หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
drchatri
Verified User
โพสต์: 767
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 61

โพสต์

ขอต่อหน่อยนะครับ ตอนนี้ผมกำลังใช้คอมโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่า เข้าเน็ตอยู่ครับ ซึ่งเครื่องนี้ยี่ห้อ Atec ใช้มา 5-6ปีแล้วครับ ตอนแรกติดไวรัสจนบู๊ตไม่ขึ้น ต้องไปล้างลงวินโ้ด้ใหม่ ต่อมาพบว่าคีบอร์ดบนเครื่องพัง แต่จะส่งศูนย์ซ่อมก็ไม่คุ้มแล้ว ผมเลยเอาคีบอร์ด USB มาต่อใช้ต่อไปได้อีกครับ ผมอยากเอาไปเล่นเนตบนห้องนอนได้ แต่เครื่องเป็นรุ่นเก่าไม่มีระบบ ไวไฟ เลยไปซื้อ WiFi Adapter มาต่อใช้แชร์เนตไร้สายเล่นต่อได้ครับ ส่วนคอมพีซีที่เพิ่งซื้อมาใหม่ก็ให้แฟนใช้อยู่ครับ เลยมีคอมสองตัวใช้เล่นเน็ตพร้อมๆกันผ่าน Router ได้ครับ โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้กะใช้ต่อไปจนก่าจะพังคามือไปเลย :lol:
  บ้าน ผมซื้อแต่พอประมาณเพราะครอบครัวเล็ก และที่ทำงานยังไม่ Sattle down นัก และปัจจุบันทั้งสามคนพ่อแม่ลูก ไม่ค่อยได้อยู่บัานครับ ไปทำงานกันหมด กับอยู่ รร. กลับเข้าบ้านก็กินข้าว แล้วนอนแล้วครับ จริงๆ ผมมีกำลังจะผ่อนบ้านใหญ่กว่านี้ได้ แต่คิดว่าหากเราผ่อนบ้านหมดเร็วกว่ากำหนด เราก็จะมีเงินเหลือไปลงทุนได้มากๆ และเร็วๆ เพื่อเป็นอิสระภาพทางการเงินเร็วๆ  ซึ่งน่าจะเปนความสุข มากกว่าไปหาผ่อนบ้านใหญ่ๆ หรูๆ ซึ่งต้องผ่อนหลายปี แถมยังไม่ค่อยได้อยู่ ต้องเสียค่าดูแลรักษา ค่าใชจ่ายเกี่ยกับตัวบ้านมากเกินไปด้วยครับ  8)  ไม่แน่อนาคตเกิดลูกต้องเข้าไปเรียนในกรุงเทพ ก็อาจขายย้ายไปได้ง่ายกว่าหลังใหญ่ครับ
   ปัจจุบันผมกินข้าวสองมื้อครับ กินแต่พอดี คอยระวังไม่ให้แคลอรี่เกิน รอบเอวผมคงที่มาร่วมๆ 5-6ปีแล้วครับ ไม่ต้องเปลี่ยนกางเกงใหม่ เสื้อผ้าชุดหนึ่งๆ ผมใช้ได้หลายปีกว่าจะโล๊ะ ถ้าโล๊ะทิ้งก็ แฟนจะเอาไปให้ชาวนาที่อยู่อุทัยฯ ครับ (พ่อตามีนาให้เขาเช่า) เวลาแฟนผมเอาไปแจก พวกเขาจะดีใจกันมาก มาเลือกไปอย่างกะตลาดนัดคลองถม หมดอย่างรวดเร็ว แถมรีบไปซักมาใส่อวดกันด้วย(เพราะถึงแม้จะเก่าสำหรับเรา แต่สำหรับชาวบ้านมันยังใหม่ และโก้ไม่หยอกกับยี่ห้อดังๆ ที่พวกเขาไม่มีตังค์จะซื้อมาใส่ได้ คิดแล้วก็อดภูมิใจทุกครั้งไม่ได้ที่ได้บริจาค)
  ข้าวที่หุงบางทีก็มาจากนาข้าวที่อุทัยฯ ที่ชาวนาเขาเอามาจ่ายเป็นค่าเช่านาให้พ่อตาครับ เอามาครั้งก็หุงกินได้เป็นเดือน
   แต่เรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยเสียดายเงินเลยคือ หนังสือครับ ผมชอบซื้อหนังสืออ่านมากๆ  8)
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 62

โพสต์

เจ้าตัวที่โดนตบหัวคะมำมันเป็นตัวผู้ครับ
แล้วมันก็ไปออกหากินนอกถิ่น เดินพุงพลุ้ยกลับมาเย้ยตัวเมีย
ตัวเมียเห็นเลยหมั่นไส้  เลยเบิ๊ดหัวคะมำซะ เพราะไม่พอเพียง ฮ่าๆๆ

ผมตอบพี่หมอไม่ได้เลยมั่วไปโน่น
เคยเห็นรูป Animation นี้ใน forward mail นานมาแล้วครับ
แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าจริงหรือตัดต่อ
บางที... ไปเขาดินอาจจะได้คำตอบก็ได้ครับ
(ตอนนี้มีนกเพนกวินที่เขาดินแล้ว) ... :D
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Lady
Verified User
โพสต์: 45
ผู้ติดตาม: 0

