VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 1
การคำนวณ ราคาพื้นฐานหุ้นนั้น ไม่ว่าจะได้วิธีใด นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะ คำนวณด้วยความconservative เพราะไม่มีใครรู้ กำไรล่วงหน้าที่แน่นอน ของหุ้น และ ต้องการให้มี margin of safety สูง ด้วยเหตุนี้ ราคาพื้นฐานของหุ้นที่คำนวณได้มักจะเป็นราคาหมู
นอกจากนี้ ถ้าตัดปัจจัยของความ conservative ออกไปแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ เมื่อหุ้นขึ้นถึงราคาพื้นฐานแล้ว ยังมีแรงเฉื่อยหรือ momentum หรือ บางครั้งความบ้าคลั่งของนักลงทุนที่ ซื้อตามข่าวดี แต่ไม่พิจารณาถึงราคาที่คุ้มค่าต่อคุณภาพของหุ้น ซึ่งทำให้ราคา สามารถขึ้นต่อไปได้อีกเป็นเท่าตัว หรือหลายเท่าตัวของราคาพื้นฐานที่คำนวณได้
ปัจจัยสุดท้ายที่ทำให้ vi ต้องขายหมูนั้น เป็นเพราะ สถานะของตลาดโดยรวม ที่เป็น bull มาก ทำให้ราคาของหุ้นทุกตัวยังต้องขยับเพิ่มขึ้นจากราคาพื้นฐานไปอีก ตามดัชนี
เพราะฉะนั้น นักลงทุนที่มีประสบการณ์มักจะไม่ขายหุ้นทั้งหมด เมื่อถึง target บางท่านอาจจะกำหนดtarget เป็น range แล้วแบ่งขาย แทนที่จะ กำหนดเป็นตัวเลข ตัวเดียว หรือบางท่านเมื่อหุ้นมีราคาเกินพื้นฐานไปแล้วอาจจะ รอจนกว่าหุ้นจะไม่มี new high แล้วจึงขาย และบางท่านก็จะขายไปเลยทันทีที่ถึง target เพราะทำใจไว้แล้วว่าหมูก็ไม่เป็นไร
เข้าใจว่าการขายที่จุดสูงสุดนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่การขายที่ target แล้วหุ้นยังขึ้นต่อเนื่องไป ในบางครั้งเป็นเท่าตัวนั้น ก็เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากทำเช่นกัน
สิ่งที่ผมเห็นว่าควรทำและอยากทำที่สุดนั้น ก็คือ การซื้อกิจการที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืน ที่ราคาเหมาะสม ที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่คำนวณได้ อาจจะมี margin of safety 50%+ (อาจจะเกิดได้เฉพาะช่วงวิกฤติ) และถือไปจนกว่า พื้นฐานกิจการจะเปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องสนใจtarget แต่อย่างใด
คำถามคือ ถ้าผมซื้อหุ้นที่เป็น economic cycle (ซึ่งไม่สามารถจะถือยาวเป็น 10 ปีเหมือนธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืนได้) ที่ราคาเหมาะสม มี margin of safety สูง เมื่อเทียบกับราคาที่คำนวณได้มาแล้ว และราคาขึ้นมาใกล้เคียง หรือเกินกว่า target ที่คำนวณได้
การที่ผมจะถือไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจราคาว่าเกินพื้นฐานมาเยอะหรือไม่ เช่นเดียวกับการซื้อธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืน และขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน คือธุรกิจเป็นเริ่มเป็นขาลงเท่านั้น (คือคำนวณ target ในตอนซื้อเพื่อหาตัวที่มี margin of safety ทีต้องการเท่านั้น ไม่นำมาใช้ในการขาย) จะเหมาะสมกว่าการใช้ราคาเป้าหมายประกอบในการขายหรือไม่ และมีวิธีอื่นที่จะป้องกันการขายหมูได้ดีกว่านี้หรือไม่ครับ
นอกจากนี้ ถ้าตัดปัจจัยของความ conservative ออกไปแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ เมื่อหุ้นขึ้นถึงราคาพื้นฐานแล้ว ยังมีแรงเฉื่อยหรือ momentum หรือ บางครั้งความบ้าคลั่งของนักลงทุนที่ ซื้อตามข่าวดี แต่ไม่พิจารณาถึงราคาที่คุ้มค่าต่อคุณภาพของหุ้น ซึ่งทำให้ราคา สามารถขึ้นต่อไปได้อีกเป็นเท่าตัว หรือหลายเท่าตัวของราคาพื้นฐานที่คำนวณได้
ปัจจัยสุดท้ายที่ทำให้ vi ต้องขายหมูนั้น เป็นเพราะ สถานะของตลาดโดยรวม ที่เป็น bull มาก ทำให้ราคาของหุ้นทุกตัวยังต้องขยับเพิ่มขึ้นจากราคาพื้นฐานไปอีก ตามดัชนี
เพราะฉะนั้น นักลงทุนที่มีประสบการณ์มักจะไม่ขายหุ้นทั้งหมด เมื่อถึง target บางท่านอาจจะกำหนดtarget เป็น range แล้วแบ่งขาย แทนที่จะ กำหนดเป็นตัวเลข ตัวเดียว หรือบางท่านเมื่อหุ้นมีราคาเกินพื้นฐานไปแล้วอาจจะ รอจนกว่าหุ้นจะไม่มี new high แล้วจึงขาย และบางท่านก็จะขายไปเลยทันทีที่ถึง target เพราะทำใจไว้แล้วว่าหมูก็ไม่เป็นไร
เข้าใจว่าการขายที่จุดสูงสุดนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่การขายที่ target แล้วหุ้นยังขึ้นต่อเนื่องไป ในบางครั้งเป็นเท่าตัวนั้น ก็เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากทำเช่นกัน
สิ่งที่ผมเห็นว่าควรทำและอยากทำที่สุดนั้น ก็คือ การซื้อกิจการที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืน ที่ราคาเหมาะสม ที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่คำนวณได้ อาจจะมี margin of safety 50%+ (อาจจะเกิดได้เฉพาะช่วงวิกฤติ) และถือไปจนกว่า พื้นฐานกิจการจะเปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องสนใจtarget แต่อย่างใด
