม่มา 31 ปี ผมไม่เคยเห็นแม่เป็นหนี้เลย
ปีนี้แม่ผมก็จะ 80 ปีแล้ว คิดถึงมากครับ
ผมอยู่กับแม่ตั้งแต่บ้านยังเป็นกระต๊อบไม้ ชีวิตตอนเด็กไม่รู้สึกลำบากเลย
สนุกมาก ถ้าฝนตกก็รีบหากะละมังมารองน้ำฝน เพราะหลังคามุงจากมันรั่ว
ปีไหนมีพายุ ตอนกลางคืนก็จะไม่ได้นอน ต้องเอาเสื่อมาคลุมกันฝน ตา ยาย หลาน
ต้นแบบชีวิตผมคือ แม่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 332
ยินดีจ้า...ขอบคุณที่แวะมาเล่านะคะCONNICHIWA เขียน:ขออนุญาตเล่านะครับ
ผมอยู่กับแม่ตั้งแต่บ้านยังเป็นกระต๊อบไม้ ชีวิตตอนเด็กไม่รู้สึกลำบากเลย
สนุกมาก ถ้าฝนตกก็รีบหากะละมังมารองน้ำฝน เพราะหลังคามุงจากมันรั่ว
ปีไหนมีพายุ ตอนกลางคืนก็จะไม่ได้นอน ต้องเอาเสื่อมาคลุมกันฝน ตา ยาย หลาน
นึกถึงเวลาดูข่าวน้ำท่วม
ผู้ใหญ่ก็กังวลและทุกข์ใจกันจะแย่....
ตัดภาพไปอีกมุม...เด็กๆ เล่นน้ำกันสนุกสนานเลย 555
น้อง CONNICHIWA....มีต้นแบบที่เยี่ยมเลยค่ะCONNICHIWA เขียน: ผมอยู่กับแม่มา 31 ปี ผมไม่เคยเห็นแม่เป็นหนี้เลย
ปีนี้แม่ผมก็จะ 80 ปีแล้ว คิดถึงมากครับ
ต้นแบบชีวิตผมคือ แม่
พี่ไม่สงสัยเลย...ทำไมเราถึงใส่ใจเรื่องการ refinance
อย่างนี้ไม่น่าห่วงเรื่องการวางแผนการเงินและการใช้ชีวิต
.......................
แสดงว่าตอนนี้อยู่คนละบ้านกับแม่ใช่มั้ยคะ...อยู่ไกลกันมากมั้ยเอ่ย
พี่เชื่อว่าทันทีที่มีโอกาสเหมาะสม
น้อง CONNICHIWA จัดเวาลาไปเยี่ยมแม่แน่นอน
แต่ถ้ายังรู้สึกว่าเท่าที่ทำอยู่แม้จะเต็มที่แล้ว...แต่ยังเหมือนไม่ดีนัก
เพราะข้อจำกัดด้านการทำงานและการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน
ก็ไม่ต้องเสียใจนะคะ...ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
ควบคู่กันไปในวันที่ต้องห่างไกล
เราดูแลตัวเองให้ดี ทำวันนี้ และวันต่อๆ ไปให้ดี และเป็นคนดีของสังคม
แม่จะภูมิใจและมีความสุข คิดถึงกันเมื่อใดก็มีความสุข
แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 82
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 333
ขอบคุณครับพี่นุช
เรื่อง refinance บ้านไม่ใช่บ้านผมครับพี่
บ้านแฟนครับ เข้าซื้อให้พ่อแม่
ส่วนผมยังไม่มีบ้าน ไม่มีรถ
ผมกับแม่อยู่ไกลกันครับ
แม่อยู่เชียงใหม่ ตอนนี้ผมทำงานที่นครปฐม
ผมทำงานคุมงานก่อสร้าง ต้องย้ายที่ทำงานบ่อย
เสร็จจากโครงการนี้ ก็ไปโครงการนู้น
บางครั้งนึกแล้วก็เสียใจมาก ว่าเรามาทำอะไรอยู่ที่นี้
แทนที่จะอยู่ที่บ้านดูแลแม่
สิ้นเดือนนี้ก็จะได้กลับบ้านไปหาแม่แล้ว
ก่อนกลับบ้านต้องโทรบอกแม่ ว่าอยากกินอะไร
แม่จะทำกับข้าวไว้รอเสมอๆ
เรื่อง refinance บ้านไม่ใช่บ้านผมครับพี่
บ้านแฟนครับ เข้าซื้อให้พ่อแม่
ส่วนผมยังไม่มีบ้าน ไม่มีรถ
ผมกับแม่อยู่ไกลกันครับ
แม่อยู่เชียงใหม่ ตอนนี้ผมทำงานที่นครปฐม
ผมทำงานคุมงานก่อสร้าง ต้องย้ายที่ทำงานบ่อย
เสร็จจากโครงการนี้ ก็ไปโครงการนู้น
บางครั้งนึกแล้วก็เสียใจมาก ว่าเรามาทำอะไรอยู่ที่นี้
แทนที่จะอยู่ที่บ้านดูแลแม่
สิ้นเดือนนี้ก็จะได้กลับบ้านไปหาแม่แล้ว
ก่อนกลับบ้านต้องโทรบอกแม่ ว่าอยากกินอะไร
แม่จะทำกับข้าวไว้รอเสมอๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 334
ใช่เนอะ...พี่จำเกือบถูกเลยCONNICHIWA เขียน:ขอบคุณครับพี่นุช
เรื่อง refinance บ้านไม่ใช่บ้านผมครับพี่
บ้านแฟนครับ เข้าซื้อให้พ่อแม่
ส่วนผมยังไม่มีบ้าน ไม่มีรถ
ยินดีด้วยนะ พี่ว่าต้องมีชะอมด้วยแน่เลย (ชอบเหมือนกันค่ะ)CONNICHIWA เขียน:สิ้นเดือนนี้ก็จะได้กลับบ้านไปหาแม่แล้ว
ก่อนกลับบ้านต้องโทรบอกแม่ ว่าอยากกินอะไร
แม่จะทำกับข้าวไว้รอเสมอๆ
แม่ยังทำกับข้าวไว้รอได้แสดงว่าแม่ยังแข็งแรงอยู่มากทีเดียว
ขอให้เดินทางไปและกับโดยปลอดภัยนะคะ
เข้าใจค่ะ....อย่าเสียใจไปเลยนะคะCONNICHIWA เขียน:ผมกับแม่อยู่ไกลกันครับ
แม่อยู่เชียงใหม่ ตอนนี้ผมทำงานที่นครปฐม
ผมทำงานคุมงานก่อสร้าง ต้องย้ายที่ทำงานบ่อย
เสร็จจากโครงการนี้ ก็ไปโครงการนู้น
บางครั้งนึกแล้วก็เสียใจมาก ว่าเรามาทำอะไรอยู่ที่นี้
แทนที่จะอยู่ที่บ้านดูแลแม่
ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้แหละ บางทีเราก็ไม่ทางเลือกมากนัก
พี่เองยังคิดว่าลูกพี่ก็มีโอกาสที่จะต้องอยู่ห่างพี่เหมือนกันเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่
มีเพลงมาฝากสำหรับ น้อง CONNICHIWA คูณ NB
เพื่อนๆ ที่ต้องอยู่ห่างไกลบ้าน ไกลจากครอบครัว หรือคนที่รัก
รวมทั้งน้องๆ ที่อยู่ต่างประเทศ (น้อง vim น้อง sorageol46 น้องรอท และท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ )
ฟังเหงาๆ ไปนิดแต่ความหมายดีค่ะ
[youtube]JzNmSisw24k[/youtube]
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 335
ต้องขอขอบคุณเรื่องความรู้เรืองประกันชีวิตมากครับ ทำให้ผมรีบกลับมาสำรวจและทำตารางตาม
และยังได้โชคชั้นที่ 2 ทำให้ได้ใช้โปรแกรม number เป็น ( คล้าย excel - for mac ) ปรกติไม่เคยเปิดเลยครับเพราะใช้แต่ photoshop keynote finalcut
ขอบคุณมากครับ
และยังได้โชคชั้นที่ 2 ทำให้ได้ใช้โปรแกรม number เป็น ( คล้าย excel - for mac ) ปรกติไม่เคยเปิดเลยครับเพราะใช้แต่ photoshop keynote finalcut
ขอบคุณมากครับ
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 336
ขอบคุณ คุณ Nutth147 ด้วยเช่นกันคะที่แวะมาบอกNutth147 เขียน:ต้องขอขอบคุณเรื่องความรู้เรืองประกันชีวิตมากครับ ทำให้ผมรีบกลับมาสำรวจและทำตารางตาม