แข่งด้วยคนค่ะ

โพสต์ที่ 63

โพสต์

อืม เอาสมัยเด็ก ๆ เลยมั้ย  คือ คุณแม่ให้เงินไปโรงเรียนเท่าไหร่ เหลือกลับเท่านั้น
( บางวันเหลือมากกว่าเดิมด้วย เพราะชอบรับจ้างเพื่อนทำงานฝีมือ อย่างเช่น ป.5 คุณแม่ให้เงินไปเรียน 80 บาท แต่เหลือกลับบ้าน 200 - 300 กว่าบาท เพราะมีการบ้านจัดสวนถาด ได้ค่าจ้างถาดละ 60 )

พอจบ ม.ปลาย จะเข้ามหาวิทยาลัยคุณพ่อจะซื้อรถให้
แต่ไม่เอา  ขอใช้รถคันไหนก็ได้ ที่คุณพ่อไม่ค่อยได้ขับ
ถ้าวันไหนจะใช้คันนี้ ก็นั่งแท็กซี่ไปแทน ไม่ใช่ว่าสิ้นเปลืองค่าแท็กซี่นะคะ แต่จำเป็น เพราะนั่งรถเมล์ไม่เป็น
( ไม่ใช่รวย หรือทำตัวเว่อร์นะ เป็นเพราะตอนเด็ก ๆ ขึ้นรถเมล์ครั้งแรกในชีวิต แล้วตกรถเมล์ เลยกลัวบันไดรถเมล์จนถึงทุกวันนี้ )

ตอนนี้ ทำงานอยู่แถวรัชดา เงินเดือน 4 หมื่น ปลาย ๆ
ไม่ขับรถไปทำงาน เพราะโดยสารรถไฟใต้ดิน ไป + กลับ 44 บาท
ถูกกว่าค่าน้ำมันรถอีก แถมรถไม่ติดด้วย
หน้าไม่แต่ง แค่ทาลิปมัน กับแป้งเด็ก จึงไม่ต้องเปลืองค่าเครื่องสำอางค์
วันไหนตื่นสายไม่ได้สระผม จะสระร้านในตึกแค่ 80 บาท ( หาได้ถูกสุดเท่านี้ ปกติร้านตามตึกออฟฟิศทั่ว ๆ ไป ราคาจะอยู่ที่ 150 บาท )
ค่าอาหาร ทานกลางวันอย่างเดียว ขนมปังนิดหน่อย

ทุกสิ้นเดือนจะจดรายรับ ( ไม่เท่ากันทุกเดือนเพราะมีค่าคอมฯ )
หักลบด้วยรายจ่าย เหลือเท่าไหร่ เอาไปซื้อทองมาเก็บ ทุกเดือน


^^ และกำลังเลือกวงเงินในการทำประกันกรณีเสียชีวิต ไว้ให้คุณพ่อ คุณแม่ เป็นผู้รับผลประโยชน์ เผื่อไปก่อนวัยอันสมควร โดยที่ยังไม่ได้เลี้ยงดูท่าน อิอิ ^^

Ps. สู้พี่ลูกอิสานไม่ได้ แต่แค่นี้พอใจมากแล้วค่ะ  ^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภรรโยโฟเบีย
Verified User
โพสต์: 253
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 64

โพสต์

[quote="HVI"]เจ้าตัวที่โดนตบหัวคะมำมันเป็นตัวผู้ครับ
แล้วมันก็ไปออกหากินนอกถิ่น เดินพุงพลุ้ยกลับมาเย้ยตัวเมีย
ตัวเมียเห็นเลยหมั่นไส้
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 65

โพสต์

8) เพนกวินของพี่โจ๊กนี่เป็นนักตะกร้อแน่เลย
    ลูกที่เห็นไม่ใช่ซันแบ็ค
    ก็ต้องหักคอไก่ แน่นอน

    ส่วนเรื่องพอเพียงนี้
    ทำตามกำลังเถิดครับ
    คนประหยัด ให้ใช้เงินมากๆเขาก็เจ็บปวดใจ
    คนไม่ประหยัด ไม่ให้เขาใช้เขาก็เจ็บปวดใจ
    คนเก็บเงินเก่ง ก็ถึงฝั่งฝันได้เร็วกว่า
    ระหว่างทางก็อาจจะแห้งแล้งไปหน่อยนึง
    พวกใช้เงินเก่ง ก็คิดอีกแบบนึง คิดว่าก็มีเป้าหมายอยู่
    แต่ก็ขอมีความสุขระหว่างทางบ้าง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
sunrise
Verified User
โพสต์: 2266
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 66

โพสต์

มาอ่านด้วยความชื่นชม พี่ๆ ในเว็ปครับ

ผมประเภทใช้เงินซื้อความสะดวกสบาย
ฟุ่มเฟือยในสิ่งที่คิดว่าพอจ่ายได้ แต่ไม่ใช่ทิ้งเงินลงแม่น้ำนะครับ
ยังอยากเท่ห์ มีหน้ามีตา แพ้กิเลสอยู่

สงสัยความคิดยังเด็กอยู่ครับ

ผมไม่รู้จะแก้นิสัยยังไงเลย พยายามหาเงินมาให้พอใช้ และบังคับตัวเอง
ให้เก็บเงินให้ได้โดยซื้อทรัพสินแล้วเราก็ค่อยๆ ทยอยจ่าย  :lol:

