ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1
เนื่องจากพอร์ตการลงทุนของผมค่อนข้างเน้น ถือหุ้นไว้ในสัดส่วนค่อนข้างมากตลอดเวลา
เคยคิดจะถือเงินสดอย่างเดียวเหมือนกันครับ แต่อดทนไม่ได้ รู้สึกว่ามันเสียโอกาสยังไงไม่รู้
ดังนั้น อยากขอคำแนะนำหน่อยครับ ถ้าให้เลือกว่าต้องลงทุนในหุ้นระยะเวลา 1-2 ปีนี้ ระหว่าง
ก. หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก โอกาสเจ๊งมีน้อย แต่ต้องซื้อในที่ Fair value หรือไม่มี mos มากนัก กับ
ข. หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ จำพวกกลุ่ม Economy Cycle แน่นอนว่ามีความเสี่ยงด้านพื้นฐานมากกว่าบริษัทในข้อ ก.
จึงต้องลดความเสี่ยงโดยเน้นเลือกซื้อหุ้นที่มีราคาถูก มี mos ในระดับหนึ่ง
หุ้นกลุ่มไหนที่คิดว่า น่าจะมีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่ากัน
ที่ถามนี่ไม่มีตอบที่ผิดหรือถูกนะครับสำหรับตัวเลือก อยากทราบความคิดเห็นของแต่ล่ะคนมากกว่า
เคยคิดจะถือเงินสดอย่างเดียวเหมือนกันครับ แต่อดทนไม่ได้ รู้สึกว่ามันเสียโอกาสยังไงไม่รู้
ดังนั้น อยากขอคำแนะนำหน่อยครับ ถ้าให้เลือกว่าต้องลงทุนในหุ้นระยะเวลา 1-2 ปีนี้ ระหว่าง
ก. หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก โอกาสเจ๊งมีน้อย แต่ต้องซื้อในที่ Fair value หรือไม่มี mos มากนัก กับ
ข. หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ จำพวกกลุ่ม Economy Cycle แน่นอนว่ามีความเสี่ยงด้านพื้นฐานมากกว่าบริษัทในข้อ ก.
จึงต้องลดความเสี่ยงโดยเน้นเลือกซื้อหุ้นที่มีราคาถูก มี mos ในระดับหนึ่ง
หุ้นกลุ่มไหนที่คิดว่า น่าจะมีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่ากัน
ที่ถามนี่ไม่มีตอบที่ผิดหรือถูกนะครับสำหรับตัวเลือก อยากทราบความคิดเห็นของแต่ล่ะคนมากกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 2
ผมจะพยายามคงสัดส่วน เงินสด 30 หุ้น 70 ไว้ตลอด แต่เอาเข้าจริง เก็บเงินมากกว่านั้นตลอดSaran เขียน:เนื่องจากพอร์ตการลงทุนของผมค่อนข้างเน้น ถือหุ้นไว้ในสัดส่วนค่อนข้างมากตลอดเวลา
เคยคิดจะถือเงินสดอย่างเดียวเหมือนกันครับ แต่อดทนไม่ได้ รู้สึกว่ามันเสียโอกาสยังไงไม่รู้
ดังนั้น อยากขอคำแนะนำหน่อยครับ ถ้าให้เลือกว่าต้องลงทุนในหุ้นระยะเวลา 1-2 ปีนี้ ระหว่าง
ก. หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก โอกาสเจ๊งมีน้อย แต่ต้องซื้อในที่ Fair value หรือไม่มี mos มากนัก กับ
ข. หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ จำพวกกลุ่ม Economy Cycle แน่นอนว่ามีความเสี่ยงด้านพื้นฐานมากกว่าบริษัทในข้อ ก.
จึงต้องลดความเสี่ยงโดยเน้นเลือกซื้อหุ้นที่มีราคาถูก มี mos ในระดับหนึ่ง
หุ้นกลุ่มไหนที่คิดว่า น่าจะมีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่ากัน
ที่ถามนี่ไม่มีตอบที่ผิดหรือถูกนะครับสำหรับตัวเลือก อยากทราบความคิดเห็นของแต่ล่ะคนมากกว่า
ส่วนคำตอบ ระหว่าง ก กับ ข
ถ้าโดยส่วนตัว ตอบให้ไม่ได้ เพราะ tactic ต่างกัน คือ
ผมเลือก ตาม upside เลือกเฉพาะตัวที่มี upside สูงๆ ใน time frame ที่กำหนด บน prob ที่คิดว่ามากพอ
คือ upside vs prob vs time frame กระจายไม่เกิน 5 ตัว แบบมีนัยยะ
โดยไม่สนใจว่า เป็นหุ้นชนิดไหน แต่จะเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่า
ประเด็นที่ซื้อหรือติดตามคืออะไร downside คืออะไร อะไรที่ทำให้ต้องขายถ้าไม่เป็นอย่างที่คิด
ณ ปัจจุบัน มองเรื่องreturn มากกว่า ความแข็งแรงของพอร์ท เพราะพอร์ทไม่ใหญ่
แต่ถ้าพอร์ทใหญ่มากพอ จะมองเรื่อง ความแข็งแรงของพอร์ทก่อน return รวม
แต่ก็ไม่เลือกจะ maximize return สูงสุด เช่น การถือหุ้นตัวเดียว 70% (อยากอยู่แต่บางทีต้องซื้อตามข้อมูลในมือ และความมั่นใจ) หรือ การถือหุ้นหมดไม่เก็บเงินสด
แต่ใจผมลึกๆ คิดว่า อาจจะต้อง เสริม calcium เป็นระยะๆ คือ
หุ้นที่คิดว่า จะเป็น super stock หรือ long term growth
ต้องเอากำไร มาทยอย เก็บทีละนิดไปเรือ่ยๆ คิดว่าถึงจุดนึงในขนาดใหญ่พอ และเวลาที่นานพอ
สมดุล จะเปลี่ยน หุ้นที่มองว่าจะเป็น super stock หรือ long term growth จะมีบทบาทมากกว่า
หุ้นที่หาส่วนต่าง
กลายเป็นส่วนกระดูกสันหลัง ที่จะ support คือ ทำให้ใช้ชีวิตอยู่ได้ และ ทนต่อ crisis ได้
ทั้งหมด น่ะ ผมฝันไปคับ จริงๆ ยังทำไม่ได้คับ 5555
ปล จริงๆ มันมี ก็มี ตัวแปร แค่ 3 ตัวแหละคับ upside time frame prob
ที่จะกำหนด กลยุทธ และการตัดสินใจ
show me money.
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับพี่ nut776
คนขยันแบบพี่ผมเชื่อว่าไปได้ถึงเป้าหมายแน่นอนครับ
เท่าที่ผมดูจาก time frame ในการลงทุนย้อนหลังของผม มักจะถือหุ้นเฉลี่ยราวๆ 1.5-3 ปีครับ
ตอนซื้อมีกำหนดหุ้นแต่ละตัวจะถือไว้ไม่เกิน 30% ของพอร์ตครับ
เมื่อก่อนผมเลือกลงทุนออกแนวแกรแฮมครับ เน้นหุ้นถูก หนี้น้อย เป็นหลักก่อน แล้วประมาณการณ์ดูว่าถ้าถือไว้ 3 ปี
ผลประกอบการณ์น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นได้ขนาดไหน หากมี upside มากพอให้สนใจก็ลงทุนครับ แล้วให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์
แน่นอนว่าหุ้นพวกนี้ไม่คุ้มค่ากับการถือยาวครับ (หุ้นที่มันพื้นฐานดีจริงๆมันไม่ควรจะถูกมากๆอยู่แล้ว จริงไหมครับ)
นอกจากเป็นบริษัทที่มีการพัฒนาการที่ชัดเจนก็อีกเรื่องหนึ่ง หากถือไว้แล้ว 1-1.5 ปี ผลดำเนินงานด้านกำไรไม่เป็นไปตามที่ผมคิด ก็ขายทิ้งครับ
คนขยันแบบพี่ผมเชื่อว่าไปได้ถึงเป้าหมายแน่นอนครับ
เท่าที่ผมดูจาก time frame ในการลงทุนย้อนหลังของผม มักจะถือหุ้นเฉลี่ยราวๆ 1.5-3 ปีครับ
ตอนซื้อมีกำหนดหุ้นแต่ละตัวจะถือไว้ไม่เกิน 30% ของพอร์ตครับ
เมื่อก่อนผมเลือกลงทุนออกแนวแกรแฮมครับ เน้นหุ้นถูก หนี้น้อย เป็นหลักก่อน แล้วประมาณการณ์ดูว่าถ้าถือไว้ 3 ปี
ผลประกอบการณ์น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นได้ขนาดไหน หากมี upside มากพอให้สนใจก็ลงทุนครับ แล้วให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์
แน่นอนว่าหุ้นพวกนี้ไม่คุ้มค่ากับการถือยาวครับ (หุ้นที่มันพื้นฐานดีจริงๆมันไม่ควรจะถูกมากๆอยู่แล้ว จริงไหมครับ)
นอกจากเป็นบริษัทที่มีการพัฒนาการที่ชัดเจนก็อีกเรื่องหนึ่ง หากถือไว้แล้ว 1-1.5 ปี ผลดำเนินงานด้านกำไรไม่เป็นไปตามที่ผมคิด ก็ขายทิ้งครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4
ผมความรู้น้อย ไม่อาจแนะนำ แต่ขอแชร์แนวทางด้วยคน
ผมถือหุ้นตลอดเวลา จึงถือหุ้นเป็นพอร์ต เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตให้ต่ำสุด คือพยายามจัดพอร์ต
โดยตั้งเป้าหมายแรกว่า พอร์ตห้ามติดลบ กำไรเป็นเป้าอันดับถัดมา(แต่อยากได้มาก ๆ)
เป้าสุดท้ายเป็นเรื่องสนองneed ส่วนตัว
หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย ส่วนแรกเป็นหุ้นกำแพงหลัง ประเภทอย่างหนา ทนฟ้าฝนร้อนหนาว ไม่สะท้านแรงกระแทก
มีปันผล และ ส่วนต่างราคาเป็นผลตอบแทน หุ้นประเภทนี้ถือลืม (แต่สับเปลี่ยนตัวได้นะครับ)
หุ้นส่วนที่สองเป็นหุ้นเจาะเสาะแสวงเด้ง คาดหวังเติบโตสูง เป็นตัวเร่งในพอร์ต เวลาหาได้ถือไปเรื่อย จนกว่า
ใกล้จบวงรอบเติบโต
หุ้นประเภทที่สาม เป็นหุ้นตามกระแส เอาไว้สร้างสีสันให้พอร์ต เพราะเวลาตลาดแรลลี่เป็นร้อยจุดแต่พอร์ตนิ่งสนิทนั้น
มันแสนจะเซ็ง
สุดท้ายเป็นหุ้นสนองความต้องการส่วนตัว ประเภทใคร ๆ ก็ส่ายหน้า แต่ตัวเองดันมองว่า
เป็นเรื่องร้ายชั่วคราว เลยเก็บเข้าพอร์ตไว้วัดผลสัก 1 ปี
สัดส่วนหุ้นแต่ละกลุ่มก็แล้วแต่สถานะการณ์ (ตัวไหนเจ๋งก็เอียงไปทางตัวนั้นมากหน่อย)
สำหรับช่วงนี้เพิ่งปรับพอร์ตหุ้นเติบโต โดยเน้นกิจการที่
1. แข็งแกร่งอยู่แล้วและพร้อมที่จะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ
ที่ผมคาดว่าจะโตต่อเนื่องได้อีกหลายปี ถ้าเป็นกิจการที่โตมากกว่าเศรษฐกิจยิ่งดี
2. กิจการธรรมดาที่ปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว คือปรับทั้งการบริหารและการเงินรวมทั้งปรับทิศทาง
การดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับทิศทางของเศรษฐกิจ หุ้นประเภทนี้มีเยอะครับ แต่ผมมีข้อแม้ว่า
ห้ามเล็กเกินไป เพราะเล็กมาก ความเสี่ยงด้านการบริหารจะเพิ่ม(เพราะตลาดแข่งขันสูง) กลัวกลายเป็นเละ
ส่วนหุ้นที่หลีกเลี่ยงช่วงนี้คือหุ้นที่ส่อแววไม่น่าไว้วางใจทุกประเภท
เช่น ลงทุนนอกกิจการหลัก เพิ่มทุนบ่อยจัง ไม่แน่ใจว่าผู้บริหารประกาศเิ่พิ่มทุนเพื่อเอาเงินไปทำอะไร
ขาย pp ให้ใคร
ร่วมทุนกับใครต่อใครเพื่ออะไร
หุ้นที่ใคร ๆ ก็ว่าเทิร์นอะราวด์ แต่ผมดูอย่างไรก็ไม่เห็น(อาจเพราะความรู้น้อย) ฯลฯ
เลยปล่อยให้คนอื่นเขารวยกันไป
เรื่องราคาที่จับหุ้นเข้าพอร์ต ไม่ค่อยเข้มงวดครับ มองไปที่อนาคตมากกว่า(ผลประกอบการที่คาดหวัง-ราคาที่จะขาย)
.............................................................................