และยังได้โชคชั้นที่ 2 ทำให้ได้ใช้โปรแกรม number เป็น ( คล้าย excel - for mac ) ปรกติไม่เคยเปิดเลยครับเพราะใช้แต่ photoshop keynote finalcut
ขอบคุณมากครับ
ยินดีค่ะ..ดีใจที่รู้ว่ามีคนได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราทำ
คือสิ่งที่ตั้งใจทำในทุกๆ วันค่ะ
photoshop keynote finalcut ...พวกนี้เค้าใช้ทำอะไรคะ
ดูเหมือนเป็นงานที่ยากๆ อยู่นอกเหนือขอบเขตความรู้ของใครหลายคน
แต่คิดว่าต้องเป็นงานที่น่าสนใจมากแน่นอนค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 337
สายงานเกี่ยวกับภาพยนตร์ครับtheenuch เขียน:ขอบคุณ คุณ Nutth147 ด้วยเช่นกันคะที่แวะมาบอกNutth147 เขียน:ต้องขอขอบคุณเรื่องความรู้เรืองประกันชีวิตมากครับ ทำให้ผมรีบกลับมาสำรวจและทำตารางตาม
และยังได้โชคชั้นที่ 2 ทำให้ได้ใช้โปรแกรม number เป็น ( คล้าย excel - for mac ) ปรกติไม่เคยเปิดเลยครับเพราะใช้แต่ photoshop keynote finalcut
ขอบคุณมากครับ
ยินดีค่ะ..ดีใจที่รู้ว่ามีคนได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราทำ
คือสิ่งที่ตั้งใจทำในทุกๆ วันค่ะ
photoshop keynote finalcut ...พวกนี้เค้าใช้ทำอะไรคะ
ดูเหมือนเป็นงานที่ยากๆ อยู่นอกเหนือขอบเขตความรู้ของใครหลายคน
แต่คิดว่าต้องเป็นงานที่น่าสนใจมากแน่นอนค่ะ
Photoshop - สำหรับแต่งภาพครับ
Keynote คล้าย Power Point ครับ
Final cut - ตัดต่อภาพยนตร์ครับ
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 338
ขอบคุณ คุณ Nutth147 ที่เข้ามาตอบค่ะNutth147 เขียน:
สายงานเกี่ยวกับภาพยนตร์ครับ
Photoshop - สำหรับแต่งภาพครับ
คล้าย Power Point ครับ
Final cut - ตัดต่อภาพยนตร์ครับ
กระจ่างเลยค่ะ...ขำตัวเองด้วย
ทีแรกคิดว่า เป็นคำเดียวกัน
"Photoshop Keynote Final cut" อย่างนี้เลยค่ะ...อายจัง
ที่แท้เป็นคนละคำ และทำให้ได้ความรู้มากขึ้นจริงๆ ค่ะ
แต่สายงานที่คุณ Nutth147 ทำอยู่ก็น่าสนใจอยู่ดีค่ะ
สายงานเกี่ยวกับภาพยนตร์
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 339
เป็นเรื่องปรกติที่จะเข้าใจผิดได้ง่ายครับ เหมือนกับผมที่เคยคิดว่า Exxel ( number ใน mac ) นั้นแสนยากพอได้มาใช้ โปรแกรมมันเทพจริงๆ ทำให้ชอบการ +-*/ ขึ้นมาในทันที่ (เหมือนที่ตอนแรก งง PE EP Roe roa marketcap)theenuch เขียน:ขอบคุณ คุณ Nutth147 ที่เข้ามาตอบค่ะNutth147 เขียน:
สายงานเกี่ยวกับภาพยนตร์ครับ
Photoshop - สำหรับแต่งภาพครับ
คล้าย Power Point ครับ
Final cut - ตัดต่อภาพยนตร์ครับ
กระจ่างเลยค่ะ...ขำตัวเองด้วย
ทีแรกคิดว่า เป็นคำเดียวกัน
"Photoshop Keynote Final cut" อย่างนี้เลยค่ะ...อายจัง
ที่แท้เป็นคนละคำ และทำให้ได้ความรู้มากขึ้นจริงๆ ค่ะ
แต่สายงานที่คุณ Nutth147 ทำอยู่ก็น่าสนใจอยู่ดีค่ะ
สายงานเกี่ยวกับภาพยนตร์
คิดกลับไปว่าจริงๆแล้ว ครูควรจะสอนเด็กๆใช้ เช่น การทำรายรับรายจ่ายตัวเอง หรือ เงินส่วนกลางห้อง
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 340
เห็นด้วยค่ะ น่าจะสอนตั้งแต่ในโรงเรียนNutth147 เขียน: เป็นเรื่องปรกติที่จะเข้าใจผิดได้ง่ายครับ เหมือนกับผมที่เคยคิดว่า Exxel ( number ใน mac ) นั้นแสนยากพอได้มาใช้ โปรแกรมมันเทพจริงๆ ทำให้ชอบการ +-*/ ขึ้นมาในทันที่ (เหมือนที่ตอนแรก งง PE EP Roe roa marketcap)
คิดกลับไปว่าจริงๆแล้ว ครูควรจะสอนเด็กๆใช้ เช่น การทำรายรับรายจ่ายตัวเอง หรือ เงินส่วนกลางห้อง
ยังมีอีกหลายเรื่องมากๆ ที่น่าจะสอนตั้งแต่เล็กๆ สอนในโรงเรียน
สอนจนเกิดเป็นนิสัยเลยนะคะ แล้ววัดผลจริงจัง ไม่ใช่สอนผ่านๆ ค่ะ
ขอถือโอกาสจากการคุยกับคุณ Nutth147
ชวนคุยประเด็นเกี่ยวเนื่องเลยนะคะ
.................................
สังคมจะดีได้...ต้องสร้างนิสัยจากสิ่งใกล้ตัว
วันก่อนไปสอนเรื่องการป้องกันโรคมะเร็งในโรงเรียน (มัธยม)
เห็นขยะเกลื่อนที่ลานเนกประสงค์ เป็นพวกถุงขนมขบเคี้ยวและห่อลูกอม
เกิดขึ้นหลังจากเด็กๆ นั่งฟังอะไรสักอย่างอยู่
ตอนเราเดินเข้าไปถึงการพูดนั้นเสร็จลงพอดีค่ะ
เด็กๆ กระจายตัวเพื่อไปเข้าห้องเรียน...ทิ้งเศษขยะไว้ที่พื้นมากพอควร
ถ้าเราเป็นครู เราจะประกาศออกไมล์...ให้เก็บไปทิ้งเดี๋ยวนั้นเลย
แล้วอาจต้องเรียกกลับมารวมตัวใหม่เพื่อสอนเรื่องนี้
เข้าห้องเรียน "วิชาการ" ช้าลงหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร
แต่เรื่องนิสัยพื้นฐานแบบนี้ควรต้องได้รับการสอนจริงจัง
และอาจต้องรณรงค์เรื่องนี้ต่อเนื่องอีกหลายสัปดาห์
จริงอยู่ เดี๋ยวนี้โรงเรียนใหญ่หลายๆ แห่งมีแม่บ้าน
บางโรงเรียนจ้างเป็น outsource แต่ไม่น่าเป็นเหตุผล
ที่ใครก็ตามจะทิ้งขยะลงพื้น หรือในที่ที่ไม่เหมาะสมได้
คิดหลายอย่างค่ะ
1. เด็กแอบกินขนมระหว่างนั่งฟัง
2. ทำไมเด็กวัยนี้แล้วยังไม่รู้ว่าควรจะทิ้งขยะที่ไหน
- ที่บ้านไม่สอนหรือ
- โรงเรียนไม่สอนก็ไม่สอนอีก
เราเดินผ่านยังเก็บไปทิ้งขยะให้ตั้งหลายชิ้น
ลูกเราเองไม่สามารถทิ้งขยะลงในที่ที่ไม่ใช่ถังขยะ
ตั้งแต่เค้าจำความได้เลย...สอนไว้ให้ละอายใจเลยค่ะ
เราให้ความสำคัญที่จะสอน (และทำให้ดู) เสมอว่า
ต้องทิ้งลงในถังขยะ ถ้าไม่มีถังขยะอยู่ตรงหน้า
ต้องเก็บใส่กระเป๋าตัวเองไว้ก่อนรอเจอถังขยะค่อยทิ้ง
ถ้าเป็นขยะเปียก เช่น ขยะถุงอาหาร แม้จะเมื่อยมือแค่ไหน
ก็ต้องรับผิดชอบถือไว้เอง จนกว่าจะเจอถังขยะค่ะ
แถมเรายังชอบพาลูกเก็บขยะตามที่สาธารณะด้วยค่ะ
จนลูกเราไม่สามารถทิ้งขยะใดๆ ลงพื้นได้เลย
แม้จะชิ้นเล็กชิ้นน้อยแค่ไหนทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้คน
............................