คำถามคือ ถ้าผมซื้อหุ้นที่เป็น economic cycle (ซึ่งไม่สามารถจะถือยาวเป็น 10 ปีเหมือนธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืนได้) ที่ราคาเหมาะสม มี margin of safety สูง เมื่อเทียบกับราคาที่คำนวณได้มาแล้ว และราคาขึ้นมาใกล้เคียง หรือเกินกว่า target ที่คำนวณได้
การที่ผมจะถือไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจราคาว่าเกินพื้นฐานมาเยอะหรือไม่ เช่นเดียวกับการซื้อธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืน และขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน คือธุรกิจเป็นเริ่มเป็นขาลงเท่านั้น (คือคำนวณ target ในตอนซื้อเพื่อหาตัวที่มี margin of safety ทีต้องการเท่านั้น ไม่นำมาใช้ในการขาย) จะเหมาะสมกว่าการใช้ราคาเป้าหมายประกอบในการขายหรือไม่ และมีวิธีอื่นที่จะป้องกันการขายหมูได้ดีกว่านี้หรือไม่ครับ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 2
ถ้ากิจการที่ไม่ได้แข็งแรงในระยะยาว ผมจะคำนวณ fair value เป็นกรอบกว้างๆ
พอขึ้นมาถึงระดับของขอบเขตด้านล่างของ fair value จะมีการกำหนด กลยุทธ์ในการขายเอาไว้ เช่น ถ้าถึงขอบเขตด้านล่างจะลดสัดส่วนลง 10% ถึงขึ้นไป 1/4 ของขอบเขตก็อาจจะลดอีก เป็นต้น
และเมื่อราคาเข้ามาอยู่ในขอบเขตของ fair value หรือ ถ้ามีการเคลื่อนไหวแรงๆ ผมจะตรวจสอบพื้นฐานกิจการอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามีอะไรที่หลุดออกไปจากข้อมูลที่ผมเอามาใช้ในการประเมินมูลค่าหรือไม่
และในช่วงของกรอบ fair value ผมจะเอา technical analysis เข้ามาประกอบการซื้อขายมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับ upside ที่ลดลง เช่น ถ้าตอนที่ราคาพึ่งเข้ามาในขอบเขตด้านล่างของ fair value ผมอาจจะให้น้ำหนัก technical 25% ถึงพอถึงระดับกลางๆ ของ fair value ผมอาจจะให้น้ำหนัก technical 50%
นอกจากนี้ หากมีการหลุดระดับของแนวต้านหลักๆ ก็จะให้น้ำหนักกับ technical analysis มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อป้องกันเงินต้น
หวังว่าคงพอจะเป็น ไอเดีย ในการกำหนด กลยุทธ์การขายหุ้นนะครับ
อ้อ... ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็น ไอเดีย สำหรับใช้กับหุ้นที่ไม่ได้แข็งแกร่ง ไม่ได้เป็นหุ้นที่ผมตั้งใจจะถือตลอดชีวิต ถ้าเป็นหุ้นที่ผมตั้งใจจะถือยาว ถือตลอดชีวิต กลยุทธ์ จะเป็นอีกแบบครับ
ปล.
1) การกำหนดกลยุทธ์การขายนี่เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เลยครับ นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ในการกำหนด action ตอนขายอีกครั้ง เช่น ขายเฉลี่ย ขายตามเวลา ขายโยน trailing stop อื่นๆ อีกเต็มไปหมด ซึ่งอย่างที่เค้าว่าครับ การขายนี่ ยากกว่าการซื้อเยอะครับ แต่ถ้ารู้จักกลยุทธ์การขาย ซื้อถูกเวลา ยังไงก็ไม่น่าจะหมดตัวกับตลาดหุ้นครับ
2) ที่ผมต้องกำหนดกลยุทธ์การขายละเอียด เป็นเพราะ ผมเป็นคนขี้เกียจ รู้น้อย ไม่ค่อยขยัน เข้าสังคมน้อย จึงได้รับข้อมูลน้อย ดังนั้นเวลาเกิดอะไรขึ้นในตลาด กับกิจการ จึงไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ตามคนอื่นไม่ค่อยทัน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงมากเวลาเกิดอะไรลึกๆ ที่เราเข้าไม่ถึง ด้วยเหตุนี้เวลาซื้อหุ้น ผมก็ต้องเลือกซื้อหุ้นที่เข้าใจง่ายๆ สามารถถือได้นานๆ เวลาราคาถึง fair value ก็ต้อง มีกลยุทธ์ในการขายละเอียดหน่อย ไม่งั้น ตาย ตาย และก็ ตาย ท่าเดียวครับ
พอขึ้นมาถึงระดับของขอบเขตด้านล่างของ fair value จะมีการกำหนด กลยุทธ์ในการขายเอาไว้ เช่น ถ้าถึงขอบเขตด้านล่างจะลดสัดส่วนลง 10% ถึงขึ้นไป 1/4 ของขอบเขตก็อาจจะลดอีก เป็นต้น
และเมื่อราคาเข้ามาอยู่ในขอบเขตของ fair value หรือ ถ้ามีการเคลื่อนไหวแรงๆ ผมจะตรวจสอบพื้นฐานกิจการอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามีอะไรที่หลุดออกไปจากข้อมูลที่ผมเอามาใช้ในการประเมินมูลค่าหรือไม่
และในช่วงของกรอบ fair value ผมจะเอา technical analysis เข้ามาประกอบการซื้อขายมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับ upside ที่ลดลง เช่น ถ้าตอนที่ราคาพึ่งเข้ามาในขอบเขตด้านล่างของ fair value ผมอาจจะให้น้ำหนัก technical 25% ถึงพอถึงระดับกลางๆ ของ fair value ผมอาจจะให้น้ำหนัก technical 50%
นอกจากนี้ หากมีการหลุดระดับของแนวต้านหลักๆ ก็จะให้น้ำหนักกับ technical analysis มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อป้องกันเงินต้น
หวังว่าคงพอจะเป็น ไอเดีย ในการกำหนด กลยุทธ์การขายหุ้นนะครับ
อ้อ... ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็น ไอเดีย สำหรับใช้กับหุ้นที่ไม่ได้แข็งแกร่ง ไม่ได้เป็นหุ้นที่ผมตั้งใจจะถือตลอดชีวิต ถ้าเป็นหุ้นที่ผมตั้งใจจะถือยาว ถือตลอดชีวิต กลยุทธ์ จะเป็นอีกแบบครับ
ปล.