เวลาพายุ(เก็งกำไร)แรง เป็ดก็บินได้
เวลาเศรษฐกิจเติบโตแรง นกกระจิบอาจกลายร่างเป็นอินทรี
ผมถือหุ้นตลอดเวลา จึงถือหุ้นเป็นพอร์ต เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตให้ต่ำสุด คือพยายามจัดพอร์ต
โดยตั้งเป้าหมายแรกว่า พอร์ตห้ามติดลบ กำไรเป็นเป้าอันดับถัดมา(แต่อยากได้มาก ๆ)
เป้าสุดท้ายเป็นเรื่องสนองneed ส่วนตัว
หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย ส่วนแรกเป็นหุ้นกำแพงหลัง ประเภทอย่างหนา ทนฟ้าฝนร้อนหนาว ไม่สะท้านแรงกระแทก
มีปันผล และ ส่วนต่างราคาเป็นผลตอบแทน หุ้นประเภทนี้ถือลืม (แต่สับเปลี่ยนตัวได้นะครับ)
หุ้นส่วนที่สองเป็นหุ้นเจาะเสาะแสวงเด้ง คาดหวังเติบโตสูง เป็นตัวเร่งในพอร์ต เวลาหาได้ถือไปเรื่อย จนกว่า
ใกล้จบวงรอบเติบโต
หุ้นประเภทที่สาม เป็นหุ้นตามกระแส เอาไว้สร้างสีสันให้พอร์ต เพราะเวลาตลาดแรลลี่เป็นร้อยจุดแต่พอร์ตนิ่งสนิทนั้น
มันแสนจะเซ็ง
สุดท้ายเป็นหุ้นสนองความต้องการส่วนตัว ประเภทใคร ๆ ก็ส่ายหน้า แต่ตัวเองดันมองว่า
เป็นเรื่องร้ายชั่วคราว เลยเก็บเข้าพอร์ตไว้วัดผลสัก 1 ปี
สัดส่วนหุ้นแต่ละกลุ่มก็แล้วแต่สถานะการณ์ (ตัวไหนเจ๋งก็เอียงไปทางตัวนั้นมากหน่อย)
สำหรับช่วงนี้เพิ่งปรับพอร์ตหุ้นเติบโต โดยเน้นกิจการที่
1. แข็งแกร่งอยู่แล้วและพร้อมที่จะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ
ที่ผมคาดว่าจะโตต่อเนื่องได้อีกหลายปี ถ้าเป็นกิจการที่โตมากกว่าเศรษฐกิจยิ่งดี
2. กิจการธรรมดาที่ปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว คือปรับทั้งการบริหารและการเงินรวมทั้งปรับทิศทาง
การดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับทิศทางของเศรษฐกิจ หุ้นประเภทนี้มีเยอะครับ แต่ผมมีข้อแม้ว่า
ห้ามเล็กเกินไป เพราะเล็กมาก ความเสี่ยงด้านการบริหารจะเพิ่ม(เพราะตลาดแข่งขันสูง) กลัวกลายเป็นเละ
ส่วนหุ้นที่หลีกเลี่ยงช่วงนี้คือหุ้นที่ส่อแววไม่น่าไว้วางใจทุกประเภท
เช่น ลงทุนนอกกิจการหลัก เพิ่มทุนบ่อยจัง ไม่แน่ใจว่าผู้บริหารประกาศเิ่พิ่มทุนเพื่อเอาเงินไปทำอะไร
ขาย pp ให้ใคร
ร่วมทุนกับใครต่อใครเพื่ออะไร
หุ้นที่ใคร ๆ ก็ว่าเทิร์นอะราวด์ แต่ผมดูอย่างไรก็ไม่เห็น(อาจเพราะความรู้น้อย) ฯลฯ
เลยปล่อยให้คนอื่นเขารวยกันไป
เรื่องราคาที่จับหุ้นเข้าพอร์ต ไม่ค่อยเข้มงวดครับ มองไปที่อนาคตมากกว่า(ผลประกอบการที่คาดหวัง-ราคาที่จะขาย)
.............................................................................
เวลาพายุ(เก็งกำไร)แรง เป็ดก็บินได้
เวลาเศรษฐกิจเติบโตแรง นกกระจิบอาจกลายร่างเป็นอินทรี
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 5
ผมขอแชร์ข้อ ก. ละกันครับ....^^)
เวลาคำนวนราคาผมจะไม่มี MOS เลย ได้เท่าไรเอาเท่านั้น...^^)
ส่วนเรื่องกลุ่มไหนดีกว่ากัน ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจในตัวบริษัทมากกว่าครับ ถ้าเราเล่นในเกมที่เรารู้จักมันย่อมปลอดภัยกว่าการเล่นในเกมที่เราไม่รู้จักครับ...^^)
โดยปกติการหาหุ้นแนวแข็งแกร่งกว่าผมจะมาถึงตอนคำนวนราคา ผมก็ใช้หลัก Conservative สุดๆแล้วครับ แล้วถ้าได้แบบที่คุณว่ามา ผมว่ามันมี MOS อยู่ในตัวแล้วครับ ดังนั้นSaran เขียน:ก. หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก โอกาสเจ๊งมีน้อย แต่ต้องซื้อในที่ Fair value หรือไม่มี mos มากนัก กับ
เวลาคำนวนราคาผมจะไม่มี MOS เลย ได้เท่าไรเอาเท่านั้น...^^)
ส่วนเรื่องกลุ่มไหนดีกว่ากัน ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจในตัวบริษัทมากกว่าครับ ถ้าเราเล่นในเกมที่เรารู้จักมันย่อมปลอดภัยกว่าการเล่นในเกมที่เราไม่รู้จักครับ...^^)
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 6
ไม่กล้าสอนจระเข้ว่ายน้ำครับ น้อง Saran
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 7
ขอโทษที่กลับมาตอบช้ามากครับ เมื่อวานเน็ตที่บ้านเสียทั้งวันเลย
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและข้อคิดเห็นครับ พี่ Plant, พี่ prichar s.
พี่โดมก็ช่วยแนะนำผมหน่อยน๊า ผมยังเป็นแค่ลูกอ็อดปริ่มน้ำอยู่เลยครับ อ๊บ อ๊บ
คือที่ผ่านมาเคยเจอช่วงตลาดขาขึ้นแบบนี้มาก่อนนะครับ เลยอยากรู้ว่าควรระมัดระวังยังไงดี
เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง เบน เกรแฮม เคยบอกไว้ว่า "การซื้อหุ้นคุณภาพต่ำในยามที่สภาพการดำเนินธุรกิจดีเป็นเรื่องที่เสี่ยง"
ส่วนการลงทุนในหุ้นแข็งแกร่ง (ในสภาวะตลาดแบบนี้ คงยากหน่อยที่จะหาหุ้นแข็งแกร่งที่มีราคาถูกได้) หากซื้อแพงมากเกินไป
ก็อาจไม่ใช่การลงทุนที่คุ้มค่าก็ได้นะครับ + ความเสี่ยงช่วงที่ตลาดผันผวนแรงๆได้เหมือนกัน อันนี้เป็นมุมมองของผมน่ะเพราะตลาดหุ้น
บ้านเรายังอิงกับกองทุนต่างชาติอยู่มาก
มีอีกอันหนึ่งที่อ่านเจอในหนังสือของแอนโทนี โบลตัน (พี่ web พรชัย แปลและเรียบเรียง แนะนำให้อ่านกันครับ)
มีอยู่หัวข้อหนึ่งที่เค้าตั้งข้อสังเกตว่าระหว่าง
หุ้น ก. มี PE 5 มีการเติบโต 5% ต่อปี
หุ้น ข. มี PE 10 มีการเติบโต 10% ต่อปี
หุ้น ค. มี PE 15 มีการเติบโต 15% ต่อปี
สมมติว่าอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน หุ้นตัวไหนน่าลงทุนมากกว่ากัน น่าคิดดีนะครับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและข้อคิดเห็นครับ พี่ Plant, พี่ prichar s.