ยังมีอีกหลายนิสัยที่เราสอนลูกจนติดตัวเขาไปเลย
เช่น การปิดน้ำ ปิดไฟ ปิดพัดลม เมื่อไม่ใช้
ตั้งแต่ลูกอยู่อนุบาล ลูกมาเล่าให้ฟังว่า
เวลาแปรงฟันหลังอาหารที่โรงเรียน
เพื่อนๆ จำนวนมากไม่ปิดน้ำจากก๊อกระหว่างแปรงฟัน
เค้าพยายามจะเอื้อมไปปิดของคนที่อยู่ใกล้ๆ
และสอนเพื่อนๆ ด้วย แต่คุณครูก็ไม่สอน
เราก็บอกไปว่าคุณครูยุ่งอยู่เพราะเด็กๆ เยอะ
แต่ตัวเราต้องปิดอย่างนี้ดีแล้ว ถ้าสอนเพื่อนได้ก็สอนด้วย
กลายเป็นเราต้องบอกลูกให้มองๆ ข้ามไปเสียบ้าง
บางทีลูกเข้าห้องน้ำในห้างก็ออกมาเล่าให้ฟังว่า
หัวกดก๊อกในห้องน้ำค้าง เค้าสังเกตพบว่ามันค้างจริง
จะเดินออกจากห้องน้ำแล้วตัดใจเดินออกมาไม่ได้ต้องเดินไปดึงขึ้นให้
แต่สงสัยว่าทำไมคนที่อยู่ใกล้ก๊อกน้ำนั้นมากกว่าตั้งหลายคนไม่ช่วยปิด
.........................
และยังมีเรื่องประตูของห้างที่ไม่ได้เป็นแบบอัตโนมัติ
ที่คนมักจะชอบเปิดค้างแล้วแอร์ leak ออกค่ะ
เค้าทำประตูไว้ถึงสองขั้นแล้วบางทีก็เปิดค้างอยู่ทั้งสองชั้น
บางทีเราจะออกจากห้างก็แวะเข้าห้องน้ำซึ่งมันจะอยู่ใกล้ประตู
พ่อลูกมักจะเสร็จก่อนและมายืนรอ ลูกจะคอยกุลีกจอไปปิดประตู
เมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้าออกเดินผ่านไปแบบไม่ปิดแล้วแน่ๆ
สอนเค้าไว้จนแม้แต่แอร์ของห้างเค้ายังใส่ใจเลยค่ะ
เพราะเราจะปิดให้ดูเป็นประจำและสอนไปด้วยว่า
เราอย่ามองแต่ตัวเอง จริงอยู่เป็นแอร์ของห้าง
ค่าไฟเพิ่มก็ไม่เกี่ยวกับเราหรอกทางห้างก็จ่ายไป
(แต่ถ้าเป็นห้างที่เรามีหุ้นอยู่ล่ะ...ลูกก็ขำ)
แต่เราต้องคำนึงถึงพลังงานที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า
ของทั้งประเทศ ทั้งโลกเลยก็ว่าได้ ถ้า แอร์ leak ออก
จากประตูห้างพร้อมๆ กันหลายประตู และพร้อมๆ กันหลายห้าง
จะสูญเสียทรัพยากรไปเท่าไหร่ สอนไปก็ปิดไปค่ะ
(ลูกเข้าค่ายของการไฟฟ้านครหลวงสองรอบแล้วค่ะ)
อยากให้ลูกได้รับการปลูกฝังนิสัยที่ดีจากหลายๆ ช่องทาง
............................
ยังมีอีกหลายเรื่องที่คิดว่าเราไม่ควรละเลย
ที่จะช่วยกันปลูกฝังลงไปในตัวเด็กๆ
เพื่อที่เข้าจะได้โตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
โดยสอนจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ใกล้ตัวนี่แหละค่ะ
เมื่อเขาไปเป็นสมาชิกของสังคม องค์กร
หรืออะไรก็ตาม เขาจะใส่ใจต่อส่วนรวมพอสมควร
..........................
สังคมที่ดีที่เราพยายามถามหามันอยู่ไม่ไกลค่ะ
เริ่มวันนี้....จากสิ่งใกล้ตัวนี่แหละค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 341
ลืมขยายความ.....theenuch เขียน:CONNICHIWA เขียน:
มีเพลงมาฝากสำหรับ น้อง CONNICHIWA คูณ NB
เพื่อนๆ ที่ต้องอยู่ห่างไกลบ้าน ไกลจากครอบครัว หรือคนที่รัก
รวมทั้งน้องๆ ที่อยู่ต่างประเทศ (น้อง vim น้อง sorageol46 น้องรอท และท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ )
ฟังเหงาๆ ไปนิดแต่ความหมายดีค่ะ
[youtube]JzNmSisw24k[/youtube]
ในเพลง....คนที่คิดถึงและเป็นห่วงพวกเรานั้นหมายถึง
คนที่เรารักและรักเรา ของบางคนก็อาจจะเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง ฯลฯ
ของบางคนก็อาจจะเป็นคู่ชีวิต และลูกๆ
ใครก็ตามที่รอเราอยู่ที่บ้านน่ะค่ะ...ที่แม้จะไม่ได้เจอกัน
แต่พวกเค้าคิดถึงและเป็นห่วงพวกเราที่มาทำงานไกลๆ เสมอค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 342
วันนี้ผู้ใหญ่ที่เคารพท่านนึงกล่าวถึงนิสัย 7 อย่าง ที่ Stephen R Covie เขียนไว้ ได้แก่
1. Be proactive เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น
2. Begin with the end of mind เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ
3. Put first thing first ทำสิ่งที่สำคัญก่อน
4. Think win-win แสวงหาประโยชน์ร่วม ไม่แข่งขัน เชื่อถือซึ่งกันและกัน
5. Seek first to understand and then understood เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้เค้าเข้าใจเรา
6. Synergize ประสานพลัง สองหัวดีกว่าหัวเดียว
7. Sharpen the saw หมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ไปค้น link ได้มา เลยขอนำมาฝากพวกเรา
https://www.stephencovey.com/7habits/7habits.php
เห็นหลายๆข้อในตัวคุณนุชและเพื่อนๆในนี้ผ่านเรื่องราวดีๆ ที่แบ่งปันให้เสมอมา ขอบคุณนะคะ
1. Be proactive เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น
2. Begin with the end of mind เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ
3. Put first thing first ทำสิ่งที่สำคัญก่อน
4. Think win-win แสวงหาประโยชน์ร่วม ไม่แข่งขัน เชื่อถือซึ่งกันและกัน
5. Seek first to understand and then understood เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้เค้าเข้าใจเรา
6. Synergize ประสานพลัง สองหัวดีกว่าหัวเดียว
7. Sharpen the saw หมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ไปค้น link ได้มา เลยขอนำมาฝากพวกเรา
https://www.stephencovey.com/7habits/7habits.php