1) การกำหนดกลยุทธ์การขายนี่เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เลยครับ นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ในการกำหนด action ตอนขายอีกครั้ง เช่น ขายเฉลี่ย ขายตามเวลา ขายโยน trailing stop อื่นๆ อีกเต็มไปหมด ซึ่งอย่างที่เค้าว่าครับ การขายนี่ ยากกว่าการซื้อเยอะครับ แต่ถ้ารู้จักกลยุทธ์การขาย ซื้อถูกเวลา ยังไงก็ไม่น่าจะหมดตัวกับตลาดหุ้นครับ
2) ที่ผมต้องกำหนดกลยุทธ์การขายละเอียด เป็นเพราะ ผมเป็นคนขี้เกียจ รู้น้อย ไม่ค่อยขยัน เข้าสังคมน้อย จึงได้รับข้อมูลน้อย ดังนั้นเวลาเกิดอะไรขึ้นในตลาด กับกิจการ จึงไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ตามคนอื่นไม่ค่อยทัน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงมากเวลาเกิดอะไรลึกๆ ที่เราเข้าไม่ถึง ด้วยเหตุนี้เวลาซื้อหุ้น ผมก็ต้องเลือกซื้อหุ้นที่เข้าใจง่ายๆ สามารถถือได้นานๆ เวลาราคาถึง fair value ก็ต้อง มีกลยุทธ์ในการขายละเอียดหน่อย ไม่งั้น ตาย ตาย และก็ ตาย ท่าเดียวครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณ คุณ picatos ครับ ที่ share idea และวิธีการที่ใช้อยู่
อยากทราบเพิ่มเติมว่าคุณ picatos มีความเห็นอย่างไร กับการไม่ใช้ target เวลาขายครับ คือ รอให้พื้นฐานกิจการเปลี่ยนแล้วจึงขาย (ทั้งที่ไม่ใช่ธุรกิจที่ ถือได้ตลอดชีวิต)
และเคยเจอ VI ที่ใช้วิธีนี้ บ้างไหมครับ
อยากทราบเพิ่มเติมว่าคุณ picatos มีความเห็นอย่างไร กับการไม่ใช้ target เวลาขายครับ คือ รอให้พื้นฐานกิจการเปลี่ยนแล้วจึงขาย (ทั้งที่ไม่ใช่ธุรกิจที่ ถือได้ตลอดชีวิต)
และเคยเจอ VI ที่ใช้วิธีนี้ บ้างไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 4
ปัญหา คือ มุมมองกับ style แต่ละคัน หรือเปล่าคับGenPhy เขียน:
คำถามคือ ถ้าผมซื้อหุ้นที่เป็น economic cycle (ซึ่งไม่สามารถจะถือยาวเป็น 10 ปีเหมือนธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืนได้) ที่ราคาเหมาะสม มี margin of safety สูง เมื่อเทียบกับราคาที่คำนวณได้มาแล้ว และราคาขึ้นมาใกล้เคียง หรือเกินกว่า target ที่คำนวณได้
การที่ผมจะถือไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจราคาว่าเกินพื้นฐานมาเยอะหรือไม่ เช่นเดียวกับการซื้อธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืน และขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน คือธุรกิจเป็นเริ่มเป็นขาลงเท่านั้น (คือคำนวณ target ในตอนซื้อเพื่อหาตัวที่มี margin of safety ทีต้องการเท่านั้น ไม่นำมาใช้ในการขาย) จะเหมาะสมกว่าการใช้ราคาเป้าหมายประกอบในการขายหรือไม่ และมีวิธีอื่นที่จะป้องกันการขายหมูได้ดีกว่านี้หรือไม่ครับ
เช่น ดังตัวอย่าง เหมือนมันบอกกรอบเวลาไม่ได้ ว่า return เท่าไหร่ ในเวลาขนาดไหน หรือบางที เห็นตัวเงินเยอะ แต่ cagr อาจจะต่ำ
ตรงนี้ น่าจะเป็น mind set ที่ทำให้เซียนต่างจาก คนธรรมดาป่าวคับ
คนธรรมดา มัวเสียใจ เพราะขายหมู และ ดีใจกับ ตัวเลขโดยลืม cagr
แต่เซียน กลับมองหาโอกาส และทำตามกลยุทธ อาจจะเสียดายบ้าง
แต่ก็เลือก มอง ผลตอบแทนรวมที่เป็นภาพใหของพอร์ทก่อน
มองโลกในแง่ดี ไม่มีใครขาดทุนเพราะขายหมู
ถ้าเราเลือกทำ เพราะ right for right reason
ผมว่า หุ้นจะถือยาวได้ คือ ต้องเป็น super stock
หมายถึง super stock ใครจะมีเกณฑ์คิดยังไงก็แล้วแต่
หาให้เจอก่อน ตลาดจะรู้ หรือได้ premium เกินไป
ถึงน่าจะถือยาวนะคับ แต่ข้อเสียก็คือ มัน forcast return หลายๆปียาก
แต่ จขกท บอกว่า เป็น economic cyclical ผมก็ไม่แน่ใจว่าถือยาวมันจะดี
คุ้มกับคำว่า เสียดายที่ขายหมู หรือเปล่า อะคับ
ปล ขอบคุณคุณ picatos มากคับ
รบกวนสอบถามหน่อยคับ
ว่า ความรู้ technical ต้องเชิงลึกแค่ไหนคับ
แล้วถ้าให้เทียบกับ ทางพื้นฐาน โดยใช้คุณ picatos เป็นเกณฑ์
เช่น ความสามารถทางพื้นฐานคุณ picatos สูงสัก 100แต้ม
ความสามารถทางเทคนิคที่ใช้ประกอบควรจะซักกี่แต้มดีคับ
ผมจะได้รู้ว่าต้องรู้ technical ลึกประมาณไหนคร่าวๆ
ขอบคุณคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 1161
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 5
