ผมเลยอยากขอเปลี่ยนอารมณ์ซักหน่อย มาลองสรุปกันดูว่า เราได้ "เรียนรู้" อะไรกันบ้างครับ
(ผมเองก็ลงทุนมาไม่นาน ยังไม่เจอ Correction หนักๆ ไม่เจอกระทิงดุหนักๆ ขอนับครั้งนี้เป็นกระทิงดุครั้งแรกละกันนะครับ)
ขอเริ่มก่อนเลยครับ (บางข้อ อาจไม่เกี่ยวกับเรื่อง พื้นฐานเลย ขออภัยด้วย...ผิดกฎเวบบอร์ดรึเปล่า)
สิ่งที่เรียนรู้
- Growth Stock ดีเสมอ แต่จะดีเป็นพิเศษ ในยามหุ้นกระทิง
- ปัจจุบันมีนักลงทุนเก่งๆ เยอะมาก มอง Trend ใหญ่ ส่วนเหล่านักเก็งกำไรก็มอง Trend เหมือนกันซื้อตามเลย เวลาหุ้นขึ้นที ก็ขึ้นยกแผง ทั้งกลุ่ม แต่คงมีบริษัทตัวจริง ไม่กี่ราย (เหมือนที่ อ.นิเวศน์ กล่าว เสมอๆ ว่า ธุรกิจ ก็เหมือน การทำสงคราม บางทีก็มีผู้ชนะ บางทีก็อาจแพ้กันทั้งหมด)
- เจ้าของบริษัท ที่ชาญฉลาด ควรเพิ่มทุนในยามตลาดหุ้นกระทิง เพราะเขาจะได้เงินมากเป็นพิเศษ แต่ตัวหารน้อย
- ตลาดกระทิง ชอบหุ้นที่เพิ่มทุน ม๊ากกก ขึ้นทุกตัว (จริงๆ นะ...)
- ส่วนอารมณ์ ของนักลงทุน -> แวบแรก เพิ่มทุนทำไมว้า... (หากเพิ่มแล้วดีจริง ก็ OK ครับ สนับสนุน)
- คนรอบๆข้างท่าน จะพูดเรื่องหุ้น ขนาดไปนั่งกินข้าวตามร้านทั่วๆไป คนข้างๆ ก็ยังคุยกันเรื่องหุ้นเลย (เราก็คุยเหมือนกันนี่หว่า) -> Confirm คำพูดของ Peter Lynch
- ในสมองของท่านจะมีแต่เรื่องหุ้น เพื่อนๆท่านจะคิดว่า วันพรุ่งนี้จะซื้อหุ้นอะไรดี ทั้งๆ ที่เราอาจคิดว่า แบบเดียวกันก็ได้ว่า จะลงทุนบริษัทไหนดี (ทำไมหาบริษัทดีๆ ราคาพอประมาณยากจังฟระ) หรือ นักลงทุนขั้นเทพก็จะขายเมื่อไหร่ดี ซื้อมาตั้งแต่ปี 2007 แล้วอ่ะ! ฝรั่งก็บอกว่า I มาเก็งกำไร ได้ซัก 10-20% ก็ Happy แล้ว
แถม ข้อคิด
- การลงทุนที่ดีต้องมองที่ Source of Profit อย่ามองเฉพาะที่ Profit (บรรทัดสุดท้าย) อย่างเดียว สำคัญกว่านั้น คือ มีแต่ Profit แต่ไม่มี Cash ก็ทำอะไรไม่ได้นะครับ งบเท่ห์อย่างเดียว
- ยืมคำท่าน อ.Buffett มาใช้ : Growth ที่ดีต้องเป็น Growth within Franchise คือ เป็นธุรกิจที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน ลองสังเกตดู บริษัทส่วนใหญ่ที่ Growth สุดท้าย รายได้/กำไร ก็วนอยู่ที่เดิม มีไม่กี่บริษัทเท่านั้น ที่เติบโต ต่อไปเรื่อยๆ ได้
- บอกกับตัวเองว่า "อย่าลืม พก MOS ไว้เยอะๆ" และ "พกกระสุนไว้บ้าง"...ถนนการลงทุนอาจไม่ได้ราบเรียบไปซะทีเดียว
![Mr. Green :mrgreen:](./images/smilies/icon_mrgreen.gif)
พอแค่นี้ก่อน ขอเพื่อนๆ ช่วยเสริมหน่อยครับ