แต่ตอนนี้เงินเดือนมีเท่าไหร่ใช้เกือบหมด  :(  
จ่ายค่าเรียนบ้าง จ่ายค่าใช้จ่ายจิปาถะในบ้านบ้าง

ผมเชื่อว่าวันหนึ่งผมก็จะรู้เองว่าพวกนี้เป็นสิ่งนอกกาย ไม่จำเป็น
ตอนนี้ขอให้ชีวิตให้สนุกก่อนละกันครับ  :wink:
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
Tiger
Verified User
โพสต์: 593
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 67

โพสต์

ผมชอบเพนกวิน จัง

ขำ ดี   :lol:
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 68

โพสต์

ภรรโยโฟเบีย เขียน: ผมเคยเห็นอีกอันครับคุณหวี
ตั้งชื่อให้มันว่า revenge of the penguin ละกัน
:rofl: :rofl: :rofl:  ขำกลิ้งครับ  

สงสัยอันนี้เป็นภาคแรก
รูปภาพ

วันต่อมามันก็ยังไปหากินนอกถิ่นอีก แต่ฝึกวิชาลูกเตะหักคอไก่ไว้แก้แค้น
พอเดินมาใกล้ๆ ตัวเมียไม่ทันจะเบิ๊ด ก็โดนก้านคอซะ ...

รูปภาพ

แบบนี้ก็คงได้คำตอบแล้วล่ะครับ ว่าจริงหรือตัดต่อ ...  :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 69

โพสต์

[quote="por_jai"]
ภาพประจำตัวสมาชิก
Lady
Verified User
โพสต์: 45
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 70

โพสต์

จริง ๆ ก้อไม่เชิงประหยัด

ถามว่าพอใจมั้ย  ยังไม่พอค่ะ

ไม่ได้อยู่ที่ประหยัด หรือฟุ่มเฟือย

ไม่ได้คิดว่าต้องเก็บเงินให้เยอะ ๆ หรือ น้อย

แต่ เมื่อไหร่ ที่เราจากไป แล้วพ่อแม่ สุขสบายกับทรัพย์สินที่เราทำเก็บไว้

" เมื่อนั้นคือความพอเพียง "

พ่อแม่ เลี้ยงเรามาอย่างสุขสบายทั้งกาย-ใจ

และมันคือการลงทุน โดยไม่แสวงหากำไร
:+:__ ไม่มีเงิน ก้อมีความสุขได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
mongkol
Verified User
โพสต์: 272
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 71

โพสต์

คอลัมน์ นี้อ่านแล้ว รู้สึกดีจัง เลยคับ นับถือทุกท่านที่มีความอดทน ขนาดนั้น
พอเพียงได้  แต่ อย่าเห็นแก่ ตัวนะคับ
แก่นแท้ คือ "ความว่าง" นี่เอง
javidol
Verified User
โพสต์: 442
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 72

โพสต์

ขออนุญาตขุดกระทู้นี้ขึ้นมาหน่อยนะครับ เผื่อใครยังไม่ได้อ่าน

ผมโชคดีที่ตามอ่านมาจากกระทู้ ใครคือคุณศรัทธา

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=23974

พอดีคุณ NinjaTurtle ทำ link ไว้ให้เลยได้มีโอกาสมาอ่านเรื่องดีๆของพี่ๆครับ

ขอคารวะจากใจ  :bow:  :bow:  :bow:
trillionaire
Verified User
โพสต์: 927
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 73

โพสต์

เงินเดือนไม่ค่อยพอใช้
  สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา จะรู้สึกว่าเงินเดือนออกมาไม่กี่วัน จ่ายค่าโน่นค่านี่จนหมดเกลี้ยง เหลือเงินติดกระเป๋าไม่กี่ร้อย แล้วจะใช้พอถึงสิ้นเดือนหรือเปล่าละเนี่ย

  ไม่ว่าคุณจะมีเงินเดือนเท่าใหร่ คุณก็จะรู้สึกว่าไม่เคยพอเสียที ตั้งหน้าตั้งตารอเงินเดือนขึ้นปลายปี พอเงินเดือนขึ้นแล้ว ก็ไม่ทราบว่าหายไปใหนหมด แล้วเงินเดือนเท่าใหร่ถึงจะพอกันละเนี่ย

จำลองเหตุการณ์

  สมมุติว่าวันเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมาหัวหน้าเรียกคุณไปพบ แล้วบอกว่าบริษัทย่ำแย่ ต้องลดเงินเดือนพนักงานทุกคนลงครึ่งหนึ่ง คุณก็โอดครวญกับหัวหน้าอยู่พักใหญ่แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับชะตากรรม ดีกว่าต้องตกงาน ผู้เขียนขอถามว่าท่านจะอยู่ได้ไหม เงินเดือนคุณจะพอใช้ไหม คุณจะอยู่รอดไหม

