อาทิตย์ พ.ย. 04, 2012 10:26 pm | 0 คอมเมนต์
ขอเอาบทความของน้องที่เล่นเวทด้วยกันมาแชร์นะครับ
'How Bad do you want it?'
ถ้าพูดถึงวงการนายแบบและแฟชั่นสมัยนี้ จะได้รับอิทธิพลจากสื่อเป็นอย่างมาก เราจะเห็นแฟชั่นแนวเกาหลีหุ่นผอมสูง แต่งตัวเนี๊ยบจัดจ้าน จัดทรงผมเท่ห์ๆ และเครื่องสำอางค์ตกแต่งบนใบหน้า บางครั้งดูเปราะบางและไม่สามารถถ่ายทอดความแข็งแรงในแบบชายแท้ได้อย่างเต็มที่
แต่ในขณะเดียวกัน เราจะเริ่มเห็นกระแสแฟชั่นที่กำลังค่อยๆกลับมาเติบโตอีกครั้งคือ นายแบบที่มีหุ่นและทรงที่เห็นมัดกล้ามเนื้อชัดเจน หน้าอก หัวไหล่และท่อนแขนมีกล้ามเนื้อเป็นมัด แม้จะสวมเสื้อผ้าคลุมไว้ก็ตาม แลดูมีความแข็งแรงและความสง่างามที่สามารถถ่ายทอดความเป็น 'ผู้ชาย' ได้อย่างดี
ไม่จำเป็นต้องเป็นถึงระดับนายแบบ แต่เป็นบุคคลทั่วไปทุกระดับก็สามารถดูแลตัวเองและถ่ายทอดความแข็งแรงของความเป็นบุรุษเพศได้ โดยวิธีการนั้นที่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมยกให้เป็นที่หนึ่ง อยู่ที่ขั้นตอนในการ 'จัดการระบบความคิด'
เราจำเป็นต้องทำการจัดการความคิดและมีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนว่า เรามีความต้องการที่จะทำอะไร? เป้าหมายคืออะไร? และ เราจะไปถึงเป้าหมายของเราได้อย่างไร? สำคัญที่สุดคือ 'เราอยากได้มันมากแค่ไหน?' เราจำเป็นต้องถามตัวเองด้วยคำถามนี้เพื่อพิสูจน์ความต้องการของเรา ว่าสิ่งที่เราตัดสินใจทำ ไม่ใช่แค่ทำวันสองวันแล้วเลิก แต่เป็นสิ่งที่เราอยากได้จริงๆ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงและมีเรื่องราวชีวิตอันน่าเหลือเชื่อแต่ละคน ก็ไม่ได้ถามคำถามอื่นแก่ตัวเองเลยนอกจากคำว่า 'เราอยากได้มันมากแค่ไหน?' ผมขออณุญาติยกตัวอย่างโดยใช้เรื่องราวของผมเองเป็นเครื่องมือในการอธิบายและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เพื่อพิสูจน์แนวความคิดที่ผมยึดถือมาโดยตลอด
สมัยก่อนผมเป็นเด็กวัยรุ่นที่อ้วนมาก สุขภาพไม่ค่อยดี เดินขึ้นบันไดสองชั้นก็เหนื่อย ทานแต่อะไรที่ไม่มีประโยชน์ ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย ไม่กล้าไปพบปะใคร ไม่กล้าแต่งตัว ไม่กล้าแสดงความเห็นหรือแม้แต่ไม่กล้าที่จะคิด แต่หลังจากได้จุดประกายบางอย่างขึ้นมา โดยวันหนึ่งได้เดินผ่านกระจกที่บ้านแล้วคิดขึ้นมาว่า นี่ใช่เราจริงๆหรือ? นี่คือสิ่งที่เราเป็น? สิ่งที่คนอื่นเห็น? สิ่งที่เราต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิตหรือ?
ผมตัดสินใจอย่างแน่วแน่โดยมีแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติว่า ผมต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแล้ว ผมเริ่มศึกษาจากในเว็บไซต์ต่างๆเพื่อเพิ่มข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการมีสุขภาพดี เบื้องต้นก็ตัดสินใจลดน้ำหนักลงมาก่อนเพราะแฟชั่นสมัยที่ผมเรียนมัธยมนั้นคือต้องผอมสูงถึงจะดูดี ในระยะเวลาประมาณ 10-12 เดือน ผมมีความมุ่งมั่นมากลดน้ำหนักจาก 85kg (30-40% Bodyfat, คืออ้วนมากๆ) ลงมาเหลือ 49kg! ผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูกโดยวิธีการทานแต่ผัก ไม่ทานเนื้อ วิ่งวันละหนึ่งชั่วโมงทุกวัน บางครั้งก็มากกว่า มีการอดอาหารด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไร จนมาจุดหนึ่ง ผมได้เดินผ่านกระจกบานเดิมอีกครั้ง โดยเกิดคำถามเดิมขึ้นมาอีกว่า 'นี่ใช่เราจริงๆหรือ?'