พี่โดมก็ช่วยแนะนำผมหน่อยน๊า ผมยังเป็นแค่ลูกอ็อดปริ่มน้ำอยู่เลยครับ อ๊บ อ๊บ
คือที่ผ่านมาเคยเจอช่วงตลาดขาขึ้นแบบนี้มาก่อนนะครับ เลยอยากรู้ว่าควรระมัดระวังยังไงดี
เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง เบน เกรแฮม เคยบอกไว้ว่า "การซื้อหุ้นคุณภาพต่ำในยามที่สภาพการดำเนินธุรกิจดีเป็นเรื่องที่เสี่ยง"
ส่วนการลงทุนในหุ้นแข็งแกร่ง (ในสภาวะตลาดแบบนี้ คงยากหน่อยที่จะหาหุ้นแข็งแกร่งที่มีราคาถูกได้) หากซื้อแพงมากเกินไป
ก็อาจไม่ใช่การลงทุนที่คุ้มค่าก็ได้นะครับ + ความเสี่ยงช่วงที่ตลาดผันผวนแรงๆได้เหมือนกัน อันนี้เป็นมุมมองของผมน่ะเพราะตลาดหุ้น
บ้านเรายังอิงกับกองทุนต่างชาติอยู่มาก
มีอีกอันหนึ่งที่อ่านเจอในหนังสือของแอนโทนี โบลตัน (พี่ web พรชัย แปลและเรียบเรียง แนะนำให้อ่านกันครับ)
มีอยู่หัวข้อหนึ่งที่เค้าตั้งข้อสังเกตว่าระหว่าง
หุ้น ก. มี PE 5 มีการเติบโต 5% ต่อปี
หุ้น ข. มี PE 10 มีการเติบโต 10% ต่อปี
หุ้น ค. มี PE 15 มีการเติบโต 15% ต่อปี
สมมติว่าอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน หุ้นตัวไหนน่าลงทุนมากกว่ากัน น่าคิดดีนะครับ
- kabu
- Verified User
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 8
ขอแชร์เป็นไอเดียนะครับ ประสบการณ์การลงทุนของผมยังน้อยกว่าคุณ Saran เยอะSaran เขียน:ขอโทษที่กลับมาตอบช้ามากครับ เมื่อวานเน็ตที่บ้านเสียทั้งวันเลย
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและข้อคิดเห็นครับ พี่ Plant, พี่ prichar s.
พี่โดมก็ช่วยแนะนำผมหน่อยน๊า ผมยังเป็นแค่ลูกอ็อดปริ่มน้ำอยู่เลยครับ อ๊บ อ๊บ
คือที่ผ่านมาเคยเจอช่วงตลาดขาขึ้นแบบนี้มาก่อนนะครับ เลยอยากรู้ว่าควรระมัดระวังยังไงดี
เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง เบน เกรแฮม เคยบอกไว้ว่า "การซื้อหุ้นคุณภาพต่ำในยามที่สภาพการดำเนินธุรกิจดีเป็นเรื่องที่เสี่ยง"
ส่วนการลงทุนในหุ้นแข็งแกร่ง (ในสภาวะตลาดแบบนี้ คงยากหน่อยที่จะหาหุ้นแข็งแกร่งที่มีราคาถูกได้) หากซื้อแพงมากเกินไป
ก็อาจไม่ใช่การลงทุนที่คุ้มค่าก็ได้นะครับ + ความเสี่ยงช่วงที่ตลาดผันผวนแรงๆได้เหมือนกัน อันนี้เป็นมุมมองของผมน่ะเพราะตลาดหุ้น
บ้านเรายังอิงกับกองทุนต่างชาติอยู่มาก
มีอีกอันหนึ่งที่อ่านเจอในหนังสือของแอนโทนี โบลตัน (พี่ web พรชัย แปลและเรียบเรียง แนะนำให้อ่านกันครับ)
มีอยู่หัวข้อหนึ่งที่เค้าตั้งข้อสังเกตว่าระหว่าง
หุ้น ก. มี PE 5 มีการเติบโต 5% ต่อปี
หุ้น ข. มี PE 10 มีการเติบโต 10% ต่อปี
หุ้น ค. มี PE 15 มีการเติบโต 15% ต่อปี
สมมติว่าอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน หุ้นตัวไหนน่าลงทุนมากกว่ากัน น่าคิดดีนะครับ
ผมชอบหุ้น PE ต่ำแต่มีโอกาสเติบโตกว่าที่เคยเป็นอยู่(อย่างต่อเนื่อง)ทั้งนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายในบริษัท
อย่างข้างบนถ้าให้ผมเลือก ผมสนใจหุ้น ก. นะ ตลาดให้ PE 5 เปรียบเทียบกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกันที่มี PE 15 แม้ว่าทั้งสามตัวมี PEG เท่ากัน แต่ ถ้าบริษัท ก. เกิดปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างภายในได้ (เช่นเปลียนทีมผู้บริหาร ขายบริษัทย่อยที่เป็นตัวถ่วง ปรับโครงสร้างหนี้ เพิ่มไลน์ธุรกิจใหม่ที่เติบโตสูง และอื่นๆ) และทำให้การเติบโตเป็น 10% หรือมากกว่า ส่งผลให้ตลาดปรับ PE ให้ ตาม PEG เป็น PE เท่ากับ 10 จะเห็นว่า หุ้น ก. ที่ว่าจะมี Upside อย่างน้อยถึง 100% เลยทีเดียว
นอกจากนั้นหุ้นพวกที่เติบโตต่ำๆ PE ต่ำๆ มักจะไม่ค่อยเป็นที่สนใจของตลาดซักเท่าไหร่ โดยถ้า core business ทำกำไรได้อย่างมั่นคง น่าเบื่อๆ พวกนี้ downside risk ทางด้านราคาก็จะไม่สูงมาก
อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องดูปัจจัยเพิ่มเติมอีกหลายอย่างทีเดียว ซึ่งคุณ Saran ก็คงถนัดตรงนี้อยู่แล้วครับ
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 9
ตามที่คุณ kabu บอกครับ คุณแอนโทนีเค้ายกตัวอย่างหุ้น 3 แบบนี้มาเพื่อให้เหตุผลว่าทำไมการดูค่า PEG อย่างเดียวมันไม่ได้
เพราะหากดูด้วยค่า PEG ทั้ง 3 ตัวจะมีความน่าสนใจเท่ากันหมด แต่หากคิดในด้านความเสี่ยง หุ้น ก. จะมีที่ราคาจะลดลงน้อยที่สุด
เนื่องจากนักลงทุนให้ความคาดหวังไว้น้อยกว่าตัวอื่นๆ แต่ถ้าคุยกันเรื่องผลตอบแทน ผมก็ไม่รู้ว่าแบบไหนจะดีที่สุดนะครับ
คุณ kabu ลงทุนช้ากว่าผม แต่เซียนกว่าผมเยอะครับ ในงาน Meeting เสียดายไม่ได้ไปคุยด้วยอ่ะ
ตอนนี้ผมกำลังสับสนแนวทางการลงทุนอยู่ครับ ว่าจะเน้นดูหุ้นถูกเป็นหลัก หรือหุ้นแข็งแกร่งดี
เพราะหากดูด้วยค่า PEG ทั้ง 3 ตัวจะมีความน่าสนใจเท่ากันหมด แต่หากคิดในด้านความเสี่ยง หุ้น ก. จะมีที่ราคาจะลดลงน้อยที่สุด
เนื่องจากนักลงทุนให้ความคาดหวังไว้น้อยกว่าตัวอื่นๆ แต่ถ้าคุยกันเรื่องผลตอบแทน ผมก็ไม่รู้ว่าแบบไหนจะดีที่สุดนะครับ
คุณ kabu ลงทุนช้ากว่าผม แต่เซียนกว่าผมเยอะครับ ในงาน Meeting เสียดายไม่ได้ไปคุยด้วยอ่ะ
ตอนนี้ผมกำลังสับสนแนวทางการลงทุนอยู่ครับ ว่าจะเน้นดูหุ้นถูกเป็นหลัก หรือหุ้นแข็งแกร่งดี
-
- Verified User
- โพสต์: 403
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 10
ขออนุญาตแชร์ความรู้อันน้อยนิดนะครับ ผมชอบหุ้น ค ถ้าการเติบโตสามารถดำรงอยู่ได้ในระยะยาวๆ 3-5 ปี หรือมากกว่านั้น โดยต้องอยู่ในธุรกิจที่เราต้องกินต้องใช้ เป็นผู้นำ เอาเป็นว่า ปัจจัยเชิงคุณภาพ ไม่มีข้อสงสัย ผมจะชอบดูที่ growth ก่อน ส่วน PE มันเป็นศิลปะเฉพาะช่วงแล้วแต่ market mood และ invisible reasons ทะยอยเก็บไปเรื่อยเมื่อมีโอกาสครับSaran เขียน:ขอโทษที่กลับมาตอบช้ามากครับ เมื่อวานเน็ตที่บ้านเสียทั้งวันเลย
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและข้อคิดเห็นครับ พี่ Plant, พี่ prichar s.