อยู่ได้หรือไม่

  หลายๆ ท่านก็จะมีคำตอบออกมาว่า ยังไงๆ ก็ต้องอยู่ได้ละ (ว่ะ) แล้วท่านก็จะหันมากดเครื่องคิดเลขกันอุตลุตว่า อะไรที่จำเป็นต้องจ่ายจริงๆ อะไรที่จำเป็นต้องตัดทิ้ง ถือว่าฟุ่มเฟือย เป็นต้น ท่านก็อาจจะต้องทานข้าวนอกบ้านน้อยลง KFC PIZZA HUT หรือแม้แต่ร้านอาหารในศูนย์การค้าก็อาจจะไม่ใช่ที่นัดหมายรอใครอีกต่อไป มือถือก็อาจจะขอระงับชั่วคราวเพราะปกติคุณก็ไม่ค่อยจะมีใครโทรหาคุณอยู่แล้ว และไปใหนไกล้ๆ ก็วิ่งขึ้น ปอ. ดีกว่าค่าน้ำมันก็ไม่ต้องจ่าย ไม่ต้องหาที่จอดรถให้เมื่อยแขน เสื้อตัวใหม่ที่เล็งๆ ไว้ก็เว้นไปก่อน เงินที่ส่งให้ที่บ้านก็ลดลงไป ตามสัดส่วน และอื่นๆอีกเยอะแยะ

  สุดท้ายคุณจะพบว่าคุณก็อยู่รอด เงินเดือนที่ได้นั้นนับว่าพอเพียงที่จะดำเนินอยู่ได้ เพียงแต่คุณรู้สึกว่าถ้าอยากจะซื้ออะไรแล้วซื้อแบบเมื่อก่อนนั้นทำไม่ได้แล้ว เสื้อผ้าที่เคยเดินซื้อตามในห้าง ก็ต้องหันมาซื้อตอนเค้าจัดโปรโมชั่น หรือไม่ก็นั่งรถไปเลือกซื้อแถวหน้าราม (สำหรับคุณสุภาพสตรี) ชุดทำงานชุดหนึ่งไม่ถึง 800 บาท แต่ดูดีเหมือนซื้อมาจากห้างเลย (ไม่มีใครเค้ามาแบะคอเสื้อคุณแล้วขอดูยี่ห้อหรอก - ยกเว้นคุณจะเป็นประเภทชอบอวดมาก่อน)

  ระหว่างนั้นคุณก็คิดหางานใหม่ หรือตั้งตารอเศรษฐกิจที่ไม่ยอกฟื้นซะที แต่เชื่อหรือไม่ว่าถ้าเงินเดือนคุณกลับมาเหมือนเดิม คุณก็รู้สึกว่าไม่พออยู่ดี

แล้วถ้าตอนนี้ไม่พอจะทำอย่างไร

 คำตอบง่ายๆคือคุณต้องจัดการตัวคุณเอง จัดการเรื่องเงินให้เป็นนิสัย ดึงกระดาษเปล่าออกมา 1 แผ่นพร้อมปากกา แล้วหาเครื่องคิดเลขมา แล้วเขียนรายรับ (เงินเดือนหนึ่งละ) แล้วก็รายจ่ายในเดือนหน้า (ต้องเขียนให้หมดว่าคุณต้องจ่ายอะไรบ้าง)   ติดตามอ่านรายละเอียดได้จากการทำงบการเงิน สุดท้ายคุณจะพบว่าคุณจะมีเงินเหลือหรือขาดไปเท่าไหร่

 อยากให้คุณลองทำดู เพราะคุณอาจจะไม่เคยทำ ตอนร่ำเรียนมานั้นคุณต้องทำรายงานส่งอาจารย์ จากตัวเลขวาดเป็นกราฟต่างๆ นาๆ แลกกับคะแนน ตอนนี้ก็ลองทำรายการต่างๆ ให้เป็นกราฟแท่งบ้าง กราฟเส้นบ้าง (เทียบรายจ่ายแต่ละหมวดเดือนต่อเดือนเป็นต้น) คุณอ่านเว็บเพจนี้ได้คุณก็ต้องมี Execel หรือ Spread Sheet อยู่บนเครื่องคุณ ใช้ให้เป็นประโยชน์ หัวหน้าผ่านไปมาจะรู้สึกว่าคูณตั้งใจทำงาน ไม่มัวแต่ chat ICQ อยู่

 คุณจะเห็นรายจ่ายบางอย่างที่ไม่จำเป็น บางอย่างก็สูงเกินไป ปรับลดลงตามความเป็นจริงให้สมกับสถานะของคุณ คุณจะพบว่าคนที่มีเงินเดือนสูงก็ต้องมีรายจ่ายสูง คนที่มีเงินเดือนน้อยรายจ่ายก็น้อย เพื่อรักษา LifeStyle ของแต่ละคน ขอเพียงแต่อย่ามี LifeStyle เกินตัวเอง การที่ใครร่ำรวยในวันนี้ มีบ้าน มีรถ ไม่ใช่ว่าเค้าจะร่ำรวยจริงไปเสียทั้งหมด หลายๆ คนร่ำรวยจากการนำเอารายได้ ในอนาคตมาใช้ก่อนแล้วจ่ายค่าธรรมเนียม (ดอกเบี้ย) ไปเพื่อความสะดวกสะบายอันนั้น มันเป็นความเสี่ยงอีกประเภทหนึ่ง ถ้าหากวันในคนผู้นั้นไม่มีรายได้ทุกอย่างของเขาก็ต้องหายไป (ยกเว้นประเภทที่พ่อแม่หรือญาติมาช่วย)