ขายหมูแล้วราคาขึ้นไปต่อ ผมว่ามี 2 แบบ
แบบแรก เราคำนวนมูลค่าที่แท้จริงได้ค่อนข้างถูกต้อง แต่ราคาที่ตลาดให้ over value ไปไกล แบบนี้ไม่ต้องเสียใจครับ ควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ได้ถือหุ้นที่ over value
แบบที่สอง เราคำนวณมูลค่าที่แท้จริงพลาดแบบต่ำกว่าความเป็นจริง อันนี้ก็ไม่ต้องเสียใจเพราะเราไม่ควรโลภเกินความรู้ แต่เราอาจจะนำข้อผิดพลาดดังกล่าวมาทำให้เรามีความรู้มากขึ้น
ผมขายหมูประจำครับ
แบบแรก เราคำนวนมูลค่าที่แท้จริงได้ค่อนข้างถูกต้อง แต่ราคาที่ตลาดให้ over value ไปไกล แบบนี้ไม่ต้องเสียใจครับ ควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ได้ถือหุ้นที่ over value
แบบที่สอง เราคำนวณมูลค่าที่แท้จริงพลาดแบบต่ำกว่าความเป็นจริง อันนี้ก็ไม่ต้องเสียใจเพราะเราไม่ควรโลภเกินความรู้ แต่เราอาจจะนำข้อผิดพลาดดังกล่าวมาทำให้เรามีความรู้มากขึ้น
ผมขายหมูประจำครับ
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 6
ผมใช้แบบง่ายๆ คือ ขายเมื่อไม่สบายใจ หรือเมื่อเห็นตัวใหม่
ถ้าหุ้น cycle อาจจะมีความไม่สบายใจมากกว่าปกติ
หลายครั้งหุ้นที่ขายไปแล้วก็ไม่ลงมาอีกเลย
แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าขายหมู ไม่เคยเสียดาย
เพราะไม่ได้รู้จริงๆ ว่ามันควรจะมีราคาเท่านี้
ราคาที่เห็นปัจจุบัน ถ้ายังถืออยู่ก็นอนไม่หลับ และขายอยู่ดี
บางครั้งพอเฉลยแล้ว เข้าใจมากขึ้น ซื้อแพงกว่าเดิม(แต่ยังถูกในมูลค่า)
ก็ซื้อถือว่าทำหล่นไปบ้างเพราะเรารู้น้อยเอง
มีกรณีที่ผมเคยทำ คิดว่าเป็นการขายหมู คือ
ขายเพราะกลัวตลาดจะลง ซึ่งหลังจากหายกลัวแล้ว
มองดูราคาปัจจุบัน(ที่สูงขึ้น)
แล้วมีแค่ความอยากถือ อยากซื้อ นั่นแหละ หมูของผม
ถ้าหุ้น cycle อาจจะมีความไม่สบายใจมากกว่าปกติ
หลายครั้งหุ้นที่ขายไปแล้วก็ไม่ลงมาอีกเลย
แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าขายหมู ไม่เคยเสียดาย
เพราะไม่ได้รู้จริงๆ ว่ามันควรจะมีราคาเท่านี้
ราคาที่เห็นปัจจุบัน ถ้ายังถืออยู่ก็นอนไม่หลับ และขายอยู่ดี
บางครั้งพอเฉลยแล้ว เข้าใจมากขึ้น ซื้อแพงกว่าเดิม(แต่ยังถูกในมูลค่า)
ก็ซื้อถือว่าทำหล่นไปบ้างเพราะเรารู้น้อยเอง
มีกรณีที่ผมเคยทำ คิดว่าเป็นการขายหมู คือ
ขายเพราะกลัวตลาดจะลง ซึ่งหลังจากหายกลัวแล้ว
มองดูราคาปัจจุบัน(ที่สูงขึ้น)
แล้วมีแค่ความอยากถือ อยากซื้อ นั่นแหละ หมูของผม
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 9
ทำไมราคาพื้นฐานที่คำนวนได้ถึงเป็นราคาหมูหละครับ...-_-??)GenPhy เขียน:การคำนวณ ราคาพื้นฐานหุ้นนั้น ไม่ว่าจะได้วิธีใด นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะ คำนวณด้วยความconservative เพราะไม่มีใครรู้ กำไรล่วงหน้าที่แน่นอน ของหุ้น และ ต้องการให้มี margin of safety สูง ด้วยเหตุนี้ ราคาพื้นฐานของหุ้นที่คำนวณได้มักจะเป็นราคาหมู
ผมคิดว่าคุณก็ทำถูกแล้วนี่ครับ และ VI ส่วนใหญ่เขาก็ทำแบบนั้นกันนะครับ...^^)GenPhy เขียน:สิ่งที่ผมเห็นว่าควรทำและอยากทำที่สุดนั้น ก็คือ การซื้อกิจการที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืน ที่ราคาเหมาะสม ที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่คำนวณได้ อาจจะมี margin of safety 50%+ (อาจจะเกิดได้เฉพาะช่วงวิกฤติ) และถือไปจนกว่า พื้นฐานกิจการจะเปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องสนใจtarget แต่อย่างใด
แบบนี้เป็นเคสหุ้นที่ต้องใช้วิธีการเล่นที่แตกต่างออกไป คุณก็บอกแล้วนี่ว่าถือยาวไม่ได้...^^)GenPhy เขียน:คำถามคือ ถ้าผมซื้อหุ้นที่เป็น economic cycle (ซึ่งไม่สามารถจะถือยาวเป็น 10 ปีเหมือนธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืนได้) ที่ราคาเหมาะสม มี margin of safety สูง เมื่อเทียบกับราคาที่คำนวณได้มาแล้ว และราคาขึ้นมาใกล้เคียง หรือเกินกว่า target ที่คำนวณได้
