“วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้นเจ้า
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
“วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้นเจ้า
โพสต์ที่ 1
ฮากลิ้ง! เศรษฐีดัง “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น “เจ้าของเหมือง”
1 สิงหาคม 2556 18:34 น.
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-วอร์เร็น บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อก้องโลกชาวอเมริกันเผยในวันพุธ (31 ก.ค.) ระบุ มนุษย์บ้าเห่อตีค่าให้กับ “ทองคำ” กันไปเอง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว โลหะชนิดนี้แทบไม่ก่อให้เกิดความงอกเงยใดๆในทางเศรษฐกิจ พร้อมชี้ ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น “เจ้าของเหมือง”
วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ ซีอีโอวัย 82 ปีแห่งบริษัท “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เปิดใจให้สัมภาษณ์ล่าสุดจากบ้านพักในมลรัฐเนบราสกาโดยระบุ มนุษย์เป็นผู้ที่ไปกำหนดคุณค่าให้กับทองคำเอง และยกย่องเทิดทูนโลหะชนิดนี้จนเลยเถิด โดยบัฟเฟตต์ระบุว่า สิ่งเดียวที่ทองคำทำได้คือ การ “จ้องมองดูมนุษย์” เท่านั้น
บัฟเฟตต์ ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองทั้งสิ้น 53,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.67 ล้านล้านบาท) ระบุว่า การลงทุนในทองคำของมนุษย์ไม่ได้ก่อให้เกิดความงอกเงยใดๆซึ่งถือเป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างการลงทุนในทองคำกับการลงทุนประเภทอื่นๆ
“ใครก็ตามที่อยู่บนดาวอังคาร คงจะต้องเกาศีรษะของพวกเขาด้วยความงุนงงเป็นแน่ หากพวกเขาได้เห็นถึงความบ้าเห่อของมนุษย์บนโลกของเรา ที่หลงไปบูชาเทิดทูนทองคำ ผมไม่เคยเห็นใครร่ำรวยเพราะทองคำ ยกเว้นเจ้าของเหมืองทองคำที่ใช้แรงงานทาสขุดมันขึ้นมาจากพื้นดินในทวีปแอฟริกาหรือที่อื่นๆ ” บัฟเฟตต์กล่าวซ้ำ ถึงข้อคิดที่เขาเคยพูดไว้ตั้งแต่เมื่อปี 1998
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บัฟเฟตต์เคยออกโรงกล่าวโจมตีทองคำมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยยืนยันว่าตัวเขาไม่มีแผนจะเข้าลงทุนในทองคำแม้แต่น้อย แม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะอยู่ในช่วงขาลง ขณะที่ราคาทองคำจากการซื้อขายล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์กได้ปรับลดลงไปแล้วมากกว่า 13 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ พร้อมเผยด้วยว่า ตนเองเคยออกโรงเตือนนักลงทุนทั่วโลกมาแล้ว เกี่ยวกับความเสี่ยงของการเก็งกำไรในทองคำตั้งแต่ 2 ปีก่อน รวมถึง ปรากฏการณ์ที่ผู้คนจำนวนมากพากันแห่กันซื้อทองคำมากักตุนในช่วงที่ราคาทองคำตกต่ำ
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ “บลูมเบิร์ก” ของสหรัฐฯ เคยเผยแพร่ผลการสำรวจมุมมองของนักวิเคราะห์จำนวน 38 ราย ทั้งในมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ, กรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร รวมถึงเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีนซึ่งกูรูด้านการลงทุนเหล่านี้ต่างลงความเห็นว่า “ช่วงเวลาแห่งชัยชนะ” ของทองคำที่ดำเนินมายาวนานกว่า 12 ปีได้จบสิ้นลงแล้วและการลงทุนในทองคำไม่จัดเป็นตัวเลือกด้านการลงทุนที่คุ้มค่าและปลอดภัยในลำดับต้นๆ อีกต่อไป
1 สิงหาคม 2556 18:34 น.