บทสรุป

 คุณจะพบว่าเงินเดือนของคุณความจริงแล้วนั้น พอ เพียงแต่ความอยากได้ทำให้มันไม่พอ อาจจะมากกว่าพอด้วยซ้ำ ให้คุณลองมองไปยังคนอื่นๆที่อายุรุนราวคราวเดียวกับคุณว่าเค้ามีอะไรบ้าง คุณจะพบว่าคนที่อยู่บ้านหลังใหญ่นั้นอายุจะมากๆ กันทั้งนั้น คนที่ขับเบนส์ก็ไม่ค่อยมีหนุ่มๆ ถ้ามีก็จะเป็นรถที่ยืมพ่อมา หรือรถที่ซื้อในนามบริษัท (กู้เงินมา ถ้าบริษัทเจ้งรถก็ไม่มี) คนเหล่านี้สมัยที่เค้าอายุเท่าคุณเค้าลำบากกว่าคุณอีก แต่เค้ารู้จักการบริหารการเงิน คุณทำงานควบคุมคนอื่นๆ ได้ แต่ทำไมควบคุมตัวเองไม่ได้

 เพราะฉะนั้นเริ่มตั้งแต่วันนี้เลย เพื่ออนาคตของคุณเอง

http://www.thaicash.com/issue/l3.htm
pairojtw
Verified User
โพสต์: 75
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 74

โพสต์

ไปโรงเรียนผมได้ค่าอาหารกลางวัน 2 บาท  กินหมดพอดี แถมบางที่มีเหลือกลับบ้านด้วย  มีชุดนักเรียน 2 ชุด  ชุดที่บ้าน 2 ชุดปะแล้วปะซ้ำ ใส่ทั้งวันตั้งแต่หลังอาบน้ำตอนเย็นจนถึงก่อนอาบน้ำในเย็นวันถัดไป  ใช้สลับกันซัก   ไม่มีพาหนะ เดินเท้าตลอด  อุปกรณ์ไฟฟ้ามีแค่โคมไฟ หลอดไฟ และวิทยุทรานซิสเตอร์ ที่นอนมีมุ้งผ้า เสื่อ หมอน ผ้าห่ม..............................
................อ่านแล้วมีใครเชื่อบ้างมั๊ยนิ่....  ขอรับรองว่าเป็นเรื่องจริง แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว ตั้งแต่ พ.ศ.2509 ที่พอจะเริ่มจำความได้แม่นยำ ตอนนั้นอยู่ ป.4....................เขียนให้คนรุ่นใหม่รับรู้ถึงความอัตคัด
น่าเอน็จอนาถของชีวิตเด็กในอดีต
                เรียนจบ ปี 2523 ไปทำงานเป็นแพทย์ฝึกหัดที่วชิระพยาบาล
ได้เงินเดือน 3,200 บาท+ ค่าอยู่เวร 12 คืนอีก 400 บาท  ช่วงนี้จำไม่ได้ว่าอาหารจานเดียวราคาเท่าไหร่  แต่อยู่หอพักของ ร.พ.ฟรี ซึ่งช่วยทุ่นได้เยอะ
แฟนผมจบพยาบาล อยู่เวรเฝ้าไข้พิเศษ 12 ชั่วโมง ได้ 200 บาท (ไม่ค่อยยุติธรรมกับหมอเลย)  ตลอดหนึ่งปีที่นี่มีสมบัติแค่ชิ้นเดียวคือเทปแคซเส็ทSony +เทปเพลงประมาณ 20 ม้วน
                 วันหลังมาเล่าต่อครับ
ShexShy
Verified User
โพสต์: 577
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 75

โพสต์

:o  ขอเอากระทู้เก่า ๆ มาคุยต่อหน่อยครับ
พอดีคิดเรื่องปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้

ก็เลยเถิดไปคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ... ก็พยายามถอดความคิดความเข้าใจของตนเองมาได้ดังนี้ เลยเอามา post ไว้ เผื่อมีใครมา ช่วย comment ครับ (กันลืมด้วย)

ช่วงนี้กำลังทำความเข้าใจกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจทั่วโลกในตอนนี้ ... พยายามหาคำนิยาม ว่าสาเหตุมันน่าจะเกิดจากอะไร

คิดไปเรื่อยเปื่อย  discuss กับหลาย ๆ คน จนมาแว๊บ อยู่คำหนึ่ง .... ความประมาท ...

การ ที่เกิดปัยหาสถาบันการเงินขาดสภาพคล่อง เพราะ ลงทุนไปซื้อพวก CDO ที่พวก financial engineer หรือ พวกหัวกะทิทั้งหลายนะัั้นคิดค้นขึ้นมา

ผม เชื่อว่าทุกคน เก่ง คำนวณตัวเลขไม่ผิดหรอก ... แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความเสียหายตามมา คือ ประมาท ว่า สินทรัพย์ มีแต่ขึ้น  ถึงถ้าลง ก้อคิดประเมินตวามเสี่ยงไว้ได้อย่างเพียงพอแล้ว  แต่จริง ๆ แล้  ประมาท ... คิดในแง่ดีเกินไป


ผมเลยคิดมาถึงเรื่อง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ... ที่รู้ว่ามาจากหลักการของศาสนาพุทธ ซึ่ง คิดไปคิดมา น่าจะมาจาก 2 หลักการหลัก ๆ คือ

1. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน  ....
และ
2. คำสอนสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าตรัสตอนปรินิพพานคือ การให้ดำรงตนให้อยู่ในความไม่ประมาท

ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ... ก่อนอื่นต้องคิดให้รอบคอบ ตัดสินใจบนความไม่ประมาท  และ การพึ่งตนเองเพื่อไม่ให้ชีวิตเราต้องพึ่งคนอื่นมากเกินไป  และ ทั้งสองสิ่งนี้เมื่อทำควบคู่กันไป ก็จะก้าวโต เติบโตไปได้อย่างยั่งยืน  สามารถเผชิญกับปัญหาได้อย่างดี ...