พี่โดมก็ช่วยแนะนำผมหน่อยน๊า ผมยังเป็นแค่ลูกอ็อดปริ่มน้ำอยู่เลยครับ อ๊บ อ๊บ
คือที่ผ่านมาเคยเจอช่วงตลาดขาขึ้นแบบนี้มาก่อนนะครับ เลยอยากรู้ว่าควรระมัดระวังยังไงดี
เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง เบน เกรแฮม เคยบอกไว้ว่า "การซื้อหุ้นคุณภาพต่ำในยามที่สภาพการดำเนินธุรกิจดีเป็นเรื่องที่เสี่ยง"
ส่วนการลงทุนในหุ้นแข็งแกร่ง (ในสภาวะตลาดแบบนี้ คงยากหน่อยที่จะหาหุ้นแข็งแกร่งที่มีราคาถูกได้) หากซื้อแพงมากเกินไป
ก็อาจไม่ใช่การลงทุนที่คุ้มค่าก็ได้นะครับ + ความเสี่ยงช่วงที่ตลาดผันผวนแรงๆได้เหมือนกัน อันนี้เป็นมุมมองของผมน่ะเพราะตลาดหุ้น
บ้านเรายังอิงกับกองทุนต่างชาติอยู่มาก
มีอีกอันหนึ่งที่อ่านเจอในหนังสือของแอนโทนี โบลตัน (พี่ web พรชัย แปลและเรียบเรียง แนะนำให้อ่านกันครับ)
มีอยู่หัวข้อหนึ่งที่เค้าตั้งข้อสังเกตว่าระหว่าง
หุ้น ก. มี PE 5 มีการเติบโต 5% ต่อปี
หุ้น ข. มี PE 10 มีการเติบโต 10% ต่อปี
หุ้น ค. มี PE 15 มีการเติบโต 15% ต่อปี
สมมติว่าอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน หุ้นตัวไหนน่าลงทุนมากกว่ากัน น่าคิดดีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 469
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 11
โค้ด: เลือกทั้งหมด
บทเรียน 3 ข้อของชาร์ลี
ประเด็นว่าเราควรซื้อหุ้นแบบไหน หรือการลงทุนสไตล์ไหนดีกว่ากันนี้
ชาร์ลี มังเกอร์ หุ้นส่วนและเพื่อนซี้ของบัฟเฟตต์
ได้ให้กฎการลงทุนที่เป็นเหมือนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ 3 ข้อ สำหรับการลงทุน
และบทเรียนนี้ ว่าที่จริง เป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าบัฟเฟตต์
ได้เรียนรู้จากชาร์ลีและนำมาใช้ปฏิบัติในการลงทุนของตนเองมาจนถึงปัจจุบัน
จนคนทั่วไปรับรู้กันว่านี่คือสไตล์การลงทุนแบบบัฟเฟตต์ บทเรียน 3 ข้อของชาร์ลีก็คือ
1.ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ในราคาปานกลางนั้น เหนือกว่าธุรกิจปานกลางในราคาที่ยิ่งใหญ่
2.ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ในราคาปานกลางนั้น เหนือกว่าธุรกิจปานกลางในราคาที่ยิ่งใหญ่
3.ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ในราคาปานกลางนั้น เหนือกว่าธุรกิจปานกลางในราคาที่ยิ่งใหญ่
ความหมาย ก็คือ สำหรับชาร์ลีแล้ว เขาคิดว่า คุณภาพของธุรกิจสำคัญกว่าเรื่องของราคา
กรุงเทพธุรกิจ วันอังคารที่ 08 มกราคม พ.ศ. 2551
มิบังอาจฮะ พี่ๆแต่ละคนเก่งๆกันทั้งนั้น พี่Saranอาจมาถึงทางแยกแบบปู่บัฟแล้วก็ได้
ทุกวันนี้ มีบางธุรกิจที่ปู่ถือไม่ปล่อย บางตัวก็ถือไว้แล้วปล่อย ทั้งๆที่ก็มีเงินสดอยู่ บางตัวก็ถือไว้ปั๊มเงินสด ฮา
การเปลี่ยนความคิดจากซื้อหุ้นถูกเป็นซื้อหุ้นดี เป็นเรื่องยาก ขนาดปู่ยังทำยากเลย เพราะมันเสียว ฮา
ซึ่งก็เพราะขอบเขตของความรู้ของเราที่เส้นขอบไม่ชัดเจน เพราะความอดทนเราน้อยไปในการรอ
การเปลี่ยนของปู่ก็ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ เพราะต้องรอโอกาสซื้อเกรด A A+ ระหว่างนั้นก็ B B+ ไปก่อนได้
แต่ถ้าตอนนี้ คงไม่มีทางที่ปู่จะไปซื้อเกรด c หรอกครับ คหสต. นะครับ
Sixth Sense Investor
- Highway_Star
- Verified User
- โพสต์: 440
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 12
ขอแชร์นะครับพี่ saran มิบังอาจสอนจระเข้ว่ายน้ำ
ความเห็นส่วนตัวของผมคือผมเลือกที่จะเข้าไปตาม cycle มากกว่านะครับ
boss ผมคนนึงเป็นชาวไอริช (เก่งมากๆๆ) สอนสิ่งหนึ่งไว้กับผม ผมยังจำคำพูดเค้ามาจนทุกวันนี้
"Put your investment to where the trend is going"
เคยถกคำถามนี้กับตัวเองครับ เขียนๆ ไว้ประมาณนี้ (ดัดแปลงคำพูดเล็กน้อยเพื่อให้ดูไม่น่าเกลียด 555)
" หุ้นแข็งแกร่งนั้นดีอยู่แล้ว แต่เราคือนักลงทุน ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ
แม้ว่าตอนซื้อจำเป็นต้องซื้อให้เสมือนหนึ่งว่าเราเป็นเจ้าของ แต่ถ้าให้ไปเป็นเจ้าของจริงๆ ไปนั่งบริหารงานผมก็ไม่เอานะครับ
เราลงทุนในหุ้น undervalue
ถ้ามันเริ่มจะไม่ under ขึ้นมา ผมว่าเราก็เผ่นกันเถอะครับ
แน่นอนว่าหุ้นที่แข็งแกร่งย่อมมี value ที่มากกว่า แต่ upside มันก็น้อยกว่าด้วย เพราะถ้ามันแข็งจริงๆ ทุกคนก็คงเห็น
ถ้ามองด้าน downside แน่นอนมันก็ลงยากกว่า
...
แต่เดี๋ยวก่อนสิ ก็ถ้ามันเป็นตาม cycle หุ้นในกลุ่มข้อ ข. มันก็น่าจะ downside น้อยลงนะ
เราคงไม่ได้ไปเลือกบริษัทโหลยโท่ย ที่บังเอิญอยู่ในกลุ่ม cycle up หรอก
ก่อนซื้อเราคงคิดแล้วว่าบริษัทนี้มันดีและอยู่ใน cycle ที่ถูกต้องตะหาก "
แชร์ประมาณนี้นะครับพี่
นับถือมาตลอดครับ
ความเห็นส่วนตัวของผมคือผมเลือกที่จะเข้าไปตาม cycle มากกว่านะครับ
boss ผมคนนึงเป็นชาวไอริช (เก่งมากๆๆ) สอนสิ่งหนึ่งไว้กับผม ผมยังจำคำพูดเค้ามาจนทุกวันนี้
"Put your investment to where the trend is going"
เคยถกคำถามนี้กับตัวเองครับ เขียนๆ ไว้ประมาณนี้ (ดัดแปลงคำพูดเล็กน้อยเพื่อให้ดูไม่น่าเกลียด 555)
" หุ้นแข็งแกร่งนั้นดีอยู่แล้ว แต่เราคือนักลงทุน ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ
แม้ว่าตอนซื้อจำเป็นต้องซื้อให้เสมือนหนึ่งว่าเราเป็นเจ้าของ แต่ถ้าให้ไปเป็นเจ้าของจริงๆ ไปนั่งบริหารงานผมก็ไม่เอานะครับ
เราลงทุนในหุ้น undervalue
ถ้ามันเริ่มจะไม่ under ขึ้นมา ผมว่าเราก็เผ่นกันเถอะครับ
แน่นอนว่าหุ้นที่แข็งแกร่งย่อมมี value ที่มากกว่า แต่ upside มันก็น้อยกว่าด้วย เพราะถ้ามันแข็งจริงๆ ทุกคนก็คงเห็น
ถ้ามองด้าน downside แน่นอนมันก็ลงยากกว่า
...