....^^)GenPhy เขียน:การที่ผมจะถือไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจราคาว่าเกินพื้นฐานมาเยอะหรือไม่ เช่นเดียวกับการซื้อธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืน และขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน คือธุรกิจเป็นเริ่มเป็นขาลงเท่านั้น (คือคำนวณ target ในตอนซื้อเพื่อหาตัวที่มี margin of safety ทีต้องการเท่านั้น ไม่นำมาใช้ในการขาย) จะเหมาะสมกว่าการใช้ราคาเป้าหมายประกอบในการขายหรือไม่ และมีวิธีอื่นที่จะป้องกันการขายหมูได้ดีกว่านี้หรือไม่ครับ
ผมคิดว่าชาว VI ส่วนใหญ่ก็ทำแบบที่คุณทำแหละครับ เขาซื้อเริ่มแรกไม่ได้ดูที่ราคา หรือประเมินราคาก่อน
เขาซื้อโดยดูปัจจัยพื้นฐานของตัวธุรกิจก่อน ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ถ้าดีแล้วค่อยมาประเมินราคา
(อย่าสับสนว่าดูราคาก่อน แล้วค่อยดูพื้นฐานนะครับ) ดังนั้นเมื่อราคาขึ้นมาเกินมูลค่าที่คำนวนได้ตอนแรก
ก็ต้องย้อนกลับไปดูที่ปัจจัยพื้นฐานมันเปลี่ยนหรือยังอย่างที่คุณบอกแหละครับ แล้วอีกอย่างถ้าตลาดมัน
bull มากๆจริง แปลว่าเศรษฐกิจมันดีครับ แล้วกำไรของบริษัทมันก็ต้องดีตามไปด้วย ดังนั้น ราคาที่คุณประเมิน
บริษัท ณ ตอนแรกมันจะเปลี่ยนไปครับ ทำให้คุณต้องประเมินราคาใหม่ที่อาจจะได้สูงกว่าราคาเดิมที่เคย
ประเมินไว้ สังเกตุง่ายๆครับย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว คุณประเมินบริษัทนึงมีกำไรต่อหุ้นประมาน 1.2 บาท
ต่อปี(โดยเฉลี่ย) พอผ่านไป 3 ปี บริษัททำกำไรต่อหุ้นได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 บาท ทุกๆปีที่ผ่านมา ราคาที่
คุณประเมินไว้ตอนแรก(fair Value) มันก็ต้องเปลี่ยนไป ถูกต้องไหมครับ ดังนั้นผมคิดว่าไม่มีชาว VI
เขาขายหมูหรอกครับ(ถ้าดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนะ) เพราะเขาพอใจที่ราคานั้นถึงได้ขายครับ....^^)
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 10
ขออภัย หาก ใช่คำพูดว่าหุ้นที่ถือตลอดชีวิต ที่อาจจะเกินจริงไปนิดในโลกแห่งความเป็นจริงGenPhy เขียน:ขอบคุณ คุณ picatos ครับ ที่ share idea และวิธีการที่ใช้อยู่
อยากทราบเพิ่มเติมว่าคุณ picatos มีความเห็นอย่างไร กับการไม่ใช้ target เวลาขายครับ คือ รอให้พื้นฐานกิจการเปลี่ยนแล้วจึงขาย (ทั้งที่ไม่ใช่ธุรกิจที่ ถือได้ตลอดชีวิต)
และเคยเจอ VI ที่ใช้วิธีนี้ บ้างไหมครับ
เพราะ อันที่จริงแล้ว สิ่งต่างๆ ในโลกย่อมไม่เที่ยง เป็นธรรมดา ดังนั้น อาจจะไม่มีหุ้นตัวใดในโลกนี้ ที่ควรจะถือตลอดชีวิต แต่ที่ผมเขียนในลักษณะนี้ เพราะจริงๆ ถ้าเขียนเต็มๆ จะเขียนว่า หุ้นที่ตั้งใจจะถือตลอดชีวิตหากปัจจัยพื้นฐานบางอย่างยังดีอยู่
ซึ่งในการลงทุน ไม่ว่าเราจะลงทุนในกิจการใดๆ หน้าที่ของเรา คือ การติดตามกิจการนั้นๆ สำหรับกิจการที่แข็งแกร่งมากๆ การประเมินมูลค่า จะสูงกว่า Earning Power Value (EPV) หรือ Franchise Value เพราะ มันจะมีส่วนของ Growth Value เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ทีนี้ในส่วนของ Growth Value นี้ประเมินได้ยากครับ เราคิดว่าเราเหนือ ก็ยังมีคนที่เหนือกว่า เราคิดว่าคนอื่นเหนือแล้ว กรรมะวิบากก็เป็นสิ่งที่เหนือกว่า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เราจะให้ target กับกิจการเทพๆ ที่กำลังเติบโต
ย้อนกลับมาตอนซื้อ ผมจะซื้อตอนที่ราคาคุ้มค่า เมื่อเทียบกับ EPV ในปัจจุบัน มี MOS ที่ 30% เป็นอย่างน้อย แต่ในการขาย หากเป็นกิจการเทพๆ ที่มี dca มี growth ในระยะยาว ผมจะไม่มี target โอเค อาจจะมี target สำหรับส่วนที่เก็งกำไร แต่ในส่วนที่ผมตั้งใจจะถือตลอดชีวิตหากปัจจัยพื้นฐานบางอย่างไม่เปลี่ยน ผมจะไม่มี target
ยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวหน่อยละกัน หลายๆ คนที่รู้จักกับผม อ่จจะพอรู้ว่าผมลงทุน ใน cpn มาตั้งแต่หลังไฟไหม้ ctw อย่างยาวนาน ตอนผมลงทุน ผมจะมีการแบ่งเงินลงทุนออกเป็น 3 ส่วน 1 เงินลงทุนระยะยาวที่ตั้งใจจะถือตลอดชีวิตหากปัจจัยพื้นฐานบางอย่างไม่เปลี่ยน 2 เงินเก็งกำไรจากกิจการที่ประสบปัญหาชั่วคราวจากไฟไหม้ 3 เงินเก็งกำไรหาก cpn มีการเลือกใช้ TAS40 แบบมูลค่ายุติธรรม
เงินทั้ง 3 ส่วนนี้ รวมๆ กันทำให้ผมถือ cpn รวมๆ กันในสัดส่วนที่คนทั่วๆ ไปเรียกว่า ตีแตก ได้ ทีนี้ ในการกำหนดกลยุทธ์ เวลาขาย ก็จะมีกลยุทธ์ในการขายที่แตกต่างกันเป็นส่วนๆ ในส่วนที่ 3 จะขายก็ต่อเมื่อเรารู้ผลแล้วว่าจะใช้มูลค่ายุติธรรมหรือไม่ ในส่วนที่ 2 จะขายก็ต่อเมื่อราคาเข้าถึง fair value ตาม epv ในปัจจุบัน หรือไปเจอกันลงทุนอื่นที่มี upside มากกว่าหรือไม่