เห็นหลายๆข้อในตัวคุณนุชและเพื่อนๆในนี้ผ่านเรื่องราวดีๆ ที่แบ่งปันให้เสมอมา ขอบคุณนะคะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 343
ผมว่าเรื่องการสอนเด็กให้ทราบถึงการทิ้งขยะนี้เป็นเรื่องของมุมมองของตัวเด็กครับ
(ผมคล้ายลูกพี่เลยครับ ถ้าแกะพลาสติกน้ำดืมไม่มีถังขยะก็จะเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก่อน)
ผมไม่แน่ใจว่าจะต้องสอนยังไง แต่ที่ทำแบบนั้น
"เพราะเราทราบว่า หากเราทิ้งขยะไว้บนพื้น ใครสักคนต้องมาทำหน้าที่ย้ายมันลงไปในถังขยะ เพราะขยะเดินเองไม่ได้ "
อาจจะต้องหาวิธีอธิบายให้เด็กๆเห็นภาพว่าการที่เขาทิ้งขยะไว้บนพื้น ใครสักคนต้องมาดูแลสิ่งที่พวกเขาทำทิ้งไว้ เหมือนเราโยนความรับผิดชอบไปให้แก่คนอื่น ----> กลายเป็นเห็นแก่ตัว อะไรแบบนี้มังครับ
(ผมคล้ายลูกพี่เลยครับ ถ้าแกะพลาสติกน้ำดืมไม่มีถังขยะก็จะเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก่อน)
ผมไม่แน่ใจว่าจะต้องสอนยังไง แต่ที่ทำแบบนั้น
"เพราะเราทราบว่า หากเราทิ้งขยะไว้บนพื้น ใครสักคนต้องมาทำหน้าที่ย้ายมันลงไปในถังขยะ เพราะขยะเดินเองไม่ได้ "
อาจจะต้องหาวิธีอธิบายให้เด็กๆเห็นภาพว่าการที่เขาทิ้งขยะไว้บนพื้น ใครสักคนต้องมาดูแลสิ่งที่พวกเขาทำทิ้งไว้ เหมือนเราโยนความรับผิดชอบไปให้แก่คนอื่น ----> กลายเป็นเห็นแก่ตัว อะไรแบบนี้มังครับ
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 344
ขอบคุณค่ะ พี่หมออ้อสำหรับคำชมค่ะหวานกับแวว เขียน:วันนี้ผู้ใหญ่ที่เคารพท่านนึงกล่าวถึงนิสัย 7 อย่าง ที่ Stephen R Covie เขียนไว้ ได้แก่
1. Be proactive เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น
2. Begin with the end of mind เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ
3. Put first thing first ทำสิ่งที่สำคัญก่อน
4. Think win-win แสวงหาประโยชน์ร่วม ไม่แข่งขัน เชื่อถือซึ่งกันและกัน
5. Seek first to understand and then understood เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้เค้าเข้าใจเรา
6. Synergize ประสานพลัง สองหัวดีกว่าหัวเดียว
7. Sharpen the saw หมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ไปค้น link ได้มา เลยขอนำมาฝากพวกเรา
https://www.stephencovey.com/7habits/7habits.php
เห็นหลายๆข้อในตัวคุณนุชและเพื่อนๆในนี้ผ่านเรื่องราวดีๆ ที่แบ่งปันให้เสมอมา ขอบคุณนะคะ
และนุชเห็นด้วยว่า...เพื่อนๆในนี้นำเรื่องราวดีๆ
มาแบ่งปันให้กันเสมอมา รวมทั้งพี่หมออ้อด้วยค่ะ
.................................
มีกลอนอยู่บทนึงไม่แน่ใจว่าเป็นของ
"คุณพิบูลศักดิ์ ละครพล" หรือไม่
หรืออ่านมาจากหนังสือรับน้องใหม่
ของธรรมศาสตร์ก็จำไม่ได้แล้วค่ะ
แต่ไม่รู้ทำไมนุชถึงจำตัวบทกลอนได้แม้จะ
ไม่ครบและไม่แม่นนักแต่ก็จำได้มากอยู่ค่ะ
อาจผิดไปบ้าง ถ้าใครเคยอ่านเจอช่วยมาบอกหรือแก้ให้นะคะ
................................
บทก่อนหน้านี้จำไม่ได้ค่ะ...ที่จำได้คือ
มาเถอะคนหนุ่มสาว มารับรู้เรื่องราวโหยละห้อย
สังคมเธอฟูฟ่องไหลล่องลอย...ข้างนอกคนล้านร้อยยังแล้งไร้
มาเถอะมาสรรค์สร้าง ถางเส้นทางสู่โลกใหม่
เพื่อพรุ่งรุ่งสมัย เอิบสันตินิรันดร์กาล
ก้าวเรียงเดินเคียงไหล่ ปลูกดอกไม้ในสวนหวาน
รักเอื้อแบ่งเจือจาน เพื่อร่วมโลกผู้โชคร้าย
หนึ่งอิ่ม แสนยังอด ความกำสรดยังหลากหลาย
หมื่นล้าน ร่านทุราย ทุกข์ทดท้อ รอเถ้าทบ
กี่ตาจึงจักเห็น กี่ลำเค็ญกลายเป็นศพ
กี่พรากจึงจักพบ วันฟ้าแจ้งด้วยแสงธรรม
เป็นสุขอยู่อย่างไร เมื่อคนไร้ยังร้องร่ำ
กินข้าว คำทิ้งคำ ดูคนโหยโอดโอยหรือ
เพื่อนเอ๋ยเมื่อเหลือทน คงผู้คนเหี้ยนกระหือ
ลุกไล่โหมไฟฮือ เรียกร้องเล่า "ความเท่ากัน"
.........................
มันฝังอยู่ใน "หัวสมอง" และ "หัวใจ" ค่ะ
มีความรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อส่วนรวม
มากกว่าการจะมีชีวิตมีความสุขของเราไปวันๆ ค่ะ
ตั้งแต่วัยรุ่นมาแล้ว ถ้าพี่หมออ้อเคยอ่านกระทู้เดิม
นุชเคยเล่าถึงสิ่งที่ได้ทำหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น
อาสาเพื่อไปช่วยดูแลเด็กๆ ที่บ้านเด็กใกล้วัด
ติดต่อขอรับการสนับสนุนยาพื้นฐานพวก พาราเซต
CPM ยาหิดเหา และโรคผิวหนังจาก สสจ.อ่างทอง
รวบรวมทุนขุดบาดาลหัวโยกให้กับบ้านที่อยู่ห่างแหล่งน้ำ
ทุกวันนี้มีลูกแล้วเวลาเราก็น้อยลงไป
แต่ก็พยายามแบ่งปันในชีวิตประจำวันค่ะ
หลังๆ มาก็จะทำเรื่องใกล้ตัวเข้ามาเรื่อยๆ
เช่น ให้ทาง จอดให้รถยูเทิร์น ให้คนข้ามถนน
(ที่เรามักจะหยุดให้เป็นคันแรกเสมอ)
ช่วยเข็นรถที่จอดขวางตามลานจอดของห้าง
บางครั้งช่วย รปภ. เลยค่ะ...เพราะรถซ้อนคันแถวยาว
แล้วบางทีรถคันใหญ่ๆ ที่ต้องเข็นขึ้นลูกระนาดค่ะ
บางสถานการณ์ที่เราเห็น เราจะรู้สึกได้ว่า
เค้าออกแรงเต็มที่แล้วแต่มันเกือบจะได้แต่ไม่ได่ค่ะ
พอเค้ลละมือมันก็ไหลกลับ ไม่สามารถข้ามลูกระนาด
ตัวเราแรงไม่เยอะหรอก แต่คะเนด้วยตาคร่าวๆ แล้ว
พบว่า...เค้าก็ต้องการแรงเพิ่มอีกแค่นิดเดียว
ก็สามารดันให้มันผ่านจุดสูงสุงของลูกระนาดได้
เราก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วย ปรภ. เข็นเลยค่ะ
หรือแม้แต่ช่วยโบกรถให้ถอยเข้าซอง...