แต่เดี๋ยวก่อนสิ ก็ถ้ามันเป็นตาม cycle หุ้นในกลุ่มข้อ ข. มันก็น่าจะ downside น้อยลงนะ
เราคงไม่ได้ไปเลือกบริษัทโหลยโท่ย ที่บังเอิญอยู่ในกลุ่ม cycle up หรอก
ก่อนซื้อเราคงคิดแล้วว่าบริษัทนี้มันดีและอยู่ใน cycle ที่ถูกต้องตะหาก "
แชร์ประมาณนี้นะครับพี่
นับถือมาตลอดครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 13
ทั้งหมดทั้งสิ้นที่เขียนเป็นความเห็นส่วนตัวของ นลท.แก่ ๆ คนนึง ที่ถือหุ้น 100% และใช้หลักการลงทุน อ.โอนีล และพ่อลูกฟิชเชอร์เป็นสรณะ ไม่ต้องเชื่อนะครับ
ผมพยายาม scope คำถามน้องศรัณย์ลงมา ถ้าตั้งใจอย่างที่เขียนจริง ๆ 1-2 ปี แสดงว่ามองสั้น เน้นการลงทุนระยะสั้น ในทางทฤษฎีแล้ว ระยะสั้นตลาดหุ้นเคลื่อนไหวเพราะ demand ระยะยาวตลาดหุ้นเคลื่อนไหวเพราะ supply
1-2 ปี เป็นระยะสั้น ดังนั้นไม่เหมาะกับหุ้นแข็งแกร่งโตช้า ไม่เหมาะกับหุ้นพื้นฐานโตตามเศรษฐกิจ
หา หุ้นเติบโต มีเซอร์ไพรส์ตลาดอยู่เสมอ Growth Stock เน้นหุ้น PE สูง แต่ไม่ใช้ PE นำทาง พอร์ตควรมุ่งเน้นมีไม่เกิน 3-5 ตัว เลือกหุ้นโดยดู Top Line ไม่ใช่ Bottom Line แนะนำให้สร้างพอร์ตด้วยหุ้น 3 ตัว ตัวนึงจะดีกว่าที่เราคิด อีกตัวจะเป็นแบบที่เราคิด และตัวสุดท้ายจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด (แต่ไอ้ตัวแรกตัวเดียวก็จะได้กำไรลบล้างผลขาดทุนของไอ้ตัวที่สามอย่างขาดลอย)
ฐานกำไร โต และ โต และ โต และไม่มีทีท่าจะหยุด
นักวิเคราะห์ออกบทวิเคราะห์มาแล้วต้องรีบออกมาใหม่อีกครั้งปรับประมาณการขึ้น
ผลตอบแทนออกมาเซอร์ไพร์สนักลงทุนแบบวีไอ
กราฟราคาพุ่งขึ้นเซอร์ไพร์สนักเก็งกำไรสายเทคนิก
เมื่อหุ้น Growth ทำงาน อะไรก็หยุดมันไม่ได้
boys never cry, growth never dies
ทั้งหมดทั้งสิ้นที่น้องศรัณย์ถามมันกลัว ๆ กล้า ๆ พี่ขอตอบแบบ ดาร์คโหมด เลยนะครับSaran เขียน:ถ้าให้เลือกว่าต้องลงทุนในหุ้นระยะเวลา 1-2 ปีนี้ ระหว่าง
ผมพยายาม scope คำถามน้องศรัณย์ลงมา ถ้าตั้งใจอย่างที่เขียนจริง ๆ 1-2 ปี แสดงว่ามองสั้น เน้นการลงทุนระยะสั้น ในทางทฤษฎีแล้ว ระยะสั้นตลาดหุ้นเคลื่อนไหวเพราะ demand ระยะยาวตลาดหุ้นเคลื่อนไหวเพราะ supply
1-2 ปี เป็นระยะสั้น ดังนั้นไม่เหมาะกับหุ้นแข็งแกร่งโตช้า ไม่เหมาะกับหุ้นพื้นฐานโตตามเศรษฐกิจ
หา หุ้นเติบโต มีเซอร์ไพรส์ตลาดอยู่เสมอ Growth Stock เน้นหุ้น PE สูง แต่ไม่ใช้ PE นำทาง พอร์ตควรมุ่งเน้นมีไม่เกิน 3-5 ตัว เลือกหุ้นโดยดู Top Line ไม่ใช่ Bottom Line แนะนำให้สร้างพอร์ตด้วยหุ้น 3 ตัว ตัวนึงจะดีกว่าที่เราคิด อีกตัวจะเป็นแบบที่เราคิด และตัวสุดท้ายจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด (แต่ไอ้ตัวแรกตัวเดียวก็จะได้กำไรลบล้างผลขาดทุนของไอ้ตัวที่สามอย่างขาดลอย)
ฐานกำไร โต และ โต และ โต และไม่มีทีท่าจะหยุด
นักวิเคราะห์ออกบทวิเคราะห์มาแล้วต้องรีบออกมาใหม่อีกครั้งปรับประมาณการขึ้น
ผลตอบแทนออกมาเซอร์ไพร์สนักลงทุนแบบวีไอ
กราฟราคาพุ่งขึ้นเซอร์ไพร์สนักเก็งกำไรสายเทคนิก
เมื่อหุ้น Growth ทำงาน อะไรก็หยุดมันไม่ได้
boys never cry, growth never dies
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 14
ชอบ comment พี่ NB ครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 15
ขอตอบข้อ ค. ครับ
คือ...
ค. หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก โอกาสเจ๊งมีน้อย แต่ต้องซื้อในที่ Fair value หรือไม่มี mos มากนัก และกำลังจะมี Business Model ใหม่ๆ ที่จะสร้างโอกาสในอนาคตได้อย่างมากมาย หรือเรียกได้ว่า กำลังจะเกิด Paradigm Shift ครั้งใหญ่
คือ...
ค. หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก โอกาสเจ๊งมีน้อย แต่ต้องซื้อในที่ Fair value หรือไม่มี mos มากนัก และกำลังจะมี Business Model ใหม่ๆ ที่จะสร้างโอกาสในอนาคตได้อย่างมากมาย หรือเรียกได้ว่า กำลังจะเกิด Paradigm Shift ครั้งใหญ่
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- Loby
- Verified User
- โพสต์: 1646
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 16
ขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ
ในสายตาของคนส่วนใหญ่มักมองว่า หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจกลุ่ม Economy Cycle จะมีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นแข็งแกร่งที่ไม่กระทบกับภาวะเศรษฐกิจมาก และมองว่าไม่ปลอดภัยที่จะถือลงทุนเป็นเวลานาน สาเหตุมาจากไม่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างแท้จริง อาจไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจนมีการแข่งขันที่สูง การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้โดยง่าย และไม่มีแบรนด์ เพราะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อของลูกค้าและทางเลือกที่หลากหลาย การเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ต้องอาศัยการติดตามการดำเนินธุรกิจของบริษัท ภาวะตลาดและเศรษฐกิจพอควร ซึ่งหากเรามองเห็นแนวโน้มนั้นได้ก่อนและเข้าลงทุนในช่วงที่บริษัทประสบปัญหาหรือมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในที่จะสนับสนุนต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น เราจะพบว่าผลตอบแทนที่ได้มักจะดีกว่าที่คาดคิดไว้เสมอ
ในสายตาของคนส่วนใหญ่มักมองว่า หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจกลุ่ม Economy Cycle จะมีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นแข็งแกร่งที่ไม่กระทบกับภาวะเศรษฐกิจมาก และมองว่าไม่ปลอดภัยที่จะถือลงทุนเป็นเวลานาน สาเหตุมาจากไม่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างแท้จริง อาจไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจนมีการแข่งขันที่สูง การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้โดยง่าย และไม่มีแบรนด์ เพราะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อของลูกค้าและทางเลือกที่หลากหลาย การเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ต้องอาศัยการติดตามการดำเนินธุรกิจของบริษัท ภาวะตลาดและเศรษฐกิจพอควร ซึ่งหากเรามองเห็นแนวโน้มนั้นได้ก่อนและเข้าลงทุนในช่วงที่บริษัทประสบปัญหาหรือมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในที่จะสนับสนุนต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น เราจะพบว่าผลตอบแทนที่ได้มักจะดีกว่าที่คาดคิดไว้เสมอ
อย่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบชี้นำการกระทำ
แต่ไม่ควรปล่อยโอกาสดีๆให้ผ่านไป เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว
แต่ไม่ควรปล่อยโอกาสดีๆให้ผ่านไป เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 17
เบี้ยว เขียน: ขออนุญาตแชร์ความรู้อันน้อยนิดนะครับ ผมชอบหุ้น ค ถ้าการเติบโตสามารถดำรงอยู่ได้ในระยะยาวๆ 3-5 ปี หรือมากกว่านั้น โดยต้องอยู่ในธุรกิจที่เราต้องกินต้องใช้ เป็นผู้นำ เอาเป็นว่า ปัจจัยเชิงคุณภาพ ไม่มีข้อสงสัย ผมจะชอบดูที่ growth ก่อน ส่วน PE มันเป็นศิลปะเฉพาะช่วงแล้วแต่ market mood และ invisible reasons ทะยอยเก็บไปเรื่อยเมื่อมีโอกาสครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ พี่เบี้ยว พี่ pak ตอนอ่านคำถามนี้ครั้งแรกผมก็ตอบ ค. เหมือนกันน่ะ เพราะ growth สูงยังไงๆ ก็น่าสนใจpak เขียน:ขอตอบข้อ ค. ครับ
คือ...
ค. หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก โอกาสเจ๊งมีน้อย แต่ต้องซื้อในที่ Fair value หรือไม่มี mos มากนัก และกำลังจะมี Business Model ใหม่ๆ ที่จะสร้างโอกาสในอนาคตได้อย่างมากมาย หรือเรียกได้ว่า กำลังจะเกิด Paradigm Shift ครั้งใหญ่
แต่พอหลังจากได้เริ่มลงในในหุ้นเติบโตมาได้ซักพัก ได้พบกับสัจธรรมที่ว่า หุ้นเติบโตมักจะมาพร้อมกับความคาดหวัง
ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์ผิดคาดขึ้นมาก็มีสิทธิ์บาดเจ็บได้เหมือนกันนะครับ ตรงนี้อาจเป็นแค่ระยะสั้นหรือถาวรก็ได้ อยู่ตัวตัวธุรกิจ
และจะดีกว่าถ้าเป็นหุ้นแบบที่พี่ pak แนะนำคือ บริษัทแข็งแกร่ง พร้อมกับกำลังเปลี่ยน Business Model ใหม่ๆอยู่ (อ่านแล้วผมนึกถึง CPF, SNC เมื่อ 2-3 ปีก่อน) อย่างน้อยหาก Business Model ใหม่เกิดไม่ดีอย่างที่คิด ก็ยังมีตัวธุรกิจหลักประคับประคองได้อยู่ น่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าลงทุนในหุ้นวัฏจักรหรือหุ้นพื้นฐานต่ำรอลุ้นให้ฟื้นตัวนะครับ
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณสำหรับความเห็นและบทความที่นำมาลงครับ พี่ sipoonya ช่วยกระตุ้นความทรงจำผมไปด้วยsipoonya เขียน: มิบังอาจฮะ พี่ๆแต่ละคนเก่งๆกันทั้งนั้น พี่Saranอาจมาถึงทางแยกแบบปู่บัฟแล้วก็ได้
ทุกวันนี้ มีบางธุรกิจที่ปู่ถือไม่ปล่อย บางตัวก็ถือไว้แล้วปล่อย ทั้งๆที่ก็มีเงินสดอยู่ บางตัวก็ถือไว้ปั๊มเงินสด ฮา
การเปลี่ยนความคิดจากซื้อหุ้นถูกเป็นซื้อหุ้นดี เป็นเรื่องยาก ขนาดปู่ยังทำยากเลย เพราะมันเสียว ฮา
ซึ่งก็เพราะขอบเขตของความรู้ของเราที่เส้นขอบไม่ชัดเจน เพราะความอดทนเราน้อยไปในการรอ
การเปลี่ยนของปู่ก็ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ เพราะต้องรอโอกาสซื้อเกรด A A+ ระหว่างนั้นก็ B B+ ไปก่อนได้
แต่ถ้าตอนนี้ คงไม่มีทางที่ปู่จะไปซื้อเกรด c หรอกครับ คหสต. นะครับ
ผมว่าหุ้นเกรด c ปู่คงซื้อไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะขนานความใหญ่ของเงินและความมีชื่อเสียง ทำให้จะขยับไปลงทุนอะไรก็ลำบากไปหมด
แต่เราเป็นนักลงทุนระดับยิบย่อยตัวเลือกย่อมเยอะกว่าอยู่แล้วครับ (อาจเลือกมากเกินไปด้วยสำหรับผม 555)
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณมากครับ พี่ Highway_StarHighway_Star เขียน:ขอแชร์นะครับพี่ saran มิบังอาจสอนจระเข้ว่ายน้ำ
ความเห็นส่วนตัวของผมคือผมเลือกที่จะเข้าไปตาม cycle มากกว่านะครับ
boss ผมคนนึงเป็นชาวไอริช (เก่งมากๆๆ) สอนสิ่งหนึ่งไว้กับผม ผมยังจำคำพูดเค้ามาจนทุกวันนี้
"Put your investment to where the trend is going"
เคยถกคำถามนี้กับตัวเองครับ เขียนๆ ไว้ประมาณนี้ (ดัดแปลงคำพูดเล็กน้อยเพื่อให้ดูไม่น่าเกลียด 555)
" หุ้นแข็งแกร่งนั้นดีอยู่แล้ว แต่เราคือนักลงทุน ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ
แม้ว่าตอนซื้อจำเป็นต้องซื้อให้เสมือนหนึ่งว่าเราเป็นเจ้าของ แต่ถ้าให้ไปเป็นเจ้าของจริงๆ ไปนั่งบริหารงานผมก็ไม่เอานะครับ
เราลงทุนในหุ้น undervalue
ถ้ามันเริ่มจะไม่ under ขึ้นมา ผมว่าเราก็เผ่นกันเถอะครับ
แน่นอนว่าหุ้นที่แข็งแกร่งย่อมมี value ที่มากกว่า แต่ upside มันก็น้อยกว่าด้วย เพราะถ้ามันแข็งจริงๆ ทุกคนก็คงเห็น
ถ้ามองด้าน downside แน่นอนมันก็ลงยากกว่า
...