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-วอร์เร็น บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อก้องโลกชาวอเมริกันเผยในวันพุธ (31 ก.ค.) ระบุ มนุษย์บ้าเห่อตีค่าให้กับ “ทองคำ” กันไปเอง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว โลหะชนิดนี้แทบไม่ก่อให้เกิดความงอกเงยใดๆในทางเศรษฐกิจ พร้อมชี้ ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น “เจ้าของเหมือง”
วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ ซีอีโอวัย 82 ปีแห่งบริษัท “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เปิดใจให้สัมภาษณ์ล่าสุดจากบ้านพักในมลรัฐเนบราสกาโดยระบุ มนุษย์เป็นผู้ที่ไปกำหนดคุณค่าให้กับทองคำเอง และยกย่องเทิดทูนโลหะชนิดนี้จนเลยเถิด โดยบัฟเฟตต์ระบุว่า สิ่งเดียวที่ทองคำทำได้คือ การ “จ้องมองดูมนุษย์” เท่านั้น
บัฟเฟตต์ ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองทั้งสิ้น 53,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.67 ล้านล้านบาท) ระบุว่า การลงทุนในทองคำของมนุษย์ไม่ได้ก่อให้เกิดความงอกเงยใดๆซึ่งถือเป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างการลงทุนในทองคำกับการลงทุนประเภทอื่นๆ
“ใครก็ตามที่อยู่บนดาวอังคาร คงจะต้องเกาศีรษะของพวกเขาด้วยความงุนงงเป็นแน่ หากพวกเขาได้เห็นถึงความบ้าเห่อของมนุษย์บนโลกของเรา ที่หลงไปบูชาเทิดทูนทองคำ ผมไม่เคยเห็นใครร่ำรวยเพราะทองคำ ยกเว้นเจ้าของเหมืองทองคำที่ใช้แรงงานทาสขุดมันขึ้นมาจากพื้นดินในทวีปแอฟริกาหรือที่อื่นๆ ” บัฟเฟตต์กล่าวซ้ำ ถึงข้อคิดที่เขาเคยพูดไว้ตั้งแต่เมื่อปี 1998
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บัฟเฟตต์เคยออกโรงกล่าวโจมตีทองคำมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยยืนยันว่าตัวเขาไม่มีแผนจะเข้าลงทุนในทองคำแม้แต่น้อย แม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะอยู่ในช่วงขาลง ขณะที่ราคาทองคำจากการซื้อขายล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์กได้ปรับลดลงไปแล้วมากกว่า 13 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ พร้อมเผยด้วยว่า ตนเองเคยออกโรงเตือนนักลงทุนทั่วโลกมาแล้ว เกี่ยวกับความเสี่ยงของการเก็งกำไรในทองคำตั้งแต่ 2 ปีก่อน รวมถึง ปรากฏการณ์ที่ผู้คนจำนวนมากพากันแห่กันซื้อทองคำมากักตุนในช่วงที่ราคาทองคำตกต่ำ
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ “บลูมเบิร์ก” ของสหรัฐฯ เคยเผยแพร่ผลการสำรวจมุมมองของนักวิเคราะห์จำนวน 38 ราย ทั้งในมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ, กรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร รวมถึงเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีนซึ่งกูรูด้านการลงทุนเหล่านี้ต่างลงความเห็นว่า “ช่วงเวลาแห่งชัยชนะ” ของทองคำที่ดำเนินมายาวนานกว่า 12 ปีได้จบสิ้นลงแล้วและการลงทุนในทองคำไม่จัดเป็นตัวเลือกด้านการลงทุนที่คุ้มค่าและปลอดภัยในลำดับต้นๆ อีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
โพสต์ที่ 2
-
- Verified User
- โพสต์: 1096
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
โพสต์ที่ 3
ถ้ามองในแง่การลงทุนแบบ value investment
ทองคำก็เหมือนหุ้นที่มี PER = อนันต์ !! เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่มีแม้กระทั่งปันผล