ดังนั้นการใช้ชีวิตตามแบบพอเพียงก็คือ ... การใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท และ พยายามพึ่งตนเองให้มากเท่าที่ควร ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
kornjackrit
Verified User
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 76

โพสต์

ขอแสดงความนับถือเจ้าของกระทู้ครับ
และขอบคุณท่านอื่นๆที่มาแชร์ประสบการณ์นะครับ

ส่วนตัวผมค่าใช้จ่ายไม่ค่อยมีอะไรมาก เนื่องจากยังอาศัยอยู่กับครอบครัว
ค่าอาหารการกิน ค่าเดินทาง และค่าเสื้อผ้าส่วนใหญ่คุณพ่อเป็นคนจ่ายให้

ดังนั้นเงินค่าขนม
ผมจึงสามารถเก็บได้ประมาณ 75-80 % ใช้เองแค่ 20-25%

เรื่องอาหารผมทำคล้ายๆพี่ โจ ครับ
คือ เลือกที่ถูก ปลอดภัยและมีประโยชน์
ผมว่าเรื่องนี้สำคัญมากๆ ถ้าเรารับประทานอาหารที่สะอาดและมีประโยชน์
ปัญหาสุขภาพก็คงจะลดน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น
ทำให้ค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาลก็น่าจะน้อยลง
( ใช้สมมุติฐานว่าออกกำลังกายสมำเสมอ และไม่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง )

ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเก็บเงินแต่ละเดือนได้ 75 %
เป็นเพราะผมไม่มีสิ่งของที่นิยมสะสมมากนัก ผมชอบอ่านหนังสือ
ซึ่งก็สามารถอ่านได้จากห้องสมุด และชอบฟังเพลง ซึ่งก็หาฟังได้จากทั้งวิทยุ
และอินเตอร์เน็ต ( ผมเล่นที่มหาลัย ซึ่งก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย )

เสื้อผ้า ที่ผมใส่ก็ซื้อไม่บ่อยนัก 2-3 เดือนอาจจะซื้อสักตัว
ซึ่งส่วนใหญ่คุณแม่ท่านจะเป็นคนซื้อให้

อุปกรณ์เครื่องเขียนที่ใช้ในการเรียน ผมก็พยายามใช้ให้นานที่สุด
เท่าที่จะทำได้ ผมมีปากกาแดงด้ามหนึ่ง ซึ่งใช้มานานมาก
จนกรอบด้านนอกมันหักไป ผมก็ซ่อมด้วยการนำเทปใส่มาพันไว้
ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังใช้ได้ดีอยู่ ทำให้ไม่ต้องไปซื้อใหม่

เมื่อก่อนผมคิดเสมอว่าการออมเป็นสิ่งที่สำคัญ
แต่มาช่วงหลังๆที่ผมได้เรียนเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ทำให้ผมเข้าใจได้ว่าการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าก็เป้นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
เพราะจะช่วยเพิ่มเงินออม และทำให้เราเป็นคนรู้จักคุณค่าของสิ่งของ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
Radio
Verified User
โพสต์: 1296
ผู้ติดตาม: 1

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 77

โพสต์

พวก แพทย์ ส่วนใหญ่ถูกฝึกให้ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมาตลอด อีกทั้งเป็น
อาชีพที่ไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวเตร่มากนัก  อาหารการกินก็ต้องกินอย่างง่ายๆ
เร็วที่สุด ถ้าตัดค่าใว้จ่ายเกี่ยวกับบ้าน( ค่าเช่า,ค่าผ่อนบ้าน ) และลูกๆ
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่เกี่ยวกับการกินอยู่ เสื้อผ้า และอื่นๆ
แพทย์ ส่วนมากใซ้ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท
  สำหรับผม มือถือใช้มา 5 ปี เป็นเครื่อง second hand ซื้อมา 1500 บาท
นาฬิกา Casio คุณพ่อซื้อให้ 1200 บาท ใช้มา 20 ปี  ปัจจุบันยังใช้อยู่
รถยนต์จะเปลี่ยนต่อเมื่อใช้ครบ 200,000 กิโล (ประมาณ 12 ปีขึ้นไป )
เคยซื้อของเงินผ่อนครั้งเดียวในชีวิต คือซื้อบ้าน  เสื้อผ้าซื้อตอนลดราคา
2-3 ปีซื้อที กางเกงซื้อผ้ามาให้ช่างตัด 2-3 ปีครั้ง เวลาเที่ยวชอบกาง
เต้นท์นอน   ฮิๆ คำนวณแล้วเจ๊งหุ้น มากกว่า เงินที่ใช้ดำรงชีพเกือบ10 ปี
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 78

โพสต์

Radio เขียน: ฮิๆ คำนวณแล้วเจ๊งหุ้น มากกว่า เงินที่ใช้ดำรงชีพเกือบ10 ปี
คิดว่าเป็นค่าหน่วยกิตเรียนเฉพาะทางก็แล้วกันครับเฮีย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
AuI_a VI
Verified User
โพสต์: 413
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 79

โพสต์

por_jai เขียน: คิดว่าเป็นค่าหน่วยกิตเรียนเฉพาะทางก็แล้วกันครับเฮีย
เฉพาะทาง(specialty)เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยพอแล้วนะครับอย่าง specialty Med  ต้องต่อ sub specialty GI Chest Cardio Rheumato Infectious กันให้วุ่นอีก

ถ้าด้านนี้ก็เป็น....เรียนต่อเฉพาะทางspecialtyด้านเล่นหุ้น ....sub specialtyดูbid offer,graph,หรือ financial statement analysis ..ว่ากันไป
Even Sir Isaac Newton loss in stock market

"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."

ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่  นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 80

โพสต์

อุปกรณ์เครื่องเขียนที่ใช้ในการเรียน ผมก็พยายามใช้ให้นานที่สุด
เท่าที่จะทำได้ ผมมีปากกาแดงด้ามหนึ่ง ซึ่งใช้มานานมาก
จนกรอบด้านนอกมันหักไป ผมก็ซ่อมด้วยการนำเทปใส่มาพันไว้
ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังใช้ได้ดีอยู่ ทำให้ไม่ต้องไปซื้อใหม่
น่ารักจัง  คุณ Korn
นึกถึงสมัยเด็กๆใช้ดินสอเขียนหนังสือ
พอด้ามกุดก็หาปลอกมาต่อ
ได้ดินสอด้ามยาวขึ้นอีก
ใช้จนกุดเลย :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
นายมานะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1116
ผู้ติดตาม: 0

Re: หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 81

โพสต์

เป็นกระทู้ที่น่าสนใจ และให้แนวคิดในเรื่องการใช้ชีวิตได้อย่างยอดเยี่ยมเลยครับ ขออนุญาต ขุดขึ้นมาให้เพื่อนๆ ในยุคทุนนิยมจ๋าอย่างตอนนี้ได้อ่านกันนะครับ ขอขอบคุณพี่โจ ลูกอิสานด้วย ที่ได้โพสลิงค์กระทู้ดีๆ แบบนี้ (ในกระทู้ของคุณ Theenuch) ทำให้มีโอกาสได้ตามมาอ่าน ขอบคุณมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
vim
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2748
ผู้ติดตาม: 0

Re: หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 82

โพสต์

ขอบคุณทุกคนที่แชร์ประสบการณ์ และขอบคุณคุณมานะที่ขุดขึ้นมาให้อ่านครับ เห็นแล้วมีกำลังใจให้ออมเงินขึ้นเยอะเลย
Vi IMrovised
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

Re: หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 83

โพสต์

ร่วมลงแข่งด้วยยังทันป่าวคับ..

10กว่าปีก่อนผมก็น่าจะเก็บเงินได้ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงเมื่อเทียบกับรายได้ มากกว่าใครหลายๆคนเหมือนกัน
เพราะผมไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องบ้าน รถ โทรศัพท์ แบบฟอร์มทำงาน อาหารเช้า-เย็น ค่าตัดผม
4-5อย่างแรก ผมได้สวัสดิการจากบริษัทฯที่ผมทำงาน

อาหารเช้าตอนนั้นไม่ได้ทานข้าว แค่ทานกาแฟ(ฟรี)ที่โรงงาน ส่วนมื้อเที่ยงโรงงานทำให้ทาน(เก็บเงินเรานิดหน่อย)
ถ้าต้องทำงานเลิกค่ำ ที่โรงงานจะเลี้ยงอาหารเย็น
แต่ถ้าเลิกเร็วแม่บ้านก็จะแบ่งกับข้าวจากมื้อเที่ยงไว้ให้(เพราะตีซี้กับแม่บ้านไว้)
ทานมื้อเย็นเสร็จก็ไปออกกำลังกาย
ช่วงนั้นผมเล่นบาสเก็ตบอล ซึ่งไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย...

ส่วนค่าตัดผม ผมตัดผมฟรีมาสามสิบกว่าปีแล้ว
เพราะผม(คิดว่า)โชคดีที่มีพ่อเป็นช่างตัดผม ฮ่า...

ผมคิดว่าช่วงนั้นแต่ละวันผมแทบไม่มีรายจ่ายเลย
แฮ่...แต่ผมกลับเก็บเงินช่วงนั้นไม่ค่อยได้ครับ
เพราะนอกจากเงินเดือนผมจะไม่สูงแล้ว เงินที่เก็บได้(หลังแบ่งให้แม่)ผมจะเอาไปเที่ยวแตร่ซ๊ะส่วนใหญ่
(ตอนหลังเพิ่งรู้ว่าเงินที่เราให้แม่ แม่ไม่ได้เอาไปใช้เลย กลับเอาเงินก้อนนั้นมาคืนให้เราอีก
เราก็กลัวจะเสียน้ำใจเลยรับไว้มาซื้อหุ้น)

แต่มาวันนี้ผมไม่สามารถเก็บเงินจากเงินเดือนได้เหมือนเดิม
เพราะนอกจากโรงงานเก่าที่ผมทำงานจะปิดกิจการแล้ว(สงสัยเพราะให้สวัสดิการผมมากเกินไป ฮ่า...)
แถมผมเริ่มมีครอบครัว มีลูก2คน
เงินเดือนผมและแฟนเลยต้องเอามาใช้ในชีวิตประจำวันของครอบครัวทั้งหมด
ปล่อยให้พอร์ตหุ้นเป็นตัวเพิ่มมูลค่าของมัน แถมเอาปันผลออกมาใช้จ่ายยามจำเป็นบ้าง
นึกถึงวันนั้นแล้วคิดว่าเราโชคดีจังที่รู้จักการลงทุนแนววีไอ รู้จักเวบและพี่ๆในเวบนี้
ไม่งั้นชีวิตนี้ไม่รู้จะเดินไปทางไหน และถึงมีทางก็คงไร้ความหมายลงไปพอดูทีเดียว...