แต่เดี๋ยวก่อนสิ ก็ถ้ามันเป็นตาม cycle หุ้นในกลุ่มข้อ ข. มันก็น่าจะ downside น้อยลงนะ
เราคงไม่ได้ไปเลือกบริษัทโหลยโท่ย ที่บังเอิญอยู่ในกลุ่ม cycle up หรอก
ก่อนซื้อเราคงคิดแล้วว่าบริษัทนี้มันดีและอยู่ใน cycle ที่ถูกต้องตะหาก "
แชร์ประมาณนี้นะครับพี่
นับถือมาตลอดครับ
"Put your investment to where the trend is going" ผมจะจำให้ขึ้นใจครับ
ที่จริงผมว่ามันเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการลงทุนเลยน่ะ เพียงแต่ตอนช่วงแรกๆ ในการลงทุนของผมยังสับสนระหว่าง
เทรนของตัวธุรกิจ กับ เทรนของตลาด และสุดท้ายตัวผมก็เป็นนายตลาดซะเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 20
ขออนุญาตแชร์เพิ่มเติมนะครับ คือ...
"Business Plan" หรือ "Strategy" คือ สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะละเลยไม่หยิบมาวิเคราะห์
แต่จะไปสาละวนกับตัวเลขในอดีต
ทั้ง KODAK และ NOKIA ก็ปลาตายน้ำตื้นกันมาแล้วทั้งนั้น
IT ไอทีซิตี้...ต้องเร่งปรับตัว เนื่องจากการมาของ Smart Phane
SE-ED...ต้องเร่งปรับ Business Model เพราะเทคโนโลยีที่เข้ามา
SIS...ต้องปรับปรุง้รื่อง Inventory Management
แล้วเหตุใด เราจึงจะไปยึดติดกับตัวเลขเดิมๆในอดีต โดยละเลยสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยหล่ะ
...ผมคิดในใจเข้าข้างตัวเองแบบนั้น
"Business Plan" หรือ "Strategy" คือ สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะละเลยไม่หยิบมาวิเคราะห์
แต่จะไปสาละวนกับตัวเลขในอดีต
ทั้ง KODAK และ NOKIA ก็ปลาตายน้ำตื้นกันมาแล้วทั้งนั้น
IT ไอทีซิตี้...ต้องเร่งปรับตัว เนื่องจากการมาของ Smart Phane
SE-ED...ต้องเร่งปรับ Business Model เพราะเทคโนโลยีที่เข้ามา
SIS...ต้องปรับปรุง้รื่อง Inventory Management
แล้วเหตุใด เราจึงจะไปยึดติดกับตัวเลขเดิมๆในอดีต โดยละเลยสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยหล่ะ
...ผมคิดในใจเข้าข้างตัวเองแบบนั้น
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 21
ขอบคุณพี่ NB มากครับ คำแนะนำของพี่กระแทกต่อมความคิดของผมทุกๆครั้งเลย สมกับตอบแบบดาร์ดโหมด 555Nevercry.boy เขียน:ทั้งหมดทั้งสิ้นที่เขียนเป็นความเห็นส่วนตัวของ นลท.แก่ ๆ คนนึง ที่ถือหุ้น 100% และใช้หลักการลงทุน อ.โอนีล และพ่อลูกฟิชเชอร์เป็นสรณะ ไม่ต้องเชื่อนะครับ
ทั้งหมดทั้งสิ้นที่น้องศรัณย์ถามมันกลัว ๆ กล้า ๆ พี่ขอตอบแบบ ดาร์คโหมด เลยนะครับSaran เขียน:ถ้าให้เลือกว่าต้องลงทุนในหุ้นระยะเวลา 1-2 ปีนี้ ระหว่าง
ผมพยายาม scope คำถามน้องศรัณย์ลงมา ถ้าตั้งใจอย่างที่เขียนจริง ๆ 1-2 ปี แสดงว่ามองสั้น เน้นการลงทุนระยะสั้น ในทางทฤษฎีแล้ว ระยะสั้นตลาดหุ้นเคลื่อนไหวเพราะ demand ระยะยาวตลาดหุ้นเคลื่อนไหวเพราะ supply
1-2 ปี เป็นระยะสั้น ดังนั้นไม่เหมาะกับหุ้นแข็งแกร่งโตช้า ไม่เหมาะกับหุ้นพื้นฐานโตตามเศรษฐกิจ
หา หุ้นเติบโต มีเซอร์ไพรส์ตลาดอยู่เสมอ Growth Stock เน้นหุ้น PE สูง แต่ไม่ใช้ PE นำทาง พอร์ตควรมุ่งเน้นมีไม่เกิน 3-5 ตัว เลือกหุ้นโดยดู Top Line ไม่ใช่ Bottom Line แนะนำให้สร้างพอร์ตด้วยหุ้น 3 ตัว ตัวนึงจะดีกว่าที่เราคิด อีกตัวจะเป็นแบบที่เราคิด และตัวสุดท้ายจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด (แต่ไอ้ตัวแรกตัวเดียวก็จะได้กำไรลบล้างผลขาดทุนของไอ้ตัวที่สามอย่างขาดลอย)
ฐานกำไร โต และ โต และ โต และไม่มีทีท่าจะหยุด
นักวิเคราะห์ออกบทวิเคราะห์มาแล้วต้องรีบออกมาใหม่อีกครั้งปรับประมาณการขึ้น
ผลตอบแทนออกมาเซอร์ไพร์สนักลงทุนแบบวีไอ
กราฟราคาพุ่งขึ้นเซอร์ไพร์สนักเก็งกำไรสายเทคนิก
เมื่อหุ้น Growth ทำงาน อะไรก็หยุดมันไม่ได้
boys never cry, growth never dies
ตอนนี้แนวทางการลงทุนของผมยังไม่ตกตะกอนอ่ะครับ ยอมรับว่ายังมั่วๆอยู่
หุ้นตัวที่เคยวิเคราะห์ไว้ว่าน่าจะเป็นหุ้นเติบโต ถือยาวได้ (ตอนนั้นผมซื้อได้ในมี mos) แต่พอระหว่างถืออยู่ผมมักจะมาสะดุดกับประโยคที่เคย
จำไว้เสมออย่าง "หุ้นยิ่งขึ้น ความเป็น value ก็ยิ่งลดลง" หรือ "ลองถามตัวเองดู ถ้าถือเงินสดอยู่แทน คุณยังอยากจะซื้อหุ้นที่ถืออยู่หรือไม่"
มันทำให้ผมจะเกิดอาการเขว่ ไปทุกทีนะครับ ยิ่งช่วงนี้ตลาดมันขึ้นเอาๆอยู่
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 22
ขอบคุณมากครับ พี่ Loby จุดอ่อนของผมคือเรื่องวิเคราะห์คุณภาพของธุรกิจนี่ล่ะครับ เคยได้คุยกับพี่ในห้อง GL นานแล้วLoby เขียน:ขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ
ในสายตาของคนส่วนใหญ่มักมองว่า หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจกลุ่ม Economy Cycle จะมีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นแข็งแกร่งที่ไม่กระทบกับภาวะเศรษฐกิจมาก และมองว่าไม่ปลอดภัยที่จะถือลงทุนเป็นเวลานาน สาเหตุมาจากไม่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างแท้จริง อาจไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจนมีการแข่งขันที่สูง การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้โดยง่าย และไม่มีแบรนด์ เพราะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อของลูกค้าและทางเลือกที่หลากหลาย การเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ต้องอาศัยการติดตามการดำเนินธุรกิจของบริษัท ภาวะตลาดและเศรษฐกิจพอควร ซึ่งหากเรามองเห็นแนวโน้มนั้นได้ก่อนและเข้าลงทุนในช่วงที่บริษัทประสบปัญหาหรือมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในที่จะสนับสนุนต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น เราจะพบว่าผลตอบแทนที่ได้มักจะดีกว่าที่คาดคิดไว้เสมอ
และก็ได้ขายหมูไปแล้ว เนื่องจาก "ความกลัว" ส่วนสาเหตุของความกลัวก็เกิดจากความเข้าใจในตัวธุรกิจที่ยังไม่เพียงพอนี่ล่ะครับ
จะพยายามตั้งใจศึกษางบและตัวธุรกิจให้ได้อย่างพี่ๆ เซียนๆ ให้ได้อยู่ครับ
- Loby
- Verified User
- โพสต์: 1646
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 23