และในส่วนที่ 1 เป็นส่วนที่ถือยาวๆ ดู consumer behavior ไปเรื่อยๆ ดู development ของพวก retailer ดู sssg ไปเรื่อยๆ หากปัจจัยเชิงคุณภาพยังเอื้ออำนวยต่อการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจห้าง ก็ถือไปเรื่อยๆ และเวลาทำ valuation ผมจะใช้ dcf ในการดูว่า หากกิจการเติบโตตามตามสมมติฐานของเรา เราจะได้อัตราผลตอบแทนในระยะยาวสักเท่าไหร่จากราคานี้ ไม่ได้ดูที่ target และไม่มี target ครับ
โดยผมจะขายหุ้นในส่วนนี้จะมี 2 กรณี คือ 1 ปัจจัยพื้ฐานไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจแล้ว 2 อัตราผลตอบแทนในระยะยาว เมื่อพิจารณาถึง growth ที่จะทำได้ ไม่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้จากตราสารหนี้
หวังว่าที่ตอบไปจะตรงกับที่ถามนะครับ
ในส่วนที่ถามว่าเคยเจอนักลงทุนคนอื่นที่ใช้วิธีต่างๆ นั้น ตามปกติ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้สนใจคนอื่นสักเท่าไหร่ครับ ผมเป็นคนที่สนใจและหมกมุ่นอยู่กับกายใจตัวเองมากกว่า ไม่ค่อยได้สนใจคนอื่นมากนัก จึงไม่อาจช่วยตอบคำถามนี้ได้ครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 11
เป็นหุ้นที่เราเข้าใจมันจริงๆ เป็นหุ้นที่เราถือแล้วกินอิ่มนอนหลับ เป็นหุ้นที่หากเราไปเที่ยวยุโรปสักเดือน 2 เดือน ไม่ได้ติดตามข่าวสาร ไม่ดูราคาแล้วเราก็ชิวๆ สบายๆ เที่ยวได้อย่างมีความสุข เป็นหุ้นที่หากราคาตกลงไปครึ่งนึงโดยที่พื้นฐานกิจการไม่เปลี่ยน เราก็ไม่หวั่นไหว พร้อมที่จะถือ หรือซื้อเพิ่มหากมีโอกาส (ซื้อเพิ่มด้วยเหตุผลนะครับ ไม่ใช่เพราะอาจจะเอาคืน)Brydo เขียน:ขอบคุณคุณ picatos ครับ และอยากรบกวนถามว่าในมุมมองของคุณ picatos หุ้นที่เราจะถือตลอดชีวิต ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างครับ?
โดยสรุป มันต้องเป็นหุ้นที่กิจการแข็งแกร่งมากๆ และเราเข้าใจมันจริงๆ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 12
ถ้า fundamental มี 100 แต้ม ผมใช้ technical อยู่ 5 แต้มครับ แค่เอาไว้ดู แนวโน้ม ดูแนวรับ แนวต้าน แค่นั้นครับnut776 เขียน:ปัญหา คือ มุมมองกับ style แต่ละคัน หรือเปล่าคับGenPhy เขียน:
คำถามคือ ถ้าผมซื้อหุ้นที่เป็น economic cycle (ซึ่งไม่สามารถจะถือยาวเป็น 10 ปีเหมือนธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืนได้) ที่ราคาเหมาะสม มี margin of safety สูง เมื่อเทียบกับราคาที่คำนวณได้มาแล้ว และราคาขึ้นมาใกล้เคียง หรือเกินกว่า target ที่คำนวณได้
การที่ผมจะถือไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจราคาว่าเกินพื้นฐานมาเยอะหรือไม่ เช่นเดียวกับการซื้อธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืน และขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน คือธุรกิจเป็นเริ่มเป็นขาลงเท่านั้น (คือคำนวณ target ในตอนซื้อเพื่อหาตัวที่มี margin of safety ทีต้องการเท่านั้น ไม่นำมาใช้ในการขาย) จะเหมาะสมกว่าการใช้ราคาเป้าหมายประกอบในการขายหรือไม่ และมีวิธีอื่นที่จะป้องกันการขายหมูได้ดีกว่านี้หรือไม่ครับ
เช่น ดังตัวอย่าง เหมือนมันบอกกรอบเวลาไม่ได้ ว่า return เท่าไหร่ ในเวลาขนาดไหน หรือบางที เห็นตัวเงินเยอะ แต่ cagr อาจจะต่ำ
ตรงนี้ น่าจะเป็น mind set ที่ทำให้เซียนต่างจาก คนธรรมดาป่าวคับ
คนธรรมดา มัวเสียใจ เพราะขายหมู และ ดีใจกับ ตัวเลขโดยลืม cagr
แต่เซียน กลับมองหาโอกาส และทำตามกลยุทธ อาจจะเสียดายบ้าง
แต่ก็เลือก มอง ผลตอบแทนรวมที่เป็นภาพใหของพอร์ทก่อน
มองโลกในแง่ดี ไม่มีใครขาดทุนเพราะขายหมู
ถ้าเราเลือกทำ เพราะ right for right reason
ผมว่า หุ้นจะถือยาวได้ คือ ต้องเป็น super stock
หมายถึง super stock ใครจะมีเกณฑ์คิดยังไงก็แล้วแต่
หาให้เจอก่อน ตลาดจะรู้ หรือได้ premium เกินไป
ถึงน่าจะถือยาวนะคับ แต่ข้อเสียก็คือ มัน forcast return หลายๆปียาก
แต่ จขกท บอกว่า เป็น economic cyclical ผมก็ไม่แน่ใจว่าถือยาวมันจะดี
คุ้มกับคำว่า เสียดายที่ขายหมู หรือเปล่า อะคับ