ในแง่ valuation จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหามูลค่าเหมาะสมของทองคำ หรือถ้าใครสามารถประเมินได้ แม้แต่หยาบๆ โปรดช่วยชี้แนะ
ดังนั้นคนที่บอกว่าลงทุนในทองคำ ก็คือนักเก็งกำไรนั่นเอง เพราะเมื่อซื้อ (long) ก็ได้แต่เพียงหวังว่าจะมีคนมาซื้อต่อโดยให้ราคาสูงขึ้น เป็นการรับไม้ต่อ โดยมี economic condition เป็น catalyst ทั้ง บวก และ ลบ
ซึ่งการเก็งกำไรไม่ใช่เรื่องผิด แต่ออกจะอันตรายมาก ถ้าแยกระหว่างการลงทุนกับการเก็งกำไรไม่ขาดจากกัน
ส่วนตัวไม่เคยลงทุนในทองคำเพราะหาราคาพื้นฐานไม่เป็น แม้จะ"พอเข้าใจ"ความสัมพันธ์ระหว่าง ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และราคาทองก็ตาม
แต่สุดท้าย คงไม่สามารถบรรลุเป้าเป็นอิสระทางการเงินได้ถ้าถือทองคำ เพราะวันหนึ่งก็คงต้องขายเพื่อเอาเงินสดมาดำรงค์ชีวิต ซึ่งนั่นคือความแตกต่างจากหุ้น ที่แม้ราคาจะตกตามความผันผวนของตลาด แต่เงินปันผล ในบริษัทที่ดี เป็นสิ่งที่แน่นอน
คหสต นะครับ แค่คิดว่าอยากจะแชร์ในมุมที่ไม่ค่อยเห็นใครพูดกัน
ระมัดระวังและโชคดีในการลงทุนครับ
ทองคำก็เหมือนหุ้นที่มี PER = อนันต์ !! เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่มีแม้กระทั่งปันผล
ในแง่ valuation จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหามูลค่าเหมาะสมของทองคำ หรือถ้าใครสามารถประเมินได้ แม้แต่หยาบๆ โปรดช่วยชี้แนะ
ดังนั้นคนที่บอกว่าลงทุนในทองคำ ก็คือนักเก็งกำไรนั่นเอง เพราะเมื่อซื้อ (long) ก็ได้แต่เพียงหวังว่าจะมีคนมาซื้อต่อโดยให้ราคาสูงขึ้น เป็นการรับไม้ต่อ โดยมี economic condition เป็น catalyst ทั้ง บวก และ ลบ
ซึ่งการเก็งกำไรไม่ใช่เรื่องผิด แต่ออกจะอันตรายมาก ถ้าแยกระหว่างการลงทุนกับการเก็งกำไรไม่ขาดจากกัน
ส่วนตัวไม่เคยลงทุนในทองคำเพราะหาราคาพื้นฐานไม่เป็น แม้จะ"พอเข้าใจ"ความสัมพันธ์ระหว่าง ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และราคาทองก็ตาม
แต่สุดท้าย คงไม่สามารถบรรลุเป้าเป็นอิสระทางการเงินได้ถ้าถือทองคำ เพราะวันหนึ่งก็คงต้องขายเพื่อเอาเงินสดมาดำรงค์ชีวิต ซึ่งนั่นคือความแตกต่างจากหุ้น ที่แม้ราคาจะตกตามความผันผวนของตลาด แต่เงินปันผล ในบริษัทที่ดี เป็นสิ่งที่แน่นอน
คหสต นะครับ แค่คิดว่าอยากจะแชร์ในมุมที่ไม่ค่อยเห็นใครพูดกัน
ระมัดระวังและโชคดีในการลงทุนครับ
You get recessions, you have stock market declines. If you don't understand that's going to happen, then you're not ready, you won't do well in the markets. - Peter Lynch
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
โพสต์ที่ 4
การลงทุนใน ตลาดหุ้น แบบไม่เทรดรายวัน คือ การลงทุน
ส่วนการซื้อทองแท่ง หรือ ทองรูปพรรณ คือ การออม ครับ
ที่จริงเป็นสองเรื่อง สองมุม ที่แตกต่างกัน แต่ปัจจุบันถูกจับมารวมกัน ด้วย อ็อปชั่น โกลด์ฟิวเจอร์ ซึ่งเป็น การเก็งกำไร หรือจะเรียกว่า การพนันที่ถูกกฏหมายรูปแบบหนึ่งก็ว่าได้ครับ
ส่วนการซื้อทองแท่ง หรือ ทองรูปพรรณ คือ การออม ครับ
ที่จริงเป็นสองเรื่อง สองมุม ที่แตกต่างกัน แต่ปัจจุบันถูกจับมารวมกัน ด้วย อ็อปชั่น โกลด์ฟิวเจอร์ ซึ่งเป็น การเก็งกำไร หรือจะเรียกว่า การพนันที่ถูกกฏหมายรูปแบบหนึ่งก็ว่าได้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
โพสต์ที่ 5
เปรียบเปรยได้เห็นภาพเลยครับBLSH เขียน:ถ้ามองในแง่การลงทุนแบบ value investment