เอ่อ ขอออกตัวก่อนเลยครับว่าไม่ต้องนับผมเป็นเซียนนะ ผมเป็นแค่นักลงทุนธรรมดาๆคนหนึ่งที่ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ที่ผ่านมาก็ติดตามผลงานการวิเคราะห์ของคุณSaran ในห้องBAFSอยู่เนืองๆครับ ได้มุมมองที่ดีมากเช่นกันครับSaran เขียน:ขอบคุณมากครับ พี่ Loby จุดอ่อนของผมคือเรื่องวิเคราะห์คุณภาพของธุรกิจนี่ล่ะครับ เคยได้คุยกับพี่ในห้อง GL นานแล้วLoby เขียน:ขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ
ในสายตาของคนส่วนใหญ่มักมองว่า หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจกลุ่ม Economy Cycle จะมีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นแข็งแกร่งที่ไม่กระทบกับภาวะเศรษฐกิจมาก และมองว่าไม่ปลอดภัยที่จะถือลงทุนเป็นเวลานาน สาเหตุมาจากไม่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างแท้จริง อาจไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจนมีการแข่งขันที่สูง การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้โดยง่าย และไม่มีแบรนด์ เพราะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อของลูกค้าและทางเลือกที่หลากหลาย การเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ต้องอาศัยการติดตามการดำเนินธุรกิจของบริษัท ภาวะตลาดและเศรษฐกิจพอควร ซึ่งหากเรามองเห็นแนวโน้มนั้นได้ก่อนและเข้าลงทุนในช่วงที่บริษัทประสบปัญหาหรือมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในที่จะสนับสนุนต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น เราจะพบว่าผลตอบแทนที่ได้มักจะดีกว่าที่คาดคิดไว้เสมอ
และก็ได้ขายหมูไปแล้ว เนื่องจาก "ความกลัว" ส่วนสาเหตุของความกลัวก็เกิดจากความเข้าใจในตัวธุรกิจที่ยังไม่เพียงพอนี่ล่ะครับ
จะพยายามตั้งใจศึกษางบและตัวธุรกิจให้ได้อย่างพี่ๆ เซียนๆ ให้ได้อยู่ครับ
ขอบคุณที่ตั้งกระทู้ดีๆครับ
อย่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบชี้นำการกระทำ
แต่ไม่ควรปล่อยโอกาสดีๆให้ผ่านไป เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว
แต่ไม่ควรปล่อยโอกาสดีๆให้ผ่านไป เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 24
ถ้าถือหุ้นตลอดเวลานะคับ ลงทุนในหุ้นระยะเวลา 1-2 ปีจากตอนนี้
ข้อ ก. ผมว่าเสี่ยง ถึงแม้จะเป็นธุรกิจที่ดี แต่ถ้าซื้อราคาแฟร์ หรือมี MoS น้อย ถ้าตลาดปรับฐาน
จะขาดทุนเอาได้ ถ้าจะถือหุ้นในข้อ ก. ก็คงต้องลงทุนมากกว่า 1-2 ปีละคับ ถึงจะได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ
ยกเว้นมีกระสุนเติมได้ แล้วก็เป็นธุรกิจที่ดีจริงๆในระยะยาว ถึงปรับฐานก็ซื้อเพิ่มได้ แต่ก็ต้อง
ยอมรับว่า MoS จะน้อยลงแต่ก็เพียงพอ
ส่วนข้อ ข. ทำได้ตลอดคับผมว่า ถ้าหาหุ้นที่มี MoS เยอะแล้วเราคาดการณ์ธุรกิจได้ดี บางทีตลาดลง
หุ้นพวกนี้ขึ้นเอาสวนตลาดได้ ถ้ามีสตอรี่เข้ามา หุ้นข้อ ข. เป็นหุ้นที่น่าท้าทายสำหรับนักลงทุนเสมอ
แต่ถ้าถามว่า หุ้นกลุ่มไหนที่คิดว่า น่าจะมีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่ากัน
โดยสรุปแล้วส่วนตัว ผมคิดว่าหุ้นข้อ ก. มีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่าคับ
ข้อ ก. ผมว่าเสี่ยง ถึงแม้จะเป็นธุรกิจที่ดี แต่ถ้าซื้อราคาแฟร์ หรือมี MoS น้อย ถ้าตลาดปรับฐาน
จะขาดทุนเอาได้ ถ้าจะถือหุ้นในข้อ ก. ก็คงต้องลงทุนมากกว่า 1-2 ปีละคับ ถึงจะได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ
ยกเว้นมีกระสุนเติมได้ แล้วก็เป็นธุรกิจที่ดีจริงๆในระยะยาว ถึงปรับฐานก็ซื้อเพิ่มได้ แต่ก็ต้อง
ยอมรับว่า MoS จะน้อยลงแต่ก็เพียงพอ
ส่วนข้อ ข. ทำได้ตลอดคับผมว่า ถ้าหาหุ้นที่มี MoS เยอะแล้วเราคาดการณ์ธุรกิจได้ดี บางทีตลาดลง
หุ้นพวกนี้ขึ้นเอาสวนตลาดได้ ถ้ามีสตอรี่เข้ามา หุ้นข้อ ข. เป็นหุ้นที่น่าท้าทายสำหรับนักลงทุนเสมอ
แต่ถ้าถามว่า หุ้นกลุ่มไหนที่คิดว่า น่าจะมีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่ากัน
โดยสรุปแล้วส่วนตัว ผมคิดว่าหุ้นข้อ ก. มีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่าคับ
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 25
ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ พี่ Tibular
หลังจากที่อ่านกระทู้นี้ใหม่อีกครั้ง พบว่าได้มุมมองอะไรใหม่ๆเยอะแหะ
ดูจากหุ้นในพอร์ตของผมตอนนี้เป็นแบบ ข. มากกว่า ก. อยู่ครับ อาจมีส่วนทำให้รู้สึกว่าพอร์ตตัวเองเริ่มเสี่ยงมากขึ้น
ตอนนี้เลยมีแนวคิดซื้อหุ้นแบบ ก. อยู่ครับ เพียงแต่ผมไม่เก่งในการมองด้านคุณภาพของบริษัทเท่าไร
เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการซื้อหุ้นแพงเกินไป เลยกะใช้วิธีซื้อเป็นทีละไม้นะครับ อย่างทยอยซื้อทีล่ะไตรมาส
หลังจากที่อ่านกระทู้นี้ใหม่อีกครั้ง พบว่าได้มุมมองอะไรใหม่ๆเยอะแหะ
ดูจากหุ้นในพอร์ตของผมตอนนี้เป็นแบบ ข. มากกว่า ก. อยู่ครับ อาจมีส่วนทำให้รู้สึกว่าพอร์ตตัวเองเริ่มเสี่ยงมากขึ้น
ตอนนี้เลยมีแนวคิดซื้อหุ้นแบบ ก. อยู่ครับ เพียงแต่ผมไม่เก่งในการมองด้านคุณภาพของบริษัทเท่าไร
เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการซื้อหุ้นแพงเกินไป เลยกะใช้วิธีซื้อเป็นทีละไม้นะครับ อย่างทยอยซื้อทีล่ะไตรมาส
-
- Verified User
- โพสต์: 847
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 26
ที่พี่ pak แนะนำ ณ ตอนนี้ทำให้ผมนึกถึง TRUE เลยครับ ไม่รู้พอจะเข้าข่ายไหม แต่คงไม่เข้าข่ายตรงที่หาก Business Model ใหม่เกิดไม่ดีอย่างที่คิด กรณีนี้คงไม่มีอะไรมาประคับประคอง หากแต่ TRUE นั้นใหญ่เกินจะล้มซะแล้วSaran เขียน:เบี้ยว เขียน: ขออนุญาตแชร์ความรู้อันน้อยนิดนะครับ ผมชอบหุ้น ค ถ้าการเติบโตสามารถดำรงอยู่ได้ในระยะยาวๆ 3-5 ปี หรือมากกว่านั้น โดยต้องอยู่ในธุรกิจที่เราต้องกินต้องใช้ เป็นผู้นำ เอาเป็นว่า ปัจจัยเชิงคุณภาพ ไม่มีข้อสงสัย ผมจะชอบดูที่ growth ก่อน ส่วน PE มันเป็นศิลปะเฉพาะช่วงแล้วแต่ market mood และ invisible reasons ทะยอยเก็บไปเรื่อยเมื่อมีโอกาสครับขอบคุณสำหรับความเห็นครับ พี่เบี้ยว พี่ pak ตอนอ่านคำถามนี้ครั้งแรกผมก็ตอบ ค. เหมือนกันน่ะ เพราะ growth สูงยังไงๆ ก็น่าสนใจpak เขียน:ขอตอบข้อ ค. ครับ
คือ...