ผมได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งในชีวิตโดยการเพิ่มกล้ามเนื้อ ในระยะเวลาประมาณ 2 ปี ผมลองผิดลองถูกอยู่ในยิม ลองอ่านบทความในเว็บไซต์แล้วมาลองทำตามดู (ตลอดชีวิตผมไม่เคยมีเทรนเนอร์เลย) จนเริ่มเห็นผล เห็นพัฒนาการของตัวเองมาโดยตลอด ใส่เสื้อผ้าก็ดูสง่า ดูมีความแข็งแรง ไม่อ่อนปวกเปียก ดูมีสุขภาพดีหรือที่ภาษาบ้านเราเรียกว่าดูสง่า มีราศีจับ จากบุคคลที่ผอมแห้งน้ำหนัก 49kg ผมกลายเป็นคนที่ดูมีกล้ามเนื้อมีน้ำมีนวลในน้ำหนักระหว่าง 80kg
มันทำให้สิ่งที่ผมเคยไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าที่จะแต่งตัว ไม่กล้าพบใคร ไม่กล้าออกความเห็น ไม่กล้าคุยทักทาย หายไปหมด แววตาที่มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นบวกกับหุ่นทำให้ดูเป็นคนน่าเกรงขาม ไม่วอกแวก นี่คือสิ่งที่ผมได้หลังจากการเริ่มหันมา 'จัดการระบบความคิด' เราต้องรู้ตัวเราว่าเราบกพร่องทางไหนและควรจะพัฒนาด้านใดต่อไป
ผมกลายเป็นคนเสพติดการพัฒนา! ไม่มีคำว่าพอใจสำหรับผม คือต้องก้าวขึ้นไปอีกอย่างไม่หยุด
จนมาถึงจุดที่เรียกว่าผมค่อนข้างมีความรู้ที่แน่นพอสมควร จึงได้ตัดสินใจที่จะลองประกวดเพาะกายรุ่นเยาวชนในรายการ Siam Classic 2012
ความมุ่งมั่น ความแน่วแน่ที่อยากจะประกวด ความตั้งใจคือความสำคัญที่สุด วิธีการที่จะได้มาซึ่งเป้าหมายแต่ละคนเป็นอะไรที่แล้วแต่บุคคลมากๆ บางคนใช้ระยะเวลาในการเตรียมประกวด 4 เดือน ในขณะที่บางคนใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือน อยู่ที่ว่าเรารู้จักตัวเองมากเท่าไร เรารู้ความต้องการสูงสุดของเรา เรารู้ว่าร่างกายของเราทำงานอย่างไร และร่างกายของเราชอบหรือไม่ชอบสิ่งที่เราทำหรือไม่ เรื่องโภชนาการ เรื่องการฝึกซ้อม เรื่องการพักผ่อน นั้นผมยังไม่ขอพูดถึงเนื่องจากว่า ผมยังไม่เห็นความสำคัญเท่ากับการ 'จัดการระบบความคิด' เบื้องต้นก่อน คุณต้องมีความต้องการที่จะได้สิ่งนั้นก่อน คุณถึงจะรู้ว่า หนทางที่ต้องเดิน ควรจะเดินไปทางไหน
มีศัพท์ภาษาอังกฤษคำหนึ่งซึ่งผมจะติดไว้ที่ผนังห้องเพื่อถามตัวเองทุกเช้าที่ตื่นมา
'How Bad do you want it?'
ถ้าแปลเป็นไทยคือคำถามที่ผมถามตัวเองทุกวัน 'เราอยากได้มันมากแค่ไหน?' มากขนาดที่จะยอมเสียสละเวลาที่จะหาความรู้ ทดลอง ทดสอบกับตัวเอง ยอมเหนื่อย ยอมเจ็บปวด ยอมทรมาน มากแค่ไหน บางคนมีข้ออ้างว่าไม่มีเวลา หรือข้อจำกัดอื่นๆ แต่เชื่อเถอะครับว่า ถ้าสิ่งที่เราต้องการ มันเป็นสิ่งที่เราอยากได้มาก ไม่ว่าจะไม่มีเวลาแค่ไหน อะไรจะมาขวางเราแค่ไหน เราก็สามารถจัดการบริหารเวลาและบริหารตัวเองให้บรรลุเป้าหมายได้
ผมก็ไม่ใช่นายแบบหรือนักกีฬาอาชีพ หรือดาราคนดังคนใด ที่จะสามารถเนรมิตสิ่งที่ต้องการได้ภายในพริบตา ผมก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นอายุ 21 ปี บ้านๆธรรมดาๆ แต่เพราะผมอยากได้มันมากกว่าใคร ผมถึงได้มายืนอยู่ในจุดนี้ได้ในทุกวันนี้ คำว่าอุปสรรค จึงไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับผมเลย และผมเชื่อว่า ใครๆก็สามารถทำได้เช่นกันครับ
วันนี้ลองถามตัวเองกันดูหรือยังว่า
'How Bad do you want it?'
เรื่องทั้งหมดโดย "คุณชิน (ชินวุฒิ วันเพ็ญ)"
1st Runner Up Junior Division 2012 Siam Classics Bodybuilding Competition