ทองคำก็เหมือนหุ้นที่มี PER = อนันต์ !! เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่มีแม้กระทั่งปันผล

มีเหตุผล, พอประมาณ, มีภูมิคุ้มกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
โพสต์ที่ 6
ความคิดเห็นของผมจากการได้อ่านหนังสือมา
คือมันมีทรัพย์สินหลายอย่างให้เราเลือกที่จะเปลี่ยนเงินสดเป็นทรัพย์สินนั้นๆ เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์, พระเครื่อง, ของสะสม (แม้แต่หุ้นเองเราก็ต้องตามไปดูว่าเขาไปลงทุนในกิจการอะไร)
ทรัพย์สินบางอย่างก็จะเพิ่มมูลค่าในบางช่วงเวลาหรือบางสถานการณ์หรือพูดง่ายๆ ว่าจะต้องจับจังหวะในการเข้าถือครองให้ถูก
การเลือกถือทองคำแทนเงินสดในบางโอกาสก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีในบางสถานการณ์ (เช่นในยามที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ และหุ้นมี PE สูงอยู่) แต่อย่างไรก็ตามการถือแต่ทองคำแต่เพียงอย่างเดียวเป็นระยะเวลานานๆ คงจะให้ผลตอบแทนสู้หุ้นดีๆไม่ได้
แม้กระทั่งการเลือกหุ้นเอง หากเลือกไม่ถูกตัวซื้อขายไม่ถูกจังหวะ ก็ไม่รวยจริงไหมครับ
ถึงตรงนี้อยากจะบอกว่าการทำความรู้จักในสิ่งที่เรากำลังจะ จ่ายเงินเพื่อหวังว่าในอนาคตมันจะให้ผลตอบแทนมากกว่าที่เราได้จ่ายไป เป็นเรื่องที่สำคัญครับ
คือมันมีทรัพย์สินหลายอย่างให้เราเลือกที่จะเปลี่ยนเงินสดเป็นทรัพย์สินนั้นๆ เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์, พระเครื่อง, ของสะสม (แม้แต่หุ้นเองเราก็ต้องตามไปดูว่าเขาไปลงทุนในกิจการอะไร)
ทรัพย์สินบางอย่างก็จะเพิ่มมูลค่าในบางช่วงเวลาหรือบางสถานการณ์หรือพูดง่ายๆ ว่าจะต้องจับจังหวะในการเข้าถือครองให้ถูก
การเลือกถือทองคำแทนเงินสดในบางโอกาสก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีในบางสถานการณ์ (เช่นในยามที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ และหุ้นมี PE สูงอยู่) แต่อย่างไรก็ตามการถือแต่ทองคำแต่เพียงอย่างเดียวเป็นระยะเวลานานๆ คงจะให้ผลตอบแทนสู้หุ้นดีๆไม่ได้
แม้กระทั่งการเลือกหุ้นเอง หากเลือกไม่ถูกตัวซื้อขายไม่ถูกจังหวะ ก็ไม่รวยจริงไหมครับ
ถึงตรงนี้อยากจะบอกว่าการทำความรู้จักในสิ่งที่เรากำลังจะ จ่ายเงินเพื่อหวังว่าในอนาคตมันจะให้ผลตอบแทนมากกว่าที่เราได้จ่ายไป เป็นเรื่องที่สำคัญครับ
มีเหตุผล, พอประมาณ, มีภูมิคุ้มกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
โพสต์ที่ 7
อีกมุมหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงก็คือ ธุรกิจร้านทองบ้านเรา กับธุรกิจร้านทองในอเมริกา แตกต่างกันด้วยครับ
บ้านเรา ในแง่ของ ทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ มีราคาประกาศชัดเจน และมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงถึง 96.50%
ในขณะที่ อเมริกา ทองรูปพรรณที่ขายกัน ประมาณ 75% ครับ
และบ้านเรา ราคาทองบวกค่ากำเหน็จ ก็ยังถูกกว่า เมืองนอก ครับ
เพราะ ราคาทองของ อเมริกา เขาถือเป็นงานจิวเวลรี่ ดังนั้น นอกจาก ราคาทองแล้ว ค่ากำเหน็จเขาคิดเท่าตัวจากราคาทองครับ
ราคาทองที่ประกาศตามเวปของ อเมริกา เรียกว่า Spot Gold ครับ เป็นราคาทองกระดาษก็ว่าได้ครับ ไม่ใช่ราคาทองคำจริง ๆ ซึ่งเป็นการเล่นแบบเก็งกำไรล้วน ๆ ครับ
บ้านเรา ในแง่ของ ทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ มีราคาประกาศชัดเจน และมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงถึง 96.50%