ไม่รู้จักกันหรอกค่ะ แต่บางครั้งดูคนขับมือใหม่ๆ
และรถในลานจอดก็รอกันคิวยาวมาก
ตัวเราไม่เกี่ยวอะไรเลย..จอดรถเสร็จเดินผ่านมาเห็น
ก็บอกเค้าให้ลดกระจกเพื่อได้ยินเสียงเราบอก
และไปช่วยดูตามมุมๆ ช่วยบอกให้เค้า
"ถอยอีก" "หักซ้ายด้วย" "คืน" (พวงมาลัย)
ยังมีอีกมากที่รู้สึกว่าถ้าเราช่วย มันจะดีขึ้นมาได้
เช่น รถที่ลืมปิดไฟ ลืมปิดกระจก ก็จะจดเลขทะเบียน
ไปแจ้งประชาสัมพันธ์ช่วยประกาศให้เค้ากลับไปที่รถ
มันไม่ได้เสียเวลาเรามากขึ้นเท่าไหร่เลย
แต่ถ้าเจ้าของรถกลับมาที่รถแล้วไฟแบตหมด
start ไม่ติดจริงๆ นั่นแหละเรื่องใหญ่กว่าค่ะ
ไม่รู้เค้าเป็นใคร ถ้าเป็นผู้หญิงและเด็กก็จะลำบาก
ทางที่ดีช่วยแจ้งให้เขากลับมาปิดไฟเสียแต่ต้นดีกว่า
อะไรพอทำได้เราทำหมดค่ะ หูตาไว...แปลกค่ะ
ที่มักจะเจอคนที่กำลังต้องการให้ช่วยเสมอเลย
ถ้ารอไปทำความดีใหญ่ๆ เดี๋ยวจะไม่ได้ทำบ่อยค่ะ
ลูกนี่ได้ไปเต็มๆ ค่ะ ได้ช่วย ได้เห็นเราทำ
หลายครั้งเค้าก็ทำเองแล้ว เช่นช่วยจดทะเบียน
รถที่ลืมปิดไฟไปแจ้งที่ประชาสัมพันธ์
เค้าเจอเองโดยที่เราไม่ได้อยู่ด้วยตรงนั้น
เค้าช่วยเองแล้วมาเล่าให้เราฟังค่ะ
..........................
ทำโดยไม่หวังผลตอบแทนเสียเลยก็ไม่ใช่ค่ะ
หวังค่ะ...หว่าว่า คนที่ได้รับความช่วยเหลือ
จะรู้สึกเห็นคุณค่าของการช่วยเหลือซึ่งและกัน
และพยายามช่วยเหลือผู้อื่นเป็นทอดๆ ไปค่ะ
หวังแค่นั้นจริงๆ ...ไม่รู้ว่าหวังมากไปรึเปล่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 345
เยี่ยมเลยค่ะ คุณ Nutth147Nutth147 เขียน:ผมว่าเรื่องการสอนเด็กให้ทราบถึงการทิ้งขยะนี้เป็นเรื่องของมุมมองของตัวเด็กครับ
(ผมคล้ายลูกพี่เลยครับ ถ้าแกะพลาสติกน้ำดืมไม่มีถังขยะก็จะเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก่อน)
ผมไม่แน่ใจว่าจะต้องสอนยังไง แต่ที่ทำแบบนั้น
"เพราะเราทราบว่า หากเราทิ้งขยะไว้บนพื้น ใครสักคนต้องมาทำหน้าที่ย้ายมันลงไปในถังขยะ เพราะขยะเดินเองไม่ได้ "
อาจจะต้องหาวิธีอธิบายให้เด็กๆเห็นภาพว่าการที่เขาทิ้งขยะไว้บนพื้น ใครสักคนต้องมาดูแลสิ่งที่พวกเขาทำทิ้งไว้ เหมือนเราโยนความรับผิดชอบไปให้แก่คนอื่น ----> กลายเป็นเห็นแก่ตัว อะไรแบบนี้มังครับ
โดยเฉพาะขยะอันตราย เช่น เศษแก้ว เศษขวดแตก
เศษไม้ก่อสร้างที่มีตะปูหงายอยู่ ที่หมู่บ้านยังมีที่ดินเปล่า
และมีการทยอยก่อสร้างค่ะ บางทีช่างเก็บไม่เรียบร้อย
หรือถ้าเป็นหน้าฝนที่น้ำขังแล้วของพวกนี้ที่ช่างกองไว้
มันลอยออกมาในถนนหมู่บ้าน พอน้ำลด ก็อยู่กลางถนน
เราขึ่จักรยานเล่นเจอเข้า ก็จะเก็บออกให้พ้นถนนเสมอค่ะ
ไปทิ้งขยะ ไปกองรวมที่เดิม ก็แล้วแต่สถานการณ์ค่ะ
เศษวัสดุชิ้นใหญ่ที่ร่วงบนพื้นถนน ก็แจ้ง พวก จส. 100
เพราะอันนี้เก็บเองไม่ได้มันอันตรายถ้าเราจอดเก็บ
แม้รถเราจะเลยจุดนั้นมาแล้ว ก็ห่วงรถข้างหลังค่ะ
อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเก็บมันออกไปเร็วๆ
ไฟไหม้หญ้าข้างทางอะไรพวกนี้ช่วยแจ้งหมดค่ะ
เพราะถ้าเราคิดว่าเดี๋ยวคนอื่นคงแจ้ง
แต่บังเอิญไม่มีใครแจ้ง เดี๋ยวจะลุกลาม เสียหายเยอะค่ะ
............................
ถ้าเราสอนจนติดตัวลูกไปแล้วจะคงอยู่ตลอดไป
คุ้มมากที่จะสอนค....ช่วยกันคนละไม่ละมือนะคะ
คิดว่าในสังคมของ thaivi พวกเราน่าจะทำอยู่ประจำ
ที่เล่ามาเหมือนเอามาและเปลี่ยนกันเผื่อใครนึกวิธี
ทำดีใกล้ตัวแบบนี้ได้ หรือเคยทำอยู่ก็มาแบ่งปันกัน
และพวกเราก็จะได้วิธีใหม่ๆ มุมมองในการช่วยเหลือใหม่ๆ
ไปช่วยกันทำได้มากขึ้น หลากหลายวิธีขึ้นก็ยิ่งดีค่ะ
..........................
ถ้าเห็นว่าพอมีประโยชน์และไม่ยุ่งยากมาก
พอจะทำตามตัวอย่างที่เล่ามาได้ ลองนำไปใช้สอนลูกได้ค่ะ
หรือเพื่อนๆ นึกอะไรออกก็มาช่วยกันเล่านะคะ
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 347
เยี่ยมมากค่ะ คุณนุชtheenuch เขียน:
มันฝังอยู่ใน "หัวสมอง" และ "หัวใจ" ค่ะ
มีความรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อส่วนรวม
มากกว่าการจะมีชีวิตมีความสุขของเราไปวันๆ ค่ะ
ตั้งแต่วัยรุ่นมาแล้ว ถ้าพี่หมออ้อเคยอ่านกระทู้เดิม
นุชเคยเล่าถึงสิ่งที่ได้ทำหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น
อาสาเพื่อไปช่วยดูแลเด็กๆ ที่บ้านเด็กใกล้วัด
ติดต่อขอรับการสนับสนุนยาพื้นฐานพวก พาราเซต
CPM ยาหิดเหา และโรคผิวหนังจาก สสจ.อ่างทอง
รวบรวมทุนขุดบาดาลหัวโยกให้กับบ้านที่อยู่ห่างแหล่งน้ำ
อ่านแล้วทำให้พี่ระลึกถึงสมัยตัวเองเป็นเด็กมัธยม เวลาไปรร. ลงรถเมล์แล้วก็มีโอกาสได้จูงคนตาบอดข้ามถนนราชดำเนินตอนเช้าๆ เย็นๆ อยู่บ่อยๆได้ ตอนส่งเค้าถึงอีกฝั่งแล้วเนี่ย มันมีความรู้สึกอิ่มเอม เต็มตื้น อยู่ในอกยังไงไม่รู้ ภูมิใจเล็กๆด้วย เพราะถนนกว้างมาก 555
อยากให้ลูกๆ ได้มีโอกาสจูงคนตาบอดข้ามถนนเหมือนกัน แต่อยู่ตจว.ไม่ค่อยมีบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ได้แต่สอนเค้าให้เอื้ออาทรคนร่วมทาง เวลาขับรถ ตอนนี้คนโตขับเองได้แล้ว ต้องคอยสอนและทำให้ดู ว่าอย่าใจร้อน แบ่งปันผู้อื่น รถมอเตอร์ไซด์ ให้เค้าขับได้สบายๆ อย่าไปใกล้เค้ามากเกินไป เวลามีคนรอข้ามถนน ก็ต้องใจเย็น พยายามหยุดรถให้เค้าได้ข้ามสบายๆ อย่างปลอดภัย