ปล ขอบคุณคุณ picatos มากคับ
รบกวนสอบถามหน่อยคับ
ว่า ความรู้ technical ต้องเชิงลึกแค่ไหนคับ
แล้วถ้าให้เทียบกับ ทางพื้นฐาน โดยใช้คุณ picatos เป็นเกณฑ์
เช่น ความสามารถทางพื้นฐานคุณ picatos สูงสัก 100แต้ม
ความสามารถทางเทคนิคที่ใช้ประกอบควรจะซักกี่แต้มดีคับ
ผมจะได้รู้ว่าต้องรู้ technical ลึกประมาณไหนคร่าวๆ
ขอบคุณคับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 13
มาคิดได้ว่าพิมพ์ผิด จริงๆ ต้องเป็นแนวรับนะครับ บางทีผมชอบสลับกับระหว่างแนวต้านกับแนวรับ ผมชอบไปคิดว่า ช่วยๆ กันต้านตอนหุ้นลง กับ รับทรัพย์ตอนหุ้นขึ้น เลยสลับกันอยู่เรื่อยๆ 555picatos เขียน:...
นอกจากนี้ หากมีการหลุดระดับของแนวต้านหลักๆ ก็จะให้น้ำหนักกับ technical analysis มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อป้องกันเงินต้น
...
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 14
มาอ่านอาจารย์ตี่ คุ้มค่าจริง ๆ
ลงทุนอย่ากังวลว่าจะขายหมูครับ ตราบใดที่ซื้อหุ้นตัวใหม่แล้ว upside ดีกว่า ด้วยความเสี่ยงที่เหมาะสม
ถ้าตลาดบ้าคลั่งหรือฟุบ ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเราเดาตลาดไม่ได้ครับ เราดูได้แต่มูลค่ากิจการเท่านั้นเอง
ลงทุนอย่ากังวลว่าจะขายหมูครับ ตราบใดที่ซื้อหุ้นตัวใหม่แล้ว upside ดีกว่า ด้วยความเสี่ยงที่เหมาะสม
ถ้าตลาดบ้าคลั่งหรือฟุบ ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเราเดาตลาดไม่ได้ครับ เราดูได้แต่มูลค่ากิจการเท่านั้นเอง
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 15
ถ้าราคาวิ่งตามพื้นฐานที่คำนวณไว้ต่อปีเรื่อยๆก็ไม่มีวันขาย และ target ก็ขยันขึ้นตามพื้นฐานกิจการเรื่อยๆอะครับ .. ถ้าราคาวิ่งเกิน ผมจะเอากลับมาเทียบกับตัวอื่นในตลาดที่สนใจ หรือในกลุ่มเดียวกัน เผื่อดูว่าเห็นตัวอื่นที่มี upside มากกว่ามั้ย ถ้าไม่มีก็ถือต่อครับ ...
พยายามใช้หลักอิงกับตัวแปรหรืออิงกลุ่ม ไม่ได้อิงกับค่าคงที่หรืออิงเกณฑ์ จึงบอกไม่ได้ว่าราคาเป้าหมายอยู่ที่เท่าไหร่ และจะต้องขายเมื่อไหร่ ตราบใดที่ราคาแปรผันตามกับตัวแปรที่เรากำหนดครับ
พยายามใช้หลักอิงกับตัวแปรหรืออิงกลุ่ม ไม่ได้อิงกับค่าคงที่หรืออิงเกณฑ์ จึงบอกไม่ได้ว่าราคาเป้าหมายอยู่ที่เท่าไหร่ และจะต้องขายเมื่อไหร่ ตราบใดที่ราคาแปรผันตามกับตัวแปรที่เรากำหนดครับ
Invincible MOS is knowing what you're doing
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณมากๆคับpicatos เขียน:ถ้า fundamental มี 100 แต้ม ผมใช้ technical อยู่ 5 แต้มครับ แค่เอาไว้ดู แนวโน้ม ดูแนวรับ แนวต้าน แค่นั้นครับnut776 เขียน:ปัญหา คือ มุมมองกับ style แต่ละคัน หรือเปล่าคับGenPhy เขียน:
คำถามคือ ถ้าผมซื้อหุ้นที่เป็น economic cycle (ซึ่งไม่สามารถจะถือยาวเป็น 10 ปีเหมือนธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืนได้) ที่ราคาเหมาะสม มี margin of safety สูง เมื่อเทียบกับราคาที่คำนวณได้มาแล้ว และราคาขึ้นมาใกล้เคียง หรือเกินกว่า target ที่คำนวณได้
การที่ผมจะถือไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจราคาว่าเกินพื้นฐานมาเยอะหรือไม่ เช่นเดียวกับการซื้อธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตแบบยั่งยืน และขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน คือธุรกิจเป็นเริ่มเป็นขาลงเท่านั้น (คือคำนวณ target ในตอนซื้อเพื่อหาตัวที่มี margin of safety ทีต้องการเท่านั้น ไม่นำมาใช้ในการขาย) จะเหมาะสมกว่าการใช้ราคาเป้าหมายประกอบในการขายหรือไม่ และมีวิธีอื่นที่จะป้องกันการขายหมูได้ดีกว่านี้หรือไม่ครับ
เช่น ดังตัวอย่าง เหมือนมันบอกกรอบเวลาไม่ได้ ว่า return เท่าไหร่ ในเวลาขนาดไหน หรือบางที เห็นตัวเงินเยอะ แต่ cagr อาจจะต่ำ
ตรงนี้ น่าจะเป็น mind set ที่ทำให้เซียนต่างจาก คนธรรมดาป่าวคับ
คนธรรมดา มัวเสียใจ เพราะขายหมู และ ดีใจกับ ตัวเลขโดยลืม cagr
แต่เซียน กลับมองหาโอกาส และทำตามกลยุทธ อาจจะเสียดายบ้าง
แต่ก็เลือก มอง ผลตอบแทนรวมที่เป็นภาพใหของพอร์ทก่อน
มองโลกในแง่ดี ไม่มีใครขาดทุนเพราะขายหมู
ถ้าเราเลือกทำ เพราะ right for right reason