เล่ามานาน จบไม่ลง...
ขอจบดื้อๆแบบนี้แล้วกันครับ :mrgreen:
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
BaggerStocks
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 63
ผู้ติดตาม: 0

Re: หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)

โพสต์ที่ 84

โพสต์

ลงแข่งด้วยครับคน,,,

ส่วนมากผมจะประหยัดในเรื่องการหาความรู้มากกว่า
คือ วันเสาร์-อาทิตย์ ผมจะใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือนิตยสารต่างๆ
เช่น มติชนรายสัปดาห์,GM,a-day(ถ้ามีหนังสือพิมพ์ธุรกิจก็คงดี)
ที่ร้านกาแฟ(เลือกร้านที่มีนิตยสารให้อ่าน)

หลังจากนั้นก็จะไปอ่านหนังสือธุรกิจ ที่ห้องสมุดในมหาวิทยาลัย
(เค้าเปิดให้ฟรีครับ แต่ยืมหนังสือไม่ได้)
ได้นั่งตากแอร์ทั้งวัน
ใช้อินเน็ตฟรี(เพราะเป็นศิษย์เก่า)
เหล่สาวมหาลัยได้อีก อิอิ...
หนังสือเล่มไหนที่ห้องสมุดไม่มี ค่อยไปหาซื้อครับ ประหยัดเงินได้เยอะ
แถมได้ความรู้อีก ^^
baggerstocks รู้ เห็น ตามความเป็นจริง!!!
chowbe76
Verified User
โพสต์: 1980
ผู้ติดตาม: 0

Re: แข่งด้วยคนค่ะ

โพสต์ที่ 85

โพสต์

Lady เขียน:อืม เอาสมัยเด็ก ๆ เลยมั้ย  คือ คุณแม่ให้เงินไปโรงเรียนเท่าไหร่ เหลือกลับเท่านั้น
( บางวันเหลือมากกว่าเดิมด้วย เพราะชอบรับจ้างเพื่อนทำงานฝีมือ อย่างเช่น ป.5 คุณแม่ให้เงินไปเรียน 80 บาท แต่เหลือกลับบ้าน 200 - 300 กว่าบาท เพราะมีการบ้านจัดสวนถาด ได้ค่าจ้างถาดละ 60 )

พอจบ ม.ปลาย จะเข้ามหาวิทยาลัยคุณพ่อจะซื้อรถให้
แต่ไม่เอา  ขอใช้รถคันไหนก็ได้ ที่คุณพ่อไม่ค่อยได้ขับ
ถ้าวันไหนจะใช้คันนี้ ก็นั่งแท็กซี่ไปแทน ไม่ใช่ว่าสิ้นเปลืองค่าแท็กซี่นะคะ แต่จำเป็น เพราะนั่งรถเมล์ไม่เป็น
( ไม่ใช่รวย หรือทำตัวเว่อร์นะ เป็นเพราะตอนเด็ก ๆ ขึ้นรถเมล์ครั้งแรกในชีวิต แล้วตกรถเมล์ เลยกลัวบันไดรถเมล์จนถึงทุกวันนี้ )

ตอนนี้ ทำงานอยู่แถวรัชดา เงินเดือน 4 หมื่น ปลาย ๆ
ไม่ขับรถไปทำงาน เพราะโดยสารรถไฟใต้ดิน ไป + กลับ 44 บาท
ถูกกว่าค่าน้ำมันรถอีก แถมรถไม่ติดด้วย
หน้าไม่แต่ง แค่ทาลิปมัน กับแป้งเด็ก จึงไม่ต้องเปลืองค่าเครื่องสำอางค์
วันไหนตื่นสายไม่ได้สระผม จะสระร้านในตึกแค่ 80 บาท ( หาได้ถูกสุดเท่านี้ ปกติร้านตามตึกออฟฟิศทั่ว ๆ ไป ราคาจะอยู่ที่ 150 บาท )
ค่าอาหาร ทานกลางวันอย่างเดียว ขนมปังนิดหน่อย

ทุกสิ้นเดือนจะจดรายรับ ( ไม่เท่ากันทุกเดือนเพราะมีค่าคอมฯ )
หักลบด้วยรายจ่าย เหลือเท่าไหร่ เอาไปซื้อทองมาเก็บ ทุกเดือน


^^ และกำลังเลือกวงเงินในการทำประกันกรณีเสียชีวิต ไว้ให้คุณพ่อ คุณแม่ เป็นผู้รับผลประโยชน์ เผื่อไปก่อนวัยอันสมควร โดยที่ยังไม่ได้เลี้ยงดูท่าน อิอิ ^^

Ps. สู้พี่ลูกอิสานไม่ได้ แต่แค่นี้พอใจมากแล้วค่ะ  ^^

ถ้าพี่ทำงานได้4หมื่นตอนหกปีที่แล้ว และพื้นฐานครอบครัวร่ำรวยยังงี้
ตอนนี้เป็นเศรษฐีรึยังครับนี่
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.