ในขณะที่ อเมริกา ทองรูปพรรณที่ขายกัน ประมาณ 75% ครับ
และบ้านเรา ราคาทองบวกค่ากำเหน็จ ก็ยังถูกกว่า เมืองนอก ครับ
เพราะ ราคาทองของ อเมริกา เขาถือเป็นงานจิวเวลรี่ ดังนั้น นอกจาก ราคาทองแล้ว ค่ากำเหน็จเขาคิดเท่าตัวจากราคาทองครับ
ราคาทองที่ประกาศตามเวปของ อเมริกา เรียกว่า Spot Gold ครับ เป็นราคาทองกระดาษก็ว่าได้ครับ ไม่ใช่ราคาทองคำจริง ๆ ซึ่งเป็นการเล่นแบบเก็งกำไรล้วน ๆ ครับ
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
โพสต์ที่ 8
ผมว่าผมเห็นคนรวยเพราะทองนะ
พวก hedge fund ที่เก็บทองแถวๆ 700-800 เหรียญ
แล้วไปปล่อยของตอนที่คนกำลังตื่นทองแถวๆ 1500-1700 พวกนี้ โกยกำไรไปอื้อเลย
แต่ว่าพวกนี้คงรวยไม่เท่าปู่หรอก
พวก hedge fund ที่เก็บทองแถวๆ 700-800 เหรียญ
แล้วไปปล่อยของตอนที่คนกำลังตื่นทองแถวๆ 1500-1700 พวกนี้ โกยกำไรไปอื้อเลย
แต่ว่าพวกนี้คงรวยไม่เท่าปู่หรอก
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1369
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
โพสต์ที่ 9
แล้วแบงค์กงเต็กที่ที่เฟดทำจาก"อากาศบางๆ"นั้น มนุษย์ให้ค่ากันไปเองรึเปล่า???วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ ซีอีโอวัย 82 ปีแห่งบริษัท “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เปิดใจให้สัมภาษณ์ล่าสุดจากบ้านพักในมลรัฐเนบราสกาโดยระบุ มนุษย์เป็นผู้ที่ไปกำหนดคุณค่าให้กับทองคำเอง และยกย่องเทิดทูนโลหะชนิดนี้จนเลยเถิด โดยบัฟเฟตต์ระบุว่า สิ่งเดียวที่ทองคำทำได้คือ การ “จ้องมองดูมนุษย์” เท่านั้น
หากเงินดอลล่าห์ไม่ได้เป็นเงินตราสกุลสำคัญของโลกที่ใช้เป็นสินทรัพย์อ้างอิงในการหนุนเงินที่ผลิตจากธนาคารกลาง
ไม่ได้เป็นเงินที่ใช้ในการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ ไม่ได้เป็นเงินตราที่ใช้ในการซื้อน้ำมันหรือcommoditiesอื่นๆ
แต่เป็นเงินตราที่ใช้ในประเทศเล็กๆแบบประเทศไทย มูลค่าเงินดอลล่าห์จะยังคงเท่าปัจจุบันรึเปล่า
จะยังใช้เงิน100$ซื้อน้ำมันได้1บาเรลล์รึเปล่า จะยังซื้อทองได้จำนวนเดิมรึเปล่า
ในความเป็นจริง เงินตราก็เป็นสินค้าอย่างหนึ่งที่ขึ้นๆลงไม่ต่างจากcommodity
มีการเทรดกันทั่วโลก มูลค่าก็ไม่แน่นอน(และเสื่อมค่าในระยะยาว) ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะนอนกอดเงินไปเพื่ออะไร
หากไม่สามารถคงpurchasing powerได้ในระยะยาว
การลงทุนในทองก็ไม่ต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ทางกายภาพที่ก่อให้เกิดรายได้อย่างที่ดิน อาคารพานิชย์ให้เช่า
หรือสินทรัพย์ทางการเงินอย่างหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล
เพราะจุดประสงค์การลงทุนคือการแปลงรายได้ในรูปเงินตราเป็นสินทรัพย์อื่น
เพื่อรักษาpurchasing powerของรายได้ที่เราเก็บออมไว้สำหรับความจำเป็นต่างๆในอนาคต
เงินทอง(หน่ะ)ของมายา ข้าวปลา(หน่ะ)ของจริง
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1369
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
โพสต์ที่ 10
ที่จริงทองคำได้พิสูจน์มูลค่าของตัวเองมาแล้วหลายร้อยปี
ว่าสามารถคงpurchasing powerได้ในระยะยาว
ต่างจากเงินตราสกุลต่างๆที่เราใช้กันอยู่
ที่ไม่สามารถคงpurchasing powerได้ดีเท่ากับทองคำ
ว่าสามารถคงpurchasing powerได้ในระยะยาว
ต่างจากเงินตราสกุลต่างๆที่เราใช้กันอยู่
ที่ไม่สามารถคงpurchasing powerได้ดีเท่ากับทองคำ
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