ผมว่า หุ้นจะถือยาวได้ คือ ต้องเป็น super stock
หมายถึง super stock ใครจะมีเกณฑ์คิดยังไงก็แล้วแต่
หาให้เจอก่อน ตลาดจะรู้ หรือได้ premium เกินไป
ถึงน่าจะถือยาวนะคับ แต่ข้อเสียก็คือ มัน forcast return หลายๆปียาก
แต่ จขกท บอกว่า เป็น economic cyclical ผมก็ไม่แน่ใจว่าถือยาวมันจะดี
คุ้มกับคำว่า เสียดายที่ขายหมู หรือเปล่า อะคับ
ปล ขอบคุณคุณ picatos มากคับ
รบกวนสอบถามหน่อยคับ
ว่า ความรู้ technical ต้องเชิงลึกแค่ไหนคับ
แล้วถ้าให้เทียบกับ ทางพื้นฐาน โดยใช้คุณ picatos เป็นเกณฑ์
เช่น ความสามารถทางพื้นฐานคุณ picatos สูงสัก 100แต้ม
ความสามารถทางเทคนิคที่ใช้ประกอบควรจะซักกี่แต้มดีคับ
ผมจะได้รู้ว่าต้องรู้ technical ลึกประมาณไหนคร่าวๆ
ขอบคุณคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 535
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 17
งงตรงนี้นิดนึงรบกวนคุณ picatos ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมครับ^^โดยผมจะขายหุ้นในส่วนนี้จะมี 2 กรณี คือ 1 ปัจจัยพื้ฐานไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจแล้ว 2 อัตราผลตอบแทนในระยะยาว เมื่อพิจารณาถึง growth ที่จะทำได้ ไม่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้จากตราสารหนี้
เรียนรู้และเข้าใจ คุณค่าที่แท้จริงของสรรพสิ่ง...
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 18
เวลาทำ dcf แทนที่เราจะใส่ cost of capital เข้าไปเพื่อหา ราคาที่เหมาะสม แต่ถ้าเราทำกลับข้าง เราใส่ราคาหุ้นในปัจจุบัน เพื่อ solve กลับมาหา cost of capital ค่าที่ได้นั้นคือ อัตราผลตอบแทนคาดหวังในระยะยาวmonsoon เขียน:งงตรงนี้นิดนึงรบกวนคุณ picatos ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมครับ^^โดยผมจะขายหุ้นในส่วนนี้จะมี 2 กรณี คือ 1 ปัจจัยพื้ฐานไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจแล้ว 2 อัตราผลตอบแทนในระยะยาว เมื่อพิจารณาถึง growth ที่จะทำได้ ไม่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้จากตราสารหนี้
เอาค่านี้มาเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนกับตราสารหนี้หนึ่งๆ ที่คุณใช้เป็น benchmark อาจจะใช้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี บวก ค่าสักค่า เป็นต้น
ถ้าอัตราผลตอบแทนจากการลงมุนระยะยาวในหุ้นยังสูงกว่า และพื้นฐานกิจการยังดีอยู่ก็ถือไปเรื่อยๆ อะไรประมาณนั้นครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 535
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณมากครับ ชัดเจน^^picatos เขียน:เวลาทำ dcf แทนที่เราจะใส่ cost of capital เข้าไปเพื่อหา ราคาที่เหมาะสม แต่ถ้าเราทำกลับข้าง เราใส่ราคาหุ้นในปัจจุบัน เพื่อ solve กลับมาหา cost of capital ค่าที่ได้นั้นคือ อัตราผลตอบแทนคาดหวังในระยะยาวmonsoon เขียน:งงตรงนี้นิดนึงรบกวนคุณ picatos ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมครับ^^โดยผมจะขายหุ้นในส่วนนี้จะมี 2 กรณี คือ 1 ปัจจัยพื้ฐานไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจแล้ว 2 อัตราผลตอบแทนในระยะยาว เมื่อพิจารณาถึง growth ที่จะทำได้ ไม่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้จากตราสารหนี้
เอาค่านี้มาเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนกับตราสารหนี้หนึ่งๆ ที่คุณใช้เป็น benchmark อาจจะใช้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี บวก ค่าสักค่า เป็นต้น
ถ้าอัตราผลตอบแทนจากการลงมุนระยะยาวในหุ้นยังสูงกว่า และพื้นฐานกิจการยังดีอยู่ก็ถือไปเรื่อยๆ อะไรประมาณนั้นครับ
เรียนรู้และเข้าใจ คุณค่าที่แท้จริงของสรรพสิ่ง...
- dino
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1281
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ถ้าขายที่ Target แล้วจะขายหมู หรือไม่?
โพสต์ที่ 20
อิอิ แนวต้านแนวรับอะไรไม่รู้จักครับ
ไม่ค่อยได้ขายอะครับ หมูเลยมีอยู่เต็มเล้าอะครับ อิอิ
ไม่ค่อยได้ขายอะครับ หมูเลยมีอยู่เต็มเล้าอะครับ อิอิ
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์