ทุกวันนี้ เวลาไปทำงาน มักจะเห็นคนไข้และญาติ เดินหลงตึกบ้าง ขึ้นบันไดผิดบ้าง เห็นท่าทางเค้าเก้ๆกังๆ ก็จะคอยเข้าไปถาม และบอกทางให้ ยิ่งคนอีสานส่วนใหญ่กลัวไม่กล้าขึ้นลิฟท์ค่ะ คนแก่ๆ บางทีจะพากันเดินขึ้นบันได เราก็บอก มาเลย มาด้วยกันไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ไปทางเดียวกัน เดี๋ยวหมอไปส่งให้ถึงชั้นที่ต้องออกเลย
อนุโมทนาค่ะ เหมือนต่อเทียนกันนะคะ แสงสว่างคงส่องให้สังคมเราน่าอยู่ขึ้น ช่วยกันคนละไม้ละมือค่ะทำโดยไม่หวังผลตอบแทนเสียเลยก็ไม่ใช่ค่ะ
หวังค่ะ...หว่าว่า คนที่ได้รับความช่วยเหลือ
จะรู้สึกเห็นคุณค่าของการช่วยเหลือซึ่งและกัน
และพยายามช่วยเหลือผู้อื่นเป็นทอดๆ ไปค่ะ
หวังแค่นั้นจริงๆ ...ไม่รู้ว่าหวังมากไปรึเปล่า
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 348
อ่านทบทวนดู พี่ก็พิมพ์ผิดเหมือนกันค่ะ หายไปสองคำ
ขอแก้เป็น
5. Seek first to understand and then to be understood เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้เค้าเข้าใจเรา
นะคะ
ขอแก้เป็น
5. Seek first to understand and then to be understood เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้เค้าเข้าใจเรา
นะคะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 349
ที่พี่หมออ้อเล่าถึงการทำดีจนติดเป็นนิสัยตั้งแต่วัยรุ่นมาหวานกับแวว เขียน: อ่านแล้วทำให้พี่ระลึกถึงสมัยตัวเองเป็นเด็กมัธยม เวลาไปรร. ลงรถเมล์แล้วก็มีโอกาสได้จูงคนตาบอดข้ามถนนราชดำเนินตอนเช้าๆ เย็นๆ อยู่บ่อยๆได้ ตอนส่งเค้าถึงอีกฝั่งแล้วเนี่ย มันมีความรู้สึกอิ่มเอม เต็มตื้น อยู่ในอกยังไงไม่รู้ ภูมิใจเล็กๆด้วย เพราะถนนกว้างมาก 555
อยากให้ลูกๆ ได้มีโอกาสจูงคนตาบอดข้ามถนนเหมือนกัน แต่อยู่ตจว.ไม่ค่อยมีบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ได้แต่สอนเค้าให้เอื้ออาทรคนร่วมทาง เวลาขับรถ ตอนนี้คนโตขับเองได้แล้ว ต้องคอยสอนและทำให้ดู ว่าอย่าใจร้อน แบ่งปันผู้อื่น รถมอเตอร์ไซด์ ให้เค้าขับได้สบายๆ อย่าไปใกล้เค้ามากเกินไป เวลามีคนรอข้ามถนน ก็ต้องใจเย็น พยายามหยุดรถให้เค้าได้ข้ามสบายๆ อย่างปลอดภัย
ช่วยย้ำได้ดีถีงเรื่องที่ว่า...ถ้าเป็นนิสัยไปแล้วจะเป็นไปตลอดค่ะ
และยังพยายามปลูกฝังในตัวลูกๆ ทั้งสองคนด้วย...เยี่ยมเลยค่ะ
เห็นด้วยกับที่พี่หมออ้อบอกเหมือนต่อเทียน (ชอบคำนี้จัง)
นึกภาพตาม...น่ารักมากเลยค่ะพี่หมออ้อหวานกับแวว เขียน:ทุกวันนี้ เวลาไปทำงาน มักจะเห็นคนไข้และญาติ เดินหลงตึกบ้าง ขึ้นบันไดผิดบ้าง เห็นท่าทางเค้าเก้ๆกังๆ ก็จะคอยเข้าไปถาม และบอกทางให้ ยิ่งคนอีสานส่วนใหญ่กลัวไม่กล้าขึ้นลิฟท์ค่ะ คนแก่ๆ บางทีจะพากันเดินขึ้นบันได เราก็บอก มาเลย มาด้วยกันไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ไปทางเดียวกัน เดี๋ยวหมอไปส่งให้ถึงชั้นที่ต้องออกเลย
คุณหมอใจดี...ผู้ป่วยพร้อมจะหายป่วยไปครึ่งนึงแล้วค่ะ
เชื่อแน่ว่ามีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อยู่มากเลยค่ะ
เนี่ยแหละค่ะสังคม thaivi ของพวกเรา...มีความสุขค่ะที่ได้เป็นสมาชิก
เอาเพลงมาฝากค่ะ...ฟังแล้วมีความสุข...เนื้อหาเป็นสัจธรรมดีด้วยค่ะ
[youtube]GMvBu0jhdYI[/youtube]
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 350
อยากจะชม...ให้เขินอีกเยอะๆ เลย 555saichon เขียน: 555+
เขินจัง...
..................
หลังจากดู money talk ที่สัมภาษณ์น้องสายชลเมื่อคืนแล้วรู้สึกว่า...เยี่ยมเลย
สมถะ และมีความอดทนสูงมากนับถือค่ะ
เจ้าต้วน้อยทั้งสองได้แบบอย่างที่ดีจากทั้งพ่อและแม่
พี่ว่าเขาต้องเจริญรอยตาม การใช้ชีวิตที่สมดุล เหมือนพ่อแม่แน่นอน
พี่รู้สึกชื่นชมกับแต่ละก้าวเล็กๆ ของครอบครัวน้องสายชลมากพี่ว่ามั่นคงนะ
บางคนจะมีจังหวะที่ก้าวยาวไปแล้วแอบถอยกลับบ้าง
แต่ของน้องสายชลนี่ไม่มีทางถอยหลังแน่
และพี่เชื่อว่าจะเป็นก้าวที่ค่อยๆ ใหญ่ขึ้น แน่นอน
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 351
ขอบคุณครับพี่นุช
หลังจากผมอ่านโพสของพี่นุช และท่านอื่นๆในกระทู้ที่ผมไปออกรายการมันนี่ทอร์คแล้ว ต้องรีบเอามือจับเก้าอี้ไว้เลยครับ
ไม่งั้นตัวคงลอยติดเพดานแน่ครับ
ผมเองก็ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากพี่นุชและท่านอื่นๆอีกเยอะเชียวครับ
หลังจากผมอ่านโพสของพี่นุช และท่านอื่นๆในกระทู้ที่ผมไปออกรายการมันนี่ทอร์คแล้ว ต้องรีบเอามือจับเก้าอี้ไว้เลยครับ
ไม่งั้นตัวคงลอยติดเพดานแน่ครับ
ผมเองก็ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากพี่นุชและท่านอื่นๆอีกเยอะเชียวครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 352
ยินดีค่ะ...พวกเราแค่ช่วยสะท้อนภาพ "น้องสายชล" ตามที่เป็นอยู่เท่านั้นเองค่ะsaichon เขียน:ขอบคุณครับพี่นุช
หลังจากผมอ่านโพสของพี่นุช และท่านอื่นๆในกระทู้ที่ผมไปออกรายการมันนี่ทอร์คแล้ว ต้องรีบเอามือจับเก้าอี้ไว้เลยครับ
ไม่งั้นตัวคงลอยติดเพดานแน่ครับ
ผมเองก็ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากพี่นุชและท่านอื่นๆอีกเยอะเชียวครับ
เห็นมั้ยมีน้องๆ เห็นเหมือนพี่ด้วย และท่านอื่นๆ ก็เห็นคล้ายกัน
ส่วนเรื่องเรียนรู้จากพี่เรื่องเลี้ยงลูกพอได้ค่ะ
แต่เรื่องลงทุนสงสัยพี่ต้องเรียนรู้จากน้องสายชลมากกว่า 555
พี่ว่าเรายังต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิตการลงทุนนั่นแหละเนอะ...