ค. หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก โอกาสเจ๊งมีน้อย แต่ต้องซื้อในที่ Fair value หรือไม่มี mos มากนัก และกำลังจะมี Business Model ใหม่ๆ ที่จะสร้างโอกาสในอนาคตได้อย่างมากมาย หรือเรียกได้ว่า กำลังจะเกิด Paradigm Shift ครั้งใหญ่
แต่พอหลังจากได้เริ่มลงในในหุ้นเติบโตมาได้ซักพัก ได้พบกับสัจธรรมที่ว่า หุ้นเติบโตมักจะมาพร้อมกับความคาดหวัง
ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์ผิดคาดขึ้นมาก็มีสิทธิ์บาดเจ็บได้เหมือนกันนะครับ ตรงนี้อาจเป็นแค่ระยะสั้นหรือถาวรก็ได้ อยู่ตัวตัวธุรกิจ
และจะดีกว่าถ้าเป็นหุ้นแบบที่พี่ pak แนะนำคือ บริษัทแข็งแกร่ง พร้อมกับกำลังเปลี่ยน Business Model ใหม่ๆอยู่ (อ่านแล้วผมนึกถึง CPF, SNC เมื่อ 2-3 ปีก่อน) อย่างน้อยหาก Business Model ใหม่เกิดไม่ดีอย่างที่คิด ก็ยังมีตัวธุรกิจหลักประคับประคองได้อยู่ น่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าลงทุนในหุ้นวัฏจักรหรือหุ้นพื้นฐานต่ำรอลุ้นให้ฟื้นตัวนะครับ
ส่วนตัวผมชอบ แบบ ก ครับ เพราะเวลาตลาดขาลง จะโดนปรับ P/E ลงไม่มากเท่ากับพวกที่ P/E สูงกว่า เช่นพวก ร.พ. ตอนนั้นว่าดีๆ ยังไงซะไม่น่าจะหลุดลงต่ำกว่า Historical P/E แต่สุดท้ายเมื่อตลาด Collapse ก็โดนจนได้
"Success is the sum of small efforts, repeated day in and day out" [Robert Collier]
-
- Verified User
- โพสต์: 1161
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 27
ถ้าไม่มีผิดมีถูก ก็จะลองแสดงความเห็นดูครับSaran เขียน:เนื่องจากพอร์ตการลงทุนของผมค่อนข้างเน้น ถือหุ้นไว้ในสัดส่วนค่อนข้างมากตลอดเวลา
เคยคิดจะถือเงินสดอย่างเดียวเหมือนกันครับ แต่อดทนไม่ได้ รู้สึกว่ามันเสียโอกาสยังไงไม่รู้
ดังนั้น อยากขอคำแนะนำหน่อยครับ ถ้าให้เลือกว่าต้องลงทุนในหุ้นระยะเวลา 1-2 ปีนี้ ระหว่าง
ก. หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก โอกาสเจ๊งมีน้อย แต่ต้องซื้อในที่ Fair value หรือไม่มี mos มากนัก กับ
ข. หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ จำพวกกลุ่ม Economy Cycle แน่นอนว่ามีความเสี่ยงด้านพื้นฐานมากกว่าบริษัทในข้อ ก.
จึงต้องลดความเสี่ยงโดยเน้นเลือกซื้อหุ้นที่มีราคาถูก มี mos ในระดับหนึ่ง
หุ้นกลุ่มไหนที่คิดว่า น่าจะมีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่ากัน
ที่ถามนี่ไม่มีตอบที่ผิดหรือถูกนะครับสำหรับตัวเลือก อยากทราบความคิดเห็นของแต่ล่ะคนมากกว่า
กิจการ ก. แข็งแกร่ง รายได้เติบโตค่อนข้างแน่นอน แต่ราคาอยู่ที่ประมาณ fair value ผมไม่สนใจครับ เพราะส่วนตัวผมชอบของถูก แต่ถ้าการเติบโตนั้นจะสูงมากๆ อันนี้ก็ลงทุนแน่นอนครับ โดยเฉพาะถ้าเป็นธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการที่ทุกคนในโลกสามารถเป็นลูกค้าได้ (เพราะยอดขายจะเติบโตได้สูงมาก) และถ้าสินค้าหรือบริการนั้นมีความเหนือกว่าคู่แข่งชัดเจน (มิฉะนั้นการเติบโตจะไม่ยั่งยืน)
กิจการ ข. ธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ราคามี MOS ก็ยังไม่ซื้อครับ ต้องดูก่อนว่า
- ธุรกิจมีสิทธิ์ล้มหรือไม่ (downside risk) ถ้าไม่ล้มแน่ๆก็น่าสนใจครับ (แต่ยังไม่ซื้อ)
- ภาวะเศรษฐกิจเริ่มจะเอื้อกับธุรกิจใน 1-2 ปีข้างหน้าหรือไม่ เช่น demand จากลูกค้าเริ่มกลับมา หรือ supply ในตลาดเริ่มหายไป ถ้าใช่ก็น่าสนใจครับ (แต่ยังไม่ซื้อ)
- กิจการมีการปรับปรุงอะไรในช่วงขาขึ้นของธุรกิจหรือไม่ อันนี้เพื่อดูว่าถ้าธุรกิจเป็นขาขึ้น จะมั่นใจได้อย่างไรว่ากิจการจะสามารถกอบโกยได้อย่างเต็มที่ มิฉะนั้นคู่แข่งก็จะแย่ง market share ไปหมดอยู่ดี (ยังไม่ซื้อนะครับ)
- สุดท้ายให้ประเมินมูลค่าธุรกิจถ้าแย่สุดเทียบกับถ้ากลับมาดีได้ ว่ามูลค่ากิจการควรจะเป็นเท่าไหร่ อย่างที่บอกว่าผมเป็นโรคชอบของถูก ดังนั้นถ้าประเมินแล้วเข้าเกณฑ์ทุกข้อ ก็ต้อง ราคาถูก ครับ เป็นข้อสุดท้าย
รบกวนช่วยวิจารณ์ด้วยครับ
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 847
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 28
ต้องขอโทษครับ แบบ ก ของผมในที่นี้หมายถึง หุ้น ก มี P/E = 5 การเติบโต 5% นะครับet al. เขียน: ที่พี่ pak แนะนำ ณ ตอนนี้ทำให้ผมนึกถึง TRUE เลยครับ ไม่รู้พอจะเข้าข่ายไหม แต่คงไม่เข้าข่ายตรงที่หาก Business Model ใหม่เกิดไม่ดีอย่างที่คิด กรณีนี้คงไม่มีอะไรมาประคับประคอง หากแต่ TRUE นั้นใหญ่เกินจะล้มซะแล้ว
ส่วนตัวผมชอบ แบบ ก ครับ เพราะเวลาตลาดขาลง จะโดนปรับ P/E ลงไม่มากเท่ากับพวกที่ P/E สูงกว่า เช่นพวก ร.พ. ตอนนั้นว่าดีๆ ยังไงซะไม่น่าจะหลุดลงต่ำกว่า Historical P/E แต่สุดท้ายเมื่อตลาด Collapse ก็โดนจนได้
พอดีสับสนกับ กิจการ ก และ ข ด้านบน
"Success is the sum of small efforts, repeated day in and day out" [Robert Collier]
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 29
ขอบคุณ พี่ kraikria , พี่ et al. สำหรับความคิดเห็นนะครับ (ขออภัยด้วยที่บังเอิญตั้งหัวข้อย่อยซ้ำกัน แหะๆ)
ส่วนที่พี่ kraikria จะให้วิจารณ์นั้นมิบังอาจครับ แต่จากหลักการของพี่แล้ว หากเจอหุ้นลักษณะนั้นได้จริงก็น่าจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าครับ
ผมเองก็ชอบหุ้นถูกเหมือนกันครับ เพียงแต่ในภาวะตลาดเช่นนี้ ผมยังหาหุ้นถูกตามเงื่อนไขการลงทุนของผมไม่เจอครับ
ที่ถูกก็เจอแต่พวกหุ้นเกรดซี หรือพวกหุ้นรอลุ้น turnaround ซึ่งผมก็ยังไม่มีความรู้ในธุรกิจนั้นเท่าไร เลยดูเสี่ยงเกินไปครับ
ในตอนนี้สำหรับความคิดผม อาจเลือกลงทุนในหุ้นประเภท ก. (ซื้อหุ้นแข็งแกร่ง ราคาปานกลาง) และอยู่ในกลุ่มที่น่าจะเป็น
เมกะเทรน มากกว่าหุ้นประเภท ข. แล้วนะครับ ซึ่งถ้าหากซื้อได้ในราคาถูกก็ถือว่าเป็นโอกาสดี (แต่ผมก็ยังหาปัจจัยที่หุ้นแข็งแกร่ง
จะมีโอกาสมาเป็นหุ้นราคาถูกได้เลยอ่ะ)
ส่วนที่พี่ kraikria จะให้วิจารณ์นั้นมิบังอาจครับ แต่จากหลักการของพี่แล้ว หากเจอหุ้นลักษณะนั้นได้จริงก็น่าจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าครับ
ผมเองก็ชอบหุ้นถูกเหมือนกันครับ เพียงแต่ในภาวะตลาดเช่นนี้ ผมยังหาหุ้นถูกตามเงื่อนไขการลงทุนของผมไม่เจอครับ
ที่ถูกก็เจอแต่พวกหุ้นเกรดซี หรือพวกหุ้นรอลุ้น turnaround ซึ่งผมก็ยังไม่มีความรู้ในธุรกิจนั้นเท่าไร เลยดูเสี่ยงเกินไปครับ
ในตอนนี้สำหรับความคิดผม อาจเลือกลงทุนในหุ้นประเภท ก. (ซื้อหุ้นแข็งแกร่ง ราคาปานกลาง) และอยู่ในกลุ่มที่น่าจะเป็น
เมกะเทรน มากกว่าหุ้นประเภท ข. แล้วนะครับ ซึ่งถ้าหากซื้อได้ในราคาถูกก็ถือว่าเป็นโอกาสดี (แต่ผมก็ยังหาปัจจัยที่หุ้นแข็งแกร่ง
จะมีโอกาสมาเป็นหุ้นราคาถูกได้เลยอ่ะ)
- VI Wannabe
- Verified User
- โพสต์: 1013
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 30
ตอบ ข้อ ก ครับ
ส่วนตัวไม่ชอบหุ้นถูกเลยครับ
ชอบหุ้นเติบโตที่มีปัญหา(ที่เราคิดว่าชั่วคราว)
อย่างไรก็ตามตอนนี้เพลงยังดังอยู่เราก็เต้นตามไปก่อนครับ (ส่วนตัวคิดว่ายังไม่ถึงจุดที่เรียกว่ามันส์ที่สุดของคืน)
แต่ต้องมีสติครับว่าเมื่อเพลงหยุดแล้วเราต้องกล้าปรับพอร์ท เน้นซื้อแต่หุ้นคุณภาพในข้อ ก เท่านั้นครับ
ส่วนตัวไม่ชอบหุ้นถูกเลยครับ
ชอบหุ้นเติบโตที่มีปัญหา(ที่เราคิดว่าชั่วคราว)
อย่างไรก็ตามตอนนี้เพลงยังดังอยู่เราก็เต้นตามไปก่อนครับ (ส่วนตัวคิดว่ายังไม่ถึงจุดที่เรียกว่ามันส์ที่สุดของคืน)
แต่ต้องมีสติครับว่าเมื่อเพลงหยุดแล้วเราต้องกล้าปรับพอร์ท เน้นซื้อแต่หุ้นคุณภาพในข้อ ก เท่านั้นครับ
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"