.............................
หมายเหุต - รูปไทเกอร์ กับสิงโต ที่อยู่ในกะละมังพร้อมกัน 2 คน หายไปค่ะ
รบกวนน้องสายชลช่วยส่งมาให้ใหม่พร้อมรูปอื่นๆ อีกก็ได้นะ...ทั้งสองคนน่ารักมากๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 353
ส่งให้อีกครั้งแล้วครับพี่นุชtheenuch เขียน: หมายเหุต - รูปไทเกอร์ กับสิงโต ที่อยู่ในกะละมังพร้อมกัน 2 คน หายไปค่ะ
รบกวนน้องสายชลช่วยส่งมาให้ใหม่พร้อมรูปอื่นๆ อีกก็ได้นะ...ทั้งสองคนน่ารักมากๆ
ปล.พี่นุชครับ ลูกชายผมแกคงถ่ายรูปแล้วขึ้นกล้องหน่ะครับ
ตัวจริงหล่อสู้พ่อแกไม่ได้หรอกครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 354
ได้รับแล้วจ้า...ขอบคุณมากsaichon เขียน:ส่งให้อีกครั้งแล้วครับพี่นุชtheenuch เขียน: หมายเหุต - รูปไทเกอร์ กับสิงโต ที่อยู่ในกะละมังพร้อมกัน 2 คน หายไปค่ะ
รบกวนน้องสายชลช่วยส่งมาให้ใหม่พร้อมรูปอื่นๆ อีกก็ได้นะ...ทั้งสองคนน่ารักมากๆ
ปล.พี่นุชครับ ลูกชายผมแกคงถ่ายรูปแล้วขึ้นกล้องหน่ะครับ
ตัวจริงหล่อสู้พ่อแกไม่ได้หรอกครับ
ไทเกอร์กับสิงโตน่ารักมากๆ เหมือนเดิม
555....สีน้ำเงินนั่นไม่ค่อยแน่ใจค่ะ
ก็ได้ ๆ....ไทเกอร์กับสิงโต...หล่อสู้คุณพ่อสายชลไม่ได้...แต่น่ารักกว่าค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 357
คุณ oatty มาช่วยยืนยันว่าน้องสายชลหล่อกว่าลูกๆ อีกเสียง...( ถูกใจเจ้าตัวมากๆ )oatty เขียน:ดูแล้ว ถึงจะหล่อน้อยกว่า แต่รวยกว่าพ่อนะฮ๊าบบ...
แต่เป็นประเด็นสำคัญอยู่ที่สีแดง
เสียดายจังพี่ไม่มีลูกสาว...ถ้ามีจะจองน้อง "ไทเกอร์" หรือ "สิงโต" ไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ...555
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 358
คิดสักนิด ก่อนรับสิทธิในฐานะ "ผู้ค้ำประกัน"
...........................
วันก่อนมีเพื่อนโทรบ่นๆ ให้ฟัง เค้าบอกว่า
“เป็นเรื่องเล็กๆ” แต่ก็ส่งผลให้รู้สึกอึดอัดใจ
มาดู “เรื่องเล็กๆ ” ของเพื่อนเราดีกว่าค่ะ
เรื่องคือ เพื่อนของเพื่อนเรามากู้เงินไป
โดยเอารถที่เพื่อนเราเป็น "ผู้ค้ำประกัน" ให้
มาจอดไว้ เพื่อเป็นหลักประกันแทนค่ะ
ด้วยความเป็นดีและน่ารักมากๆ เพื่อนเราจึง
เสียสละเอารถตัวเองออกมาจอดนอกโรง
และนำรถที่เพื่อนของเธอเอามาวางเป็นประกัน
เข้าจอดแทน “เรื่องมันเล็กๆ แต่เราอึดอัด
เพราะมันนาน...เดือนกว่าแล้ว” เธอว่าอย่างนั้น
..............................
แต่ในฐานนะผู้ฟังเราว่ามันไม่ใช่ "เรื่องเล็กๆ"
เราจึงบอกให้เพื่อนมาคุยกันต่อที่บ้านเรา
(เผื่อเพื่อนจะเป็นลมจะได้ช่วยเยียวยาได้
อันนี้ไม่ได้บอกเค้านะคะ...คิดเองในใจ)
เพื่อนก็มา เพราะเชื่อว่าคงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะปกติเราค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง
ไม่ค่อยชอบนัดพบปะเพื่อนฝูงบ่อยนัก
...................................
เพื่อนๆ ที่รู้กฎหมายคงพอจะนึกออกแล้ว
ใช่ค่ะ “สองเด้ง” ถ้าเป็น “หุ้นสองเด้ง” ก็คงดี
แต่กรณนี้มันคือ “การเสียหายสองเด้ง” ค่ะ
เด้งที่หนึ่ง – จากการเป็น "ผู้ค้ำประกัน"
เด้งที่สอง – จากเงินที่ให้เค้ากู้ไปใหม่อีกก้อนนึง
สิ่งที่เพื่อนเราคนนี้ไม่ได้คิดถึงเลยคือรถคันนี้
จะถูดยึดไปขายทอดตลาดในอีกไม่ช้า
ซึ่งโดยปกติมักจะได้เงินน้อยกว่ามูลหนี้ที่เหลือ...
สรุปแล้ว เค้าไม่รู้สิ่งที่ควรรู้อย่างหยาบๆ สามอย่าง คือ
1. ส่วนต่างจากราคาขายทอดตลาดกับยอดหนี้
ที่เหลือ "ผู้เช่าซื้อ " ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
2 กรณีติดต่อ "ผู้เช่าซื้อ" ไม่ได้จะมาไล่เบี้ยที่ "ผู้ค้ำประกัน"
3. รถคันดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ "เจ้าหนี้ (ผู้ให้เช่าซื้อ)"
มิใช่กรรมสิทธิ์ของ "ผู้ครอบครอง"
ดังนั้น เรื่องเงินทอง และการอ่านสัญญาใดๆ
ก่อนลงนามเป็นสิ่งที่สำคัญ และกฎหมายพื้นฐาน
เป็นเรื่องที่เราจัดไว้ในหมวด "รู้ไว้ใช่ว่า" ค่ะ
ประกาศฉบับใหม่ของ สคบ. มีผลใช้เมื่อวันที่
1 มกราคม พ.ศ.2556 มีการปรับปรุงรายละเอียด
ของสัญญาเพิ่มเติมจากประกาศเดิม เช่น
กรณีผิดนัดชำระติดต่อกัน 3 งวด ให้สถาบัน
การเงินแจ้งล่วงหน้า 30 วัน หากยังไม่ชำระ
สามารถยึดรถ ...ส่วนการประมูลขายทอดตลาดนั้น
สถาบันการเงินเจ้าหนี้ต้องแจ้งผู้ค้ำประกันภายใน 7 วัน
เช่นเดียวกับผู้ซื้อ (เพิ่มสีน้ำเงินมาให้...แต่ก็ดู
ไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก...ในความเห็นของเรา)
สัญญาค้ำประกันต้องมีคำเตือนสำหรับ "ผู้ค้ำประกัน"
จะมีความรับผิดต่อ "ผู้ให้เช่าซื้อ" ในสาระสำคัญ ดังนี้
(ซึ่ง "ผู้ค้ำประกัน" ส่วนใหญ่ไม่อ่านก่อนลงนาม)
1. "ผู้ค้ำประกัน" จะต้องรับผิดต่อ "ผู้ให้เช่าซื้อ"
จนกว่าหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อจะระงับสิ้นไป
2 "ผู้ค้ำประกัน" จะต้องรับผิดต่อ "ผู้ให้เช่าซื้อ"
ภายในวงเงินที่ "ผู้เช่าซื้อ" ค้างชำระกับ "ผู้ให้เช่าซื้อ"
ตามสัญญาเช่าซื้อ และอาจต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ย
หรือค่าสินไหมทดแทนอื่นๆ อีกด้วย
3 "ผู้ค้ำประกัน" ต้องรับผิดร่วมกับ "ผู้เช่าซื้อ"
4. เมื่อ "ผู้เช่าซื้อ" ผิดนัดชำระหนี้ "ผู้ให้เช่าซื้อ"
มีสิทธิเรียกร้องและบังคับให้ "ผู้ค้ำประกัน"
ชำระหนี้ทั้งหมด ที่ผู้เช่าซื้อค้างชำระ
โดย "ผู้ให้เช่าซื้อ" ไม่จำต้องเรียกร้อง
หรือบังคับเอาจาก "ผู้เช่าซื้อ" ก่อน
5. "ผู้ค้ำประกัน" ไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
แม้ "ผู้ให้เช่าซื้อ" ยอมผ่อนเวลาให้แก่ "ผู้เช่าซื้อ"
..............................
"เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง และยัง
นำกระดูกมาแขวนคอ" สำนวนนี้ คงอธิบาย
เรื่องราวของ "ผู้ค้ำประกัน" ได้ชัดเจน
โดยที่เราไม่ต้องอธิบายเพิ่มแล้วนะคะ
ดังนั้น คิดสักนิด ก่อนรับสิทธิในฐานะ "ผู้ค้ำประกัน"
...........................
วันก่อนมีเพื่อนโทรบ่นๆ ให้ฟัง เค้าบอกว่า
“เป็นเรื่องเล็กๆ” แต่ก็ส่งผลให้รู้สึกอึดอัดใจ
มาดู “เรื่องเล็กๆ ” ของเพื่อนเราดีกว่าค่ะ
เรื่องคือ เพื่อนของเพื่อนเรามากู้เงินไป
โดยเอารถที่เพื่อนเราเป็น "ผู้ค้ำประกัน" ให้
มาจอดไว้ เพื่อเป็นหลักประกันแทนค่ะ
ด้วยความเป็นดีและน่ารักมากๆ เพื่อนเราจึง
เสียสละเอารถตัวเองออกมาจอดนอกโรง
และนำรถที่เพื่อนของเธอเอามาวางเป็นประกัน
เข้าจอดแทน “เรื่องมันเล็กๆ แต่เราอึดอัด
เพราะมันนาน...เดือนกว่าแล้ว” เธอว่าอย่างนั้น
..............................
แต่ในฐานนะผู้ฟังเราว่ามันไม่ใช่ "เรื่องเล็กๆ"
เราจึงบอกให้เพื่อนมาคุยกันต่อที่บ้านเรา
(เผื่อเพื่อนจะเป็นลมจะได้ช่วยเยียวยาได้
อันนี้ไม่ได้บอกเค้านะคะ...คิดเองในใจ)
เพื่อนก็มา เพราะเชื่อว่าคงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะปกติเราค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง
ไม่ค่อยชอบนัดพบปะเพื่อนฝูงบ่อยนัก
...................................
เพื่อนๆ ที่รู้กฎหมายคงพอจะนึกออกแล้ว
ใช่ค่ะ “สองเด้ง” ถ้าเป็น “หุ้นสองเด้ง” ก็คงดี
แต่กรณนี้มันคือ “การเสียหายสองเด้ง” ค่ะ
เด้งที่หนึ่ง – จากการเป็น "ผู้ค้ำประกัน"
เด้งที่สอง – จากเงินที่ให้เค้ากู้ไปใหม่อีกก้อนนึง
สิ่งที่เพื่อนเราคนนี้ไม่ได้คิดถึงเลยคือรถคันนี้
จะถูดยึดไปขายทอดตลาดในอีกไม่ช้า
ซึ่งโดยปกติมักจะได้เงินน้อยกว่ามูลหนี้ที่เหลือ...
สรุปแล้ว เค้าไม่รู้สิ่งที่ควรรู้อย่างหยาบๆ สามอย่าง คือ
1. ส่วนต่างจากราคาขายทอดตลาดกับยอดหนี้
ที่เหลือ "ผู้เช่าซื้อ " ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
2 กรณีติดต่อ "ผู้เช่าซื้อ" ไม่ได้จะมาไล่เบี้ยที่ "ผู้ค้ำประกัน"
3. รถคันดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ "เจ้าหนี้ (ผู้ให้เช่าซื้อ)"
มิใช่กรรมสิทธิ์ของ "ผู้ครอบครอง"
ดังนั้น เรื่องเงินทอง และการอ่านสัญญาใดๆ
ก่อนลงนามเป็นสิ่งที่สำคัญ และกฎหมายพื้นฐาน
เป็นเรื่องที่เราจัดไว้ในหมวด "รู้ไว้ใช่ว่า" ค่ะ
ประกาศฉบับใหม่ของ สคบ. มีผลใช้เมื่อวันที่
1 มกราคม พ.ศ.2556 มีการปรับปรุงรายละเอียด
ของสัญญาเพิ่มเติมจากประกาศเดิม เช่น
กรณีผิดนัดชำระติดต่อกัน 3 งวด ให้สถาบัน
การเงินแจ้งล่วงหน้า 30 วัน หากยังไม่ชำระ
สามารถยึดรถ ...ส่วนการประมูลขายทอดตลาดนั้น
สถาบันการเงินเจ้าหนี้ต้องแจ้งผู้ค้ำประกันภายใน 7 วัน
เช่นเดียวกับผู้ซื้อ (เพิ่มสีน้ำเงินมาให้...แต่ก็ดู
ไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก...ในความเห็นของเรา)
สัญญาค้ำประกันต้องมีคำเตือนสำหรับ "ผู้ค้ำประกัน"
จะมีความรับผิดต่อ "ผู้ให้เช่าซื้อ" ในสาระสำคัญ ดังนี้
(ซึ่ง "ผู้ค้ำประกัน" ส่วนใหญ่ไม่อ่านก่อนลงนาม)
1. "ผู้ค้ำประกัน" จะต้องรับผิดต่อ "ผู้ให้เช่าซื้อ"
จนกว่าหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อจะระงับสิ้นไป
2 "ผู้ค้ำประกัน" จะต้องรับผิดต่อ "ผู้ให้เช่าซื้อ"
ภายในวงเงินที่ "ผู้เช่าซื้อ" ค้างชำระกับ "ผู้ให้เช่าซื้อ"
ตามสัญญาเช่าซื้อ และอาจต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ย
หรือค่าสินไหมทดแทนอื่นๆ อีกด้วย
3 "ผู้ค้ำประกัน" ต้องรับผิดร่วมกับ "ผู้เช่าซื้อ"
4. เมื่อ "ผู้เช่าซื้อ" ผิดนัดชำระหนี้ "ผู้ให้เช่าซื้อ"
มีสิทธิเรียกร้องและบังคับให้ "ผู้ค้ำประกัน"
ชำระหนี้ทั้งหมด ที่ผู้เช่าซื้อค้างชำระ
โดย "ผู้ให้เช่าซื้อ" ไม่จำต้องเรียกร้อง
หรือบังคับเอาจาก "ผู้เช่าซื้อ" ก่อน
5. "ผู้ค้ำประกัน" ไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
แม้ "ผู้ให้เช่าซื้อ" ยอมผ่อนเวลาให้แก่ "ผู้เช่าซื้อ"
..............................
"เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง และยัง
นำกระดูกมาแขวนคอ" สำนวนนี้ คงอธิบาย
เรื่องราวของ "ผู้ค้ำประกัน" ได้ชัดเจน
โดยที่เราไม่ต้องอธิบายเพิ่มแล้วนะคะ
ดังนั้น คิดสักนิด ก่อนรับสิทธิในฐานะ "ผู้ค้ำประกัน"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 360
ขอบคุณมากค่ะพี่หมอมุข....ทีแรกนุชก็ทำใจว่า...สงสัยไม่เจออากาศหนาวแล้วPaul VI เขียน:มาทักคุณนุช วันที่อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว
อย่างนี้คุณนุช เที่ยวเหนือ ได้สนุกแน่ครับ
บรรยากาศน่าจะเย็นสบายแบบยุโรปเลย ^^
เที่ยวให้สนุกนะครับ
แต่ตอนนี้....คงเที่ยวสนุกเหมือนพี่หมอมุขบอกแน่ค่ะ
เดี๋ยวนุชล่วงหน้าไปก่อนนะคะ...วันที่ 21 นับถอยหลังแล้ว
พี่หมอมุขรักษาสุขภาพด้วยนะคะ...ใกล้ถึงวันเที่ยว
ของ "ครอบครัวน่ารัก" ของพี่หมอมุขแล้วเช่นกัน ^_^